Podcasts สำหรับการเติมกำลังให้กับจิตวิญญาณของเรา
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่164)ประโยชน์ของจุดพลิกผันในชีวิต!(Turning Points in Life)“พระยาห์เวห์ตรัสแก่อับรามว่า“เจ้าจงออกจากดินแดนของเจ้า จากญาติพี่น้องของเจ้า จากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะสำแดงแก่เจ้า เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรเจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โต แล้วเจ้าจะเป็นพร” ~ปฐมกาล 12:1-2 THSV11”“The Lord had said to Abram,“Go from your country, your people and your father's household to the land I will show you. “I will make you into a great nation, and I will bless you; I will make your name great, and you will be a blessing.”“ ~Genesis 12:1-2 NIVชีวิตของเราอาจจะเผชิญกับจุดพลิกผันอย่างไม่คาดฝัน!หากว่าเรารับมือไม่ได้หรือจัดการได้ไม่เหมาะสม ชีวิตของเราก็อาจจะอับปาง แต่หากว่าเรารับมือได้ดี เราก็อาจรุ่งเรืองรุ่งโรจน์มากยิ่งกว่าที่เราคิดไว้!ดังนั้น จุดพลิกผันในชีวิต จึงมีประโยชน์อย่างมหาศาล หากว่าเรารู้จักมองแล้วจุดพลิกผันของชีวิตมีประโยชน์อะไรบ้าง?จุดพลิกผันของชีวิต ทำให้เราตระหนักว่าอะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง(Turning points help us recognize what truly matters.)จุดพลิกผันของชีวิต ปลุกศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวของเราขึ้นมา(Turning points awaken hidden strengths and potential within us.)จุดพลิกผันของชีวิต นำเราให้เข้าใกล้ชิดและให้พึ่งพระเจ้ามากขึ้น(Turning points draw us closer to God, teaching us to rely on Him.)จุดพลิกผันของชีวิต สร้างความเข้มแข็งอดทนและหล่อหลอมให้เรามีหัวใจที่แข็งแกร่ง(Challenges at turning points build resilience and perseverance.)จุดพลิกผันของชีวิต ทำให้เราเติบโตขึ้นและหลุดพ้นจากความคุ้นชินของเรา(Turning points push us to grow beyond our comfort zones.)จุดพลิกผันของชีวิต เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ที่ดีกว่าและยิ่งใหญ่กว่าเดิม(Turning points open doors to new,better and greater opportunities.)จุดพลิกผันของชีวิต ทำให้เรื่องราวชีวิตเราเป็นพรและกลายเป็นคำพยานแห่งชัยชนะ(Our turning points become testimonies that inspire others.)พี่น้องที่รักขอให้เราพร้อมน้อมรับจุดพลิกผันของชีวิต ไม่ว่าจะมาถึงเราในรูปแบบใดด้วยความเชื่อมั่นและวางใจในพระเจ้าขอให้เราเชื่อฟังและกระทำตามการทรงเรียกและการทรงนำของพระเจ้าเหมือนดังที่อับราฮัมได้กระทำเป็นตัวอย่างเพื่อเราจะได้รับพรจากพระเจ้า มีชื่อเสียงดีและเป็นพรต่อคนอื่นต่อไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า แม้แต่ในท่ามกลางวิกฤตการณ์ของโลกนี้!… จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 11กันยายน2025 (ตอนที่164 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่163) จะเตรียมตัวก่อนรับใช้อย่างไรดี? “จงเตรียมงานของเจ้าที่ข้างนอก จงทำมันให้พร้อมสำหรับเจ้าที่ในนา และหลังจากนั้นก็จงสร้างบ้านของเจ้า” ~สุภาษิต 24:27 THSV11 “Prepare your work outside And get it ready for yourself in the field; Afterward build your house and establish a home.” ~Proverbs 24:27 AMP ไม่ว่าจะทำอะไร เราต้องจัดลำดับสำคัญก่อนหลังให้ ถูกต้องและ ชัดเจน รวมทั้งต้องเตรียมตัวให้พร้อมอย่างเหมาะสมก่อนลงมือทำสิ่งเหล่านั้น การรับใช้พระเจ้าในพันธกิจใดพันธกิจหนึ่งก็เช่นกัน! มีอะไรบ้างที่เราควรเตรียมให้พร้อม?1.เตรียมชีวิตฝ่ายวิญญาณ – ใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้า รับกำลังและสติปัญญาจากพระองค์“แต่บรรดาผู้ที่รอคอยพระเจ้าจะรับกำลังใหม่ จะพุ่งขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี จะวิ่งแล้วไม่เหน็ดเหนื่อย จะเดินแล้วไม่อ่อนแรง” ~อิสยาห์ 40:312.เตรียมความคิดจิตใจ –มีทัศนคติพร้อมเผชิญความยากลำบากและยอมจำนนต่อพระเจ้า “เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลาย ที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” ~โรม 8:28 THSV113. เตรียมด้านความรู้~ในเรื่องต่างๆที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องคำสอนในพระคัมภีร์ “จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง” ~2 ทิโมธี 2:15 THSV11 4.เตรียมทักษะที่สำคัญต่อการรับใช้ ~ในเรื่องการสื่อสารและ การทำงานกับคนและอุปกรณ์ “โดยพระคุณของพระเจ้าที่ประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้ ชำนาญ และอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้น แต่ละคนต้องระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นอย่างไร” ~1 โครินธ์ 3:10 THSV115.เตรียมทรัพยากรที่ต้องมีต้องใช้~จัดหา หรือจัดเตรียมเงินทุน อุปกรณ์ หรือเครื่องมือ “ในพวกท่านมีใครบ้างเมื่อปรารถนาจะสร้างตึก จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอที่จะสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่?” ~ลูกา 14:28 THSV116.เตรียมทีมและคนที่จำเป็น~ สร้างความสัมพันธ์และวางระบบในการทำงานด้วยกันเป็นทีม “เนื่องจากพระองค์นี้เอง ร่างกายทั้งหมดจึงได้รับการเชื่อมและประสานเข้าด้วยกันโดย ทุกๆ ข้อต่อที่ประทานมานั้น และเมื่อแต่ละส่วนทำงานตามหน้าที่แล้ว ก็ทำให้ร่างกายเจริญ และเสริมสร้างตนเองขึ้นด้วยความรัก” ~เอเฟซัส 4:16 THSV117.เตรียมครอบครัว~ให้ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและมีชีวิตสมดุลในงานและในบ้าน “(เพราะถ้าชายคนไหนไม่รู้จักปกครองครอบครัวของตน คนนั้นจะดูแลคริสตจักรของพระเจ้า ได้อย่างไร?)” ~1 ทิโมธี 3:5 THSV118.เตรียมพัฒนาตัวเองและคนอื่นอย่างต่อเนื่อง~ให้เรียนรู้ทันยุคสมัยและตรงความต้องการ “คนมีปัญญาจะได้ยินและเพิ่มพูนการเรียนรู้ และคนที่มีความเข้าใจจะได้การชี้แนะ” ~สุภาษิต 1:5 THSV11 พี่น้องที่รัก หากท่านจะรับใช้พระเจ้าไม่ว่าจะเป็นงานเดิมหรืองานใหม่จงเตรียมตัวและปัจจัยต่างๆให้พร้อมที่สุดก่อนลงมือทำ เพราะว่างานพระเจ้าล้วนมีความสำคัญ เหมือนคำกล่าวที่ว่า“งานพระเจ้าต้องการหัวใจและเครื่องมือ พร้อมทั้งการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด”(God's work requires heart, tools, and wise stewardship of resources.) เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 10กันยายน2025 (ตอนที่163 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน หนูถูกใส่ร้าย Ep.1387 เราทำอย่างไรเมื่อเราถูกใส่ร้าย ในเวลาที่ความจริงถูกบิดเบือน แต่ก็เวลาอีกเช่นกันที่จะช่วยพิสูจน์ความจริงถึงความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเราทั้งต่อพระเจ้าและต่อคนอื่นๆ เรื่องราวของเมฟีโบเชทใน 2 ซามูเอล 19:24–30 เป็นตัวอย่างให้เรายังคงความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีไว้ แม้จะถูกคนใกล้ชิดหักหลัง เมฟีโบเชทเป็นหลานของซาอูล ที่ดาวิดให้ความเมตตาเพราะเป็นลูกชายของโยนาธาน เขาถูกศิบามหาเล็กที่ดาวิดแต่งตั้งให้ดูแลเขาใส่ร้ายในวันที่ดาวิดกำลังหนีอับซาโลม ดาวิดจึงประกาศยกที่ดินทั้งหมดที่สืบทอดมาจากซาอูลให้ศิบา แต่ในวันที่ดาวิดกลับมาความจริงก็ถูกปรากฎ'เมฟีโบเชท พระราชนัดดาของซาอูลก็ลงมารับเสด็จ โดยไม่ได้แต่งเท้าหรือขลิบเครา หรือซักเสื้อผ้าของตนตั้งแต่วันที่พระราชาเสด็จจากไปจนวันที่เสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ ' 2 ซามูเอล 19:24 การไม่ได้แต่งเท้า ขลิบเครา หรือซักเสื้อผ้า ทำให้เห็นถึงความโศกเศร้าและความซื่อสัตย์ที่มีต่อดาวิด เมื่อดาวิดถาม เมฟีโบเชทก็เล่าความจริงว่าถูกศิบาใส่ร้าย ดาวิดจึงตัดสินใจทำโครงการคนละครึ่ง ดาวิดให้แบ่งที่ดินกันคนละครึ่ง แต่เมฟีโบเชทตอบดาวิดอย่างความจริงใจ'เมฟีโบเชททูลพระราชาว่า “เมื่อพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทได้เสด็จกลับสู่พระราชวังโดยสวัสดิภาพเช่นนี้แล้ว ก็ให้ศิบารับไปหมดเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ' 2 ซามูเอล 19:30 เมฟีโบเชมปฎิเสธไม่ขอรับสิ่งใด เพียงแค่เห็นดาวิดกลับมาอย่างปลอดภัยเขาก็โอเคแล้ว ความจริงใจซื่อสัตย์ จงรักภักดีและเวลาจะเป็นเครื่องยืนยันความจริงที่เรามี ที่เราเป็น แม้ว่าบางคนจะเข้าใจผิด แต่ให้เรามั่นใจว่า พระเจ้าทรงรู้ความจริงทุกอย่าง และพระองค์จะทรงพิพากษาทุกคนด้วยความยุติธรรม 'เพราะว่าเราทุกคนจำเป็นต้องปรากฏตัวต่อหน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อแต่ละคนจะได้รับสิ่งที่สมกับการกระทำในกายนี้ ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว ' 2 โครินธ์ 5:10 บัลลังค์นี้ไม่ใช่พระที่นั่งของจอมกัษตริย์ แต่เป็นบัลลังค์ของผู้พิพากษา ขอให้เราระลึกข้อนี้ไว้ให้ดี ที่เราจะไม่ใส่ร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ แต่ถ้าหากเราถูกใส่ร้ายขอให้พระวจนะของพระเจ้านี้เป็นกำลังใจให้เรารักษาความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีไว้ เพราะทุกอย่างจะปรากฎแน่นอนในเวลาของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน เอาคืนด้วยการอภัย Ep.1386 เมื่อเราตกเป็นฝ่ายที่ถูกทำร้าย ถูกสบประมาท หรือถูกสาปแช่ง การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่ดาวิดทำกับชิเมอีเป็นบทเรียนสำคัญที่สอนเราว่า เราต้อวเลือกให้อภัย้พื่อยืนยันความเป็นลูกของพระเจ้า ใน 2 ซามูเอล 19:16–23 ดาวิดได้กลับคืนสู่อำนาจ ชิเมอีที่เคยซ้ำเติมดาวิดในเวลาที่ตกต่ำอย่างมาก เขารีบนำคนเผ่าเบนยามินมาขอโทษ มาขอให้ดาวิดไม่จดจำความผิดของเขาโดยยอมรับว่าตัวเองทำผิดต่อดาวิด และบอกว่าเขารีบมาเป็นคนแรกเพื่อต้อนรับกษัตริย์ดาวิดกลับบ้าน แต่อาบีชัยก็โกรธซึ่งคำขอของเขาก็เหมือนเดิม เหมือนใน 2 ซามูเอล 16 เขาขอให้จัดการชิเมอี และคำตอบของดาวิดในครั้งนี้ก็คล้ายๆกัน'แต่ดาวิดตรัสว่า “บุตรทั้งสองของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีธุระอะไรกับท่าน ซึ่งในวันนี้ท่านจะมาเป็นปฏิปักษ์กับเรา ในวันนี้น่ะควรที่จะให้ใครในอิสราเอลมีโทษถึงตาย ในวันนี้เราไม่ทราบหรือว่า เราเองเป็นกษัตริย์ครอบครองอิสราเอล?” ' 2 ซามูเอล 19:22 นี่เป็นคำตอบที่ไม่ยอมรับข้อเสนอที่หนักแน่นมาก ดาวิดเลือกที่จะให้อภัยมากว่าใช้ความกลัวควบคุมคน แล้วดาวิดก็ประกาศว่า ชิเมอีจะไม่ตาย เราอาจจะมองเหมือนอาบีชัยว่าเขาสมควรตาย ผมขอเล่ากระโดดข้ามว่าในที่สุดชิเมอีก็โดนประหารชีวิตโดยซาโลมอน มุมมองในวันนี้เกิดขึ้นจากดาวิดที่สอดคล้องกับสิ่งที่พระเยซูสอนซึ่งเป็นหัวใจของพระเจ้า ในเรื่องการให้อภัย'จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย ' โคโลสี 3:13 การให้อภัยไม่ใช่เพียงแค่ยกโทษให้เขา แต่คือทางเลือกที่ตัวเราจะเป็นอิสระจากความขมขื่น จากความเจ็บแค้น และเริ่มวางใจว่าพระเจ้าจะเป็นผู้จัดการเขาเองในเวลาของพระองค์ ในพันธสัญญาใหม่พระเยซูกำชับเราเรื่องนี้อย่างมาก และผมขอสรุปจาก'อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี' โรม 12:21 วิธีการของพระเจ้าแตกต่างจากวิธีของโลกอย่างสิ้นเชิง โลกบอกว่าต้องจัดการให้สิ้นซาก แต่พระเยซูสอนให้เราให้อภัย ให้อวยพรคนที่แช่งด่าท่าน วันนี้เราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว ขอให้เราจะยืนยันการเป็นลูกด้วยความรักของพระองค์ที่เราจะยอมให้อภัยผู้คน และเอาชนะความชั่วทุกอย่างด้วยความดีของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่162) การให้ด้วยใจกว้างขวาง! “เพราะในขณะที่พวกเขาเผชิญการทดสอบมากมายจากความยากลำบากนั้น ความยินดีที่เต็มล้นและความยากจนอย่างที่สุดของพวกเขาได้ล้นออกมาเป็นใจกว้างขวางยิ่ง” ~2 โครินธ์ 8:2 THSV11 “In the midst of a very severe trial, their overflowing joy and their extreme poverty welled up in rich generosity.” ~2 Corinthians 8:2 NIV มีคำกล่าวไว้ว่า “พระเจ้ามองที่หัวใจของผู้ให้ ไม่ใช่ที่ขนาดหรือจำนวนของสิ่งที่ถูกถวาย!“ (God looks at the heart of the giver, not the size of the gift.) ดังนั้นจงสำรวจใจของเรา ว่าถูกต้องหรือไม่ ก่อนที่เราจะถวายสิ่งใดให้พระเจ้าหรือให้แก่ผู้อื่น และถ้าเราจะถวายหรือหรือแบ่งปันสิ่งใด ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง! แล้วการให้ด้วยใจกว้างขวาง มีลักษณะอย่างใด?1.ให้ตามที่คิดหมายไว้ในใจด้วยใจยินดี ~ไม่ใช่จำใจหรือเสียดาย “แต่ละคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่ให้ด้วยความเสียดาย ไม่ใช่ให้ด้วยความจำใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนที่ให้ด้วยใจยินดี” ~2 โครินธ์ 9:7 THSV112.ให้โดยไม่เรียกร้องสิ่งใดเป็นการตอบแทน~ได้รับเปล่าๆ ก็จงให้เปล่าๆ “จงรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย จงทำให้คนตายแล้วเป็นขึ้น จงทำให้คนโรคเรื้อนหายสะอาด และจงขับผีออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆ ก็จงให้เปล่าๆ” ~มัทธิว 10:8 THSV113.ให้อย่างที่พระเจ้าพอพระทัย~ไม่หวงแต่คิดถึงผู้อื่นและช่วยเหลือพวกเขา “อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” ~ฮีบรู 13:16 THSV114.ให้ตามความสามารถ~แต่(บางครั้ง)อาจสุดหรือเกินกว่าความสามารถ “เพราะข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่าพวกเขาถวายตามความสามารถ ที่จริงก็เกินความสามารถ และทำด้วยความสมัครใจ” ~2 โครินธ์ 8:3 THSV11 5. ให้โดยมีความรักเป็นพื้นฐาน~เพราะแม้ให้มากแต่ขาดความรักก็ไร้ค่า“แม้ข้าพเจ้ายกทรัพย์สินทั้งหมดให้คนยากไร้และยอมพลีกายให้เอาไปเผาไฟ แต่ไม่มีความรัก ก็เปล่าประโยชน์” ~1โครินธ์ 13:3 TNCV 6.ให้อย่างถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า~ให้ด้วยความเชื่อฟังและไว้วางใจในพระเจ้า “จงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยทรัพย์สมบัติของเจ้า ด้วยผลแรกจากผลผลิตทั้งปวงของเจ้า แล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มล้น และถังของเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยเหล้าองุ่นใหม่” ~สุภาษิต 3:9-10 TNCV 7.ให้มากมายด้วยความใจกว้าง ~ไม่ตระหนี่คิดเยอะ“จงจำไว้ว่าผู้ที่หว่านอย่างตระหนี่ก็จะเก็บเกี่ยวได้น้อย ผู้ที่หว่านด้วยใจกว้างขวางก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก” ~2โครินธ์ 9:6 TNCVสรุป การให้ด้วยใจกว้างขวาง คือการให้ที่ 1.เต็มไปด้วยความยินดี 2.ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน 3.หนุนใจและช่วยเหลือผู้อื่น(อย่างที่พระเจ้าพอพระทัย) 4.สุดกำลังและบางครั้งอาจเสียสละแบบเกินกำลังบ้าง 5.มีความรักเป็นพื้นฐาน 6.ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าแบบวางใจ 7.มีจำนวนมากแบบไม่คิดเยอะ ขอให้เราจดจำไว้เสมอว่า “ใจที่ให้อย่างกว้างขวาง สะท้อนพระทัยอันแท้จริงของพระคริสต์!“ (A generous heart in giving reflects the very heart of Christ.) ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 9กันยายน2025 (ตอนที่162 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้าน
พระธรรมนำชีวิตตอน ต้องก้าวข้าม Ep.1385 ความผิดพลาด ความแตกแยก หรือความสูญเสีย อาจทำให้ใจของเราเต็มด้วยความลังเลไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี แต่เมื่อถึงเวลาของพระเจ้า พระองค์จะทรงนำการคืนดีและการฟื้นฟูให้เกิดขึ้นเสมอ เรื่องราวของดาวิดที่กลับสู่เยรูซาเล็มหลังเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง ทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้ง และทรงสามารถรวมหัวใจคนให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวได้ เรื่องราวในวันนี้อยู่ใน 2 ซามูเอล 19:8-15 หลังจากที่โยอาบเตือนดาวิดอย่างตรงและรุนแรงแล้ว ดาวิดเลือกที่จะฟัง เขาลุกกลับขึ้นมาทำหน้าที่ ข้อ 8 สำนวนที่ว่า “ดูสิ พระราชาประทับอยู่ที่ประตู” กำลังหมายถึงการกลับมาทำหน้าที่ผู้นำอีกครั้งในที่ทำการของเมือง ประชาชนอิสราเอลก็เริ่มถกเถียงกันว่าจะเชิญดาวิดกลับมาดีไหม ดาวิดเองก็ส่งปุโรหิตไปพูดกับยูดาห์ครอบครัวของเขาให้เป็นฝ่ายแรกที่ต้อนรับให้เขากลับมา ในข้อ 13 เรื่องราวที่สำคัญ ดาวิดได้แต่งตั้งอามาสาแม่ทัพของอับซาโลมขึ้นมาทำหน้าที่แทนโยอาบ ผู้รู้และหนังสืออธิบายว่า นี่เป็นการลงโทษโยอาบที่ไม่ขัดร้องขอให้เบามือกับอับซาโลม แต่โยอาบกลับฆ่าเขา 'กษัตริย์ดาวิดชักจูงจิตใจของคนยูดาห์ทั้งปวงดังกับจิตใจของชายคนเดียว พวกเขาจึงส่งคนไปทูลพระราชาว่า “ขอฝ่าพระบาทเสด็จกลับพร้อมกับข้าราชการทั้งหมด” ' 2 ซามูเอล 19:14 จากคำพูดในข้อ 11-12 ที่ดุเดือดพอสมควรคนเผ่ายูดาห์ที่เคยลังเลว่าจะต้อนรับดาวิดหรือไม่ ตอนนี้พวกเขากลับมีความคิดอย่างเดียวกัน พวกเขาจึงส่งคนไปเชิญดาวิดกลับมา 'พระราชาก็เสด็จกลับและมายังแม่น้ำจอร์แดน และยูดาห์ก็พากันมาที่กิลกาลเพื่อรับเสด็จพระราชาและนำพระราชาเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดน ' 2 ซามูเอล 19:15 เรื่องราวนี้ทำให้เราเห็นว่า ดาวิดยอมก้าวข้ามออกมาจากความเศร้า เขาเลือกฟังคำเตือนแล้วลุกขึ้นมาทำหน้าที่ พวกเราต้องยอมก้าวข้ามและกล้าที่จะกลับมายืนในจุดที่พระเจ้ามอบหมายให้ พระเจ้าทรงทำงานผ่านคนที่ยอม และพระองค์ทรงสามารถทำให้จิตใจของผู้คนที่ขัดแย้งแตกแยกกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเคยแตกร้าวมากเพียงใด พระเจ้าทรงสามารถใช้เราให้เป็นสะพานในการคืนดีได้แน่นอน'จงพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มาจากพระวิญญาณนั้น โดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน ' เอเฟซัส 4:3 การลุกขึ้นและก้าวข้ามความทุกข์ใจของดาวิดไม่ใช่แค่การกลับสู่เมือง แต่เป็นการคืนดีที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ ทุกวันนี้เราก็อาจมี “แม่น้ำจอร์แดน” ที่ขวางกั้นอยู่ระหว่างความสัมพันธ์ที่แตกร้าว ถ้าเรายอมเชื่อฟังพระเจ้า ลุกขึ้นและก้าวข้ามเรื่องราวทุกอย่าง พระเจ้าจะเป็นผู้รวมใจและจะทรงฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเราให้กลับดีขึ้นมาใหม่อีกครั้งแน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่161) Mercy ความรักเมตตาที่มีให้กัน! “เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่เมตตาต่อคนที่ไม่แสดงความเมตตา ความเมตตาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา” ~ยากอบ 2:13 THSV11 “For God will not show mercy when he judges the person who has not been merciful; but mercy triumphs over judgment.” ~James 2:13 GNT คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้ หรือไม่?“ข้าพเจ้ามักพบว่าความเมตตา ให้ผลดีอันอุดมมากกว่าความยุติธรรมที่เข้มงวด!”(I have always found that mercy bears richer fruits than strict justice.) ~Abraham Lincoln คุณเคยรับความเมตตาจากใครบ้าง ที่คุณไม่เคยลืม? แล้วความเมตตาหมายความว่าอะไร? “ ความเมตตา”(Mercy) หมายความว่า “การสงสาร เห็นอกเห็นใจ และยอมลดหย่อนโทษหรือความเข้มงวดต่อใครบางคน ทั้งๆที่เขาสมควรได้รับ แต่ก็เราเลือกที่จะให้อภัยและช่วยเหลือเขาให้ดีขึ้นแทน” การแสดงความเมตตา มีความสำคัญต่อคริสตจักร อย่างไรบ้าง?1.สะท้อนพระลักษณะของพระเจ้า ให้คนเห็นชัดเป็นรูปธรรม “สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระเมตตากรุณา พระเจ้าแห่งการหนุนใจทุกอย่าง” ~2 โครินธ์ 1:3 THSV112.สร้างสุขให้แก่พระเจ้า คนที่เมตตาและผู้รับความเมตตา “คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ” ~มัทธิว 5:7 THSV113.สมานสัมพันธภาพและคงความเป็นหนึ่งในคริสตจักรผ่านการไม่ทะเลาะกัน “ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่ชอบทะเลาะ แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นอาจารย์ที่เหมาะสมและมีความอดทน” ~2 ทิโมธี 2:24 THSV11 4.เสริมสร้างกันแทนที่จะซ้ำเติมคนผิดพลาดและขยายวงในการทำร้ายคริสตจักร “ถ้าพวกท่านเข้าใจความหมายของพระคัมภีร์ ที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา' พวกท่านก็คงจะไม่ตัดสินลงโทษพวกที่ไม่มีความผิด” ~มัทธิว 12:7 THSV11 5.สำแดงหลักฐานและคำพยานแห่งความรักเมตตาและการอภัยของพระคริสต์แก่โลกนี้ “จงช่วยคนให้รอดด้วยการฉุดเขาออกจากไฟ และจงเมตตาผู้อื่นด้วยความยำเกรงพระเจ้า และจงรังเกียจแม้แต่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนด้วยกายที่เป็นมลทิน” ~ยูดา 1:23 THSV11 6.สาธิตความรักเมตตาของพระคริสต์ให้คนที่เข้ามาในโบสถ์ได้สัมผัสด้วยตนเอง “ถ้าเป็นผู้เตือนสติก็จงเตือนสติ ผู้ที่ให้ ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี” ~โรม 12:8 THSV11 7.แสวงหาโอกาสช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนและผู้ยากลำบากด้วยความเมตตา “เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น”” ~ลูกา 10:37 THSV11พี่น้องที่รัก ขอเชิญชวนให้พวกเรามาช่วยกันทำให้ทั้ง1.ในบ้าน และ2.ในโบสถ์ของเรา อุดมบริบูรณ์ไปด้วยความเมตตา เพราะ “เมื่อคนภายนอกเห็นคริสตจักรเต็มไปด้วยความรักเมตตาจริงๆ พวกเขาก็จะเห็นความดีของพระคริสต์และความงดงามของข่าวประเสริฐอย่างชัดเจน!“ ขอให้เราตระหนักไว้เสมอว่า ความเมตตา เป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์ปรารถนาจากเราอย่างยิ่ง “พวกท่านจงมีใจเมตตากรุณา เหมือนอย่างพระบิดาของท่านมีพระทัยเมตตากรุณา” ~ลูกา 6:36 THSV11 แล้ว วันนี้ คุณพร้อมจะแสดงความเมตตาแก่ใครเป็นคนแรก? …บอกหน่อยได้ไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 8กันยายน2025 (ตอนที่161 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่านานเกิน Ep.1384ความเจ็บปวดจากการสูญเสียเป็นเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงเวลาแห่งความเสียใจนั้น น้ำตาของผู้นำก็ทำให้ผู้ติดตามหมดกำลังใจ เรื่องราวของดาวิดหลังจากอับซาโลมตาย สอนเราว่าการแสดงความรู้สึกเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำ แต่เราต้องวางมันไว้ให้เหมาะสม อีกบทเรียนคือการยอมรับฟังคำเตือนเพื่อเราจะกลับยืนขึ้นมาใหม่ก็สำคัญไม่แพ้กัน ความเสียใจที่เกิดขึ้นกับดาวิดนั้นมีมากจน ทหารละอายใจเพราะทำให้กษัตริย์เสียใจ จนสุดท้ายเรื่องนั้นถึงหูของโยอาบ และโยอาบก็กล้าหาญมากที่จะมาเตือนดาวิด'โยอาบก็เข้ามาในพระราชวังทูลว่า “วันนี้ฝ่าพระบาททรงทำให้ข้าราชการทหารทั้งสิ้นของฝ่าพระบาทรับความละอาย คือ พวกเขาซึ่งวันนี้ได้ช่วยชีวิตของฝ่าพระบาท ทั้งชีวิตของบรรดาราชโอรสและราชธิดาและชีวิตของบรรดามเหสีและชีวิตของบรรดาสนมของฝ่าพระบาท ' 2 ซามูเอล 19:5ในข้อ 6 ได้ชี้ชัดไปอีกว่า บรรดาทหารรู้สึกไม่มีค่าสำหรับดาวิด และมีคำพูดเชิงประชดว่า ดาวิดคงจะดีใจใช่ไหม ถ้าทหารของดาวิดตาย แต่อับซาโลมยังอยู่ และโยอาบก็ดึงสติของดาวิดกลับมา'ขอฝ่าพระบาททรงลุกขึ้น ณ บัดนี้ ขอเสด็จออกไปตรัสให้กำลังใจ บรรดาข้าราชการ เพราะข้าพระบาทปฏิญาณในพระนามพระยาห์เวห์ว่า ถ้าฝ่าพระบาทไม่เสด็จ จะไม่มีชายสักคนหนึ่งค้างอยู่กับฝ่าพระบาทในคืนนี้ เรื่องนี้จะร้ายแรงยิ่งกว่าเหตุร้ายอื่นๆ ทั้งสิ้น ซึ่งบังเกิดแก่ฝ่าพระบาทตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนบัดนี้” ' 2 ซามูเอล 19:7ดาวิดต้องเลือกว่าจะจมอยู่ในความเศร้า หรือจะฟังคำเตือนที่กลับมายืนขึ้นในฐานะผู้นำที่ต้องดูแลประชาชน ความเศร้าและน้ำตาไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องแสดงออกอย่างเหมาะสมเพื่อเราจะยืนยันความไว้วางใจในพระเจ้ากับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในเรื่องนี้เราเห็นความกล้าหาญของโยอาบที่กล้าจะเตือนผู้นำ และสำหรับบางคนคำพูดตรง ๆ ก็ช่วยได้ 'บาดแผลที่เพื่อนทำก็ยังน่าเชื่อถือ แต่จูบของศัตรูก็พร่ำเพรื่อไม่จริงใจ ' สุภาษิต 27:6 TNCVเรื่องนี้สอนเราทุกคนว่า อย่าจมอยู่กับความเสียใจนานเกินไป จนทำให้เราหลุดไปจากงานที่พระเจ้ามอบหมาย ลืมคนที่ต้องการกำลังใจและขอเราอย่าปฏิเสธคำเตือนจากพระเจ้าไม่ว่าจะมาจากพระวจนะหรือจากผู้คนที่พระเจ้าส่งมา เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรายืนขึ้นและกลับมาสู่จุดที่พระเจ้าต้องการได้วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่160) เด็กอมมือจะปกครองประเทศ?“ และเราจะทำให้เด็กๆ เป็นเจ้านายของเขา และทารกจะปกครองเขาทั้งหลายและประชาชนจะบีบบังคับกันและกัน แต่ละคนจะบีบบังคับคนอื่นและแต่ละคนจะบีบบังคับเพื่อนบ้านของตน เด็กๆ จะโอหังต่อผู้อาวุโส และคนเลวต่อคนมีเกียรติ” อิสยาห์ 3:4~5 THSV11“I will make youths their commanders; mischief makers will rule over them. The people will oppress each other, each one against the other, neighbor against neighbor. The young will bully the old, the rogue, and the respectable.” ~Isaiah 3:4-5 CEBอิสยาห์ 3:4-5 นี้ เป็นส่วนหนึ่งของถ้อยคำที่พระเจ้าตรัสผ่านอิสยาห์ เพื่อพยากรณ์ถึงการพิพากษาที่กำลังจะมาถึงยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพราะความบาปของพวกเขา“เราจะตั้งเด็กๆ เป็นเจ้านายให้เด็กอมมือเป็นผู้ปกครองพวกเขา ประชาชนจะข่มเหงกันเอง คนจะต่อสู้กัน เพื่อนบ้านต่อสู้เพื่อนบ้าน เยาวชนจะลุกฮือขึ้นสู้ผู้อาวุโสคนถ่อยจะต่อสู้ผู้ทรงเกียรติ” ~อิสยาห์ 3:4-5 TNCVพระเจ้ากำลังตรัสถึง ความเสื่อมของสังคม และความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นตามมาเพราะประชาชนละทิ้งพระเจ้าไม่ยำเกรงพระองค์เลือกดำเนินชีวิตตามใจและตามบาปของตน ผลที่จะตามมาก็คือ ระเบียบในสังคมจะพังลง!กล่าวคือ1).“และเราจะทำให้เด็กๆ เป็นเจ้านายของเขาและทารกจะปกครองเขาทั้งหลาย”= “เราจะตั้งเด็กๆ เป็นเจ้านายให้เด็กอมมือเป็นผู้ปกครองพวกเขา“หมายถึง ผู้นำจะ ขาดวิจารณญาณและขาดสติปัญญาเหมือนเด็กๆไม่ใช่ให้เด็กจริงๆมาปกครอง แต่เป็นภาพเปรียบเทียบว่าคนที่ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่เหมาะสม และไม่สามารถนำพาประเทศได้ จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ(อิสยาห์ 3:4)2).“และประชาชนจะบีบบังคับกันและกัน แต่ละคนจะบีบบังคับคนอื่น และแต่ละคนจะบีบบังคับเพื่อนบ้านของตน“= “ประชาชนจะข่มเหงกันเอง คนจะต่อสู้กัน เพื่อนบ้านต่อสู้เพื่อนบ้าน”(อิสยาห์ 3:5ก.)หมายถึง สังคมจะเข้าสู่ความวุ่นวายและไร้ระเบียบเมื่อขาดผู้นำที่ดีและที่ยำเกรงพระเจ้าประชาชนก็จะหันมาเอาเปรียบกันเอง ใช้กำลัง ต่อสู้ต่อต้าน ข่มเหง และไม่ยอมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข3).“เด็กๆ จะโอหังต่อผู้อาวุโส และคนเลวต่อคนมีเกียรติ”= “เยาวชนจะลุกฮือขึ้นสู้ผู้อาวุโสคนถ่อยจะต่อสู้ผู้ทรงเกียรติ” (อิสยาห์ 3:5ข.)หมายถึง ค่านิยมในสังคมกลับตาลปัตรอนุชนคนหนุ่มสาวจะไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ผู้ที่เลวกลายเป็นคนที่ยกตนข่มคนที่มีศักดิ์ศรีเป็นสัญลักษณ์ของสังคมที่ ไร้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ไร้ระเบียบและขาดความยำเกรงพระเจ้าพี่น้องที่รักเมื่อคนเราละทิ้งพระเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์ระเบียบกฎเกณฑ์และคุณค่าทางสังคมจะเสื่อมลงผู้นำที่ไม่เหมาะสมขาดความสามารถจะขึ้นมาปกครองแทนที่ผู้นำที่ดี บ้านเมืองก็จะเกิดความวุ่นวายรุนแรงความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนทั้งในบ้าน ในสังคม(แม้แต่ในโบสถ์)ก็จะพังลง เพราะต่างคนต่างเอาตัวเองเป็นที่ตั้งดังนั้น จึงขอเตือนว่าหากไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางในท่ามกลางพวกเราสังคมก็ย่อมจะแตกสลาย ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน ประเทศ และระดับสากลเราจึงควรให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิตของพวกเราอย่างแท้จริง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 7กันยายน2025 (ตอนที่160 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ถูกกาละเทศะ Ep.1383 ข่าวสารข้อมูลความจริงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความรู้สึกของคนรับความจริงนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน ข่าวบางเรื่องเป็นความยินดีที่เต็มไปด้วยความขมขื่นเสียใจ เรื่องราวใน 2 ซามูเอล 18:19-33 สอนเราถึงความสำคัญของการเลือกใช้คำพูดให้ถูกกาละเทศะ ศึกนี้ดาวิดชนะแต่เป็นชัยชนะที่ไม่ได้นำความดีใจมาให้อย่างแน่นอน เพราะลูกชายของเขาอับซาโลมเสียชีวิต อาหิมาอัสลูกของปุโรหิตที่เคยส่งข่าวให้ดาวิดหนีนั้นต้องการมารายงานข่าว แต่โยอาบบอกในข้อ 20 ว่า “อย่าเลย เพราะวันนี้ข่าวไม่ใช่ข่าวดี” คำนี้กำลังบอกความหมายว่า ข่าวดีในวันนี้มันเต็มไปด้วยความขมขื่นใจ ผมมองว่าโยอาบเป็นห่วงอาหิมัส แต่อาหิมัสก็ยืนยันที่จะไปด้วย เขาจึงวิ่างตามคนคูชไป ในที่สุดอาหิมัสวิ่งแซงคนคูชไปถึงก่อน เราจะพบว่าดาวิดต้องการทราบข่าวอย่างมากว่าลูกชายเป็นอย่างไรบ้างจากคำถามที่เขาถาม และเราก็ได้เห็นแนวทางการใช้คำพูดที่ดีของอาหิมัส และของคนคูช'พระราชาตรัสถามว่า “อับซาโลม ชายหนุ่มนั้นสบายดีไหม?” อาหิมาอัสทูลตอบว่า “เมื่อโยอาบใช้ผู้รับใช้ของพระราชามา และข้าพระบาทผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเห็นผู้คนสับสนกันใหญ่ แต่ไม่ทราบเหตุ” ' 2 ซามูเอล 18:29'พระราชาตรัสถามชาวคูชนั้นว่า “อับซาโลม ชายหนุ่มนั้นสบายดีไหม?” ชาวคูชนั้นทูลตอบว่า “ขอให้บรรดาศัตรูของพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท และคนทั้งปวงที่ลุกขึ้นทำร้ายฝ่าพระบาทเป็นเหมือนชายหนุ่มผู้นั้นเถิด” ' 2 ซามูเอล 18:32 ไม่ว่าจะมีคำตอบแบบไหนก็นำความโศกเศร้าคร่ำครวญมายังดาวิดที่แม้จะได้อำนาจคืนกลับมา ในเรื่องนี้เราได้บทเรียนที่จะใช้คำพูดอย่างเหมาะสม และเมื่อเราพูดเราต้องคิดถึงจิตใจของผู้ฟัง เพราะทุกคำพูดนั้นมีผลต่อความรู้สึกของคนฟังและอาจจะส่งผลร้ายถึงตัวเอง 'ถ้อยคำที่พูดถูกกาลเทศะ เหมือนผลแอปเปิ้ลทองคำล้อมด้วยเงิน ' สุภาษิต 25:11 คุณค่าของคำที่ถูกเวลา มันมีค่าและสวยงามมากเหมือนแอปเปิ้ลทองคำที่หอมหวานและสวยงาม เหรียญมีสองด้านเสมอ คำพูดสามารถจะให้กำลังใจหรือทำร้ายจิตใจได้เสมอ ทุกวันนี้เราเองก็เป็นผู้ส่งข่าวตลอดเวลา ผ่านคำพูด ผ่านการสื่อสารข้อความต่างๆในโซเชียลมีเดีย ให้เราขอพระเจ้าประทานสติปัญญาที่เราจะพูดความจริงด้วยการห่อหุ้มคำพูดนั้นด้วยความรัก และขอพระเจ้านำให้คำพูดของเราจะถูกจังหวะและเต็มด้วยอากัปกิริยาที่เหมาะสม เพื่อถ้อยคำของเรานั้นจเป็นกำลังใจและเป็นเหมือนแอปเปิลทองคำล้อมด้วยเงิน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่159) วิธีชนะความท้อใจ “ขอให้บรรดาผู้ถ่อมตัวเห็นการนั้นและยินดี ท่านผู้เสาะหาพระเจ้า ขอให้ใจของท่านฟื้นชื่นขึ้น” ~สดุดี 69:32 THSV11 “The humble will see their God at work and be glad. Let all who seek God's help be encouraged.” ~Psalms 69:32 NLT คุณควรถามคำถามแก่ตัวคุณเองว่า 1.เมื่อตัวคุณเท้อใจ คุณควรจะช่วยตัวคุณเองอย่างไร? 2.เมื่อคนอื่นท้อใจ คุณควรจะหนุนใจเขาอย่างไรดี? ต่อไปนี้ คือคำแนะนำในการรับมือกับความท้อใจ 1.มองความท้อใจว่าเป็น“ธรรมชาติของมนุษย์” ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ~ไม่ใช่ความล้มเหลวที่แก้ไขไม่ได้ ให้เราเรียนรู้จากชีวิตของคนของพระเจ้าหลายคนในพระคัมภีร์ที่เคยท้อใจมาก่อน เช่น เอลียาห์ โมเสส ดาวิด และอีกหลายคน 2.มองหาพระสัญญาจากพระวจนะของพระเจ้าและยึดไว้ให้มั่น ~ไม่นานเราจะผ่านพ้นช่วงเวลานั้นไปได้ ให้เรายึดพระวจนะของพระเจ้าและเชื่อฟังทำตาม จนถึงที่สุด“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร” ~กาลาเทีย 6:9 THSV113. มองที่พระเจ้า ทูลขอกำลังและมอบความท้อใจไว้กับพระองค์ ~ไม่มีปัญหาใดที่พระเจ้าทรงช่วยจัดการให้ไม่ได้ ให้เราเปิดใจบอกความรู้สึกแท้จริงของเราต่อพระองค์ ให้เราเชื่อว่าพระเจ้าจะสดับและเสริมเรี่ยวแรงให้ด้วยกำลังที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเราร้องทูลต่อพระองค์อย่างสุดใจ4. มองย้อนไปดูที่พระเจ้าและพระคุณของพระองค์ที่ผ่านมาในชีวิต ~ไม่ใช่โดยกำลังของเราที่ทำให้เราผ่านมาได้ แต่โดยพระคุณของพระเจ้าทั้งสิ้น ให้เราเขียน “บันทึกคำขอบพระคุณ”ไว้ทุกวัน ให้สิ่งที่เราเขียนนั้นจะเปลี่ยนมุมมองของเราจากการ จดจ่ออยู่ที่ “ปัญหา” มาจดจ่ออยู่ที่“พระคุณ”5.มองหาพี่น้องที่จะร่วมแบ่งปันทุกข์สุข และการหนุนใจให้หลุดพ้นจากความท้อใจ ~ไม่ใช่สิ่งดีที่เราจะรับมือกับปัญหาหรือความทุกข์ใจโดยลำพัง ให้เราเข้าร่วมกลุ่มสามัคคีธรรมกับพี่น้องที่อยู่ในทางของพระเจ้าอย่างถูกต้อง ให้เราพร้อมทั้งที่จะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับการหนุุนใจต่อกันและกัน บางครั้งการหนุนใจเพียงคำเดียวก็อาจพาเราออกจากความท้อแท้ของเราได้6.มองหาผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณและผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ที่เชื่อถือได้ ~ไม่ใช่วิธืที่ดีนักที่เราจะแยกตัวออกจากทุกคน เราต้องรับการช่วยเหลือ ให้เราถ่อมใจลง ขอรับคำแนะนำหรือคำปรึกษาในการรับมือกับความท้อใจ ให้เราร่วมมือกับท่านเหล่านั้น โดยทำตามขั้นตอนที่สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า7.มองหาโอกาสที่จะลงมือทำตามขั้นตอนอย่างซื่อสัตย์จนกว่าจะผ่านพ้นไปภาวะท้อใจไปได้ ~ไม่จำเป็นที่จะเริ่มต้นจากขั้นตอนที่ใหญ่และยาก ให้เรามุ่งมั่นทำสิ่งดีทีละก้าวเล็กๆ อย่างมีวินัย แทนที่จะกังวลกับเป้าหมายใหญ่ ให้เราเชื่อวางใจว่าพระเจ้าจะทรงใช้ความซื่อสัตย์เล็กๆของเรา นำเราไปสู่ชัยชนะยิ่งใหญ่เหนือความท้อใจ อย่างไรก็ตาม ความท้อใจมีประโยชน์อย่างหนึ่งก็คือ “ความท้อใจคือสัญญาณให้เราหยุดพึ่งตนเอง แล้วหันกลับมาพึ่งพระเจ้า” (Discouragement is a call to stop relying on self and start relying on God.) แต่ ความท้อใจนำผลเสียมากมายมาสู่เรา เราจึงจำเป็นเร่งด่วนในการเอาชนะความท้อใจนั้น โดยการมองปัญหาให้ถูกต้อง และกลับมามองพระเจ้า แทนที่จะเอาแต่มองแต่ปัญหา จากนั้น จงให้พระเจ้าทรงเป็นกำลังของเราในการรับมือกับปัญหาอย่างผู้มีชัยชนะ …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 6กันยายน2025 (ตอนที่159 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน เงินกับความซื่อสัตย์ Ep.1382 ความกดดันรอบตัวอาจทำให้เรายอมทำผิดเพียงเพื่อเอาตัวรอดหรือได้ผลตอบแทน แต่เรื่องราวใน 2 ซามูเอล 18:1-18 ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างการตามใจตัวเองกับการยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ตอนนี้ดาวิดจัดกองกำลังเพื่อต่อสู้กับกองทัพของอับซาโลม ดาวิดอยากไปสู้ด้วยแต่ทหารทุกคนไม่ยอม ดาวิดได้แบ่งกองกำลังออกเป็นสามกลุ่มโดยให้ โยอาบ อาบีชัยและอิททัยเป็นผู้นำทหารออกไป แต่ดาวิดกำชับว่า'พระราชาทรงบัญชาโยอาบ อาบีชัย และอิททัยว่า “เบาๆ มือกับอับซาโลมชายหนุ่มนั้น ด้วยเห็นแก่เราเถิด” ทหารทั้งสิ้นก็ได้ยินคำบัญชาซึ่งพระราชาประทานแก่ผู้บังคับบัญชาทั้งหมดด้วยเรื่องอับซาโลม ' 2 ซามูเอล 18:5 ผมคิดว่า ดาวิดประเมินสถานการณ์แบบผู้ชำนานศึกว่า อับซาโลมน่าจะสู้คนของดาวิดไม่ไหว การรบที่ป่าเอฟราอิมเต็มไปด้วยความสูญเสีย ในข้อ 8 ได้บันทึกว่า “ในวันนั้นป่ากินพวกทหารเสียมากกว่าดาบกิน” ตรงนี้กำลังหมายถึงภูมิประเทศของป่าเอฟราอิมนั้น มีทั้งเหว ไม้หนามและสัตว์ร้าย ทำให้ทหารของอิสราเอลเสียชีวิตมากกว่าที่จะโดนทหาราของดาวิดจัดการเสียอีก ในระหว่างการรบ อับซาโลมเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตคือผมของเขาไปติดอยู่บนต้นไม้ ทหารของดาวิดมาพบก็มาบอกโยอาบ แต่โยอาบตำหนิและเสนอรางวัลเพื่อให้ฆ่าอับซาโลมเสีย แต่ทหารนั้นตอบอย่างหนักแน่นว่า'แต่ชายคนนั้นเรียนโยอาบว่า “ถึงมือของข้าพเจ้าอุ้มเงิน 1,000 แผ่นอยู่ ข้าพเจ้าจะไม่ยื่นมือออกทำร้ายพระราชโอรสของพระราชา เพราะว่าหูของพวกเราได้ยินพระราชาทรงบัญชาท่านและอาบีชัยกับอิททัยว่า ‘จงป้องกันอับซาโลมชายหนุ่มนั้นเพื่อเห็นแก่เรา' ' 2 ซามูเอล 18:12 ทหารคนนี้ยืนยันว่า ไม่มีสิ่งใดคุ้มค่ากับการขัดคำสั่งหรือทรยศความจริง สุดท้ายโยอาบเป็นผู้ฆ่าอับซาโลมเอง แต่สิ่งที่โดดเด่นในทหารที่ซื่อสัตย์คนนี้คือเขาเลือกเชื่อฟังมากกว่าเงินทองหรือผลประโยชน์'ผู้ที่ขยิบตาอย่างมีเลศนัยสร้างความเดือดร้อน และคนโง่พูดพล่อยๆ ก็ถึงแก่หายนะ ' สุภาษิต 10:10 TNCV ความซื่อสัตย์มีค่ามากกว่าเงินทองหรือผลตอบแทนใด ๆ เพราะมันสะท้อนถึงพระลักษณะของพระเจ้าที่มรอยู่ในเราทุกคนแล้ว ทุกวันนี้เราอาจถูกเสนอสิ่งที่ดูคุ้มค่า แต่ถ้ามันต้องแลกด้วยการทำผิดหรือทรยศความจริง อย่าลืมว่า พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ และลูกของพระดจ้าจะซื่อสัตย์เหมือนพระองค์ด้วย ขอให้เราเลือกยืนหยัดในความถูกต้อง แม้จะเจอกับแรงกดดันมากมาย เพราะความซื่อสัตย์ทำให้ชีวิตมั่นคงและได้รับพระพรความสุขจากพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่158) อันตรายของความท้อแท้! “หากเจ้าท้อแท้ในยามทุกข์ร้อน ก็แสดงว่ากำลังของเจ้าน้อยนัก!” -สุภาษิต 24:10 TNCV “Don't give up and be helpless in times of trouble.” ~Proverbs 24:10 CEV คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้หรือไม่ที่ว่า “ความท้อใจไม่ใช่ทางตัน แต่เป็นเพียงสัญญาณว่า คุณต้องหยุดพักและลุกขึ้นก้าวต่อไปใหม่ด้วยกำลังที่เข้มแข็งกว่าเดิม” (Discouragement is not the end; it is only a pause inviting you to rise stronger than before.) “ความท้อแท้” คือ “สภาวะที่จิตใจอ่อนแรง หมดกำลังใจ ขาดความหวัง ไม่อยากก้าวต่อ หรือเลิกทำสิ่งที่ดีที่ควรทำ!” สาเหตุของความท้อแท้ของบุคคลในพระคัมภีร์ มีดังนี้1.ความล้มเหลว พ่ายแพ้ หรือผิดหวัง~ คนอิสราเอลท้อแท้ หลังจากพ่ายแพ้ที่อัย จนหมดกำลังใจ (โยชูวา 7:5-7)2.การต่อต้านและการข่มเหง~ ชาวยูดาห์ท้อแท้เมื่อเห็นงานสร้างกำแพงยากและมีศัตรูขัดขวาง (เนหะมีย์ 4:10-11) 3.ความตระหนกกลัวและเหน็ดเหนื่อยทางกายและใจ ~ เอลียาห์ถูกขู่ฆ่าจนท้อใจและอยากตาย (1 พงศ์กษัตริย์ 19:4)4.ปัญหาหนักเกินไป ~โมเสส รู้สึกว่าภาระในการนำชนชาติอิสราเอลหนักเกินไป แบกไม่ไหว (กดว. 11:14–15)5.ความโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้ง~ดาวิดรู้สึกว่าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว จนรู้สึกท้อแท้ (สดด. 42:9–11; 143:4)6. การไม่ยอมรับน้ำพระทัยพระเจ้า~โยนาห์โกรธและท้อใจเพราะพระเจ้าทรงเมตตาศัตรู (ยนา. 4:1–3)7. การมองปัญหามากกว่ามองที่พระเจ้า~เปโตรหวั่นไหวมองคลื่นลมแทนมองพระเยซู จึงจมลง (มธ. 14:30)8.การเดินทางและการรอคอยที่ยาวนาน~ชาวอิสราเอลท้อใจเพราะร่อนเร่ในถิ่นทุรกันดาร (กดว. 21:4–5) พี่น้องที่รัก เราอาจประสบหรือเผชิญกับปัญหานานาประการจนทำให้เราท้อใจ และท้อแท้ซึ่งอาจมีสาเหตุ ทั้ง1.จากภายใน (เหนื่อย ล้มเหลว ความไม่เข้าใจ น้อยใจ หรือ มุมมองผิด) และ 2.จากภายนอก (ศัตรู ปัญหา ภาระหนัก ความพ่ายแพ้ หรือ การรอคอยยาวนาน) แต่พระเจ้าก็มักทรงสำแดงทางออกและประทานการหนุนใจพร้อมกับการช่วยเหลือที่ มาจากพระวจนะ จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือ จากผู้อื่น รวมทั้งจากการที่เรารู้จักพักผ่อนอย่างเหมาะสมจึงทำให้เราสามารถกลับมามีกำลังที่จะเริ่มต้น หรือก้าวต่อไปใหม่ได้อีกครั้งกับพระองค์ ดังนั้นวันนี้ อย่าให้เราจมอยู่ในความท้อแท้ แต่จงลุกขึ้นมา ทำสิ่งดีตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยกันเถิด …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 5กันยายน2025 (ตอนที่158 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน แผนไหนดีที่สุด Ep.1381 พระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่ง พระประสงค์ของพระองค์จะเกิดขึ้นแน่นอน แม้คำปรึกษาของมนุษย์จะดูดี สมบูรณ์และมีเหตุผลแค่ไหน แต่ถ้าไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้า มันก็จะไม่สำเร็จ ใน 2 ซามูเอล 16:15–17:29 เป็นเรื่องราวคำปรึกษาของอาหิโธเฟลและหุชัยที่ให้กับอับซาโลม ใยช่วงท้ายบท 16 อับซาโลมต้อนรับหุชัย และเขาได้รับคำปรึกษาจากอาหิโธเฟลที่โหดร้ายคือ ให้เขานอนกับนางสนมของดาวิดทั้งหมดที่ดาวิดทิ้งไว้เฝ้าวังบนดาดฟ้า ซึ่งอับซาโลมกับผู้ใหญ่ในอิสราเอลก็เห็นดีด้วย ใน 2 ซามูเอล 17:1–4 อาหิโธเธลขออาสาไปจัดการกับดาวิดโดยให้เลือกทหาร 12,000 คน ไปด้วย ใน 2 ซามูเอล 17:5–13 อับซาโลมถามความเห็นของหุชัยด้วย ซึ่งหุชัยได้ให้คำปรึกษาที่ตรงข้าม 'อับซาโลมและคนอิสราเอลทั้งปวงว่า “คำปรึกษาของหุชัยคนอารคีดีกว่าคำปรึกษาของอาหิโธเฟล” เพราะพระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้คำปรึกษาอันดีของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ เพื่อพระยาห์เวห์จะทรงนำเหตุร้ายมายังอับซาโลม ' 2 ซามูเอล 17:14 ผลคือผลที่เกิดขึ้น พระเจ้าทรงกำหนดให้คำปรึกษาของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ไป จากนั้น 2 ซามูเอล 17:15–22 หุชัยได้ทำหน้าที่ของเขาต่อดาวิดอย่างซื่อสัตย์ หุชัยส่งข่าวให้ดาวิดหนีทันทีผ่านปุโรหิต โดยส่งต่อให้โยนาธานและอาหิมาอัสบุตรชายของปุโรหิต แม้ว่าการส่งข่าวนี้จะมีอุปสรรค แต่พระเจ้าทรงควบคุมและทรงช่วยเหลือทั้งสองให้ส่งข่าวให้ดาวิดสำเร็จ ดาวิดกับคนของเขาจึงหนีไปได้ จุดหักมุมในเรื่องนี้อยู่ในข้อ 23 อาหิโธเฟลเห็นว่าคำปรึกษาของเขาไม่ถูกใช้ เขาจึงกลับบ้านแล้วฆ่าตัวตาย สุดท้ายดาวิดก็ปลอดภัย อยู่ในข้อ 27–29 ดาวิดก็หนีมาพักที่มาหะนาอิม ที่นั่นดาวิดได้รับการต้อนรับเลี้ยงดูอย่างดี ในวันนี้ผมได้รับข้อคิดที่ว่า ความคิดของมนุษย์ที่เราคิดว่าดี จะไม่สำเร็จหากพระเจ้าไม่อนุญาต สำหรับคนของพระเจ้าแม้จะอยู่ในเวลาที่ถูกตีสอนอยู่นั้น พระเจ้ายังสำแดงความรักและประทานทางออกให้เสมอ 'ในใจของมนุษย์มีแผนงานมากมาย แต่พระประสงค์ของ องค์พระผู้เป็นเจ้า จะสำเร็จ ' สุภาษิต 19:21 TNCV ทุกคนมีความคิดมีแผนมากมายในใจ แต่ไม่ใช่ทุกแผนที่จะตรงและสอดคล้องกับพระทัยของพระเจ้า พระวจนะของพระเจ้าเตือนเราว่า อย่าไว้ใจความคิดของตัวเองหรือมนุษย์มากจนเกินไป แต่ให้เรามอบชีวิต แผนการ และอนาคตไว้ในพระหัตถ์พระเจ้า เพราะเมื่อเราเดินในทางของพระเจ้าแล้ว แม้สถานการณ์จะยากลำบาก พระเจ้าจะเป็นผู้จัดการและนำเราไปสู่พระพรความสุขซึ่งเป็นสิ่งที่มั่นคงถาวรแน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่157)ชีวิตในพระคริสต์(ตามหลักของพระคัมภีร์)“คนที่มีพระบุตรก็มีชีวิต คนที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต”~1 ยอห์น 5:12 THSV11“Whoever has the Son has life; whoever does not have the Son of Goddoes not have life.” ~1 John 5:12 NIVคุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้หรือไม่ที่ว่า“ สิ่งที่คุณเป็นคือของขวัญจากพระเจ้าสำหรับคุณสิ่งที่คุณจะทำคือของขวัญของคุณสำหรับพระเจ้า!”“What you are is God's gift to you, what you become is your gift to God.”― Hans Urs von Balthasarสิ่งที่คุณจะทำกับชีวิตในพระคริสต์ที่คุณเป็นอยู่ คือ สิ่งที่พระเจ้าปรารถนา!แล้วคนที่มีพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าควรเป็นคนอย่างไร?คำตอบ คือ คนที่มีชีวิตในพระคริสต์ ควรมีคุณลักษณะชีวิต ดังนี้ ชีวิตที่ถูกสร้างใหม่ “ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้วสิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”~2 โครินธ์ 5:17 THSV11ชีวิตที่มีสันติสุข “และจงให้สันติสุขของพระคริสต์นำพาจิตใจของท่านทั้งหลาย พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มาเป็นกายเดียวกันก็เพื่อสันติสุขนี้ และจงมีใจขอบพระคุณ” ~โคโลสี 3:15 THSV11ชีวิตที่มีเสรีภาพ(จากการทำบาป)“จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า”~1 เปโตร 2:16 THSV11ชีวิตที่มีความรักและการให้อภัย “และจงดำเนินชีวิตในความรักเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงรักเรา และประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาที่ทรงโปรดปรานแด่พระเจ้า” ~เอเฟซัส 5:2 THSV11“แต่จงมีใจกรุณา ใจสงสาร และใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านในพระคริสต์” ~เอเฟซัส 4:32 THSV11ชีวิตที่รับใช้กันและกัน“พี่น้องทั้งหลาย เพราะว่าท่านถูกเรียกให้มีเสรีภาพ ขอแต่เพียงอย่าถือโอกาสใช้เสรีภาพเพื่อทำตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด” ~กาลาเทีย 5:13 THSV11ชีวิตที่ยอมทนทุกข์เพื่อพระคริสต์ คริสตจักร และผู้อื่น ด้วยความยินดี“เวลานี้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พวกท่าน และความยากลำบากอย่างพระคริสต์ที่ทรงทนเพราะเห็นแก่พระกายของพระองค์คือคริสตจักร ซึ่งยังขาดอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ทนจนครบบริบูรณ์ในเนื้อหนังของข้าพเจ้า” ~โคโลสี 1:24 THSV11ชีวิตรับใช้เพื่อพระเยซูคริสต์ และข่าวประเสริฐ“ท่านทั้งหลายก็รู้ว่า ท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นบำเหน็จ เพราะท่านกำลังรับใช้พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่” ~โคโลสี 3:24 THSV11“เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ คนนั้นจะได้ชีวิตรอด” ~มาระโก 8:35 THSV11ชีวิตที่ถวายเกียรติแต่พระเจ้า “เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด”~1 โครินธ์ 6:20 THSV11พี่น้องที่รักครับไม่ว่าชีวิตของเราจะเป็นอย่างไรเราต้องเดินหน้าต่อไปจนกว่าชีวิตของเราจะหมดลงเหมือนกับการขี่รถจักรยาน เราหยุดเมื่อไหร่รถก็จะล้มลงเหมือนดังที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตล์ได้กล่าว“ ชีวิตก็เหมือนขี่จักรยานเพื่อรักษาสมดุลคุณต้องขี่ต่อไปไม่หยุด!”(Life is like riding a bicycle.To keep your balance,you must keep moving.)― Albert Einsteinวันนี้จงทำให้ชีวิตของเรา ผู้มีพระบุตรของพระเจ้าอยู่ในชีวิต จะมุ่งหน้าต่อไปอย่างถวายเกียรติแก่พระเจ้าและเป็นพรกับคนมากหลาย…จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 4กันยายน2025 (ตอนที่157 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่าให้คำสาปมาควบคุมใจ Ep.1380 ในขณะที่เรากำลังเผชิญความตกต่ำและความเสียใจอย่างที่สุด อาจจะเป็นเวลาที่ใครบางคนที่ผิดหวังเพราะตัวเรามาซ้ำเติมเรา เพราะเขาอยากให้เราตกต่ำลงไปอีก ดาวิดเองเป็นคนที่ทัศนคติที่น่าเลียนแบบอย่างมาก 2 ซามูเอล 16:5-14 ได้บันทึกเรื่องราวที่ดาวิดโดนซ้ำเติม ในขณะที่ดาวิดกำลังหนีจากการกบฏของลูกชายตัวเอง ยังโดนซ้ำด้วยชิเมอีจากครอบครัวของซาอูลออกมาสาปแช่ง มาด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง และโดนเอาหินขว้างทั้วตัวเขาและคนของเขา แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับเรา คือท่าทีของดาวิดที่เลือกจะไม่โต้ตอบ ในสถานการณ์นี้แม้แต่อาบีชัย ลูกพี่ลูกน้อง ทหารคนสนิทของดาวิดยังโกรธแทน และขอดาวิดตัดหัวชิเมอี แต่ดาวิดตอบเขาว่า'ดาวิดตรัสกับอาบีชัยและข้าราชการทั้งสิ้นของพระองค์ว่า “ดูเถิด ลูกของเราแท้ๆ ยังแสวงหาชีวิตของเรา ยิ่งกว่านั้น ทำไมคนเบนยามินคนนี้จะไม่ทำเล่า? ช่างเขาเถิด ให้เขาสาปแช่งไป เพราะพระยาห์เวห์ทรงบอกเขาแล้ว บางทีพระยาห์เวห์จะทอดพระเนตรความทุกข์ใจของเรา และพระยาห์เวห์จะทรงตอบสนองเราด้วยการดีแทนคำสาปแช่งของเขาในวันนี้” ' 2 ซามูเอล 16:11-12 นี่คือทัศนคติที่น่าเลียนแบบอย่างมากของดาวิด วันนี้ดาวิดยอมรับและวางใจในพระเจ้ามากกว่าเสียงของคน ดาวิดไม่ได้ปฏิเสธความเจ็บปวด แต่เลือกยอมจำนนต่อพระเจ้า เพราะเขาเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาที่เที่ยงธรรมที่สุด วันนี้ผมมีแนวทางที่อยากชวนพวกเราคิดในเรื่องนี้จากพันธสัญญาใหม่ 2 ข้อ'นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน” ' โรม 12:19 นอกจากนั้นพระเยซูทรงกำชับว่า'แต่เราบอกพวกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน ' มัทธิว 5:44 การไม่ตอบโต้ ไม่ได้หมายความว่าเราอ่อนแอ แต่คือการประกาศว่าเราเชื่อและวางใจในพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่มากกว่าคำพูดและการกระทำของมนุษย์ การเลือกที่จะสงบและมอบการพิพากษาไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า นั่นคือหนทางที่จะนำพระพรที่แท้จริงเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวด อย่าให้คำสาปแช่งของคนมีอำนาจเหนือใจเรา แต่ให้ความไว้วางใจในพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์เป็นสิ่งกำหนดท่าทีในชีวิตของเรา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่156) พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างในเรื่องการแบ่งปัน? “อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” ~ฮีบรู 13:16 THSV11“Don't forget to do good things for others and to share what you have with them. These are the kinds of sacrifices that please God.” ~Hebrews 13:16 GW ในพระคัมภีร์มีคำสอนและเรื่องราวของการแบ่งปันต่อกันอย่างมากมายตลอดทั้งเล่มแต่ในตอนนี้ จะยกตัวอย่างมาให้อ่านและฟังดังนี้1.แม่ม่ายแห่งศาเรฟัทแบ่งปันอาหารมื้อสุดท้ายแก่เอลียาห์ ~การแบ่งปันของเธอทำให้ผู้รับใช้รอดตายและเธอกับลูกได้รับพระพร “แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเอลียาห์ว่า “จงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท ซึ่งขึ้นกับเมืองไซดอน และอาศัยอยู่ที่นั่น นี่แน่ะ เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นให้เลี้ยงเจ้า” ขณะเมื่อนางจะไปเอาน้ำมา ท่านก็เรียกนางแล้วบอกว่า “ขอนำขนมปังใส่มือมาให้ฉันสักหน่อยหนึ่ง” และนางตอบว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดิฉันไม่มีขนมปังเลย มีแต่แป้งสักกำมือหนึ่งในหม้อ และน้ำมันเล็กน้อยในไห ดูสิ ดิฉันกำลังเก็บฟืนสองสามอัน เพื่อจะเข้าไปทำขนมสำหรับตัวเองและลูกชาย เพื่อเราจะได้กินแล้วก็ตาย” แต่เอลียาห์บอกนางว่า “อย่ากลัวเลย จงไปทำตามที่เธอพูด แต่จงทำขนมก้อนเล็กให้ฉันก่อน แล้วเอามาให้ฉัน ภายหลังจึงทำสำหรับตัวเธอและลูกของเธอ นางก็ไปทำตามคำของเอลียาห์ แล้วนางและครอบครัวกับเอลียาห์ก็รับประทานอยู่หลายวัน แป้งในหม้อก็ไม่ขาด และน้ำมันในไหก็ไม่หมด ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งตรัสทางเอลียาห์”~1 พงศ์กษัตริย์ 17:8-9, 11-13, 15-16 THSV112.เด็กชายแบ่งปันขนมปังและปลาให้พระเยซูและคน5000คน ~การแบ่งปันของเขาทำให้คน5000คนได้รับพรคือได้กินอิ่มและมีเหลือมากมาย“สาวกคนหนึ่งของพระองค์คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า “ที่นี่มีเด็กชายคนหนึ่งมีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว แต่เท่านั้นจะพออะไรกับคนมากอย่างนี้?” พระเยซูตรัสว่า “ให้ทุกคนนั่งลงเถิด” (ที่นั่นมีหญ้ามาก) คนเหล่านั้นจึงนั่งลง นับแต่ผู้ชายได้ประมาณห้าพันคน แล้วพระเยซูก็ทรงหยิบขนมปัง เมื่อขอบพระคุณแล้วก็ทรงแจกจ่ายให้บรรดาคนที่นั่งอยู่นั้น และให้ปลาด้วยตามที่เขาต้องการ เมื่อพวกเขากินอิ่มแล้วพระเยซูตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “จงเก็บเศษอาหารที่เหลือไว้ อย่าให้มีสิ่งใดตกหล่น”” ~ยอห์น 6:8-12 THSV11 3.คริสตจักรยุคแรกแบ่งปันอาหารและสิ่งจำเป็นต่อกันและกัน ~การแบ่งปันของพวกเขาทำให้ไม่มีใครขัดสนหิวโหยและมีผู้รับความรอด “เขาทั้งหลายมีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครทูตทำการอัศจรรย์ และหมายสำคัญมากมาย คนทั้งหมดที่เชื่อถือก็อยู่รวมกัน และนำทุกสิ่งมารวมเป็นของกลาง และพวกเขาขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของมาแบ่งให้แก่กันตามความจำเป็น ทุกๆ วัน พวกเขาอุทิศตัวอยู่ด้วยกันในพระวิหารและหักขนมปังตามบ้านของพวกเขา รับประทานอาหารร่วมกันด้วยความชื่นชมยินดีและจริงใจ ทั้งสรรเสริญพระเจ้าและได้รับความชื่นชอบจากทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าก็โปรดให้คนทั้งหลายที่กำลังจะรอด เพิ่มจำนวนเข้ามามากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน” ~กิจการ 2:43-47 THSV114.ชาวมาซิโดเนียแบ่งปันเงินถวายช่วยธรรมิกชนที่ยากลำบากในกรุงเยรูซาเล็ม ~การแบ่งปันของพวกเขาทำให้เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจที่เลื่องลือไปทั่ว“พี่น้องทั้งหลาย เราอยากให้ท่านรู้ถึงพระคุณของพระเจ้าที่พระองค์ประทานแก่คริสตจักรต่างๆ ในแคว้นมาซิโดเนีย เพราะในขณะที่พวกเขาเผชิญการทดสอบมากมายจากความยากลำบากนั้น ความยินดีที่เต็มล้นและความยากจนอย่างที่สุดของพวกเขาได้ล้นออกมาเป็นใจกว้างขวางยิ่ง เพราะข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่าพวกเขาถวายตามความสามารถ ที่จริงก็เกินความสามารถ และทำด้วยความสมัครใจ พวกเขาวิงวอนเราอย่างมาก ขอร้องให้มีส่วนในคุณความดีในการช่วยเหลือธรรมิกชนด้วย และไม่เหมือนที่เราคาดหมายไว้ แต่พวกเขาถวายตัวเองแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วจึงมอบตัวให้กับเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า” ~2 โครินธ์ 8:1-5 THSV11สรุป การแบ่งปันข้าวของ(ที่จำเป็น)ให้แก่กันและกัน เป็นเครื่องบูชาที่พระเจ้าพอพระทัย พระเยซูคริสต์ทรงเป็นสุดยอดต้นแบบแห่งการแบ่งปัน ผู้ทรงเสียสละอย่างสิ้นเชิงเพื่อมวลมนุษยชาติ(ฟิลิปปี 2:6–7) เพราะว่าพระองค์ทรง “สละ” พระองค์เอง นั่นคือ1.ความเป็นพระเจ้าในสวรรค์ มาเป็นผู้รับใช้ในโลกนี้ และ2.ชีวิตอันบริสุทธิ์ เพื่อเป็นค่าไถ่บาปอันเป็นมลทินของเราบนกางเขน เราจึงควรเป็นนักแบ่งปันที่ใจกว้าง อย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์ …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 3กันยายน2025 (ตอนที่156 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน รักยังมั่นคงในวันทุกข์ใจ Ep.1379พระเจ้าทรงเป็นความรักที่มั่นคง ความรักนั้นเต็มด้วยความเมตตาอยู่เสมอ แม้ว่าดาวิดจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตที่ต้องรับผลของบาปที่พระเจ้าทรงยกโทษให้แล้ว เขาต้องเจ็บปวดจากการกบฏลูกชายอับซาโลม พระเจ้าก็ยังไม่ปล่อยให้ดาวิดอยู่ลำพัง พระเจ้าสำแดงความเมตตาของพระองค์ผ่านผู้คนที่อยู่รอบข้าง ทั้งหุชัย เพื่อนที่อาสากลับไปเสี่ยงชีวิตอยู่กับอับซาโลมเพื่อทำให้คำปรึกษาของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ ใน 2 ซามูเอล 16:1-4 พระเจ้าใช้ศิบา อดีตมหาดเล็กของซาอูล ผู้ดูแลเมฟีโบเชท บุตรของโยนาธาน ให้นำลาคู่หนึ่งพร้อมเสบียงมากมายมาถวายให้กับดาวิด'เมื่อดาวิดเสด็จเลยยอดเขาไปหน่อยหนึ่ง นี่แน่ะ ศิบามหาดเล็กของเมฟีโบเชทก็เข้ามาเฝ้าพระองค์ มีลาคู่หนึ่งผูกอานพร้อม บรรทุกขนมปัง 200 ก้อน ลูกเกด 100 พวง และผลไม้ฤดูร้อนอีกหนึ่งร้อย กับเหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนัง ' 2 ซามูเอล 16:1ลา เป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติเพื่อพระราชา และอาหารหมายถึงการสนับสนุน พระเจ้าทรงส่งมาให้กำลังใจมาให้ดาวิดท่ามกลางปัญหาใหญ่ พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งคนของพระองค์แม้ว่าในเวลาที่กำลังตีสอน ความช่วยเหลือของพระเจ้าจะมาแน่ แต่วิธีการของพระเจ้าอาจจะเป็นวิธีการที่เราคาดคิดไม่ถึง'ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง และพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก ' เพลงคร่ำครวญ 3:22-23หากเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายในชีวิต อย่าลืมว่าพระเจ้าเป็นความรักที่มั่นคง พระองค์ซื่อตรงต่อคนของพระองค์เสมอ พระองคยังส่งความช่วยเหลือมาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังใจเรา ที่เราจะสามารถในเดินต่อไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้ พระเจ้าจัดเตรียมคนที่อยู่ข้าง ๆ และพระองค์ทรงเตรียมสิ่งที่จำเป็นไว้ให้แล้ว ที่สำคัญพระเจ้าทรงมีพระสัญญาที่มั่นคงไว้ให้เรายึดมั่น ว่าพระคุณของพระเจ้าเป็นของใหม่ในทุกเวลาเช้า และมีพอเพียงเสมอ สำหรับคนของพระองค์ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่155)Appreciation การแสดงความชื่นชมอย่างเห็นคุณค่า!“และท่านทั้งหลายรู้ถึงคุณค่าของทิโมธีดีว่าเขาได้รับใช้ร่วมกับข้าพเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐ เหมือนอย่างบุตรกับบิดา” ~ฟีลิปปี 2:22 THSV11“But you know of Timothy's tested worth and his proven character, that he has served with me to advance the gospel like a son serving with his father.” ~Philippians 2:22 AMPTony Robbins กล่าวว่า““ความสุขเกิดขึ้น เมื่อเราลดความคาดหวัง และเพิ่มการชื่นชม”(Happiness is found in the absence of expectation and a continuous focus on appreciation.)เราจึงควรลดความคาดหวังหรือ การเรียกร้องจากผู้อื่นแต่ควรมีวัฒนธรรมแสดงความชื่นชมซาบซึ้งต่อกันและกันเพิ่มขึ้นตั้งแต่ในบ้านในโบสถ์ ในที่ทำงาน ในชุมชน จนไปถึงในสังคมAppreciation หรือ การแสดงความชื่นชมอย่างเห็นคุณค่าต่อผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการแสดง “การเห็นคุณค่า” ทั้งของพระเจ้าของกันและกัน และของคนอื่นๆความหมายของ ”Appreciation“แปลตรงตัวว่า”การเห็นคุณค่า, การยกย่อง, การขอบคุณ, การชื่นชม“ คือเป็น“ ท่าทีของหัวใจที่ตระหนักถึงคุณค่าและพระคุณ ทั้งที่ได้รับจากพระเจ้าและจากผู้อื่นไม่ใช่แค่การพูดชม แต่คือการรับรู้คุณค่าที่แท้จริง!”การแสดงAppreciation ในโบสถ์จึง มีความหมายมาก เพราะบ่งบอกถึงวิถีในการสำนึกซาบซึ้งและขอบพระคุณในคนที่ทำความดีสร้างสัมพันธภาพที่พร้อมเคียงข้างไปด้วยกันอย่างอบอุ่นแสดงความชื่นชมที่เป็นแรงบันดาลใจและให้กำลังใจผู้รับใช้ที่อ่อนล้าสะท้อนพระลักษณะของพระเจ้าผู้ทรงรักและเห็นคุณค่าในตัวมนุษย์ทุกคนเสริมสร้างคริสตจักรให้เข้มแข็งและเติบโตไปด้วยกันแล้วเราจะแสดง Appreciation ต่อกัน ออกมาในโบสถ์ได้อย่างไรบ้าง?ขอบคุณพระเจ้า หรือ บุคคลใด ผ่านคำพยาน เพลงสรรเสริญ หรือคำอธิษฐานกล่าวยกย่องด้วยคำพูดที่ชื่นชมและให้เกียรติบุคคลที่ทำดีนั้นแสดงการให้เกียรติผู้นำและผู้รับใช้ และสมาชิกผู้เสียสละตนเพื่อคริสตจักรและผู้อื่นมอบสิ่งที่แสดงออกถึงการเห็นคุณค่าในบุคคลและพันธกิจที่เขาทำแบ่งปันสิ่งเล็ก ๆ ที่มีความหมาย เช่น การ์ดหนุนใจ, คำขอบคุณในที่สาธารณะหรือแค่รอยยิ้มและการสวมกอดเท่านั้นเองสร้างวัฒนธรรมแห่งการชื่นชมขึ้น ไม่ใช่เพียงเป็นมารยาท แต่เพราะเห็นคุณค่าของกันจริงๆพี่น้องที่รักคุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้ หรือไม่?“ความรักประกอบขึ้นจากคุณสมบัติที่ไม่มีเงื่อนไข 3 ประการในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน คือ:การยอมรับความเข้าใจการชื่นชม(การเห็นคุณค่า)“( Love is made up of three unconditional properties in equal measure: Acceptance Understanding Appreciation)~Vera Nazarianดังนั้น วันนี้ ขอให้เราแสดงความรักต่อกันผ่านการยอมรับ การเข้าอกเข้าใจ และการชื่นชมกันและกันขอให้เราพิสูจน์ให้คนทั้งหลายเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราคิด พูด โพสต์ และทำขอให้เรามองเห็นคุณค่าในตัวของผู้อื่น จากสิ่งที่เขาเป็นหรือสิ่งที่เขาทำและให้เราแสดงความชื่นชม(appreciation)ต่อตัวเขาออกมาอย่างจริงใจ ในยามที่เขาต้องการบางที สิ่งนี้ อาจจะช่วยชีวิตของเขาได้ แบบที่คุณคาเคิดไม่ถึงเลยก็เป็นได้ ใครจะไปรู้…จริงไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 2กันยายน2025 (ตอนที่155 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ผลที่ยังคงอยู่ Ep.1378 หากเราคิดว่าบาปที่สารภาพแล้วจะจบลงเพียงเพราะพระเจ้าทรงอภัย ความจริงผลของบาปบางอย่างอาจจะยังคงอยู่ มันทิ้งร่องรอยแห่งความเจ็บปวดทั้งในตัวเราและคนรอบข้าง แม้พระคุณของพระเจ้าจะให้อภัย แต่สิ่งที่เราหว่านลงย่อมมีผลที่เราต้องเก็บเกี่ยว เรื่องราวใน 2 ซามูเอล 15:13–37 ทำให้เราเห็นได้ชัดว่าความผิดพลาดครั้งเดียวของดาวิดนำไปสู่ความทุกข์ใจอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะกลับใจแล้ว แต่ก็ยังมีผลที่ต้องยอมรับ ตอนนี้อับซาโลมผู้เป็นลูกชายกบฎกับเขา ในข้อ 13 บอกว่า “ใจของประชาชนคล้อยตามอับซาโลม” เวลานี้ดาวิดจึงต้องหนีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการหนีจากลูกชายของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันเขายังมีคนที่จงรักภักดีซื่อสัตย์ต่อเขาเป็นคนที่ไม่ทิ้งดาวิด พระธรรมตอนนี้บันทึกว่าดาวิดเจ็บปวดร้องไห้บนภูเขามะกอกเทศ เพราะแม้แต่ที่ปรึกษาใกล้ชิดอย่างอาหิโธเฟลก็ทรยศไปอยู่กับอับซาโลม ข้อให้เราเรียนรู้จากเรื่องนี้ว่า ทุกบาปที่พระเจ้าอภัยแล้ว อาจจะมีบางเรื่องก็ที่เราต้องรับผล แต่ในท่ามกลางความเจ็บปวดนั้น พระเจ้ายังทรงซื่อสัตย์ ไม่ทอดทิ้ง และทรงจัดทางออกไว้เสมอ อย่างที่พระวจนะของพระเจ้าในพันธสัญญาใหม่ได้ยืนยันกับเราว่า 'ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้ ' 1 โครินธ์ 10:13 เราสามารถสร้างความแตกต่างได้เมื่อเราถูกทดลอง ถ้าเราเลือกที่จะพึ่งพาพระเจ้าและหยุดตั้งแต่ต้น มันแตกต่างกันมากระหว่างที่เราจะปล่อยตัวตามความอยาก ซึ่งผลแน่นอน พระเจ้าให้อภัยแต่เราอาจจะต้องเสียน้ำตากับผลืี่ยังต่อเนื่องอยู่ วันนี้พระเจ้าเรียกให้เราเลือกที่จะเดินในทางแห่งพระคุณของพระองค์ ขอให้เรามั่นใจและมั่นคงในพระเจ้า และให้เราอธิษฐานขอให้พระเจ้าประทานกำลังที่เราจะอดทนได้ และขอประทานทางออกที่เราจะสามารถผ่านการทดลองทดสอบนั้นได้ด้วย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่154) UNITY “ ความเป็นหนึ่งเดียวน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” “จงเพียรพยายามให้คงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งพระวิญญาณทรงประทานนั้นด้วยสันติภาพเป็นพันธนะ” ~เอเฟซัส 4:3 TH1971 “Make every effort to keep the unity of the Spirit through the bond of peace.” ~Ephesians 4:3 NIV คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวดังต่อไปนี้หรือไม่ที่ว่า “คริสตจักรที่เป็นหนึ่งเดียวกัน คือคำพยานที่ทรงพลังที่สุด!” (A united church is the most powerful testimony.)“Unity” หรือ ความเป็นหนึ่งใจเดียวกัน มีสำคัญต่อคริสตจักรเป็นอย่างมาก เพราะเป็นคำพยานที่ยิ่งใหญ่และเป็นแก่นสำคัญที่ทำให้คริสตจักรดำรงอยู่และก้าวหน้าต่อไปได้ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าUnity มีความสำคัญดังนี้1. Unity สะท้อนถึงเอกภาพของพระเจ้า(3เป็นหนึ่ง:พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณ) ~ทำให้โลกเห็นพระสิริของพระเจ้าและเชื่อว่าพระเยซูคือพระเจ้า (ยอห์น 17:21-23)2.Unity สำแดงความรักของคริสเตียน~ทำให้คนทั้งหลายรู้ว่าเราเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ (ยอห์น 13:34-35)3.Unity นำสันติสุขมาสู่คริสตจักร~ทำให้สมาชิกมีความสุขและขอบคุณพระเจ้า (โคโลสี 3:15)4. Unity สามารถป้องกันการแตกแยก~ ทำให้ความขัดแย้งไม่อาจทำลายคริสตจักรได้ (1 โครินธ์ 1:10))5.Unity สามารถทำให้ความยินดีเต็มเปี่ยม~ ทำให้มีความคิดและจิตใจอย่างเดียวกัน (ฟีลิปปี 2:2 )6.Unity สามารถจัดการกับความบาปได้เร็ว~ทำให้ลดความเสียหายด้วยความรักเมตตา (1 เปโตร 3:8)7.Unity เสริมสร้างคริสตจักรให้ก้าวหน้า~ทำให้แข็งแรงมีพลังแบ่งเบาภาระและเติบโตขึ้น (เอเฟซัส 4:11-16) พี่น้องที่รัก“เราไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง แต่เราจำเป็นต้องเดินไปด้วยกันในพระคริสต์ !”(We don't have to be the same in everything, but we must walk together in Christ.) Unity ในคริสตจักร มีความสำคัญยิ่ง เพราะการมีใจเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์ แม้จะต่างฐานะ สถานภาพ ต่างความคิดและความสามารถ แต่เมื่อร่วมมือ ร่วมใจ ด้วยความรัก ก็สามารถบรรลุความสำเร็จตามเป้าหมาย ก่อเกิดความแข็งแรง เจริญเติบโต และเป็นพยานของพระคริสต์ต่อโลกนี้ และสะท้อนพระสิริของพระเจ้า เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า“ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำให้คริสตจักรสะท้อนพระสิริของพระเจ้าได้ชัดเจนที่สุด”(Unity makes the church reflect God's glory most clearly.) …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 1กันยายน2025 (ตอนที่154 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน หยุดสร้างภาพ Ep.1377 ชื่อเสียงและเสน่ห์ภายนอกอาจทำให้คนมากมายสนใจ แต่สิ่งที่พระเจ้ามองไม่ใช่ภายนอก แต่คือ หัวใจภายใน หากหัวใจภายในเต็มด้วยความทะเยอทะยานและความอยากมีอำนาจ วันหนึ่งสิ่งนั้นจะผลักดันเราไปสู่การกบฏต่อพระเจ้า เรื่องราวของอับซาโลมเตือนเราว่า เสน่ห์ภายนอกไม่อาจทดแทนหัวใจที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าได้ 2 ซามูเอล 15:1-2 บอกว่าอับซาโลมมีรถรบ ม้าศึก และทหาร 50 นายวิ่งนำหน้า นี่ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แล้วไปรอที่ประตูเมือง และดักคนที่จะมาเข้าเฝ้าดาวิดเพื่อขอให้ดาวิดตัดสินคดีความข้อขัดแย้งต่างๆ แต่อับซาโลมตั้งตัวเองเป็นผู้ตัดสินความต่างๆ ในข้อ 6 บอกว่าอับซาโลมก็ชนะใจประชาชนทั้งหมด'เมื่อล่วงมาได้ 4 ปี อับซาโลมทูลพระราชาว่า “ขอทรงอนุญาตให้ข้าพระบาทไปแก้บน ซึ่งข้าพระบาทได้บนไว้ต่อพระยาห์เวห์ที่เมืองเฮโบรน เพราะว่าผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้บนไว้ เมื่อครั้งยังอยู่ในเมืองเกชูร์ประเทศซีเรียว่า ‘ถ้าพระยาห์เวห์ทรงนำข้าพระองค์กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้ว ข้าพระองค์จะถวายนมัสการพระยาห์เวห์' ” ' 2 ซามูเอล 15:7-8 ดาวิดก็อนุญาต โดยที่ไม่รู้ว่าลูกชายตั้งใจจะก่อกบฎโดยใช้ข้ออ้างว่าจะไปแก้บนที่เฮโบรน 'แต่อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารลับไปทั่วอิสราเอลทุกเผ่าว่า “พวกท่านได้ยินเสียงเขาสัตว์เมื่อไร จงกล่าวกันว่า ‘อับซาโลมเป็นกษัตริย์ที่เฮโบรน' ” ' 2 ซามูเอล 15:10 มีคนเข้ามาสบทบกับอับซาโลมมากขึ้น โดยเฉพาะอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ที่ปรึกษาของดาวิดก็มาอยู่กับอับซาโลมด้วย ความบาปที่ไม่ได้กลับใจอย่างแท้จริงจะนำไปสู่คามทะเยอทยาน ขอให้พวกเราเองจะไม่สร้างภาพให้เอาชนะใจผู้คนเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ แต่ให้เราชนะใจหรือชนะความต้องการของตัวเองเพื่อยืนยันว่าเราเป็นสาวกผู้ติดตามพระเยซู พระวจนะของพระเจ้าเตือนเราแบบนี้'อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม ' ฟีลิปปี 2:3 อับซาโลมดูดีในสายตาประชาชน แต่ในสายพระเนตรของพระเจ้าเขามีหัวใจที่ไม่ซื่อสัตย์ เราต้องตรวจสอบชีวิตของเราอยู่เสมอว่า เรากำลังสร้างภาพภายนอกให้คนชื่นชม ชื่นชอบ หรือเรากำลังพัฒนาหัวใจที่ซื่อสัตย์ และเรากำลับพัฒนาบุคลิคที่พระเจ้าประทานให้เราใหม่แล้ว ขอเราใช้เวลาอธิษฐานขอพระวิญญาณของพระเจ้าช่วยตรวจสอบใจของเรา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่153) คุณเคยถูกวาระอันร้ายดักจับโดยฉับพลันไหม? “เพราะมนุษย์ไม่รู้วาระของตน ปลาติดอยู่ในอวนที่เลว ร้ายฉันใด และนกถูกดักติดอยู่ในบ่วงแร้วฉันใด บรรดามนุษย์ก็ถูกวาระอันเลวร้ายนั้นดักจับโดยฉับ พลันเหมือนกันฉันนั้น” ~ปัญญาจารย์ 9:12 THSV11 ผมไปประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษาครั้งแรกในฐานะ กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ โดยเป็นตัวแทนศาสนาคริสต์ ซิกข์และฮินดู ครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (ซึ่งแท้จริงเป็นการประชุมครั้งที่สองของปีนี้ โดยครั้งที่ 1/2568 นั้นประชุมไปแล้ว ในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568) โดย ในการประชุมครั้งนี้ มี ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคือพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็นประธานที่ประชุม และทุกอย่างเป็นไปได้ดี โดยท่านได้ให้เกียรติกล่าวต้อนรับและ แนะนำผมแก่ที่ประชุม(มีภาพของผม บนจอใหญ่3จอให้เห็นกันชัดเจน) แต่หลังจากประชุมเสร็จสิ้น ท่านก็พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยสาเหตุจากการพลิกผันในทางการเมือง และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯใหม่มาแทนที่ท่าน …ในสายตาของชาวบ้าน มองว่าท่านเคราะห์ร้าย แบบฉับพลัน! ต่อมา ผมไปประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษาครั้งที่สอง(ตรงกับครั้งที่3/2568 ของปีนี้ ในวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร ชั้น 3 อาคาร 56 ปี สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา โดยในการประชุมครั้งนี้มีท่านรัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการท่านใหม่ คือ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นประธานนำการประชุม ซึ่ง ท่านทำหน้าที่ได้ดียอดเยี่ยมในสายตาผม ทำการบ้านมาดี มีความฉลาดคล่องแคล่ว ตามเกมทัน ใจกว้างและเปิดโอกาสให้กรรมการแต่ละท่านได้พูดทุกคน รวมทั้งตัวของผมด้วย เมื่อถึงคราวที่ผมพูด ผมก็เสนอความคิดเห็นไปว่าเป้าหมายการศึกษาของประเทศไทยนั้นมักจะมุ่งหวังให้ผู้เรียนมีลักษณะโดดเด่นสามประการก็คือ “ เก่ง ดี และมีสุข” ในที่ประชุมของเรา เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับ การรับฟังและการอภิปรายในเรื่อง เป้าหมายที่จะทำให้ผู้เรียนของไทยมี”ความเก่ง“ ทัดเทียมอารยประเทศ ในระดับสากลแต่ในฐานะที่ผมเป็นกรรมการซึ่งเป็นตัวแทนขององค์การศาสนา ผมขอวิงวอนให้ทางสภาการศึกษา ให้ความสำคัญกับกระบวนการในการสร้างผู้เรียนไทยให้เป็น คนดี อย่างเป็นรูปธรรมให้มากขึ้น เพราะสังคมของเรามีคนเก่ง คนฉลาดมากขึ้น ไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่มักลงเอยด้วยชะตากรรมที่ต้องรับโทษในบั้นปลายเพราะการกระทำที่ไม่ดีหรือผิดพลาด และต้องจบลงอย่างไม่มีความสุข ผมสรุปว่า เวลานี้ ประเทศไทยกำลังอยู่ในวิกฤติศรัทธาในผู้นำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนรุ่นใหม่ต้องการ ผู้นำที่ดีเป็นแบบอย่าง อย่างเร่งด่วน จากนั้นก็มีกรรมการท่านอื่น อภิปรายสนับสนุนข้อเสนอของผม ท่านประธานก็รับข้อเสนอดังกล่าวไว้ วันนั้น เราประชุมช่วงเช้าเสร็จสิ้นลง ด้วยบรรยากาศที่ดี ท่านรัฐมนตรีมีออร่าสง่าโดดเด่นก่อนจะแยกย้ายจากกันไปแต่ในบ่ายวันเดียวกัน(วันที่ 29 ส.ค.2568) เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เนื่องจากผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงเพราะมีลักษณะเป็นการไม่พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติ เป็นการถือเอาผลประโยชน์ของสมเด็จฮุนเซนเหนือกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ จึงเข้าข่ายมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยให้มีผลความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม และมีผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลง วันนั้น เจ้าหน้าที่ในสำนักเลขาธิการสภาการศึกษา แจ้งให้ผมทราบ ว่า ในการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่3 ของผม ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ผมจะได้พบประธานที่ประชุมคนใหม่คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดเพราะ ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งใหม่ ผมจึงรู้สึกเสียดายท่านรัฐมนตรี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นอย่างยิ่ง …เช่นกัน ในสายตาชาวบ้าน ต่างมองว่าท่านมีเคราะห์มาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัว! ใช่ครับ เราไม่ทราบจริงๆว่า “เคราะห์” หรือ “หายนะ” จะเกิดกับเรา หรือกับคนรอบตัวของเราเมื่อใด? เพราะไม่ว่า เราจะเป็นคนดีเพียงใด คราวเคราะห์ก็อาจเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดคิด! ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย เราจึงควรดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทหรือชะล่าใจ แต่ให้ใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าไว้ตลอดเวลา แล้วเราจะต้องไม่กลัววาระอันร้ายใดๆที่คอยดักจับเรา เพราะว่า พระองค์จะทรงปกป้องคุ้มครองเราให้พ้นภัยเหล่านั้นได้! ดังพระสัญญาที่ว่า“พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาท่านให้พ้นภยันตรายทั้งสิ้น พระองค์จะทรงอารักขาชีวิตของท่าน” ~สดุดี 121:7 THSV11 “The Lord will keep you from all harm — he will watch over your life;” ~Psalms 121:7 NIV …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 31สิงหาคม2025 (ตอนที่153 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้าน
พระธรรมนำชีวิตตอน ตรวจสอบจิตใจเสมอ Ep.1376 รูปร่าง บุคลิคภายนอกที่ดูดีอาจดึงดูดสายตาผู้คน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือสิ่งที่อยู่ภายในใจ คนเราสามารถดูดีไม่มีที่ติในสายตามนุษย์ แต่หัวใจที่ไม่อยู่ใต้การควบคุมของพระเจ้าก็นำไปสู่ความล้มเหลวได้ ในช่วงท้ายของ 2 ซามูเอล 14 กำลังเล่าถึงลักษณะของอับซาโลมว่า เขาเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างและลักษณะสมบูรณ์มาก ข้อ 25 บอกว่าทั่วอิสราเอล ไม่มีชายใดรูปงามและรับคำชมเชยมากเท่ากับอับซาโลม ในตัวของเขาตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงกระหม่อมไม่มีตำหนิเลย 'อับซาโลมประทับในกรุงเยรูซาเล็มได้ 2 ปีเต็ม โดยไม่ได้เข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระราชา ' 2 ซามูเอล 14:28 แม้ว่าจะกลับมา 2 ปีแล้วแต่ยังไม่ได้พบกับดาวิดเลย สิ่งที่พระวจนะของพระเจ้ากำลังทำให้เราเห็นตรงนี้คือ อับซาโลมดูแลรูปร่างภายนอกของตัวเองอย่างดี แต่จิตใจภายในและความคิดของเขามันร้ายจริงๆ เขาให้คนของเขาไปตามโยอาบแม่ทัพของดาวิด ซึ่งเป็นญาติสนิทของเขามาหาถึงสองครั้ง แต่โยอาบไม่ยอมมา เขาจึงส่งคนไปเผานาข้าวของโยอาบ โยอาบจึงมาหาอับซาโลม แล้วถามว่าท่านส่งคนไปเผานาของเราทำไม'อับซาโลมตอบโยอาบว่า “ดูเถิด เราส่งคนไปบอกท่านว่า ‘มานี่เถิด เราจะส่งท่านไปหาพระราชาทูลว่า “ให้ข้าพระบาทมาจากเกชูร์ทำไม? ข้าพระบาทอยู่ที่นั่นก็ดีกว่า” บัดนี้ขอให้เราได้เข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระราชา ถ้าเรามีความผิด ก็ให้พระองค์ทรงประหารเราเสีย' ” ' 2 ซามูเอล 14:32 โยอาบจึงไปหาดาวิด แล้วอับซาโลมก็ได้รับการอภัยจากดาวิด เรื่องราวนี้กำลังสอนเราว่า เรากำลังใส่ใจกับภาพลักษณ์ภายนอกมากกว่าสภาพภายในหรือไม่ เรากำลังใช้วิธีอะไรให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ'แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับซามูเอลว่า “อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอกหรือที่ความสูงแห่งร่างกายของเขา เพราะเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระยาห์เวห์ไม่ได้ทอดพระเนตรเหมือนที่มนุษย์ดู เพราะมนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรจิตใจ” ' 1 ซามูเอล 16:7 พระเจ้ากำลังเรียกให้เราสนใจหัวใจภายในที่จะยอมจำนนถ่อมลง ให้เราสนใจหัวใจที่ยอมให้พระเจ้าจัดการความรู้สึกและความต้องการของเรา เพราะนั่นคือสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย ภาพลักษณ์ที่ดีภายนอกนั้นไม่พอ ความคิดจิตใจของเราต้องสะอาดตามพระทัยของพระเจ้าด้วย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่152) มาแบ่งปันกันไหม? “จงกำชับพวกเขาให้ทำการดี ให้ทำการดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และแบ่งปัน” ~1 ทิโมธี 6:18 THSV11 “Command them to do good, to be rich in good deeds, and to be generous and willing to share.” ~1 Timothy 6:18 NIVอ.เปาโล กำชับให้คนที่ศรัทธาในพระเจ้า กระทำดังต่อไปนี้1.กระทำการดี (do good works) คือใช้ชีวิตที่ก่อประโยชน์ อย่างไม่เห็นแก่ตัว2.กระทำดีให้มากขึ้น(be rich in good works) คือไม่ใช่แค่รวยเงิน แต่ให้ “รวยล้นในความดี” อย่างต่อเนื่อง3.ใจกว้าง (be generous) คือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ตามความจำเป็นของผู้อื่น 4.เต็มใจแบ่งปัน (willing to share) คือพร้อมให้ด้วยความยินดี โดยยอมรับรู้ว่าทุกสิ่งที่มีล้วนประทานมาจากพระเจ้า “การแบ่งปัน” ที่กล่าวถึงนี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงเงินหรือทรัพย์สิ่งของ แต่ยังรวมถึงสิ่งต่างๆ อาทิ เวลา ความรู้ความสามารถ คำพูดและการกระทำที่ให้กำลังใจ ฯลฯ คำว่า“แบ่งปัน”นี้ มาจากคำว่ากรีกว่า “koinonia ”ที่หมายถึง “การมีส่วนร่วม,เกี่ยวข้องความเป็นมิตรภาพ, การร่วมสัมพันธ์,สามัคคีธรรม ” ( Fellowship,Partnership) เราสามารถสรุปความหมายหลักของคำว่า ” แบ่งปัน“ ได้3ประการดังนี้1.มีส่วนร่วม~Having a share 1).การมีส่วนร่วมในสามัคคีธรรมกับพระคริสต์ ~1 ยอห์น 1:3 2).การมีส่วนร่วมในชีวิตและสามัคคีธรรมของผู้เชื่อ ~กิจการ 2:42 3).การมีส่วนร่วมในการรับใช้และพันธกิจต่างๆ ~ฟีลิปปี 1:5 2.ร่วมแบ่งปัน-Sharing 1).ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ~ กิจการ2:1~4,43-44 2).ร่วมแบ่งปันสิ่งของ~ กิจการ2:45-45 3).ร่วมแบ่งปันความยินดี~กิจการ2:46~47 4).ร่วมแบ่งปันชีวิตในการประชุมและในการนมัสการ ~ฮีบรู 10:24-25 5).ร่วมแบ่งปันสิ่งอื่นๆอีก อาทิ การปลุกใจ การให้กำลังใจ ความรัก ความดี และการรับใช้ต่างๆ หมายถึง “แบ่งปันชีวิต”(sharing life) ต่อกัน ทั้งในยามสุข ยามทุกข์และในทางพระเจ้า 3.ปันส่วนให้ ~Giving a share1).การแบ่งปันทรัพย์สินเงินทองหรือวัตถุสิ่งของ~โรม 15:26-29 2).การให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆด้วยใจกว้างขวาง~1ทิโมธี6:18สรุป เราควรเป็นคนใจดี ใจกว้าง ที่เกิดจากการร่วมสามัคคีธรรม~กับพระคริสต์ และ~กับพี่น้อง ที่ร่วมดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า จนเรามีใจพร้อมที่จะร่วมแบ่งปันและเสริมสร้างชีวิตด้วยกัน ในทุกๆมิติ ไม่ว่าจะในด้านสัมพันธภาพ ทรัพยากร ปัจจัย และพันธกิจ แล้ววันนี้ คุณล่ะ พร้อมที่จะร่วมแบ่งปันเช่นนี้ด้วยกันหรือไม่? …ตอบที! ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 30สิงหาคม2025 (ตอนที่152 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน โอกาสคืนดี Ep.1375 ความความบาปหรือผิดพลาดต่าง ๆ อาจทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนกับคน และแน่นอนความบาปทำให้เกิดช่องว่างระหว่างพระเจ้ากับเรา เรื่องราวของดาวิดกับอับซาโลมทำให้เราเห็นว่า แม้ความสัมพันธ์จะแตกหักด้วยบาปและความโกรธ แต่พระเจ้าทรงสามารถใช้เหตุการณ์และผู้คนรอบตัวเพื่อเปิดประตูแห่งความสัมพันธ์ให้มีการให้อภัยและกลับคืนดีกันได้'ฝ่ายโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ทราบว่าพระราชาทรงคิดถึงอับซาโลม ' 2 ซามูเอล 14:1 โยอาบทหารคนสนิทที่อยู่กับดาวิดเสมอ รู้ว่าดาวิดถึงอับซาโลมมาก แต่ยังมีความเจ็บปวดจากการที่อับซาโลมฆ่าอัมโนน โยอาบจึงมีแผนการโดยใช้หญิงที่ฉลาดจากเมืองเทโคอา ใช้เธอมาเล่าคำอุปมาเพื่อโน้มน้าวดาวิด ความฉลาดนี้ในภาษาเดิมกำลังบอกว่า เธอมีไหวพริบในการโน้มน้าวใจ โยอาบมีบทพูดให้เธอทั้งหมด พวกเราไปติดตามรายละเอียดทั้งหมดได้ใน 2 ซมูเอล 14:1-24 นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ดาวิดถูกเตือนผ่านเรื่องเปรียบเทียบ ครั้งแรกโดยนาธันผู้เผยพระวจนะ ครั้งนี้โดยหญิงชาวเทโคอาตามคำสั่งของโยอาบ เมื่อเรื่องราวดำเนินไปจนในที่สุดดาวิดจับได้'พระราชาจึงตรัสถามว่า “ในเรื่องทั้งสิ้นนี้มือของโยอาบเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยหรือเปล่า?” หญิงนั้นทูลตอบว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาท ฝ่าพระบาททรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ไม่มีใครหนีไปทางขวาหรือทางซ้ายได้ จากทุกสิ่งที่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทตรัสไว้ โยอาบผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทนั่นแหละสั่งข้าพระบาททูล เขาบอกถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดแก่สาวใช้ของฝ่าพระบาท ' 2 ซามูเอล 14:19 ในข้อ 20 หญิงคนนี้ยังได้ชื่นชมสติปัญญาของดาวิดด้วยว่า ไม่สามารถหลอกเขาได้เลย แต่ผลของการกระทำนี้ ดาวิดยอมสั่งให้โยอาบไปพาอับซาโลมกลับมา แต่ในข้อ 24 ได้อธิบายว่า ดาวิดกับอับซาโลมยังไม่พบกันทันที แต่นี่คือการเปิดทางให้ลูกชายกลับบ้านและเป็นก้าวแรกที่สำคัญ นี่เป็นเหมือนกับสิ่งที่พระเจ้าทำกับเรา พระองค์เปิดทางให้เรากลับบ้านเสมอ โดยผ่านทางความเชื่อและการวางใจในพระเยซูคริสต์'จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย ' โคโลสี 3:13 การเก็บความโกรธหรือการหนีไม่ใช่คำตอบหรือทางออกที่ดี การเปิดใจยอมให้อภัยคือการนำความสุขกลับมาก ถ้าเราเลือกให้อภัยเหมือนที่พระเจ้าทรงให้อภัยเรา ความสัมพันธ์ที่แตกสลายก็จะมีทางกลับมาคืนดีกันได้ ความโกรธและความรู้สึกผิดอาจจะเป็นเหมือนแม่น้ำที่ขวางกั้นความสัมพันธ์ แต่การให้อภัยและการกลับใจนั้นจะเป็นสะพานที่จะนำความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเรา และระหว่างผู้คนที่บาดหมางนั้นกลับคืนมาคืนดีต่อกัน ด้วยแรงของเรานั้นผมว่าไม่สามารถทำได้ แต่โดยพระคุณของพระเจ้าเราจะมีกำลังที่จะให้อภัย บางครั้งเราอาจจะเหมือนดาวิดที่ลังเลจะให้อภัย หรือเหมือนอับซาโลมที่รู้สึกผิดเกินกว่าจะกลับบ้าน แต่พระวจนะของพระเจ้าย้ำกับเราว่า พระคุณของพระเจ้ามีทางเสมอ ขอให้เราเลือกที่จะกลับใจใหม่ เลือกให้อภัย และเปิดประตูของความสัมพันธ์อีกครั้ง เพื่อพระพรของพระเจ้าจะกลับคืนมาในชีวิตครอบครัวและชีวิตของเรา วันนี้มีใครหรือเปล่าที่พระเจ้ากำลังเตือนให้เราให้อภัย จงยอมเลือกที่จะสร้างสะพานที่จะข้ามแม่น้ำนั้นเพื่อจะนำสันติภาพและความสุขกลับมา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่151) อะไรคือแนวทางที่ดีในการรับใช้พระเจ้า?“ขอทรงดีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ และจะปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์” ~สดุดี 119:17 THSV11“Be good to your servant so I can go on living and keeping your word.” ~Psalms 119:17 CEBถ้าเราจะรับใช้พระเจ้า ก็ขอให้เราเป็นผู้รับใช้ที่ดี ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ถ้าเรารับใช้ด้วยความเชื่อฟัง ทำตามพระบัญญัติและพระบัญชาของพระองค์พระเจ้าผู้ดีประเสริฐ จะปกป้องพิทักษ์รักษาเรา!แล้ว เราจะรับใช้พระเจ้าให้ได้ดี ได้อย่างไร?รับใช้จากหัวใจที่รักพระเจ้าและรักซึ่งกันและกัน“พี่น้องทั้งหลาย เพราะว่าท่านถูกเรียกให้มีเสรีภาพ ขอแต่เพียงอย่าถือโอกาสใช้เสรีภาพเพื่อทำตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด” ~กาลาเทีย 5:13 THSV11รับใช้ด้วยความถ่อมใจ“เพราะฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ยังล้างเท้าของพวกท่าน ท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย เพราะว่าเราวางแบบอย่างแก่พวกท่านแล้วเพื่อให้ท่านทำเหมือนอย่างที่เราทำกับท่านด้วย” ~ยอห์น 13:14-15 THSV11รับใช้ด้วยความกระตือรือร้นเต็มใจเหมือนอย่างที่ทำต่อพระเยซูคริสต์“ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์” ~โคโลสี 3:23 THSV11“จงรับใช้นายด้วยความกระตือรือร้น อย่างที่ทำต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อมนุษย์” ~เอเฟซัส 6:7 THSV11รับใช้ตามของประทานที่พระเจ้าประทานให้(ร่วมกับผู้อื่น)“และเราทุกคนมีของประทานต่างกัน ตามพระคุณที่ประทานแก่เรา คือถ้าของประทานเป็นการเผยพระวจนะ ก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อ ถ้าเป็นการปรนนิบัติก็จงปรนนิบัติ ถ้าเป็นผู้สั่งสอนก็จงสั่งสอน” ~โรม 12:6-7 THSV11“ตามที่แต่ละคนได้รับของประทาน ก็ให้ใช้ของประทานนั้นปรนนิบัติกันและกันดังเช่นผู้รับมอบฉันทะที่ดีเกี่ยวกับพระคุณนานาประการของพระเจ้า”~1 เปโตร 4:10 THSV11รับใช้ตามแนวทางของพระคัมภีร์ด้วยความยินดี“แม้พวกเจ้านายนั่งปรึกษากันต่อสู้ข้าพระองค์ แต่ผู้รับใช้ของพระองค์จะตรึกตรองกฎเกณฑ์ของพระองค์ พระโอวาทของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์ เป็นที่ปรึกษาของข้าพระองค์ ” ~สดุดี 119:23-24 THSV11รับใช้แบบที่ทำให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้าเพิ่มขึ้นมากมาย“เพราะการปรนนิบัติในงานรับใช้นี้ ไม่เพียงเป็นการจัดหาให้กับธรรมิกชนที่ขัดสนเท่านั้น แต่ยังทำให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าอย่างมากมายเหลือล้นด้วย”~2 โครินธ์ 9:12 THSV11รับใช้ด้วยความวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะช่วยให้รอด“ขอทรงคุ้มครองชีวิตข้าพระองค์ไว้ เพราะข้าพระองค์เป็นผู้จงรักภักดีข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ผู้วางใจในพระองค์ให้รอด” ~สดุดี 86:2 THSV11รับใช้ด้วยชีวิตจิตใจควบคู่ไปกับการประกาศข่าวประเสริฐ“เพราะพระเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้าได้รับใช้ด้วยชีวิตจิตใจของข้าพเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระบุตรของพระองค์นั้นทรงเป็นพยานของข้าพเจ้าว่า เมื่ออธิษฐานนั้น ข้าพเจ้าระลึกถึงพวกท่านเสมอ” ~โรม 1:9 THSV11รับใช้ด้วยความซื่อตรงและซื่อสัตย์“ข้าพระองค์จะมองหาคนซื่อตรงในแผ่นดิน เพื่อเขาจะอาศัยอยู่กับข้าพระองค์ผู้ใดดำเนินอยู่ในทางที่ดีพร้อม ผู้นั้นจะปรนนิบัติข้าพระองค์” ~สดุดี 101:6 THSV11พี่น้องที่รักวันนี้ ให้เรามาเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเจ้า จะดีไหม?นั่นคือ เราจะรับใช้ โดยเริ่มจากใจรักที่รักพระเจ้าและรักคนทั้งหลาย ด้วยความถ่อมใจ อย่างกระตือรือร้นเหมือนกระทำต่อพระคริสต์ แสดงออกมาผ่านการใช้ของประทาน การช่วยเหลือผู้อื่น, การทำงานอย่างสัตย์ซื่อ, และ การเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐแห่งความรักของพระคริสต์ ตามแนวทางคำสอนในพระคัมภีร์ ด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า…จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 29สิงหาคม2025 (ตอนที่151 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ความจริงที่ไม่อาจหนีพ้น Ep.1374 ข่าวลือสร้างความวุ่นวายในใจ แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผยแล้ว เรื่องราวนั้นอาจยังทิ้งความเจ็บปวดไว้ เรื่องราวในตอนท้ายของ 2 ซามูเอล 13 คือภาพของครอบครัวที่ถูกฉีกขาดเพราะบาป ความสัมพันธ์ที่แตกร้าว ความเศร้าโศกที่เกาะกินใจ นี่คือความจริงอันเจ็บปวดที่เราทุกคนควรเรียนรู้ เพื่อจะไม่ปล่อยให้ความบาปเข้ามาทำลายชีวิตของเรา'ต่อมาเมื่อเขาพูดจบลง ดูสิ บรรดาพระราชโอรสของพระราชาก็เสด็จมาถึง และร้องไห้เสียงดัง ฝ่ายพระราชาก็ทรงกันแสง และบรรดาข้าราชการก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วย ' 2 ซามูเอล 13:36 เมื่อบรรดาลูกชายของดาวิดกลับมาถึงวัง ความจริงที่โยนาดับพูดถูกยืนยันคือมีเพียงอัมโนนเท่านั้นที่เสียชีวิต นี่คือภาพของบ้านที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ส่วนอับซาโลมก็หนี เขาหนีไปอยู่กับทัลมัย ลูกชายของอัมมีฮูด พระราชาเมืองเกชูร์'ฝ่ายอับซาโลมก็ทรงหนีไปยังเมืองเกชูร์ และอยู่ที่นั่น 3 ปี ' 2 ซามูเอล 13:38 คนที่ตัดสินใจทำบาป จะต้องหนีไปเรื่อยๆ และไม่มีความสุข เพราะความจริงจะตามกวนใจ ทำให้ขาดความสงบสุขในใจตลอดเวลา วิธีที่จะนำความสันติสุขกลับมาไม่ใช่การหนี แต่คือการยอมรับสิ่งที่ทำและนำสิ่งนั้นมาสารภาพ 'แล้วดาวิดพระราชาตรอมพระทัยอาลัยถึงอับซาโลม เพราะการที่ทรงคิดถึงอัมโนนนั้นคลายลง เนื่องจากเขาสิ้นชีพแล้ว' 2 ซามูเอล 13:39 ความตายของอัมโนนและการหนีไปของอับซาโลม ทำให้ดาวิดเต็มไปด้วยน้ำตา หากเราปล่อยให้ความบาปอยู่ในชีวิต ความสงบและสันติสุขก็จะหมดไป แต่หากเราพลาดทำผิดแล้ว การหนีไปไม่ใช่ทางออก แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ การกลับใจและสารภาพในสิ่งที่ทำลงไป'ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น ' 1 ยอห์น 1:9 ทางออกเดียวสำหรับมนุษย์จากบาป ไม่ใช่การปกปิดหรือหนี หรือการทำดีเพื่อชดเชย แต่คือพระคุณของพระเจ้าที่สำแดงผ่านพระเยซูคริสต์ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อไถ่เรา เพื่อนำสันติภาพและสันติสุขระหว่างพระเจ้ากับเรากลับมา ไม่ว่าความผิดนั้นจะหนักหนาแค่ไหน วันนี้ทางเดียวที่เราจะได้สันติสุขแท้จริงคือ การกลับใจใหม่ และนำสิ่งนั้นมาสารภาพต่อพระเจ้าและกับบุคคลที่เราได้ทำผิดต่อเขา การกลับใจและสารภาพเป็นก้าวแรกสู่การเยียวยา เมื่อเรายอมเปิดเผยบาปที่ซ่อนอยู่ เรากำลังเปิดทางให้พระคุณและการชำระของพระเจ้าเข้ามาในชีวิต อย่าหนีแต่ให้เราสารภาพ พระคุณของพระเจ้ายังมีพอเพียงสำหรับเรา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่150) สดุดีบทสุดท้าย! “จงให้ทุกสิ่งที่หายใจสรรเสริญพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระยาห์เวห์” ~สดุดี 150:6 THSV11 “Let everything that breathes praise the Lord! Hallelujah!” ~Psalms 150:6 GW ในข้อเขียน “REFLECTIONS ON THE PSALMS” C.S. LEWIS กล่าวว่า“ สิ่งล้ำค่ามากที่สุดที่ผมได้จากพระธรรมสดุดี ก็คือ การได้แสดงความปีติยินดีในพระเจ้า แบบเดียวกับที่ทำให้กษัตริย์ดาวิดกระโดดโลดเต้นออกมา!” (The most valuable thing the Psalms do for me is to express that same delight in God which made David dance.) สดุดีบทที่150 นี้ คือพระธรรมสดุดีบทสุดท้าย ที่เชิญชวนให้เราและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนมัสการสรรเสริญพระเจ้า ดังนี้ “สรรเสริญพระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระเจ้าในสถานนมัสการของพระองค์ ~ในที่ๆควรนมัสการพระองค์ในโลกจงสรรเสริญพระองค์ในพื้นฟ้าอันอานุภาพของพระองค์~ในที่ๆควรนมัสการในสวรรค์จงสรรเสริญพระองค์ เพราะกิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์~จากสิ่งที่พระองค์ทำจงสรรเสริญพระองค์ ตามความยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์ ~จากสิ่งที่พระองค์เป็นจงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตร ~ด้วยเครื่องดนตรีประเภทเป่าจงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณเขาคู่และพิณใหญ่ ~ด้วยเครื่องดนตรีประเภทดีดสีจงสรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนาและการเต้นรำ ~ด้วยเครื่องดนตรีและการเต้นรำจงสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสายและปี่ ~ด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย&ผสมผสานจงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉิ่ง ~ ด้วยเครื่องดนตรีประเภทเคาะจงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบ ~ด้วยเครื่องดนตรีประเภทตีจงให้ทุกสิ่งที่หายใจสรรเสริญพระยาห์เวห์ ~ด้วยปากและเสียงร้องสรรเสริญพระยาห์เวห์” ~สดุดี 150:1-6 THSV11พี่น้องที่รัก Germany Kent กล่าวไว้ได้ดีว่า “ จงสรรเสริญพระเจ้า แม้แต่ในยามที่คุณไม่เข้าใจว่า พระองค์กำลังทำอะไรอยู่!” (Praise God even when you don't understand what he's doing.) ดังนั้น วันนี้ ขอให้เราผู้ที่ประสงค์จะร้องเพลงและคณะนักร้องที่ปรารถนาจะเปล่งเสียงสรรเสริญ ยกย่องเยิยยอ เฉลิมฉลองพระเกียรติ พระราชกิจ อันยิ่งใหญ่อันหาที่เปรียบไม่ได้ของพระเจ้า มาร่วมกันสรรเสริญพระเจ้าสูงสุด ด้วยเสียงร้องจากปาก ด้วยเครื่องดนตรีทุกชนิด ด้วยการเต้นโลด ด้วยความจริงและด้วยจิตวิญญาณ อย่างจริงใจ … จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 28สิงหาคม2025 (ตอนที่150 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ข่าวลือ Ep.1373 ข่าวลือมีพลังร้ายแรง มันสามารถทำให้ใจของเราแตกสลายก่อนที่ความจริงจะถูกเปิดเผย เหมือนในเหตุการณ์ของดาวิดที่ได้ยินว่าลูกชายทั้งหมดถูกฆ่า แต่แท้จริงแล้วมีเพียงอัมโนนคนเดียว เรื่องนี้เตือนเราว่า หากไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เราอาจจมอยู่ในความเศร้าและการตัดสินใจผิดพลาดเพราะข่าวลือ'ขณะเมื่อบรรดาพระราชโอรสทรงดำเนินอยู่ตามทาง มีข่าวไปถึงดาวิดว่า “อับซาโลมประหารพระราชโอรสของพระราชาทั้งหมดแล้ว ไม่เหลืออยู่สักองค์เดียว” พระราชาทรงลุกขึ้นฉีกฉลองพระองค์ และบรรทมบนพื้นดิน ข้าราชการทั้งสิ้นสวมเสื้อผ้าฉีกขาด ยืนเฝ้าอยู่ ' 2 ซามูเอล 13:30-31 คำว่า “ข่าวไปถึง” ในภาษาเดิมกำลังหมายถึง เสียงเล่าลือที่ยังไม่ผ่านการยืนยันแต่ผลของมันทำให้ดาวิดเสียใจสุดขีด คิดว่าลูกชายทั้งหมดถูกฆ่าตาย จึงแสดงการโศกเศร้าตามวัฒนธรรม คือการฉีกเสื้อผ้าและการนอนบนพื้นดิน ข้อ 32-33 ความจริงถูกเปิดเผยขึ้นโดยโยนาดับลูกพี่ลูกน้องของอับซาโลมซึ่งเคยเป็นผู้ออกอุบายให้กับอัมโนน เป็นผู้ที่บอกความจริงแก่ดาวิดว่ามีเพียงอัมโนนคนเดียวเท่านั้นที่ถูกฆ่า เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าข่าวลือทำให้คนทั้งราชสำนักสะเทือนใจอย่างหนัก แต่ความจริงกลับต่างออกไป'เขาจะไม่กลัวข่าวร้าย ใจของเขามั่นคง วางใจในพระยาห์เวห์ ' สดุดี 112:7 คนที่เชื่อในพระเจ้าจะไม่หวั่นไหวไปกับข่าวร้ายหรือข่าวลือ เพราะเขามีใจที่มั่นคงและวางใจในพระเจ้า เรื่องไม่จริงอาจจะสร้างความวุ่นวายและความเสียใจได้ แต่ในพระเจ้าผู้เป็นความจริงจะนำให้ใจของเราสงบและมั่นคง หากเราไม่ยึดมั่นในพระเจ้าเราจะสั่นไหว สั่นคลอนไปตามข่าวหรือเสียงต่างๆที่เข้ามา ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบเชื่อทุกสิ่งที่ได้ยิน แต่ให้เราตรวจสอบสิ่งที่ได้ยินมานั้นด้วยการวางใจในพระเจ้าและยอมรับพระทัยของพระอวค์ พระเจ้าทรงเป็นความจริงและเป็นที่พึ่งของเราได้เสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่149) จะรับใช้พระเจ้าอย่างไรดี? “เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับใช้พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา แต่รับใช้ปากท้องของตัวเอง และได้ล่อลวงคนซื่อให้หลงด้วยคำไพเราะอ่อนหวาน” ~โรม 16:18 THSV11 “People like that aren't serving the Lord. They are serving their own feelings. They deceive the hearts of innocent people with smooth talk and flattery.” ~Romans 16:18 CEB คนบางคนบอกว่าเขากำลังรับใช้พระเจ้าแต่แท้จริงแล้ว เขากำลังรับใช้ตัวเอง หรือปากท้องของเขาเองโดยอ้างพระเจ้าและหลอกลวงเราด้วยคำหวาน! แท้จริงแล้ว การรับใช้คืออะไร?1.“การรับใช้” คือ“การทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อผู้อื่น โดยยอมเสียเวลา แรงกาย ความสามารถ หรือทรัพยากรของเรา เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ต่อส่วนตัว”2.“การรับใช้คน” คือ “การช่วยเหลือ ดูแล หรือทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นโดยตรง เช่น ดูแลครอบครัว ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน หรือ ทำงานเพื่อสังคม 1).มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ “คน” และความต้องการของ“เขา” 2).มีความมุ่งหวังให้“คน”ได้ประโยชน์และต้องการได้คำชมหรือการยอมรับจากพวกเขา 3).มีความท้อแท้หรือหมดกำลังใจได้ หากไม่เป็นไปตามที่หวัง 3.“การรับใช้พระเจ้า”คือ ”การดำเนินชีวิตประจำวัน ที่ทำทุกสิ่งด้วยความเชื่อฟัง ด้วยความรัก เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการกระทำในบ้านและในสถานศึกษาการทำงานในที่ทำงาน และการประพฤติตนในคริสตจักร รวมทั้งการช่วยเหลือคนอื่นทั่วไป ก็สามารถเป็นการรับใช้พระเจ้าได้ ถ้าเราทำด้วยใจที่เหมือนกระทำถวายแด่พระองค์ (โคโลสี 3:23) 1).มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ “พระเจ้า” ไม่ใช่คน 2).มีแรงจูงใจในการกระทำที่มาจากความรัก ไม่ใช่เพราะถูกบังคับจากผู้ใด 3).มีความแน่วแน่ในการรับใช้ แม้ไม่มีใครเห็นหรือชื่นชมก็ตาม 4).มีความตั้งใจที่จะทำถวายแด่พระเจ้า ด้วยเชื่อว่าบำเหน็จจะมาจากพระเจ้าไม่ใช่มาจากคน ข้อเตือนสติในเรื่องการรับใช้ ก็คือ1.“การรับใช้คน ทำให้คนที่ได้รับ ได้ประโยชน์ แต่การรับใช้พระเจ้า ทำให้ทั้งคนและพระเจ้าล้วนได้รับเกียรติ”2.“การรับใช้คนด้วยกำลังของตนเอง อาจเหน็ดเหนื่อยและท้อใจ แต่การรับใช้คนเพื่อพระเจ้า ด้วยกำลังจากพระเจ้า จะมีพลังอย่างไม่สิ้นสุด”3.“เมื่อเรารับใช้คน เราอาจได้ หรือไม่ได้คำชม แต่เมื่อเรารับใช้พระเจ้า พระองค์เตรียมคำชมและบำเหน็จไว้ให้เราในบั้นปลาย” ดังนั้น ขอให้เราตระหนักไว้เสมอว่า “การรับใช้พระเจ้าทุกอย่างจะไม่มีวันสูญเปล่า เพราะพระเจ้าจะทรงประทานรางวัลนิรันดร์ให้กับ ทุกหยาดเหงื่อและทุกหยดน้ำตาของเราที่เกิดจากการรับใช้พระองค์!“ …อาเมนไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 27สิงหาคม2025 (ตอนที่149 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่าเก็บไว้ Ep.1372ความโกรธที่ถูกเก็บกดไว้ มันไม่มีทางหายไปได้เอง สองปีเต็มที่ไม่พูดไม่จา ไม่ให้อภัย ความโกรธนั้นเปลี่ยนไปเป็นแผนร้าย อับซาโลมจัดงานตัดขนแกะ งานนี้เป็นงานรื่นเริงที่เต็มด้วยการกินและดื่ม อับซาโลมมาเชิญดาวิดและพี่น้องผู้ชายของเขาทั้งหมดไปงานนี้ แต่ดาวิดปฎิเสธที่จะไป 'อับซาโลมจึงทูลว่า “ถ้าไม่โปรดเสด็จ ก็ขออนุญาตให้พระเชษฐาอัมโนนไปด้วยกันกับพวกเราเถิด” และพระราชาตรัสถามว่า “ทำไมจะให้เขาไปกับเจ้าด้วย?” แต่อับซาโลมทูลคะยั้นคะยอจนพระองค์ทรงให้อัมโนนและพระราชโอรสของพระราชาทั้งสิ้นไปด้วย ' 2 ซามูเอล 13:26-27งานเลี้ยงตัดขนแกะควรเป็นบรรยากาศแห่งความชื่นบานและครอบครัว แต่อับซาโลมใช้มันเป็นเวทีแห่งการล้างแค้น เรื่องนี้เตือนเราว่า ความโกรธที่ไม่ยอมให้อภัยจะนำเราไปสู่การทำบาปที่ร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เราอาจจะคิดว่าเรามีสิทธิ์ที่จะจัดการเรื่องนั้นด้วยตัวเอง ขอพระเจ้าเมตตาที่จะเปลี่ยนจิตใจของเรา และให้เรายอมที่จะให้สิทธิ์ในการจัดการคนเหล่านั้นที่ทำผิดต่อเราให้พระเจ้าเป็นผู้จัดการแทนเราทั้งหมด'นอกจากนี้ แล้ว ขอ ให้ สวมใส่ ความรัก ความรัก จะ ผูกพัน ความดี ทุก อย่าง และ ทำ ให้ สิ่ง เหล่านี้ สมบูรณ์ 'โคโลสี 3:14 THA-ERVความรักและการให้อภัยคือรั้วป้องกันใจที่เราจะหยุดความโกรธที่จะไม่ให้มันเติบโตเป็นการทำลาย การแก้แค้นไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น แต่การให้อภัยต่างหากที่ปลดปล่อยทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ความโกรธคือไฟที่พร้อมจะเผาไหม้ทั้งชีวิตและความสัมพันธ์ หากเราไม่ดับมันด้วยการให้อภัย มันจะเผาผลาญทั้งเราและคนรอบตัว ขอพระเจ้านำให้เราจะสวมความรักของพระเจ้าเพื่อจะความรักนั้นจะนำเราเดินมุ่งหน้าสู่พระเจ้าผู้เป็นความดี วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่148) ให้ทั้งหมดจงสรรเสริญพระเจ้า! “ให้ทั้งหมดนี้สรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์ เพราะพระนามของพระองค์เท่านั้นที่ควรเยินยอ พระสิริของพระองค์อยู่เหนือแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์” ~สดุดี 148:13 THSV11 “Let them praise the name of the Lord because his name is high above all others. His glory is above heaven and earth.” ~Psalms 148:13 GW คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวดังต่อไปนี้หรือไม่ ที่ว่า“สิ่งที่ยิ่งใหญ่และที่สำคัญมีสิ่งเดียว ก็คือการนมัสการและสรรเสริญพระเจ้า!”(The great thing, and the only thing, is to adore and praise GOD. ~Thomas Merton ผู้เขียนพระธรรมสดุดีคงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งจึงเรียกร้องให้สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง ทั้งในสวรรค์((148:1-8)และใต้ฟ้าสวรรค์(148:7-14) ร่วมกันสรรเสริญพระองค์! “สรรเสริญพระยาห์เวห์ 1.จงสรรเสริญพระยาห์เวห์จากฟ้าสวรรค์ จงสรรเสริญพระองค์ในที่สูง(เบื้องบน) 1).ทูตสวรรค์ทั้งสิ้นของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ 2).กองทัพ(ชาวสวรรค์ )ทั้งสิ้นของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ 3).ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ จงสรรเสริญพระองค์ 4).ดาวทั้งสิ้นที่ส่องแสง(ระยิบระยับ) จงสรรเสริญพระองค์ 5).ฟ้าสวรรค์ที่สูงสุด จงสรรเสริญพระองค์ รวมทั้ง 6).ห้วงน้ำทั้งหลายเหนือฟากฟ้าสวรรค์ด้วย ให้สิ่งเหล่านั้น จงสรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์ เพราะ ก.พระองค์ทรงบัญชา สิ่งเหล่านั้นก็ถูกเนรมิต เกิดขึ้นมา และ ข.พระองค์ทรงสถาปนากำหนดสิ่งเหล่านั้นไว้ให้อยู่ในที่ของมันไว้เป็นนิตย์นิรันดร์ (ตลอดกาล) ค.พระองค์ทรงมีประกาศิตประทานกฎเกณฑ์ซึ่งจะล่วงละเมิดไม่ได้ (จะไม่มีวันล้มเลิก)2.จงสรรเสริญพระยาห์เวห์จากแผ่นดินโลกเถิด 1).เจ้าสัตว์ทะเลขนาดใหญ่(มหึมา)และที่(ในห้วง )น้ำลึก(แห่งมหาสมุทร )ทั้งปวง 2).ไฟ(แลบ)กับลูกเห็บ 3).หิมะกับเมฆหมอก 4).ลมพายุ ที่พัดกระหน่ำทำตามพระบัญชาของพระองค์ 5).บรรดาภูเขาและเนินเขาทั้งปวง 6).ต้นไม้มีผลและไม้สนสีดาร์ทั้งปวง 7).สัตว์ป่าและฝูงสัตว์ใช้งานทั้งปวง 8).สัตว์เลื้อยคลาน(ตัวเล็กตัวน้อย )และนก ทั้งหลาย ที่บินได้ 9).บรรดาพระราชา(กษัตริย์ )ของแผ่นดินโลกและ(ชนชาติ)ชาวประเทศทั้งสิ้น 10).เจ้านายและผู้ครอบครองทั้งปวงของแผ่นดินโลก 11).คนหนุ่มกับคนสาว 12).คนแก่กับเด็กๆ ให้ทั้งหมดนี้สรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์ เพราะ ก.พระนามของพระองค์เท่านั้นที่สมควรแก่การเทิดทูนเยินยอ ข.พระสิริ(โอ่อ่าตระการ)ของพระองค์อยู่เหนือแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ ค.พระองค์ทรงทำให้ประชากรของพระองค์แข็งแกร่ง (พระองค์ทรงแต่งตั้งกษัตริย์แก่ประชากรของพระองค์) ง.พระองค์(กษัตริย์ )ทรงเป็นที่สรรเสริญ ก).ของประชากรทั้งปวง ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ ข).ของคนอิสราเอลผู้อยู่ใกล้(แนบชิดพระทัย)พระองค์ จงสรรเสริญพระยาห์เวห์” ~สดุดี 148:1-14 THSV11พี่น้องที่รัก วันนี้ คุณกำลังสรรเสริญพระเจ้าอยู่หรือไม่? ถ้าคุณทำ คุญสรรเสริญพระองค์อย่างไร? และเวลานี้ มีผู้ใดกำลังสรรเสริญพระเจ้าเพราะสิ่งที่คุณคิด พูด หรือ ทำ บ้างหรือไม่? ขอช่วยแบ่งปันให้เราฟังสักหน่อย …จะได้ไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 26สิงหาคม2025 (ตอนที่148 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้าน
พระธรรมนำชีวิตตอน วิธีปลดปล่อยความโกรธ Ep.1371 ความโกรธที่เก็บไว้ในใจ อาจดูเหมือนสงบแต่แท้จริงแล้วมันเป็นไฟที่เผาผลาญภายใน หากไม่ดับตั้งแต่แรก วันหนึ่งมันจะลุกลามกลายเป็นการกระทำที่รุนแรงกว่าที่คิด เรื่องราวของอับซาโลมแสดงให้เห็นว่า เมื่อความโกรธไม่ได้รับการปลดปล่อยด้วยการให้อภัยก็จะพาไปสู่ความหายนะที่ใหญ่กว่าเดิม'แต่อับซาโลมไม่ได้พูดกับอัมโนนเลย ไม่ว่าดีหรือร้าย เพราะอับซาโลมเกลียดชังอัมโนนมาก ที่ทำให้ทามาร์น้องหญิงของท่านอับอาย ' 2 ซามูเอล 13:22 อับซาโลมเลือกที่จะไม่พูด ไม่เผชิญหน้า ไม่ให้อภัย ความเงียบของเขาคือการสะสมความโกรธ ความเกลียดชังที่ไม่ได้รับการจัดการ มันเพียงถูกเก็บกดไว้ภายในจนกลายเป็นแผนการล้างแค้น ในข้อ23 บอกว่า “ต่อมาอีกสองปีเต็ม” เวลาผ่านไปสองปีเต็ม ความโกรธนั้นยังอยู่ในใจไม่จางหายมันมากขึ้นจนนำไปสู่การกระทำที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม คืออับซาโลมจัดการอัมโนน พรุ่งนี้เราจะมาติดตามเรื่องนี้กันต่อ แต่วันนี้ขอนำถ้อยคำของพระเยซูมานำเรา ที่เราจะจัดการกับความขุ่นเคืองใจที่ยังอาจหลงเหลืออยู่ในใจแบบเงียบๆ'“เพราะว่าถ้าพวกท่านให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะทรงให้อภัยการล่วงละเมิดของพวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านไม่ให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านจะไม่ทรงให้อภัยการล่วงละเมิดของพวกท่านเหมือนกัน ' มัทธิว 6:14-15 การไม่ยอมให้อภัย ไม่ได้ทำร้ายคนนั้นแต่กำลังทำลายตัวเราเอง และการไม่ให้อภัยยังเป็นกำแพงขวางกั้นความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเรา พระเยซูบอกว่า เมื่อเรายกโทษให้คนอื่น เราจะได้รับการให้อภัยจากพระเจ้าด้วย ความโกรธที่ไม่ได้ถูกปดปล่อยด้วยการให้อภัยไม่มีทางหายไปเอง ทางออกที่พระเจ้าประทานให้คือ การให้อภัย ผมเข้าใจว่ามันยาก แต่เมื่อเรายกโทษ เราจะได้รับอิสระเสรีภาพ และการให้อภัยนั้นเปิดทางที่พระเจ้ามอบการอภัยและสันติสุขแก่เรา ขอเราอย่าปล่อยให้ความโกรธอยู่ในใจนานจนกลายเป็นการล้างแค้น แต่ให้เราเลือกการให้อภัยเพื่อตัวเราเอง วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่147) สมองของเราไม่ใช่ขยะ!“จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ” ~สุภาษิต 4:23 THSV11“Be careful how you think; your life is shaped by your thoughts.” ~Proverbs 4:23 GNTถ้าทุกอย่างที่เราทำ ล้วนออกมาจากความคิดหรือจิตใจของเราเราก็ต้องระมัดระวังความคิดของเราให้ใสสะอาดอยู่เสมอถ้าเราปล่อยให้ความคิดเราสกปรกสิ่งที่เราพูดและทำออกมา ก็จะพลอยสกปรกไปด้วย!ให้เราทำตามคำเตือนของ Mahatma Gandhi ที่กล่าวว่า“ ข้าพเจ้าจะไม่ปล่อยให้ใครมาเดินอยู่ในความคิดของข้าพเจ้าด้วยเท้าอันสกปรกของพวกเขา (I will not let anyone walk through my mind with their dirty feet.)นั่นหมายความว่า คุณไม่ควรปล่อยให้คำพูด หรือ ความคิดในแง่ลบของคนใดคนหนึ่งมามีอิทธิพลเหนือความคิดของคุณ!เราต้องตระหนักไว้เสมอว่า"สมอง“ของเราไม่ใช่ ถังขยะที่ใช้รองรับของเสียทางความคิดของผู้ใดแต่ควรจะเป็นดุจเครื่องกรอง(น้ำ)ที่มีฟิลเตอร์หลายชั้นที่คอยกรอง คำพูด ความคิดหรือความรู้สึกที่ไม่สะอาด ไม่ให้ผ่านเข้ามาในสมองและออกมาจากปากของเราไปสู่ผู้อื่นดังนั้น นับจากนี้เป็นต้นไป ขอให้เราอย่ารับทุกเรื่องที่ได้ยินได้ฟังเข้ามาในสมองหรือในใจของเราในทันทีอย่าให้อะไรมาทำลายเป้าหมายหรือนิมิตที่เราหรือคริสตจักรของเราได้รับจากพระเจ้าอย่าเอาทุกเรื่องที่ได้ยินได้อ่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่~ไม่สร้างสรรค์~ไร้ประโยชน์ ~ทำให้ท้อ ~ทำให้อารมณ์เสีย หรือ~ทำให้สิ้นหวัง เข้ามาในความคิดของเราอย่าให้อะไรที่ไม่ดีไม่สะอาด มาควบคุมสมองของเราทำให้สมองของเรากลายเป็นทาสของความคิดเลวๆแย่ๆที่เต็มด้วยอารมณ์ลบสิ่งที่สมองของเราควรคิดคืออะไร?สมองของเราควรคิดว่าใคร่ครวญว่าสมควรคิดในเรื่องไหนบ้าง?สมควรรอเรื่องใดไว้ก่อน โดยไม่นำมาคิดในตอนนี้บ้าง? และไม่สมควรนำเรื่องใดมาคิดเลยบ้าง?ถ้าเรารู้จักรักษาความคิดของเราให้ดี ~อารมณ์ของเราก็จะดี ~คำพูดของเราก็จะดี ~ความประพฤติของเราก็จะดีเพราะว่าคำที่ออกมาจากปาก ต่างก็ล้วนออกมาจากใจ และถ้าเราหมั่นคอยชำระความคิด และจิตใจอยู่เสมอ~ใจของเราก็จะสะอาด~สติของเรา ก็จะสงบและมั่นคง และ~สมองของเราก็จะมีแต่เรื่องที่ทำให้เราและคนอื่นความสุขดังนั้น เราจึงควรให้พระเจ้าเข้าควบคุมความคิด จิตใจและการกระทำของเราเราควรถามตัวเองว่า เราควรคิดใคร่ครวญในเรื่องอะไร? และควรคิดและทำแบบผู้ใด?อาจารย์เปาโล แนะนำไว้ดีมากว่า“สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง และพวกท่านจงปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านเรียนรู้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้า แล้วพระเจ้าผู้ประทานสันติสุขจะสถิตกับพวกท่าน” ~ฟีลิปปี 4:8-9 THSV11พี่น้องที่รัก ให้เรามาทำตามคำแนะนำดังที่กล่าวมา…จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 25สิงหาคม2025 (ตอนที่147 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่าซ้ำเติมด้วยความเงียบ Ep.1370 เมื่อคนที่เรารักเจ็บปวด สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่แค่คำพูดสั้น ๆ ที่บอกให้เงียบหรือให้ทนเอาไว้ แต่คือคำปลอบโยนและการอยู่เคียงข้างอย่างจริงใจ แม้อับซาโลมจะมีอารมณ์โกรธและสงสารน้องสาว แต่ด้วยความเป็นผู้ชายจึงทำให้การแสดงออกมาดูเย็นชา การแสดงออกแบบนั้นทำให้ทามาร์ยังอยู่ในความทุกข์โศก 'อับซาโลมพระเชษฐาของเธอก็รับสั่งกับเธอว่า “พี่อัมโนนได้อยู่กับน้องหรือ? น้องเอ๋ย นิ่งเสีย เพราะเขาเป็นพี่ อย่าทุกข์ใจเพราะเรื่องนี้เลย” ฝ่ายทามาร์ก็อยู่เดียวดายในวังของอับซาโลมพระเชษฐา เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงทราบเรื่องเหล่านี้ทั้งสิ้น พระองค์ก็กริ้วยิ่งนัก ' 2 ซามูเอล 13:20-21 เมื่ออับซาโลมรู้เรื่อง เขาพูดกับน้องสาวด้วยถ้อยคำที่ดูเหมือนปลอบโยน แต่จริง ๆ แล้วความหมายในภาษาเดิมคือ “ให้นิ่งเงียบ อย่าพูดอะไร” นี่ไม่ใช่การเยียวยา แต่คือการกดทับความเจ็บปวด ทำให้ทามาร์จมอยู่ในความทุกข์เพียงลำพัง สูญเสียเกียรติ และหมดหวังในชีวิต วัฒนธรรมเวลานั้นทำให้ทามาร์แทบจะไม่มีโอกาสแต่งงานได่อีกเลย เมื่อดาวิดรู่เรื่องก็โกรธมาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกป้องลูกสาวหรือลงโทษลูกชาย นี่คือความเจ็บปวดของทามาร์ที่เกิดเพราะความเงียบ'เหตุฉะนั้นจงให้กำลังใจกันและเสริมสร้างซึ่งกันและกันขึ้นเหมือนที่ท่านก็กำลังทำอยู่แล้ว ' 1เธสะโลนิกา 5:11 พระวจนะของพระเจ้าเตือนและสั่งเราว่า จงให้กำลังใจและเสริมสร้างซึ่งกัน การอยู่เคียงข้างและคำพูดปลอบโยนคือสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ใจแตกสลาย เรื่องราวในวันนี้เตือนเราว่า การนิ่งเฉยต่อความเจ็บปวดของผู้คนที่อยู่รอบตัว ความเงียบนั้นจะกลายเป็นการซ้ำเติม ขอให้เราเป็นผู้ที่มีพูดคำปลอบใจ และขอให้เราอยู่เคียงข้างพวกเขาแทนที่จะปล่อยให้พวกเขาอยู่ในความเศร้าอย่างเดียวดาย หากเราเองเป็นคนที่ไม่มีบุคลิคภาพแบบนั้น ให้เราขอจากพระเจ้าด้วยกัน ที่เราจะเห็นคนที่ปวดร้าว เราจะมีคำพูดปลอบโยนที่เหมาะสม และเราจะสามารถอยู่เคียงข้างเขา รับฟังเขาด้วยความจริงใจและความห่วงใย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่146) ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่าลืมพระเจ้า!“จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ และอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์” ~ สดุดี 103:2 THSV11“Praise the Lord, my soul, and never forget all the good he has done:” ~Psalms 103:2 GW เราได้รับสิ่งดีมากมายจากพระเจ้ามา อย่าให้เราหลงลืม จงทำตามอย่างที่ ไบรอัน เทรซี กล่าวไว้ว่า “ จงให้โดยไม่จำ และ จงรับโดยไม่ลืม!”(Always give without remembering and always receive without forgetting.) ― Brian Tracy โมเสสจึงเตือนประชาชนอิสราเอลไม่ให้พวกเขาลืมพระเจ้า และพระคุณของพระองค์ โดยกล่าวว่า““ท่านจงระวังตัวให้ดี อย่าลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 1.โดยไม่รักษา(ไม่ปฏิบัติตามพระบัญชา) 1).พระบัญญัติ 2).กฎหมาย และ 3).กฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ 2.โดยมีใจผยองขึ้น เมื่อท่าน ก.ได้รับประทานจนอิ่มหนำ ข.ได้(ตั้งถิ่นฐาน)สร้างบ้านดีๆ ค.ได้อาศัยอยู่ในนั้น ง.ได้ฝูงโคและฝูงแพะแกะทวีจำนวนขึ้น จ.ได้เงินทองทวีมากขึ้น และ ฉ.ได้ทุกสิ่งที่มีอยู่ทวีจำนวนขึ้นมากมาย “ โมเสส ย้ำเตือนไม่ให้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้า โดยให้เหตุผลว่า”เพราะว่าพระองค์เป็นพระเจ้า1.ผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือออกจากแดนทาส2.ผู้ทรงนำท่านมาตลอดถิ่นทุรกันดารใหญ่น่ากลัว ซึ่งมีงูแมวเซาและแมงป่องและดินแห้งแล้งไม่มีน้ำ3.ผู้ประทานน้ำจากหินแข็งแก่ท่าน 4.ผู้ทรงเลี้ยงท่านด้วยมานาในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งบรรพบุรุษของท่านไม่รู้จัก “ โมเสสยังเตือนสติชาวอิสราเอลถึงเหตุผลที่พระเจ้าทรงนำพวกเขาเข้าสู่การทดสอบว่า“เพื่อพระองค์จะ 1.ทรงทำให้ท่านถ่อมใจและ 2.ทรงทดสอบท่าน เพื่อ ทำให้เกิดประโยชน์แก่ท่านในบั้นปลาย!”โมเสสย้ำเตือนพวกเขาอีกว่า “จงระวังให้ดีเกรงว่าท่านจะนึกในใจว่า ‘กำลังและเรี่ยวแรงของข้านำทรัพย์มีค่านี้มาให้ข้า' “ท่านจงระลึกถึงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ท่านที่จะได้ทรัพย์สมบัตินี้ เพื่อพระองค์จะทรงดำรงพันธสัญญาซึ่งทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของท่าน ดังวันนี้!”โมเสสกล่าวถึงผลร้ายที่จะตามมา ถ้าหากประชากรของพระเจ้าลืมพระองค์“ถ้าท่านลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไปติดตามพระอื่นและปรนนิบัตินมัสการพระเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านในวันนี้ว่า 1).ท่านจะต้องพินาศแน่นอน เช่นเดียวกับประชาชาติซึ่งพระยาห์เวห์ทรงทำให้พินาศไปต่อหน้าพวกท่าน 2).ท่านทั้งหลายจะพินาศอย่างนั้นแหละ เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน!” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 8:11-20 THSV11 พี่น้องที่รัก คุณกำลังลืมพระเจ้า และ พระคุณของพระองค์อยู่หรือไม่? อย่าทำเช่นนั้น เป็นอันขาดเลย จะดีกว่า …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 24สิงหาคม2025 (ตอนที่146 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้าน
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่145) รวมคำเตือนสติชั้นเยี่ยม! “ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนข้อความเหล่านี้เพื่อให้พวกท่านละอายใจ แต่เขียนเพื่อเตือนสติท่านผู้เป็นเหมือนลูกที่รักของข้าพเจ้า” ~1 โครินธ์ 4:14 THSV11 “I am writing this not to shame you but to warn you as my dear children.” ~1 Corinthians 4:14 NIV ชีวิตของเราน่าจะปลอดภัยมากขึ้น ถ้าหากว่าเรารู้จักรับฟังคำเตือนสติและ นำมาพิจารณาประพฤติปฏิบัติตามด้วยความใส่ใจ อาทิ1.เราต้องแนบสนิทกับวิถีของพระเจ้าและระวังไม่ให้พลาดพลั้งทำผิดบาป เพราะ ”พลาดพลั้งเพียง 1ครั้ง ความดีทั้งชีวิตมลายสิ้น!“ “ย่างเท้าของข้าพระองค์แนบสนิทกับวิถีของพระองค์ เท้าของข้าพระองค์มิได้พลาด” ~สดุดี 17:5 THSV112.เราต้องยอมรับความคิดต่าง แต่จะไม่ปล่อยให้ขัดแย้งรุนแรงจนทำลายเอกภาพ”อย่าให้ความเห็นคิดเห็นต่างและความขัดแย้งใดๆ ทำลายความเป็นพี่น้องและความเป็นหนึ่งเดียวกันที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานและผูกพันเราไว้ด้วยกัน เป็นอันขาด!“ “จงพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มาจากพระวิญญาณนั้น โดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน” ~-เอเฟซัส 4:3 THSV113.เราต้องรู้จักมองบางสิ่งหรือบางคนจากมุมมองใหม่ที่สวยงามและสร้างสรรค์”เรื่องเดียวกัน มองได้จากหลายด้านหลายมุมอย่าเอาแต่มองจากมุมที่เห็นแต่สิ่งไม่สวยงามและขยี้แต่จุดนั้นจงใจกว้างและเมตตายอมมองจากมุมอื่นที่เห็นความสวยงามบ้างมิฉะนั้นทุกคนจะไม่มีความสุขเลย!“ “คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด” ~โรม 14:5 THSV114.เราต้องช่วยคนทำผิดพลาดโดยไม่เจตนา ให้แก้ไขทำใหม่ให้ถูกต้อง โดยไม่ด่วนทำลายเขา“คนบางคนทำผิดพลาดบางเรื่อง อย่าด่วนตัดสินว่าเขาผิดทุกเรื่อง อย่าหาเรื่องทำลายเขา แต่จงช่วยเขาให้แก้ไขในเรื่องนั้นให้ถูกต้องด้วยความรัก!”“พี่น้องทั้งหลาย แม้จับใครที่ละเมิดประการใดได้ พวกท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยคนนั้นด้วยใจสุภาพอ่อนโยนให้เขากลับตั้งตัวใหม่ โดยคิดถึงตัวเอง เกรงว่าท่านจะถูกทดลองด้วย” ~กาลาเทีย 6:1 THSV115.เราต้องถ่อมใจให้อภัยและร่วมมือกันในการแก้ปัญหาระหว่างกัน“ไม่มีเรื่องใดที่คริสเตียนแท้จะแก้ปัญหาระหว่างกันไม่ได้คนผิดจะเสียใจขออภัยรับผิดรีบแก้ไขชดใช้ คนถูกก็ให้อภัยเริ่มต้นใหม่ทั้ง2ฝ่ายจะถ่อมใจร่วมกันหาทางออกที่ดีที่สุด ตามหลักพระคัมภีร์!” “จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย” ~โคโลสี 3:13 THSV11 ดังนั้น เมื่อเรามีคำเตือนสติที่ดีเยี่ยมอยู่ในมือแล้ว ก็ขอให้เรานำไปปฏิบัติตามด้วยรักเมตตาต่อกันและกัน ตามอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์ …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 23สิงหาคม2025 (ตอนที่145 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน รักที่ไม่ใช่รัก Ep.1369 สิ่งที่เราเรียกว่ารักอาจไม่ใช่ แต่มันคือความใคร่และความอยากได้ เมื่อเราได้สิ่งนั้นแล้วความรู้สึกก็กลับกลายเป็นตรงกันข้ามทันที เรื่องราวของอัมโนนกับทามาร์คือบทเรียนสำคัญที่เตือนเราให้รู้จักและแยกแยะระหว่างความรักกับความใคร่ ความใคร่หรือความบาปย่อมทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดเสมอ'ต่อมาอัมโนนก็ทรงชังเธอด้วยความเกลียดชังที่สุด ความเกลียดชังที่ท่านเกลียดชังเธอก็มากยิ่งกว่าความรักซึ่งท่านเคยรักเธอ และอัมโนนรับสั่งกับเธอว่า “จงลุกขึ้นไป” ' 2 ซามูเอล 13:15 อัมโนนที่เคยรู้สึกคลั่งรักทามาร์แต่กลับกลายเป็นความเกลียดชังหลังจากได้เธอแล้ว คำว่าต่อมาในภาษาเดิมบอกถึงความเกลียดชังที่เกิดขึ้นทันทีหลังเสร็จความใคร่แล้ว และความเกลียดชังนั้นมากกว่าความรู้สึกรักที่เคยมี จึงทำให้อัมโนนขับไล่ทามาร์ออกไป'แต่เธอตอบว่า “อย่าเลย เพราะความผิดใหญ่หลวงนี้ ที่จะไล่หม่อมฉันไปก็มากกว่าครั้งก่อนที่พระเชษฐาทำกับหม่อมฉัน” แต่ท่านไม่ยอมฟังเธอ จึงเรียกมหาดเล็กที่ปรนนิบัติอยู่ สั่งว่า “จงไล่ผู้หญิงคนนี้ให้ออกไปให้พ้นเรา แล้วปิดประตูใส่กลอนหลังจากเธอออกไป” ' 2 ซามูเอล 13:16-17 การถูกไล่ออกไปนั้นคือการตอกย้ำความอับอายยิ่งกว่าการถูกขืนใจ ทามาร์อ้อนวอนให้อัมโนนไม่ทำอย่างนั้น แต่ความบาปเมื่อเกิดขึ้นแล้วจึงทำให้อัมโนนไม่ยอมฟังเหตุผล คนในสมัยโบราณจะมีการป้องกัน หรือสิ่งที่ทำให้รู้จักสถานะของคนๆนั้นด้วยการแต่งกาย ตอนทามาร์เข้ามาพบอัมโนนเขาแต่งกายที่บอกว่า เธอเป็นหญิงสาวพรหมจรรย์อยู่ แต่ตอนนี้เมื่อเธอถูกไล่ออกมา'ทามาร์ก็เอาขี้เถ้าใส่ที่ศีรษะของเธอและฉีกเสื้อคลุมยาวมีแขนที่เธอสวมอยู่นั้นเสีย เอามือกุมศีรษะร้องไห้เสียงดังเดินไปเรื่อยๆ ' 2 ซามูเอล 13:19 นี่เป็นภาพของคนที่ใจแตกสลาย เธอสูญเสียศักดิ์ศรี สูญเสียความบริสุทธิ์ และความหวังในชีวิต 'พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง ' สดุดี 34:18 หากเราเป็นคนที่ใจแตกสลายแบบทามาร์ขอให้จำไว้ว่า พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ และพระองค์ทรงเป็นผู้ดูแลคอยเยียวยารักษา แต่ถ้าหากเรากำลังมีความใคร่ในอะไรก็ตาม ขอพระวิญญาณของพระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมความต้องการของเราให้อยู่ในทางของพระเจ้า เพื่อเราจะไม่ทำให้ใจของใครแตกสลาย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน หยุดตั้งแต่ก่อนเริ่ม Ep.1368 เรื่องราวความวุ่นวายในครอบครัวของดาวิดจาก 2 ซามูเอล 13 ยังไม่สิ้นสุด อัมโนนวางอุบายขอให้ดาวิดสั่งให้ทามาร์มาทำอาหารให้เขากินแล้ว ทามาร์ลูกสาวแสนสวย ชื่อของเธอมีความหมายว่า ต้นอินทผลัม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความงดงามและความอุดมสมบูรณ์ เธอมาปรุงอาหารให้อัมโนนเมื่อเสร็จแล้วแทนที่เขาจะกิน เขากลับไล่ทุกคนออก และในข้อ 10 สั่งว่า “จงเอาอาหารเข้ามาในห้องใน เพื่อพี่จะได้รับประทานจากมือของน้อง” ห้องในเป็นที่ส่วนตัวไม่มีคนอื่น เป็นคำสั่งที่นำทามาร์เข้าสู่ความไม่ปลอดภัย'แต่เมื่อเธอนำขนมมาใกล้เพื่อให้ท่านเสวย ท่านก็จับเธอไว้ รับสั่งว่า “น้องของพี่ เข้ามานอนกับพี่เถิด” ' 2 ซามูเอล 13:11 ในที่สุดอัมโนนก็เปิดเผยความต้องการที่แท้จริงว่า เขาต้องการจะนอนกับเธอ “ท่านจับเธอไว้” เป็นคำที่แสดงถึงการใช้กำลังบังคับข่มขู่ ความบาปนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน แต่มันเริ่มจากความใคร่ที่บ่มอยู่ในความคิดอยู่ในในใจ ผสมกับคำแนะนำที่ชั่วร้าย จนเขาปล่อยตัวปล่อยใจไปทำตามนั้น'เธอจึงตอบว่า “อย่าเลยพระเชษฐา อย่าบังคับหม่อมฉัน สิ่งอย่างนี้เขาไม่ทำกันในอิสราเอล อย่าทำการโฉดเขลาอย่างนี้เลย ส่วนหม่อมฉันเอง หม่อมฉันจะเอาความอายไปไว้ที่ไหน? ส่วนพระเชษฐาเล่า ก็จะเป็นคนโฉดเขลาคนหนึ่งในอิสราเอล เพราะฉะนั้นขอทูลพระราชาเถิด พระองค์จะไม่หวงหม่อมฉันไว้จากพระเชษฐา” ' 2 ซามูเอล 13:12-13 ทามาร์ร้องขอว่า “อย่าทำการโฉดเขลาเช่นนี้เลย” แปลง่ายๆว่า อย่าทำอะไรโง่ๆเลย เธอขอให้อัมโนนคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นด้วย ทามาร์ร้องขอว่าให้อัมโนนไปขออนุญาตพ่อก่อน แต่อัมโนนไม่ยอมฟัง ในข้อ 14 บันทึกว่า อัมโนนขื่นใจเธอโดยใช้กำลังที่มากกว่าบังคับ ความบาปที่เราทำนั้นเริ่มจากความคิดในใจ เมื่อบ่มเพาะจนสุกงอมแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ 'จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ ' สุภาษิต 4:23 พระธรรมสุภาษิตสั่งให้เราระมัดระวังรักษาใจ หรือความคิดของเราให้ดี เพราะการกระทำนั้นออกมาจากในความคิดในใจของเราเสมอ ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดคือ หยุดความคิดไว้ ให้เรานำมาพึ่งพา มาสารภาพขอกำลังจากพระวิญญาณของพระเจ้าก่อนที่จะเริ่ม เพราะถ้าหากใจของเราถูกยึดครองแล้ว มันก็ยากที่จะห้ามในไหว ขอให้เราหยุดความคิดทำบาปตั้งแต่เริ่มแรก ก่อนที่มันจะเติบโตเป็นการกระทำ ขอทิ้งทายด้วยคำสั่งว่า “จงรักและยำเกรงพระเจ้า” วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่144) อย่าละเลยที่จะทำความดี! “อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” ~ฮีบรู 13:16 THSV11 “And do not forget to do good and to share with others, for with such sacrifices God is pleased.” ~Hebrews 13:16 NIV คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้หรือไม่ว่า“จงทำความดี และใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเต็มไปด้วยความคิดบวก และความชื่นชมยินดีมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” (Do good, live in the most positive and joyful way possible every day.) ― Roy T. Bennett พระคัมภีร์สอนอะไรเราบ้างเกี่ยวกับเรื่อง การทำความดี?1.เราควรมีความเชื่อเหมือนผู้เขียนพระธรรมสดุดี ที่กล่าวว่า “ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าจะเห็นความดีของพระยาห์เวห์ ในแผ่นดินของคนเป็น” ~สดุดี 27:13 THSV112.เราควรตระหนักว่า พระเจ้าสร้างเราให้ทำความดีบนแผ่นดินโลกนี้ “เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ทำการดี ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเพื่อให้เราดำเนินตาม” ~เอเฟซัส 2:10 THSV113.เราควรมีความดี อันเป็นผลหนึ่งของพระวิญญาณบริสุทธิ์เกิดขึ้นในชีวิตเรา “ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์” ~กาลาเทีย 5:22 THSV11 4.เราควรนำเอาผลแห่งความดี ออกมาจากภายในตัวของเรา “คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา” ~มัทธิว 12:35 THSV11 5.เราควรเป็นแบบอย่างของคนที่รักความดี ในการปฏิบัติกับผู้อื่น “แต่มีอัธยาศัยต้อนรับแขก รักความดี มีสติสัมปชัญญะ ชอบธรรม บริสุทธิ์ รู้จักบังคับใจตนเอง” ~ทิตัส 1:8 THSV116.เราควรสำแดงความกระตือรือร้นในการมีส่วนทำดีต่อผู้อื่น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อบรรดาธรรมมิกชน) “พวกเขาวิงวอนเราอย่างมาก ขอร้องให้มีส่วนในคุณความดี ในการช่วยเหลือธรรมิกชนด้วย” ~2 โครินธ์ 8:4 THSV11 7.เราควรทำความดีต่อคนทั้งปวงเพื่อให้พวกเขาเห็นและสรรเสริญพระเจ้าของเรา “ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลาย ได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์” ~มัทธิว 5:16 THSV118.เราควรเป็นคนที่บริบูรณ์ด้วยความดี“พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าท่านบริบูรณ์ด้วยความดี และพร้อมด้วยความรู้ทุกอย่าง สามารถจะเตือนสติกันและกันได้” ~โรม 15:14 THSV119.เราควรทำดี ไม่ใช่เฉพาะต่อคนที่ดีกับเราเท่านั้น“ถ้าพวกท่านทำดีเฉพาะกับคนที่ทำดีต่อท่าน ควรนับว่าเป็นคุณความดีของท่านหรือ? เพราะแม้แต่พวกคนบาปก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน” ~ลูกา 6:33 THSV1110.เราต้องชนะความชั่วด้วยความดี “อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี” ~โรม 12:21 THSV11พี่น้องที่รัก โลกในยุคสุดท้ายนี้เกลียดชังความดี “ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี” ~2 ทิโมธี 3:3 THSV11 โลกปัจจุบันนี้ การทำความชั่วตอบแทนความดีนั้นปรากฏอยู่ดาดดื่น “พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพระองค์ด้วยความชั่ว จิตใจของข้าพระองค์ก็ตรอมตรม” ~สดุดี 35:12 THSV11 แต่เราที่ศรัทธาในพระเจ้าแห่งความดี เราจะไม่ทำชั่วแบบนั้น แม้ว่าใครๆ เขาก็ทำกัน แต่เราจะความดี แม้ว่าใครๆเขาไม่ทำกัน! ขอให้เรา ทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ ที่ว่า “ ทุกๆวันเปิดโอกาสให้เราทำดี จงฉวยโอกาสเหล่านั้นและทำดี และจงมีความสุข! (Every day grants us opportunities to do good. Take advantage of them. Do good. Be happy.) ― Richelle E. Goodrich และปิดท้ายด้วยคำกำชับของ อาจารย์ เปาโลที่ว่า “อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อทุกคน และเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อคนที่เป็นสมาชิกของครอบครัวแห่งความเชื่อ” ~กาลาเทีย 6:9-10 THSV11 …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 22สิงหาคม2025 (ตอนที่144 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่143) ที่แท้ “การเฝ้าเดี่ยว”คืออย่างนี้เอง! “ในเวลาเช้ามืดพระองค์ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่สงบ และทรงอธิษฐานที่นั่น” มาระโก 1:35 THSV11 “Very early the next morning, long before daylight, Jesus got up and left the house. He went out of town to a lonely place, where he prayed.” ~Mark 1:35 GNT มีผู้เรียกสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทำ เช่นนี้ ว่า “การเฝ้าเดี่ยว”(Daily Devotion หรือ Quiet Time) ซึ่งต่อมาหมายถึง “การใช้เวลาส่วนตัวเข้าเฝ้าหรือพบพระเจ้าเพื่อเปิดใจสนทนากับพระองค์อย่างมีความหมาย!”ของผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ซึ่งสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดของวัน จะเป็นตอนเช้า ตอนเที่ยง ตอนบ่าย ตอนเย็น ตอนค่ำ หรือตอนดึก ก็ล้วนได้ทั้งสิ้น (มก.1:35;มธ.14:23;กจ.10:9) การเฝ้าเดี่ยว จึงเป็นการ1.แยกตัวออกมาใช้เวลาสงบเพียงลำพังเป็นส่วนตัวกับพระเจ้า 2.ฟังพระเจ้าผ่านการอ่านหรือฟังพระคัมภีร์เพื่อรู้จักพระเจ้ามากขึ้น3.พูดกับพระเจ้าผ่านการอธิษฐานต่อพระองค์4.ทบทวนชีวิตของตนเองเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับพระเจ้าให้ลึกซึ้งเพิ่มขึ้นทุกวัน5.ขอและรับการทรงนำ พลกำลังใหม่และพระสติปัญญาจากพระเจ้าสำหรับการดำเนินชีวิต การทำงานประกอบอาชีพและในการรับใช้ แล้ว การเฝ้าเดี่ยวให้ประโยชน์อะไรต่อเรา? 1.การเฝ้าเดี่ยวช่วยเสริมสร้างสัมพันธภาพสนิทระหว่างเรากับพระ(คริสต์)เจ้า(1โครินธ์1:9) 2.การเฝ้าเดี่ยวช่วยฟื้นฟูจิตและรับกำลังสดใหม่หล่อเลี้ยงใจจากพระเจ้า(อิสยาห์ 40:31) 3.การเฝ้าเดี่ยวช่วยให้เราได้รับความเข้าใจในน้ำพระทัยพระเจ้าชัดเจนขึ้น(สดุดี 119:105) 4.การเฝ้าเดี่ยวช่วยปกป้องเราจากบาปและสิ่งล่อลวง(สดุดี 119:11) 5. การเฝ้าเดี่ยวช่วยให้เราเห็นและแน่ใจในการทรงนำของพระเจ้ามากขึ้น(สภษ.16:9) 6. การเฝ้าเดี่ยวทำให้เรามีโอกาสอธิษฐานเผื่อตัวเองและผู้อื่นเพิ่มขึ้น(อฟ.6:18) 7. การเฝ้าเดี่ยวทำให้เรามีเวลาสำรวจตัวเองและสารภาพบาปของเรา(สดด.32:5) 8.การเฝ้าเดี่ยวทำให้ชีวิตเราเกิดผลมาก (ยอห์น 15:5) ในการเฝ้าเดี่ยวควรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง? ไม่ว่าเราจะทำอะไรบ้างในช่วงเวลาเฝ้าเดี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่เรา ใคร่ครวญภาวนา(Meditation)พระวจนะของพระเจ้า และมีการเข้าสนิท(Communion )กับพระเจ้าแล้ว อย่างน้อยก็ควรมีองค์ประกอบดังนี้ต่อไปนี้ตามมา คือ 1. Adoration (การสรรเสริญพระเจ้า) 2.Confession (การสารภาพบาปผิด) 3.Thanksgiving (การขอบพระคุณ) 4.Supplication (การทูลวิงวอนเพื่อผู้อื่น) พี่น้องที่รัก การเฝ้าเดี่ยวคือการมี “เวลาพิเศษเป็นส่วนตัวกับพระเจ้า” เป็นเสมือนการต่อลมหายใจฝ่ายวิญญาณ ดังนั้น ถ้าเราปรารถนาที่จะเติบโตและดำเนินชีวิตอย่างมีชัยชนะ เราจำเป็นต้องมีช่วงเวลาพิเศษเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอทุกๆวันไม่ขาด โดยขอให้เราทำดังต่อไปนี้ 1.กำหนดเวลาและสถานที่ซึ่งเงียบสงบ(ทำให้มีสมาธิ) 2.เลือกอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน ตั้งแต่วันละ1ข้อ หรือวันละ 1 บท หรือ ใช้คู่มือเฝ้าเดี่ยวที่เชื่อถือได้ 3.อธิษฐาน และอ่านใคร่ครวญ และเขียนบันทึกออกมาว่า พระเจ้าทรงสอนอะไรเราผ่านข้อพระคัมภีร์เหล่านั้นบ้าง? 4.เลือกข้อพระคัมภีร์ที่สะดุดใจ และนำมาท่องจำไว้ 5.ตอบสนองด้วยการอธิษฐาน ที่จะเชื่อฟังทำตาม 6.แบ่งปันสิ่งดีที่ได้รับแก่คนอื่นๆ ในช่องทางใดก็ได้ที่เหมาะสม 7.ลงมือทำตามที่ตั้งใจและตามสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเรา …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 21สิงหาคม2025 (ตอนที่143 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิต ตอน ความใคร่และคำแนะนำชั่ว Ep.1367 เรื่องราวการตีสอนของพระเจ้าที่เกิดขึ้นกับดาวิดเริ่มต้นขึ้น ใน 2 ซามูเอล 13 เรื่องราวของอัมโนนและทามาร์เป็นบทเรียนอันเจ็บปวด พี่ขื่นใจน้องต่างแม่ เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นแต่มันก็เกิด ความบาปเริ่มต้นจากความคิด ความอยาก คำแนะนำของคนเจ้าเล่ย์และการปล่อยใจให้ความใคร่ ความบาปนี้สามารถทำลายทุกสิ่ง อัมโนนลูกชายคนแรกของดาวิดไปหลงรักน้องสาวต่างแม่ชื่อทามาร์ ซึ่งเธอเป็นพี่น้องกับอับซาโลม ในข้อ 2 บอกว่า เขารักเธอจนถึงกับล้มป่วย ความรักนี้ในภาษาเดิมไม่ได้หมายถึงความใคร่ที่ความอยากครอบครอง สิ่งนี้ทำให้อัมโนนอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ 'แต่อัมโนนมีสหายคนหนึ่งชื่อโยนาดับบุตรของชิเมอาห์พระเชษฐาของดาวิด โยนาดับนั้นเป็นคนเจ้าปัญญา ' 2 ซามูเอล 13:3 โยนาดับเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอัมโนน เป็นคนเจ้าปัญญา ในต้นฉบับให้น้ำหนักไปทางเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง โยนาดับใช้ความฉลาดของเขาแนะนำให้อัมโนนโกหกดาวิดว่าป่วย และขอให้ดาวิดสั่งให้ทามาร์มาทำอาหารให้กิน คำแนะนำของโยนาดับและการปล่อยตัวตามตัณหาของอัมโนนเป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะ'อัมโนนจึงบรรทม แสร้งทำเป็นประชวร เมื่อพระราชาเสด็จมาเยี่ยม อัมโนนก็ทูลพระราชาว่า “ขอโปรดให้ทามาร์น้องหญิงมาทำขนมสักสองอันต่อหน้าข้าพระบาท ข้าพระบาทจะได้รับประทานจากมือของเธอ” ' 2 ซามูเอล 13:6 อัมโนนหักห้ามใจหรือยับยั้งความใคร่ไม่ไหวจนทำตามคำแนะนำชั่ว ความบาปที่เริ่มจากในความคิด แล้วกลายเป็นการกระทำเสมอ'เขาวางแผนชั่วเมื่ออยู่บนที่นอน เขาพาตัวเองไปอยู่ในทางที่ไม่ดี เขามิได้ปฏิเสธความชั่ว ' สดุดี 36:4 ความบาปครั้งนี้เริ่มต้นในความคิดบนที่นอนจริงๆ อัมโนนไม่ได้ปฎิเสธความชั่ว พระธรรมสดุดี 1:1 จึงเตือนเราไม่ให้อยู่ร่วมกับคนอธรรม เพราะในที่สุดเราจะเป็นเหมือนเขา และทำตามคำแนะนำของเขา 'หลังจากมีตัณหาแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปโตเต็มที่ก็ก่อให้เกิดความตาย ' ยากอบ 1:15 การปล่อยใจตามตัณหาบาปนำไปสู่ความตาย อย่าประมาณกับคำแนะนำและความต้องการที่สวนทางกับพระเจ้า เพราะมันจะนำเราไปทำบาป ทำในสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบ ขอให้เราตรวจสอบหัวใจของเราให้ดี การเลือกคนที่อยู่ด้วยนั้นสำคัญมาก นี่จึงเป็นคำเตือนจากฮีบรูว่า “อย่าขาดประชุม” หรืออย่าขาดการสามัคคีธรรม ขาดการอยู่ด้วยกับครอบครัวคริสตจักร อยู่กับพี่น้องคริสเตียน ชุมชนของพระเจ้าจะมีคำแนะนำที่จะนำเราเข้าสู่พระทัยของพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน ไม่เก็บเอาไว้เอง Ep.1366 ผมเองขอสารภาพว่า ผมเป็นคนนึงที่อยากได้ชื่อเสียงและเครดิต ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็อยากได้สิ่งนี้เช่นกัน ยิ่งหากเราเป็นผู้นำหรือคนที่มีความสามารถที่ทำงานสำเร็จ ก็ยิ่งต้องการให้คนจำได้ว่า นี่คือสิ่งที่ฉันทำ แต่ใน 2 ซามูเอล 12:26-31 เราได้พบเรื่องราวที่ตรงกันข้ามจากแม่ทัพโยอาบ แม้ว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่จะยึดเมืองรับบาห์ได้แล้ว แต่เขากลับให้ดาวิดเป็นผู้มาจัดการให้จบ เรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้เราทุกคนได้'โยอาบจึงส่งผู้สื่อสารไปเฝ้าดาวิด ทูลว่า “ข้าพระบาทได้สู้รบกับกรุงรับบาห์ ยิ่งกว่านั้นอีก ข้าพระบาทตีเมืองที่เป็นแหล่งน้ำได้แล้ว บัดนี้ขอฝ่าพระบาททรงรวบรวมทหารที่เหลือ เข้าตั้งค่ายตีเมืองนั้นให้ได้ เพราะเกรงว่าถ้าข้าพระบาทตีได้ ก็จะเรียกชื่อเมืองนั้นตามชื่อของข้าพระบาท” ' 2 ซามูเอล 12:27-28 โยอาบกำลังอยู่ในตำแหน่งได้เปรียบในการยึดเมืองรับบาห์ เขายึดแหล่งน้ำได้แล้ว เพียงแค่โจมตีขั้นสุดท้ายเมืองทั้งเมืองก็จะตกเป็นของเขา เขาสามารถจะประกาศได้ว่าเป็นชัยชนะที่เขาทำสำเร็จ แต่เขากลับเลือกทำสิ่งที่แตกต่าง โยอาบส่งผู้สื่อสารไปทูลดาวิดให้รวบรวมทหารมาตีเมืองนั้นให้ได้ 'ดาวิดจึงทรงรวบรวมทหารทั้งหมดยกไปยังเมืองรับบาห์ และทรงต่อสู้จนยึดเมืองนั้นได้ ' 2 ซามูเอล 12:29 ในที่สุดดาวิดก็สามารถยึดเมืองได้จริงๆ โยอาบได้ยกเกียรตินั้นให้กับดาวิด นอกจากนั้นดาวิดยังได้มงกุฎทองคำที่มีค่ามาก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรีและเป็นการยืนยันว่า เกียรติทั้งหมดให้เป็นของดาวิดไม่ใช่ของโยอาบเอง สิ่งที่โยอาบทำเป็นข้อคิดได้ว่า คนที่มีความสามารถจริงๆไม่จำเป็นต้องเอาชื่อหรือเกียรติมาเป็นของตัวเอง แต่เขารู้จักยกเกียรตินั้นให้กับพระเจ้าและผู้อื่น ข้อคิดนี้เข้ากับหลักการที่พระเยซูสอนในมัทธิว 20:26 “ใครอยากเป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นต้องเป็นผู้รับใช้” 'จงรักกันฉันพี่น้อง จงขวนขวายในการให้เกียรติกันและกัน ' โรม 12:10 หากเราทำตามสิ่งที่พระเยซูสอน ทำตามที่พระวจนะของพระเจ้าสั่งไว้ ในการให้เกียรติผู้อื่น เรากำลังทำให้ผู้คนเห็นพระเยซูผู้ทรงเสียสละพระองค์เพื่อทุกคน ดังนั้นในครอบครัวและคริสตจักรให้เราเรียนรู้การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ให้เราเป็นคนที่สนับสนุนคนอื่นมากกว่าการต้องการได้รับการยกย่องเพียงฝ่ายเดียวเพื่อให้พระเจ้าจะทรงได้รับเกียรติสูงสุด แม้แต่ในที่ทำงานขอให้เราอย่าแข่งขันเพื่อรับเครดิตเพียงอย่างเดียว แต่ให้เราถ่อมใจจนสามารถให้เกียรติแก่ผู้นำและผู้อื่นได้ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่142) ข้าพเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์! “ข้าพเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์ ด้วยเสียงของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอพระกรุณาจากพระยาห์เวห์ ด้วยเสียงของข้าพเจ้า” ~สดุดี 142:1 THSV11 I cry aloud to the Lord; I lift up my voice to the Lord for mercy.” ~Psalms 142:1 NIV สดุดีบทที่142 นี้ เป็นคำอธิษฐานอันโศกเศร้าของผู้เขียนที่โดดเดี่ยวไร้กำลัง และไม่มีที่คุ้มภัย ที่กำลังวิงวอนขอพระเจ้าทรงช่วยเหลือและช่วยกู้เขาให้รอดพ้นจากการมุ่งร้ายของศัตรูผู้ทรงอำนาจ เชื่อกันว่าผู้เขียนพระธรรมบทนี้ คือดาวิด ในช่วงที่ท่านต้องคอยหลบซ่อนอยู่ในถ้ำ ให้รอดพ้นจากการไล่ล่าของกษัตริย์ซาอูลผู้ถูกความริษยาครอบงำใจจนขาดสติ ในสดุดีบทนี้ กษัตริย์ ดาวิด ได้ร้องคร่ำครวญว่า“1.ข้าพเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยเสียงอันดังของข้าพเจ้า~สดด.3:42.ข้าพเจ้าเปล่งเสียงทูลวิงวอนขอความเมตตาพระกรุณาจากพระยาห์เวห์ ~สดด.140:63.ข้าพเจ้าระบายความทุกข์ยากของข้าพเจ้าต่อพระพักตร์พระองค์ ~สดด.64:14.ข้าพเจ้าทูลเรื่องความลำบากเดือดร้อนต่อพระองค์ 1).เมื่อจิตวิญญาณของข้าพระองค์อ่อนระอาหดหู่อยู่ภายใน พระองค์ทรงรู้จักทางของข้าพระองค์ ในวิถี(บนเส้นทาง)ที่ข้าพระองค์เดินไป 2).เมื่อพวกเขาซ่อนกับ(บ่วงแร้ว)ไว้ดักข้าพระองค์ ขอทรงมองทางขวาข้าพระองค์และทอดพระเนตร เพราะไม่มีใครเหลียวแลข้าพระองค์ 3).เมื่อข้าพระองค์ไร้ที่พึ่ง ไม่มีที่หลบภัย ไม่มีใครห่วงใยเอาใจใส่ชีวิตของข้าพระองค์ ~สดด.50:15;6:2;77:3;84:2;88:4;143:4,75.ข้าพเจ้าร้องทูลพระเจ้าว่า พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นมรดกส่วนของข้าพระองค์ในแผ่นดินของคนเป็น 1).ขอทรงสดับฟังเสียงร้องทูลของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์อับจนตกต่ำมากนัก 2).ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากผู้ไล่ล่าข่มเหง เพราะพวกเขาแข็งแรง(แข็งแกร่ง)เกินกำลังข้าพระองค์ 3).ขอทรงปลดปล่อยพาข้าพระองค์ออกจากคุก(การจองจำ) เพื่อข้าพระองค์จะขอบพระคุณสรรเสริญพระนามของพระองค์ แล้วคนชอบธรรมจะล้อมข้าพระองค์ไว้ เพราะความดีที่พระองค์จะทรงทำแก่ข้าพระองค์อย่างดี” ~สดด.46:1;17:1;79:8;25:20;66:11;7:17;9:2 (สดุดี 142:1-7 ) พี่น้องที่รัก ไม่ว่าดาวิด ผู้เขียนสดุดี142 ตอนนี้ จะประสบกับเคราะห์ภัยอันแสนสาหัสใดมา จนดูน่าสิ้นหวังแต่ก็ยังดี ที่ผู้เขียนแน่ใจว่า พระเจ้าคือพระผู้ช่วยผู้เป็นที่พักพิงที่ท่านเชื่อมั่น และหวังใจได้เสมอ และน่ายินดีที่พระเจ้าที่ผู้เขียนพระธรรมสดุดีกล่าวถึงนี้ ก็คือ พระเจ้าองค์เดียวกับที่พวกเราในยุคปัจจุบันนี้ เชื่อถือด้วยเช่นกัน! เราจึงควรเข้าใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์ พึ่งพา และพักพิงในพระองค์ด้วยความไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง แล้ว ~เราจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว อ่อนกำลังอ่อนล้า หรือ สิ้นหวัง ~เราจะไม่วิตกกังวล หรือ หวาดกลัวต่อศัตรูผู้มุ่งร้ายคนใด และ ~เราจะดำเนินชีวิต และรับใช้พระเจ้าและสังคมต่อไปด้วยความมั่นใจ อย่าง 100% ว่าพระเจ้าจะทรงนำ พิทักษ์ปกป้อง ช่วยเหลือ ช่วยกู้ และอวยพระพรเราอย่างมากล้น ตลอดเส้นทางชีวิตของเรา อย่างแน่นอน …อาเมนไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 20สิงหาคม2025 (ตอนที่142 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่141) เมื่อเราทูล พระเจ้าตอบ! “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์ ขอทรงรีบตอบข้าพระองค์ ขอเงี่ยพระกรรณฟังเสียงข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์” ~สดุดี 141:1 THSV11 “I call to you, Lord, come quickly to me; hear me when I call to you.” ~Psalms 141:1 NIV กษัตริย์ ดาวิด ได้วิงวอนขอพระเจ้าทรงช่วยกู้ท่านจากคนชั่วและทางชั่วของพวกเขา และทูลขอพระองค์ให้ทรงปกป้องท่าน จากคำพูด ความปรารถนา และการทำสิ่งที่ชั่ว กษัตริย์ดาวิด อธิษฐานร้องขอดังนี้ “ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์เจ้านาย องค์เจ้าชีวิต ดวงตาข้าพระองค์เพ่งไปยังพระองค์ ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ และ ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์ 1.ขอทรงโปรดรีบตอบข้าพระองค์โดยเร็ว~สดด.22:192.ขอเงี่ยพระกรรณสดับฟังเสียงข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์ ~สดด.4:13.ขอให้คำอธิษฐานของข้าพระองค์เป็นเหมือนเครื่องหอมเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ~วว.5:84.ขอให้การที่ข้าพระองค์ชูมือขึ้นอธิษฐานวิงวอนเป็นเหมือนเครื่องบูชาถวายเวลาเย็น ~สดด.28:25.ขอทรงตั้งยามคอยเฝ้าดูแลประตูริมฝีปากของข้าพระองค์ ~ยก.1:266.ขออย่าให้จิตใจของข้าพระองค์ถูกโน้มน้าวเอนเอียงไปหาสิ่งชั่วใดๆ ที่จะมีส่วนทำการอธรรมชั่วร้ายร่วมกับคนที่ทำความชั่ว ~สภษ.1:10-167.ขออย่าให้ข้าพระองค์กินของโอชะของพวกเขา ~สภษ.23:1-38.ขอให้คนชอบธรรมตี และตักเตือนข้าพระองค์ด้วยความเมตตากรุณา นั่นเป็นน้ำมันดี อย่าให้ศีรษะข้าพระองค์ปฏิเสธเลย ~สภษ.25:12;ปญจ.7:59.ขอให้ข้าพระองค์ยังอธิษฐานต่อสู้ความอธรรมของเขาทั้งหลายอยู่เสมอไป 1).ให้บรรดาผู้พิพากษา(หัวหน้า)ของพวกเขาถูกโยน(เหวี่ยง)ลง(จาก)ข้างหน้าผา 2).ให้พวกเขา(คนชั่วร้าย)จะได้ยินถ้อยคำของข้าพระองค์ว่าเป็นถ้อยคำไพเราะ (และเรียนรู้ว่าคำพูดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้นั้นถูกต้อง) 3).ให้พวกเขาจะพูดว่า “เหมือนหินโม่ที่แตกหัก(ดินที่แตกร่วนเพราะถูกไถ)อยู่บนแผ่นดินฉันใด กระดูกของพวกเราก็กระจายอยู่ที่ปากแดนคนตาย(หลุมฝังศพ)ฉันนั้น~2พศด.25:12 10.ขออย่าทรงให้ข้าพระองค์รับอันตราย(ขออย่าทรงยอมให้ข้าพระองค์ตายไป)~สดด.68:20 11.ขอทรงป้องกันข้าพระองค์ให้พ้น 1).จากกับดักที่พวกคนทำชั่ววางดัก(วางล่อ)ข้าพระองค์ 2).จากบ่วงแร้วของผู้ทำความชั่ววางไว้ ~สดด.140:4-5 12.ขอให้คนอธรรม(ชั่วร้าย)ตกลงไปด้วยกันในตาข่ายของพวกเขาเอง ~สดด.7:15-16 13.ขอให้ข้าพระองค์ผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย~สดด.124:6-7 ~สดุดี 141:1-10 THSV11, TNCV พี่น้องที่รัก พวกเราในสมัยนี้ ก็สามารถอธิษฐานเช่นเดียวกับที่กษัตริย์ดาวิดได้ทูลขอ ในพระธรรมสดุดีบทที่141 ดังนั้น วันนี้ ขอให้เราตั้งจิตอธิษฐานด้วยกันว่า 1.เราจะพึ่งพิงพระเจ้าในทุกเรื่อง ผ่านการวิงวอนอธิษฐานต่อพระองค์ 2.เราจะอยู่ห่างไกลคนชั่วและวีถีอันชั่วร้ายของพวกเขา 3.เราจะไม่หวั่นไหวกับคำเชิญชวนหรือคำล่อชวนที่ดูน่าลองของคนชั่วทั้งสิ้น ขอให้เราทำตามที่เราได้อธิษฐานนั้นอย่างเคร่งครัด ด้วยความเคารพรักและยำเกรงพระเจ้า แล้วเราจะปลอดภัย จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตของเรา …ดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 19สิงหาคม2025 (ตอนที่141 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ไปต่อด้วยความวางใจ Ep.1365 เรื่องราวในพระวจนะของพระเจ้า บางครั้งก็ทำให้เราเกิดความสงสัย ดาวิดอดอาหาร อธิษฐาน ร้องไห้ นอนบนพื้นอยู่ 7 วันเต็ม แต่เมื่อลูกชายเสียชีวิตแล้ว เขาลุกขึ้นอาบน้ำ นมัสการพระเจ้า แล้วกลับบ้านไปทานอาหาร เรื่องนี้ทำให้ข้าราชการของดาวิดก็สงสัยด้วย ใน 2 ซามูเอล 12:21 ได้บันทึกคำถามของพวกเขาว่า “ทำไมฝ่าพระบาททรงทำเช่นนี้?… ดาวิดตอบ'พระองค์รับสั่งว่า “เมื่อเด็กนั้นมีชีวิตอยู่ เราอดอาหารและร้องไห้ เพราะเราว่า ‘ใครจะทราบได้ว่าพระยาห์เวห์อาจจะทรงเมตตาเรา โปรดให้เด็กนั้นมีชีวิตต่อได้' แต่เดี๋ยวนี้เขาสิ้นชีวิตแล้ว เราจะอดอาหารทำไม? เราจะทำเด็กให้ฟื้นขึ้นมาได้หรือ? มีแต่เราจะตามเด็กนั้นไป เขาจะไม่กลับมาหาเรา” ' 2 ซามูเอล 12:22-23 ดาวิดอธิบายอย่างตรงไปตรงมา และคำตอบนี้เป็นบทเรียนให้เราทำตามได้ เมื่อปัญหาหรือความทุุกข์ใจนั้นยังไม่ผ่านไป เรายังอธิษฐานร้องทูลต่อพระเจ้าได้ แต่เมื่อปัญหานั้นจบลงแล้ว ไม่ว่าจะด้วยความสูญเสียหรืออะไรก็ตาม การเดินหน้าต่อสะท้อนถึงการไว้วางใจและการยอมรับสิทธิอำนาจของพระเจ้า หากเรายังจมดิ่งอยู่ในความเศร้า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้และเราอาจจะสูญเสียในสิ่งที่เรากำลังเสียใจอยู่ด้วยได้ ดาวิดทำให้เราเห็นว่าเขามีสติและอยู่กับความจริง ขอให้เราจะมีสติและอยู่ความเป็นจริงเสมอ 'พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความเข้าใจเรื่องคนที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้า อย่างคนอื่นๆ ที่ไม่มีความหวัง เพราะในเมื่อเราเชื่อว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์และคืนพระชนม์แล้ว โดยพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำบรรดาคนที่ล่วงหลับไปแล้วนั้นมากับพระองค์ ' 1 เธสะโลนิกา 4:13-14 ขอให้เราจะเข้าใจความจริงของพระเจ้าที่ไม่ได้ผูกติดไว้เพียงกับสิ่งที่มองเห็น ขอให้เราจะอธิษฐานร้องทูลด้วยความวางใจและการยอมรับสิทธิอำนาจของพระเจ้า ด้วยการเดินหน้าต่อไป ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการประกาศว่า เรายังเชื่อมั่นในพระเจ้า แม้ว่าสิ่งที่เราขอจะไม่เกิดขึ้นตามใจของเรา ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ โอกาสต่าง ๆ งาน หรือแม้แต่ชีวิตของใครบางคน สิ่งที่ผ่านไปแล้วเราไม่สามารถดึงกลับมาได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะวางใจในพระเจ้า เลือกที่จะนมัสการพระเจ้าและก้าวต่อไปเหมือนดาวิด การก้าวต่อไปไม่ใช่เพียงการลืม แต่คือการยืนยันและประกาศว่า พระเยซูคือความจริง และพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ขอให้เราอยู่ในพระองค์ ผู้เป็นความจริงเสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่140) มาชูใจกันสักนิด จะดีไหม? “ขอให้องค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเราและประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์ และความหวังอันดีโดยพระคุณ ทรงชูใจและทรงเสริมท่านให้มั่นคง ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง” ~2 เธสะโลนิกา 2:16-17 THSV11 “May our Lord Jesus Christ himself and God our Father, who loved us and by his grace gave us eternal encouragement and good hope, encourage your hearts and strengthen you in every good deed and word.” ~2 Thessalonians 2:16-17 NIV คำว่า “ชูใจ”( Encouragement,UpLifting หรือ Lift Up)แปลได้หลายอย่าง อาทิ “ยกขึ้น, ชูขึ้น, กระตุ้น, หรือ ทำให้ร่าเริง” ความหมายพื้นฐานคือ 1. “ยกบางสิ่งหรือบางคนขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น” และยังใช้ในความหมายว่า2”ยกความรู้สึกอารมณ์หรือจิตใจของใครบางคนขึ้น หรือ ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขมากขึ้นหรือมอง สถานการณ์ในแง่บวกมากขึ้น“ ใช่ครับ ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ล้วนต้องการการยกชูทางจิตใจ และทางจิตวิญญาณทั้งจากพระเจ้า และจากกันและกัน เราจึงควรชื่นชมยินดี ที่ได้รับการชูใจนิรันดร์จากพระเจ้าและควรแบ่งปันความชูใจนิรันดร์ที่เราได้รับจากพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ให้แก่ผู้อื่นต่อๆไปด้วย เพราะว่า1.การชูใจผู้อื่นคือการช่วยเขาให้เงยหน้าเห็นฟ้า แม้ว่าเท้าของเขายังคงยืนอยู่บนดิน (Uplifting others is helping them see the sky, even while their feet are still on the ground.) (สดุดี 3:3)2.การชูใจผู้อื่นด้วยคำพูดเล็ก ๆ ถูกเวลาอาจเป็นสะพานให้เขาข้ามผ่านคืนอันมืดมิดไปสู่รุ่งอรุณได้ (A small word of encouragement can be the bridge for someone to cross from night into dawn.) (สุภาษิต 25:11)3.การชูใจผู้อื่น ไม่ใช่การทำให้ปัญหาหายไป แต่ทำให้หัวใจเขาเข้มแข็งพอจะเผชิญกับความยากลำบากได้ (Uplifting does not remove problems, it strengthens the heart to face them.) (สดุดี 46:1)4.เมื่อคุณถ่อมตัวยกชูใจคนอื่น พระเจ้าก็จะทรงยกชูใจของคุณขึ้นด้วย (When you lift others up, God lifts you up too.) (ยากอบ 4:10)5.ไม่มีของขวัญใดจะงดงามเท่ากับการยกชูใจที่กำลังท้อแท้ให้มีความหวังขึ้นมา (No gift is more beautiful than giving hope to a discouraged heart.) (โรม 15:13)6.การชูใจเป็นดุจเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ที่จะงอกงามเป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่เมื่อถึงเวลาในอนาคต (Uplifting is a small seed that grows into great courage in the future.) (กาลาเทีย 6:9)7.การอยู่เคียงข้างกันในความทุกข์ คือการชูใจที่ยิ่งใหญ่กว่าถ้อยคำนับพัน (Standing with someone in pain is a greater uplift than a thousand words.) (โรม 12:15)8.คำพูดชูใจอาจสั้น แต่ผลของการหนุนใจทุกวันจะอยู่ยาวไกลมากกว่าที่เราจินตนาการได้ (An uplifting word may be short, but its impact lasts longer than we imagine. (ฮีบรู 3:13)9.โลกมืดมิดมากขึ้นเมื่อคนกดกันลง แต่จะกลับสว่างไสวยิ่งขึ้นเมื่อเราชูใจกัน ( The world grows darker when people push each other down, but brighter when they lift each other up.) (1 เธสะโลนิกา 5:11) พี่น้องที่รัก นับจากนี้เป็นต้นไป ขอให้ เราตั้งเป้าที่จะพูด เขียน โพสต์ หรือ ทำอะไรที่ชูใจ คนอื่นทุกวัน …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 18สิงหาคม2025 (ตอนที่140 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้าน
พระธรรมนำชีวิตตอน วันที่ใจสลาย Ep.1364 เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับความสูญเสียและความเจ็บปวด เรามีทางเลือกเสมอ คือจมอยู่กับความเศร้า หรือหันหน้าขึ้นมองพระเจ้า ดาวิดเลือกอย่างหลัง ขอเรื่องราวนี้จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่จะจดจ่อจับจ้องที่พระเจ้า และให้ความสำคัญกับพระเจ้ามากกว่ารู้สึกและสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่แบบดาวิด เมื่อนาธันเตือนเสร็จก็กลับบ้านในท้ายข้อ 15 บอกว่า “…แล้วพระยาห์เวห์ทรงทำให้ราชโอรสนั้น ซึ่งภรรยาของอุรียาห์ประสูติให้แก่ดาวิดประชวรหนัก ' ข้อความนี้บันทึกเพื่อยืนยันว่า โรคร้ายที่เกิดขึ้นนั้นพระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น 'ดาวิดก็ทรงอ้อนวอนพระเจ้าเพื่อพระกุมารนั้น และดาวิดทรงอดอาหารและบรรทมบนพื้นดินคืนยังรุ่ง '2 ซามูเอล 12:16 สิ่งที่ดาวิดทำนั้นคือการอธิษฐานร้องทูลต่อพระเจ้าเพื่อลูกชายของเขา ด้วยการถืออดอาหาร นอนกับพื้น แม้ว่าคนของดาวิดจะมาร้องขอให้ลุกขึ้นจากพื้น ขอให้กินและดื่มบ้าง แต่ดาวิดไม่ยอม ข้อ 18 บอกว่าเด็กนั้นเสียชีวิตในวันที่ 7 แต่คนของดาวิดก็กลัว ไม่กล้าบอก พวกเขากลัวดาวิดทำร้ายตัวเอง 'แต่เมื่อดาวิดทอดพระเนตรเห็นข้าราชการกระซิบกระซาบกันอยู่ ดาวิดเข้าพระทัยว่าพระกุมารนั้นสิ้นพระชนม์แล้ว ดาวิดจึงรับสั่งถามข้าราชการของพระองค์ว่า “เด็กนั้นสิ้นชีวิตแล้วหรือ?” เขาทูลตอบว่า “สิ้นพระชนม์แล้ว พ่ะย่ะค่ะ” ' 2 ซามูเอล 12:19 แม้ดาวิดเองจะอยู่ในช่วงเวลาที่หนักหน่วงที่สุด แต่เขาก็ยังสังเกตอาการคนที่อยู่รอบตัว ดาวิดอยู่ในโลกแห่งความจริง จนเขารู้ว่าลูกชายนั้นเสียชีวิตแล้ว 'แล้วดาวิดทรงลุกขึ้นจากพื้นดิน ชำระพระกาย ชโลมพระองค์ เปลี่ยนฉลองพระองค์ ดำเนินเข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์และนมัสการ แล้วเสด็จกลับพระราชวังของพระองค์ รับสั่งให้จัดอาหารมา แล้วพระองค์ก็เสวย ' 2 ซามูเอล 12:20 หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้ว ดาวิดก็ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตรงนี้สำคัญมากคือ ดาวิดไปพระนิเวศของพระเจ้าเพื่อนมัสการพระองค์ก่อน กลับบ้าน แล้วค่อยหาอะไรกิน แม้ว่าดาวิดเคยผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัย แต่เมื่อเขากลับใจ พระเจ้าก็ทรงให้อภัย แต่ผลที่ตามมา ดาวิดก็ยอมรับ ดาวิดเริ่มกลับมาอยู่ในสิ่งที่จะต้องเป็นคือให้พระเจ้ามาก่อนทุกสิ่ง ในสดุดี 9 (TNCV) มีข้อกำกับว่า ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “การตายของบุตรชาย” บทสดุดีของดาวิด แม้ว่าจะมีผู้รู้ได้ให้ความเห็นว่าเนื้อหาของบทสดุดีนี้ไม่ได้พูดถึงการจากไปของลูกชายของดาวิดโดยตรง แต่ผมมองว่าบทสดุดีของดาวิดนี้สามารถเป็นตัวอย่างว่า แม้ว่าจะพบความเสียใจและความสูญเสีย ดาวิดยังคงยกย่องพระเจ้า ว่าพระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยในวันใจที่แตกสลาย นี่ไม่ใช่การปฏิเสธความเศร้า แต่เป็นการเลือกให้พระเจ้าอยู่เหนือความรู้สึก เป็นการประกาศว่าพระเจ้าทรงเป็นความหวังแม้ในอยู่ในความยากลำบาก ขอให้เราซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า อย่าให้ความเจ็บปวด ความผิดพลาดในอดีตมาหยุดเรา แต่ให้ชีวิตของเรายืนยันว่า พระเจ้ายังคงเป็นพระเจ้าของเรา พระองค์ทรงยิ่งใหญ่สูงสุด และไม่เคยเปลี่ยนแปลงทั้งสิทธิอำนาจและความรักของพระองค์ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่139) เมื่อลูกสาวหนีตามผู้ชาย! “เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ จงรักกันและกันให้มาก เพราะความรักให้อภัยบาปมากมายได้” ~1 เปโตร 4:8 THSV11 “Above all, love each other deeply, because love covers over a multitude of sins.” ~1 Peter 4:8 NIV มีผู้ส่งเรื่องต่อไปนี้ มาให้อ่าน ผมไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่?แต่ก็ไม่ใช่่เรื่องสำคัญอะไร เพราะประเด็นที่สื่อนั้นชัดเจนผมเห็นว่ามีข้อคิดเตือนสติที่ดี จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังอีกต่อเรื่องมีอยู่ว่าวันหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่กลับถึงบ้าน เห็นจดหมายของลูกสาววัย 15 ทิ้งไว้บนโต๊ะเขียนไว้ว่า.. " พ่อจ๋าแม่จ๋า.. วันนี้หนูตัดสินใจหนีตามพี่ทอมไปแล้วพี่ทอมเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกแมนเต็มร้อยมีรอยสักเท่ระเบิดเต็มตัว อายุ 43 ก็ไม่ได้แก่เกินไปหนูจะตามพี่ทอมไปอาศัยอยู่ห้องเช่าแน่นอนที่สุด เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนพี่ทอมยังมีผู้หญิงอยู่ด้วยอีกหลายคนแต่หนูไม่ถือสาเรื่องนี้หรอก พวกเราจะช่วยกันปลูกกัญชาเอาไว้เสพเองแล้วแบ่งขายให้เพื่อนฝูง เราปรึกษากันแล้วว่าจะมีลูกด้วยกันหลายๆคน หนูยังภาวนาให้โรคเอดส์ของพี่ทอมจะหายได้ในเร็ววันขอให้ พ่อและแม่ อวยพรให้หนูและพี่ทอมอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่สุด พี่ทอมคือผู้ชายที่หนูค้นหามาทั้งชีวิต จากลูกรักของพ่อแม่----------------------------------------------------- คุณพ่อคุณแม่ยืนอ่านจดหมายฉบับนั้น น้ำตาไหลอาบแก้มแทบจะล้มทั้งยืนแต่ทันใดนั้นตาก็เหลือบไปเห็นตัวอักษรตัวเล็กๆเขียนไว้ท้ายกระดาษว่า "…ยังไม่จบค่ะ โปรดอ่านต่อด้านหลัง!" เมื่อคุณพ่อคุณแม่พลิกไปด้านหลังกระดาษจดหมาย ก็พบข้อความเขียนไว้ว่า..“ใจเย็นๆก่อนนะคะ เรื่องทั้งหมดที่หนูเขียนไว้ด้านหน้าล้วนไม่ใช่เรื่องจริงค่ะ ความจริงก็คือ ตอนนี้หนูอยู่กับเพื่อนข้างบ้านของเรา รายงานผลการสอบครึ่งปีของหนูอยู่ในลิ้นชักที่ห้องของหนู ขอคุณพ่อคุณแม่ ใครก็ได้ช่วยหยิบขึ้นมาแล้วเซ็นชื่อรับทราบให้หนูด้วยนะคะ ที่หนูเขียนจดหมายฉบับนี้มา ก็แค่อยากจะบอกว่า.. ”บนโลกใบนี้ ยังมีเรื่องที่ย่ำแย่มากยิ่งกว่าผลการเรียนของหนูอีกเยอะ ถ้าคุณพ่อแม่ยอมรับได้ ขอช่วยกรุณาโทรศัพท์หาหนู แล้วบอกให้หนูทราบว่าด้วยว่า.. หนูสามารถเดินกลับเข้าบ้านได้อย่างปลอดภัยแล้ว ขอบคุณค่ะ!" พี่น้องที่รัก ประเด็นสำคัญอยู่แค่ตรงนี้! เราสามารถให้อภัยแก่กันด้วยความรักแบบ“ไม่มีเงื่อนไข”ได้หรือไม่? เราต้องการคำหว่านล้อมมากสักแค่ไหน จึงจะทำให้เรายอมให้อภัยแก่กันและกันได้? ความรักต้องมาจากใจ ไม่ใช่มาจากความคิด! ถ้าคิดมาก จะให้อภัยได้ยาก ถ้าใช้อารมณ์นำ ก็จะยิ่งให้อภัยไม่ได้เลย เราต้องตั้งใจให้อภัย ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการกระทำผิดเกิดขึ้น! (แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่ทำผิดจะไม่ต้องรับผิดต่อสิ่งที่เขากระทำ เขาต้องยอมรับความผิดและชดใช้อย่างเหมาะสมเมื่อได้รับการให้อภัยแล้ว) เราต้องตระหนักว่า ไม่ได้มีเงื่อนไขว่า ถ้าคนใดไม่ยอมรับผิด เราจะให้อภัยเขาไม่ได้! เพราะการให้อภัยที่แท้จริง ออกมาจากความรัก(ของพระเจ้า)ที่อยู่ในใจของเรา ด้วยเหตุนี้ การอภัยจึงไม่ได้มีเงื่อนไข ขึ้นอยู่กับตัวผู้กระทำผิด แต่ขึ้นอยู่ที่ผู้ถูกกระทำเองว่า จะให้อภัยหรือไม่ ต่างหาก! ดังนั้น อย่าให้เราเป็นเหมือนเด็ก ที่จะให้อภัยผู้ใดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอารมณ์อันแปรปรวนของตัวเรา และ อย่าให้เราเป็นเหมือนคนเจ้าเหตุเจ้าผล ที่คิดมากคิดเยอะเกินไป จนให้อภัยใครไม่ได้ หรือ กว่าจะให้อภัยได้ ก็เกือบตายไปแล้ว สุดท้ายนี้ ขอให้เราจำไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นตัวเราหรือใครก็ตามเราทุกคนต่างล้วนไม่สมบูรณ์ ซึ่งต่างก็มีโอกาส คิดผิด พูดผิด หรือ ทำผิดกันทั้งนั้นเหมือนกับลูกสาวที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังในเรื่องนี้ ดังนั้น วันนี้ จงให้อภัยแก่ผู้ที่ทำผิดต่อเราเหมือนดังที่ในวันหน้า เราก็ต้องการให้คนที่เราทำผิดต่อเขา ให้อภัยและให้โอกาสแก่เราเริ่มต้นใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเราคิดจะขอให้พระเจ้าทรงอภัยหรือทรงยกโทษให้แก่เรา เราก็ควรตั้งใจยกโทษให้คนอื่นก่อน เหมือนดังที่พระเยซูคริสต์สอนเราให้อธิษฐานว่า “และขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์” ~มัทธิว 6:12 THSV11 …เห็นด้วย ไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 17สิงหาคม2025 (ตอนที่139 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี