Podcast ที่คุณจะได้เรียนรู้เรื่องราวของตลาดการเงินและการลงทุนทุกสินทรัพย์ทั่วโลก ไปกับดอกเตอร์โจ๊ก จิติพล พฤกษาเมธานันท์ และกูรูรับเชิญมากมาย
แหล่งข้อมูลเหล่านี้เป็นงานวิจัยของ Goldman Sachs โดยมีเนื้อหาหลักสองส่วนที่แตกต่างกัน: ส่วนแรกคือการวิเคราะห์ตลาดหุ้นจีน โดยระบุว่าการชุมนุมครั้งล่าสุดขับเคลื่อนด้วยความคาดหวังด้าน "ภาวะเงินเฟ้อ" และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และประเมินความยั่งยืนของตลาดกระทิงแบบช้าๆ โดยเน้นว่า สภาพคล่อง เป็นปัจจัยสำคัญ และคาดการณ์ว่าอาจมีการปรับพอร์ตการลงทุนจำนวนมากจากภาคครัวเรือนและสถาบันเข้าสู่ตลาดทุน อีกส่วนหนึ่งมุ่งเน้นไปที่การเมืองของญี่ปุ่น โดยให้ภาพรวมของการเลือกตั้งประธานพรรค Liberal Democratic Party (LDP) และนโยบายทางเศรษฐกิจของแต่ละผู้สมัคร รวมถึงจุดยืนของพวกเขาเกี่ยวกับ นโยบายการเงินของ Bank of Japan (BOJ) และความคาดหวังว่าผลการเลือกตั้งจะส่งผลกระทบต่อกำหนดเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของ BOJ อย่างไร นอกจากนี้ยังมีรายงานเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจีนพยายามต่อสู้กับ "การแข่งขันที่ทำลายตัวเอง" (Involution) ในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลกำไรของบริษัท
เอกสารวิจัยจากดอยช์แบงก์ในชื่อ "MAGA → MEGA" ลงวันที่ 15 กันยายน 2025 นี้ ได้นำเสนอภาพรวมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดทุน โดยมุ่งเน้นที่การเปรียบเทียบระหว่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งผู้เขียนได้ตั้งข้อสังเกตว่า ความโดดเด่นของสหรัฐฯ ที่ยาวนานถึง 15 ปี อาจกำลังสิ้นสุดลง เนื่องจากตลาดหุ้นยุโรปเริ่มมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีล่าสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในแง่ของ การประเมินมูลค่า (Valuation) และ ความเข้มข้นของดัชนี ซึ่งตลาดสหรัฐฯ มีความเข้มข้นสูงจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เจ็ดอันดับแรก นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ยังสำรวจปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ช่องว่างเริ่มแคบลง และความกังวลด้าน ความยั่งยืนทางการคลัง ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เยอรมนีประกาศมาตรการกระตุ้นทางการคลังครั้งใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนการเติบโตของยุโรปในอนาคต.
รายงานวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ทั้งสองฉบับมีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์สถานะของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความคาดหวังเกี่ยวกับทิศทางค่าเงินในอนาคต โดยฉบับแรกที่ชื่อว่า "Dollar Dominance and Dollar Depreciation" อธิบายว่า อิทธิพลของดอลลาร์ในเวทีโลกยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีสัญญาณการลดลงบ้างในบางพื้นที่ แต่ก็คาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง ในระยะอันใกล้นี้ เนื่องจากประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไม่โดดเด่นเท่าที่ผ่านมาและมีการประเมินค่าสูงเกินไป รายงานฉบับที่สอง "Hedging Dollar Assets" ให้ข้อมูลจำกัดเกี่ยวกับ การปรับอัตราส่วนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX hedging) โดยเฉพาะการลดการถือครองสินทรัพย์ดอลลาร์ของกองทุนบำนาญในยุโรปและออสเตรเลียในครึ่งแรกของปี 2568 แม้การปรับเปลี่ยนนี้จะมีจำกัด แต่ผู้เขียนมองว่า การปรับลดการป้องกันความเสี่ยง นี้เป็นมาตรวัดสำคัญที่สะท้อนถึง ความต้องการสินทรัพย์ดอลลาร์ที่ลดลง ของนักลงทุนทั่วโลก.
เอกสารฉบับนี้จาก Apollo Global Management วิเคราะห์สาเหตุของการชันตัวของเส้นอัตราผลตอบแทน ณ เดือนสิงหาคม 2025 โดยระบุประเด็นหลักสองประการ ได้แก่ การคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง และ ความท้าทายทางการคลังของสหรัฐอเมริกา รายงานชี้ให้เห็นว่าตลาดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางอย่างมีนัยสำคัญ และรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการ เพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะ และ ค่าใช้จ่ายในการบริการหนี้ที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการถือครองหนี้รัฐบาล โดยมีนักลงทุนต่างชาติและภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางลดการถือครองลง ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดพันธบัตรและเศรษฐกิจโดยรวม
แหล่งที่มานี้กล่าวถึง ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพของข้อมูลเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา โดยเน้นไปที่การแก้ไขข้อมูลบัญชีเงินเดือนที่สำคัญ และการเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำในสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ผู้เชี่ยวชาญให้มุมมองที่หลากหลาย โดยบางคนกังวลเกี่ยวกับ ผลกระทบจากการลดงบประมาณและการแทรกแซงทางการเมือง ที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่บางคนมองว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นการปฏิรูปที่จำเป็น รายงานยังชี้ให้เห็นถึง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือต่อตลาด เช่น พันธบัตรรัฐบาลที่คุ้มครองเงินเฟ้อ (TIPS) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงเสนอ แนวทางในการประเมินข้อมูลที่มีปัญหา โดยพิจารณาแหล่งข้อมูลทางเลือกและตัวบ่งชี้หลายตัว
แหล่งข้อมูลเหล่านี้ให้มุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยแหล่งแรกนำเสนอ "AI ในฐานะเทคโนโลยีปกติ" แย้งว่า AI ควรถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ยังคงควบคุมได้ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าหรือภัยคุกคามที่มีศักยภาพ บทความนี้เน้นย้ำถึง การแพร่กระจายของ AI ที่ช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่สำคัญต่อความปลอดภัย และเน้นว่า มนุษย์ยังมีบทบาทสำคัญ ในการควบคุมดูแลและนำ AI ไปใช้ แหล่งข้อมูลที่สองจาก McKinsey ให้มุมมองที่มองโลกในแง่ดีมากขึ้นเกี่ยวกับศักยภาพของ AI โดยเน้นไปที่บทบาทของ AI ในการขับเคลื่อน การปฏิวัติเชิงนวัตกรรมครั้งต่อไป บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า AI สามารถ เพิ่มความเร็ว ปริมาณ และความหลากหลายของแนวคิดในการออกแบบ และ เร่งการประเมินผลผ่านแบบจำลองจำลอง ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจหลายแสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปี แม้ว่าแหล่งข้อมูลทั้งสองจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ AI นำมาซึ่ง AI แต่แหล่งข้อมูลหนึ่งจะเน้นย้ำถึง ความจำเป็นในการควบคุมมนุษย์และการแพร่กระจายอย่างระมัดระวัง ในขณะที่อีกแหล่งหนึ่งมองเห็น การเร่งนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของ AI
แหล่งข้อมูลจาก YouTube ของ Nomura เป็นบทสรุปการวิเคราะห์ตลาดโลก โดยมุ่งเน้นที่การคาดการณ์และมุมมองเกี่ยวกับนโยบายการเงินและการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์หน้า ผู้ดำเนินรายการและผู้เชี่ยวชาญจากทีมวิจัยของ Nomura ได้ กล่าวถึงการประชุมนโยบายของธนาคารกลางหลักหลายแห่ง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารแห่งแคนาดา ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารแห่งอังกฤษ ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ธนาคารอินโดนีเซีย และธนาคารกลางไต้หวัน การสนทนาครอบคลุมถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย การประเมินภาวะเงินเฟ้อ และ ผลกระทบจากการพัฒนาทางการเมือง เช่น การลาออกของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและข้อถกเถียงเรื่องความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด เช่น รายงาน CPI ของสหรัฐฯ และ แนวโน้มความเสี่ยงของตลาด รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดและความประมาทเลินเล่อของนักลงทุนในปัจจุบัน
แหล่งข้อมูลนี้คือ รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกไตรมาส 4 ปี 2025 ของ BNP Paribas โดยให้ภาพรวมเกี่ยวกับ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอน บทความนี้วิเคราะห์แนวโน้มทางเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก รวมถึง การคาดการณ์ GDP อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังครอบคลุมกลยุทธ์ตลาดหลักที่เกี่ยวข้องกับ อัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ และตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ รายงานยังตรวจสอบประเด็นเฉพาะ เช่น ผลกระทบจากการปฏิรูปกองทุนบำนาญของเนเธอร์แลนด์ นโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ ความเป็นอิสระของธนาคารกลาง และนำเสนอการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดโลก
งานวิจัยเหล่านี้มาจาก "Japan's Financial System: New Perspectives and Potential Risks in the Post-Global Financial Crisis Era" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดงานวิจัยทางเศรษฐกิจของมหาวิทยาลัย Hitotsubashi เนื้อหาครอบคลุมถึง การเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมการธนาคาร และ ตลาดหุ้น ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 และหลังวิกฤตการณ์การเงินโลก รวมถึงผลกระทบจากนโยบายการเงินและการพัฒนาเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังศึกษาถึง กลไกการชำระเงินของครัวเรือนญี่ปุ่น และ ปรากฏการณ์บริษัทซอมบี้ ที่อยู่ร่วมกับ บริษัทไร้หนี้ ในระบบเศรษฐกิจ ภายในงานยังมีการพิจารณาถึง ธรรมาภิบาลของบริษัท และ การบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร พร้อมทั้งวิเคราะห์ บทบาทของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็น ESG ในตลาดญี่ปุ่น
แหล่งข้อมูลจาก Deutsche Bank Research ในเดือนกันยายน 2025 วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจและการเงินที่สำคัญหลายประการ รายงานนี้เริ่มต้นด้วยการพิจารณาว่า ทศวรรษที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งในเชิงตัวเลขและในระยะยาว แหล่งข้อมูลชี้ให้เห็นว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ กลับมามีมูลค่าบ้าง แม้ว่าอัตราผลตอบแทนระยะยาวในหลายประเทศจะแตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ การขาดดุลงบประมาณที่สูงอย่างต่อเนื่อง ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และอิตาลี ได้ถูกเน้นย้ำว่าเป็นปัจจัยขับเคลื่อนวงจรธุรกิจที่ยาวนาน และตั้งคำถามว่ายุคนี้ใกล้จะสิ้นสุดแล้วหรือไม่ นอกจากนี้ รายงานยังได้ สำรวจข้อดีและข้อเสียของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยพิจารณาจากข้อมูลตลาดแรงงานและความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย รวมถึงผลกระทบของนโยบายตรวจคนเข้าเมืองและภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของตลาดหุ้น มีการอภิปรายว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือไม่ โดยพิจารณาจากมูลค่าที่สูงเกินไป การกระจุกตัวของบริษัทขนาดใหญ่ และการลงทุนมหาศาลในด้านเทคโนโลยี ซึ่งเทียบเคียงกับปรากฏการณ์ทุนนิยมในอดีต สุดท้ายนี้ การวิเคราะห์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนี และความจำเป็นของการปฏิรูปโครงสร้างก็ถูกนำเสนอควบคู่ไปกับมุมมองเกี่ยวกับอนาคตของตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ที่มีมูลค่าเฉลี่ยทางประวัติศาสตร์
รายงานวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ฉบับนี้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับ "วงจรหลังสมัยใหม่" (Postmodern Cycle) ในตลาดหุ้น โดยระบุว่าตลาดได้เข้าสู่ยุคใหม่ที่แตกต่างจาก "วงจรหลัก" (super cycles) ในอดีตตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเคยขับเคลื่อนด้วยปัจจัยอย่างการประเมินมูลค่าที่ต่ำ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และโลกาภิวัตน์ ในปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนโดยรวมมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมูลค่าและอัตรากำไรสูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยมีพื้นที่ลดลงน้อย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ สร้างโอกาสในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งดิจิทัลและกายภาพ นอกจากนี้ รายงานยังเน้นย้ำถึง ความสำคัญของการกระจายความเสี่ยง ทั้งในด้านภูมิศาสตร์ ภาคส่วน และปัจจัยการลงทุน เนื่องจากตลาดปัจจุบันเป็นแบบ "เลือกและผสม" (pick & mix) ที่ต้องการกลยุทธ์ที่รอบด้านมากขึ้นเพื่อสร้างผลตอบแทน.
แหล่งข้อมูลทั้งสองนี้ให้ภาพรวมเกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันและภูมิทัศน์พลังงานในเอเชียที่ขับเคลื่อนด้วย AI แหล่งแรกจาก Morgan Stanley Investment Management เน้นย้ำศักยภาพของนิวเคลียร์ฟิวชัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เลียนแบบพลังงานของดวงอาทิตย์ ในการจัดหาพลังงานที่สะอาด ปลอดภัย และแทบจะไร้ขีดจำกัด พร้อมระบุความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและปัจจัยสนับสนุนที่บ่งชี้ว่าการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์อาจเกิดขึ้นได้ในทศวรรษหน้า แหล่งข้อมูลนี้ยังเจาะจงถึงวิธีการทำงานของฟิวชัน รวมถึงความท้าทายและข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานอื่น ๆ ส่วนแหล่งที่สองจาก Goldman Sachs วิเคราะห์ผลกระทบของความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจาก AI ทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งกำลังเร่งการเปลี่ยนแปลงพลังงานไปสู่แหล่งที่ปล่อยมลพิษต่ำ แหล่งข้อมูลนี้เน้นย้ำบทบาทของพลังงานนิวเคลียร์ในการให้พลังงานพื้นฐานที่สะอาดและเชื่อถือได้ และแนะนำโอกาสในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรพลังงานนิวเคลียร์ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
แหล่งข้อมูลเหล่านี้ให้ภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับ การเคลื่อนไหวของตลาดการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ เทขายพันธบัตรทั่วโลก ซึ่งบ่งชี้ถึงความกังวลในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน แหล่งข้อมูลแรกจาก Goldman Sachs GOAL Kickstart นำเสนอข้อมูลเชิงลึกผ่าน การวิเคราะห์สินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงหุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ พร้อมด้วย การคาดการณ์และตัวชี้วัดความเสี่ยง นอกจากนี้ยังรวมถึงการประเมิน อัตราเงินเฟ้อ อัตราผลตอบแทน และการไหลของเงินทุน แหล่งข้อมูลที่สองเน้นไปที่ นโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และ ความลังเลใจในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย สุดท้าย แหล่งข้อมูลจาก YouTube Channel "Money Chat Thailand" เสริมมุมมองเหล่านี้ด้วยการพูดคุยถึง การเทขายพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อ ความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ และ ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
แหล่งข้อมูลนี้คือ รายงานการวิจัยจาก Citi Research ที่วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซีสำหรับบริษัทนายหน้าออนไลน์ในจีนสองแห่ง ได้แก่ Futu และ TIGR รายงานมุ่งเน้นไปที่ ศักยภาพในการสร้างรายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์เสมือน (VASP) และแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์เสมือน (VATP) ในฮ่องกง โดยเปรียบเทียบกับประสบการณ์ของ Robinhood ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังระบุ ปัจจัยกระตุ้นที่เป็นไปได้ และ ความท้าทายที่บริษัทเหล่านี้อาจเผชิญ ในการทำกำไรจากธุรกิจแลกเปลี่ยนคริปโตในฮ่องกง ซึ่งแตกต่างจากตลาดสหรัฐฯ ที่ทำกำไรได้มากกว่า สุดท้าย รายงานยังให้ การปรับปรุงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย สำหรับ Futu และ TIGR โดยพิจารณาถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจคริปโต
แหล่งข้อมูลนี้คือเอกสารจาก CFA Institute Research Foundation ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ สำรวจวิธีการประเมินมูลค่าหุ้น โดยเน้นที่ความท้าทายและเครื่องมือที่นักลงทุนใช้ เอกสารนี้กล่าวถึง ความแตกต่างระหว่างมูลค่าที่แท้จริงและมูลค่าสัมพัทธ์ รวมถึงการใช้โมเดลกระแสเงินสดคิดลดและอัตราส่วนทางการตลาด ผู้เขียนยังหารือเกี่ยวกับการ ประเมินมูลค่าหุ้นที่ประเมินยากเช่น หุ้นที่ออกใหม่ (IPO) และบริษัทเอกชน พร้อมทั้งวิเคราะห์ ผลกระทบของนโยบายธนาคารกลางและการซื้อหุ้นคืน ต่อราคาตลาด นอกจากนี้ แหล่งข้อมูลยังกล่าวถึง เครื่องมือใหม่ในการประเมินมูลค่าหุ้น เช่น ข้อมูลขนาดใหญ่และการเรียนรู้ของเครื่อง และ ประสิทธิภาพของการจัดการเชิงรุก ในบริบทของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง
แหล่งข้อมูลทั้งสองนี้เป็นรายงานการวิเคราะห์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทการเงินขนาดใหญ่ โดยทั้งสองฉบับวิเคราะห์ตลาดเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) แหล่งแรกจาก Goldman Sachs มุ่งเน้นไปที่ผลการดำเนินงานของหุ้น Nvidia และบริษัทเซมิคอนดักเตอร์อื่นๆ โดยคาดการณ์ถึงปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะใกล้ โดยพิจารณาจากการใช้จ่ายลงทุนของ hyperscaler และการเปลี่ยนแปลงของตลาด แหล่งที่สองจาก Citi Research นำเสนอมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับธีม AI โดยแบ่งออกเป็น "ผู้สร้าง AI" (AI Enablers) และ "ผู้รับ AI" (AI Adopters) พร้อมกับประเมินความน่าดึงดูดใจของธีมต่างๆ ตามสไตล์การลงทุนที่หลากหลาย รายงานของ Citi ยังเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงความสนใจของนักลงทุนไปสู่บริษัทผู้รับ AI และการประเมินความหนาแน่นของตลาดในธีมเหล่านั้นด้วย ทั้งสองรายงานมีส่วนสรุปเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างบริษัทการเงินกับบริษัทที่ถูกวิเคราะห์.
การวิเคราะห์ตลาดแรงงานในสหรัฐอเมริกาและผลกระทบต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจยุโรป รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาของจีนและกลยุทธ์นโยบายของปักกิ่ง และสุดท้าย **ที่ประชุมได้พิจารณาถึงแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางในเอเชีย ซึ่งคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในปีหน้า** แม้ว่าบางประเทศจะมีการคาดการณ์แตกต่างกันไป และมีการหารือเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นของตลาดโลก
รายงานวิจัยจาก HSBC Qianhai Securities Limited ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นจีน โดยระบุว่าการฟื้นตัวของตลาดได้รับแรงหนุนจาก สภาพคล่องภายในประเทศที่ล้นเหลือ และเน้นย้ำสี่ธีมการลงทุนหลัก ได้แก่ “จีนซื้อจีน” (China buys China) ซึ่งขับเคลื่อนโดยนักลงทุนในประเทศ, “นวัตกรรม AI” โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้น, “ก้าวสู่สากล” (Going global) ที่บริษัทจีนขยายธุรกิจไปต่างประเทศและมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น, และ “ต่อต้านการแข่งขันที่รุนแรง” (Anti-involution) หรือการปฏิรูปโครงสร้างด้านอุปทาน 2.0 เพื่อแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน นอกจากนี้ รายงานยังได้ ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนี ในช่วงปลายปี 2025 โดยคาดการณ์ถึงโอกาสที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นอีก 5-7% และระบุถึงความเสี่ยงและปัจจัยเชิงบวกที่อาจส่งผลต่อตลาดในอนาคต.
แหล่งข้อมูลของ Goldman Sachs เหล่านี้ให้ภาพรวมเกี่ยวกับการพัฒนาของ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังกฎหมาย CHIPS Act รายงานระบุว่าจีนกำลังเร่งความพยายามในการ พึ่งพาตนเอง โดยเพิ่มการลงทุนด้านทุนและการจัดหาอุปกรณ์ แต่ยังคงเผชิญกับ อุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะในเทคโนโลยีการพิมพ์หินขั้นสูง แม้ว่าจีนจะคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับโหนดเก่าขึ้นอย่างมากและตอบสนองความต้องการภายในประเทศได้ถึง 40% ภายในปี 2030 แต่ก็ยังคง ล้าหลังผู้นำระดับโลก ในด้านความสามารถด้านเทคโนโลยีและบุคลากร ผู้เขียนยังเปรียบเทียบสถานการณ์ของจีนกับการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ในอดีตของญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของการ สนับสนุนจากภาครัฐ และความท้าทายในการบรรลุความพอเพียงโดยสมบูรณ์
บทความนี้สำรวจว่า Large Language Models (LLMs) มี อคติที่ซ่อนอยู่ อย่างไรในการวิเคราะห์การลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับ ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน งานวิจัยได้พัฒนากรอบการทดลองสามขั้นตอนเพื่อ เปิดเผยและตรวจสอบอคติ เหล่านี้ ขั้นแรก พวกเขาสร้างสถานการณ์สมมติที่มีข้อโต้แย้งที่สมดุลและไม่สมดุล ประการที่สอง พวกเขาใช้สถานการณ์เหล่านี้เพื่อ ดึงความชอบที่แฝงอยู่ ของแบบจำลอง เช่น ความโน้มเอียงต่อหุ้นขนาดใหญ่หรือกลยุทธ์แบบสวนทาง และประการที่สาม พวกเขา วัดความดื้อรั้นของอคติ เหล่านี้เมื่อเผชิญกับหลักฐานโต้แย้ง ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า LLMs ไม่ใช่ผู้ทำการตัดสินใจที่เป็นกลาง และ ความชอบภายในของแบบจำลอง สามารถนำไปสู่ อคติในการยืนยัน อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เกิดข้อบกพร่องในการตัดสินใจในบริบททางการเงิน
แหล่งข้อมูลนี้แนะนำ AlphaAgents ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กการทำงานร่วมกันแบบหลายเอเจนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สำหรับการวิเคราะห์หุ้นและการเลือกพอร์ตโฟลิโอ ระบบนี้ใช้เอเจนต์เฉพาะทาง ได้แก่ เอเจนต์ปัจจัยพื้นฐาน เอเจนต์อารมณ์ตลาด และ เอเจนต์การประเมินมูลค่า เพื่อประเมินหุ้น บทความนี้อธิบายวิธีการที่เอเจนต์เหล่านี้ทำงานร่วมกันผ่านกลไกการโต้วาทีเพื่อสร้างฉันทามติและลดอคติทางความคิดของมนุษย์ นอกจากนี้ยังสำรวจว่า ความอดทนต่อความเสี่ยง ที่แตกต่างกันส่งผลต่อพฤติกรรมของเอเจนต์และการตัดสินใจลงทุนอย่างไร โดยมีการนำเสนอผลลัพธ์การทดสอบย้อนหลังเพื่อแสดงประสิทธิภาพของเฟรมเวิร์กนี้ในการสร้างพอร์ตโฟลิโอเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานและระบบเอเจนต์เดียว
แหล่งข้อมูลทั้งสองนี้เป็นรายงานวิเคราะห์จาก Deutsche Bank และ Goldman Sachs ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในฝรั่งเศส ทั้งคู่ได้หารือถึงผลกระทบจากการที่ นายกรัฐมนตรี Bayrou เรียกโหวตไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 8 กันยายน โดยคาดการณ์ว่ารัฐบาลอาจล้มลง นอกจากนี้ รายงานยังสำรวจ ทางเลือกของประธานาธิบดี Macron ในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไป แหล่งข้อมูลทั้งสองเน้นย้ำถึง ความเสี่ยงต่อกระบวนการงบประมาณ และ เป้าหมายการลดการขาดดุล รวมถึง ความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ของประเทศ โดยรวมแล้ว ทั้งสองรายงานฉายภาพ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่อาจส่งผลกระทบต่อ ความมั่นคงทางการคลัง ของฝรั่งเศส
เอกสาร "Precious Analyst_Gold Market Primer.pdf" โดย Goldman Sachs นำเสนอภาพรวมของตลาดทองคำทั่วโลก โดยเน้นย้ำว่า ทองคำแตกต่างจากสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ตรงที่มันถูกเก็บสะสมไม่ใช่ถูกบริโภค เกือบทุกออนซ์ที่ถูกขุดขึ้นมายังคงมีอยู่ ทำให้รูปแบบอุปทาน-อุปสงค์แบบดั้งเดิมไม่เหมาะสม ตลาดทองคำจึงขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของโดยแบ่งผู้ซื้อออกเป็นสองกลุ่มหลัก: "ผู้ซื้อที่เชื่อมั่น" (Conviction buyers) เช่น ETFs, ธนาคารกลาง และนักเก็งกำไร ซึ่งขับเคลื่อนทิศทางราคา และ "ผู้ซื้อฉวยโอกาส" (Opportunistic buyers) ได้แก่ครัวเรือนในตลาดเกิดใหม่ ที่ช่วยสร้างฐานราคาและแนวต้าน บทความนี้เสนอแบบจำลองที่ระบุว่าการไหลของทุนจาก "ผู้ซื้อที่เชื่อมั่น" อธิบายการเคลื่อนไหวของราคาทองคำรายเดือนได้ถึง 70% นอกจากนี้ ยังอธิบายถึงบทบาทของศูนย์กลางการค้าทองคำสำคัญอย่างลอนดอน (ตลาดกายภาพ) และนิวยอร์ก (ตลาดเก็งกำไร) และผลกระทบของการควบคุมการนำเข้าของประเทศตลาดเกิดใหม่เช่นจีนและอินเดียต่อราคาทองคำในท้องถิ่น ทองคำทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันความน่าเชื่อถือของสถาบันมากกว่าการป้องกันภาวะเงินเฟ้อโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางลดลงหรือความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น
แหล่งที่มาเหล่านี้คือรายงานของ Goldman Sachs Global Markets Daily ที่ชื่อว่า "Goldilocks vs. the Bears — Mixed Equity Asymmetry Compared to Historical Low Vol Regimes" ซึ่งวิเคราะห์สภาวะตลาดปัจจุบันที่เรียกว่า "Goldilocks regime" ซึ่งโดดเด่นด้วยความผันผวนที่ต่ำและผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทสหรัฐฯ รายงานนี้ประเมินว่าสภาวะดังกล่าวจะดำเนินต่อไปได้หรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับช่วงความผันผวนต่ำในอดีตและระบุถึง ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ของการปรับฐานในตลาดหุ้น. สาเหตุหลักของความเสี่ยงนี้คือ มูลค่าหุ้นที่สูงขึ้น และ ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลกระทบของภาษีและนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ไม่แน่นอน รายงานยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับ กลยุทธ์การลงทุนเช่น การใช้ตัวเลือกเพื่อป้องกันความเสี่ยงขาลงและการวางตำแหน่งเพื่อโอกาสขาขึ้นในตลาด.
แหล่งข้อมูลนี้ให้ภาพรวมของการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของเวียดนาม ซึ่งมีชื่อว่า "Doi Moi 2.0" โดยเน้นย้ำถึง การเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำให้ภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ของเศรษฐกิจ สิ่งพิมพ์นี้สำรวจ นโยบายที่หลากหลายที่เริ่มดำเนินการในปี 2568 รวมถึงการลดขนาดภาครัฐ การปรับปรุงระบบราชการ การลงทุนในการศึกษาและโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมบริษัทในประเทศขนาดใหญ่ แหล่งข้อมูลยังกล่าวถึง ความเสี่ยงและโอกาส ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปเหล่านี้ โดยมีการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจและตลาด เช่น อัตราการเติบโตของ GDP อัตราเงินเฟ้อ และค่าเงินดอง นอกจากนี้ ยัง วิเคราะห์ความท้าทายที่มีอยู่ในรูปแบบการเติบโตของเวียดนาม เช่น การลดลงของความสำคัญของภาคเอกชนในประเทศ และความผันผวนของผลิตภาพในหมู่ผู้ประกอบการรายย่อย
เอกสาร "Drawdowns and Recoveries" สำรวจการลดลงของราคาหุ้นและกองทุนรวมจากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด โดยวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง 40 ปีของหุ้นสหรัฐฯ กว่า 6,500 บริษัท รวมถึงผลการดำเนินงานของกองทุนรวมและกรณีศึกษาของบริษัทอย่าง NVIDIA และ Foot Locker การวิจัยนี้เผยให้เห็นว่าการลดลงของราคาเป็นเรื่องปกติของการลงทุนระยะยาว และหุ้นหรือกองทุนที่มีผลตอบแทนสูงสุดมักผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก บทความยังชี้ว่าการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหุ้นที่ตกลงอย่างรุนแรง แม้ว่าหุ้นส่วนใหญ่จะไม่กลับไปสู่จุดสูงสุดเดิมก็ตาม นอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำเชิงคุณภาพในการพิจารณาหุ้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัว เช่น การประเมินสาเหตุของการลดลงว่าเป็นวัฏจักรหรือภาวะถดถอยถาวร รวมถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท
แหล่งข้อมูลนี้กล่าวถึงงานวิจัยของ Man AHL ที่สำรวจว่า สภาวะเศรษฐกิจ (economic regimes) ส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุนอย่างไร โดยนำเสนอ แบบจำลองเชิงระบบ ในการระบุสภาวะเหล่านี้ และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนตามสภาวะตลาดที่คล้ายคลึงกันในอดีต งานวิจัยนี้ใช้ ตัวแปรทางเศรษฐกิจ 7 ตัว เพื่อสร้าง คะแนนความคล้ายคลึงกันทั่วโลก (Global Score)ซึ่งช่วยในการตัดสินใจว่าจะ ลงทุนระยะยาวหรือสั้น (long or short position) ใน ปัจจัยหุ้นแบบ Long-Short 6 ตัว ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์นี้มี ประสิทธิภาพดีขึ้นในช่วงสภาวะที่คล้ายคลึงกัน และมี ประสิทธิภาพแย่ลงในช่วงสภาวะที่แตกต่างกัน โดยระบุว่า ข้อมูลความคล้ายคลึงกันมีคุณค่า ในการตัดสินใจลงทุน
เอกสารประกอบด้วย คู่มือสำหรับ Stablecoin ปี 2025 ซึ่งให้ภาพรวมเชิงกลยุทธ์สำหรับบริษัทฟินเทคและนักพัฒนาที่ต้องการทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จาก Stablecoin โดยจะอธิบายถึงกลไกการทำงานของ Stablecoin, โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และบริบทด้านกฎระเบียบที่กำลังกำหนดอนาคต นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงกรณีการใช้งานหลักของ Stablecoin ในการชำระเงินข้ามพรมแดน บัญชีธนาคารยุคใหม่ และการสร้างผลตอบแทน ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ตลาดที่กำลังเติบโตและข้อพิจารณาที่สำคัญเกี่ยวกับผู้ให้บริการ Stablecoin ท้ายที่สุด เนื้อหาจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย Stablecoin รวมถึงบทบาทของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานในการอำนวยความสะดวกในการใช้งาน
เอกสาร “Rockefeller Impact Investing Handbook” ของ Rockefeller Philanthropy Advisors เป็นคู่มือที่ให้ภาพรวมเกี่ยวกับการลงทุนที่สร้างผลกระทบ โดยเริ่มต้นจากการอธิบาย ประวัติศาสตร์ของการลงทุนที่สร้างผลกระทบ ซึ่งครอบคลุมเหตุการณ์สำคัญและวิวัฒนาการของแนวคิดนี้ นับตั้งแต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องในสหรัฐอเมริกาไปจนถึงการก่อตั้งองค์กรระดับโลกต่างๆ หนังสือเล่มนี้ยังชี้แจง สาเหตุที่องค์กรการกุศล เช่น Rockefeller สนับสนุนการลงทุนรูปแบบนี้ โดยมองว่าการกุศลคือการใช้ทรัพยากรส่วนตัวเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่จำกัดเฉพาะการบริจาคเท่านั้น นอกจากนี้ คู่มือยังให้คำแนะนำ ภาคปฏิบัติสำหรับนักลงทุน ที่ต้องการผนวกวัตถุประสงค์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้ากับการตัดสินใจลงทุน เช่น การกำหนดเป้าหมายผลกระทบ, การเลือกเครื่องมือและโครงสร้างการลงทุนที่เหมาะสม, การวัดผล และการจัดการกระบวนการอย่างมีประสิทธิภาพ
วิดีโอ YouTube ของ Nomura เรื่อง "The Week Ahead – Fed Ahead" ที่ตัดตอนมานี้ให้ภาพรวมการวิเคราะห์ตลาดการเงินทั่วโลกจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน เริ่มจากการอภิปรายเกี่ยวกับ แรงกดดันทางการเมืองต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการลดอัตราดอกเบี้ย โดยเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เป็นไปได้และ ผลกระทบจากการแต่งตั้งบุคคลที่อาจมีความเอนเอียงทางการเมือง เข้าสู่ตำแหน่งสำคัญ จากนั้นจะมีการวิเคราะห์ ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ โดยละเอียด ซึ่งส่งผลให้ Nomura ต้องปรับเปลี่ยนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวถึง สถานการณ์ทางการค้าและเศรษฐกิจในจีน รวมถึงผลกระทบของการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสุดท้ายมีการตรวจสอบ นโยบายการเงินในสหราชอาณาจักรและยุโรป รวมถึงการตัดสินใจของธนาคารกลางอังกฤษและ Riksbank รวมถึงผลกระทบของข้อมูล PMI ที่กำลังจะมาถึงต่อแนวโน้มการเติบโตของ GDP ในภูมิภาคยุโรป
เอกสารการวิจัยของ Deutsche Bank วิเคราะห์ความแตกต่างด้านประสิทธิภาพระหว่างบริษัทในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยเน้นว่าบริษัทในยุโรปมักจะทำกำไรได้น้อยกว่าคู่แข่งในสหรัฐฯ รายงานระบุว่า ยุคที่ปัจจัยหนุนทางธุรกิจเช่นอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นและหนี้ราคาถูกได้สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องหาวิธีสร้างมูลค่าใหม่ ประสิทธิภาพของสินทรัพย์ ซึ่งวัดจากอัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์ ถูกนำเสนอเป็นปัจจัยสำคัญที่บริษัทในยุโรปสามารถควบคุมได้เพื่อเพิ่มมูลค่าหุ้นและลดช่องว่างกับบริษัทในสหรัฐฯ รายงานนี้ยัง นำเสนอสองกรณีศึกษา และให้คำแนะนำสำหรับผู้บริหารและผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับวิธี การส่งเสริมประสิทธิภาพ รวมถึงการขายหน่วยธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก การนำเทคโนโลยีและ AI มาใช้ และการปรับปรุงเทคนิคการบริหารจัดการ เพื่อให้บริษัทในยุโรปสามารถแข่งขันได้ในยุคธุรกิจใหม่นี้
งานวิจัย “ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่ส่งผลต่อราคาหุ้นและตราสารหนี้” ที่จัดพิมพ์โดย CFA Institute Research Foundation สำรวจปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจมหภาคที่ขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนของหุ้นและตราสารหนี้ รายงานนี้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดจากความสัมพันธ์เชิงลบไปสู่เชิงบวก โดยใช้ประโยชน์จาก การเรียนรู้ของเครื่อง เพื่อระบุตัวแปรที่ส่งผลกระทบมากที่สุดต่อความสัมพันธ์นี้ ผู้เขียน Friedrich Baumann, Abdolreza Nazemi, และ Frank J. Fabozzi ได้ให้กรอบการทำงานที่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนในการทำความเข้าใจและจัดการความผันผวนของตลาด การศึกษายังเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของ Random Forests ในการคาดการณ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการถดถอยเชิงเส้น และพบว่า ตัวบ่งชี้การผลิตชั้นนำ เป็นปัจจัยสำคัญในการทำนายความสัมพันธ์ดังกล่าว.
เอกสาร "Sick as a Dog" ของ J.P. Morgan Asset & Wealth Management วิเคราะห์ภาพรวมของตลาดหุ้นกลุ่มธุรกิจการดูแลสุขภาพในสหรัฐอเมริกา โดยเน้นย้ำถึงมูลค่าหุ้นที่ลดลงอย่างมากตั้งแต่ปี 2020 เมื่อเทียบกับภาคเทคโนโลยี รายงานนี้ระบุปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อภาคส่วนนี้ เช่น การเสนอมาตรการควบคุมราคายา และความกังวลเกี่ยวกับการลดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับทุนจากรัฐบาล รวมถึง ประเด็นด้านการอนุมัติยาและการปฏิรูปด้านสิทธิบัตรยา นอกจากนี้ เอกสารยังสำรวจบทบาทของจีนในห่วงโซ่อุปทานยา และ ความน่าเชื่อถือของการทดลองยาในจีน พร้อมกับพิจารณาผลกระทบของนโยบายต่อบริษัทประกันสุขภาพ และแนวโน้มในอนาคตของการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับอายุยืนยาวและการรักษาโรคต่างๆ แม้จะมีปัจจัยลบมากมาย แต่รายงานก็ชี้ให้เห็นว่ามูลค่าหุ้นที่ต่ำในปัจจุบันอาจเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว
รายงานฉบับนี้จาก J.P. Morgan Equity Strategy ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 วิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 ทั่วโลก โดยเน้นข้อมูลจาก สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น รายงานนำเสนอ ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับ การเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) และ ยอดขาย เปรียบเทียบกับประมาณการที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ยังเจาะลึกถึง แนวโน้มการเติบโตของ EPS ที่คาดการณ์ไว้สำหรับปี 2568 และ 2569 และให้ ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองของราคาหุ้น ต่อผลประกอบการที่เกินหรือต่ำกว่าคาดการณ์ รายงานยังรวบรวม รายการบริษัท ที่ออกคำเตือนผลกำไรหรือพลาดประมาณการในไตรมาสนี้ โดยให้เหตุผลในการปรับลดผลประกอบการของแต่ละบริษัท
Nomura ในช่อง YouTube "The Week Ahead – Dual Mandate Pressure" ได้นำเสนอการวิเคราะห์เศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก โดยเน้นไปที่การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ รวมถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีใหม่ๆ ของสหรัฐฯ ที่มีต่ออุตสาหกรรมชิปและเวชภัณฑ์ บทความนี้ได้หารือถึง ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง และผลกระทบต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งต้องเผชิญกับความกดดันจากนโยบายคู่ขนาน นอกจากนี้ ยังได้สำรวจแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในสหราชอาณาจักร ยุโรป ออสเตรเลีย และไทย ซึ่งรวมถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับ GDP อัตราการว่างงาน และการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในแต่ละภูมิภาค สุดท้ายนี้ นักวิเคราะห์ยังได้ให้มุมมองเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในระยะกลาง และระบุสกุลเงินที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เช่น ยูโรเมื่อเทียบกับรูปีอินเดีย และเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก
เอกสารฉบับนี้เป็นการวิเคราะห์ภาวะการเติบโตของตลาดเกิดใหม่ (EM) โดย Deutsche Bank ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 โดยหลักแล้ว เอกสารนี้จะ อัปเดตตัวติดตามการเติบโต และประเมินปัจจัยขับเคลื่อนต่างๆ ที่ส่งผลต่อสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ แม้ว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ยูโรโซน และจีน จะมีการแก้ไขการคาดการณ์การเติบโตเพิ่มขึ้น แต่การเติบโตของตลาดเกิดใหม่โดยรวมกลับ ผสมผสานกัน และไม่ได้แสดงความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ตรงกันข้าม นโยบายสินเชื่อและการคลังที่เข้มงวดขึ้น ในหลายประเทศตลาดเกิดใหม่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จำกัดการเติบโต นอกจากนี้ การปรับปรุงส่วนต่างการเติบโตของตลาดเกิดใหม่เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ก็ดูเหมือนจะ ถูกกำหนดราคาไว้แล้ว ในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ.
เอกสารทั้งสองฉบับจาก Bank of America (BofA) มุ่งเน้นไปที่การ ลงทุนตามธีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (AVs) ฉบับหนึ่งให้ภาพรวมกว้างๆ เกี่ยวกับ การลงทุนตามธีม และวิธีที่ BofA ประเมิน การเปิดเผยต่อธีมของบริษัทต่างๆ ตั้งแต่ระดับต่ำ กลาง ไปจนถึงสูง อีกฉบับหนึ่งเป็น คู่มือเฉพาะสำหรับยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยระบุ โอกาสทางการตลาดขนาดใหญ่ มูลค่ากว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ และให้รายละเอียดเกี่ยวกับ หุ้นที่เกี่ยวข้อง 28 ตัว ในภาคส่วนต่างๆ เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ ซอฟต์แวร์ และเซมิคอนดักเตอร์ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลนักวิเคราะห์ คำจำกัดความ และ ความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่กล่าวถึง
เอกสารดังกล่าวคือ รายงานการวิจัยตลาด โดย Goldman Sachs ที่วิเคราะห์แนวโน้มและปัจจัยสำคัญในตลาดค้าปลีกสินค้าลิขสิทธิ์ (IP) ของจีน โดยเน้นเป็นพิเศษที่บริษัท Pop Mart รายงานนี้ครอบคลุมการถกเถียงเกี่ยวกับ วงจรชีวิตของ IP ความยั่งยืนของการเติบโต ขนาดตลาดที่สามารถเข้าถึงได้ (TAM) และ ปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ IP นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อประเมินศักยภาพการเติบโตระยะยาวของ Pop Mart ทั้งในแง่ของการขยาย IP และการเจาะตลาดใหม่ๆ อย่างอเมริกาเหนือและยุโรป พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับบริษัท IP ระดับโลกอื่นๆ เช่น Disney และ Lego
แหล่งที่มาทั้งสองฉบับจาก Goldman Sachs วิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจของอัตราภาษีที่อาจเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบต่ออัตราภาษีนำเข้าที่มีผล (ETR) อัตราเงินเฟ้อ (Core PCE) และการเติบโตของ GDPรายงาน "US Economics Analyst" เสนอการคาดการณ์พื้นฐาน สำหรับการเพิ่มขึ้นของภาษีและ สำรวจสถานการณ์ทางเลือกที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงระดับภาษีที่ลดลงและเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ รายงาน "US Weekly Kickstart" ตรวจสอบผลกระทบของภาษีและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าต่อผลประกอบการของ S&P 500 โดยชี้ให้เห็นว่า ตลาดหุ้นยังคงมองข้ามความกังวลเรื่องภาษี และ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงนั้นเป็นปัจจัยบวกเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่มีรายได้จากต่างประเทศสูง
เอกสารจาก Goldman Sachs ฉบับนี้วิเคราะห์ตลาดหุ้นจีน โดยเน้นย้ำถึง การฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง และ แนวโน้มเชิงบวก ที่ขับเคลื่อนโดยหลายปัจจัย เช่น ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ลดลง และ การเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งของจีนรายงานนี้เน้นย้ำถึง ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น และ กิจกรรมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฮ่องกงและหุ้นที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้ยังหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในคำแนะนำภาคส่วน โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มบริษัทจีนที่มีแนวโน้มโดดเด่น และ ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น แม้จะมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังเตือนถึง ความเปราะบางที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก และ ความผิดหวังด้านนโยบายภายในประเทศ ในระยะสั้น
รายงาน "AI Eats the World: Themes for 2025" จาก TD Asset Management สำรวจแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2025 โดยเน้นที่ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ และความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (AI)บทความนี้ให้ภาพรวมของมุมมองการจัดสรรสินทรัพย์หลักของคณะกรรมการจัดสรรสินทรัพย์ของ TD Wealth รวมถึงการให้น้ำหนักในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก รายงานยังวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจระดับโลกและภูมิภาค โดยพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีน สหรัฐอเมริกา และแคนาดา นอกจากนี้ ยังอธิบายถึงการพัฒนาที่สำคัญในด้าน AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI ทางกายภาพ ความสามารถที่เพิ่มขึ้นของจีนในด้าน AI และนโยบายด้านเทคโนโลยีของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ สุดท้าย ให้คำแนะนำแก่นักลงทุนเกี่ยวกับวิธีการวางตำแหน่งพอร์ตโฟลิโอ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
เอกสารชุดนี้จาก Deutsche Bank Research วิเคราะห์เชิงลึก การแข่งขันระดับโลกด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะรักษาความเป็นผู้นำ รายงานฉบับนี้อธิบายถึง แผนปฏิบัติการ AI ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเน้นการลดกฎระเบียบ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังคู่แข่ง นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึง ความได้เปรียบของสหรัฐฯ ด้านนวัตกรรม แม้ว่าจีนจะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการพัฒนา AI ก็ตาม สุดท้าย เอกสารยังระบุถึง ความจำเป็นในการลงทุนด้านพลังงาน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของศูนย์ข้อมูล AI และ ความสำคัญของการควบคุมความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนี้
เอกสารทั้งสองฉบับจาก Bank of America Global Research เป็นรายงานเชิงวิเคราะห์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก รายงาน "The Flow Show" ให้ภาพรวมของ กระแสเงินทุน ในตลาดสินทรัพย์ต่างๆ เช่น พันธบัตร หุ้น และคริปโตเคอร์เรนซี โดยเน้นย้ำถึง กลยุทธ์การลงทุน และ ตัวชี้วัดความเสี่ยง นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ นโยบายการเงิน ทั่วโลกและผลกระทบต่อตลาด ในขณะที่รายงาน "Washington Matters" เจาะลึกถึง ประเด็นนโยบายของสหรัฐฯ ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายภาษีนำเข้า การผ่านกฎหมายเกี่ยวกับ สกุลเงินดิจิทัล และ การตัดลดงบประมาณ ของรัฐบาล ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อ แนวโน้มเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของการ ปิดหน่วยงานภาครัฐ ในอนาคต
ผู้เขียน Kenneth Rogoff โดยเนื้อหาของหนังสือมุ่งเน้นไปที่การสำรวจบทบาทของ เงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินหลักของโลก หนังสือเล่มนี้ได้ตรวจสอบ ความท้าทายในอดีต ที่เงินดอลลาร์ต้องเผชิญ รวมถึงสกุลเงินของ สหภาพโซเวียต ญี่ปุ่น และยูโร นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ สถานะปัจจุบันของเงินหยวนของจีน ในฐานะคู่แข่งที่อาจเกิดขึ้น และหารือเกี่ยวกับ ประเด็นทางเศรษฐกิจและการเงินต่างๆ ที่ส่งผลต่อ สถานะการครอบงำ ของเงินดอลลาร์ รวมถึง อัตราเงินเฟ้อ หนี้สาธารณะ และผลกระทบของการตรึงอัตราแลกเปลี่ยน สรุปแล้ว หนังสือเล่มนี้พิจารณาว่า เงินดอลลาร์จะยังคงรักษาสถานะความเป็นเจ้าโลกได้หรือไม่ ท่ามกลางภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
เอกสาร “ARK Invest Quarterly Thematic Update July 2025” คือรายงานประจำไตรมาสที่จัดทำโดย ARK Invest Europeโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และ การลงทุนในธีมต่างๆ รายงานนี้เริ่มต้นด้วยการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจาก Cathie Wood ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง ARK Invest ตามด้วยการวิเคราะห์ กระแสเงินลงทุนใน European Thematic ETFs ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 โดยเน้นธีมที่ได้รับความสนใจสูง เช่น การป้องกันประเทศและ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นอกจากนี้ ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับ ผลการดำเนินงาน ของกองทุน ETF ที่เน้นนวัตกรรมต่างๆ ของ ARK รวมถึง มุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของพลังงานสะอาด ที่มีแรงผลักดันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะตลาดผันผวน
แหล่งที่มาคือรายงานกลยุทธ์การลงทุนฉบับหนึ่งในชื่อ “THE DR PLAYBOOK” ซึ่งนำเสนอโดย Finansia Syrus Securities Public Company Limited รายงานฉบับนี้ให้ ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกและแนวโน้มการลงทุนสำหรับครึ่งหลังของปี 2025 โดยเน้นไปที่ การวิเคราะห์ตลาดและภาคส่วนต่างๆ รวมถึงให้ คำแนะนำในการลงทุนในผลิตภัณฑ์ DR (Depositary Receipts) ด้วย รายงานระบุถึง ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดกระทิงในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างเช่น ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงและสถานการณ์ความขัดแย้งที่คลี่คลายลง แต่ก็เตือนถึง ความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น จากนโยบายภาษีการค้าและระดับมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ DR ที่น่าสนใจ และให้ บทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของสินทรัพย์หลักและดัชนีหุ้นทั่วโลก รวมถึง ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการลงทุน เช่น ธีมการบริโภคใหม่ๆ และหุ้นที่เน้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
World Gold Council ได้เผยแพร่รายงาน "Gold Mid-Year Outlook 2025: Downhill or second wind?" ซึ่งประเมินแนวโน้มราคาทองคำสำหรับครึ่งหลังของปี 2025 รายงานนี้วิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในปัจจุบัน โดยระบุว่าราคาทองคำได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ในครึ่งแรกของปี 2025 และพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้สามประการ: สถานการณ์ปกติที่ราคาทองคำอาจทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย, สถานการณ์เศรษฐกิจแย่ลงซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ, และ สถานการณ์ที่ความเสี่ยงคลี่คลายซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง นอกจากนี้ รายงานยังได้สรุปถึงบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน.
เอกสารจาก Bank of America Institute ชุดนี้สำรวจ แปดธีมหลัก ที่คาดว่าจะกำหนดทิศทางโลกในช่วงปี 2025-2030 โดยเปลี่ยนจากแนวโน้มระดับมหภาคไปสู่การพัฒนาที่เน้นรายละเอียดยิ่งขึ้น เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิวัติ AI เป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งจะนำไปสู่ ยุค Industry 6.0 ที่ลดการพึ่งพามนุษย์ และก่อให้เกิดความต้องการทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล รวมถึงความกังวลเรื่อง ความไม่มั่นคงทางดิจิทัล เช่น อาชญากรรมไซเบอร์และ Deepfake ขณะเดียวกัน ก็คาดการณ์ถึงบทบาทของ แนวคิดประชานิยม ที่ส่งผลต่อโลกาภิวัตน์และนโยบายการเข้าเมือง รวมถึง ภูมิทัศน์ของสงครามและสันติภาพ ที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับ อิทธิพลทางเศรษฐกิจ ของคนรุ่น Gen Z และ Baby Boomers ที่มีต่อรูปแบบการบริโภค และการเปลี่ยนแปลงของ สุขภาพที่กลายเป็นความมั่งคั่งใหม่ ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์อย่าง AI และยา GLP-1.
เอกสารจาก BNP Paribas นี้ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาทไทย (THB) กับราคาทองคำ ซึ่งมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษในปีนี้ บทความระบุว่าความสัมพันธ์ในอดีตที่เกิดจากการแปลงรายได้จากการส่งออกทองคำสุทธิเป็นเงินบาท ไม่สามารถอธิบายความเชื่อมโยงที่เห็นได้ชัดเจนในปีนี้ แต่กลับชี้ไปที่ แนวโน้มการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ (de-dollarisation)ที่กระตุ้นให้นักลงทุนทองคำเพิ่มอัตราส่วนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX hedge ratios) และ การทำธุรกรรม FX ที่เกี่ยวข้องกับทองคำอาจมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ในตลาดเงินบาท ข้อความยังกล่าวถึงความเสี่ยงที่ความสัมพันธ์นี้จะอ่อนตัวลง เช่น การแทรกแซงของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ การลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น แม้คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทจะลดลงเล็กน้อยในระยะกลาง แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นอุปสรรคต่อสกุลเงิน เช่น ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
เอกสารจาก Goldman Sachs ฉบับนี้ วิเคราะห์การเปิดรับรายได้จากการขายในต่างประเทศของบริษัท S&P 500 ในปี 2024โดยระบุว่า 28% ของรายได้รวมมาจากต่างประเทศ โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและยุโรปเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในส่วนนี้ รายงานยังชี้ให้เห็นว่า ภาคเทคโนโลยีสารสนเทศมีรายได้จากต่างประเทศเกินครึ่ง ในขณะที่บางภาคส่วนแทบไม่มีเลย นอกจากนี้ยังมีการอธิบายและ rebalancing กลุ่มหุ้นที่เน้นการขายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเปิดรับตลาดเหล่านี้ รวมถึง การจัดกลุ่มหุ้นตามการเปิดรับภูมิภาคที่เฉพาะเจาะจง เช่น ยุโรปตะวันตกและตลาดเกิดใหม่