Luangpor Paisal Visalo's Podcast (หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

Follow Luangpor Paisal Visalo's Podcast (หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)
Share on
Copy link to clipboard

เสียงบรรยายธรรมของหลวงพ่อไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ (จัดทำโดยลูกศิษย์)

watpasukato


    • Aug 10, 2025 LATEST EPISODE
    • daily NEW EPISODES
    • 28m AVG DURATION
    • 1,149 EPISODES


    Search for episodes from Luangpor Paisal Visalo's Podcast (หลวงพ่อไพศาล วิสาโล) with a specific topic:

    Latest episodes from Luangpor Paisal Visalo's Podcast (หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

    25680722pm--ฝึกใจโดยเอากายเป็นครู

    Play Episode Listen Later Aug 10, 2025 27:55


    22 ก.ค. 68 - ฝึกใจโดยเอากายเป็นครู : ใครที่ปฏิบัติด้วยความอยาก อยากให้มีสติไว ๆ อยากให้รู้ทันความคิดเร็ว ๆ จะยิ่งมีสติช้า เท่านั้นไม่พอ มีความเครียดด้วย หลายคนทำแล้วเครียด ไม่ใช่เพราะวิธีการผิด แต่เพราะวางใจผิด คือทำด้วยความอยาก อยากเอาชนะความหลง อยากมีสติ อยากได้ความสงบ ความอยากพวกนี้ ล้วนแต่เป็นอุปสรรคทั้งนั้น จะทำให้ได้ดีต้องทำแบบไม่มีความอยาก ทำเล่น ๆ เหมือนกับเวลาเราเล่นหมากฮอส เราเล่นหมากรุก เราเล่นไพ่ ถ้าเราไม่ได้อยากชนะ บางทีเราเล่นได้ดีแล้วก็เพลินด้วย ดังนั้นการปฏิบัติ หลักก็คือ อย่าทำด้วยความอยาก ทำเล่น ๆ อย่าเพิ่งเอาคุณภาพ เอาปริมาณไว้ก่อน   ทำใหม่ ๆ เอาปริมาณไว้ก่อน เอาปริมาณคือว่า ทำเยอะ ๆ ไว้ก่อน ถ้าเอาคุณภาพจะท้อ เพราะว่ามันหลงแทบจะทั้งวันเลย ทำไปหนึ่งพันครั้ง รู้สึกตัวแค่ครั้งสองครั้ง ถ้าเอาคุณภาพจะท้อมากเลย แต่ถ้าเอาปริมาณ มันไม่ท้อ มันก็ทำไปเรื่อย ๆ อันนี้เป็นหลัก เป็นเคล็ดลับในการปฏิบัติสำหรับผู้ใหม่ คือทำเล่น ๆ ทำโดยไม่อยาก วางความคาดหวังลง ไม่เอาคุณภาพ แต่เอาปริมาณไว้ก่อน 

    25680719pm--ใจเป็นมิตรเพราะชีวิตมีธรรม

    Play Episode Listen Later Aug 9, 2025 30:28


    19 ก.ค. 68 - ใจเป็นมิตรเพราะชีวิตมีธรรม : คนที่เข้าใจเรื่องธรรมะนี้ เขาจะแม้จะรู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย แต่ก็ดูแล แล้วก็ดูแลอย่างถูกต้อง คือไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่กระเทือนถึงใจ แม้ทรัพย์จะหาย แม้ร่างกายจะป่วย ทั้ง ๆ ที่ดูแลดีแล้ว แต่มันก็ป่วยแต่กาย เสียแต่ทรัพย์ แต่ใจไม่ป่วย ใจไม่เสีย นี่แหละธรรมะ สำคัญตรงนี้แหละ ทำให้เราสามารถจะรักตัวเองได้อย่างแท้จริง คือนอกจากไม่ไปหาเรื่องใส่ตัวแล้ว เวลาเจออะไรมากระทบก็ไม่ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้ตัวเอง หรือแม้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่มโน ไม่ปรุงแต่ง จนกระทั่งเกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ​ ทั้งหมดนี้สรุปง่าย ๆ คือว่า ธรรมะทำให้เรามีใจเป็นมิตร มีจิตเป็นเพื่อน อย่างแท้จริง และแม้จะไม่มีใครเหลือเลย ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทรงคุณค่ามาก คือการมีมิตรอยู่ในเรือนใจ 

    25680718pm--ถูกต้องดีกว่าถูกใจ

    Play Episode Listen Later Aug 8, 2025 31:07


    18 ก.ค. 68 - ถูกต้องดีกว่าถูกใจ : ต้องรู้จักทำใจเวลาเจอความไม่ถูกต้อง อย่างน้อยก็รักษาใจเอาไว้ อย่าให้ความถูกต้องของคนอื่นกลายเป็นความไม่ถูกใจในตัวเรา หรือทำให้เราพาลทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องออกไป ในนามของการสร้างความถูกต้องให้เกิดขึ้น มันเป็นบทเรียนสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะสำหรับนักกีฬา แต่เป็นบทเรียนสำคัญของการดำเนินชีวิตในโลก เพราะว่ามันเป็นธรรมดา มันเป็นความจริงที่หนีไม่พ้น เพราะฉะนั้นเรื่องความถูกใจกับความถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใฝ่ธรรมหรือผู้ใฝ่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ต้องเข้าใจแล้วปฏิบัติให้ถูก การยึดในความถูกต้องเป็นสิ่งดี แต่บางทีมันก็ไม่ง่าย เพราะใจมันจะไหลไปทางสิ่งที่ถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง แต่แม้เราจะดูแลใจเราให้ดีแล้ว ใช้ชีวิตในทางที่ถูกต้อง ก็ต้องระวัง อย่าไปยึดมั่นในความถูกต้องมาก เพราะถ้าเรายึดมั่นในความถูกต้องมาก พอเจอความไม่ถูกต้องมัน มันจะกลายเป็นความไม่ถูกใจขึ้นมาทันที แล้วทำให้ใจเราเผลอ เกิดอาการที่ไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดพฤติกรรมทั้งการกระทำและคำพูดทีไม่ถูกต้องตามมาด้วย และบางทีมันไม่ถูกต้องยิ่งกว่าสิ่งที่เราเห็นจากคนอื่นได้ซ้ำ 

    25680717pm--ปราการสองชั้นรักษาใจ

    Play Episode Listen Later Aug 7, 2025 30:26


    17 ก.ค. 68 - ปราการสองชั้นรักษาใจ : เราต้องพยายามสร้างปราการชั้นที่สองให้เกิดขึ้น แล้วต่อไปก็พัฒนาไปสู่การสร้างปราการชั้นแรก หมายความว่า พอเจออะไรมากระทบ แต่ใจไม่กระเทือนแล้ว แต่ก่อนใจกระเทือน หมายถึงมีอารมณ์ มีความหวั่นไหว แต่ความหวั่นไหวทำอะไรจิตใจไม่ได้ แต่ตอนหลังเจออะไรมากระทบ แต่ก็ไม่โกรธ ไม่เกิดความยินดียินร้าย จิตใจสงบนิ่งอยู่ได้ แม้ว่ายังมีเสียงดัง แม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ชอบ การกระทำคำพูดที่ไม่ถูกใจ พฤติกรรมการกระทำของคนบางคนก็ไม่น่ารัก เห็นแก่ตัว สิ่งเหล่านี้มันมีอยู่เสมอ ห้ามไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือรักษาใจไม่ให้เป็นทุกข์ เพราะว่ามีปัญญา จนกระทั่งไม่มีความทุกข์ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความเกลียดเกิดขึ้น หรือถึงปัญญายังอ่อนอยู่ มีความโกรธ มีความเกลียด แต่ความโกรธ ความเกลียดก็ทำอะไรไม่ได้ ยังมีความทุกข์อยู่ แต่ความทุกข์ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรจิตใจไม่ได้เพราะเห็นมัน เพราะมีปราการด่านที่สอง ก็พยายามสร้างเอาไว้นะ เจริญสติกันให้มากๆ มีสติ มีความรู้สึกตัว แล้วมันจะช่วยรักษาใจได้ 

    25680716pm--จากจริยธรรมสู่สัจธรรม

    Play Episode Listen Later Aug 6, 2025 30:16


    16 ก.ค. 68 - จากจริยธรรมสู่สัจธรรม : การที่เราจะเห็นสัจธรรมความจริงนี่ มันก็เห็นได้จากการเห็นธรรมชาติของใจว่ามันไม่ใช่เรา แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเผลอ เราขาดสติ ก็ไปยึดความคิด ความหงุดหงิด อารมณ์กลับมาเป็นเรา เราโกรธ เราหงุดหงิด เราเศร้า เราเครียด เราดีใจ เราเสียใจ มันมีเราเป็นเจ้าของอารมณ์ต่างๆ แต่เมื่อเราเจริญสติถึงจุดหนึ่ง มันจะเห็นความคิดและอารมณ์นี้ไม่ใช่เรา มันแค่เกิดขึ้นในใจ อาศัยใจเป็นที่เกิด ตอนนี้แหละที่เราจะรู้แล้วว่า ความคิดไม่ใช่เรา อารมณ์ไม่ใช่เรา ต่อไปก็จะเห็นความปวดความเมื่อยไม่ใช่เรา แต่ก่อนปวดทีไร เมื่อยทีไร ก็กูปวดกูเมื่อย แต่ตอนหลังเห็นแล้วความปวดก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง ความปวดไม่ใช่เรา ความเมื่อยไม่ใช่เรา แล้วสุดท้ายก็จะเห็นความทุกข์นี่ก็อันหนึ่ง ความทุกข์ไม่ใช่เรา ความทุกข์เกิดขึ้นกับกาย ความทุกข์เกิดขึ้นกับใจ แต่มันก็เป็นทุกข์กาย ถ้าเห็นแค่เป็นความทุกข์กาย ไม่ยึดว่าเป็นเรา ไม่ยึดว่าเป็นเราทุกข์ ใจมันก็ไม่ทุกข์ ส่วนใหญ่ทุกข์กายแล้วใจมันทุกข์ด้วย เพราะไม่ได้มองว่ากายมันทุกข์ แต่มองว่ากูทุกข์ กูปวด กูเมื่อย ใจก็เลยทุกข์ไปด้วย   ตรงนี้แหละที่มันทำให้เราเขยิบเข้าใกล้สัจธรรม เห็นความจริงเห็นสัจธรรมว่าไม่ใช่เรา ตอนหลังก็จะเห็นว่าแม้กระทั่งรูปก็ไม่ใช่ เราร่างกายนี้ก็ไม่ใช่เรา แต่ก่อนนี่มันเป็นดุ้นเป็นก้อน แต่ตอนหลังก็เห็นว่ารูปไม่ใช่เรา เวลาเดินจงกรมไม่ใช่เราเดิน แต่มันเป็นรูปที่เดิน เวลานั่งไม่ใช่เรานั่ง แต่มันเป็นรูปที่นั่ง แต่ก่อนรูปทำอะไร กายทำอะไร ก็ไปเหมาว่ากูทำๆ หมด กูนั่ง กูเดิน กูโกรธ กูคิด แต่ตอนหลังนี่ไม่ใช่แล้ว มันเห็นว่าเป็นรูปที่นั่ง เป็นนามที่คิด   อันนี้แหละที่หลวงพ่อคำเขียนท่านใช้คำว่าถลุง แต่ก่อนก้อนแร่มันเป็นก้อน แต่พอถลุงมันก็แยกออกมาเป็นดีบุกบ้าง เป็นทังสเตนบ้าง แต่ก่อนเราเห็นตัวเราเป็นก้อนๆ เรียกว่ากู แต่พอปฏิบัติไปๆ มันเห็นเป็นรูปเป็นนาม คือแยกก้อนนี้ออกมาเป็นรูปและนาม ที่เขาเรียกแยกรูปแยกนาม จริงๆ แล้วคือว่าแยกเป็นรูป แยกเป็นนาม หรือว่าเห็นเป็นรูป เห็นเป็นนาม มันไม่มีตัวกูแล้ว   แต่ก่อนเห็นเป็นก้อนๆ ก้อนนี้คือกู แต่พอปฏิบัติธรรมเจริญสติไป มันเห็นความจริงแล้วว่าไม่มีตัวกู มันมีแต่รูปกับนาม ก้อนที่เรียกว่ากูนี่ มันแยกออกมาเป็นรูปกับนาม นี่ที่หลวงพ่อคำเขียนท่านใช้คำว่าถลุง ถลุงนี่ใช้กับก้อนแร่ ถลุงให้มันแยกออกมาเป็นแร่ชนิดต่างๆ แต่ก้อนที่เรียกว่ากูนี่ มันแยกออกมาได้แค่ 2 คือรูปกับนาม ตรงนี้แหละที่เราเริ่มเห็นสัจธรรมแล้ว เห็นสัจธรรมความจริงว่ามันไม่มีกู มันมีแต่รูปกับนาม มีแต่กายกับใจ ก่อนหน้านั้นก็เห็นว่ามันไม่มีกูที่เดิน มันมีแต่รูปที่เดิน มันไม่ใช่กูที่ปวด ไม่ใช่กูที่โกรธ แต่เป็นความโกรธ ความปวดที่เกิดขึ้นกับใจ เกิดขึ้นกับกาย   พยายามปฏิบัติให้เห็นตรงนี้แหละ จากจริยธรรม ฝึกจิต มันก็จะพัฒนาไปสู่การเห็นสัจธรรมความจริงของกายและใจ และถ้าทำไม่ถึงตรงนี้ ได้แต่ความสงบ มันยังไม่พอ มันต้องเกิดความสว่าง คือเห็นความจริงของกายและใจ ว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่มีกูเป็นเจ้าของรูป ไม่มีกูเป็นเจ้าของนาม เพราะมันไม่มีกูตั้งแต่ต้นแล้ว ฉะนั้นการเจริญสติ เป็นการเชื่อมระหว่างจริยธรรมกับสัจธรรม แต่ถ้าหากว่าทำไปไม่ถึงสัจธรรม ก็แสดงว่ายังทำได้ไม่ครบถ้วน ก็ต้องทำต่อไป 

    25680715pm--ทุกข์พาไปพบธรรม

    Play Episode Listen Later Aug 5, 2025 29:58


    15 ก.ค. 68 - ทุกข์พาไปพบธรรม : ความทุกข์มีประโยชน์ สามารถที่จะทำให้เกิดศรัทธาได้ โดยเฉพาะเวลาเจอทุกข์ที่เงินทอง ชื่อเสียง อะไรต่ออะไรแก้ไขไม่ได้ บรรเทาไม่ได้ แต่ทำให้คนเกิดศรัทธาในพระธรรม เพราะว่าเป็นทางรอดทางเดียวแน่นอน ทุกข์สำหรับบางคนมันพาให้เข้าหาอบายได้ คนที่มีความทุกข์เศร้าโศกก็ไปหาเหล้า ไปหายาเสพติด แต่ว่าทุกข์ก็สามารถทำให้เกิดศรัทธาได้ โดยเฉพาะเมื่อพบว่าหนทางทางโลกไม่สามารถจะบรรเทาทุกข์ได้เลย มันมีแต่จะซ้ำเติมให้หนักขึ้น ถึงตอนนั้นแหละก็จะพบว่าธรรมะช่วยได้ เกิดศรัทธาขึ้นมา แล้วพอได้สัมผัสกับธรรมก็จะเกิดปราโมทย์ ปราโมทย์คือความเบิกบานใจ นำไปสู่ปิติ อิ่มเอิบใจ นำไปสู่ปัสสัทธิ ความผ่อนคลายกายและใจ และเกิดสุขขึ้นมา ทุกข์สามารถผ่านไปให้เกิดสุขได้ผ่านศรัทธา ปราโมทย์ ปิติ ปัสสัทธิ ดังนั้นจะว่าไปทุกข์ก็เป็นของดี แต่ทั้งหมดนี้มันต้องเริ่มต้นจากศรัทธาในธรรม แล้วทุกข์สามารถจะพาให้เราเข้าหาธรรมได้ หรือว่าจะพาให้เราได้เจอธรรม ธรรมที่ว่านี้คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งจะช่วยทำให้ออกจากทุกข์ได้อย่างรวดเร็วเวลาเราเจอทุกข์ มันสามารถจะเป็นของดีที่เกิดขึ้นกับเราได้ ถ้าเรารู้จักมอง หรือใช้ให้เป็น 

    25680714pm--มองเหตุผิด ชีวิตย่ำแย่

    Play Episode Listen Later Aug 4, 2025 30:03


    14 ก.ค. 68 - มองเหตุผิด ชีวิตย่ำแย่ : คนเราถ้าหากว่ามองไม่เห็นเหตุแห่งทุกข์ว่าแท้จริงมันอยู่ที่ใจ มันก็จะโทษคนโน้นคนนี้ แม้กระทั่งโกหกหาเหตุ ขนาดเป็นพระนะ แล้วก็ผู้ที่ถูกฟ้องก็คือพระสารีบุตร เป็นถึงขนาดนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าไม่รู้ทันกิเลสในใจตัว เรื่องนี้สำคัญมาก การที่เราสามารถจะหาเหตุแห่งทุกข์ที่แท้ได้ มันอยู่ที่ใจเรา ไม่ใช่อยู่ที่ภายนอก ทุกข์กายก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าทุกข์ใจ เหตุแห่งทุกข์มันอยู่ที่ใจเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมีความทุกข์เมื่อเกิดเสียงดัง เมื่อมีใครมาพูดวิจารณ์ หรือเมื่อมีใครไม่ทักไม่ทาย หรือเมื่อมีคนมองหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม ทั้งหมดนี้ไม่ทำให้เราทุกข์ได้เลย ถ้าใจเราเป็นอีกแบบหนึ่ง ก็คือว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่สนใจ ไม่คาดหวัง แต่เพราะไม่เห็นตรงนี้ ไม่รู้เท่าทันกิเลส มันก็เลยเกิดความทุกข์ขึ้นมา เกิดความทุกข์แล้วยังไปโทษสิ่งนอกตัวอีก การที่เรารู้ว่าเหตุแห่งทุกข์อยู่ที่ใจเรานี้ มันสำคัญ เพราะนอกจากทำให้เราแก้ทุกข์ได้ถูกต้องแล้ว ต่อไปเวลาเจอทุกข์ที่มันไม่ได้มีคนอื่นมาเกี่ยวข้องเลย ไม่มีเสียงดังมากระทบ ไม่มีใครมามองหน้า ไม่มีใครมาพูดจาเยาะเย้ย แต่มันเกิดความทุกข์ เพราะร่างกายเกิดแก่ชรา เกิดเจ็บ เกิดป่วย หรือกำลังจะตาย คนที่เขารู้ว่าเหตุแห่งทุกข์อยู่ที่ใจ เขาจะอยู่กับความแก่ ความเจ็บ ความป่วย ความตายได้ โดยที่ไม่ทุกข์   แต่คนที่ไปมองว่าทุกข์มันอยู่นอกตัว ถึงเวลาที่ไม่รู้จะไปโทษใคร เพราะว่าความแก่ ความเจ็บ ความป่วย มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ มันไม่ต้องมีใครมาทำให้เราแก่ มาทำให้เราป่วยก็ได้ ถ้าไม่รู้ตรงนี้ มันก็จะไม่มีทางที่จะยกจิตให้เหนือทุกข์ได้เลย เพราะไม่คิดที่จะแก้ทุกข์ที่ใจตั้งแต่แรก แต่ถ้ามาฝึกแก้ทุกข์ที่ใจตั้งแต่แรก ต่อไปเวลาเจอทุกข์ เพราะเป็นธรรมดาของสังขาร ความแก่ ความเจ็บ ความป่วย รวมทั้งความพลัดพราก จนกระทั่งความตาย ใจก็ยังเป็นปกติอยู่ได้​ เพราะฉะนั้นเรื่องการเข้าใจเหตุแห่งทุกข์ หรือ สมุทัย นี้สำคัญมาก แล้วกรณีของรติกา มันชี้ให้เห็นเลยว่า ถ้าหากว่ามองเหตุแห่งทุกข์ผิดพลาด ชีวิตนี้ก็ย่ำแย่ แล้วก็กวาดเอาชีวิตของคนอื่นตามไปด้วย 

    25680712pm--มาวัดเพื่ออะไร

    Play Episode Listen Later Aug 3, 2025 31:57


    12 ก.ค. 68 - มาวัดเพื่ออะไร : แต่ถ้าเกิดว่าเรามาฝึกฝนตน มาฝึกสติ มาฝึกทำความรู้สึกตัว รวมทั้งมาสร้างปัญญาให้เกิดความเข้าใจ ในธรรมชาติของสรรพสิ่ง ในสัจธรรมของโลก เวลาเจออนิฏฐารมณ์แบบนี้ เราสามารถที่จะวางใจให้เป็นกลางได้ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่บ่นไม่โวยวาย หรือรักษาใจให้ปกติ ไม่ผลักไส รวมทั้งรู้จักปล่อยวางได้ หากว่ามันเป็นเรื่องราวในอดีตก็ปล่อยมันไป หากว่ามันยังไม่เกิดขึ้นก็ไม่เอามาคิดคำนึง อันนี้คือการสร้างความสงบให้เกิดขึ้นที่ใจ ไม่ใช่มารอหาความสงบ ซึ่งอาจจะไม่พบก็ได้ เพราะถึงแม้สถานที่สงบแต่ใจว้าวุ่น อย่างไรมันก็ไม่สงบอยู่นั่นเอง แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักสร้างความสงบด้วยการฝึกจิตอย่างที่ว่ามา แม้สิ่งแวดล้อมภายนอกจะวุ่นวาย แม้จะมีสิ่งไม่ถูกใจเกิดขึ้น ใจก็สงบได้ และนี่เป็นผลของการมาฝึกฝนตน การมาวัดเพื่อฝึกฝนตน ดีกว่าการมาวัดเพื่อหาความสงบเยอะเลย ให้เราเข้าใจตรงนี้ แล้วถ้าเราเข้าใจตรงนี้ ไม่ว่าเราเจออะไร ไม่ว่าในวัดหรือนอกวัด เป็นอารมณ์แบบไหน ก็กลายเป็นของดีทั้งนั้นในการฝึกตน ให้เรามีความชำนิชำนาญในการรับมือกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ อะไรเกิดขึ้นรอบตัว การกระทำคำพูดของใคร ก็ไม่ทำให้ใจหวั่นไหวหรือกระเพื่อมขึ้นมาได้ เพราะว่าเรามีสติ เรามีความรู้สึกตัว ในการที่จะช่วยทำให้จรรโลงใจ ประคองใจให้มีความสงบได้ 

    25680711pm--ทำไมควรอธิฐานเข้าพรรษา

    Play Episode Listen Later Aug 2, 2025 30:03


    11 ก.ค. 68 - ทำไมควรอธิฐานเข้าพรรษา : คือมันเป็นโอกาสนะเข้าพรรษา ถ้าหากว่าเราอยู่กันในวัดมันก็ยิ่งง่ายเพราะว่าใคร ๆ เขาก็ทำ มีสิ่งแวดล้อมเป็นเครื่องอำนวย สิ่งแวดล้อมนี่ไม่ใช่หมายถึงวัด ไม่ใช่หมายถึงสถานที่สงบอย่างเดียว แต่หมายถึงผู้คนที่เขาก็ทำเหมือนเรา มันก็ช่วยน้อมใจเราให้ทำสิ่งที่ตั้งใจหรืออธิษฐานเอาไว้ได้ แต่ถ้าใครที่ไม่ได้อยู่วัด ต้องกลับไปบ้าน ถ้าอธิษฐานอะไรไว้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จ ก็ต้องมีหมู่คณะช่วยเตือน ช่วยให้กำลังใจ อย่างที่บอกเมื่อเช้า ก็ประกาศให้เพื่อนรู้ว่า พรรษานี้ ฉันอธิษฐานอย่างนี้ จะงดกาแฟ จะงดใช้โทรศัพท์ หรือว่าจะจำกัดการใช้โทรศัพท์ จะออกกำลังกายทุกวัน วันละ 10 นาที จะนั่งสมาธิ เจริญสติ วันละ 20 นาทีก็ว่าไป ไม่ต้องเยอะ แล้วไม่ต้องมาก เพราะมากแล้วมันทำได้แค่ 2-3 วันแรก หลังจากนั้นก็แผ่ว สู้ตั้งไว้ไม่สูงแต่ทำได้ทุกวัน แต่ถ้ามันง่ายไปก็ทำให้มันยากขึ้นหน่อย เพราะไม่งั้นความเพียรหรือกำลังใจที่เข้มแข็งมันก็จะไม่เกิดขึ้น   อันนี้คือความหมายของการอธิษฐาน ซึ่งมันไม่ควรจะหมายถึงแค่อธิษฐานพรรษา คือการอยู่จำพรรษาที่วัดครบ 3 เดือน แต่รวมถึงอธิษฐานที่จะทำบางสิ่งบางบางอย่างในพรรษาด้วย ไม่ว่าเราจะอยู่วัดหรือว่าอยู่บ้านก็ตาม โอกาสดี ๆ แบบนี้มันมาแค่ปีละครั้ง แล้วครั้งนึงก็ไม่นาน เป็นโอกาสที่จะช่วยให้ความใฝ่ธรรมมีกำลังเหนือกิเลส เพราะว่าคนเราบางทีก็ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อม ต้องอาศัยเวลาในการช่วยกระตุ้นความเพียร หรือให้กำลังแก่ใจที่ใฝ่ธรรมด้วย   ฉะนั้นก็ขอให้เราเข้าใจว่าทำไมการอธิษฐานพรรษาจึงจำเป็น แล้วทำไมเราควรจะนำเอาการอธิษฐานนี้ไปใช้กับชีวิตของเราในพรรษาที่มาถึงแล้ว 

    25680710pm--บุญกับธรรมนำชีวิตให้พ้นทุกข์

    Play Episode Listen Later Aug 1, 2025 41:46


    10 ก.ค. 68 - บุญกับธรรมนำชีวิตให้พ้นทุกข์ : แล้วต่อไป เราต้องพร้อมที่จะออกไปหาหรือเข้าหาสิ่งที่ไม่ถูกใจ เราจะเสพแต่สิ่งที่ถูกใจ จะเจอแต่คนที่ถูกใจเราไม่พอ เราต้องออกไปเจอกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ อย่ารอให้มันมาหาเรา บางทีเราต้องเข้าไปหามัน ไปเจอความยากลำบาก ไปเจอคนที่น่าระอา การกระทำคำพูดของเขาไม่ถูกใจเรา แทนที่จะหนี แทนที่จะหลบ ก็ต้องเดินเข้าหา เพื่อจะได้ศึกษาและฝึกฝนจากการกระทบที่เกิดขึ้น เวลามีความหงุดหงิด ความโมโห เราจะรู้ทันมันได้อย่างไร เราจะทำอย่างไรไม่ให้มันครองใจ จะอยู่แต่ในที่สบาย ต้องไปในที่ไม่สบายด้วย เจอแดดร้อนเจอฝนตก เพราะว่าชีวิตเราจะเจอแต่สิ่งที่ถูกใจเป็นไปได้ยาก เราต้องเจอกับสิ่งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ และพอเราอายุมากขึ้นๆ เราจะเจอความไม่ถูกใจบ่อยมาก เพราะเราพบกับความแก่ชรา พบกับความเจ็บป่วย คนที่แก่ชรา คนที่เจ็บป่วย สิ่งที่ไม่ถูกใจมันมากกว่าสิ่งที่ถูกใจ ไม่เหมือนตอนหนุ่มตอนสาว เราจะมีกำลังวังชาในการแสวงหาสิ่งที่ถูกใจ หาสิ่งที่เอร็ดอร่อย หาความสุข มีแรงหนีสิ่งที่ไม่ถูกใจไปหาสิ่งที่ถูกใจ   แต่พอแก่ตัว มันจะเจอกับสิ่งที่ไม่ถูกใจเยอะกว่าสิ่งที่ถูกใจ เพราะว่าความไม่ถูกใจมันอยู่กับเนื้อกับตัวเลย ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง มีทุกขเวทนา เคล็ดขัดยอก นอนไม่หลับ กินก็ลำบาก อย่ารอให้แก่ก่อนแล้วค่อยทุกข์ เพราะถึงตอนนั้นทำบุญอย่างไรก็ไม่หายทุกข์หรอก เพราะมันแก่เสียแล้ว เพราะมันป่วยเสียแล้ว แต่ถ้าเรามีธรรมะ เราจะรับมือกับมันได้ อยู่กับความแก่อย่างไรใจไม่ทุกข์ อยู่กับความเจ็บป่วยอย่างไรใจไม่ทุกข์   แล้วจะอยู่ได้อย่างไร ก็เพราะฝึกจากการที่ได้เข้าไปเจอกับความยากลำบาก เจอสิ่งที่ไม่ถูกใจ ใหม่ๆ อาจจะเป็นความไม่ถูกใจล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องกาย แต่ต่อไปก็ลองไปเจอกับสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์กายด้วย แล้วเราก็จะได้เรียนรู้ว่า จะรักษาใจอย่างไร จะทำใจอย่างไรจึงจะไม่ทุกข์  

    25680709pm--รู้ธรรมต้องนำไปปฎิบัติด้วย

    Play Episode Listen Later Jul 31, 2025 31:31


    9 ก.ค. 68 - รู้ธรรมต้องนำไปปฎิบัติด้วย : สิ่งที่ชาวพุทธเราควรจะใส่ใจก็คือการปฏิบัติให้มาก เอาความรู้ที่มี ความรู้ทางธรรม ไม่ว่าจะเป็นไตรลักษณ์ อริยสัจ 4 ปฏิจจสมุปบาท มาปฏิบัติกับชีวิตประจำวันของตัว มาฝึกหัดขัดเกลาให้มีสติ ให้มีความรู้สึกตัว พร้อมที่จะเจอกับการกระทบ ใครมากระทบจิตก็ไม่กระเทือน เพราะว่าเอาธรรมะที่รู้มาปฏิบัติ การศึกษาธรรมนี่พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับการจับงูนะ หลายคนไม่รู้ นึกว่าอสรพิษหมายถึงเงินอย่างเดียว ที่จริงการศึกษาธรรมหรือธรรมะก็เปรียบเหมือนอสรพิษด้วย ศึกษาธรรมนี่เหมือนกับการจับงู ถ้าจับผิดก็โดนงูกัด ศึกษาธรรมถ้าศึกษาผิดก็เกิดโทษ เช่น ศึกษาธรรมเพื่อลาภสักการะ เพื่อไปอวดคน เพื่อจะได้ข่มคน หรือเพื่อที่จะไปอวดใครต่อใคร เหมือนกับไปจับงู ก็โดนงูกัด เพราะจับงูผิด 

    25680708pm--ทุกข์เป็นก็ไม่เป็นทุกข์

    Play Episode Listen Later Jul 30, 2025 28:46


    8 ก.ค. 68 - ทุกข์เป็นก็ไม่เป็นทุกข์ : ทุกข์เป็น ถ้าอยากทุกข์เป็นก็ต้องรู้จักฝึก ฝึกจากทุกข์นี่แหละ และเวลาอยากจะสุขก็เอาสุขนี้เป็นเครื่องฝึก เราเจอสุขบ่อย ๆ เราก็เอาสุขนี้มาเป็นเครื่องฝึกเพื่อให้สุขเป็น ถ้าไม่ฝึก สุขไม่เป็นเมื่อไหร่ มันก็จะทุกข์ไม่เป็นเมื่อนั้น มันเป็นสิ่งที่ฝึกได้​ เช่นเดียวกันมีให้เป็น ใหม่ ๆ ก็มีไม่เป็น คือมีแล้วยึด พอยึดแล้วมันก็เกิดทุกข์ขึ้นมา เพราะว่าเสีย พลัดพราก มันก็สอนให้เรามีให้เป็น เพราะถ้ามีไม่เป็นธรรมชาติจะลงโทษเรา ทุกข์อยู่เรื่อยไป เพราะว่ามีกับหมดเป็นของคู่กัน ได้กับเสียเป็นของคู่กัน ถ้าไม่ฝึกมีให้เป็นตั้งแต่วันนี้ ต่อไปก็จะเป็นทุกข์เพราะมีไม่เป็น​ ที่เรามาปฏิบัติธรรมก็เพื่อทำให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นเดิน เริ่มต้นจากการเดินให้เป็น กินเป็น อาบน้ำเป็น ต่อไปก็คิดเป็น ทำงานเป็น ต่อไปก็สุขเป็น ทุกข์เป็น แล้วก็มีเป็น เป็นอะไรก็เป็นให้ถูก เพราะรู้ว่าถ้าไปยึดมั่นในสิ่งที่เป็น มันก็เกิดภพ เกิดชาติ เกิดชรามรณะตามมา   สุดท้ายแล้วก็จะได้เข้าใจว่า ไม่เป็นอะไรกับอะไร มันหมายความว่าอย่างไร​ ไม่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของกับอะไรเลย ไม่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับสิ่งใดเลย แล้วก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เพราะรู้ว่าที่เป็นมันสมมุติ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เป็นคน เป็นนาย ก. เป็นผู้ชาย เป็นคนเก่ง เป็นพระ พวกนี้สมมุติทั้งนั้น เป็นโดยไม่เป็น ตรงนี้แหละที่มันเรียกว่าอยู่เหนือภพชาติ แล้วก็อยู่เหนือชรา มรณะ แล้วก็อยู่เหนือทุกข์โทมนัส เพราะฉะนั้นก็ฝึกเอาไว้ เรามาฝึกใหม่ตั้งแต่สิ่งพื้นฐาน คือเดิน ยืน นั่ง นอน กิน จนกระทั่งมาเป็นสุขหรือทุกข์ เราก็เป็น สุขเป็น ทุกข์เป็น มีเป็น 

    25680707pm--ดูแลใจอย่าให้ตัวกูครอบงำ

    Play Episode Listen Later Jul 29, 2025 28:55


    7 ก.ค. 68 - ดูแลใจอย่าให้ตัวกูครอบงำ : คนเรานี้ทำได้เพื่อชื่อเสียงเพื่อความดัง ทีแรกไปคิดว่าความดันเป็นของกู ชื่อเสียงเป็นของกู ใครมาทำให้ชื่อเสียงด่างพลอยไม่ได้ ใครมาวิจารณ์กูไม่ได้ ต้องโกรธ แต่ตอนหลังเรากลายเป็นของมัน ยอมตายเพื่อมันได้ ถ้าไม่ตายเพื่อมัน ก็ฆ่าคนอื่นตายเพื่อมัน ทำเพื่อให้ได้เป็นซัมบอดี้ นี่ก็เป็นตัวอย่างที่สุดโต่ง แต่ว่าคนทั่วไปถ้าไม่ระวัง มันก็จะเป็นทุกข์ได้ถ้ายอมให้ตัวกูนี้มันครองใจหรือมันผยอง เถลิงอำนาจในใจเรา จะหมดทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อรื้อบ้านทั้งหลัง ถอนความยึดมั่นในตัวกู อย่างที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเป็นปฐมภาษิต ไม่มีตัวกูเกิดมาก่อกวนจิตใจ แต่ถ้ายังทำไม่ได้อย่างน้อยก็รู้ทันมัน ไม่ปล่อยให้มันครองใจ   ยังรื้อบ้านไม่ได้อย่างน้อยก็พยายามมุ่งบังให้บ้านแน่นหนา ก็หมายความว่ารักษาใจให้หนักแน่น มีสติมีปัญญาเป็นเครื่องรักษาใจไม่ให้กิเลสหรือความยึด มั่นสำคัญหมายว่าตัวกูนี้มาครอบงำใจ ยังมีอยู่แต่ว่ามันไม่สามารถจะครอบงำใจได้ ก็ช่วยทำให้ทุกข์น้อยลง เวลาใครมาต่อว่าด่าทอก็ไม่คับแค้นเสียใจมาก เวลาสูญเสียเงินทองไป ก็ไม่กลัดกลุ้มกังวล เพราะไม่ได้สำคัญมั่นหมายว่าเป็นของกู ปล่อยวางมันได้   อันนี้เพราะมีสติ แล้วก็เพราะมีปัญญา ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเอง มันต้องฝึก ต้องสร้างขึ้นมา ให้เราตระหนักเอาไว้ว่า ตราบใดที่เรายังไม่มีปัญญารื้อบ้านทั้งหลังออกมาได้ อย่างน้อยก็มุงบังบ้านให้มันดี ก็คือ ทำรักษาจิตให้มั่นคงหนักแน่นเอาไว้ ไม่ให้กิเลสอวิชชาเข้ามาครอบงำ หรือถึงครอบงำก็รู้ทัน แล้วก็ปล่อยวางหรือว่ายกจิตออกมาจากอำนาจของมันได้ 

    25680706pm--มีสัญชาตญาณออกจากความหลง

    Play Episode Listen Later Jul 28, 2025 27:51


    6 ก.ค. 68 - มีสัญชาตญาณออกจากความหลง : คนที่เป็นโรคซึมเศร้า โรคประสาท เขาหลงเป็นวันเลย หรือบางทีก็ถ้าคนธรรมดาก็อาจจะหลงเป็นชั่วโมง แต่ถ้าเราหลงแค่ 4 วินาที แล้วกลับมารู้สึกตัว อารมณ์ความคิดที่เป็นอกุศลจะทำร้ายเราได้น้อยมาก ฉะนั้นการที่คนเราจะหลงให้สั้นลงนี้ มันทำได้ มันไม่ใช่เป็นเรื่องของการวิวัฒนาการ แต่เป็นเรื่องของการฝึกฝน จริงอยู่เราไม่สามารถจะตื่นได้ทั้งวัน มันก็มีบางช่วงที่เราหลับ แต่ช่วงที่เราตื่นถ้าเราหลงน้อยลง หลงให้สั้นลง เราก็จะทุกข์น้อยลงด้วย   คนเราถ้าโกรธ โกรธไม่ถึง 4 วินาที แล้วกลับมารู้สึกตัว กลัวก็กลัวแค่ 4 วินาที แล้วกลับมารู้สึกตัว เราจะมีความสุขได้มากเลย จะไม่ให้หลงเลย ทำได้ยากปุถุชนอย่างเรา แต่เราสามารถจะทำให้ความหลงสั้นลงได้  

    25680705pm--ใช้ชีวิตเพื่อเตรียมจิตให้พร้อมตาย

    Play Episode Listen Later Jul 27, 2025 28:48


    5 ก.ค. 68 - ใช้ชีวิตเพื่อเตรียมจิตให้พร้อมตาย : ถ้าประสบการณ์ของเรา มันไม่ใช่เป็นแค่การหาเงินหาทอง ทำมาหากิน การหาความเพลิดเพลินสนุกสนาน แต่ประสบการณ์ส่วนหนึ่งของเรา เป็นประสบการณ์เพื่อการทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล รวมทั้งการฝึกจิตฝึกใจ มันก็จะช่วยตระเตรียม ให้เรามีความพร้อมในการรับมือกับความตายด้วยใจสงบได้ต้องถือว่าเราเกิดมาทั้งชีวิตนี่ ก็เพื่อการเตรียมพร้อม สำหรับการรับมือกับความตาย ในวาระสุดท้ายที่มาถึง บางคนเข้าใจว่า ชีวิตที่มีอยู่ มีไว้เพื่อความสนุกสนาน เพื่อการเสพสุข ใช้ชีวิตให้เต็มร้อย นั่นเป็นการคิดแบบประมาท ลองเปลี่ยนมาพิจารณาว่า ชีวิตที่่มีทั้งหมดของเรา ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว เป็นโอกาสในการ ตระเตรียมให้พร้อม สำหรับการจากโลกนี้ไปด้วยใจสงบ มันจะทำให้เราไม่ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แล้วเมื่อเวลามานั้นมาถึง เราก็จะพูดได้ว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมา มันคือสิ่งที่ตระเตรียมให้เรามีความพร้อม ในการรับมือกับความตายที่กำลังมาถึง 

    25680704pm--ยกจิตเหนือชอบเหนือชัง

    Play Episode Listen Later Jul 26, 2025 29:56


    4 ก.ค. 68 - ยกจิตเหนือชอบเหนือชัง : เราไม่สามารถจะบังคับทุกอย่างให้มันถูกใจเราได้ แต่เราสามารถที่จะยกจิตให้อยู่เหนือสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ เหนือในที่นี้หมายความว่า ไม่ยินดียินร้ายไปกับมัน อันนี้ก็เรียกว่า ถ้าเราเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามสภาวะที่เป็นจริง มันก็เท่ากับว่าเราได้เข้าสู่วิปัสสนาภูมิแล้ว หรือเราก็พยายามใช้การเจริญวิปัสสนา เพื่อมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ให้ฝึกแบบนี้บ้าง อย่าเอาแต่ความสงบ อย่าเลือกหาแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ถูกใจ ให้เรารู้ว่า จริง ๆ แล้ว เป็นเพราะการให้ค่าในทางบวก จึงมีความสุขเมื่อเจอสิ่งนั้น มันก็ไม่ต่างจากหมาที่แทะกระดูก หมามันเอร็ดอร่อยในการแทะกระดูกโดยที่ไม่รู้เลยว่า ที่จริงแล้วความเอร็ดอร่อยนี่ไม่ได้อยู่ที่กระดูกเลย มันอยู่ที่น้ำลายของมันมากกว่า น้ำลายของมันเองที่ทำให้เกิดความเมามัน เกิดความมันในการกัดกระดูก ไม่ใช่เพราะเนื้อกระดูก เพราะมันไม่มีเนื้อในกระดูกแล้ว แต่ที่อร่อยเพราะน้ำลายของมัน สิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นแล้วเกิดความสุข นี่ก็เพราะการปรุงแต่งให้ค่าในใจเรามากกว่า เพราะสิ่งนั้นที่เราเสพ ที่เรามี มันก็เป็นกลาง ๆ ของมันนั่นเอง 

    25680703pm--รื้อถอนความเจ็บปวดที่ฝังใจ

    Play Episode Listen Later Jul 25, 2025 30:11


    3 ก.ค. 68 - รื้อถอนความเจ็บปวดที่ฝังใจ : ตอนหลัง พอลล่านี้ก็กลับกลายเป็นคนใหม่ ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย เป็นคนไม่น่ารัก เกิดความเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมา เพราะว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มาในอดีต มันถูกลบล้างไปหมด อันนี้มันก็ชี้ให้เห็นว่า คนเรามีความสามารถในการลบภาพจำ หรือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาในอดีตได้ คนเรา ถ้าหากว่าไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ มันก็จมอยู่ในความทุกข์ ก็เหมือนกับหมาตัวนั้น มันระแวงคนอย่างไร ก็ระแวงอย่างนั้นมา ทั้งที่มันก็อยากอยู่ใกล้คน แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะว่ามีอะไรบางอย่างฉุดรั้งมันเอาไว้ สิ่งนั้นคือความทรงจำหรือภาพจำในอดีต แต่คนเราทำได้มากกว่านั้น เราเรียนรู้ แล้วเราไม่ได้เรียนรู้แต่ของเดิม เราเรียนรู้ของใหม่ และสิ่งที่เรารู้ใหม่ก็สามารถที่จะลบล้างหรือทับความรู้เดิมได้ ถ้าคนเราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เราก็แย่ การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ก็คือการเห็นความจริงใหม่ แล้วก็สามารถที่จะทับความรู้หรือความเข้าใจเดิม ๆ ได้ แต่ก่อนคิดว่าทุกอย่างเป็นตัวเป็นตน แต่ตอนหลังพบว่า จริง ๆ แล้ว มันไม่มีอะไรที่เป็นตัวเป็นตน ยึดถือว่าเป็นเราเป็นของเราได้เลย อันนี้เป็นการทับความรู้ หรือความเข้าใจเดิม ๆ จนกระทั่งสามารถเป็นอิสระได้ แต่คนเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเห็นถึงขนาดนั้นก็ได้ เพราะแม้ยังมีความเข้าใจเรื่องตัวเรื่องตนอย่างปุถุชนอยู่ แต่ว่าภาพจำในอดีตที่มันทำให้เจ็บปวด มันก็สามารถที่จะรื้อถอนได้ อยู่ที่ว่าเราจะรู้วิธีหรือเปล่า หรืออยู่ที่ว่าเราจะขวนขวายมากพอหรือเปล่า 

    25680624pm--ทุกข์หลุดเพราะหยุดปรุงแต่ง

    Play Episode Listen Later Jul 24, 2025 31:11


    24 มิ.ย. 68 - ทุกข์หลุดเพราะหยุดปรุงแต่ง : ถ้าเราเอาใจมาอยู่กับปัจจุบัน มีสติมีความรู้สึกตัว มันจะเห็นเลย เหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงมันอยู่ที่ข้างใน ไม่ใช่อยู่ที่ข้างนอก ไม่ใช่อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา เรียกรวม ๆ ว่า เป็นเพราะการปรุงแต่ง รวมไปถึงการให้ค่าการปรุงตัวกูขึ้นมาพอเรารู้ตรงนี้แล้ว การที่จะออกจากทุกข์มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก จิตมันสามารถหลุดจากทุกข์ได้ ถ้ามันหยุดปรุงแต่ง หยุดปรุงแต่ง แม้กระทั่งมีความโศกความเศร้าเกิดขึ้น แต่ถ้าไม่ไปยึดว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา มันก็ไม่ทุกข์ แต่เพราะไม่มีความรู้สึกตัว หรือเป็นเพราะว่าไม่ได้รู้ซื่อ ๆ รู้ว่ามี แต่ว่าไปให้ค่าว่าเป็นลบ มันก็เลยทุกข์ รู้ว่ามี แต่ไม่พอเท่านั้น ไปปรุงแต่งว่า ความโกรธเป็นเรา เป็นของเรา เป็นกู เป็นของกู ความปวดเป็นกู เป็นของกู ปรุงแต่งตัวกูขึ้นมา มันก็ทุกข์ ไม่ใช่แค่ทุกข์กายอย่างเดียว นี่เรียกว่าทุกข์มีเพราะว่าปรุงแต่ง   และแน่นอน ทุกข์มันก็หลุดได้ ถ้าหยุดปรุงแต่ง ต้องทำความเข้าใจเรื่องปรุงแต่งให้ดี ๆ แล้วเราจะเห็นชัดก็ต่อเมื่อเรามีสติ มีความรู้สึกตัว รู้กายเคลื่อนไหว รู้ใจคิดนึก มันก็จะเห็นการปรุงแต่งที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ ในชั้นที่ลึกลงไป ลึกลงไป เรื่อย ๆ แล้วก็จะรู้คำตอบ ว่าออกจากทุกข์ได้อย่างไร ก็คือหยุดปรุงแต่ง หยุดปรุงแต่งด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว ด้วยการรู้ซื่อ ๆ มันก็ทำให้หยุดปรุงแต่งได้ พอหยุดปรุงแต่ง ทุกข์ก็พลอยหลุดไปด้วย นี่คือสิ่งที่เราควรจะใคร่ครวญ ถ้าหากว่าเราฝึกพาจิตอยู่กับปัจจุบันอยู่เสมอ 

    25680623pm--ทุกข์เพราะไม่รู้จักอนิจจัง

    Play Episode Listen Later Jul 23, 2025 29:55


    23 มิ.ย. 68 - ทุกข์เพราะไม่รู้จักอนิจจัง : ความไม่เที่ยง อนิจจัง ซึ่งมันสอนเราอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น ถ้าเราหมั่นศึกษาตรงนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็จะเป็นการตอกย้ำ ให้เราระลึกถึงความไม่เที่ยง พอเราเอาความไม่เที่ยงขยายไปยังสิ่งต่าง ๆ นอกตัว มันก็ช่วยทำให้เราลดความยึดมั่นถือมั่นน้อยลง พอลดความยึดมั่นถือมั่นน้อยลง เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าอะไร ๆ ก็ไม่เที่ยง พอความไม่เที่ยงแสดงตัวออกมา มันก็ไม่ทุกข์ แต่ข้อสำคัญคือ ต้องรู้ชัดก่อนว่า ที่เราทุกข์ไม่ใช่เพราะความไม่เที่ยง แต่ทุกข์เพราะไม่รู้จักความไม่เที่ยง เพราะไม่เข้าใจเรื่องกฎอนิจจัง ถ้าเข้าใจแจ่มแจ้ง มันช่วยให้พ้นทุกข์ได้ คนโบราณจึงเรียกว่า พระอนิจจัง เหมือนกับที่เรียกนิพพานว่าพระนิพพาน เป็นของสูงทีเดียว เพราะช่วยทำให้คนพ้นจากทุกข์ได้   ไม่ใช่ว่าพ้นจากความสูญเสีย ความสูญเสียก็ยังมีอยู่ แต่ว่าสูญเสียไปแล้ว ใจก็ไม่ทุกข์ คนรักก็ยังตายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูงมิตรสหาย ลูกหลาน ก็ยังตาย แต่ว่าแม้ตาย ใจก็ไม่ทุกข์ เพราะว่าเตือนใจตัวเองไว้แล้วว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งนั้น หรือว่ายิ่งถ้าเกิดเห็นแจ้งกระจ่างชัดในกฎอนิจจัง มันไม่ต้องย้ำเตือนตัวเอง มันเห็นเอง แล้วก็สามารถที่จะอยู่กับโลกอนิจจังได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ 

    25680622pm--สิ่งธรรมดาพาใจให้พ้นทุกข์ได้

    Play Episode Listen Later Jul 22, 2025 25:10


    22 มิ.ย. 68 - สิ่งธรรมดาพาใจให้พ้นทุกข์ได้ : ในโลกมนุษย์นี่เองที่มันมีทั้งสุขและทุกข์ คนที่เพลินในสุขแล้ววันหนึ่งพบว่าสุขไม่เที่ยง แล้วเกิดความทุกข์ตามมา ตรงนี้ที่จะทำให้ได้เข้าใจว่า จริง ๆ แล้วสังขารทั้งปวง หรือความจริงทั้งหลาย ยึดติดถือมั่นไม่ได้ มีสุขแล้วก็มีทุกข์ และตัวทุกข์นั่นเองที่ทำให้ได้รู้ว่า เหตุแห่งทุกข์จริง ๆ เป็นเพราะความไปยึดติด เกิดจากความหลง คือไม่เข้าใจความจริงว่า สิ่งทั้งปวงนี้มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ ต้องเจอทุกข์ ถึงจะรู้จักทุกข์ แล้วก็ออกจากทุกข์ได้ อย่างอาจารย์กงมาท่านพูดเลยว่า จะพ้นทุกข์ได้ต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ ก็ไม่มีวันพ้นทุกข์ได้ เพราะว่าทุกข์เป็นวัตถุดิบอย่างดี ที่จะทำให้เกิดปัญญา จนสามารถจะยกจิตออกจากทุกข์ได้   ถ้าใครกลัวทุกข์ก็ไม่มีทางพ้นทุกข์ ถ้าแสวงหาแต่ความสุขก็จะไม่มีโอกาสที่จะพ้นทุกข์เลย เพราะถ้าตราบใดที่ไม่เจอทุกข์ มันก็ไม่สามารถจะเห็นทางออกจากทุกข์ได้ เพราะยังหลงติดอยู่ในอวิชชา​ เพราะฉะนั้นนิพพานกับวัฏสงสารจึงไม่แยกจากกัน การที่พาตัวเข้ามาอยู่ในวังวนแห่งสุขและทุกข์ตามธรรมดา ซึ่งเป็นธรรมดาของวัฏสงสารนี่เองที่มันจะเป็นวัตถุดิบอย่างดี ในการที่จะทำให้เห็นโทษของทุกข์ รวมทั้งเห็นเหตุแห่งทุกข์ จนพ้นทุกข์ได้ 

    25680621pm--เวลาผ่านไป อย่าให้ใจตกต่ำ

    Play Episode Listen Later Jul 21, 2025 30:41


    21 มิ.ย. 68 - เวลาผ่านไป อย่าให้ใจตกต่ำ : การที่เราเตือนใจตัวเองว่า อย่ามั่นใจในความคิดของตัว แล้วก็อย่ามั่นใจในตัวเอง มันช่วยทำให้เราระมัดระวังมากขึ้น​ อันนี้คือสิ่งที่ประสบการณ์ชีวิตมันจะสอนเรา ตอนที่เรายังอายุไม่มาก เราผ่านโลกมาน้อย เราก็ไม่มีประสบการณ์ ไม่เห็นความผันแปรของโลก แต่การที่เรามีอายุมากขึ้น มันก็มีข้อดี ทำให้เราได้เห็นความผันแปร ความไม่เที่ยงของโลก ของผู้คน ถ้าอายุมาถึงป่านนี้แล้ว มันไม่มีประสบการณ์แบบนี้ หรือไม่เห็นตรงนี้เลย ก็ถือว่าขาดโอกาส หรือว่าปล่อยให้ประสบการณ์ชีวิตผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ การที่มีอายุมาก อย่างน้อยก็ทำให้เรามีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ก็ทำให้เราต้องไม่ประมาท แต่ว่าหลายคนก็ปล่อยให้ประสบการณ์ชีวิตมันผ่านเลยไป เอาแต่บอกว่าฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนแก ฉันผ่านโลกมาก่อนแก แต่ไม่ได้บทเรียนจากประสบการณ์ชีวิตเลย ก็นับว่าน่าเสียดาย สิ่งที่ประสบการณ์ชีวิตมันจะสอนเราก็คือว่า ไม่มีอะไรที่เที่ยง อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้   แล้วขณะเดียวกันก็สอนเราว่า อย่ามั่นใจในความคิดของตัว แล้วก็อย่ามั่นใจในตัวเอง เพราะว่าเผลอเมื่อไหร่ก็พลาดท่าเสียทีเมื่อนั้น โดยเฉพาะในยุคนี้ ซึ่งมันมีสิ่งล่อเร้าเย้ายวนมาก ฉะนั้น การมีสติ ระมัดระวังเฝ้าดูตัวเอง แล้วก็ไม่ปล่อยให้ตกเป็นเหยื่อของกิเลส ซึ่งมักจะมีข้ออ้างที่สวยหรู หลอกล่อ บางทีมันก็บอกเราว่า อีกหน่อย อีกหน่อย อีกนิด ครั้งสุดท้ายแล้ว​ มันฉลาดกว่าเราเสมอ เราจบปริญญาเอก กิเลสก็จบปริญญาเอก เรารู้ธรรมะ กิเลสก็รู้ธรรมะ แต่มันรู้ธรรมะเพื่อที่จะมาหลอกเรา เราก็ต้องระมัดระวังด้วย สติก็สำคัญ แต่ถ้าให้ดีก็ต้องมีศีลมีวินัยช่วยกำกับไว้อีกทีหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็พลาดท่าเสียทีได้ง่าย ๆ 

    25680620pm--เห็นความจริงเหนือการปรุงแต่ง

    Play Episode Listen Later Jul 20, 2025 30:42


    20 มิ.ย. 68 - เห็นความจริงเหนือการปรุงแต่ง : ถ้าเราเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างที่มันเป็น ต่อไปก็จะเห็นธรรมชาติ หรือลักษณะของมัน ที่เรียกว่าไตรลักษณ์ หนีไม่พ้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งเป็นของดี ถ้าเราเห็นไตรลักษณ์ เพราะทำให้เรารู้ว่า สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่น่าจะยึดเลย การยึดว่าเป็นเราเป็นของเรานี่ มันก็เป็นการปรุงแต่งแบบหนึ่ง เพราะปรุงแล้ว มันมีการปรุงเป็นตัวกูขึ้นมา มีอารมณ์เกิดขึ้น ความดีใจ ความเสียใจ ความโกรธ พอไปยึด ไปสำคัญมั่นหมาย มันก็เกิดมีกูผู้ดีใจ กูผู้เสียใจ การปรุงแต่งตัวกูขึ้นมานี่ ก็เป็นที่มาของความทุกข์เลย เวลาปวดแทนที่จะเห็นความปวดก็ กูปวด กูปวด เวลามีคนมาต่อว่านินทา ก็ทุกข์ เพราะว่ากูถูกว่า กูถูกนินทา มีตัวกูเป็นผู้ทุกข์ แต่ถ้าคนเราไม่ปรุงแต่งตัวกูขึ้นมา ปวดก็เป็นเรื่องของกายไป ไม่มีกูผู้ปวดหรือไม่มีใจที่ปวด ใครจะต่อว่าด่าทอก็ ไม่รู้สึกทุกข์อะไร เพราะไม่มีกูผู้ถูกด่า ยิ่งถ้าเกิดเห็นความจริงว่า สิ่งทั้งปวงที่เห็นนี่มันเป็นสมมุติ การปรุงแต่งที่ละเอียดละออ ที่ประณีต ที่ลึกซึ้งมาก คือ การเห็นสิ่งต่าง ๆ โดยที่ไม่ร่วมเป็นสมมุติ ต้นไม้ คน ผู้หญิง ผู้ชาย เสื้อผ้า พวกนี้สมมุติทั้งนั้น เพราะว่าถ้ามองพ้นสมมุติ ก็จะเห็นว่ามันเป็นแค่ธาตุสัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขา นี่คือธรรมดาที่เราเห็น โดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องสมมุติ แต่พอเราเข้าถึงความจริงระดับปรมัตถ์ มันก็อยู่เหนือสมมุติ มันก็รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น มันเป็นการปรุงแต่งภายใต้การสมมุติขึ้นมา สมมุติว่าเป็นนั่นเป็นนี่ ซึ่งยากที่จะมองเห็น ถ้าหากว่าไม่เกิดปัญญาชนิดที่เข้าถึงความจริงระดับปรมัตถ์ แต่จะเข้าถึงความจริงระดับปรมัตถ์ได้ ก็ต้องมีสติ จนกระทั่งสามารถจะเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างที่มันเป็น ไม่ใช่ตามอำนาจของการสมมุติ 

    25680619pm--เผื่อใจกับความไม่เที่ยง

    Play Episode Listen Later Jul 19, 2025 27:27


    19 มิ.ย. 68 - เผื่อใจกับความไม่เที่ยง : ทีนี้เผื่อใจยังไม่พอนะ ก็ต้องคิดว่าถ้าเกิดมันไม่เป็นไปอย่างที่คิด เราพร้อมจะทำใจได้แค่ไหน ที่หวังว่าจะสำเร็จมันกลับล้มเหลว เผื่อใจมันก็ช่วยทำให้เราไม่ทุกข์มาก เมื่อมันผิดคาดผิดแผน แต่จะให้ดีก็ต้องฝึกเอาไว้ด้วย ฝึกใจไว้ว่าเมื่อมันไม่เป็นไปอย่างที่คิด เราจะอยู่กับความจริงที่เกิดขึ้นอย่างไร เราจะตีอกชกหัว หรือเราจะยอมรับ การฝึกใจแบบนี้มันต้องอาศัยการฝึกจิต การเจริญสติ การทำสมาธิ เพราะไม่อย่างนั้นพอไม่เป็นไปอย่างที่หวังก็จะเสียศูนย์ไปเลย แต่ถ้าเรารู้จักฝึกสติ เจริญสมาธิ เมื่อเจอความผิดหวัง หรือความไม่สมหวัง มันก็จะได้ไม่เสียศูนย์ ยังเป็นผู้เป็นคนอยู่ เพราะว่าตราบใดที่ยังมีลมหายใจ มันก็ยังมีโอกาส ที่จะทำให้สิ่งที่มุ่งหวัง มันเป็นจริงขึ้นมาได้ หรือถึงมันไม่เป็นจริง มันก็สอนใจเราว่า โลกมันเป็นอย่างนี้เอง   อาจารย์พุทธทาสท่านใช้คำว่า ตถตา เป็นเช่นนั้นเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา มันไม่ใช่เป็นความผิดของโลก แต่ถ้าเราทุกข์ มันก็เป็นความผิดของใจเรา ที่ไปยึดติดถือมั่นกับผลที่คาดหวัง ไปยึดติดถือมั่นกับความคาดหวัง ไม่ตระหนักชัดถึงความไม่เที่ยงของสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะความไม่เที่ยงของใจเรา ที่เรียกว่าอนิจจัง อนิจจังก็เป็นเช่นนั้นเอง ถ้าเราเข้าใจอนิจจังมันก็ไม่ไปยึดติดถือมั่น ทั้งกับความคิดกับความคาดหวัง เมื่อไม่ยึดติดถือมั่นกับผล หรือความไม่คาดหวังว่าผลจะต้องเป็นไปอย่างที่คิด พอมันเกิดขึ้นจริงๆ คือไม่เป็นไปอย่างที่คิด ใจก็ไม่ทุกข์   อันนี้คือสิ่งที่เราต้องฝึกเอาไว้ แค่เตือนใจอย่างเดียวไม่พอนะว่ามันไม่เที่ยง หรือแค่เผื่อใจว่าอะไรๆ อาจจะไม่เป็นไปอย่างที่คิด มันก็ดีอยู่ แต่มันไม่พอ ต้องฝึกใจเพื่อที่จะยอมรับกับความจริงที่ไม่ถูกใจเราได้ 

    25680618pm--เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นทั้งวัน

    Play Episode Listen Later Jul 18, 2025 28:47


    18 มิ.ย. 68 - เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นทั้งวัน : การที่เราฝึกใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของเรา เป็นบทเรียนที่ดี ถึงแม้อาจจะไม่เจอความสงบตลอด 7 วันที่มาปฏิบัติเลย แต่ว่าได้เรียนรู้ที่จะยอมรับหรือสร้างนิสัยใหม่ที่ยอมรับสิ่งที่ไม่ถูกใจได้ อันนี้เป็นบทเรียนล้ำค่ามาก เพราะความสงบที่เราได้จากการมาปฏิบัติที่วัด พอกลับไปบ้านหรือออกนอกวัด เข้าแก้งคร้อ ความสงบก็กระเจิงแล้วสำหรับหลายคน แต่นิสัยใหม่ที่ฟูมฟักขึ้นมา คือการรู้จักยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ภายในใจเรา มันจะเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก เพราะถ้าเราต่อยอด ฝึกให้เป็นนิสัย ยอมรับความจริงไม่ว่าที่เกิดขึ้นในใจหรือที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ก็จะทำให้เราพบความสงบในใจได้ไม่ยาก ไม่ใช่สงบเพราะว่าไม่มีความคิด แต่สงบเพราะว่าใจไม่มีอาการต่อต้านผลักไส ไม่มีความหงุดหงิดรำคาญต่อสิ่งที่เกิดขึ้น   การยอมรับทำให้ใจสงบได้ อาจจะดีกว่าการที่ไม่มีเสียงดังมากระทบหู หรือไม่มีความคิดเกิดขึ้นมา ในใจ เพราะฉะนั้นลองสังเกตดู ระหว่างที่เราปฏิบัติ ไม่ว่าจะพบกับสิ่งที่ต้องการหรือไม่ แต่ว่ามันมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับเราตลอดทั้งวันและทุกวันด้วย อยู่ที่เราจะรู้จักมอง รู้จักเก็บเกี่ยวหรือเปล่า 

    25680617pm--จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม

    Play Episode Listen Later Jul 17, 2025 30:29


    17 มิ.ย. 68 - จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม :  สติเป็นเหมือนตาในที่คอยสอดส่องดู ไม่ปล่อยให้มันล่วงล้ำเข้ามารบกวนจิตใจ พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับทวารบาลหรือทหารยามเฝ้าประตูเมือง ไม่ปล่อยให้ศัตรูเข้ามาก่อความปั่นป่วนในเมือง เพราะฉะนั้นถึงแม้เรายังไม่มีปัญญาชนิดที่ว่าอะไรมากระทบแล้วใจไม่กระเทือน ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโศก ไม่มีความเศร้า ปุถุชนอย่างเราก็ยังมีอารมณ์พวกนี้อยู่ แต่ก็ยังมีด่านสุดท้ายที่อารมณ์พวกนี้มาทำร้ายใจเราไม่ได้ คือมีสติเห็นมัน ฉะนั้นการที่เรามาฝึกใจให้เห็นความคิด อารมณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ โดยที่ไม่เข้าไปสู้รบตบมือกับมัน มันเป็นการศึกษา เป็นการพัฒนาจิตที่สำคัญ และถ้าเรามาพัฒนามาตรงจุดนี้ได้ ต่อไปการที่จะพัฒนาให้เกิดปัญญาจนกระทั่งเห็นความจริงของสิ่งทั้งปวง ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใด   เจออนิฏฐารมณ์ หรือเจอโลกธรรมฝ่ายลบ จิตก็ไม่หวั่นไหว ใจก็ไม่กระเพื่อม ยังคงเป็นปกติสุขอยู่ได้ สภาวะเช่นนี้ก็เกิดขึ้นได้ แต่ก่อนจะถึงตรงนั้นต้องมีสติที่ช่วยให้จิตปลอดภัยจากอารมณ์ต่าง ๆ แม้มันจะเกิดขึ้น เมื่อมีการกระทบแต่ว่าก็ทำร้ายจิตใจไม่ได้ 

    25680616pm--วิชาใหม่ที่เลื่อนขั้นจิตใจ

    Play Episode Listen Later Jul 16, 2025 28:19


    16 มิ.ย. 68 - วิชาใหม่ที่เลื่อนขั้นจิตใจ :  การเจริญสติแบบหลวงพ่อเทียน มันไม่ยาก ไม่เรียกร้องอะไรจากเรา ไม่ได้เรียกร้องว่าต้องไม่มีความคิด ไม่ได้เรียกร้องว่าให้เราต้องรู้ทันไว ๆ แต่หลายคนคุ้นกับการบังคับจิต ก็พยายามที่จะทำอย่างนั้นกับจิตใจตัวเอง ไม่ให้อนุญาตให้ใจมีความคิด ไม่อนุญาตให้ใจมีอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ผุดขึ้นมา เพราะเห็นว่ามีแล้วใจไม่สงบ ที่จริง สงบหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีความคิดเกิดขึ้นหรือเปล่า มันอยู่ที่ว่าไปทำอะไรกับความคิดนั้นหรือเปล่า ถ้าแค่ดูมัน เห็นมัน มันมาแล้วก็ดับไป มาแล้วก็ดับไป มันก็ไม่ว้าวุ่น​ และนี่คือวิชาที่เราควรจะมาเรียนรู้ มันเป็นการเลื่อนชั้นในการฝึกจิต จากเดิม ใช้วิธีการกดข่ม อดทนอดกลั้น บังคับเคี่ยวเข็ญ หักห้ามกำกับ พวกนี้ดี มีประโยชน์ แต่ว่ามันไม่พอ แล้วมันก็นำมาใช้รับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้ไม่ดีพอ   เราก็ต้องมาเรียนวิชา รู้ซื่อ ๆ เรารู้ เราเห็น ไม่เข้าไปเป็น รู้แล้วก็วาง รู้ด้วยใจที่เป็นกลาง อันนี้ไม่เหนื่อยเลย แต่ใหม่ ๆ หลายคนจะรู้สึกว่ามันยาก ที่ยากเพราะว่าไม่คุ้น ของง่ายถ้าไม่คุ้นก็เป็นเรื่องยากทั้งนั้น แต่พอทำจนคุ้นแล้วก็กลายเป็นเรื่องง่าย​ ก็ให้ลองเลื่อนชั้น ด้วยการฝึกวิธีที่เราไม่คุ้น แต่ว่าไม่ยาก นั่นคือการ รู้ซื่อ ๆ เห็นโดยไม่เข้าไปเป็น ไม่ผลักไสแล้วก็ไม่ไปไหลตามหรือกดข่มมัน 

    25680615pm--ทุกข์เพราะใจ

    Play Episode Listen Later Jul 15, 2025 29:24


    15 มิ.ย. 68 - ทุกข์เพราะใจ : ทุกวันนี้เราคิดแต่ว่าจะไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น จะไปเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม เพื่อเราจะได้มีความสุข ต้องการให้ทุกอย่างสมหวัง ทุกอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อเราจะได้มีความสุข แต่ไม่มีทางสำเร็จ จะให้คนชม ก็มีแค่ 99% ที่ชมเราแต่ก็ยังมีอีก 1% ที่ยังตำหนิเรา กินอาหาร เจอดินฟ้าอากาศ เดินทางไปไหนก็เจอรถติด เจอฝนตก กินอาหารก็เจอรสชาติที่ไม่ถูกใจ แต่ที่จริงแล้วเป็นที่ใจเราต่างหาก พอปรับแก้ที่ใจ ความไม่สมหวังที่เกิดขึ้นรอบตัวมันก็เปลี่ยนไป ใจอาจรู้สึกเฉย ๆ หรืออาจจะรู้สึกดีด้วยซ้ำ ดีที่มันมาสอนเรา มาเตือนให้เราปรับแก้ที่ใจเรา การปฏิบัติธรรมช่วยให้เราเห็นตัวเอง แล้วก็รู้ว่าเหตุแห่งทุกข์หรือเหตุแห่งความสุขที่แท้จริงโดยเฉพาะทุกข์ใจสุขใจอยู่ที่ใจเรา ถ้ามองไม่เห็นตรงนี้และไม่คิดจะแก้ไขตรงนี้ก็หาความสุขได้ยาก เพราะว่าเราก็ต้องเจอกับความผันผวนปรวนแปร เจอกับอนิฏฐารมณ์อยู่เสมอ   อนิฏฐารมณ์ก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่ไม่น่าพอใจ หรือที่จริงแล้วก็หมายถึงความเสื่อมลาภเสื่อมยศ หรือว่าคำนินทา จะให้ทุกอย่างถูกใจเรามันไม่มี แต่ว่าถ้าปรับแก้ที่ใจเรา สามารถจะยอมรับทุกอย่างได้ ถูกด่าว่าก็หัวเราะได้ เพราะไม่ถือ เพราะรู้ว่าเป็นเช่นนั้นเอง ใครเขาจะมองด้วยสายตาเขม่นก็ไม่ทุกข์ เพราะไม่คาดหวัง ฉะนั้นต้องหันมาปรับแก้ที่ใจเรา ไม่อย่างนั้นก็หาความสุขในชีวิตหรือจากโลกนี้ได้อย่างยากมาก 

    25680614pm--ฝึกใจรับมือความไม่สมหวัง

    Play Episode Listen Later Jul 14, 2025 33:28


    14 มิ.ย. 68 - ฝึกใจรับมือความไม่สมหวัง : จะว่าไปก็มีน้อยคนที่จะต้องเจอชะตากรรมเล่นแรงแบบนี้ แต่ว่ามันก็อยู่ในวิสัยที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกคน อาจจะไม่ใช่เครื่องบินตก แต่อาจจะเป็นรถชน รถเกิดประสานงากัน คนเรานี่ถ้าหากว่านอกจากการวางแผนชีวิตในทางที่มุ่งหมายให้เกิดความเจริญก้าวหน้า เผื่อใจไว้บ้างว่าถ้าเกิดมันไม่เป็นอย่างที่คิด ความตายมาเร็วกว่าที่คิดเราจะทำใจอย่างไร ในยามนั้นก็มีแต่ทำใจอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ถ้าเราทำใจได้ดีมันก็ไม่ทุกข์ทรมาน แต่ทำใจอย่างนี้ได้ก็ต้องฝึก ต้องฝึก ฝึกยอมรับความไม่สมหวังที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ยอมรับเวลารถติด ทำอย่างไรจิตไม่ตก เวลาเพื่อนผิดนัดทำอย่างไรจะไม่ฉุนเฉียว ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ฝนตก แดดออก ทำอย่างไรจะไม่บ่นไม่โวยวาย หรือว่าแมลงเยอะ ยุงกัด ยอมรับได้ แม้ว่าเราจะฉีดยาไล่ยุงแล้วมันก็ยังมากวน   ชีวิตเราต้องเจอกับสิ่งที่ไม่สมหวังอยู่เรื่อย ๆ แต่ถ้าเรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นบททดสอบเรา ทดสอบเพื่อให้เราเข้มแข็ง เพื่อให้เราว่องไวในการรับมือกับความไม่สมหวังที่รุนแรงในอนาคต ซึ่งบางครั้งก็หมายถึงความตายที่มาเร็ว สวนทางกับความมุ่งหวัง จะไปคาดหวังชีวิตใหม่ที่อังกฤษแต่ว่ามันกลับเป็นไปไม่ได้แล้ว หรือบางคนจะไปหาแม่ จะไปเยี่ยมแม่ ดีใจที่ได้พบแม่ แต่ระหว่างเดินทางประสบอุบัติเหตุ สิ่งที่คาดหวังเป็นไปไม่ได้แล้ว ถึงตอนนั้นก็ต้องทำใจอย่างเดียว   แล้วจะทำใจอย่างไรถ้าไม่ได้ฝึก โดยเฉพาะถ้าไม่รู้จักวางแผน มีแผนสำรองเอาไว้รับมือกับความไม่สมหวัง ก็จะประสบแต่ความทุกข์ ฉะนั้นแผนสำรองที่ว่านี่จำเป็นมากเลย แผนสำรองในการทำใจ นอกจากแผนสำรองในการทำให้บรรลุความสำเร็จแล้ว ก็ต้องมีแผนรองรับเวลาไม่สำเร็จ ไม่สมหวัง จะอยู่กับมันได้อย่างไรโดยใจไม่ทุกข์ 

    25680613pm--คนหลอกไม่ร้ายเท่ากิเลสหลอก

    Play Episode Listen Later Jul 13, 2025 28:41


    13 มิ.ย. 68 - คนหลอกไม่ร้ายเท่ากิเลสหลอก : อันนี้รวมไปถึงความซึมเศร้าด้วย ความซึมเศร้า ความท้อแท้ ความผิดหวัง ถ้าเราไม่รู้จักทักท้วงมันบ้าง ไม่รู้จักเท่าทันอุบายกิเลสของมัน มันก็จะครอบงำใจเรา แล้วพาเราดิ่งเลย ดิ่งลงเหวเลย หลายคนนี่พลาดท่าเสียทีไปกับอารมณ์เหล่านี้ จนกระทั่งทำร้ายตัวเอง มันสั่งให้ทำร้ายตัวเองก็ทำ อันนี้เพราะว่าไม่มีสติคอยทักท้วง เราก็เลยหลงเชื่ออารมณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย โลกภายนอกมันก็ล้วนแต่เต็มไปด้วยคนที่จะมาหลอกเรา เพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่นั่นก็ยังอาจจะไม่น่ากลัวเท่ากับโลกภายในที่มันมีอารมณ์ต่าง ๆ ที่พร้อมจะล่อหลอกเรา โน้มน้าวเรา โน้มน้าวจิตใจเราให้หลงให้เชื่อ ฉะนั้นถ้าเราไม่มีสติ ไม่รู้จักทักท้วงความคิดและอารมณ์เหล่านี้ เราก็แย่   แต่คนไม่ค่อยตระหนักถึงอุบายหรืออันตรายของอารมณ์พวกนี้ จึงหลงเชื่อมัน เรารู้แต่เพียงว่า เออ ข้างนอกมันมีคนที่จะหลอกเรา ล่อเรา หลอกเอาเงินจากเรา หลอกให้เราทำตาม แต่เราไม่ค่อยตระหนักว่าอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นในใจนี้ มันก็พร้อมที่จะล่อหลอกเรา แม้เราจะพยายามเมินมัน มันก็พยายามดึงดูดใจเราให้ไปหลงเชื่อมัน   ขนาดจะนอนก็ยังนอนไม่หลับ เพราะว่ามันมาล่อมาหลอกเรา ขนาดสวดมนต์มันก็ยังโผล่มา เพื่อล่อให้เราเชื่อ ล่อให้เราโกรธ ล่อให้เราโศก ล่อให้เราเศร้า ล่อให้เราซึม ล่อให้เราคับแค้น ท้อแท้ ชีวิตนี้ถ้าไม่มีสติก็เรียกว่าหาความอิสระได้ยาก ต้องตกเป็นเหยื่อของอารมณ์เหล่านี้อยู่เรื่อยไป จนกระทั่งชีวิตนี้ตกต่ำย่ำแย่ 

    25680612pm--รู้จักเหตุ รู้จักผล จึงฝึกตนได้

    Play Episode Listen Later Jul 12, 2025 29:57


    12 มิ.ย. 68 - รู้จักเหตุ รู้จักผล จึงฝึกตนได้ : รู้จักตนแล้วก็รู้จักประมาณ แค่ไหนถึงจะพอดี ทำมากไปก็ไม่ใช่ ทำน้อยไปก็ไม่ถูก รู้จักประมาณ รู้จักสถาน รู้จักกาล ก็คือรู้จักกาลเทศะ แล้วก็รู้จักบุคคล อันนี้ก็หมายถึงการเกี่ยวข้องกับผู้คน รู้ว่าเป็นคนแบบไหนที่เราเกี่ยวข้องด้วย พวกนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้ปัญญาในการจำแนกแยกแยะ นี่คือสิ่งที่จะประกอบเข้าเป็นคุณลักษณะของชาวพุทธ หรือว่าสัตบุรุษ ซึ่งต้องอาศัยปัญญา ทำตามประเพณี ทำตามรูปแบบอย่างเดียวไม่พอ หรือแม้แต่ใช้ศรัทธาความเลื่อมใสอย่างเดียวก็ไม่พอ ชาวพุทธเรา หรือว่านักปฏิบัติยังขาดตรงนี้มาก แค่สองข้อแรกคือรู้จักเหตุรู้จักผลก็บกพร่องย่อหย่อนกันเยอะ ต้องกลับมาทบทวน แล้วก็ใคร่ครวญให้ดี 

    25680611pm-เมินได้ใจก็สงบ

    Play Episode Listen Later Jul 11, 2025 27:26


    11 มิ.ย. 68 - เมินได้ใจก็สงบ : อารมณ์ก็เหมือนกัน ถ้าเราไปยุ่งกับมัน เราก็พลาดท่าเสียทีได้ รวมทั้งความคิดด้วย ลองสังเกตดู พอมีความคิดเกิดขึ้น ความคิดที่ไม่ชอบไม่ถูกใจ ที่เราเรียกว่าความฟุ้งซ่าน ความโกรธ ความหงุดหงิด หลายคนพอรู้ว่ามันเกิดขึ้นในใจ ก็เข้าไปจัดการกับมัน พยายามกดข่มมัน พยายามห้ามไม่ให้คิด แต่ยิ่งทำอย่างนั้น มันก็ยิ่งคิด ยิ่งกดข่มความโกรธ มันก็ยิ่งโกรธ มันจะหลบไปชั่วคราว แต่เผลอเมื่อไรมันก็ระเบิด หลายคนกดข่มความโกรธ จนกระทั่งพอมีอะไรมาแตะนิดเดียว ปรี๊ดแตกเลย เพราะไปยุ่งกับมัน แต่ว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านั้นคือว่า รู้แล้วก็เมิน รู้ว่ามันมีอยู่ แต่เมินไม่สนใจ จะอยู่ก็อยู่ไป แต่ว่าฉันไม่ไปยุ่งอะไรกับเธอ เราต้องรู้จักการวางใจแบบนี้บ้าง ก็คือเมิน ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ หรือเสียงในหัว บางทีก็มีเสียงต่อว่าด่าทอคนนั้นคนนี้ บางทีก็มีเสียงต่อว่าครูบาอาจารย์ จ้วงจาบพระรัตนตรัย ใครที่ไปโรมรันพันตูกับเสียงในหัวแบบนี้ ก็เสร็จมันทุกราย มันยิ่งผุดยิ่งโผล่ เสียงมันยิ่งดังขึ้น แต่วิธีที่จะจัดการกับมันคือไม่สนใจมัน มันจะดังก็ดังไป ไม่สนใจ มันจะเกิดขึ้นยังไงก็ไม่สนใจ ไม่ใช่ไม่รู้ รู้ แต่เมิน ก็คือรู้ซื่อๆ นั่นแหละ รู้แล้วเมิน   ฉะนั้นถ้าเรารู้จักทำแบบนี้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ หรือเสียง การกระทำคำพูดที่รับรู้จากภายนอก มันก็ทำให้ใจเราสงบได้ การกระทำคำพูดของใครต่อใคร ก็ไม่ได้ทำให้ใจจิตหวั่นไหวใจกระเพื่อม เช่นเดียวกันแม้จะมีความคิดใดเกิดขึ้นในใจ มันก็ไม่ได้ทำให้ใจเป็นทุกข์ เพราะว่าเรารู้จักเมิน ไม่ใส่ใจกับมัน 

    25680610pm--เลิกหวังก็เลิกทุกข์

    Play Episode Listen Later Jul 10, 2025 28:23


    10 มิ.ย. 68 - เลิกหวังก็เลิกทุกข์ : ทุกข์ใจมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับว่าเขามีความคาดหวังเพียงใด ยังคิดที่จะไปจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ที่จริงเวลามีปัญหา มันก็ถูกแล้วที่เราพยายามเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหา ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เอาแต่วิงวอนร้องขอเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หวังว่าปัญหาจะแก้ไปได้เอง หายไปเอง มันก็ไม่ถูก ก็ถูกแล้วที่เราจะเข้าไปจัดการกับปัญหา ซึ่งเป็นทัศนคติของคนในยุคปัจจุบัน มีปัญหาอะไรก็เข้าไปจัดการ ไม่อยู่เฉย แต่ว่าบางครั้งมันกลายเป็นว่า ชอบจัดการกับปัญหาทุกเรื่อง จนมองข้ามความจริงว่า ความคิดที่จะไปจัดการกับปัญหา บางทีมันกลายเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับเราเอง เพราะเมื่อปัญหานั้นมันแก้ไม่ได้หรือไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะแก้ได้ มันก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาก เกิดความท้อแท้ เกิดความผิดหวัง เกิดความกลัดกลุ้ม เสร็จแล้วก็ไปโทษว่า เป็นเพราะว่าปัญหามันหนัก ไปโทษคนนั้นคนนี้ที่มีส่วนทำให้เกิดปัญหา แต่ลืมมองไปว่าความทุกข์ใจที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่ไม่ยอมรับว่าปัญหามันแก้ไม่ได้ หรือเกิดจากความคาดหวังว่ามันต้องแก้ได้   คนเราเจอปัญหาหลายแบบ บางอย่างก็แก้ได้ บางอย่างก็แก้ไม่ได้ ถ้าเราเจอปัญหาที่แก้ได้ ก็สมควรที่เราจะใช้ความเพียรพยายาม ใช้ความมุ่งมั่น แต่ถ้าเกิดว่าเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ แล้วยังใช้ความเพียรพยายามไม่หยุดหย่อน ด้วยความคิดว่ามันจะแก้ได้ คาดหวังว่ามันต้องแก้ได้ พอมันแก้ไม่ได้นี่จะทุกข์มาก หรือว่าปัญหาบางอย่างแม้จะแก้ได้ แต่ว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่จะแก้ได้ในเวลานี้ แต่พอพยายามจะแก้ให้ได้ มันก็ไม่ต่างจากเอาหัวชนฝา เลยเกิดความทุกข์ใจ 

    25680604pm--ทุกข์เปิดใจให้เห็นธรรม

    Play Episode Listen Later Jul 9, 2025 28:47


    4 มิ.ย. 68 - ทุกข์เปิดใจให้เห็นธรรม : ความตายของคนที่เรารักหรือความตายของเราเอง ถ้าเราไม่หลับใหล เราเข้าใจสัจธรรมความจริง ความตายความสูญเสียคนรักมันก็ไม่ทำให้ทุกข์ระทมมาก นางกีสาโคตมีเห็น เข้าใจ พอเข้าใจก็ดวงตาเห็นธรรม ตอนหลังท่านก็บวชแล้วได้เป็นพระอรหันต์ เรียกว่าทุกข์ไม่ใช่แค่ให้ประโยชน์ในทางโลก แต่ว่ามันสามารถจะทำให้เกิดประโยชน์ในทางธรรมได้ มันทำให้เกิดปัญญาขึ้นมา แต่ว่าคนส่วนใหญ่ พอเจอทุกข์แล้วจมอยู่ในความทุกข์ ใจปิดไม่รับรู้ อย่าว่าแต่เห็นสัจธรรมเลย แม้กระทั่งเกิดความคิดที่จะทำให้เกิดช่องทางที่จะพบความสำเร็จในทางโลกก็ไม่มี เราเจอความทุกข์ ให้เรามองว่า มันสามารถจะเปิดใจให้เราได้คิดบางอย่าง   ทุกข์มีเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา อย่างน้อยๆ ก็ช่วยทำให้เราเห็นทางออก หรือเกิดความคิดที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในทางโลก หรือมิฉะนั้น ถ้าเจอทุกข์หนักๆ ยิ่งทำให้เกิดประโยชน์ที่สูงค่ากว่านั้นคือ เกิดประโยชน์ทางธรรม เปิดใจเราให้เห็นสัจธรรมได้ พอเข้าใจแบบนี้หรือตระหนักแบบนี้ เวลาเจอทุกข์หรือเจอความผิดหวัง ไม่สมหวัง ก็อย่าจมอยู่ในความทุกข์ ลองตั้งสติให้ดี แล้วอาจจะพบสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดีๆ ที่นำไปสู่ประโยชน์ทางโลกหรือว่า ประโยชน์ในทางธรรม 

    25680603pm--หาเหตุแห่งทุกข์ให้เจอ

    Play Episode Listen Later Jul 8, 2025 29:25


    3 มิ.ย. 68 - หาเหตุแห่งทุกข์ให้เจอ : เพราะความยึดมั่นสำคัญหมายว่าเป็นกู ยึดว่าความปวดเป็นกู เป็นของกู ละความยึดมั่นที่ว่านี้ มันก็เหลือแต่ความปวดกาย แต่ว่าใจไม่ปวดแล้ว ปวดกายแต่ใจไม่ปวดได้เพราะรู้ เพราะรู้ความจริงว่าเกิดจากความยึดมั่นสำคัญหมายว่าความปวดเป็นกู เป็นของกู จะเห็นอย่างนี้ได้ จะรู้อย่างนี้ได้ ก็ต้องเจอความปวด เจอความทุกข์ ถ้านอนอยู่ในห้องแอร์สบาย ๆ ไม่เห็นหรอก ไม่รู้ว่าอะไรคือสมุทัย แล้วถ้ารู้สมุทัย มันก็จะรู้ต่อไปว่าทำไมถึงจะไม่ทุกข์ ก็ละวางความยึดมั่นสำคัญหมายว่าเป็นกู เป็นของกู เริ่มจากการที่เห็นมัน ไม่เข้าไปเป็นมัน เห็นด้วยสติ ต่อไปก็เห็นด้วยปัญญา เห็นด้วยปัญญาก็เห็นจากไหน เห็นจากความทุกข์นี่แหละ เห็นจากความปวดนี่แหละ ถ้าไม่ปวดก็ไม่เห็น ถ้าไม่ทุกข์ก็ไม่เกิดปัญญา​ อันนี้เรียกว่าพัฒนา หรือเขยิบขยับจากการรู้ซื่อ ๆ หรือว่ารู้แล้ววางมาเป็นการรู้แล้วเกิดปัญญาขึ้นมา   เพราะฉะนั้นให้เราเข้าใจเห็นให้ชัดว่าเหตุแห่งทุกข์ที่แท้มันคืออะไร โดยเฉพาะเวลาเกิดความทุกข์ใจนี้อย่าไปผิดฝาผิดตัว ไปมองไปโทษว่าความทุกข์เกิดจากสิ่งภายนอก ความทุกข์กายนั้นใช่ แต่ความทุกข์ใจเหตุแห่งทุกข์นี่มันมีอยู่ที่ใจเราทั้งนั้นเลย ฉะนั้นถ้าปฏิบัติแล้วไม่เห็นตรงนี้ มันก็ต้องปฏิบัติเรื่อยไป จนกว่าจะเห็น 

    25680602pm--มือถือคืออุปกรณ์ฝึกสติ

    Play Episode Listen Later Jul 7, 2025 27:42


    2 มิ.ย. 68 - มือถือคืออุปกรณ์ฝึกสติ : ถ้าเวลาเราอยู่บ้าน หรือว่ายังไม่สามารถปลีกตัวมาวัดได้ เราต้องอยู่กับงาน ต้องทำงาน ต้องอยู่กับครอบครัว มันก็ยังมีโอกาสปฏิบัติได้เหมือนเดิม ถ้าเรายังมีเวลาอาบน้ำ ถ้าเรายังมีเวลาถูฟัน ถ้าเรายังมีเวลากินข้าว เราก็ยังสามารถปฏิบัติได้ และถ้าเรายังใช้เวลากับโทรศัพท์มือถือ ยังมีโทรศัพท์มือถืออยู่ใกล้มือ ก็ใช้มันเพื่อฝึกจิตฝึกใจของเรา ของทุกอย่างอย่าให้มันก่อโทษกับเราสถานเดียว ต้องรู้จักหาประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์จากมันด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าโทรศัพท์มือถือหรืออะไรก็ตาม ถ้าเราใช้มันให้เป็น ก็มีประโยชน์ แม้กระทั่งอารมณ์ เช่น ความหงุดหงิด ความโกรธ ความเบื่อ ความเซ็ง ความฟุ้งซ่าน พวกนี้ก็อย่าปล่อยให้มารบกวนจิตใจเราทั้งวัน ต้องรู้จักใช้มันบ้าง เอามาฝึกสติ   อย่างที่เคยพูดไว้ว่า “หลง” มี 2 แบบ หลงเพื่อหลงกับหลงเพื่อรู้ หลงเพื่อหลงคือหลงแล้วก็หลงอีก แต่ว่าหลงเพื่อรู้นี่ ความหลงมันเกิดขึ้นเพื่อให้เรารู้ ความโกรธก็เหมือนกัน ความโกรธไม่ใช่ว่าจะชวนเราไปทางเสียหายอย่างเดียว ถ้าเราใช้ความโกรธให้เป็น มันก็ฝึกจิตฝึกใจเราได้ เพราะว่าเรารู้ทันความโกรธ ก็ต้องเจอความโกรธบ่อยๆ   ความทุกข์ก็เหมือนกัน เราจะพ้นทุกข์ได้ ก็ต้องเจอทุกข์บ่อยๆ อย่างที่หลวงพ่อพรหมมาท่านเคยพูด จะพ้นทุกข์ก็ต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่อาจพ้นทุกข์ได้ อันนี้ท่านสอนเพื่อเตือนเราว่า ความทุกข์ถ้าใช้เป็นก็มีประโยชน์ และก็ไม่ต้องกลัวทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่มีทางพ้นทุกข์ แต่ถ้าอยากให้พ้นทุกข์ก็ต้อง เข้าหาทุกข์ ที่จริงไม่ต้องเข้าหาก็ได้ เพราะทุกข์มันก็มาหาเราอยู่แล้วเรื่อยๆ แต่บางทีไม่มี ก็ต้องเข้าหามันบ้าง เพราะว่าถ้าสบายเกินไป มันก็จะมีแต่เกิดความหลงหนักขึ้น 

    25680601pm--ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

    Play Episode Listen Later Jul 6, 2025 25:29


    1 มิ.ย. 68 - ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด : ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จ ที่ประสบกับสิ่งที่ถูกใจ มันก็คือการที่ไม่ลืม ไม่หลง ไม่ละเลยการทำสิ่งดี ๆ ที่ควรทำ ไม่ใช่เอาแต่เพลิดเพลินจนลืมเนื้อลืมตัว อันนี้ไม่ใช่ การที่จะเพลิดเพลิน หรือ มีความสุข มันควรจะเป็นสิ่งที่คนที่ประสบทุกข์ควรจะทำมากกว่า เพราะว่าถ้ามัวแต่จมอยู่กับความทุกข์ ความไม่สมหวัง ก็มีแต่จะทำให้จิตใจย่ำแย่ ในทุกข์มันมีสุข พระพุทธเจ้ายังตรัสไว้เลย ผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์ก็ยังหาสุขพบ แม้ว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่เราบางครั้งหนีไม่พ้น แต่เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ทุกข์ได้ ถ้าเรารู้จักทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ก็คือการที่ไม่ปล่อยใจให้จมอยู่กับความทุกข์ หาโอกาสที่จะเติมสุขให้ใจ หาโอกาสที่จะทำสิ่งดี ๆ ที่จะทำให้เวลาที่มีอยู่ มันมีคุณค่า   ถ้ากำลังจะตายก็เตรียมตัวเตรียมพร้อมสำหรับความตายที่จะมาถึง เหมือนกับที่คุณหมอแนตหรือหมอนิษฐาที่แนะนำคุณยาย รถไฟยังไม่มา เราก็เตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นรถไฟ แล้วก็หาอะไรสนุก ๆ ทำ พอรถไฟมาก็เราจะได้พร้อมที่จะขึ้นได้ โดยที่ไม่มีห่วง ไม่มีอาลัย 

    25680531pm--ธรรมอย่างไรเมื่อใจเครียด

    Play Episode Listen Later Jul 5, 2025 56:26


    31 พ.ค. 68 - ธรรมอย่างไรเมื่อใจเครียด 

    25680530pm--ต้นทางแห่งอิสรภาพ

    Play Episode Listen Later Jul 4, 2025 28:39


    30 พ.ค. 68 - ต้นทางแห่งอิสรภาพ : เกิดจากความหลงผิด ว่าจิตเป็นเรา เป็นของเรา บังคับได้ สั่งได้ แต่ถ้าเกิดว่าเรามีสติ สามารถจะเห็นได้ว่าเห็นความคิด เห็นอารมณ์ เห็นอาการของจิต พอเห็นแล้วมันก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ความคิดไม่ใช่เรา ความโกรธไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เมื่อเห็นว่ามันไม่ใช่ของเราก็ไม่ไปยึดมัน เมื่อไม่ไปยึดมันว่ามันเป็นของเรา เราก็ไม่เป็นของมัน มันทำอะไรเราไม่ได้ อันนี้คืออิสระขั้นต้นที่เราควรจะสัมผัสได้จากการปฏิบัติ มาปฏิบัติแล้วไม่เห็นตรงนี้ ก็ถือว่ายังไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร แล้วต่อไปมันก็จะเห็นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นความจริง ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่เป็นนามธรรม แต่เห็นความจริงจากสิ่งที่เป็นรูปธรรม ว่ามันไม่ใช่ของเรา มันไม่ใช่เรา   ทรัพย์สมบัติ เงินทอง ชื่อเสียง ร่างกาย ไม่ใช่ของเรา จิตมันวางเลย มันไม่ยึดว่าเป็นของเราแล้วสิ่งเหล่านี้ พอใจไม่ยึดว่ามันเป็นของเรา เราก็ไม่เป็นของมัน เราก็เป็นอิสระ มันจะเสื่อม มันจะเป็นอย่างไร ใจก็ไม่ทุกข์ อันนี้มันเป็นวิถีสู่อิสรภาพทั้งจากภายในและภายนอก ซึ่งเริ่มต้นจากการที่เรามีสติเห็นอาการของใจ เห็นความจริงของจิต และความคิดอย่างที่ว่ามา 

    25680529pm--สูงสุดคืนสู่สามัญ

    Play Episode Listen Later Jul 3, 2025 32:16


    29 พ.ค. 68 - สูงสุดคืนสู่สามัญ : ท่านอาจารย์โกวิทบอกคือ การไร้ความกังวล สิ้นไร้ความทะยานอยาก ไร้ศัตรูคู่อาฆาต ความอยากบรรลุธรรมก็ไม่มีแล้ว อันนี้ก็เรียกว่าเป็นองค์ประกอบของความสุขก็ได้ คนที่อุทิศตัวเพื่อการภาวนา เพื่อบรรลุธรรม การเข้าถึงนิพพานนี่กลายเป็นจุดหมายสูงสุดของอาจารย์โกวิท แต่ว่าพอถึงจุดหนึ่ง ปรากฏว่าก็แค่ไม่มีความกังวล สิ้นไร้ความทะยานอยาก ไร้ศัตรูคู่อาฆาต ความอยากบรรลุธรรมไม่มีแล้ว อันนี้กลายเป็นความสุขได้ อาจเป็นเพราะว่าอาจารย์โกวิทได้ถึงจุดหมายของชีวิตแล้ว หรือถึงแม้ยังไม่ถึง แต่ว่าพอไม่มีความทะยานอยาก ความสุขก็เกิดขึ้นได้ ก็เรียกว่าจากสูงสุดคืนสู่สามัญ ที่จริงความสุขไม่จำเป็นต้องสูงส่งอะไร เพียงแค่มีความรู้เนื้อรู้ตัว ไร้ความกังวล ไร้ความทะยานอยาก แม้จะเจอทุกขเวทนารักษาไม่หาย โรคพาร์กินสันสร้างความเดือดร้อนมาก แต่กับท่านอาจารย์โกวิทนั้น มองว่าไม่สำคัญเท่ากับว่า การที่ไร้ความกังวล ไร้ความทะยานอยาก แม้กระทั่งความอยากบรรลุธรรมก็ไม่มีแล้ว อันนี้ก็เรียกเป็นความสุขได้ จากชีวิตที่มุ่งความอุดมคติ มุ่งสูงสุดก็กลับมาคืนสู่สามัญ 

    25680528pm--หลงเพื่อรู้ ทุกข์เพื่อไม่ทุกข์

    Play Episode Listen Later Jul 2, 2025 30:41


    28 พ.ค. 68 - หลงเพื่อรู้ ทุกข์เพื่อไม่ทุกข์ : ยิ่งกลัวอะไรยิ่งต้องเจอสิ่งนั้น ยิ่งกลัวทุกข์ก็ยิ่งเจอทุกข์ จึงไม่พ้นทุกข์ ยิ่งกลัวเกิดก็ยิ่งต้องเกิด จึงไม่พ้นเกิด ถ้าหากไม่อยากเกิดก็อย่าไปกลัวเกิด แต่ควรหาประโยชน์จากการเกิดว่า อะไรทำให้เกิด ไม่ว่าจะเป็นการเกิดจากท้องแม่ หรือการเกิดเป็นตัวกู มันก็ล้วนแต่มีสมุทัยก็คืออุปาทาน เพราะอุปาทานทำให้เกิดภพทำให้เกิดชาติ ถ้าไม่อยากเกิดก็ต้องเข้าใจทุกข์ เห็นทุกข์ จนกระทั่งรู้ว่ามันเกิดจากอุปาทาน มีอุปาทานจึงเกิดทุกข์ ถ้าไม่มีอุปาทานหรือละอุปาทานได้ก็ไม่เกิดทุกข์ แล้วก็ย่อมไม่นำไปสู่การเกิด ไม่ว่าจะเป็นภพชาติ ไม่มีภพไม่มีชาติ ก็ไม่มีชรามรณะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าหลงก็ดี ผิดก็ดี ทุกข์ก็ดี มันไม่ใช่เลวร้ายในตัวมันเอง อะไรเกิดขึ้นกับเรา มันจะดีหรือร้าย อยู่ที่เราว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไร เราทำกับมันอย่างไร หลงถ้าไม่รู้ทัน มันก็ไม่ดี แต่หลงจะกลายเป็นดีได้เมื่อเรารู้ทัน ผิดกลายเป็นดี ถ้าเราเอามาเป็นครู จนสามารถจะทำความถูกต้องให้เกิดขึ้นได้ ทุกข์ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เลว ทุกข์สามารถเป็นประตูไปสู่สมุทัย นิโรธ แล้วก็มรรคได้ ถ้าหากว่าเรารู้จักมอง อย่างที่หลวงพ่อกงมาบอก ถ้าอยากพ้นทุกข์ก็ต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่พ้นทุกข์   เพราะฉะนั้นเวลาเราเจอทุกข์ก็ถือว่าเป็นของดี เราจะได้เรียนรู้วิธีที่จะออกจากทุกข์ เหมือนกับที่อาจารย์กำพลบอกว่า ขอบคุณความทุกข์ เพราะความทุกข์สอนให้ผมรู้จักการออกจากทุกข์ เวลาเจอหลง ก็อย่าหลงเพื่อหลง แต่ให้หลงเพื่อรู้ หรือเปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ 

    25680527pm--เป็นสุขเมื่อหมดความทะยานอยาก

    Play Episode Listen Later Jul 1, 2025 28:46


    27 พ.ค. 68 - เป็นสุขเมื่อหมดความทะยานอยาก : ท่านอาจารย์พุทธทาสพูดอยู่ 2 ประโยค ก็คือว่า อยู่อย่างไม่มีความทุกข์ไปเรื่อยๆ กับทำประโยชน์กับผู้อื่นให้มากที่สุด เท่านี้ก็พอแล้ว อันนี้มันก็โยงไปกับคำสอนของท่านที่พูดอยู่เสมอว่า ชีวิตที่ดีคือ ชีวิตที่สงบเย็นและเป็นประโยชน์ สงบเย็นเพราะว่าอยู่อย่างไม่มีความทุกข์ แล้วก็ไม่ทิ้งเรื่องการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น อันนี้ก็เป็นหลักในการดำเนินชีวิตของพวกเราได้ แต่ละวันๆ ถามตัวเองว่าตอนนี้เราสงบ เราพบความสงบเย็นหรือยัง หรือว่าจิตใจยังว้าวุ่น วุ่นวายรุ่มร้อน ยังมีความวิตกกังวล ก็ต้องพยายามทำให้ความรุ่มร้อนมันลดลง ทำให้ความวุ่นวายมันเบาบางลง การเจริญสติจะช่วยทำให้เราเข้าถึงความสงบเย็น โดยที่ไม่ทิ้งการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น ไม่ใช่สงบเย็นด้วยการหลบลี้หนีผู้คนเข้าไปอยู่ป่า โดยไม่สนใจที่จะช่วยเหลือผู้คน ในขณะที่เรายังไปไม่ถึงระดับของท่านอาจารย์พุทธทาส แล้วก็อาจารย์โกวิท เราก็ต้องเพียรพยายามไปเรื่อยๆ จนไกลถึงจุดที่เราจะรู้สึกว่า หมดสิ้นซึ่งการแสวงหาแล้ว เพราะว่าเข้าถึงความสงบ จะเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ไม่สำคัญ แค่ไม่ทุกข์ก็พอแล้ว 

    25680526pm--นิ่งได้แม้ถูกใส่ความ

    Play Episode Listen Later Jun 30, 2025 33:29


    26 พ.ค. 68 - นิ่งได้แม้ถูกใส่ความ : ท่านอาจารย์พุทธทาสซึ่งที่จริงก็สะท้อนความเป็นพุทธด้วย ก็คือว่าไม่หวั่นไหวต่อคำต่อว่าด่าทอ อันนี้ก็เป็นเครื่องวัดว่า เราปฏิบัติธรรมได้แค่ไหน ก็คือว่าเวลามีคนนินทาว่าร้าย ต่อว่าด่าทอแล้วใจเรานิ่งแค่ไหน หรือถึงไม่นิ่ง เรารู้จักควบคุม ไม่ตอบโต้ ไม่เอาคืน แม้บางอย่างการเอาคืนบางอย่างมันจะดูถูกต้องตามทางวิถีโลก เช่น ฟ้องหมิ่นประมาท แต่ว่าในทางธรรมมันก็แสดงว่าใจยังไม่นิ่งพอ เพราะว่ายังหวงแหนภาพลักษณ์ ยังมีอัตตาตัวตนสูง เพราะฉะนั้นจึงอยู่เฉยไม่ได้เวลามีคนพูดไม่ดีกับเรา หรือว่าใส่ร้ายเรา แต่ถ้าคนที่เขาอัตตาตัวตนน้อย ไม่ยึดติดในภาพลักษณ์ มีใครมาต่อว่าด่าทออะไรก็ไม่กระเทือน ไม่มีความจำเป็นต้องไปตอบโต้ ไม่มีความจำเป็นต้องเอาคืน ไม่มีความจำเป็นต้องมาขอขมา ถ้าจะมาขอขมาเองก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราไม่ทำ อันนี้เป็นวิสัยของนักปฏิบัติธรรม   แต่คนที่ใช้ชีวิตทางโลกก็จะใช้อีกวิธีหนึ่ง ตอบโต้ เอาคืน เพราะนั่นคือวิถีโลก แต่วิถีธรรมมันตรงข้าม อย่างท่านฮาคุอินหรือพระพุทธเจ้านี่ก็เป็นตัวอย่าง ที่ท่านพุทธทาสท่านทำ แล้วก็เป็นตัวอย่างว่าแม้ว่าถูกกระทบใจไม่กระเทือนก็ได้ เพราะว่าอัตตาตัวตนน้อย แล้วเพราะไม่ยินดีใน ไม่ยึดติดหวงแหนในภาพลักษณ์ จึงไม่เป็นทุกข์กับคำต่อว่าด่าทอจนต้องขยับ ต้องเอาคืน ต้องตอบโต้อย่างที่เรามักจะเห็นทั่วไปในสังคมทุกวันนี้ 

    25680525pm--งานมากมายแต่ใจไม่วุ่นวาย

    Play Episode Listen Later Jun 29, 2025 29:28


    25 พ.ค. 68 - งานมากมายแต่ใจไม่วุ่นวาย : เราบริหารใจ บริหารงาน บริหารเวลาด้วยดี ชีวิตมันก็จะง่ายขึ้น ไม่รีบร้อน ไม่ลุกลน ไม่ร้อนรน แล้วก็ไม่รุงรัง แต่มันก็ต้องให้เวลากับการฝึกจิต เพราะถ้าไม่ให้เวลากับการฝึกจิตมันก็จะมีปัญหา การฝึกจิตก็เป็นเรื่องที่สำคัญแต่มันไม่ด่วน แต่หลายคนกว่าจะรู้ว่าสำคัญก็ต่อเมื่อพลาดไปแล้ว เช่น ทะเลาะเบาะแว้งจนกระทั่งทุบตีเพราะเกิดจากความวู่วาม เกิดโทสะ หรือว่าไปลักขโมย ไปทุจริต ถูกจับได้ เพราะว่ามันเกิดความโลภเรียกว่าหน้ามืด หรือบางทีก็ไปทำมิดีมิร้ายกับคนอื่นเพราะว่าหน้ามืด ถึงตอนนั้นรู้ว่าเป็นเพราะว่าเราขาดสติ ไม่รู้จักครองสติ พอติดคุกติดตะรางไป ก็เลยมาได้คิดว่าเป็นเพราะเราไม่ให้สำคัญ ไม่ให้เวลากับการฝึกสติ มีหลายคนมานึกได้ก็ตอนที่มันสายไปแล้ว ตอนที่เผลอทำตามอารมณ์ หรือทำด้วยความวู่วาม แล้วค่อยมารู้ว่าถ้ารู้อย่างนี้ก็จะให้เวลากับการฝึกสติ ฝึกจิตมากขึ้น อาจจะทำตั้งแต่ยังหนุ่มเลย ไม่ใช่มารอทำเอาหลังจากที่มันเกิดเหตุแล้ว แล้วคนส่วนใหญ่ก็มักจะมาคิดได้ตอนนี้ อันนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องฝึกจิตอย่างเดียว   แม้กระทั่งเรื่องการออกกำลังกายด้วย พอร่างกายมันแย่ เครื่องพังขึ้นมา ถึงค่อยรู้ว่าเราน่าจะให้เวลากับการออกกำลังกายมากกว่านี้ แต่นี่กลับมองข้าม ไม่ใส่ใจ เพราะไปมัวทำแต่สิ่งที่สำคัญและด่วน หรือสิ่งที่ไม่สำคัญแต่ด่วน ทำทุกอย่างยกเว้นสิ่งที่สำคัญและไม่ด่วน อันนี้เพราะว่าไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญของงาน เรียกว่าไม่รู้จักบริหารงาน และไม่รู้จักบริหารใจด้วย 

    25680524pm--เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม

    Play Episode Listen Later Jun 28, 2025 29:43


    24 พ.ค. 68 - เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม : ทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา แม้กระทั่งความทุกข์ มันก็ดีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะรู้จักมอง หรือพูดแบบหลวงพ่อคำเขียนคือ รู้จักเปลี่ยน เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม เปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ เพราะที่จริงแล้วพิษของพืชบางชนิด ถ้าเอามาปรุงเอามาจัดการสักหน่อยก็เป็นยาได้ ความทุกข์ที่ทำให้คนบางคนคลั่งแค้น จะเป็นจะตาย หรือบางทีถึงกับฆ่าตัวตายนี่มันสามารถจะทำให้บางคนหรือผู้มีปัญญากลายเป็นอริยบุคคลได้ อย่างความรู้ที่เกิดจากนางกีสาโคตมีและนางปฏาจารา นั่นก็คือสิ่งเดียวกันกับที่ทำให้ทั้งสองท่านเป็นพระอริยบุคคล อันนี้เขาเรียกว่ารู้จักเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม   ฉะนั้นเราซึ่งเป็นนักปฏิบัติก็ต้องรู้จักฉลาด ถึงแม้จะไม่เรียกเราเป็นนักปฏิบัติแต่ถ้าใฝ่ธรรมก็ต้องรู้จักเปลี่ยน เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา เปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ให้ได้ อย่างน้อยก็รู้จักมองว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นกับเราดีเสมอ แม้บางอย่างดูเหมือนจะเป็นพิษ แต่ก็ยังที่หมอชีวกพบว่า สิ่งที่เป็นพิษก็ทำเป็นยาได้เหมือนกัน 

    25680523pm--เจอทุกข์อย่าได้ท้อ

    Play Episode Listen Later Jun 27, 2025 29:15


    23 พ.ค. 68 - เจอทุกข์อย่าได้ท้อ : เวลาเจออารมณ์ที่เป็นอกุศล หรือแม้กระทั่งอารมณ์ที่น่าพอใจก็ตาม อย่าปล่อยใจให้มันจมอยู่ในอารมณ์เหล่านั้น ต้องรู้จักถอนใจออกมา จนเห็นว่าอารมณ์พวกนี้ก็อันหนึ่ง ใจเราก็อันหนึ่ง หรือเห็นว่ามันไม่ใช่เรา ความดีใจก็ไม่ใช่เรา ความเสียใจก็ไม่ใช่เรา ความโกรธก็ไม่ใช่เรา ความทุกข์ความสิ้นหวังก็ไม่ใช่เรา มีอารมณ์พวกนี้เกิดขึ้นได้ แต่มันทำอะไรจิตใจไม่ได้ เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่เรา หรือว่ารู้จักวางระยะ เกิดระยะห่างระหว่างอารมณ์เหล่านี้กับจิตใจ เราก็รู้จักวางระยะกับคนที่ไม่แน่ใจว่าป่วยด้วยโรคโควิด หรือเป็นหวัดหรือเปล่า เราก็เรียกว่าโซเชียลดิสแทนชิ่ง social distancing แต่ว่ากับอารมณ์ที่มันเป็นอกุศลก็เหมือนกัน เราก็ต้องรู้จักวางระยะห่างจากมันบ้าง มันเกิดขึ้นก็อย่าให้มันครอบใจเรา ต้องรู้จักพาใจออกมาจากอารมณ์เหล่านั้น เห็นว่าอารมณ์ก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง หรือความทุกข์ก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง   ตรงนี้แหละที่จะทำให้รอดจากความทุกข์ แล้วก็ผ่านมันไปได้ เหมือนกับนั่งรถทัวร์ผ่านสถานที่ต่างๆ ทั้งซากไฟไหม้ ทั้งโรงขยะ อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนว่า ให้รักษาใจเหมือนกับนั่งรถทัวร์ผ่านตลอด ไม่มีมีการแวะ ไม่มีการไปข้องติดกับอะไร ถ้าหากว่าเราทำอย่างนั้นได้ เราก็จะเข้มแข็งกว่าเดิม ความทุกข์จะทำให้เราเข้มแข็งกว่าเดิม   อย่างที่บางคนพูดว่า แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร ถ้าเราหยุดก็ถูกมันไหม้เผาผลาญจนไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าผ่านมันได้เราจะเข้มแข็งกว่าเดิม หรือประสบสิ่งดีๆ มากกว่าเดิม อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ที่ทำให้เรามีปัญญา มีภูมิคุ้มกันในการเผชิญกับวิกฤตที่รุนแรงยิ่งขึ้น หรือรุนแรงกว่านั้นในวันข้างหน้าได้ 

    25680522pm--ใจสงบได้แม้ถูกกระทบ

    Play Episode Listen Later Jun 26, 2025 32:38


    22 พ.ค. 68 - ใจสงบได้แม้ถูกกระทบ : แม้ว่ามันจะมีอารมณ์เกิดขึ้นเมื่อมีการกระทบ แต่ใจถ้าไม่กระเทือนก็ได้ ถ้าไม่ไปยึดอารมณ์เหล่านั้น ใจก็ยังสงบได้ สงบได้ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีอารมณ์ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโศก ไม่มีความเครียด แม้มันยังมีได้ แต่ว่าใจก็ไม่ทุกข์ ใจก็ไม่กระเทือน เพราะว่ารู้ทัน รู้แล้วก็วาง รู้แล้วก็วาง ในที่สุดอารมณ์นั้นก็จางคลายไป นี่คือความสงบที่ไม่เกินเอื้อมของพวกเรา และที่เรามาปฏิบัตินี้ก็เพื่อมารู้จักกับความสงบชนิดนี้ ไม่ใช่สงบเพราะไม่มีอะไรมากระทบ แต่สงบเพราะว่าแม้มีอะไรมากระทบแต่ว่าใจไม่กระเทือน ไม่กระเทือนเพราะว่าไม่มีอารมณ์เกิดขึ้น ไม่มีความโศกเกิดขึ้น หรือถึงแม้จะมีความโกรธ ความหงุดหงิด ความเครียดเกิดขึ้น แต่ก็รู้ทัน แล้วก็ปล่อยวางมันได้ ไม่ไปยึดมัน   พูดง่าย ๆ คือแม้มันมีอารมณ์เหล่านี้แต่ไม่เอา อันนี้คือความสงบที่มันไม่เหลือวิสัยที่เราจะทำให้เกิดขึ้นได้ แล้วมันเหมาะกับพวกเรามากเลย เพราะว่าการที่เราจะไปเจอ ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีการกระทบนี้มันยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย แม้กระทั่งในวัดจะสงบยังไงก็มีเสียง หรือมีอะไรมากระทบ มีแมลงมากวน บางทีก็มีเสียงดัง แต่ถึงแม้จะมีเสียงดัง จะมีแมลงมากวน จะมีใครพูดไม่ถูกหู แต่ใจไม่ทุกข์ก็ได้ ไม่ทุกข์ไม่ใช่เพราะไม่โกรธ ไม่ใช่ไม่ทุกข์เพราะว่าไม่มีความหงุดหงิด ความโกรธ ความหงุดหงิดมี แต่รู้ทัน แล้วก็วางมันลง 

    25680521pm--ทำความเพียรแล้ว ทำใจด้วย

    Play Episode Listen Later Jun 25, 2025 27:26


    21 พ.ค. 68 - ทำความเพียรแล้ว ทำใจด้วย : คนเราจะรู้จักยอมรับความจริงได้ มันต้องฝึก และเราสามารถจะเรียนรู้ตรงนี้ได้จากการมาปฏิบัติที่นี่ เพราะมันจะเจอกับสิ่งที่ไม่ถูกใจเราหลายอย่าง รวมทั้งพยายามปฏิบัติแล้ว มันก็ยังฟุ้ง พยายามปฏิบัติแล้วมันก็ยังไม่สงบ นั่นแหละเป็นของดี เป็นโอกาสที่เราจะได้ฝึกยอมรับ อยู่กับความไม่สมหวังด้วยใจที่ไม่ทุกข์ อยู่กับความไม่สำเร็จด้วยใจที่เป็นปกติ ถ้าเราฝึกใจยอมรับความฟุ้ง ความเครียดที่เกิดขึ้นได้ เราก็จะมีวิชาที่ไปต่อยอดได้เมื่อออกไปแล้ว คือฝึกใจยอมรับความเป็นไปของโลกและความเป็นไปของชีวิต อาจจะยังไม่ได้มีสติเต็มที่ ไม่ได้พบความสงบอย่างที่หวัง แต่ก็ได้บางอย่างที่มีค่าไปไม่น้อย หรือหลายอย่างด้วย หนึ่งในนั้นคือการรู้จักยอมรับ ยอมรับกาย ยอมรับใจ ยอมรับความจริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ   หลายคนที่มาก็ประสบความสำเร็จ เพราะว่าอาศัยความเพียร แต่มันไม่พอ อย่างที่บอก หลายอย่างหลายสิ่งมันไม่สามารถจะบรรลุได้เพราะความเพียร หรือเหตุปัจจัยยังไม่มากพอที่จะทำให้บรรลุได้ แต่ถ้ารู้จักทำใจยอมรับ มันก็ช่วยทำให้เราอยู่ในโลกที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ เจอความไม่สมหวังก็ไม่ทุกข์ แม้เจอความสมหวัง ใจก็ไม่ดิ่ง   อันนี้แหละคือสิ่งที่เราสามารถจะเรียนรู้ได้จากการมาปฏิบัติที่นี่ มันเป็นสิ่งที่หลายคนไม่คิดจะมาเพื่อสิ่งนี้ ต้องการความสงบ ต้องการความพ้นทุกข์ และพ้นทุกข์ก็คือว่า ใจมันไม่คิดอะไร แต่ถ้ามันคิดล่ะ หรือคิดว่าไม่ทุกข์ เพราะยอมรับความจริงได้ เพราะอนุญาตให้มันเกิดขึ้นได้ นี่แหละคือ สิ่งที่เราสามารถจะตักตวง เก็บเกี่ยวได้จากการปฏิบัติ แม้จะยังไม่บรรลุถึงสิ่งที่คาดหวังจากการมาที่นี่ก็ตาม 

    25680520pm--รู้ใจก็ไกลทุกข์

    Play Episode Listen Later Jun 24, 2025 33:32


    20 พ.ค. 68 - รู้ใจก็ไกลทุกข์ : ความหลง ความคิดฟุ้งซ่าน อารมณ์หงุดหงิด ความรู้สึกลบ มันเกิดขึ้นได้เพราะมันมีความหลงเป็นเชื้อเป็นอาหาร แต่พอเรามีสติรู้ทัน เรียกว่ารู้ใจ ความคิดลบที่เคยทำให้เราหงุดหงิดหัวเสีย ทำให้เราเครียด ทำให้เรากังวล มันก็หายไป พูดง่ายๆ คือว่า รู้กายทำให้รู้ใจ แล้วรู้ใจก็ทำให้ไกลทุกข์มากขึ้น ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากความคิด ที่ชอบคิดลบ ชอบระแวง หรือความทุกข์ที่เกิดเพราะความเครียด ความกังวลที่เคยก่อกวนจิตใจ มันจะเล่นงานจิตใจเราไม่เหมือนก่อนแล้ว เพราะว่าเรามีสติรู้ทัน การรู้ใจมันก็ทำให้ใจเรามันไกลทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความคิดลบ อารมณ์ที่เป็นอกุศล แม้มันยังเกิดขึ้นอยู่ แต่มันก็จะอยู่ไม่นาน ไม่สามารถรบกวนจิตใจเราได้ ยิ่งรู้ใจเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไกลทุกข์เร็วเท่านั้น   แล้วพอไกลทุกข์ ใจก็จะสงบได้ เป็นความสงบเพราะรู้ ไม่ใช่สงบเพราะไม่รู้ ไม่ใช่เพราะไม่ได้ยิน แต่สงบเพราะรู้ใจ​ เราฝึกให้หมั่นรู้ใจบ่อยๆ แต่ว่าก่อนจะถึงตรงนั้นก็ต้องรู้กายก่อน รู้กายเร็วเท่าไหร่ ต่อเนื่องเท่าไหร่ ก็จะรู้ใจได้ไว รู้ใจได้ไว ก็จะพาใจออกห่างจากความทุกข์ได้มากแค่นั้น 

    25680519pm--อะไรเกิดขึ้นกับเราดีทั้งนั้น

    Play Episode Listen Later Jun 23, 2025 31:03


    19 พ.ค. 68 - อะไรเกิดขึ้นกับเราดีทั้งนั้น : และถ้าเรายอมรับสิ่งต่าง ๆ ได้ รวมทั้งสิ่งที่ไม่ถูกใจ ออกไปข้างนอกเจอความไม่ถูกใจ มันก็ไม่ทุกข์ และนั่นแหละคือความสงบที่เราอาจจะคาดไม่ถึงเลย ไม่ใช่สงบเพราะไม่มีเสียงดัง แต่สงบเพราะใจมันไม่โวยวาย ใจมันยอมรับ มันก็สงบได้ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแล้วจะไม่หายปวด การปฏิบัติแล้วจะหายปวด ปฏิบัติแล้วจะไม่ฟุ้ง ยังฟุ้งอยู่แต่ใจไม่ทุกข์แล้ว เพราะว่าไม่คาดหวังความไม่ฟุ้ง จริง ๆ ความฟุ้งไม่ได้ลงโทษเรา ไม่ได้รบกวนเรา แต่ที่ทุกข์เพราะไม่ชอบความฟุ้ง ไม่อยากให้มันฟุ้ง คาดหวังความไม่ฟุ้ง แต่พอเราปรับใจยอมรับมันได้ วางความคาดหวังทุกอย่าง ฟุ้งก็ได้ ไม่ฟุ้งก็ได้ พอถึงเวลาที่ความฟุ้งเกิดขึ้น เราไม่ทุกข์แล้ว   เพราะอย่างที่ว่าถ้าวางใจเป็น แม้กระทั่งมะเร็งมันก็กลายเป็นของขวัญได้ นับประสาอะไรกับความฟุ้ง ถ้าเรารับมือกับมันไม่ได้ ยังทุกข์เพราะมัน นี่แสดงว่าเรายังต้องฝึกอีกมาก แสดงว่าเราจะต้องเรียนรู้ที่จะต้องผ่านการฝึกฝนจากความฟุ้ง ให้มันฟุ้งเยอะ ๆ จนกระทั่งทำใจยอมรับได้ 

    25680518pm--ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตุให้ทุกข์

    Play Episode Listen Later Jun 22, 2025 29:43


    18 พ.ค. 68 - ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตุให้ทุกข์ : บางทีเราก็เครียด เราก็กังวล เพราะใจไปนึกถึงงานที่รออยู่ข้างหน้า ยังไม่ได้ไปสอบแต่ใจก็เครียดแล้ว ยังไม่ได้ไปพรีเซนต์งานในที่ประชุมเลยแต่ก็เครียดแล้ว กังวลซะแล้ว เราเครียดเรากังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น แล้วบางอย่างก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าก็เครียดไปแล้ว ทุกข์ไปแล้ว นี่เรียกว่าหลงไปอดีต ลอยไปในอนาคต สรุปแล้วก็เลยจมอยู่ในความทุกข์ แต่ถ้าเรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ไม่มีเหตุผลที่เราจะทุกข์เลยนะ ถ้าใจเราอยู่ตรงนี้ที่หอไตร มันไม่มีอะไรต้องทุกข์เลย ถึงแม้จะมีแมลงอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าพื้นจะแข็งบ้างแต่ก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอใจเราไปนึกถึงวันพรุ่งนี้เลย โอ๋ จะต้องปฏิบัติทั้งวันจะไหวหรือนี่ จะต้องปฏิบัติอีกตั้ง 6 วัน จะไหวหรือนี่ คิดถึงงานที่ยังไม่ได้ทำ คิดถึงหนี้ที่ยังไม่ได้ผ่อน เครียดเลย แต่ทำไมถึงคิดนะ เพราะไม่รู้ตัว แล้วเรื่องที่คิดก็เป็นเรื่องอนาคต   ถ้าใจเราอยู่กับปัจจุบัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้ มันไม่มีเหตุผลจะต้องเครียด ไม่มีเหตุผลจะต้องทุกข์ ไม่มีเหตุผลจะต้องเศร้าเลยนะ แต่ที่เราเศร้า ที่เราโกรธ ที่เราแค้น ที่เราอาลัยอาวรณ์ ที่เรากังวล เครียด เพราะใจไม่อยู่กับปัจจุบันทั้งนั้นเลย ถ้าใจกลับมาอยู่กับปัจจุบันก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำให้ทุกข์ สำคัญก็คือว่าใจเราไม่ยอมอยู่กับปัจจุบัน เพราะใจเราชอบหลง แต่ถ้ามีสติที่ฝึกไว้ดีแล้ว มันก็จะทำให้ใจอยู่กับปัจจุบันได้ง่าย การปฏิบัติที่เคยเป็นเรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา แล้วก็จะรู้ว่าที่มันยากเพราะเราทำให้มันยากไปเอง ไม่ใช่เพราะว่าการปฏิบัติมันยากในตัว อันนั้นไม่ใช่ 

    25680517am--เติมสุขด้วยธรรม

    Play Episode Listen Later Jun 21, 2025 66:27


    17 พ.ค. 68 - เติมสุขด้วยธรรม 

    Claim Luangpor Paisal Visalo's Podcast (หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

    In order to claim this podcast we'll send an email to with a verification link. Simply click the link and you will be able to edit tags, request a refresh, and other features to take control of your podcast page!

    Claim Cancel