Podcasts สำหรับการเติมกำลังให้กับจิตวิญญาณของเรา
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่77) อะไรคือสิ่งที่เราควรพูดและไม่ควรพูด (3) “ผู้ที่ระวังปากและลิ้นของตน ก็ปกป้องตนให้พ้นจากหายนะ” ~สุภาษิต 21:23 TNCV “He who guards his mouth and his tongue Guards himself from troubles. [Prov 12:13; 13:3; 18:21; James 3:2]” ~Proverbs 21:23 AMP มีคำกล่าวไว้น่าคิดว่า “ ศิลปะที่แท้จริงของการสนทนาไม่ใช่อยู่ที่เพียงแค่ การพูดสิ่งที่ถูกต้อง(ในเวลา)และในสถานที่ที่ถูกต้อง แต่เป็นการไม่พูดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ช่วงเวลาที่ถูกยั่วยุหรือเย้ายวนให้พูดออกมา!” (The real art of conversation is not only to say the right thing at the right place but to leave unsaid the wrong thing at the tempting moment.) —Dorothy Nevill มีคำสอนและคำเตือนในเรื่องนี้อยู่มากมายในพระคัมภีร์ อาทิ1.เราไม่ควรพูดโอ้อวดเกี่ยวข้องกับอนาคต หรือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นของตัวเรา “อย่าคุยอวดถึงพรุ่งนี้ เพราะเจ้าไม่ทราบว่าวันหนึ่งๆจะนำอะไรมาให้บ้าง” ~สุภาษิต 27:1 TH19712.เราไม่ควรพูดยกย่องตัวเอง แต่ควรให้ผู้อื่นเป็นผู้ยกย่องสรรเสริญเราแทน“จงให้คนอื่นสรรเสริญเจ้า และไม่ใช่ปากของเจ้าเอง ให้คนต่างถิ่นสรรเสริญ ไม่ใช่ริมฝีปากของเจ้าเอง” ~สุภาษิต 27:2 TH19713.เราไม่ควรพูดยั่วเย้าผู้อื่นแบบที่คนโง่เขลากระทำ “หินก็หนัก และทรายก็มีน้ำหนัก แต่การยั่วเย้าของคนโง่ ก็หนักยิ่งกว่าทั้งสองอย่างนั้น” ~สุภาษิต 27:3 TH19714.เราควรพูดความจริงอย่างสุจริตใจ ต่อหน้ากันและกันด้วยความรัก “ว่ากันต่อหน้า ดีกว่ารักกันลับๆ บาดแผลที่มิตรทำก็สุจริต แต่การจุบของศัตรูนั้นมากเกินความจริง” ~สุภาษิต 27:5-6 TH19715.เราควรพูดแบบที่ทำให้เพื่อนของเราชื่นใจ แม้แต่ในขณะที่เรากำลังเตือนสติเขาอยู่“น้ำมันและน้ำหอมกระทำให้ใจยินดี และคำเตือนสติอันอ่อนหวานของเพื่อนก็เป็นที่ ให้ชื่นใจ” ~สุภาษิต 27:9 TH19716.เราไม่ควรพูด หรือทำสิ่งใดที่รบกวนเพื่อนบ้านของเรา ไม่ว่าเราจะมีเจตนาดีมากสักเพียงใด“บุคคลที่ตื่นแต่เช้ามืดไปอวยพรเพื่อนบ้านด้วยเสียงดัง เขากลับจะเห็นว่าเป็นคำสาปแช่ง” ~สุภาษิต 27:14 TH19717.เราไม่ควรพูดจาชวนทะเลาะกัน แบบไม่หยุดหย่อน(โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อยู่ด้วยกับเรา) “ฝนย้อยแปะๆไม่หยุดในฤดูฝนฉันใด ผู้หญิงที่ขี้ทะเลาะก็เหมือนกันฉันนั้น ที่จะยับยั้งเธอก็เหมือนยับยั้งลม หรือกอบน้ำมันด้วยมือขวา” ~สุภาษิต 27:15-16 TH1971 พี่น้องที่รัก จงระมัดระวังในสิ่งที่คุณคิดพูดและทำเพราะทุกอย่างจะมีผลต่อชีวิตของคุณทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่หลวงก็ตาม ขอให้เราระลึกถึงคำกล่าวต่อไปนี้ที่ว่า“ โดยทางคำพูด เราเรียนรู้จักที่จะคิด และโดยทางความคิด เราเรียนรู้จักชีวิต!” (By words we learn thoughts, and by thoughts we learn life.) —Jean Baptiste Girard ดังนั้น ถ้าเราคิดดี พูดดี และ ประพฤติดี โดยพึ่งพระคุณของพระเจ้า ชีวิตของเรา ก็1.จะปลอดภัย และ 2.จะเกิดผลดีเสมอไป! …อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์716มิถุนายน2025 (ตอนที่77ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน รักษาสัญญา Ep.1302 ความสำเร็จหรือชัยชนะที่เรามีในวันนี้ อาจทำให้เราเผลอลืมคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับใคร แต่คนของพระเจ้า คนที่มีหัวใจของพระเจ้าจะเป็นคนที่รักษาคำมั่นสัญญา แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่ในมือ ดาวิดให้แบบอย่างที่งดงามในเรื่องนี้ แม้ซาอูลเป็นผู้ไล่ล่าเขา แต่เมื่อซาอูลวิงวอนขอให้ดาวิดสัญญา ดาวิดก็ให้คำสัญญา'ดังนั้นบัดนี้ จงปฏิญาณต่อข้าในพระนามของพระยาห์เวห์ว่าเจ้าจะไม่ตัดพงศ์พันธุ์ของข้าเสียเมื่อข้าตายไป และจะไม่ทำลายชื่อของข้าจากพงศ์พันธุ์บิดาข้า” ดาวิดก็ปฏิญาณให้ต่อซาอูล แล้วซาอูลก็เสด็จกลับพระราชวัง และดาวิดกับพวกของท่านก็ขึ้นไปที่กำบังเข้มแข็ง' 1 ซามูเอล 24:21-22 ในยุคโบราณเมื่อกษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการกวาดล้างเชื้อสายของราชวงศ์เก่า ซาอูลรู้ว่าดาวิดจะเป็นกษัตริย์ ซาอูลกังวลถึงครอบครัว จึงขอให้ดาวิดปฎิญาณ สัญญาในพระนามของพระเจ้าว่าดาวิดจะไว้ชีวิตครอบครัวของเขา ซึ่งดาวิดก็เต็มใจ ถ้าเราได้ศึกษากันต่อไปใน 2 ซามูเอล 9 เราจะพบว่าดาวิดรักษาคำสัญญานี้ บางครั้งคำสัญญาที่เราให้กับใครไป อาจดูเล็กน้อยในสายตาของคนอื่น แต่ในสำหรับพระเจ้าคนที่สัตย์ซื่อต่อคำพูด คือคนที่พระเจ้าโปรดปราน'คนชอบธรรมดำเนินในความซื่อสัตย์ของตน ลูกหลานของเขาที่เกิดตามมาก็เป็นสุข ' สุภาษิต 20:7 ในโลกที่ลดคุณค่าของคำพูดลงง่ายๆ แต่คนของพระเจ้าต้องเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ต้องพยายามให้ถึงที่สุดที่จะรักษาคำพูด เพราะพระเจ้าผู้ซื่อสัตย์เฝ้ามองอยู่ ไม่ว่าเราจะอยู่ในบทบาทไหนก็ตาม ขอให้คำพูดของเราเป็นที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติสูงสุดจากเรา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่76) อะไรคือสิ่งที่เราควรพูดและไม่ควรพูด?(2) “ใจของคนฉลาดทำให้เขาระวังปาก และริมฝีปากของเขาส่งเสริมการสั่งสอน” ~สุภาษิต 16:23 TNCV “Intelligent people think before they speak; what they say is then more persuasive.” ~Proverbs 16:23 GNT1.เราควรระมัดระวังในการพูดหรือโพสต์เตือนคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อ 1).คนชอบเยาะเย้ย 2).คนชั่วร้าย(คนอธรรม) “ผู้ที่ตักเตือนคนชอบเยาะเย้ย มีแต่จะถูกตอกกลับ(ได้รับความอัปยศ) ผู้ที่ตักเตือนคนชั่วร้าย มีแต่จะถูกทำร้าย(ถูกกล่าวหยาบช้า)” ~สุภาษิต 9:7 TNCV “อย่าไปว่ากล่าวคนชอบเยาะเย้ย ไม่อย่างนั้นเขาจะเกลียดชังเจ้า…“ ~สุภาษิต 9:8ก. TNCV 2.เราควรพูดใส่ใจในการเตือนคนที่พร้อมรับคำเตือน อาทิ 1).คนฉลาด ”จงตักเตือนคนฉลาด แล้วเขาจะรักเจ้า” ~สุภาษิต 9:8ข. TNCV 2).คนชอบธรรม “จงสอนคนฉลาด แล้วเขาจะฉลาดยิ่งขึ้น จงสอนคนชอบธรรม แล้วเขาจะเรียนรู้มากขึ้น” ~สุภาษิต 9:9 TNCV 3.เราควรพูดแต่สิ่งที่มีเกียรติ และ ที่ถูกต้อง “จงฟัง เพราะข้าพเจ้าจะพูดสิ่งที่มีเกียรติ เพราะสิ่งที่ถูกต้องจะมาจากปากของข้าพเจ้า” ~สุภาษิต 8:6 THSV114.เราควรพูดแต่สิ่งที่เป็นความจริง และไม่พูดสิ่งชั่ว “เพราะปากของข้าพเจ้าจะพูดความจริง ความชั่วเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังต่อริมฝีปากของข้าพเจ้า” ~สุภาษิต 8:7 THSV115.เราควรพูดแต่สิ่งที่ชอบธรรม และไม่ตลบตะแลงบิดผัน “ทุกคำจากปากของข้าพเจ้านั้นชอบธรรม ไม่บิดผันหรือตลบตะแลง” ~สุภาษิต 8:8 THSV116.เราไม่ควรพูดปลิ้นปล้อนยั่วยุ หรือยุแยงตะแคงรั่วให้เพื่อนสนิทแตกคอกัน “คนปลิ้นปล้อนยั่วยุการวิวาท คนยุแยงตะแคงรั่วทำให้เพื่อนสนิทแตกคอกัน” ~สุภาษิต 16:28 TNCV7.เราควรรู้ว่าอะไรเหมาะสมและควรจะพูดหรือโพสต์ ออกมาในเวลาใด“ริมฝีปากของคนชอบธรรมรู้ว่าอะไรเหมาะสม ส่วนปากของคนชั่วรู้แต่สิ่งที่ตลบตะแลง” ~สุภาษิต 10:32 TNCV พี่น้องที่รัก พระคัมภีร์สอนให้เรา เห็นผลดีของการพูดและการรับฟังที่ดี1.ผลเสียของการไม่รับฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำตักเตือน “ผู้ที่ละทิ้งทางแห่งชีวิตจะถูกลงโทษแสนสาหัส ผู้ที่เกลียดชังคำตักเตือนจะพบความตาย” ~สุภาษิต 15:10 TNCV “มีการตีสอนอย่างหนักสำหรับผู้ละทิ้งทางดี คนที่เกลียดคำตักเตือนก็จะตาย” ~สุภาษิต 15:10 THSV11 2.ผลเสียของการพูด ไม่ดี “หากเจ้าฉลาด สติปัญญาของเจ้าจะให้บำเหน็จแก่เจ้า หากเจ้าชอบเยาะเย้ย เจ้าก็จะทนทุกข์ตามลำพัง”” ~สุภาษิต 9:12 TNCV 3.ผลดีของการรับฟัง(คำตักเตือน) “หูที่ฟังคำตักเตือนที่ให้ชีวิต จะอยู่ท่ามกลางคนมีปัญญา” ~สุภาษิต 15:31 THSV11 4.ผลดีของการพูดที่ดีคือ จริงและซื่อตรง “เหล่ากษัตริย์ทรงชื่นชมวาจาอันซื่อตรง ทรงรักผู้ที่พูดความจริง” ~สุภาษิต 16:13 TNCV พี่น้องที่รัก ถ้าหากว่าคุณได้พูด หรือ ได้โพสต์แต่สิ่งที่ดีและมีคุณค่า ที่1).ทุกคน หรือ แม้แต่2).คนที่เกลียดคุณ ยังได้รับประโยชน์แบบปฏิเสธไม่ได้ นั่นก็เท่ากับว่า คุณได้พูด หรือ โพสต์ อย่างถูกต้องแล้ว!~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์715มิถุนายน2025 (ตอนที่76 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน โอกาส Ep.1300 บางครั้งโอกาสอาจดูเหมือนคำตอบของพระเจ้า แต่จริง ๆ แล้วมันคือบททดสอบว่า เรายังจะคงซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือไม่ ในสถานการณ์ที่กดดันโอกาสมาถึง ดาวิดสามารถฆ่าซาอูลและจบเรื่องได้ แต่ดาวิดเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้ามากกว่าเลือกทำตามเสียงของผู้ตามที่ต้องการเพียงความปลอดภัย หลังจากซาอูลรบเสร็จก็กลับมาตามล่าดาวิดต่อ ซาอูลนำคนมาถึง 3,000 คนซึ่งมากกว่าดาวิดถึง 5 เท่า เวลานั้นซาอูลเกิดปวดท้องจึงเข้าไปทำธุระในถ้ำ ซึ่งถ้ำนั้นดาวิดและพวกของเขาซ่อนอยู่ในนั้น คนของดาวิดมาบอกและขอให้ดาวิดจัดการซาอูลเลย แต่ดาวิดเลือกที่จะไม่เชื่อฟังผู้ตาม ดาวิดแค่เพียงตัดชายเสื้อของซาอูลมา แต่นั้นก็ทำให้ดาวิดรู้สึกผิด ดาวิดกำชับทุกคนไว้'ท่านพูดกับพวกของท่านว่า “ขอพระยาห์เวห์ทรงห้ามข้าพเจ้าไม่ให้ทำสิ่งนี้ต่อเจ้านายของข้าพเจ้า ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้ คือที่จะเหยียดมือออกต่อสู้กับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้” ' 1 ซามูเอล 24:6 ขอให้สิ่งนี้เป็นบทเรียนที่เราจะเลือกทำทุกอย่างตามพระทัยพระเจ้า แน่นอนทุกโอกาสที่เข้ามามันเป็นจุดเลือกที่ยืนของเรา สำหรับผู้ตามของดาวิดนั้นเขาก็ต้องการเพียงความต้องการพื้นฐานคือความปลอดภัย แต่สิ่งที่ดาวิดต้องการนั้นแตกต่าง ดาวิดต้องการให้ชีวิตของเขาเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า 'อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี' โรม 12:21 โอกาสที่เข้ามาไม่ใช่ข้ออ้างให้เราทำผิดไปจากพระประสงค์ของพระเจ้า แม้ว่าโอกาสนั้นมันง่ายในการออกจากปัญหา แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า ถ้ามันไม่ถูกต้องขอเราอย่าทำ สิ่งที่สำคัญกว่าการออกจากปัญหาไม่ใช่การจะได้หรือเสีย แต่เป็นการที่เราจะมีชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า คนของพระเจ้าจะไม่เลือกเพียงทางสะดวก แต่เขาจะเลือกที่จะทำตามพระทัยของพระเจ้า โอกาสที่เขามาไม่ใช่ข้ออ้างให้ทำผิด แต่มันคือบทพิสูจน์ว่า ตัวเราเป็นของพระเจ้าจริงหรือไม่ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่75) อะไรคือสิ่งที่เราควรพูดและไม่ควรพูด? “คนที่มีคำตอบเหมาะๆ ในปากย่อมยินดี คำเดียวที่ถูกกาลเทศะก็ดีจริงๆ” ~สุภาษิต 15:23 THSV11 “What a joy it is to find just the right word for the right occasion!” ~Proverbs 15:23 GNT มีคำกล่าวที่ดี เขียนไว้ว่า “พระเจ้าทรงส่งใครบางคนเข้ามาในชีวิตของเราในยามที่ เราต้องการพวกเขา มากล่าวถ้อยคำที่ถูกต้องซึ่งเป็นพระวจนะของพระองค์ แก่เราในยามที่เรากำลังต้องการถ้อยคำเหล่านั้น“ (God sends people into our lives just when we need them, to say the right word, His word, just when we need it.) ~W. A. Criswell ให้เรามาสำรวจดูว่า พระคัมภีร์สอนอะไรเราบ้าง ในเรื่องของการพูด?1.เราควรพูดคำปลอบโยน ไม่ใช่พูดให้วิตกกังวล“ความวิตกกังวลทำให้หนักใจ แต่คำปลอบโยนทำให้ใจพองโต” ~สุภาษิต 12:25 TNCV2.เราควรพูดให้ถูกกาลเทศะ“ผู้ให้คำตอบที่เหมาะสมก็พบความยินดี ถ้อยคำที่ถูกกาลเทศะก็ดีเหลือหลาย” ~สุภาษิต 15:23 TNCV3.เราควรพูดต่อกันอย่างอ่อนหวานอ่อนโยน ไม่ใช่เผ็ดร้อน“คำตอบอ่อนหวานช่วยระงับความโกรธ แต่ถ้อยคำเผ็ดร้อนยั่วโทสะ” ~สุภาษิต 15:1 TNCV“คนจิตใจฉลาดได้ชื่อว่า “สุขุมมองการณ์ไกล” และคำพูดที่อ่อนหวานเพิ่มความน่าเชื่อถือ” ~สุภาษิต 16:21 TNCV4.เราควรพูดเผยแพร่และส่งเสริมความรู้อย่างฉลาด ไม่ใช่เทความโง่ออกมา“ปากของคนฉลาดเผยแพร่ความรู้ แต่จิตใจของคนโง่ไม่ซื่อตรง” ~สุภาษิต 15:7 TNCV“ลิ้นของคนฉลาดส่งเสริมความรู้ แต่ปากของคนโง่พรั่งพรูความโง่ออกมา” ~สุภาษิต 15:2 TNCV5.เราควรกล้าตักเตือนกันอย่างเปิดเผยด้วยความจริงและความรัก ไม่ปลิ้นปล้อน “ตักเตือนอย่างเปิดเผย ยังดีกว่าซ่อนคำเตือนไว้ด้วยความรัก” ~สุภาษิต 27:5 TNCV “ปากของคนชอบธรรมให้ปัญญา แต่ลิ้นที่ปลิ้นปล้อนจะถูกตัดออก” ~สุภาษิต 10:31 TNCV6.เราควรระวังคำพูดของเรา ไม่พูดอะไรพล่อยๆออกมา“ผู้ที่ขยิบตาอย่างมีเลศนัยสร้างความเดือดร้อน และคนโง่พูดพล่อยๆ ก็ถึงแก่หายนะ” ~สุภาษิต 10:10 TNCV “ผู้ที่ระวังปากก็สงวนชีวิตของตน แต่ผู้ที่พูดพล่อยๆ จะถึงแก่หายนะ” ~สุภาษิต 13:3 TNCV7.เราควรพูดกันด้วยถ้อยคำที่เยียวยารักษาใจคน ไม่ใช่ทำให้ใจคนฟังแตกสลาย “ถ้อยคำที่ช่วยเยียวยาเป็นต้นไม้แห่งชีวิต แต่ลิ้นที่ตลบตะแลงทำให้จิตใจแตกสลาย” ~สุภาษิต 15:4 TNCV พี่น้องที่รัก ถ้าเราจะพูด ขอให้เราพูดให้ดี และพูดให้ถูกต้อง แต่อย่าให้เรากังวลมากเกินไป ในเรื่องถ้อยคำ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ใจที่ถูกต้อง เหมือนที่ Max Lucado กล่าวไว้ว่า“อย่ากังวลเกี่ยวกับคำพูดที่ถูกต้อง จงห่วงใยเกี่ยวกับการมีหัวใจที่ถูกต้องให้มากกว่า เพราะสิ่งที่พระเจ้าแสวงหาและผู้ฟังต้องการ ไม่ใช่การพูดจาด้วคารมคมงาย แต่เป็นความจริงใจ!”(Don't worry about having the right words; worry more about having the right heart. It's not eloquence he seeks, just honesty.) …เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์714มิถุนายน2025 (ตอนที่75 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน ทันแน่นอน Ep.1299 พระเจ้าไม่เคยช้า การช่วยเหลือของพระเจ้ามาทันเสมอ ถ้าเรามองเรื่องของดาวิดให้ดี แม้จะมีคนมากมายจ้องทำลายเขา แต่ดาวิดก็ปลอดภัยเพราะเขาอยู่ในพระเจ้า ขอให้เรื่องราวในวันนี้จะนำให้เรายังมีความหวังอดทนรอคอยความช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วยใจชื่นชมยินดี“ชาวศิฟขึ้นไปหาซาอูลที่กิเบอาห์ทูลว่า “ดาวิดได้ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกข้าพระบาท ในที่กำบังเข้มแข็งที่โฮเรช บนเนินเขาฮาคีลาห์ซึ่งอยู่ใต้เยชิโมนไม่ใช่หรือ?”1 ซามูเอล 23:19 THSV11 มันน่าหงุดหงิดกับคนแบบนี้ แต่เราจะเจอคนแบบนี้เสมอ การเลือกอยู่ข้างผู้มีอำนาจยังคงเป็นบันไดสู่การเติบโต สู่ความสำเร็จในอำนาจหน้าที่เสมอ ซึ่งเรื่องนี้ชาวคีฟก็ได้สิ่งที่ต้องการ ซาอูลชื่นชมและขอบคุณพวกเขา แต่ซาอูลให้พวกเขาล่วงหน้าไปก่อนไปหาข้อมูลของดาวิดเพิ่มเติมให้แน่ชัด เวลานั้นดาวิดกับพวกของท่านย้ายมาอยู่ในถิ่นทุรกันดารมาโอนในอาราบาห์ใต้เยชิโมน“ซาอูลกับพวกของพระองค์ก็ค้นหาท่าน มีคนบอกดาวิด ท่านจึงลงไปยังศิลาและอยู่ในถิ่นทุรกันดารมาโอน เมื่อซาอูลทรงทราบก็ทรงติดตามดาวิดไปในถิ่นทุรกันดารมาโอน”1 ซามูเอล 23:25 THSV11 ซาอูลมาใกล้ดาวิดมากๆแล้ว ถ้าเราไปอ่านเราจะพบว่าดาวิดกับซาอูลอยู่กันเพียงคนละด้านของภูเขาเท่านั้น ในขณะที่ดาวิดกำลังหนีและหลบซ่อนตัวนั้น พระเจ้าได้ส่งความช่วยเหลือมาอย่างอัศจรรย์“แต่มีผู้สื่อสารคนหนึ่งมาทูลซาอูลว่า “ขอรีบเสด็จกลับ เพราะพวกฟีลิสเตียมาปล้นแผ่นดิน”” 1 ซามูเอล 23:27 พระเจ้าไม่เคยช้า การช่วยเหลือของพระเจ้ามาทันเสมอ ปัญหาอาจจะกำลังเป็นเหมือนภัยที่มายืนเคาะอยู่ที่ประตูหน้าบ้านแล้วและดูเหมือนจะไม่มีทางไปแล้ว แต่พระเจ้าผู้ทรงอัศจรรย์ พระองค์สามารถสร้างทางใหม่เพื่อให้เราปลอดภัยและรอดได้เสมอ มีคำพูดที่เราคุ้นเคยมาก เมื่อเรามืดแปดด้าน พระเจ้าเป็นด้านที่เก้าที่พร้อมช่วยเราเสมอ เพียงแค่เราจดจ่อและพึ่งพาพระเจ้าเราจะพบทางออกเสมอ ขอพระเจ้านำให้เราจะยังมีความหวัง ยังมีความอดทนด้วยความชื่นชมยินดีในพระเจ้า และขอให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงปกป้องคนของพระองค์ให้เราปลอดภัยแน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่74) อย่าหลงเลย!“ถ้าแม้ว่าข้าหลงทำผิดจริง ความผิดของข้าก็อยู่กับข้า” ~โยบ 19:4 THSV11 “If it is true that I have gone astray, my error remains my concern alone.” ~Job 19:4 NIV ”หลง“หมายความว่า1.“สําคัญผิด เข้าใจผิด”เช่น กาหลงเข้าใจว่าไข่นกดุเหว่าเป็นไข่ของตน; 2. “หมกมุ่น มัวเมา คลั่งไคล้ เคลิบเคลิ้ม”เช่น หลงในอบายมุข หลงเสน่ห์; 3.”พลัด“เช่น กาหลงเข้าไปในฝูงหงส์ “ พระคัมภีร์เตือนเราไม่ให้หลงไปทำสิ่งต่อไปนี้1). อย่าหลงผิดไปคบคนชั่ว“อย่าหลงผิดเลย “การคบคนชั่วย่อมทำลายนิสัยที่ดีงาม””~1 โครินธ์ 15:33 THSV112). อย่าหลงผิดไปตามซาตาน“เพราะมีบางคนหลงตามซาตานไปแล้ว”~1 ทิโมธี 5:15 THSV11 3). อย่าหลงผิดไปทำตัวเองให้มีมลทิน“นี่เป็นกฎเรื่องความหึงหวง เมื่อภรรยาได้หลงไปทำตัวให้มีมลทินทั้งที่ยังอยู่กินกับสามี”~กันดารวิถี 5:29 THSV114). อย่าหลงผิดไปจากคำแห่งความรู้/คำที่มีปัญญา“ลูกเอ๋ย ถ้าเจ้าเลิกฟังคำสั่งสอน เจ้าก็จะหลงไปจากคำแห่งความรู้” ~สุภาษิต 19:27 THSV11“บุตรชายเอ๋ย ผู้ที่เลิกรักษาคำสั่งสอนของบิดา จะหลงไปจากคำที่มีปัญญา” ~สุภาษิต 19:27 TH19715). อย่าหลงผิดไปจากพระบัญญัติ/ข้อบังคับของพระเจ้า“พระองค์ทรงขนาบคนโอหัง คนที่ถูกสาป ผู้หลงไปจากพระบัญญัติของพระองค์”~สดุดี 119:21 THSV11“คนอธรรมวางกับดักข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์ไม่หลงเจิ่นจากข้อบังคับของพระองค์” ~สดุดี 119:110 THSV116). อย่าหลงแสร้งทำตัวตามคนหมู่มาก“และพวกยิวคนอื่นๆ ก็ได้แสร้งทำตามท่าน แม้แต่บารนาบัสก็หลงแสร้งทำตามคนเหล่านั้นไปด้วย”~กาลาเทีย 2:13 THSV117). อย่าหลงเจิ่นไปจากพระเจ้า“พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์ดูมนุษย์ทั้งหลาย ว่าจะมีคนใดบ้างที่ฉลาด ที่แสวงหาพระเจ้า เขาทั้งหลายหลงเจิ่นไปหมด เสื่อมทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีผู้ใดทำดี ไม่มีสักคนเดียว”~สดุดี 14:2-3 THSV118). อย่าหลงไปจากความเชื่อ ไปตามคำสอนแปลกๆ“บางคนยอมรับความรู้นี้จึงหลงไปจากความเชื่อ ขอพระคุณดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” ~ 1 ทิโมธี 6:21 THSV11 “อย่าหลงไปตามคำสอนแปลกๆ ต่างๆ เพราะว่าเป็นการดีที่จะให้ใจเข้มแข็งโดยพระคุณ ไม่ใช่โดยกฎเกณฑ์เรื่องอาหาร ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่คนที่ดำเนินตามเลย” ~ฮีบรู 13:9 THSV119). อย่าหลงไปล้อเล่นกับพระเจ้า“อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น” ~กาลาเทีย 6:7 THSV1110).อย่าปล่อยให้ผู้เลี้ยงนำเราให้หลงไปจากพระเจ้า““ประชากรของเราเป็นแกะหลง บรรดาผู้เลี้ยงของพวกเขาได้พาเขาหลงไป หันเขาทั้งหลายไปเสียบนภูเขา เขาได้เดินจากภูเขาไปหาเนินเขา เขาลืมคอกของเขาเสียแล้ว” ~เยเรมีย์ 50:6 THSV11สรุป1.เราต้องไม่หลงไปจากพระเจ้าและข้อบังคับของพระองค์“คนอธรรมวางกับดักข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์ไม่หลงเจิ่นจากข้อบังคับของพระองค์”~สดุดี 119:110 THSV112.เราต้องไม่ปล่อยให้ตัวเราหลงเจิ่น แต่จะปฏิบัติตามพระดำรัสของพระเจ้าอยู่เสมอ“ก่อนที่ข้าพระองค์ทุกข์ยาก ข้าพระองค์หลงเจิ่น แต่บัดนี้ข้าพระองค์ปฏิบัติตามพระดำรัส ของพระองค์” ~สดุดี 119:67 THSV11 …จะอาเมนด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์713มิถุนายน2025 (ตอนที่74ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิต ตอน เพื้อนแท้ Ep.1298 ชีวิตคนเราอาจต้องเดินผ่านความยากลำบากทั้งทางกายและทางใจ สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดอาจจะไม่ใช่คำตอบที่แก้ปัญหา แต่เราต้องการคนที่คอยรับฟังและมีคำพูดให้กำลังใจนำให้เราเข้มแข็งในพระเจ้ามากขึ้น ช่วงเวลานี้ดาวิดกำลังหนีเอาชีวิตรอด แต่พระเจ้ากไม่ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว พระเจ้าส่งโยนาธานเพื่อนแท้ของดาวิดมาเป็นกำลังใจในยามที่ดาวิดอ่อนล้า อ่อนใจ'และดาวิดเห็นว่าซาอูลเสด็จออกมาเพื่อฆ่าท่าน ดาวิดอยู่ในถิ่นทุรกันดารศิฟที่โฮเรช และโยนาธานราชบุตรของซาอูลลุกขึ้นไปหาดาวิดที่โฮเรช และทำให้ท่านเข้มแข็งขึ้นในพระเจ้า ' 1 ซามูเอล 23:15-16 โยนาธานไม่ได้ให้กำลังใจดาวิดด้วยคำปลอบใจธรรมดา แต่เขาช่วยให้ดาวิดเข้มแข็งขึ้นในพระเจ้า ซึ่งคำในนี้มีความหมายว่า ช่วยทำให้ดาวิดตั้งมั่นในพระเจ้าอีกครั้ง เพื่อนแท้ไม่ใช่คนที่บอกว่าเดี๋ยวมันจะดีขึ้นเอง แต่คือคนที่พาเราหันกลับมาจดจ่อที่พระเจ้า 'โยนาธานพูดกับท่านว่า “อย่ากลัวเลยเพราะว่ามือของซาอูลเสด็จพ่อของฉันจะหาท่านไม่พบ ท่านจะได้เป็นพระราชาเหนืออิสราเอล และฉันจะเป็นที่สองรองจากท่าน ซาอูลเสด็จพ่อของฉันก็ทราบเรื่องนี้ด้วย” และทั้งสองก็ทำพันธสัญญาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ดาวิดยังค้างอยู่ที่โฮเรช และโยนาธานก็กลับไปวัง ' 1 ซามูเอล 23:17-18 เพื่อนแท้คือผู้ที่เตือนเราว่าพระเจ้าทรงซื่อสัตย์เแม้ในวันที่ดูเหมือนทุกสิ่งพังทลาย อย่ากลัวแต่มนุษย์แต่ให้เราหันความสนใจของเราจดจ่อที่พระสัญญาของพระเจ้าที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ในชีวิตเราพระเจ้าใช้เพื่อนบางคนมาเป็นมือที่ยื่นมาช่วยฉุดเราขึ้นจากความกลัวและความสิ้นหวัง ขอให้เรารักษาเพื่อนแบบนั้นไว้ และมากไปกว่านั้นขอให้เราเป็นเพื่อนแบบนั้นกับคนอื่นด้วย เพื่อนแท้ไม่ใช่คนที่ทำให้เราหายกลัว แต่เพื่อนแท้ทำให้เรากลับมากลัวพระเจ้าและไว้วางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิต ตอน ยอมรับทุกคำตอบ Ep.1297 เวลาที่คำตอบของพระเจ้าไม่ตรงกับใจ หรือสวนทางกับสิ่งที่เราหวัง เราจะยังยอมรับและเดินตามประสงค์ของพระเจ้าหรือเราจะรั้นดื้อดึงเอาตามใจตัวเอง วันนี้ดาวิดให้บทเรียนที่สำคัญในเวลาที่คำตอบนั้นหมายถึงการต้องหนีต่อไป เขาก็เลือกจะทำตามเสียงของพระเจ้าด้วยความไว้วางใจ หลังจากที่ดาวิดช่วยชาวเมืองเคอีลาห์สำเร็จ ก็นับเป็นการเปิดเผยตัวเองว่าอยู่ที่นั่น คนที่พร้อมประจบนายก็ไปบอกกซาอูล เมื่อดาวิดแน่ใจว่าซาอูลจะมาจัดการเขาจริงๆ ดาวิดจึงเรียกอาบียาธาร์ผู้สืบเชื้อสายปุโรหิตที่นำเอโฟดมาด้วยมา แล้วดาวิดก็ทูลถามพระเจ้า 'ดาวิดกราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ยินแน่ว่าซาอูลทรงหาช่องทางที่จะมายังเคอีลาห์ เพื่อทำลายเมืองนี้เพราะข้าพระองค์เป็นเหตุ ประชาชนชาวเคอีลาห์จะมอบข้าพระองค์ไว้ในมือท่านหรือ? ซาอูลจะเสด็จลงมาดังที่ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ยินนั้นหรือ? ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ขอพระองค์ทรงบอกผู้รับใช้ของพระองค์เถิด” และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “เขาจะลงมา” '1 ซามูเอล 23:10-11 ในเวลาที่เหนื่อยอ่อนจากปัญหาที่ตามมาถาโถมเข้ามา ผมลองคิดถึงตัวเองว่าคงอยากได้ยินคำตอบว่า ที่นี่จะเป็นที่ปลอดภัย หลังจากที่พระเจ้าตอบ ดาวิดก็มีคำถามพระเจ้าต่อไปว่า แล้วชาวเมืองจะมอบตัวเขาให้ซาอูลไหม คำตอบจากพระเจ้าก็แบบเดิมเลยว่า ชาวเมืองจะมอบดาวิดให้ซาอูล ดาวิดจึงต้องนำคนของเขาทั้งหมด 600 คนหนีต่อไป และเมื่อซาอูลได้ยินว่าดาวิดหนีไปแล้วก็ไม่มา ดาวิดอยู่ในจุดที่ต้องการความมั่นใจจากพระเจ้า เขาไม่ได้ตัดสินใจด้วยความกลัว แต่เขาตัดสินใจด้วยการแสวงหาพระเจ้า และแม้คำตอบที่ได้รับจะไม่เหมือนที่คาดหวัง เพราะหมายความว่าเขาต้องหนีต่อไป ดาวิดก็ไม่โต้แย้งแต่เลือกที่จะเชื่อฟัง พระเจ้าสามารถตอบได้ตามใจของพระองค์ ไม่ใช่ตามใจเราทุกอย่าง แต่ในคำตอบแบบนั้นให้เราเชื่อว่านั่นเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับเราและสำหรับแผนการของพระเจ้า การเชื่อฟังพระเจ้าไม่ใช่เรื่องของอารมณ์หรือความพอใจ แต่เป็นเรื่องของความไว้วางใจและการเชื่อในอธิปไตยสูงสุดของพระเจ้า 'จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น ' สุภาษิต 3:5-6 ในวันที่พระเจ้าตอบเราในแบบที่เราไม่อยากได้ยิน ขอให้เรายอมรับคำตอบนั้นด้วยการไว้วางใจในพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเห็นแผนการทั้งหมด ในขณะที่เรามองเห็นเพียงบางส่วน ขอให้เราเดินตามพระเจ้าแม้ว่าทางนั้นจะไม่คุ้นเคย เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะว่าปลายทางนั้นปลอดภัยและดีกว่าทางของเราแน่นอน การเชื่อฟังพระเจ้าไม่ใช่เพราะคำตอบนั้นถูกใจ แต่เป็นเพราะใจเราวางใจในพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่73) 10 บทเรียนเรื่องการเงิน รับมือวิกฤติเศรษฐกิจ! “แผนงานของคนขยันนำไปสู่กำไรแน่นอน แต่ทุกคนที่ผลีผลามก็มาสู่ความขาดแคลนแน่แท้” ~สุภาษิต 21:5 พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับการเตรียมตัวรับมือกับวิกฤติทางการเงิน?1.เราควรเรียนรู้วิธีบริหารและวางแผนการเงินอย่างมีสติปัญญา 1).รู้วิธีหาและวิธีจัดการได้เงินมา 2).รู้วิธีได้กำไรผ่านลงทุนที่ดีช่วยเพิ่มมูลค่าและเพิ่มปริมาณเงินที่มีอยู่ “คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านมอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์'” ~มัทธิว 25:20 “เพราะฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากกับนายธนาคาร เมื่อเรามาก็จะได้รับเงินทั้งดอกเบี้ยด้วย” ~มัทธิว 25:27 2.เราควรวางใจพระเจ้าและไม่วิตกกังวลหรือกลัวเรื่องการเงินมากเกินเหตุจนเสียศูนย์ “ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูซิ นี่เงินของท่าน'” ~มัทธิว 25:25 “มีทรัพย์น้อยแต่มีความยำเกรงพระยาห์เวห์ ก็ดีกว่ามีทรัพย์มาก แต่มีความวิตกกังวลอยู่ด้วย” ~สุภาษิต 15:16 “ท่านอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่ เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสว่า “เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย”” ~ฮีบรู 13:5 3.เราไม่ควรเห็นแก่เงินหรือจงรักภักดีต่อเงินมากกว่าภักดีต่อพระเจ้า “ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะจะเกลียดชังนายคนหนึ่งและจะรัก นายอีกคนหนึ่ง หรือจะนับถือนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้”” ~ลูกา 16:13 4.เราไม่ควรโลภ หลง รักเงินทองจนห่างจากพระเจ้าและผลีผลามทำให้ตัวเองเดือดร้อน “คนรักเงินย่อมไม่อิ่มเงิน และคนรักสมบัติก็ไม่อิ่มกับผลตอบแทน นี่ก็อนิจจังด้วย” ~ปัญญาจารย์ 5:10 “เพราะว่าการรักเงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด ความโลภเงินทองนี้ ที่ทำให้บางคนหลงไปจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์มากมาย” ~1 ทิโมธี 6:10 “และทรัพย์สมบัตินั้นสูญเสียไปในธุรกิจที่ไม่ดี แม้เขาให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เขาก็ไม่มีอะไรติดมือ” ~ปัญญาจารย์ 5:14 5.เราควรดูแลการใช้เงินและทรัพยากรที่เรามีอย่างฉลาด สัตย์ซื่อ ขยัน และมีประสิทธิภาพ “แล้วเศรษฐีก็ชมพ่อบ้านอสัตย์นั้น เพราะเขาทำด้วยความฉลาด เพราะว่า ลูกของยุคนี้รู้จักใช้ความฉลาดกับคนในสมัยของพวกเขามากกว่าลูกของความสว่าง เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงทำตัวให้มีมิตรสหายด้วยเงินทองอธรรม เพื่อที่ว่าเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว เขาจะได้ต้อนรับท่านไว้ในที่อาศัยตลอดไป” ~ลูกา 16:8-9 6.เราไม่ควรหลงคิดว่าเงินทองสามารถทำได้ทุกสิ่ง แม้แต่ซื้อความโปรดปรานจากพระเจ้า “เปโตรจึงกล่าวกับซีโมนว่า “เงินของเจ้าจงพินาศพร้อมกับตัวเจ้า เพราะเจ้าคิดว่าของประทานจากพระเจ้าสามารถซื้อด้วยเงินได้” ~กิจการ 8:20 7.เราไม่ควรปล่อยให้เงินทองเป็นเหตุให้เราทำบาปจนเสียคน เสียงานหรือเสียชีวิต “เขาพูดอย่างนั้นไม่ใช่เพราะเขาเอาใจใส่คนจน แต่เพราะเขาเป็นหัวขโมย เขาถือกระเป๋าเก็บเงินและยักยอกเงินที่ใส่ไว้ในนั้นไป” ~ยอห์น 12:6 “การได้ทรัพย์มาด้วยลิ้นมุสา ก็คือหมอกที่จางหายและกับดักแห่งความตาย” ~สุภาษิต 21:6 8.เราควรใช้เงินทองที่เราครอบครองแสดงความรักเมตตาต่อผู้เดือดร้อนด้วยใจกว้าง “เธอหยิบยื่นให้คนยากจน เธอยื่นมือออกช่วยคนขัดสน” ~สุภาษิต 31:20 “เราจะใช้เงินทองของเราตามใจตัวเองไม่ได้หรือ? ทำไมท่านอิจฉาเมื่อเห็นเราใจดี?'” ~มัทธิว 20:15 9.เราควรส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์แทนที่จะสะสมไว้ในโลก 1.โดยการนำคนมาหาพระเจ้า 2.ถวายทรัพย์แด่พระเจ้าผ่านทางคริสตจักร เพื่อใช้ในการทำดีและการประกาศข่าวประเสริฐ ““อย่าสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจทะลวงลักเอาไปได้ แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยทะลวงลักเอาไปได้” ~มัทธิว 6:19-20 10.เราควรเก็บออมพร้อมรับมือกับวิกฤติการเงินและสอนคนอื่นให้เตรียมพร้อมด้วยเช่นกัน “ทรัพย์สมบัติที่ได้มาเร็วจะร่อยหรอหมดไป แต่คนที่เก็บเล็กผสมน้อยจะมีมากขึ้น” ~สุภาษิต 13:11 “เพราะฉะนั้นขอฟาโรห์ทรงเลือกคนที่มีความคิดดี มีปัญญา ตั้งให้ดูแลแผ่นดินอียิปต์ ขอฟาโรห์ทรงทำดังนี้คือทรงจัดพนักงานไว้ทั่วแผ่นดิน และเก็บผลหนึ่งในห้าส่วนของดินแดน อียิปต์ไว้ตลอดเจ็ดปีที่อุดมสมบูรณ์นั้น อาหารนี้จะได้เป็นเสบียงสำรองให้แก่แผ่นดินระหว่าง เจ็ดปีที่กันดารอาหาร ซึ่งจะเกิดขึ้นในดินแดนอียิปต์ ดังนี้แผ่นดินจะไม่พินาศไปเพราะการ กันดารอาหาร”” ~ปฐมกาล 41:33-34, 36 พี่น้องที่รัก หากว่าเรากระทำตามคำแนะนำทั้ง 10 ประการข้างต้นอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอก็เท่ากับว่าเราได้เตรียมพร้อมเผชิญกับทุกวิกฤติทางการเงินอย่างมีชัยชนะและมีสันติสุขแล้ว
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่72) ไม่อธิษฐาน ไม่ได้แล้ว! “จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ!” ~1 เธสะโลนิกา 5:17 THSV11 “Pray continually.” ~1 Thessalonians 5:17 CEB การอธิษฐานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของเรา เปรียบเสมือนการหายใจ ที่เราขาดไม่ได้ เพราะขาดเมื่อใดตายเมื่อนั้น! โดยปกติ การอธิษฐานเป็นเรื่องระหว่างเรากับพระเจ้าเป็นส่วนตัว แม้ว่าในบางครั้งอาจจะมีการอธิษฐานระหว่างพวกเรากับพระเจ้าเป็นส่วนรวมก็ตาม! อะไรเป็นองค์ประกอบสำคัญในการอธิษฐานระหว่างเรากับพระเจ้า? “การอธิษฐาน”(PRAYER)ที่ดี และถูกต้อง ควรจะมีองค์ประกอบสำคัญดังต่อไปนี้1.Presence of God ~ การสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้า “ส่วนท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตในที่ลี้ลับ และ พระบิดาของท่านผู้ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน” ~มัทธิว 6:6 THSV112.Relationships~ การมีสัมพันธภาพที่สนิทกับพระเจ้า “ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น” ~ยอห์น 15:7 THSV113.Adoration ~ การเทิดทูนสรรเสริญพระเจ้า “จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ และทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า จงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์” ~สดุดี 103:1 THSV114.Yearning~ การโหยหาพระเจ้า “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะแสวงหาพระองค์ จิตใจของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์ เนื้อหนังของข้าพระองค์กระเสือกกระสนหาพระองค์ ในดินแดนที่แห้งแล้งและอ่อนระโหย ที่ซึ่งไม่มีน้ำ” ~สดุดี 63:1 THSV115.Enjoyment ~ การเพลิดเพลินยินดีในการเข้าเฝ้าพระเจ้า “แต่ขอให้คนชอบธรรมยินดี ให้เขาปรีดาปราโมทย์เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ให้เขาปีติยินดีด้วยความชื่นบาน” ~สดุดี 68:3 THSV116.Reliance ~ การเชื่อพึ่งวางใจในพระเจ้า “จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” ~สุภาษิต 3:5-6 THSV11สรุป การอธิษฐานเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของเรา ทั้งใน~การดำเนินชีวิต ~การเรียนรู้ ~การประกอบอาชีพ และใน~การปรนนิบัติรับใช้ และการอธิษฐานของเรา ควรมี มีองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้1.สถิต~การประทับอยู่ด้วยของพระเจ้ากับเรา2.สัมพันธ์สนิท ~การมีความสัมพันธ์ที่ดีและถูกต้องระหว่างเรากับพระเจ้าตรีเอกานุภาพ3.สรรเสริญ ~การมีใจสรรเสริญสาธุการเทิดทูนพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ4.แสวงหา~การมีจิตใจและจิตวิญญาณที่โหยหาพระเจ้าอย่างสุดกำลังสุดความคิด5.สุขใจ~การมีความเพลิดเพลินชื่นบานในการได้เข้าเฝ้าพระเจ้า6.สงบสันติ~การมีความสันติสุขจากการไว้วางใจในพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง พี่น้องรัก การอธิษฐานเกี่ยวโยงกับ~ การดำรงชีวิต~ ความเชื่อศรัทธา~ การเจริญเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ ~ ความสำเร็จในการเกิดผล และ~ ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ฯลฯ การอธิษฐานจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตของเรา อย่างยิ่งยวด เราจะหยุดอธิษฐานไม่ได้ เราต้องอธิษฐานอย่างต่อเนื่องทุกวัน เราต้องอธิษฐานอยู่ตลอดเวลา เราจะมาต่อรองขอหยุดอธิษฐานไม่ได้ เหมือนกับที่เราจะมาต่อรองขอไม่หายใจ ไม่ได้ ฉันใดฉันนั้น! วันนี้ชีวิตอธิษฐานของคุณกับพระเจ้าเป็นอย่างไร? มีคุณลักษณะดังที่กล่าวมาแล้วครบถ้วนหรือไม่? แล้วมีอะไรที่น่าตื่นเต้น น่ายินดี ที่คุณอยากแบ่งปันให้เราทราบ เกี่ยวกับการอธิษฐานของคุณ บ้างหรือไม่ครับ? …ขอเชิญเล่าสู่กันฟัง ได้เลย!~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์711มิถุนายน2025 (ตอนของปีที่5ที่72ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า# กปจ.สัญจรภาคใต้ 30~31พ.ค.2025
พระธรรมนำชีวิตตอน จะยอมหรือเดินหน้า Ep.1296 ในขณะที่ชีวิตมีปัญหา เราเองจะอยู่เพียงแต่กับปัญหาของตัวเอง หรือเราพร้อมจะเดินตามการทรงนำของพระเจ้าที่นำให้เราไปแก้ปัญหาของผู้อื่นด้วย ทั้งๆที่ปัญหาของตัวเองนั้นใหญ่กว่า และยังไม่จบด้วย แถมยังโดนผู้ตามคัดค้าน เป็นเรา เราจะทำอย่างไร?'พวกเขาบอกดาวิดว่า “ดูสิ พวกฟีลิสเตียกำลังรบเมืองเคอีลาห์อยู่และปล้นเอาข้าวที่ลาน” ดาวิดจึงทูลถามพระยาห์เวห์ว่า “ควรที่ข้าพระองค์จะไปต่อสู้กับคนฟีลิสเตียเหล่านี้หรือไม่?” และพระยาห์เวห์ตรัสกับดาวิดว่า “จงไปต่อสู้พวกฟีลิสเตียและช่วยกู้เมืองเคอีลาห์ไว้” ' 1 ซามูเอล 23:1-2 แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันของชีวิต ดาวิดเองเป็นที่พึ่งของคนที่ไม่มีทางไปถึง 400 คน ตอนนี้ยังมีคนต้องการความช่วยเหลืออีก สิ่งที่ดาวิดทำคือทูลถามพระเจ้าว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อพระเจ้าบอกดาวิด เขาก็พร้อมเชื่อฟัง แต่ปัญหาคือผู้ตามคัดค้านไม่อยากไป พวกเขาบอกว่าแค่ต้องหนีและหลบซ่อนตัวนี่ยังไม่พออีกเหรอ นั่นเพราะการออกไปปกป้องผู้คนต้องออกจากที่ซ่อน แล้วอันตรายถึงชีวิตก็จะตามมา สิ่งที่ดาวิดทำคือ กลับไปหาพระเจ้าเพื่อรับการยืนยันจากพระเจ้าอีกครั้ง'แล้วดาวิดก็ทูลถามพระยาห์เวห์อีก และพระเจ้าตรัสตอบท่านว่า “จงลุกขึ้นลงไปยังเคอีลาห์เถิด เพราะเราจะมอบพวกฟีลิสเตียไว้ในมือของเจ้า” ' 1 ซามูเอล 23:4 เป็นเราจะยอมตามคำค้านของผู้ตาม หรือจะเดินหน้าตามคำสั่งของพระเจ้า ขอให้เราจะเลือกแบบดาวิดที่จะเชื่อฟังพระเจ้าเสมอ 'และดาวิดกับพวกของท่านก็ไปยังเคอีลาห์ต่อสู้กับพวกฟีลิสเตีย นำเอาฝูงปศุสัตว์ของพวกเขาไป และทำให้พวกเขาสูญเสียมาก ดังนั้นดาวิดก็ได้ช่วยกู้ชาวเมืองเคอีลาห์ไว้ ' 1 ซามูเอล 23:5 ขอให้บทเรียนนี้จะนำให้เรามั่นใจในการนำของพระเจ้า แม้ว่าจะเกิดเสียงคัดค้านจากผู้ตาม ตรงนี้ให้เราขอสติปัญญาจากพระเจ้า ขอพระเจ้าประทานคำพูดที่ให้กำลังใจผู้ตามที่จะพร้อมเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าแล้วก็ไปด้วยกัน เพื่อทุกคนจะได้เห็นพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเพื่อทุกคนจะได้รับพระพรและเป็นพระพรความสุขไปถึงผู้คนที่กำลังอยู่ในความยากลำบาก ขอพระเจ้าเมตตาเราที่เราจะยอมตามพระเจ้ามากกว่าเสียงคัดค้านของผู้ตาม แต่ยังไงเราต้องไม่ลืมความรู้สึกของผู้ตามด้วยเพื่อทีมของเราจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในการไปรับพรและในการเป็นพรต่อทุกคน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่ 71) คุณเก็บสะสมรวบรวมไว้เพื่อใคร? “แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของที่เจ้ารวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใคร?' คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว และไม่ได้มั่งมีฝ่ายพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ”” ~ลูกา 12:20-21 THSV11 ““But God said to him, ‘You fool! I will demand your life from you tonight! Now who will get what you've accumulated?' That's how it is when a person has material riches but is not rich in his relationship with God.”” ~Luke 12:20-21 GW“1.มีคนหนึ่งในฝูงชนนั้นทูลพระเยซูว่า “ท่านอาจารย์ ช่วยบอกพี่ชายของข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกแก่ข้าพเจ้าด้วย” 2.พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “พ่อหนุ่ม ใครตั้งเราให้เป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกให้ท่าน?” 3.พระเยซูตรัสกับพวกฝูงชนว่า “ระวังให้ดี จงหลีกเลี่ยงจากความโลภทุกอย่าง เพราะว่าชีวิตของคนไม่ได้อยู่ที่การมีของฟุ่มเฟือย” 4.พระเยซูตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาฟังว่า “ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก 1).เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า ก.‘ข้าจะทำอย่างไรดี? เพราะว่าข้าไม่มีที่ที่จะเก็บพืชผลของข้า ข.‘ข้าจะทำอย่างนี้ คือจะรื้อยุ้งฉางของข้าและจะสร้างใหม่ให้ใหญ่โตขึ้น ค.ข้าจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของข้าไว้ที่นั่น แล้ว ง.ข้าจะบอกกับจิตใจของข้าว่า “จิตใจเอ๋ย เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี จงอยู่สบาย กิน ดื่ม และรื่นเริงเถิด” ' แต่ 2).พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของที่เจ้ารวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใคร?' คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว และไม่ได้มั่งมีฝ่ายพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ”” ~ลูกา 12:13-21 THSV11 อย่าให้เราโง่เขลา เอาแต่แสวงหาความมั่นคงของชีวิต โดยการหาเงิน เก็บออม สะสมเงิน และ เก็บรวบรวมเงิน และคิดว่า จะได้อยู่อย่างสบายและมีความสุข อย่างยั่งยืน แต่ พระเยซูคริสต์ดับฝันคนที่คิดเช่นนั้น!เพราะพระองค์ตรัสว่า ความมั่นคงในชีวิตของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับ จำนวนมากมายมหาศาลของทรัพย์สมบัติที่เราได้และสะสมมาตลอดชีวิต แต่อยู่ที่ระดับสัมพันธภาพที่เรามีต่อพระเจ้า ในโลกนี้ จนต่อเนื่องไปในโลกหน้า เหมือนกับที่ Boyd Bailey กล่าวว่า“ความมั่งมีในสายพระเนตรของพระเจ้า นั่นคือ ความมั่งมีในการกระทำดีความมั่งมีในการมีใจกว้างขวาง และความมั่งมีในสัมพันธภาพ”(To be rich toward God is to be rich in good deeds, rich in generosity and rich in relationships.) จะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง หากว่าทั้งหมดที่เราได้เก็บสะสมรวบรวมไว้ทั้งชีวิตไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองหรือ ตำแหน่งรางวัลเกียรติยศ มากมาย สุดท้ายเราเองไม่ได้ชื่นชม หรือ ใช้สิ่งเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์อีกต่อไปในวันที่เราต้องตายแต่ทุกอย่างกลับจะมีคนอื่นนำไปใช้และเพลิดเพลินกับมันแทนเรา ส่วนตัวของเรากลับต้องเศร้าโศกเสียใจในวันที่เราต้องยืนอยู่ต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า เพราะในเวลาที่ผ่านมาเราไม่ได้สะสมความมั่งคั่งและความมั่นคงในสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าให้มากอย่างที่เราสะสมเงินทอง พี่น้องที่รัก ยังไม่สายเกินไป ที่เราจะเริ่มต้นปฏิรูปในการจัดระบบความสัมพันธ์ของเรา 1.กับพระเจ้า 2.กับทรัพย์สินเงืนทอง 3.กับคนที่เรารัก เรารู้จัก และคนทั่วไป เพื่อที่เราจะไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง … เห็นด้วย ไหมครับ? …………………………………ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 10 มิถุนายน2025 (ตอน70 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่ 70) พระคัมภีร์สอนเรื่องการออมเงินไว้อย่างไร?“ทรัพย์สมบัติที่ได้มาเร็วจะร่อยหรอหมดไป แต่คนที่เก็บเล็กผสมน้อยจะมีมากขึ้น” ~สุภาษิต 13:11 THSV11 “Dishonest money dwindles away, but whoever gathers money little by little makes it grow.” ~Proverbs 13:11 NIVพระคัมภีร์มีคำสอนหลากหลายเกี่ยวกับการออมเงินโดยมักเน้นหลักการของ ความรอบคอบ ความรับผิดชอบ และการวางแผนล่วงหน้า ” ออม“หมายถึง “เก็บหอมรอมริบ เช่น ออม. ทรัพย์ ออมสิน” ดังนั้น การออมทรัพย์ (Saving) จึงหมายถึง “การเก็บทรัพย์สินไว้เพื่อใช้ในอนาคต เป็นการเก็บสะสมไว้ทีละเล็กทีละน้อย” สิ่งที่เราควรจะกระทำในเรื่องการออมก็คือ 1.เราควรเป็นคนมีปัญญาที่รู้จักวางแผนการเงินและการออมเงินเป็นพระคัมภีร์สอนว่า1.คนมีปัญญาจะ 1).รู้จักเก็บออมเงิน 2).ไม่ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย 2.คนเขลามัก 1).ใช้เงินหมดไม่เหลืออะไรเลย 2).มีหนี้สิน“ทรัพย์สมบัติอันมีค่าและน้ำมันมีอยู่ในบ้านของคนมีปัญญา แต่คนเขลาก็ผลาญเสียหมด” ~สุภาษิต 21:202.เราควรเรียนรู้จักการเก็บออมในยามที่ทำได้โดยไม่เกียจคร้าน พระคัมภีร์สอนว่า 1).มดเป็นสัตว์ที่รู้จัก ก.วางแผนล่วงหน้า ข.เก็บสะสมในยามที่ยังมีโอกาส 2).เราควรเรียนรู้จากมดในการออมไว้สำหรับอนาคต “คนเกียจคร้านเอ๋ย ไปหามดไป๊ พิเคราะห์ดูทางของมัน และจงมีปัญญา โดยปราศจากหัวหน้า เจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครอง มันเตรียมอาหารของมันในฤดูแล้ง และสะสมเสบียงของมันในฤดูเกี่ยว” ~สุภาษิต 6:6-8 THSV113.เราควรรู้จักออมเงินควบคู่ไปกับการช่วยเหลือผู้อื่น พระคัมภีร์สอนว่า เราต้องรับผิดชอบดูแลช่วยเหลือคน 1).ช่วยเหลือคนในบ้าน “ถ้าใครไม่เลี้ยงดูญาติพี่น้อง และโดยเฉพาะคนในครอบครัวแล้ว คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก” ~ 1 ทิโมธี 5:8 THSV11 2).ช่วยคนนอกบ้าน “ขณะนี้ข้าพเจ้าจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อช่วยเหลือธรรมิกชน” ~โรม 15:25 THSV11 และในการช่วยเหลือคน เราต้องใช้เงิน (ดังนั้น เงินออมของเราจะช่วยคนได้ทันที)4.เราควรออมเงินเพื่ออนาคตหรือยามฉุกเฉิน พระคัมภีร์สอนว่า เราควรรู้จักเก็บออมในยามอุดมสมบูรณ์ เพื่อมีเสบียงสำรอง สำหรับช่วงกันดารในชีวิตข้างหน้า “ขอฟาโรห์ทรงทำดังนี้คือทรงจัดพนักงานไว้ทั่วแผ่นดิน และเก็บผลหนึ่งในห้าส่วนของดินแดนอียิปต์ไว้ตลอดเจ็ดปีที่อุดมสมบูรณ์นั้น ให้พวกเขาเก็บอาหารในปีที่อุดมสมบูรณ์เหล่านั้นซึ่งจะมาถึงไว้ และสะสมข้าวด้วยอำนาจของฟาโรห์ไว้เป็นอาหารในเมืองต่างๆ และ ให้พวกเขาเฝ้าดูแลไว้ อาหารนี้จะได้เป็นเสบียงสำรองให้แก่แผ่นดินระหว่างเจ็ดปี ที่กันดารอาหาร ซึ่งจะเกิดขึ้นในดินแดนอียิปต์ ดังนี้แผ่นดินจะไม่พินาศไปเพราะ การกันดารอาหาร”” ~ปฐมกาล 41:34-36 THSV11 พี่น้องที่รัก เราควรรู้จักหาเงิน ใช้เงิน และออมเงินอย่างฉลาดแต่เราต้องสัตย์ซื่อในการใช้เงินที่เราหา และเงินที่เราออมตามพระประสงค์ของพระเจ้า นั่นคือ ให้เราใช้ทรัพย์สมบัติชั่วคราวของเรานี้ ในการ1.แสดงความรักเมตตาต่อคนตกทุกข์ได้ยาก2.สร้างมิตรภาพช่วยคนให้รู้จักกับพระเจ้า(ผ่านการประกาศข่าวประเสริฐ)และได้รับความรอด “เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงทำตัวให้มีมิตรสหายด้วยเงินทองอธรรม เพื่อที่ว่าเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว เขาจะได้ต้อนรับท่านไว้ในที่อาศัยตลอดไป” ~ลูกา 16:9 THSV11 ““I tell you, use the worldly things you have now to make ‘friends' for later. Then, when those things are gone, you will be welcomed into a home that lasts forever.” ~Luke 16:9 ERV …เห็นด้วยไหมครับ? …………………………………ธงชัย ประดับชนานุรัตน์9มิถุนายน2025 (ตอน70 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน ออกจากพื้นที่ปลอดภัย Ep.1294 เราอาจเคยอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่าพื้นที่ปลอดภัย หรือSafe Zone เป็นพื้นที่ที่ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องเผชิญอะไรใหม่ ๆ ชีวิตก็ดูสงบดี แต่พื้นที่นั้นมักไม่ก่อให้เกิดการเติบโต หรือทำให้เห็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ไม่ชัดเจน'แล้วผู้เผยพระวจนะกาดพูดกับดาวิดว่า “ท่านอย่าอยู่ในที่กำบังเข้มแข็งนี้เลย จงเข้าไปในแผ่นดินยูดาห์เถิด” ดาวิดก็ไปและมาอยู่ในป่าเฮเรท ' 1 ซามูเอล 22:5 พระเจ้าใช้ผู้เผยพระวจนะกาดเรียกให้ดาวิดออกจากที่หลบภัย แม้จะเสี่ยงต่อชีวิต เพราะที่หลบซ่อนนั้นไม่ใช่ที่ที่พระเจ้าทรงต้องการให้เขาอยู่ตลอดไป พื้นที่แห่งความปลอดภัยอาจกลายเป็นพื้นที่แห่งความเฉื่อยชาและการหลีกเลี่ยงพระประสงค์ของพระเจ้า หากเราไม่ยอมก้าวออกไป เราจะไม่มีวันเห็นสิ่งใหม่ที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ และอาจพลาดโอกาสในการเป็นพรต่อผู้อื่น'แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า ' 2 โครินธ์ 12:9 บางครั้งการเชื่อฟัง คือการออกจากที่ที่ดูปลอดภัย เพื่อเข้าไปสู่ที่ที่พระเจ้าทรงทำสิ่งยิ่งใหญ่ พระเจ้าไม่ได้เรียกเราให้อยู่ในที่ปลอดภัย แต่ทรงเรียกเราให้อยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้า บางครั้งพระเจ้าเรียกเราด้วยสถานการณ์ที่นำให้เรากลัว จนเราต้องยอมรับว่าเราผ่านไม่ได้เพื่อเราจะก้าวไปตามพระประสงค์ ด้วยการพึงพาความยิ่งใหญ่ ความสุดยอด และเมื่อสิ่งเหล่านั้นสำเร็จ เราจะรู้เลยว่าไม่ใช่เรา แต่เป็นพระเจ้าผู้สถิตอยู่ในเรา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่69) คำถามธรรมดา...ที่ทำพังทั้งชีวิต(3) “ผู้ที่ขยิบตาก็ก่อความยุ่งยาก แต่คนที่พูดโง่ๆ จะถึงความพินาศ” ~สุภาษิต 10:10 THSV11 “Deceit causes trouble, and foolish talk will bring you to ruin.” ~Proverbs 10:10 CEV อย่าให้ตาของเราขยิบหรือปากของเราขยับ แล้วนำความยุ่งยากมาให้แก่ผู้อื่น เพราะในบั้นปลายมันอาจนำความพินาศมาสู่ ตัวเขาและตัวเราเอง! พี่เบส ธีระวัฒน์ วิไลรัตน์ เขียนเรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า▪️พ่อคนหนึ่งกับความเงียบของลูกชาย โดยเล่าว่า “พ่อแก่แล้ว แต่ยังแข็งแรงอยู่บ้านเงียบ ๆ คนเดียวทำกับข้าวง่าย ๆ ทุกวันบางวันก็นั่งมองรูปเก่าของลูกชายด้วยรอยยิ้มเพื่อนบ้านถามขึ้นว่า“ลูกชายไม่มาเยี่ยมเลยเหรอ?”“ยุ่งอะไรนักหนา?”พ่อหัวเราะแห้ง ๆ แล้วตอบว่า“เขายุ่งกับงานน่ะครับ...”แต่หลังจากคืนนั้นเขานั่งอยู่ในครัวนานผิดปกติมองโทรศัพท์นิ่ง ๆเหมือนรอเสียงเรียกจากลูกที่ไม่ได้มาใจเขาเริ่มกระวนกระวายความเข้าใจ กลายเป็นความน้อยใจความสงบ กลายเป็นความเหงาจากรอยยิ้ม กลายเป็นรอยน้ำตา!ทั้งหมดเริ่มจาก...“คำถามที่เหมือนเป็นห่วง แต่รื้อความไว้ใจจนพัง”………………
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่68) คำถามธรรมดา...ที่ทำพังทั้งชีวิต(2) “แม้คนโง่หากนิ่งเสียก็นับว่ามีปัญญา เมื่อเขาปิดปากของตนก็นับว่ามีความคิด” ~สุภาษิต 17:28 THSV11 “Even fools are thought wise when they keep silent; with their mouths shut, they seem intelligent.” ~Proverbs 17:28 NLT▪️ภรรยาคนหนึ่ง เล่าเรื่องวันคลอดลูก เธอเล่าอย่างอบอุ่นว่า“วันนั้นสามีจับมือฉันไว้แน่นทั้งคืนไม่พูดมาก…แต่ไม่ยอมห่างแม้แต่นาทีเดียว”แล้วเพื่อนก็ถามขึ้นว่า:“แล้วเขาให้ของขวัญอะไรเธอบ้าง?”เธอชะงักเล็กน้อย“อืม...เขาไม่ได้ให้อะไรเลย”เพื่อนทำหน้าหงุดหงิดทันทีเสียงเริ่มแข็ง“อะไรนะ!? ไม่มีดอกไม้ ไม่มีของขวัญเลยเหรอ!?เขาเห็นเธอไม่มีค่าเหรอ?”คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจเธอเงียบไป หัวใจเริ่มหม่นดวงตาแดงวาบ น้ำเสียงในใจตะโกนว่า“ใช่เหรอ…ฉันไม่มีค่าจริงเหรอ?”เมื่อสามีกลับบ้านตอนเย็นเธอแทบไม่มองหน้าเขาไม่พูด ไม่ยิ้มสุดท้ายกลายเป็นทะเลาะรุนแรงที่สุดในชีวิตคู่และไม่กี่เดือนต่อมา...พวกเขา หย่ากันทั้งหมดเริ่มจาก...“คำถามที่เหมือนห่วง แต่ทำลายทั้งชีวิตรัก” พี่น้องที่รัก จงระวังคำถามที่ดูเหมือนห่วงใยของคุณที่คุณกล่าวกับใครบางคน เพราะว่ามันอาจทำลายชีวิตและครอบครัวของเขาก็เป็นได้ ดังนั้น จงเก็บความหวังดีของคุณที่มีต่อคนบางคนไว้ อย่าด่วนแสดงความคิดเห็นอะไรออกมาเกี่ยวกับ1).บุคคลใด2).คนในครอบครัวของเขา หรือ3).คริสตจักรของเขา ที่อาจทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว หรือ สะเทือนใจ เศร้าหมองจนถึงขั้นระแวงสงสัย อันอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสัมพันธภาพของคนในครอบครัวของพวกเขา เพราะว่า คำพูด เปรียบเหมือนเมล็ดพืช ที่ลงไปในดิน ซึ่งก็คือจิตใจของคนเรา และจากนั้นมันก็จะเป็นดุจต้นไม้ที่เติบใหญ่ขึ้น ถ้าเป็นคำพูดในเชิงบวก ก็จะส่งผลดีต่อผู้รับฟัง แต่ ถ้าเป็นคำพูดในแง่ลบ หรือ ไม่สร้างสรรค์ มันก็จะส่งผลเสียขึ้นมาบั่นทอนความคิดและจิตใจของผู้ฟังได้ และอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรม เพราะคำพูดโง่ๆของคนพูดที่บางทียังอาจหลงคิดอยู่เลยว่า ตัวเขาเองเป็นฉลาดที่หวังดี ก็เป็นได้! ดังนั้น จงปิดปาก และนิ่งเสีย เวลาที่คุณอยู่กับใครบางคน หรือ ท่ามกลางคนทั้งหลายจงจำไว้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องพยายามแสดงความฉลาดออกมาเพื่อให้คนยอมรับบางทีการนิ่งของคุณอาจทำให้คนอื่นสงสัยว่าคุณฉลาด หรือโง่? แต่ถ้าคุณพูด ถาม หรือ แนะนำอะไรออกมา โดยไม่ไตร่ตรอง …พวกเขาอาจหมดความสงสัยเลย ก็เป็นได้ นะครับ! ~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์7มิถุนายน2025 (ตอน68 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน มีหวังเสมอ Ep.1292 หากเราอยากเป็นคนที่พระเจ้าโปรดปราน เราต้องกลับมาถามตัวเองว่า พระเจ้าอยู่ส่วนไหนของชีวิต พระองค์เป็นเจ้าของทั้งหมดทุกส่วน ทุกพื้นที่ แม้กระทั่งความคิด จิตใจแลัความรู้สึกของเราหรือเปล่า 'นอกนั้นทุกคนที่มีความทุกข์ยาก และทุกคนที่มีหนี้สิน และทุกคนที่ไม่พอใจก็รวมกันมาหาท่าน และท่านก็เป็นหัวหน้าของพวกเขา มีคนมาอยู่กับท่านประมาณ 400 คน ' 1 ซามูเอล 22:2 สถานการณ์ความยากลำบากที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้นเป็นเครื่องพิสูจน์หรือเป็นบททดสอบว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิตของเราจริงหรือเปล่า แม้ดาวิดอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ ถูกตามล่าเอาชีวิต หนีๆๆ เขาหนีตลอดเวลา แต่เราเห็นตลอดเรื่องราวว่าดาวิดมีพระเจ้าเป็นที่พึ่ง ในขณะที่เขาเองยังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าจะหมดหวังแล้ว แต่ดาวิดยังมีความหวังในพระเจ้า ดาวิดจึงเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ คนที่มีความทุกข์ต่างๆ พระเจ้าได้นำคนแบบนั้นมาอยู่กับดาวิดถึง 400 คน 'จิตใจของข้าพเจ้าสงบคอยพระเจ้าเท่านั้น เพราะความหวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์ พระองค์เท่านั้นทรงเป็นศิลาและความรอดของข้าพเจ้า ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว ' สดุดี 62:5-6 เราอาจจะอยู่กับเจ็บปวด ความกลัว ความสับสน หรือการที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขอให้หัวใจของเรายึดพระเจ้าเป็นที่พึ่งและเป็นความหวัง เราเองจะสามารถมีความหวังได้และเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ ในขณะที่ดาวิดยังต้องหนีหัวซุกหัวซุน แต่ดาวิดก็ยังสามารถกลายเป็นมี่พึ่งของคนที่ไม่มีความหวังได้ เพราะดาวิดเป็นคนที่พึ่งพิงในพระเจ้า แม้ว่าคนอื่นๆจะหมเหวัง แต่ขอให้เราหวังใจในพระเจ้า และความหวังนั้นจะกลายเป็นแสงที่ชี้นำผู้อื่นให้เห็นว่าพระเจ้ายังทรงดูแลและไม่ทอดทิ้งใครเลย ขอให้เรายืนหยัดในความเชื่อแม้ในช่วงเวลายากลำบาก ดารเป็นแบบนั้นไม่ใช่้ฃเพื่อตัวเองจะรอด แต่การที่เรายังมีความหวังในพระเจ้านั้น เราเองจะยยังเป็นแหล่งความหวังสำหรับผู้อื่นที่ท้อใจ ที่กำลังอยู่ในบททดสอบเหล่านั้น และเราเองจะช่วยให้เขาผ่านไปได้ด้วย อย่าท้อใจกับบททดสอบที่พระเจ้ากำลังพาเราผ่าน เพราะตรงนั้นคือเวทีที่พระเจ้าใช้เปลี่ยนเราจากผู้หนีให้เป็นผู้นำ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่67) คำถามธรรมดา...ที่ทำพังทั้งชีวิต(1) “พูดมากคำย่อมทำบาปได้ แต่คนที่ยับยั้งปากของตนก็เป็นคนฉลาด” ~สุภาษิต 10:19 THSV11 “The more you talk, the more likely you are to sin. If you are wise, you will keep quiet.” ~Proverbs 10:19 GNT ผมได้อ่านข้อเขียนของ พี่เบส ธีระวัฒน์ วิไลรัตน์ แล้วสะทกสะท้อนใจ โดยเขาเขียนไว้ดังนี้ “วันก่อนผมได้ฟังเรื่องเล่า 3 เรื่องทุกเรื่องมีจุดเริ่มจาก “คำพูดเบา ๆ”แต่ผลลัพธ์… รุนแรงกว่าที่ใครจะคาดคิดและผมอยากให้คุณลองคิดตามทีละเรื่องครับ(โดยวันนี้ ขอเริ่มจากเรื่องที่หนึ่ง)---▪️ชายหนุ่มในร้านธรรมดา ๆ“เขาทำงานมา 2 ปีได้เงินเดือน 8,000 บาทแม้จะไม่มาก…แต่เขาก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายตื่นแต่เช้า รีดเสื้อเองทุกวันยืนขายของหน้าร้านไม่เคยบ่น แม้จะร้อนจนเหงื่อไหลเต็มหลังวันหนึ่ง เพื่อนเก่ามาเยี่ยมถามเขาว่า:“ยังอยู่ที่นี่เหรอ?”“ได้เงินเดือนเท่าไหร่?”— เขาตอบเบา ๆ “แปดพัน”ทันใดนั้น เพื่อนทำหน้าตกใจ…เบ้ปาก แล้วพูดเสียงดังแบบไม่คิด“เฮ้ยยย แปดพันเองเหรอ!?”“นายทนอยู่ได้ไง? เขาเอาเปรียบชัด ๆ”เสียงนั้นเหมือนค้อนทุบใจเขา…คืนนั้น เขานอนไม่หลับเขาเริ่มหายใจแรงขึ้น มือกำหมัดแน่นหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะคิดวนซ้ำ ๆ ว่า “หรือเรากำลังถูกเอาเปรียบจริง ๆ?”วันรุ่งขึ้น เขาเดินเข้าไปหานายจ้างสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยขอขึ้นเงินเดือนนายจ้างมองหน้าเขานิ่ง ๆ ก่อนพูดช้า ๆ ว่า“ตอนนี้ยังไม่พร้อมขึ้นให้ใคร”เขาหันหลังกลับ…ก้าวเดินออกจากร้านโดยไม่มีคำลาหัวใจเหมือนมีบางอย่างพังลง...และนั่นคือวันสุดท้ายที่เขามีงานทำทั้งหมดเริ่มจาก...“คำพูดที่ไม่มีเจตนาร้าย…แต่ทำลายทุกอย่าง” พี่น้องที่รักเมื่อคุณได้อ่านหรือได้ยิน เรื่องนี้ แล้วคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? ไม่ว่าคุณจะเจตนาดีสักเพียงใด หรือไม่ว่าคุณจะตั้งใจหรือไม่คำพูดเบาเบาของคุณ หรือคำพูดโดยไม่ทันคิดของคุณเพียงประโยคเดียว อาจสร้างความทุกข์ให้กับคนที่ได้ยินได้ฟัง อย่างเจ็บปวดยาวนานโดยไม่คาดคิด ดังนั้นหากไม่จำเป็นคุณจงหลีกเลี่ยง~การตั้งคำถาม~การแสดงความเห็น หรือ ~การแนะนำในสิ่งไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้หนึ่งผู้ใด เพื่อว่าตัวเขาจะไม่เก็บไปคิด และ ตัดสินใจทำบางสิ่งที่อาจสร้างความเสียหายแก่ตัวเขาหรือครอบครัว อย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และจะทำให้คุณทำบาปโดยไม่รู้ตัว! …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์6มิถุนายน2025 (ตอน67 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่66) ท่าทีของคริสเตียนต่อหวยและการจับสลาก “ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าใจของเราไม่ได้กล่าวโทษเรา เราก็มีความมั่นใจที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้า” ~1 ยอห์น 3:21 THSV11 “Dear friends, if our hearts do not condemn us, we have confidence before God” ~1 John 3:21 NIV ในชีวิตจริงของเรา มักมีเรื่องราวหลายประเด็นที่ทำให้เราต้องขบคิด และต้องตัดสินใจตอบสนอง! บางครั้ง ประเด็นที่เราถกเถียงกันนั้น กลับไม่ใช่ปัญหา แต่ ปัญหาที่แท้จริงกลับกลายเป็นการตอบสนองของเราต่อประเด็นเหล่านั้น เพราะบางครั้งวิถีการตอบสนองต่อประเด็นปัญหาที่อยู่ตรงหน้า กลับสร้างปัญหาที่หนักหนายิ่งกว่าตัวประเด็นที่เราถกเถียงกันอยู่ ในสมัยพระคัมภีร์ใหม่ ก็มีเรื่องให้เราต้องอภิปรายถึงท่าทีที่เราควรมีต่อประเด็นเหล่านั้นอย่างเช่นประเด็นเรื่องการรับประทานอาหารที่ไหว้เคารพ หรือ ประเด็นเรื่องการถือวันสะบาโต หรือประเด็นเรื่องการเข้าสุหนัต และอื่นๆ อาจารย์เปาโลต้องตอบคำถามในเรื่องเหล่านี้อยู่หลายครั้งหลายสถานการณ์และเราสามารถเรียนรู้หลักการ ที่ชัดเจน ในการตอบสนองต่อประเด็นต่างๆได้ มากพอสมควรจากคำแนะนำหรือคำตอบของอาจารย์เปาโลที่ให้ไว้ อาทิ“เหตุฉะนั้น1.ให้เรามุ่งประพฤติในสิ่งซึ่งทำให้เกิด 1).ความสงบสุขและ 2).ความเจริญแก่กันและกัน 2.อย่าทำลายสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเพราะเห็นแก่อาหารเลย 1). อาหารทุกอย่างปราศจากมลทินก็จริง 2).แต่การกินอาหารซึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นสะดุด ก็เป็นสิ่งไม่ดี 3).เป็นการดีที่จะ ก.ไม่กิน ก).เนื้อสัตว์ หรือ ข).เหล้าองุ่น หรือ ข.ไม่ทำสิ่งใดๆ ที่จะเป็นเหตุให้พี่น้องสะดุด3. จงให้ความเชื่อของท่านเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องระหว่างท่านกับพระเจ้า 1).ใครไม่มีเหตุติเตียนตัวเองในสิ่งที่ตนเห็นชอบแล้วนั้นก็เป็นสุข 2).แต่คนที่มีความสงสัยอยู่นั้น ถ้าเขากินก็มีความผิด เพราะเขาไม่ได้กินตามที่ตนเชื่อ 3).ทั้งนี้เพราะการกระทำใดๆ ที่ไม่ได้เกิดจากความเชื่อก็เป็นบาปทั้งสิ้น” ~โรม 14:19-23 THSV11 ดังนั้น ถ้าเราสงสัยว่า เราจะกิน จะดื่ม จะมีส่วนร่วมในพิธีกรรมใดๆ รวมถึงการเล่นหวย จับฉลากหรือจับสลากใดๆเหล่านั้น ได้หรือไม่? เราก็อย่าเพิ่งรีบทำสิ่งเหล่านั้น จนกว่าจะศึกษาเรียนรู้ให้ครบทุกด้าน จนเข้าใจว่า สิ่งที่เราจะทำ สอดคล้องกับคำสอนตามพระวจนะของพระเจ้า และจิตสำนึกผิดชอบตามมโนธรรมของเรา และคนอื่นๆหรือไม่ จากนั้น เราจึงตัดสินใจตอบสนองต่อประเด็นนั้น ในภายหลัง ว่าเราควรจะทำอะไร และอย่างไร โดยที่เราพร้อมจะรับผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างกล้าหาญ และไม่ฟ้องผิดให้เสียใจ ปกติ เราจะมีทางเลือกในการกระทำหรือไม่กระทำ ในทางเลือกต่อไปนี้1.ปฏิบัติ~ ถ้าเราพิจารณาแล้วไม่น่าจะมีปัญหาใดใด เราก็ทำได้เลยตามนั้น2.ปรับ~ ถ้าเราพิจารณาแล้วเห็นสมควรต้องปรับบางอย่าง ก็ให้ปรับก่อนที่เราจะลงมือทำ3.เปลี่ยน~ ถ้าเราพิจารณาแล้วเห็นสมควรเปลี่ยนบางสิ่ง ก็ให้เปลี่ยนสิ่งนั้นก่อนแล้วจึงค่อยทำ4.ปฏิเสธ~ ถ้าเราพิจารณาแล้วจิตสำนึกผิดชอบไม่เห็นด้วย ก็ให้เราปฏิเสธที่จะทำสิ่งนั้น ดังนั้น ก่อนที่เราจะทำสิ่งใดถ้าเกิดมีความรู้สึก “เอ๊ะ” หรือ “สงสัย”ขึ้นมา ก็ให้เรา1.หยุด และ2.คิดใคร่ครวญทางเลือกทั้งสี่ขั้นต้น และ3.รีบเคลียร์ความรู้สึกนั้นให้เรียบร้อยก่อนแล้วจึงค่อย4.ลงมือทำ … จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์75มิถุนายน2025 (ตอน65 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่65) คริสเตียนเล่นหวย หรือ จับสลากได้หรือไม่?“เขาทั้งหลายจึงจับฉลากกัน และฉลากนั้นได้แก่มัทธีอัส เขาจึงได้รับเลือกให้อยู่ในกลุ่มอัครทูตสิบเอ็ดคนนั้น” ~กิจการ 1:26 THSV11“Then they cast lots, and the lot fell to Matthias; so he was added to the eleven apostles.” ~Acts 1:26 NIVความหมายของคำว่า “หวย”คำว่า “หวย” มาจากภาษา จีนแต้จิ๋ว (花會) อ่านว่า ฮวยหวย หรือ ฮวยฮ่วยมีความหมายว่า “การเล่นเสี่ยงโชคที่จัดเป็นกลุ่ม”ต่อมาในภาษาไทย “หวย” หมายถึง:“การเสี่ยงทายตัวเลขเพื่อชิงรางวัล โดยมีการกำหนดผลไว้ล่วงหน้า เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล”หวย จึงเป็นรูปแบบหนึ่งของ การเสี่ยงโชค หรือ การพนัน โดยผู้เล่นจะ ซื้อหมายเลขหรือตัวเลือก แล้วรอการ “จับรางวัล” เพื่อดูว่าเลขที่ตนซื้อจะตรงกับเลขที่ออกหรือไม่ หากตรง ผู้เล่นจะได้รับเงินรางวัลตามที่กำหนดไว้เมื่อค้นดูว่าพระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องของการเล่นหวยไว้อย่างไรบ้าง?เราได้พบคำตอบว่าพระคัมภีร์ไม่กล่าวถึง “หวย” โดยตรงไม่มีคำว่า “หวย” หรือ “ล็อตเตอรี่” ในพระคัมภีร์(ฮีบรู/กรีก)แต่มีคำเกี่ยวข้อง เช่น “จับสลาก” “จับฉลาก” หรือ “โยนฉลาก” (casting lots) ซึ่งใช้ในบริบทแตกต่างกัน (ไม่ใช่เพื่อการพนัน)โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่ใช่ “เสี่ยงโชคเพื่อเงิน“ “และอาโรนจะถวายวัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของตนเอง และจะทำการลบมลทินบาปตนเองและครอบครัวของตน แล้วเขาจะนำแพะสองตัวนั้นไปถวายพระเจ้าที่ประตู เต็นท์นัดพบ และอาโรนจะจับฉลากแพะสองตัวนั้น ฉลากหนึ่งตกเป็นของพระเจ้า และอีกฉลากหนึ่งเพื่ออาซาเซล แพะตัวที่ฉลากตกเป็นของพระเจ้านั้น อาโรนจะถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป” ~เลวีนิติ 16:6-9 TH1971“แล้วโยชูวาก็จับฉลากให้เขาต่อพระพักตร์พระเจ้า โยชูวาก็ได้จัดแบ่งที่ดินให้แก่ประชาชนอิสราเอลที่นั่น ตามส่วนแบ่งของแต่ละเผ่า” ~โยชูวา 18:10 TH1971พระคัมภีร์เตือนเรื่อง “ความโลภ” และ “การแสวงหาทรัพย์แบบหวังรวยเร็ว”(รวมทั้งการเล่นหวย)“เพราะว่าการรักเงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด ความโลภเงินทองนี้ที่ทำให้บางคนหลงไปจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์มากมาย”~1 ทิโมธี 6:10 THSV11“ทรัพย์สมบัติที่ได้มาเร็วจะร่อยหรอหมดไป แต่คนที่เก็บเล็กผสมน้อยจะมีมากขึ้น”~สุภาษิต 13:11 THSV11 พระคัมภีร์เตือนเรื่อง “การลงทุนหรือการทำธุรกิจที่พึ่งพาโชค” แทนการพึ่งพระเจ้า“และทรัพย์สมบัตินั้นสูญเสียไปในธุรกิจที่ไม่ดี แม้เขาให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เขาก็ไม่มีอะไรติดมือ” ~ปัญญาจารย์ 5:14 THSV11การเล่นหวยเป็นการ “หวังพึ่งโอกาส” พึ่งโชค มากกว่าพึ่งพระเจ้า และสติปัญญาและความสามารถของตนเองพระคัมภีร์เตือนให้เราเป็นคนต้นเรือน หรือ ผู้ดูแลที่ดีที่มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่“ส่วนพวกที่มั่งคั่งในชีวิตนี้ จงกำชับพวกเขาไม่ให้เย่อหยิ่งหรือมุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่ยั่งยืน แต่ให้มุ่งหวังในพระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งแก่เราอย่างบริบูรณ์ เพื่อให้เราได้ชื่นชม จงกำชับพวกเขาให้ทำการดี ให้ทำการดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปัน”~1 ทิโมธี 6:17-18 THSV11“ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนเช่นนี้คือเป็นเหมือนคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้รับมอบฉันทะให้ดูแลสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้รับมอบฉันทะย่อมได้รับการคาดหวังว่าต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้”~1 โครินธ์ 4:1-2 THSV11พี่น้องที่รักเงินทองเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้เราดูแล เราจึงควรใช้มันด้วยสติปัญญาสัตย์ซื่อ ด้วยความขยัน ไม่ใช่ใช้ไปกับการเสี่ยงโชค มุ่งหาการรวยเร็วอย่างการเล่นหวย ที่ไม่มีผลผลิตจริงๆแต่บางครั้ง พระเจ้าก็อาจใช้ การจับฉลาก ที่ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เพื่อช่วยให้เราเข้าใจและทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าในบางเรื่องก็เป็นได้…จริงไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์74มิถุนายน2025 (ตอน65 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำขีวิตตอน ตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้า Ep.1290 ขอพระเจ้าเมตตานำให้เรายังเข้าใกล้พระเจ้าที่ความเชื่อและความวางใจในพระเจ้าจะเป็นกำลังใจและพร้อมสร้างความหวังให้เราเสมอ แม้ว่าเราจะยังไม่ผ่านเรื่องราวแห่งความลำบากนั้นๆ ดาวิดยังต้องหนีตอนนี้หนีออกนอกประเทศเลย แต่ก็ไปเจอตออีกแล้ว จากความที่ดาวิดเองเป็นนักรบผู้กล้าที่พระเจ้าอวยพรให้ประสบความสำเร็จ แต่พระพรนั้นกำลังนำเรื่องราวที่ไม่เข้าใจมาในหลายด้าน'ดาวิดจำถ้อยคำเหล่านี้ไว้ในใจ และหวาดกลัวกษัตริย์อาคีชแห่งกัทยิ่งนัก จึงแกล้งทำเป็นเสียสติต่อหน้าพวกเขา เอามือขีดข่วนประตู ปล่อยน้ำลายไหลยืดลงมาเลอะหนวดเครา ' 1ซามูเอล 21:12-13 TNCV แม้จะต้องแกล้งทำเป็นคนบ้าเพื่อเอาชีวิตรอด ดาวิดยังคงมีความหวังและยังมีบทเพลงคำอธิษฐานสรรเสริญในช่วงเวลาแบบนั้น ซึ่งเนื้อหาของเพลงถูกบันทึกไว้ใน สดุดี 34 ในเนื้อเพลงทำให้ผมรู้เลยว่าทำไมพระเจ้าโปรดปรานดาวิดมาก เพราะทัศนคติของเขาที่มีกับพระเจ้านั้นมันสุดยอดจริงๆ เขายอมรับว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าสูงสุด ซึ่งพระองค์เป็นเจ้าของชีวิตของเขา 'ข้าพเจ้าจะถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ตลอดไป คำสรรเสริญพระองค์อยู่ที่ปากข้าพเจ้าเสมอ จิตใจข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์ ให้ผู้ทุกข์ใจได้ฟังและยินดี ' สดุดี 34:1-2'เมื่อคนชอบธรรมร้องทูล พระยาห์เวห์ทรงสดับ และทรงช่วยกู้เขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง ' สดุดี 34:17-18 ผมเชื่อว่าเราอยากเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า แต่คำถามคือทัศนคติที่เรามีต่อพระเจ้าเป็นอย่างไร ยิ่งเรามีปัญหาเท่าไร การตอบสนองต่อนั้นจะยิ่งบอกว่าเรามองพระเจ้าอย่างไร พระธรรม 1 เปโตรได้บอกว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะเจอกับความทุกข์ เพราะมันคือบททดสอบว่าเราเป็นของจริงไหม ดังนั้นให้เราชื่นชมยินดีในพระเจ้า เพราะเราได้รับความหวังที่ไม่มีวันเสื่อมสลายจากการบังเกิดใหม่ จากฐานะใหม่ที่เราได้รับการเป็นลูกของพระเจ้าจึงมีส่วนในมรดกที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้เราแล้ว วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่64) ความสว่างของโลก!“เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างคนของความสว่าง” ~เอเฟซัส 5:8 THSV11“For you were once darkness, but now you are light in the Lord. Live as children of light” ~Ephesians 5:8 NIVพระคัมภีร์สอนเรื่อง การเป็นความสว่างของโลก ไว้อย่างไรบ้าง?พระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก“พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า“เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”” ~ยอห์น 8:12 THSV11ผู้เชื่อทุกคนเป็นความสว่างของโลกด้วยเช่นกัน“ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลกนครซึ่งอยู่บนภูเขาจะถูกปิดบังไว้ไม่ได้” ~มัทธิว 5:14 THSV11เราต้องส่องสว่างต่อโลก ผ่านทางความดีที่เรากระทำ“ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวงเพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่าน ทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์” ~มัทธิว 5:16 THSV11เราต้องดำเนินชีวิตในความสว่างเหมือนพระเจ้าสถิตในความสว่าง “แต่ถ้าเราเดินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง เราก็มีสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น”~1 ยอห์น 1:7 THSV11เราต้องดำเนินชีวิตที่สำแดงผลของความสว่างออกมาให้ประจักษ์ เป็น1). ความดี 2).ความชอบธรรม และ3).ความจริง “(เพราะว่าผลของความสว่างคือทุกอย่างที่เป็นความดี ความชอบธรรม และความจริง)จงค้นดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่ามีส่วนในกิจการของความมืดที่ไร้ผล แต่จงเปิดเผยกิจการนั้นให้ปรากฏดีกว่า เพราะว่าแม้แต่จะพูดถึงสิ่งเหล่านั้นที่พวกเขาทำอย่างลับๆ ก็ยังเป็นเรื่องน่าละอาย แต่ทุกๆ สิ่งที่ได้รับการเปิดเผยโดยความสว่างก็ปรากฏให้เห็น เพราะว่าทุกๆ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็เป็นความสว่าง ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่า คนที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้น และจงเป็นขึ้นจากตาย แล้วพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน” ~เอเฟซัส 5:9-14 THSV11เราต้องดำเนินชีวิตในความสว่างที่ ในตัวเราไม่มีอะไรเป็นต้นเหตุให้คนอื่นสะดุด “ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง และในตัวเขานั้นไม่มีอะไรทำให้สะดุด”~1 ยอห์น 2:10 THSV11เราต้องไม่พูดว่าตัวเราเองอยู่ในความสว่าง ในขณะที่ยังเกลียดชังพี่น้องของตนอยู่“ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง ขณะที่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด” ~1 ยอห์น 2:9 THSV11เราต้องระวัง อย่าให้ความสว่างในตัวของเรามืดมัวลง“ระวังให้ดี อย่าให้ความสว่างที่อยู่ในตัวท่านกลายเป็นความมืด” ~ลูกา 11:35 THSV11“ตาเป็นประทีปของร่างกาย เพราะฉะนั้นถ้าตาของท่านปกติ |ทั้งตัวของท่านก็พลอยสว่างไปด้วย แต่ถ้าตาของท่านผิดปกติ ทั้งตัวของท่านก็พลอยมืดไปด้วย เพราะฉะนั้นถ้าความสว่างซึ่งอยู่ในตัวท่านมืดไป ความมืดนั้นจะหนาทึบสักเพียงใดหนอ” ~มัทธิว 6:22-23 THSV11 9.เราต้องขอให้พระเจ้าช่วยทำให้ใจของเราและคนอื่นๆสว่างเพื่อจะเข้าใจพระคัมภีร์“แล้วพระองค์ทรงช่วยให้ใจของพวกเขาสว่างเพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์” ~ลูกา 24:45 THSV1110.เราต้องเป็นลูกของความสว่างที่รู้จักใช้ความฉลาดให้มากกว่าคนทั่วไป“แล้วเศรษฐีก็ชมพ่อบ้านอสัตย์นั้น เพราะเขาทำด้วยความฉลาดเพราะว่าลูกของยุคนี้รู้จักใช้ความฉลาดกับคนในสมัยของพวกเขามากกว่าลูกของความสว่าง” ~ลูกา 16:8 THSV11สรุปเราทุกคนที่เชื่อศรัทธาในพระเยคริสต์ ได้กลายเป็นความสว่างของพระเจ้าแล้วเราต้องช่วยให้คนอื่นๆได้เห็นความสว่าง และเข้ามาในความสว่างนี้ด้วยเช่นกันและพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงใช้พระวจนะของพระเจ้าและผู้รับใช้พระเจ้าที่เข้าใจพระคัมภีร์อย่างถูกต้อง ช่วยอธิบายให้ความสว่างและความเข้าใจแก่ทุกคน“การอธิบายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง ทั้งให้ความเข้าใจแก่คนรู้น้อย”~สดุดี 119:130 THSV11“The unfolding of your words gives light; it gives understanding to the simple.” ~Psalms 119:130 NIVพี่น้องที่รัก วันนี้ คุณเป็นความสว่างของพระเจ้าสำหรับโลกนี้อย่างที่พระองค์ทรงประสงค์…แล้วหรือยัง?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์73มิถุนายน2025 (ตอน64 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน สัญญาต้องเป็นสัญญา Ep.1288 ความซื่อตรงเป็นหนึ่งในพระลักษณะของพระเจ้าที่เราทุกคนได้รับการเปลี่ยนแปลงให้มีแล้ว พวกเราต้องพยายามพัฒนาความเป็นคนซื่อตรงต่อคำพูด คำสัญญาให้ได้ แต่เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายที่เราจะยอมลำบากเพื่อที่จะรักษาสัญญาที่เราให้กับใครสักคน เรื่องราววันนี้ทำให้เราเห็นถึงความพยายามในการรักษาสัญญาของโยนาธานที่ให้กับดาวิด เมื่อดาวิดจริงใจเปิดเผยความรู้สึกแล้ว โยนาธานให้คำสัญญาว่าจะไปเปิดเผยความจริงทั้งหมดให้ดาวิดรู้ว่าว่าเขาจะปลอดภัยหรือเปล่า ตัดกลับมาในมื้ออาหารที่นัางว่างของดาวิดก็ว่างอยู่แต่ซาอูลก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่วันที่ 2 ที่นั่งก็ยังว่างอยู่ ซาอูลจึงเริ่มถามว่าโยนาธานว่าดาวิดไปไหน คำตอบของโยนาธานทำให้ซาอูลโกรธจัด จึงต่อว่าโยนาธานอย่างรุนแรง โยนาธานจึงถามกลับว่าทำไมพ่อถึงจะต้องอยากกำจัดดาวิด ซาอูลโกรธจนจัดเอาหอกปาใส่เขาเพื่อหวังจะจัดการโยนาธาน ตอนนี้โยนาธานมั่นใจว่าซาอูลต้องการจะจัดการดาวิดแน่ จึงออกไปเพื่อแจ้งข่าวกับดาวิด โดยทำตามสิ่งที่ตกลงไว้กับดาวิด'โยนาธานจึงตรัสกับดาวิดว่า “จงไปโดยสวัสดิภาพเถิด เพราะเราทั้งสองได้ปฏิญาณไว้แล้วในพระนามแห่งพระยาห์เวห์ว่า ‘พระยาห์เวห์จะทรงเป็นพยานระหว่างฉันกับท่าน และระหว่างพงศ์พันธุ์ของฉันกับพงศ์พันธุ์ของท่านสืบไปเป็นนิตย์' ” ดาวิดก็ลุกขึ้นจากไป และโยนาธานก็ทรงเข้าไปในเมือง' 1 ซามูเอล 20:42 สำหรับโยนาธานแล้วไม่ง่ายเลยที่จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อน เกือบตายเลย ขอให้เราจะรักษาสัญญาที่เราให้ไว้เสมอ แต่ให้เราเริ่มต้นจากการฝึกที่เราจะระวังคำพูดของเราไม่ว่าจะพูดอะไรออกมา สัญญาอะไรออกมาขอให้เรารักษามันให้ได้ ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็ตาม'ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าสาบานเลย ไม่ว่าจะทำโดยอ้างถึงสวรรค์ เพราะสวรรค์เป็นที่ประทับของพระเจ้า หรืออ้างถึงแผ่นดินโลก เพราะแผ่นดินโลกเป็นที่รองพระบาทของพระเจ้า หรืออ้างถึงกรุงเยรูซาเล็ม เพราะกรุงเยรูซาเล็มเป็นราชธานีของพระมหากษัตริย์ อย่าสาบานโดยอ้างถึงศีรษะของตน เพราะท่านจะทำให้ผมขาว หรือดำไปสักเส้นหนึ่งก็ไม่ได้ จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ คำพูดที่เกินกว่านี้มาจากความชั่ว (มารร้าย) ' มัทธิว 5:34-37 คำสาบานหรือคำสัญญาเป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน พระเยซูสอนเราในเรื่องนี้ว่าให้เราระมัดระวัง เพราะตัวเราเองจะต้องรักษาสิ่งที่เราพูดออกไป ก่อนที่เราจะพูดออกไปคำพูดนั้น เราเป็นนายของมัน แต่เมื่อเราพูดออกไปแล้ว มันกลับเป็นนายเราทันที เพราะทุกสิ่งทุกสิ่งที่เราพูดนั้นเราต้องรับผิดชอบให้ได้ เพื่อยืนยันว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า เพราะลูกต้องเหมือนพ่อ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่63) มาซื่อสัตย์เหมือนพระเจ้ากันดีกว่า! “ถ้าเราไม่มีความสัตย์จริง พระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความสัตย์จริง เพราะพระองค์จะไม่ทรงเป็นพระองค์เองไม่ได้” ~2 ทิโมธี 2:13 THSV11 “If we are not faithful, he remains faithful, because he cannot be false to himself.”” ~2 Timothy 2:13 GNT พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความสัตย์จริง และพระองค์สัตย์ซื่อต่อพระสัญญาของพระองค์เสมอมา! ความไม่ซื่อสัตย์ของเรา ไม่ได้ทำให้ความซื่อสัตย์ของพระเจ้าต่อเราต้องลดลงหรือเสียไป เพราะพระเจ้ายังทรงสัตย์ซื่อเสมอไปไม่เสื่อมคลาย! พระคัมภีร์บอกเราว่า พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อทรงปรารถนาให้เรามีสัมพันธ์สนิทกับพระองค์ “พระเจ้าทรงเป็นผู้ซื่อสัตย์ พระองค์ทรงเรียกพวกท่านให้สัมพันธ์สนิทกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” ~1 โครินธ์ 1:9 THSV11 “God is faithful, who has called you into fellowship with his Son, Jesus Christ our Lord.” ~1 Corinthians 1:9 NIV พระคัมภีร์ยังบอกเราอีกว่า พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อจะทรงปกป้องและเสริมกำลังเรา ถ้าเราติดสนิทกับพระองค์ “…องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ จะ ทรงเสริมกำลังของท่าน และ ทรงป้องกันท่านไว้ให้พ้นจากมารร้าย” ~2 เธสะโลนิกา 3:3 THSV11 “But the Lord is faithful, and he will strengthen you and keep you safe from the Evil One.” ~2 Thessalonians 3:3 GNT ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำก็คือ เราควรจะมุ่งมั่นที่จะเป็นคนซื่อสัตย์ทั้ง 1.ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าและ 2.ต่อหน้าคนทั้งปวง เหมือนดังที่อาจารย์เปาโลกล่าวว่า “เพราะเรามุ่งจะเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่เฉพาะในสายพระเนตรองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่ในสายตาของคนทั้งหลายด้วย” ~2 โครินธ์ 8:21 THSV11 “We are trying to do what is right. We want to do what the Lord accepts as right and also what people think is right.” ~2 Corinthians 8:21 ERV … เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์72มิถุนายน2025 (ตอน63 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่62)คน EQ ต่ำ(ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้!)“บุคคลผู้โกรธช้าก็ดีกว่าคนมีกำลังมาก และบุคคลผู้ปกครองจิตใจตนเองก็ดีกว่าผู้ที่ตีเมืองได้” ~สุภาษิต 16:32 THSV11“Controlling your temper is better than being a hero who captures a city.” ~Proverbs 16:32 CEV“EQ” (Emotional quotient) หมายถึง “ความฉลาดทางอารมณ์” EQ คือ“ความสามารถในการรับรู้ ควบคุม และจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้อย่างชาญฉลาดและเหมาะสมกับสถานการณ์”มีผู้ส่งบทความเกี่ยวกับเรื่อง EQ ต่อไปนี้มาให้ผมพี่น้องลองอ่านหรือฟังดู แล้วตอบหน่อยว่าคุณเห็นด้วยหรือไม่ ที่เขากล่าวว่าคนที่มี ”อีคิว“(EQ)ต่ำ มักจะมีลักษณะนิสัย ดังนี้ ชอบอารมณ์เสียใส่คนอื่น ทั้งๆที่คนอื่นพูดดีๆด้วย เหมือนพึ่งทะเลาะกับผัวหรือกับเมียที่บ้านมา โทษคนอื่นไว้ก่อน คิดว่าตัวเองไม่เคยผิด แต่คนอื่นต่างหากที่ผิดไม่รักษาน้ำใจหรือความรู้สึกของผู้อื่น มักพูดโดยไม่แคร์ว่าคนอื่นจะเสียใจหรือไม่?ไม่ชอบใครที่มาขัดใจ ถ้าใครไม่เห็นด้วยกับตัวเอง ก็จะมองว่าผิดหมดโกรธง่าย แม้แต่กับเรื่องเล็กๆ ก็โมโหทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตได้ด่วนพูด แต่มักพูดโดยไม่คิด นึกอะไรได้ ก็พูดๆ เอาไว้ก่อน ชอบพูดมากกว่าฟัง ไม่เคยเป็นผู้ฟังที่ดี และมักจะชอบพูดแทรกไม่รู้จักคำว่า ถ้อยทีถ้อยอาศัย แทบจะอะลุ้มอล่วยให้กับอะไรไม่ได้เลย ไม่เก็บอารมณ์ หากไม่พอใจอะไร ก็จะแสดงออกมาหมดไม่ชอบพูดคำว่า ขอโทษ และไม่ว่าตัวเองจะผิดอะไร แต่ก็มักจะเรียกร้องให้คนอื่นเป็นฝ่ายขอโทษก่อนเสมอพี่น้องที่รัก คุณเป็นคนที่เข้าข่าย คนที่EQต่ำ หรือเปล่า?จะเป็นการดีหรือไม่ หากว่าคุณรู้จักใช้การบังคับตนเอง อันเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในการควบคุมอีคิว ของตัวคุณ ดังที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า“ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย” ~กาลาเทีย 5:22-23 THSV11ดังนั้น นับจากนี้ไป ขอให้คุณ จะไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ และสามารถ ปกครองหรือควบคุม อีคิวของตัวคุณเองได้…จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์71มิถุนายน2025 (ตอน62ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่61) นิมิตของพระเจ้าสำคัญกว่านิมิตของข้าพเจ้า “เมื่อท่านเห็นนิมิตนั้นแล้ว เราจึงหาโอกาสไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที เพราะแน่ใจว่าพระเจ้าทรงเรียกเราไปประกาศข่าวประเสริฐกับชาวแคว้นนั้น” ~กิจการ 16:10 THSV11 “After Paul had seen the vision, we got ready at once to leave for Macedonia, concluding that God had called us to preach the gospel to them.” ~Acts 16:10 NIV หมอลูกา เล่าเรื่องไว้เรื่องหนึ่งว่า 1.พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงไม่ให้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าในแคว้นเอเชีย 2.พวกเปาโลจึงไปทั่วแว่นแคว้นฟรีเจียกับกาลาเทีย 1).เมื่อมาถึงเขตแดนแคว้นมิเซียแล้ว 2). ก็พยายามจะเข้าไปยังแว่นแคว้นบิธีเนีย แต่3.พระวิญญาณของพระเยซูไม่โปรดให้ไป 4.พวกท่านเดินทางผ่านแคว้นมิเซียมายังเมืองโตรอัส ในเวลากลางคืน 5.เปาโลได้รับนิมิตเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอ้อนวอนว่า “ขอมาช่วยเราในแคว้นมาซิโดเนียด้วย” 6.ท่านเห็นนิมิตนั้นแล้ว 7.เราจึงหาโอกาสไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที เพราะแน่ใจว่าพระเจ้าทรงเรียกเราไปประกาศข่าวประเสริฐกับชาวแคว้นนั้น ~กิจการ 16:6-10 THSV11 เหตุการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับนิมิตที่พระเจ้าใช้อย่างมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน คำถามคือ ปกติพระเจ้าทรงใช้นิมิตเพื่ออะไรบ้าง?1.พระเจ้าทรงใช้นิมิตเพื่อสื่อสารกับมนุษย์ นิมิตอาจมาถึงมนุษย์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อบอก หรือ ช่วยให้พวกเขาเข้าใจในพระประสงค์และแผนการของพระเจ้า เช่น นิมิตที่มาถึงโยเซฟทางความฝัน ทั้งในพันธสัญญาเดิมและใหม่2. พระเจ้าทรงใช้นิมิตเพื่อเรียกใครบางคนให้มาทำภารกิจของพระองค์ นิมิตอาจมาถึงใครบางคนเพื่อรับมอบหมายภารกิจหรือพันธกิจจากพระเจ้า อย่างเช่น นิมิตที่มาถึงโมเสสที่พุ่มไม้ติดไฟแต่ไม่ลุกไหม้ เพื่อใช้เขาให้ไปนำคนอิสราเอล ออกมาจากอียิปต์3.พระเจ้าทรงใช้นิมิตเพื่อเป็นเครื่องมือเสริมสร้างความเชื่อและกำลังใจให้แก่เรา นิมิตจากพระเจ้ามักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรายากลำบาก เพื่อหนุนใจและยืนยันกับเรา ว่าพระเจ้าทรงอยู่กับผู้เชื่อเสมอ อย่างเช่น นิมิตที่มาถึงเปาโลในขณะที่เผชิญการต่อต้านข่มเหง4.พระเจ้าทรงใช้นิมิตเพื่อเตือนให้กลับใจและเปิดเผยอนาคตให้เรารับรู้ นิมิตอาจถูกใช้เพื่อเตือนถึงภัยพิบัติ หรือเผยถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้มนุษย์กลับใจ เช่น นิมิตของดาเนียล หรือวิวรณ์ของยอห์นในพันธสัญญาใหม่5.พระเจ้าทรงใช้นิมิตเพื่อบ่งบอกหรือยืนยันน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับเราอย่างเจาะจง นิมิตบางครั้งอาจใช้ยืนยันสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า เพื่อบอกให้บุคคลหนึ่งทราบว่า ควรจะไปทำอะไรที่ไหน เช่น นิมิตเพื่อบอกให้เปาโลไปประกาศกับชาวมาซิโดเนีย แทนที่จะไปหาชาวเอเชียอย่างที่เขาตั้งใจ6.พระเจ้าทรงใช้นิมิตเพื่อสำแดงพระองค์เองให้มนุษย์รู้จัก นิมิตอาจถูกใช้ให้เราทราบถึงธรรมลักษณะของพระเจ้าในด้านต่างๆ เช่น นิมิตที่เปิดเผยให้อิสยาห์เห็นถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าในพระวิหาร และสำนึกในความไม่สะอาดเพราะบาปของตัวเขาเอง7.พระเจ้าทรงใช้นิมิตเพื่อเปิดเผยพระประสงค์โดยรวมที่ใหญ่และสำคัญกว่านิมิตย่อยๆของเราแต่ละคน นิมิตใหม่ที่มาภายหลัง ซึ่งสำคัญต่อแผ่นดินของพระเจ้าโดยส่วนรวม จะต้องมาก่อนนิมิตเก่าที่เราเคยได้รับจากของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นส่วนบุคคลหรือส่วนของคริสตจักรหรือองค์กรของเราในอดีตหรือในปัจจุบันสรุป เมื่อพระเจ้าทรงสำแดงพระประสงค์ของพระองค์ ผ่านทางนิมิตที่มาถึงเราก็ให้เราถือว่านิมิตของพระเจ้านั้น มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตและการรับใช้ในชีวิตของเรามากยิ่งกว่าอุดมการณ์ ความฝัน เป้าหมาย หรือแผนการใดๆของเรา แม้ว่าเราจะมีนิมิตหรือเป้าหมายใดๆที่เราคิดว่าดี และเราชอบ และประสงค์ที่จะทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อพระเจ้า แต่หากว่า พระเจ้าทรงใช้นิมิตสำแดงพระประสงค์ของพระองค์ว่าต้องการให้เราทำอะไรอย่างชัดเจนก็ให้เราทำตามนิมิตของพระเจ้านั้น ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม เพราะว่าเรามั่นใจว่าพระเจ้าทรงทราบว่าอะไรดีที่สุดในบั้นปลาย หรือที่เรียกว่า“God knows best!” อย่างไรก็ตาม มีข้อที่เราควรระวังไว้ว่า “ไม่ใช่ทุกนิมิตจะมาจากพระเจ้า!” เราจึงต้อง 1.มีการพิจารณา วิเคราะห์ และเปรียบเทียบกับหลักคำสอนที่ถูกต้องในพระคัมภีร์ 2.ชันสูตร และยืนยัน ด้วยสติปัญญา การอธิษฐาน และการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มี วิจารณญาณฝ่ายจิตวิญญาณให้รอบคอบเสมอ ก่อนที่เราจะเชื่อ และลงมือทำตาม! …เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์731พฤษภาคม2025 (ตอน61 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า# กปจ.สัญจรภาคใต้ 30~31พ.ค.2025
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่60)ผู้ที่เหมือนเดิมตลอดไป!“พระเยซูคริสต์ทรงเหมือนเดิมทั้งวานนี้ และวันนี้ และตลอดไปเป็นนิตย์” ~ฮีบรู 13:8 THSV11“Jesus Christ is the same yesterday, today, and forever.” ~Hebrews 13:8 GWในพระคัมภีร์ ฮีบรู 13:8 นี้ สอนเราว่าพระเยซูคริสต์ทรงเหมือนเดิมเช่นเดียวกันกับพระเจ้าทรงเป็นคือ ทรงมีพระลักษณะดีล้ำเลิศที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย — ใน1).อดีต (วานนี้)2).ปัจจุบัน (วันนี้), และ3).อนาคต (ตลอดไปเป็นนิตย์) - ซึ่งมีแต่พระเจ้าเท่านั้น ที่มีพระลักษณะเช่นนั้น ดังนั้นพระคัมภีร์กำลังบอกเราว่าฐานะที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ก็คือ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวกันกับพระบิดาพระองค์ไม่ทรงแปรเปลี่ยนไปกับก.กาลเวลา ข.สถานการณ์ หรือค.การเปลี่ยนแปลงของโลกเหมือนดังที่พระคัมภีร์ บันทึกไว้ว่า“ในกาลก่อนพระองค์ทรงวางรากฐานของแผ่นดินโลก และฟ้าสวรรค์เป็นผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์จะทรงดำรงอยู่สิ่งเหล่านี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม พระองค์ทรงเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เหมือนเสื้อผ้า แล้วมันก็สิ้นไป แต่พระองค์ทรงเหมือนเดิม และปีเดือนของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด” ~สดุดี 102:25-27 THSV11พระเยซูคริสต์ทรงเป็นความมั่นคงและความน่าเชื่อถือสำหรับเราผู้เชื่อศรัทธาตลอดไปคือพระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับพระเจ้าพระบิดา อีกทััง พระคุณ ความรักเมตตา และการทรงนำของพระองค์ก็จะยังคงเหมือนเดิมอยู่เสมอผู้เชื่อจึงสามารถวางใจและพึ่งพาพึ่งพิงพระองค์ได้ตลอดไปพระเยซูคริสต์ตรัสว่า“อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้าจงวางใจในเราด้วย” ~ยอห์น 14:1 THSV11พระเยซูคริสต์ทรงชูใจให้แก่เราผู้เชื่อพระองค์ในยามยากลำบากคือ ผู้เชื่อที่กำลังเผชิญความยากลำบากหรือการเปลี่ยนแปลงอยู่ในทุกช่วงเวลาของชีวิต ซึ่งมักต้องการกำลังใจ พระธรรมข้อนี้จึงเป็นข้อเตือนใจเราว่าพระเยซูทรงอยู่ด้วยกับเรา จะไม่ทรงทอดทิ้งเรา จะชูใจเรา และจะทรงอยู่กับเราตลอดนิรันดร์ จึงทำให้เรากล้าหาญและไม่กลัวอุปสรรคปัญหาใดๆ เหมือนดังที่อาจารย์เปาโลกล่าวว่า“ขอให้องค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้าพระบิดาของเราผู้ทรงรักเราและประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์ และความหวังอันดีโดยพระคุณทรงชูใจและทรงเสริมท่านให้มั่นคง ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง”~2 เธสะโลนิกา 2:16 ~17THSV11สรุปพระเยซูคือพระเจ้าผู้ไม่เปลี่ยนแปลงและเป็นสด็จมาเป็นมนุษย์เพื่อช่วยคนทั้งปวงให้ได้รับความรอดมีคำกล่าวว่า“พระเยซูคริสต์คือพระเจ้าในรูปลักษณ์ของมนุษย์ ทรงเสด็จมาเพื่อให้เรารู้จักพระเจ้าได้อย่างแท้จริง”— วิลเลียม บาร์เคลย์(Jesus Christ is God in the form of man. He came to make Godknown in a way we could understand.)— William Barclayในเมื่อพระเยซูคริสต์คือพระเจ้าผู้ทรงเหมือนเดิมตลอดมาและตลอดไปพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลงพระสัญญาของพระองค์ก็ไม่เปลี่ยนแปลงความรักเมตตาของพระองค์ก็มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงเราก็ควรเชื่อศรัทธาในพระองค์ มีความสุขความยินดี และกล้าหาญในการติดตามพระองค์ด้วยใจมั่นคง และพร้อมที่จะดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อฟัง อย่างสัตย์ซื่อภักดีและไว้วางใจในพระองค์เสมอไปจนถึงวันตาย!…จะอาเมนเห็นด้วยแบบดังๆ ได้ไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์730พฤษภาคม2025 (ตอน60 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง Ep.1285 ดาวิดเป็นตัวอย่างของมนุษย์ที่พระเจ้าโปรดปราน หลังจากเขาเอาชนะความกลัว ความทุกข์ใจนั้นด้วยการใช้เวลากับพระเจ้า กับพระวจนะและการอธิษฐานคร่ำครวญเป็นบทเพลงแล้ว ดาวิดก็เดินทางไปหาที่ปรึกษาที่พร้อมจะรับฟังเขา'ดาวิดก็หนีรอดไป เขามาหาซามูเอลที่เมืองรามาห์ และเล่าทุกสิ่งที่ซาอูลได้ทรงทำต่อเขาให้ซามูเอลฟัง เขาและซามูเอลก็ไปอยู่ที่นาโยท ' 1 ซามูเอล 19:18 ดาวิดไม่ได้เก็บความทุกข์ไว้คนเดียว เขาเล่าทุกสิ่งที่พบเจอให้ซามูเอลฟัง และซามูเอลก็นำเขาเข้าไปในบรรยากาศของการนมัสการและการฟังพระวจนะ แน่นอนพระเจ้าทรงเป็นผู้แรกที่เราจะต้องปรึกษา ให้เราขอกับพระเจ้าที่จะประทานสติปัญญาให้เราผ่านเรื่องราวเหล่านั้นไปได้ บางทีการได้ระบายความในใจให้ใครสักคนฟังก็เป็นเรื่องที่มนุษย์อย่างเราต้องการ ขอพระเจ้านำให้เราพบกับคนของพระเจ้าที่จะช่วยเรา นำเราข้าไปในบรรยากาศของการนมัสการและการฟังพระวจนะของพระเจ้า'จงฟังคำแนะนำและรับคำสั่งสอน เพื่อเจ้าจะได้ปัญญาในภายหลัง ' สุภาษิต 19:20 การมีที่ปรึกษาที่ฟังเสียงพระเจ้าช่วยให้เรามองเห็นทางของพระเจ้า ขอให้เราอย่าแบกความทุกข์ไว้คนเดียว ขอให้เราหาคนของพระเจ้าแล้วระบายความขับข้องใจในนั้นให้เขาฟัง คำถามที่น่าสนใจของวันนี้คือ เรามีซามูเอลในชีวิตของเราหรือยัง? หรือเราพร้อมจะเป็นซามูเอลให้กับบางคนหรือไม่? วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน เพื่อนแท้ Ep.1286 เรื่องราวของดาวิด พวกเราอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าดาวิดจะรู้สึกอะไรอย่างไร เพราะคงจะมีคนน้อยมากที่ถูกตามล่าแบบนี้ เวลาที่เราทุกข์ใจอย่างหนักแบบนี้ ผมเชื่อว่าดาวิดเองก็มีคำถามวนเวียนอยู่ในหัวว่าทำไม'ดาวิดก็หนีจากนาโยทในเมืองรามาห์ และมาทูลต่อหน้าโยนาธานว่า “ข้าพเจ้าได้ทำสิ่งใด? อะไรเป็นความผิดของข้าพเจ้า? และข้าพเจ้าได้ทำบาปอะไรต่อเสด็จพ่อของท่าน พระองค์จึงทรงต้องการเอาชีวิตของข้าพเจ้า?” ' 1 ซามูเอล 20:1 หลังจากที่ดาวิดไปปรึกษากับซามูเอลแล้ว พระวจนะของพระเจ้าไม่ได้บอกว่าคำตอบหรือการที่ได้ยินพระวจนะนั้นได้มีคำตอบอะไร แต่ฃเรื่องราวนี้ได้ต่อบันทึกว่า ดาวิดยังต้องหนีต่อ ซึ่งเขากนีไปหาเพื่อนรักที่พระเจ้าประทานให้คือโยนาธาน ซึ่งโยนาธานเองก็ยังมีชุดคำตอบเก่าที่ได้รับการยืนยันจากซาอูลว่าจะไม่ร้ายดาวิด แต่ดาวิดพูดความจริงกับโยนาธานโดยไม่ปิดบังความกลัวเลย เขายังยืนยันในข้อ 2-3 ว่าซาอูลไม่กล้าที่จะบอกโยนาธาน เพราะกลัวโยนาธานจะสียใจ และปิดสรุปคำพูดว่า “ระหว่างข้าพเจ้ากับความตายก็ยังเหลืออีกเพียงก้าวเดียว” 'โยนาธานจึงตรัสกับดาวิดว่า “ใจท่านว่าอย่างไร ฉันจะทำตามเพื่อท่าน” ' 1 ซามูเอล 20:4 โยนาธานไม่ได้แก้ปัญหาแทน แต่เขาพร้อมฟัง พร้อมช่วยเหลือที่จะหาคำตอบให้ดาวิด ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากแม้ของเราอาจจะไม่เท่าดาวิด แต่ผมเชื่อว่าเราต้องการเพื่อนแบบโยนาธานที่รักเราด้วยความจริงใจ วันนี้ขอพระเจ้าเมตตาที่เราเองจะมีทั้งสองมุม คือมีเพื่อนที่เข้าใจ จริงใจ พร้อมที่จะช่วยเหลือเราเสมอ และเช่นกันให้เราเป็นเพื่อนของใครสักคนที่เข้าใจ จริงใจ พร้อมที่จะช่วยเหลือเขาเสมอเช่นกัน'สองคนดีกว่าคนเดียว เพราะว่าเขาทั้งสองได้รับรางวัลดีสำหรับการตรากตรำของพวกเขา เพราะว่าถ้าพวกเขาล้มลง คนหนึ่งจะได้พยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น แต่วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง และไม่มีใครพยุงเขาให้ลุกขึ้น และถ้าคนหนึ่งเอาชนะคนคนเดียวได้ คนสองคนย่อมต่อต้านเขาได้แน่ เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้ 'ปัญญาจารย์ 4:9-10,12 ในสถานการณ์แห่งความทุกข์ใจอย่าลืมว่าพระเจ้าอยู่ใกล้เราและพร้อมปกป้องเราเสมอ แให้เราร้องขอต่อพระเจ้าที่จะประทานสติปัญญาและความกล้าที่จะนำเราเดินไปสู่พระประสงค์ของพระองค์ ขอพระเจ้าประทานเพื่อนแท้ที่เราจะสามารถวางใจในเขา และก็เช่นกันขอให้เราเป็นเพื่อนแบบนั้นกับใครสักคนด้วย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่59) ฉันจะทำตัวให้เป็นคนซื่อสัตย์ได้อย่างไร? “คนมากมายป่าวร้องความจงรักภักดีของตัวเอง แต่ใครจะหาคนซื่อสัตย์พบเล่า?” ~สุภาษิต 20:6 THSV11 “Many claim to have unfailing love, but a faithful person who can find?” ~Proverbs 20:6 NIV คำว่า “ซื่อสัตย์” ประกอบด้วยคำว่า1. “ซื่อ”แปลว่า ตรง และ 2.“สัตย์”แปลว่า จริง “ ซื่อสัตย์” จึงหมายถึง “ประพฤติตรงโดยยึดถือความจริง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่ปิดบังอำพรางสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่ปั้นน้ำเป็นตัว เช่น เราต้องเสนอข้อเท็จจริงอย่างซื่อสัตย์” หากเราประสงค์จะเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ พระคัมภีร์แนะนำให้เรากระทำดังต่อไปนี้ 1.ซื่อสัตย์ยำเกรงพระเจ้าและให้พระองค์เป็นศูนย์กลางในชีวิตของเรา “ความยำเกรงพระยาห์เวห์นำไปสู่ชีวิต และผู้ยำเกรงพระองค์จะอยู่อย่างผาสุก จะไม่มีสิ่งร้ายใดๆ มาแผ้วพาน” ~สุภาษิต 19:23 THSV11 “เพื่อท่านจะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านโดยรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญัติทั้งสิ้น ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านและบุตรหลานของท่านตลอดชีวิตของท่าน เพื่อว่าวันคืนของท่านจะยืนยาว” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 6:2 THSV11~คนที่ยำเกรงพระเจ้าจะสัตย์ซื่อและปรารถนาในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ตามพระวจนะของพระเจ้า แม้ไม่มีใครเห็น 2.สัตย์ซื่อพูดความจริงเสมอ แม้ว่าจะต้องจ่ายราคาแพง “ปากที่พูดจริงทนอยู่ได้เป็นนิตย์ แต่ลิ้นที่พูดมุสาอยู่ได้เพียงประเดี๋ยวเดียว” ~สุภาษิต 12:19 THSV11 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ใดจะอาศัยอยู่ในพลับพลาของพระองค์? ผู้ใดจะอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์? คือผู้ดำเนินชีวิตอย่างหาที่ติมิได้และทำสิ่งที่ชอบธรรม และพูดความจริงจากใจของตน” ~สดุดี 15:1-2 THSV11 ~ คนที่พูดจริงเป็นนิสัย จะซื่อสัตย์ ไม่แต่งเรื่องโกหก แม้จะเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อย3.ซื่อสัตย์ในการกระทำ แม้จะเล็กน้อยและไม่มีใครเห็น “คนที่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อยจะซื่อสัตย์ในของมากด้วย และ คนที่ไม่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย จะไม่ซื่อสัตย์ในของมากเช่นกัน” ~ลูกา 16:10 THSV11 ~คนที่ซื่อสัตย์กับสิ่งเล็กๆ เช่นเรื่องการใช้เวลา เงิน หรือสิ่งของจะผ่านการทดสอบ ของพระเจ้าและจะกลายเป็นคนที่ไว้วางใจได้4.ซื่อสัตย์ต่อคนอื่น แม้มีโอกาสก็จะไม่หลอกลวงหรือเอาเปรียบผู้อื่น “ส่วนพวกผู้หญิงก็เหมือนกัน ต้องเป็นคนน่านับถือ ไม่ใส่ร้ายคนอื่น รู้จักประมาณตน ซื่อสัตย์ในทุกๆ เรื่อง” ~1 ทิโมธี 3:11 THSV11 ~คนซื่อสัตย์จะไม่เพียงแค่ไม่โกหก แต่จะไม่คดโกง หลอกลวง ฉ้อฉล หรือหาผลประโยชน์ จากผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม5.ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ทำ จะพร้อมกลับใจสารภาพและขอโทษเมื่อทำผิด “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” ~1 ยอห์น 1:9 THSV11 “เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล” ~ยากอบ 5:16 THSV11 ~คนสัตย์ซื่อจะตระหนักว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เขาเองจะพร้อมให้อภัยและยอมรับผิดด้วยใจถ่อม และพยายามปรับปรุงแก้ไขตนให้ดีขึ้น6.ซื่อสัตย์ในการเข้าหาและขอพระเจ้าทรงช่วยเปลี่ยนแปลงใจและพฤติกรรมของตน “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเนรมิตสร้างใจสะอาดในข้าพระองค์ และขอทรงสร้างจิตใจหนักแน่น ขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์” ~สดุดี 51:10 THSV11 ~คนซื่อสัตย์ที่แท้จริง จะถ่อมใจขอให้พระเจ้าช่วยเปลี่ยนจิตใจภายในของเขาก่อน แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมภายนอกปรากฏให้ประจักษ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พี่น้องที่รักครับ วันนี้ ให้เราเอาจริงเอาจังกับการพัฒนาตัวของเรา ให้เรากลายเป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่1.ถวายเกียรติพระเจ้า2.นำเกียรติมาสู่ตนเองและ3.ให้เกียรติและนำความพึงพอใจมาให้แก่ผู้อื่น …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์29พฤษภาคม2025 (ตอน59 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน วิธีเผชิญความกลัว Ep.1284 เรื่องราวในชีวิตจของคนหากจะใคร่ครวญพิจารณาแล้ว เราจะพบบทเรียนเสมอ บทเรียนบางอย่างต้องรีบเลียนแบบ บางอย่างไม่จำเป็นต้องเดินไปสู่ความผิดพลาดแบบนั้น ในเรื่องราวของดาวิดกับซาอูลยังคงดำเนินไป หลังจากที่ซาอูลปฎิญาณว่าจะไม่ทำร้ายดาวิด หลังจากนั้นเขาก็กลับคำอีก ใน 1 ซามูเอล 19 ได้บรรยายว่าดาวิดถูกปองร้ายหมายจะเอาชีวิต แต่ครั้งนี้พระเจ้าก็ปกป้องเขาด้วยมีคาลภรรยาของเขา และเมื่อได้อ่านพระธรรมตอนนี้แล้วทำให้ผมได้เรียนรู้วิธีผ่านความยากลำบากของดาวิด ขณะที่เขาหลบหนีจากการตามหมายหัวนั้น ดาวิดผ่านช่วงเวลานั้นด้วยบทเพลงอธิษฐานคร่ำครวญ ซึ่งถูกบันทึกไว้ในพระธรรมสดุดี 59 เป็นเรื่องน่าสนใจจริงๆ และเป็นคำถามสำหรับผมว่า แล้วเราละผ่านปัญหา ผ่านความกลัวและความยากลำบากนั้นได้อย่างไร? 'เมื่อข้าพระองค์กลัว ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ ในพระเจ้า ผู้ที่ข้าพระองค์สรรเสริญพระวจนะ ในพระเจ้า ข้าพระองค์วางใจ ข้าพระองค์จะไม่กลัว เนื้อหนังจะทำอะไรข้าพระองค์ได้? ' สดุดี 56:3-4 เรามนุษย์ตัวเล็กๆ แม้ว่าภายนอกจะดูกแกร่งขนาดไหนก็ตาม จะมีบางสิ่งที่ทำให้เรากลัว แต่ขอให้เราจะเป็นเหมือนในพระวจนะตอนนี้ที่ได้ออกจาดาวิดเช่นกัน หากเรากลัวสิ่งที่ทำได้ และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดคือการใช้เวลากับพระเจ้า วางใจนการทรงไถ่และการช่วยเหลือของพระเจ้า ใช้เวลากับพระวจนะของพระเจ้า ให้เราเชื่อและมั่นใจว่าความทุกข์ในโลกนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวที่พระเยซูก็เคยผ่านสิ่งเหล่านั้นมาแล้ว ในเวลาของพระเจ้า พระองค์มีรางวัลที่เตรียมไว้ให้คนของพระองค์ และสิ่งนั้นนั้นคุ้มค่าจริงๆ ขอให้เราเชื่อและวางใจในพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระคุณและความรัก วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่ากลัวเลย Ep.1283 การคิดร้ายคนอื่นจะไม่อยู่ในคนของพระเจ้า แต่คนที่พระเจ้าสถิตอยู่ด้วยก็ไม่ต้องกลัวอันตรายใดๆ พระเจ้าได้ตรัสไว้ในพระธรรมอิสยาห์ว่า อย่ากลัวเลย เราได้ไถ่เจ้าไว้แล้ว เพราะเจ้าเป็นของเรา เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า และเมื่อข้ามแม่น้ำ มันจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าเดินผ่านไฟ เจ้าจะไม่ถูกไหม้และเปลวเพลิงจะไม่เผาเจ้า เพราะเราคือยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเจ้า พระเจ้ามีวิธีปกป้องเราอยู่เสมอ ขอเราอย่ากลัว 'ซาอูลตรัสกับโยนาธานราชบุตรและกับบรรดาข้าราชการทั้งหมดของพระองค์ ให้ฆ่าดาวิดเสีย แต่โยนาธานราชบุตรของซาอูลพอพระทัยในดาวิดมาก ' 1 ซามูเอล 19:1 เพราะความกลัว ซาอูลจึงคิดร้ายกับดาวิด แต่พระเจ้าทรงปกป้องดาวิดด้วยโยนาธาน โยนาธานก็นำเรื่องราวนี้มาเล่าให้ดาวิดฟัง และบอกว่าดาวิดให้ซ่อนตัวอยู่ แล้วเขาจะไปพูดกับพ่อให้ โยนาธานพูดชมดาวิดให้ซาอูล ได้ร้องขอว่า ขอพระราชาอย่าทรงทำบาปต่อดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์เลย เพราะดาวิดไม่ได้ทำบาปต่อพระองค์สักครั้ง ดาวิดก็ทำงานเพื่อพระองค์ เสี่ยงชีวิตของเขาออกไปต่อสู้และพระเจ้าประทานชัยชนะให้ นำความชื่นชมยินดีมาถึงซาอูล คำถามที่สำคัญอยู่ในข้อ 7 “แต่ทำไมฝ่าพระบาทจะทรงทำบาปต่อโลหิตที่ไร้ความผิด โดยฆ่าดาวิดเสียอย่างไร้สาเหตุ?”'ซาอูลก็ทรงฟังเสียงของโยนาธาน และซาอูลปฏิญาณว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดาวิดจะไม่ถูกฆ่า” ' 1 ซามูเอล 19:6 พระเจ้าสามารถปกป้องเราแม้ว่ามีอันตรายอย่างที่สุดกำลังจะมาถึง อย่ากลัวคนที่วางแผนร้าย เพราะพระเจ้าทรงควบคุมทุกสถานการณ์ได้ ให้เราอธิษฐานขอการปกป้องจากพระเจ้า และขอให้พระเจ้าส่งโยนาธานเข้ามาในชีวิตของเรา คนที่กล้าพูดแทนเรา และเจาจะเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าใช้ปกป้องเรา ขอเราอย่าตอบสนองสิ่งที่ได้ยินด้วยความกลัว แต่ให้เราตอบสนองด้วยความเชื่อและการไว้วางใจในพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน วิธีพบสิ่งดี Ep.1282 คนที่พระเจ้าสถิตอยู่ด้วยนั้นไม่เพียงพบชัยชนะแค่ภายนอก แต่เขายังมีผลของพระวิญญาณด้วย ชื่อเสียงที่ดีไม่ได้มาจากการสร้างภาพ แต่มาจากการดำเนินชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้าและยอมเชื่อฟังเดินตามพระคุณของพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์'บรรดาเจ้านายของพวกฟีลิสเตียก็ออกมาทำสงคราม พวกเขาจะออกมากี่ครั้งก็ตาม ดาวิดก็ประสบความสำเร็จมากกว่าบรรดาข้าราชการทั้งสิ้นของซาอูล ชื่อเสียงของเขาจึงโด่งดังมาก' 1 ซามูเอล 18:30 ดาวิดไม่ได้เอาชนะศัตรูแค่ครั้งเดียว แต่พระวจนะของพระเจ้าบันทึกว่าเขาชนะทุกครั้ง ดาวิดก็ประสบความสำเร็จมากยิ่งกว่าเดิม ความสำเร็จของดาวิดไม่ได้มาจากกลยุทธ์หรือประสบการณ์ แต่เพราะพระเจ้าสถิตกับเขา ดาวิดจึงโด่งดังมากขึ้นๆไม่ใช่เพราะเขาโปรโมตตัวเอง แต่เพราะพระเจ้าทรงยกชูเขา ขอให้เราอย่าเป็นเหมือนซาอูลที่อิจฉาคนที่มีผลลัพธ์ที่ดี แต่ขอให้ดูว่า คนที่พบกับสิ่งนั้น เขาเดินกับพระเจ้าอย่างไร เราจะพบว่าคนแบบนั้นเขาเข้าสนิทอยู่ในพระเจ้า เขาจึงเกิดผลดีในทุกด้าน'เราเป็นเถาองุ่น พวกท่านเป็นแขนง คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับเขา คนนั้นจะเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย ' ยอห์น 15:5 คนที่ติดสนิทอยู่ในพระเจ้า คนนั้นจะเกิดผลมาก หากแยกขาดจากพระเจ้าแล้วเราจะทำอะไรไม่ได้เลย ขอให้เราจะรักษาความสัมพันธ์ที่พระเจ้าเป็นผู้เริ่มต้นผ่านพระเยซูคริสต์ไว้ให้ดีด้วยความรัก ด้วยความยำเกรง ด้วยการเชื่อฟังพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ หากเราอยากเกิดผลดี ประสบความสำเร็จในทุกด้าน ขอให้เรากลับมาเริ่มต้นทำตามวิธีการของพระเจ้า คือ ตรึกตรอง ใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริงในชีวิต พระเจ้าทรงสัญญาว่าชีวิตเราจะเจริญและสำเร็จดีในทุกประการ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่58) จงแก้ไขด้วยความสุภาพอ่อนโยน!“แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน เพราะพระเจ้าอาจโปรดให้พวกเขากลับใจ และมาถึงความรู้ในความจริง” ~2 ทิโมธี 2:25 THSV11 “He must be gentle in correcting those who oppose the Good News. Maybe God will allow them to change the way they think and act and lead them to know the truth.” ~2 Timothy 2:25 GW เราที่เป็นคนของพระเจ้าต้องมีความสุภาพอ่อนโยน ไม่ใจร้อน รุนแรงก้าวร้าวไม่ว่าจะต่อพวกเรากันเองและต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนที่คิดเห็นแตกต่างจากเราอย่างมาก ท่าทีที่คนของพระเจ้าพึงมีต่อกัน คือ1.คนของพระเจ้าพึงสำแดงความอ่อนสุภาพของพระเจ้าออกมาให้ประจักษ์ “จงให้ความอ่อนสุภาพของท่านทั้งหลายประจักษ์แก่ทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว” ~ฟีลิปปี 4:5 THSV112.คนของพระเจ้าพึงแก้ไขความคิดเห็นของปรปักษ์ด้วยความสุภาพอ่อนโยน“แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน เพราะพระเจ้าอาจโปรดให้พวกเขากลับใจ และมาถึงความรู้ในความจริง” ~2 ทิโมธี 2:25 THSV113.คนของพระเจ้าพึงแสดงความสุภาพอ่อนโยนแก่ทุกคน และไม่ควรว่าร้ายผู้ใด“อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาและแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน” ~ทิตัส 3:2 THSV114.คนของพระเจ้าพึงน้อมใจรับพระวจนะด้วยใจสุภาพอ่อนโยน“เพราะฉะนั้นจงขจัดความโสมมทุกอย่างและความชั่วที่มีอยู่ดาษดื่น และด้วยใจที่สุภาพอ่อนโยนจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของพวกท่านให้รอดได้” ~ยากอบ 1:21 THSV115.คนของพระเจ้าพึงพร้อมตอบคำถามหรือข้อสงสัยด้วยความสุภาพอ่อนโยนและการให้เกียรติ.“แต่จงตอบด้วยความสุภาพอ่อนโยนและด้วยความนับถือ จงมีมโนธรรมที่บริสุทธิ์ เพื่อเมื่อพวกท่านถูกใส่ร้าย คนที่กล่าวร้ายความประพฤติดีของพวกท่านในพระคริสต์จะต้องอับอาย” ~1 เปโตร 3:16 THSV116.คนของพระเจ้าพึงช่วยคนที่ผิดพลาดให้กลับตั้งตัวใหม่ด้วยใจสุภาพอ่อนโยน“พี่น้องทั้งหลาย แม้จับใครที่ละเมิดประการใดได้ พวกท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยคนนั้นด้วยใจสุภาพอ่อนโยนให้เขากลับตั้งตัวใหม่ โดยคิดถึงตัวเอง เกรงว่าท่านจะถูกทดลองด้วย” ~กาลาเทีย 6:1 THSV117.คนของพระเจ้าพึงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและด้วยความสุภาพอ่อนโยนต่อกัน“ในที่สุดนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน รักกันฉันพี่น้อง มีจิตใจอ่อนโยนและถ่อมตัว”~1 เปโตร 3:8 THSV11 พี่น้องที่รัก หากมีอะไรที่เราไม่เห็นด้วย เราควรเสนอสิ่งที่ดีกว่า หากมีอะไรที่ไม่ถูกต้องเราก็ควรแก้ไข แต่ขอให้เรา ทำด้วยความรัก ความจริง ด้วยความสุภาพอ่อนโยน …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์28พฤษภาคม2025 (ตอน58 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่57) คนของพระเจ้าต้องเป็นคนสุภาพอ่อนโยน! “คนที่สุภาพอ่อนโยน ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก” ~มัทธิว 5:5 THSV11 “Blessed are those who are gentle. They will inherit the earth.” ~Matthew 5:5 GW Steven Morrissey กล่าวว่า “ เราจะต้องเข้มแข็ง จึงสามารถอ่อนสุภาพและเมตตาต่อผู้อื่นได้!” (It takes strength to be gentle and kind.) อาจารย์เปาโลกำชับให้เราเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์! “เพราะฉะนั้นบุตรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์” ~2 ทิโมธี 2:1 THSV11 (My child, find your source of strength in the kindness of Christ Jesus.) ~2 Timothy 2:1 GW เราจึงต้องเป็นคนเข้มแข็งที่มีใจอ่อนสุภาพอ่อนโยน! พระคัมภีร์สอนเรื่องความอ่อนโยนสุภาพอ่อนโยนไว้อย่างไรบ้าง?1.เราต้องเป็นคนของพระเจ้าที่มีใจสุภาพอ่อนโยน “เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน” ~โคโลสี 3:12 THSV112.เราต้องเป็นคนของพระเจ้าที่ห่างไกลจากสิ่งไม่ดี แต่ใฝ่หาความสุภาพอ่อนโยน“แต่ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกหนีจากสิ่งเหล่านี้ และจงใฝ่หาความชอบธรรม ทางพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความทรหดอดทน และความสุภาพอ่อนโยน” ~1 ทิโมธี 6:11 THSV113.เราต้องถ่อมตัวในการปฏิบัติต่อกันโดยเห็นแก่ความสุภาพอ่อนโยนของพระคริสต์“ข้าพเจ้า เปาโล ขอร้องพวกท่านด้วยตัวเอง โดยเห็นแก่ความสุภาพอ่อนโยนและความกรุณาของพระคริสต์ ข้าพเจ้าผู้เป็นคนถ่อมตัวเมื่ออยู่กับท่านทั้งหลาย แต่เมื่ออยู่ห่างก็เป็นคนห้าวหาญต่อพวกท่าน”~2 โครินธ์ 10:1 THSV114.เราต้องเอาแอกของพระคริสต์ผู้สุภาพอ่อนโยนแบกไว้แล้วเรียนจากพระองค์“จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก” ~มัทธิว 11:29 THSV115.เราต้องดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกของพระเจ้าด้วยความสุภาพอ่อนโยน“เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษโดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอวิงวอนพวกท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกที่ท่านได้รับการทรงเรียกมานั้น คือจงถ่อมใจและมีความสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ จงอดทน จงอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” ~เอเฟซัส 4:1-2 THSV116.เราต้องให้ความสุภาพอ่อนโยนของเรา เป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งปวง “จงให้ความอ่อนสุภาพของท่านทั้งหลายประจักษ์แก่ทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว” ~ฟีลิปปี 4:5 THSV11 พี่น้องที่รัก คุณเห็นด้วยกับที่ James Dean กล่าวไว้หรือไม่ที่ว่า “ มีแต่คนที่สุภาพอ่อนโยนเท่านั้นที่เข้มแข็งจริงๆ!” (Only the gentle are ever really strong.) ดังนั้นขอให้เราเป็นคนของพระเจ้า ที่สวมใจสุภาพอ่อนโยนที่มาจากพระเยซูคริสต์ และพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะดีหรือร้ายที่เราเผชิญอยู่ …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์27พฤษภาคม2025 (ตอน56 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่าปล่อยให้มีช่องว่าง Ep.1281 โอกาสที่มาถึงเราอาจเป็นกับดักที่ห่อหุ้มด้วยคำหวาน ซาอูลเสนอให้ดาวิดแต่งงานกับมีคาลไม่ใช่เพราะรักแต่เพราะต้องการฆ่าดาวิดด้วยมือของศัตรู แต่ไม่มีแผนไหนที่จะทำลายคนที่พระเจ้าสถิตอยู่ด้วยได้ หลังจากที่ซาอูลหลอกดาวิดเรื่องลูกสาวคนโตมาแล้ว มีคาลลูกสาวของซาอูลก็รักดาวิด นี่ทำให้ซาอูลชอบใจจึงส่งคนไปบอกดาวิดว่าจะให้ดาวิดมาเป็นลูกเขย'เมื่อพวกมหาดเล็กของซาอูลพูดถ้อยคำเหล่านี้ให้ดาวิดฟัง ดาวิดก็ถามว่า “พวกท่านเห็นว่าที่จะเป็นบุตรเขยของพระราชานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยอยู่หรือ? ด้วยข้าพเจ้าเป็นแต่คนจนและไม่มีชื่อเสียงอะไร” '1 ซามูเอล 18:23 ดวิดยังคงเป็นคนถ่อมใจ แม้ว่าเขาจะพบความสำเร็จมากมาย เขาชนะโกลิอัทและเป็นที่นิยมของผู้คนแต่เขาก็ยังไม่ลืมว่าเขาเป็นคนธรรมดาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย คนของซาอูลจึงนำสิ่งที่ดาวิดพูดไปบอกซาอูล ซาอูลจึงบอกว่าสินสอดที่ต้องการคือปลายหนังองคชาตของพวกฟิลิสเตีย 100 ชิ้น พระวจนนะบันทึกไว้ชัดเจนว่า ซาอูลต้องการให้ดาวิดเสียชีวิตจากคำสั่งนี้ ซาอูลใช้ลูกสาวและความรู้สึกของลูกมาเป็นเกมม์เพื่อกำจัดคนที่เขากลัวและอิจฉา แต่พระเจ้าสถิตอยู่กับดาวิด พระองค์จึงนำดาวิดไปพร้อมกับทหาร เขานำหนังปลายองคชาตของฟิลิสเตียมาถวาย 200 ชิ้น เพื่อดาวิดจะเป็นลูกเขยของพระราชา ในที่สุดซาอูลก็ยกมีคาลให้เป็นภรรยาของดาวิด 'ซาอูลทรงเห็นและทราบว่า พระยาห์เวห์สถิตกับดาวิดและมีคาลพระราชธิดาของซาอูลทรงรักเขา ซาอูลทรงกลัวดาวิดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นซาอูลจึงทรงเป็นศัตรูของดาวิดตลอดเวลา ' 1 ซามูเอล 18:28-29 ผมอยากให้ความเข้าใจว่า ในยุคของเราพระเจ้าสถิตอยู่ด้วยกับเราทุกคนที่เชื่อและวางใจว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า พระวิญญาณของพระเจ้าจะไม่ละทิ้งเราไป อย่ากลัวแผนร้ายของบางเพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา แผนการของคนที่คิดไม่ดีกับเรานั้น พระเจ้าสามารถเปลี่ยนสิ่งนั้นเป็นพระพรของพระเจ้าได้เสมอ แต่สิ่งที่เราเองต้องระมัดระวังคือวิญญาณชั่วหรือความคิดชั่วที่ค่อยวนเวียนเข้ามาทำลายเรา เข้ามาครอบครองความคิดจิตใจของเราอยู่เสมอ ขอให้เราอย่าเปิดช่องว่างให้ความบาปต่างๆ ขอให้เราปิดช่องว่างนั้นด้วยความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับพระเจ้าเสมอ เพื่อเราจะเกิดผลมากหรือเป็นพระพรความสุขทั้งกับตัวเราและคนรอบข้าง วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่56) คนที่มีคุณค่า(2) “การฝึกทางกายนั้นมีคุณค่าอยู่บ้าง แต่ทางพระเจ้าย่อมทรงคุณค่าในทุกด้าน เพราะทรงไว้ซึ่งพระสัญญาทั้งสำหรับชีวิตปัจจุบันและชีวิตในเบื้องหน้าด้วย” ~1ทิโมธี 4:8 TNCV “Physical exercise has some value, but spiritual exercise is valuable in every way, because it promises life both for the present and for the future.” ~1 Timothy 4:8 GNT ในชีวิตของเรา มีสิ่งดีมีคุณค่า ที่รอให้เราไปทำอย่างมากมาย ไม่ว่า …จะในทางโลก หรือ ในทางธรรม …จะในฝ่ายกาย หรือ ในฝ่ายจิตวิญญาณ …จะในปัจจุบันนี้ หรือ ในอนาคต เราควรทำให้ชีวิตของเรามีคุณประโยชน์ …ต่อโลกนี้ และต่อของพระเจ้า …ต่อครอบครัวของเรา และต่อคริสตจักร …ต่อตัวของเรา และต่อสังคม เราควรตั้งเป้าและมุ่งมั่นที่จะเป็นคนดีๆมีคุณค่าต่อส่วนรวม มากกว่า จะเป็นคนได้รับคุณประโยขน์หรือได้รับความสำเร็จเป็นการส่วนตัว เราควรทำตามคำแนะนำของ อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ ที่กล่าวว่า “จงอย่ามุ่งมั่นที่จะเป็นคนประสบความสำเร็จ แต่จงมุ่งมั่นที่จะเป็นคนมีคุณค่า (Strive not to be a success, but rather to be of value.) ~Albert Einstein ขอให้เราตระหนักไว้เสมอว่า “ คุณค่าของชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาสั้นยาว แต่ขึ้นอยู่กับการให้อย่างมีคุณค่าในช่วงเวลาเหล่านั้น คุณไม่ได้สำคัญเพราะว่าคุณมีชีวิตอยู่ยืนยาวนาน แต่ คุณมีความสำคัญเพราะคุณใช้ชีวิตอย่างมีคุณประโยชน์และมีประสิทธิมากแค่ไหนต่างหาก!” (The value of life is not in its duration, but in its donation. You are not important because of how long you live, you are important because of how effective you live.) ~Myles Munroe พี่น้องที่รัก คุณอาจคิดว่า ชีวิตของคุณไม่สำคัญ หรือไม่มีคุณค่าอะไร แต่ในความเป็นจริง อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่า ตัวของคุณ จะมีความหมายและมีคุณค่าต่อใครบางคนอยู่เสมอ ไม่ว่า คุณจะจน จะป่วย จะพลั้งพลาด หรือ จะล้มเหลวมาแล้วสักกี่ครั้งก็ตาม เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “ต่อโลกใบนี้ คุณอาจเป็นเพียงแค่คนคนหนึ่ง แต่ต่อใครคนหนึ่ง คุณอาจเป็นโลกทั้งใบของเขาเลย!” (To the world you may be one person but to one person you may be the world.) ~Taylor Hanson ดังนั้น จงทำตัวให้มีค่า หรือ ทำอะไรที่มีความหมาย อย่างน้อยก็1.ต่อตัวคุณเอง และ2.ต่อใครบางคนที่รักคุณ! …อาเมนไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์26พฤษภาคม2025 (ตอน56 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน รักษาคำมั่น Ep.1280 ชีวิตที่สะท้อนพระลักษณะของพระเจ้า ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่โดดเด่นในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่จริง ซาอูลคือภาพของผู้นำที่หลงในอำนาจและเต็มไปด้วยความอิจฉา ในขณะที่ดาวิดยังคงถ่อมใจ และไว้วางใจในพระเจ้าแม้จะเกิดตวามไม่ยุติธรรม นี่คือคุณลักษณะของคนที่มีพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย'ซาอูลจึงรับสั่งกับดาวิดว่า “นี่คือบุตรสาวคนโตของเราชื่อเมราบ เราจะมอบนางให้เป็นภรรยาของเจ้า ขอแต่เจ้าเป็นคนกล้าหาญสำหรับเราและจงสู้ในสงครามของพระยาห์เวห์” เพราะซาอูลทรงดำริว่า “อย่าให้มือของเราต่อสู้เขาเลย แต่ให้มือคนฟีลิสเตียต่อสู้เขา” ' 1 ซามูเอล 18:17 ซาอูลวางแผนใช้การแต่งงานเป็นกับดัก หวังให้ดาวิดตายในสนามรบ นั่นเป็นเพราะความกลัวและความอิจฉา ความอิจฉาทำให้มนุษย์วางแผนร้าย แต่ความซื่อสัตย์ ถ่อมใจจะนำเราเข้าสู่การงานของพระเจ้า'ดาวิดทูลซาอูลว่า “ในอิสราเอลข้าพระบาทคือใคร? วงศ์ญาติของข้าพระบาทจากตระกูลบิดาของข้าพระบาทคือใคร ที่ข้าพระบาทจะเป็นราชบุตรเขยของพระราชา?” ' 1 ซามูเอล 18:18 ดาวิดถ่อมใจ ไม่ถือตัว นี่คือลักษณะของคนที่พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย ขอให้เรายังคงซื่อสัตย์และถ่อมใจต่อพระเจ้าและทุกคนที่พระเจ้านำไปพบเจอ'แต่เมื่อถึงเวลาที่จะทรงยกเมราบราชธิดาของซาอูลให้ดาวิด นางถูกยกให้เป็นภรรยาของอาดรีเอลชาวเมโหลาห์ ' 1 ซามูเอล 18:19 คนที่พระเจ้าไม่อยู่ด้วยจะเป็นคนไม่ซื่อตรง ตลบแตลง ซาอูลไม่ทำตามสัญญา พระลักษณะของพระเจ้าคือพระองค์ทรงซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อคำสัญญาของพระองค์ วันนี้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงเราใหม่แล้วให้เป็นเหมือนพระองค์แล้ว โลกนี้อาจเต็มไปด้วยคำพูดที่หลอกลวง แต่ขอให้เรายืนหยัเอยู่ในความซื่อสัตย์เหมือนพระเจ้า 'พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นซื่อสัตย์ และพระองค์จะทรงทำให้สำเร็จ ' 1 เธสะโลนิกา 5:24 ขอให้เราซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเสมอ แม้จะมีบางคนไม่ซื่อตรงไม่รักษาคำสัญญาต่อเรา แต่เรายังคงจะรักษาการเปลี่ยนแปลงที่พระเจ้าทำให้เราใหม่แล้วต่อไปเรื่อยๆ แล้วเราจะเห็นพระพรของพระเจ้าที่พระองค์จัดเตรียมไว้สำหรับคนของพระองค์ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่55) คนที่มีคุณค่า “และท่านทั้งหลายรู้ถึงคุณค่าของทิโมธีดีว่า เขาได้รับใช้ร่วมกับข้าพเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐ เหมือนอย่างบุตรกับบิดา” ~ฟีลิปปี 2:22 THSV11 “But Timothy's worth you know, how as a son with a father he has served with me in the gospel.” ~Philippians 2:22 RSV เราต้องเชื่อว่า คนทุกคนมีคุณค่า 1).เรามีคุณค่า และ 2).คนอื่นก็มีคุณค่า อย่างเช่น อาจารย์ เปาโล กับ ทิโมธี ทั้ง2ท่านล้วนมีคุณค่า เพียงแต่ว่า คุณค่าของทั้ง2 อาจแตกต่างกัน ในพระคัมภีร์ตอนนี้ อาจารย์ เปาโล ผู้ยิ่งใหญ่ ยอมรับและประกาศถึงคุณค่าของทิโมธีผู้ยอดเยี่ยม เพียงแต่ว่าคุณค่าของเราแต่ละคนอาจแตกต่างกัน 1).ตามช่วงเวลาของชีวิต และ 2).ตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เราเผชิญอยู่ ดังนั้น อย่าให้เราดูถูก หรือ ลดคุณค่าของใครบางคน เราทุกคนไม่ว่าจะรวยหรือจน ต่างก็ล้วนมีคุณค่าด้วยกันทั้งสิ้น ลองคิดดูสักนิดสิครับว่า โลกจะเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าไม่มีคนจนอยู่ในโลกนี้เลย แม้แต่คนเดียว! แท้จริงแล้วไม่มีใครยากจนอย่างถาวร ความยากจนเป็นสภาวะชั่วคราว และความร่ำรวยก็เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ ความยากจนส่วนใหญ่ จึงเป็นสภาวะทางความคิดมากกว่าความจริง เหมือนดังที่ C.S. Lewis กล่าวว่า “เราเป็นอย่างที่เราเชื่อว่าเราเป็น!” (We are what we believe we are.) เราจึง 1).ต้องเชื่อว่าตัวเรามีคุณค่า 2).ต้องยอมรับว่าคนอื่นก็มีคุณค่าเช่นเดียวกับเรา 3).ต้องให้เกียรติตัวเองและ 4).ต้องให้เกียรติผู้อื่นเหมือนให้เกียรติตัวเอง เพราะถ้าเราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไม่ให้เกียรติ หรือไม่เห็นคุณค่าของเขา นั่นก็เท่ากับว่าเรากำลังไม่ให้เกียรติ หรือ ไม่ให้คุณค่าแก่ตัวเราเองเช่นกัน! และหากว่าเราไม่เห็นคุณค่าของตัวเราเอง เราก็จะพยายามทำทุกอย่าง(รวมทั้งมุ่งแสวงหาความ สำเร็จและเกียรติ)เพื่อจะให้คนอื่นๆยอมรับตัวของเรา และทำให้เรารู้สึกดี เหมือนดังที่ Sonya Parker กล่าวว่า ”จนกว่าคุณจะตระหนักในคุณค่าของตัวคุณ มิฉะนั้น คุณก็จะเอาแต่แสวงหาการยอมรับจากผู้คน เพียงแค่จะทำให้รู้สึกดี เกี่ยวกับตัวของคุณเอง!“ (Until you know your worth you'll continue to seek other people's approval just to feel good about yourself.) ด้วยเหตุนี้ “สิ่งที่สำคัญไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวคุณ แต่เป็นสิ่งที่คุณคิดเกี่ยวกับตัวของคุณเอง!”(It's not what others think, it's what you think about yourself that counts.) พี่น้องที่รัก วันนี้ ขอให้เรา1.คิด และ 2.ทำให้ตัวเราเองเป็นคนที่สร้างสรรค์สิ่งดีมีคุณค่าและมีคุณประโยชน์เพื่อ 1).พระเจ้า และ 2).คนทั้งหลาย เสมอไป …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์25พฤษภาคม2025 (ตอน55 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน อะไรก็หยุดไม่อยู่ Ep.1279 คนของพระเจ้ามักถูกต่อต้านโดยไม่มีเหตุผลจากคนรอบตัวหรือแม้แต่ผู้นำที่ควรสนับสนุน ส่งเสริม ดาวิดก็อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นชัด คือคนที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย จะไม่มีใครหรืออะไรมาหยุดยั้งพระพรของพระเจ้าได้'ซาอูลก็ทรงกลัวดาวิด เพราะว่าพระยาห์เวห์สถิตกับเขา แต่ได้ทรงละจากซาอูลแล้ว ดังนั้นซาอูลจึงรับสั่งให้ย้ายดาวิดไปจากพระองค์ ตั้งเป็นผู้บังคับการกองพัน และดาวิดออกไปรบและกลับมาต่อหน้าพวกทหาร ' 1 ซามูเอล 18:12-13 อำนาจที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในมือของมนุษย์แต่อยู่ที่พระเจ้า คำสั่งการหรืออำนาจในมือของมนุษย์บางครั้งนี้มันเกิดขึ้นเพราะความกลัว ซาอูลส่งดาวิดไปบัญชาการกองพัน เรียกได้ว่าส่งไปแนวหน้าในที่อันตราย แต่ไม่มีอะไรหยุดยั้งพระพรของพระเจ้าในคนที่พระเจ้าสถิตอยู่ด้วยได้'ดาวิดประสบความสำเร็จในทุกทาง เพราะพระยาห์เวห์สถิตกับเขา ' 1 ซามูเอล 18:14 วิฤกตในคนของพระเจ้า สามารถกลับกลายเป็นพระพรได้ เพราะพระเจ้าสถิตกับดาวิด เขาจึงพบกับความสำเร็จในชีวิต ขอพระเจ้าเมตตาเราที่เราจะเรียนรู้และเลียนแบบจากดาวิด ที่จะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ไม่ท้อใจจากความไม่ยุติธรรมของคนที่อยู่ข้างบนเรา แต่ขอให้เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถเปลี่ยนทุกวิกฤตในชีวิตให้เป็นโอกาสและนำเราเข้าสู่พระราชกิจของพระองค์ได้'ซาอูลทรงกลัวเมื่อทรงเห็นดาวิดประสบความสำเร็จมาก แต่คนอิสราเอลและคนยูดาห์ทั้งสิ้นรักดาวิด เพราะดาวิดออกไปและกลับมาต่อหน้าพวกเขา ' 1 ซามูเอล 18:15-16 ในวรรคสั้นๆตรงนี้บันทึกว่า ซาอูลกลัวดาวิดถึง 2 ครั้ง กลัวในภาษาเดิมกำลังมีความหมายถึงความเคารพด้วย เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับดาวิด อย่ากลัวถ้ามีคนไม่เข้าใจหรือขัดขวางคุณ เพราะถ้าพระเจ้าสถิตด้วย ไม่มีอะไรหยุดพระพรของพระเจ้าได้ ถ้าเราถูกผลักออกจากงานรับใช้ขอให้เราซื่อสัตย์และยำเกรงพระเจ้า เพราะพระเจ้าสามารถเปลี่ยนพื้นที่นั้นให้เป็นเวทีที่พระเจ้าจะได้รับพระเกียรติสูงสุดจากชีวิตของเรา แม้ว่าจะมึบางคนที่ไม่ชอบเรา แต่ขอให้เรารู้ว่า ไม่ใช่แค่เพียงพระเจ้าที่กำลังมองและชื่นชม ยังมีผู้คนที่มองและชอบใจในคนที่พระเจ้าโปรดปราน ขอพวกเราทุกคนจะก้าวเข้าสู่การเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าด้วยกัน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่54) มาร่วมกันทำให้โลกนี้น่าอยู่มากขึ้น! “มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ” ~มีคาห์ 6:8 THSV11 “He has shown you, O mortal, what is good. And what does the Lord require of you? To act justly and to love mercy and to walk humbly with your God.” ~Micah 6:8 NIV Winston Churchill กล่าวว่า“ สิ่งยิ่งใหญ่ทั้งปวงล้วนเป็นสิ่งที่เรียบง่าย และจำนวนมากสามารถแสดงออกมาในคำๆเดียว อาทิเสรีภาพ ความยุติธรรม เกียรติ หน้าที่ ความเมตตาและความหวัง“(All the great things are simple, and many can be expressed in a single word: freedom, justice, honor, duty, mercy, hope.) และสิ่งเหล่านั้น คือ สิ่งที่พระเจ้าทรง ทรงประสงค์จากมนุษย์อย่างพวกเรา มีคาห์(ชื่อภาษาฮีบรู หมายความว่า “ผู้ที่เป็นเหมือนพระเจ้า” หรือ “one who is like God”) ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าในช่วงศตวรรษที่8 ก่อนคริสตศักราช) ได้เปิดเผยว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้มนุษย์ กระทำ3สิ่งนี้ เป็นพื้นฐานคือ1.ให้ทำความยุติธรรม(To act justly)2.ให้รักความเมตตา (To love mercy)3.ให้ดำเนินชีวิตอย่างถ่อมใจไปกับพระเจ้า(To walk humbly with your God.) พระธรรม มีคาห์6:8 ข้อนี้ นับว่าเป็นข้อพระธรรมที่น่าจดจำมากที่สุดข้อหนึ่งในพระคริสตธรรมคัมภีร์! หากเราถ่อมใจไปกับพระเจ้าและมีน้ำใจแสดงความเมตตาแก่คนรอบข้างอย่างจริงใจ โลกนี้ก็จะน่าอยู่มากขึ้นเหมือนดังคำกล่าวว่า“ ความเมตตาเล็กๆน้อยๆทำให้โลกนี้ มีความเย็นชาน้อยลงและมีความยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น!“ (A little bit of mercy makes the world less cold and more just.) พี่น้องที่รัก ขอให้เรามาทำให้โลกนี้ น่าอยู่มากขึ้นผ่าน ความเมตตา ความยุติธรรม และความถ่อมใจ ของเรา …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์24พฤษภาคม2025 (ตอน54 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมำชีวิตตอน ระวังบาปมาครองใจ Ep.1278 ขอให้เราระวังระวังจิตใจของเราให้ดี อย่าให้ความชั่วร้ายใดๆ เขามาครอบครองจิตใจ ความชั่วร้ายที่เข้ามามันสามารถกำหนดความคิด ทัศนคติจนส่งผลเป็นพฤติกรรมกับเราง่ายที่สุดก็คือความอิจฉา 'ในวันต่อมาวิญญาณชั่วจากพระเจ้าก็เข้าสิงซาอูล ซาอูลก็ทรงเพ้ออยู่ในวังของพระองค์ ดาวิดก็กำลังดีดพิณอย่างที่เขาเคยดีดถวายทุกวันมา ซาอูลทรงถือหอกอยู่ และซาอูลก็ทรงพุ่งหอก ด้วยทรงนึกว่า “ข้าจะปักดาวิดให้ติดกับผนังเสีย” แต่ดาวิดก็หนีไปได้ถึงสองครั้ง ' 1 ซามูเอล 18:10-11 วิญญาณชั่วจากพระเจ้า หลังจากที่พระเจ้าพรากไปจากซาอูลแล้ว พระเจ้าอนุญาตให้วิญญาณชั่วเข้ามาครอบครอบจิตใจของเขา และเขาก็ปล่อยให้ความชั่วร้ายนั้นอยู่ในความคิดจิตใจจองเขา จนมันส่งผลเป็นพฤติกรรม ขอพระเจ้าเมตตาพวกเราที่เราจะไม่ปล่อยสิ่งเหล่านี้ไว้ในใจยาวนาน จนมันกลั่นกรองตกตะกอนออกมาเป็นพฤติกรรม อย่างที่ผมบอกเมื่อวานว่า ความอิจฉาจะทำเสียศูนย์ จนอาจลามไปถึงความสูญเสีย ความบาปต้องถูกกำจัดให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยมันไว้ในใจนาน'จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ ' สุภาษิต 4:23 อย่าใช้เวลาใคร่ครวญ หรือปล่อยให้ความบาปนั้นอยู่ในใจ อย่าใช้เวลาทบทวนถึงความอิจฉาคนอื่น อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นเป็นดาบในมือเรา ที่เราจะสามารถทำความชั่วตามความคิดของเรา แต่ขอให้เราใคร่ครวญถ้อยคำของพระเจ้าเสมอ เพื่อจะไม่มีพื้นที่ว่างให้ความอิจฉาหรือความชั่วร้ายใดๆ ขอให้เรามอบใจของเราให้พระเจ้า และให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้เฝ้าระวังจิตใจของเราเสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่53) ทำไมพระเจ้าไม่รักษาเราให้หาย? “ทำไมความเจ็บของข้าพระองค์จึงไม่หยุดยั้ง บาดแผลของข้าพระองค์ก็รักษาไม่หาย มันไม่ยอมหาย? พระองค์ทรงเป็นเหมือนลำธารที่พึ่งไม่ได้แก่ข้าพระองค์หรือ? หรืออย่างน้ำที่เหือดแห้ง?” ~เยเรมีย์ 15:18 THSV11 “Why is my pain unending and my wound incurable, refusing to heal? Will you disappoint me like a stream that dries up in summertime?” ~Jeremiah 15:18 GW คุณเคยแปลกใจหรือเสียใจบ้างหรือไม่ ที่พระเจ้าไม่รักษาอาการเจ็บป่วยของคุณให้หาย? มีคำถามเกิดขึ้นว่า “ทำไมพระเจ้าจึงไม่รักษาคนของพระเจ้าให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่?” เราพอจะประมวลคำตอบถึงเหตุผลที่พระเจ้าดูเหมือนจะไม่รักษาความเจ็บป่วยของคนของพระองค์ให้หาย ได้ดังนี้ว่า นั่นคือเป็นเพราะ…1.พระเจ้าอาจใช้ความเจ็บป่วยของเราเพื่อทำให้เราเห็นคุณค่าของชีวิตของเราให้มากขึ้น ~ ให้เราเรียนรู้จักคุณค่าของสุขภาพและชีวิตของเราที่พระเจ้าประทานมา2.พระเจ้าอาจใช้ความเจ็บป่วยของเราเพื่อสะกิดให้เรารู้ตัว ได้สติให้หันกลับหาพระเจ้าและพึ่ง พระองค์อย่างแท้จริง(เพราะเราอาจกำลังจะหลงทาง)3.พระเจ้าใช้ความเจ็บป่วยของเราเป็นการตีสอนหรือกำราบเราเพราะบาปผิดที่เราทำ เพื่อให้เราสำรวจ ตัวเองกลับใจใหม่ สารภาพบาป และเริ่มต้นใหม่ให้ถูกต้อง4.พระเจ้าอาจใช้ความเจ็บป่วยของเราเพื่อทำให้เราหยุดทำบางอย่างที่เรากำลังทำอยู่(แม้ว่าจะเป็นสิ่งดีก็ตาม)และหันมาทำบางสิ่งที่พระเจ้าประสงค์จะให้ทำซึ่งมีประโยชน์และมีคุณค่ามากกว่า5.พระเจ้าอาจใช้ความเจ็บป่วยของเราเพื่อเป็นช่องทางในการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและ เป็นพยานถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และอาจนำคนอื่นให้หันมาเชื่อวางใจในพระองค์6.พระเจ้าอาจใช้ความเจ็บป่วยของเราเป็นตัวทดสอบความศรัทธาของเรา และทำให้เรามี ประสบการณ์อย่างลึกซึ้งกับพระองค์เป็นส่วนตัว เพื่อให้ ความเชื่อของเราไม่ขึ้นอยู่กับการ อัศจรรย์(การรักษาโรคให้หาย)แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้า7.พระเจ้าอาจใช้ความเจ็บป่วยของเราเป็นช่องทางให้คนอื่นได้มีส่วนแสดงความรักผ่านการ ช่วยเหลือเราในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อให้พวกเขาได้มีความสุขจากการให้บางสิ่งแก่เรา8. พระเจ้าอาจใช้ความเจ็บป่วยของเราเพื่อทำให้เรา เข้าใจและเห็นใจในความทุกข์เจ็บปวด ของผู้อื่น เพื่อให้เรามีใจรักเมตตาและเห็นคุณค่าในชีวิตของคนอื่นมากขึ้น9.พระเจ้าอาจใช้ความเจ็บป่วยของเราเพื่อสอนให้เรารู้จักอดทนรอคอย และเติบโตขึ้นอย่างมีวุฒิภาวะ มีสติปัญญาและถ่อมใจเพราะว่ากระบวนการนี้ต้องใช้เวลา และยังไม่ถึงเวลาที่เราจะหาย อาจารย์เปาโลมีหนามใหญ่อยู่ในเนื้ออันเป็นความเจ็บป่วยที่เจ็บปวดอย่างยาวนานท่านเองทูลขอพระเจ้าทรงรักษาท่านถึงสามครั้ง แต่พระเจ้าก็ไม่ได้รักษาท่านให้หายอย่างที่ท่านอธิษฐานขอ แต่ในที่สุดอาจารย์เปาโลก็ตัดสินใจว่าไม่ว่าท่านจะหายจากความเจ็บปวดนั้นหรือไม่ แต่ท่านก็จะยังคงพึ่งพระคุณและยึดมั่นศรัทธาในพระเจ้าด้วยความยินดีต่อไป“เรื่องหนามนั้น ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า” ~2 โครินธ์ 12:8-9 THSV11 วันนี้ ท่านเองสามารถกล่าวได้อย่างอาจารย์เปาโล เช่นนั้นหรือไม่ ถ้าท่านข้องใจว่า ทำไมพระองค์ไม่ทรงรักษาท่านให้หาย อย่างที่ท่านหวังทั้งๆที่ท่านอธิษฐานวิงวอนขอพระเจ้าอย่างสุดใจ …ช่วยตอบที! ~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์23พฤษภาคม2025 (ตอน53 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิต ตอน ระวังเสียศูนย์จนสูญเสีย Ep.1277 ความสำเร็จและการอวยพรอาจกลายเป็นเหตุให้คนรอบข้างเริ่มรู้สึกอิจฉา โดยเฉพาะเมื่อคำชมของคนอื่นเริ่มดังกว่าเสียงชมที่มาถึงตัวเอง พระธรรมตอนนี้ชวนเราสำรวจใจว่า เมื่อเราเห็นผู้อื่นได้รับความสำเร็จหรือดีกว่าเรา ใจของเราเป็นอย่างไร? หลังจากที่ซาอูลเรียกดาวิดมารับราชการกับพระองค์แล้ว พระวจนะบันทึกว่า ดาวิดทำอะไรก็สำเร็จไปหมดและเขาเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนและข้าราชการ วันนึงหลังจากที่ซาอูลกับดาวิกลับจาการรบ มีกลุ่มคนออกมาเต้นรำร้องเพลงเพื่อต้อนรับฉลองชัยชนะ 'และพวกผู้หญิงร้องรับเมื่อเต้นรำกันว่า “ซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆ และดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ” ซาอูลกริ้วยิ่งนัก คำที่ร้องนี้ไม่เป็นที่พอพระทัยพระองค์เลย พระองค์ตรัสว่า “พวกเขายกย่องดาวิดว่าฆ่าคนเป็นหมื่นๆ ส่วนเราเขาว่าฆ่าแต่เพียงเป็นพันๆ นอกจากราชอาณาจักรแล้ว ดาวิดจะได้อะไรอีกเล่า” ซาอูลก็ทรงจับตาดูดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ' 1 ซามูเอล 18:7-9 เป็นเรื่องเลยครับ ชื่อเสียงของดาวิดเพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะน่ายินดีแต่กลับกลายเป็นต้นเหตุแห่งความร้าวฉาน ซาอูลทนฟังไม่ได้หรือไม่สามารถเห็นคนอื่นดีกว่าตัวเองได้ จึงเริ่มจับตามอง ความสำเร็จและคำชมจากผู้คนมักปลุกความอิจฉาในมนุษย์ได้ทุกคนแม้แต่ตัวเรา ความอิจฉาที่บ่มเพาะไว้ในใจที่ไม่ยอมให้พระเจ้าจัดการ มักนำไปสู่การทำลายล้างและความสูญเสีย หรือเราเองอาจจะเสียศูนย์'แต่พระองค์ประทานพระคุณแก่เรามากยิ่งกว่านั้นอีก ด้วยเหตุนี้พระคัมภีร์จึงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ” ' ยากอบ 4:6 จิตใจถ่อมย่อมได้รับพระคุณ หัวใจที่ถ่อมยอมเชื่อฟังพระเจ้า คือเสื้อเกราะป้องกันภัยจากความอิจฉาและความหยิ่งผยอง ขอพระเจ้านำให้ชีวิตของเราจะถ่อมใจและอยู่ในพระคุณของพระเจ้าเสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่52) โรคภัยบางอย่างเกิดจากบาป! “เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล” ~ยากอบ 5:16 THSV11 “Therefore confess your sins to each other and pray for each other so that you may be healed. The prayer of a righteous person is powerful and effective.” ~James 5:16 NIV คนที่เจ็บป่วยหรือเป็นโรค ต่างล้วนก็ต้องการการบำบัดรักษา! แต่โรคภัยหรือโรคร้ายอาจจะเกิดขึ้นมาจากสาเหตุที่แตกต่างกัน ตามเหตุปัจจัย และบางครั้งอาจมีจุดประสงค์ในตัวของมันเอง เราพอจะประมวลที่มาที่ไปของโรคภัยไข้เจ็บหลากหลายได้ดังนี้1. การติดเชื้อ~ ไวรัสหรือแบคทีเรีย2.พันธุกรรม~ จากบรรพบุรุษที่ผิดปกติ3.ภูมิคุ้มกันผิดปกติ~ จากสาเหตุต่างๆ4.ความเครียด~ ทั้งทางกายและทางใจ5.พฤติกรรมการใช้ชีวิต~ การไม่ระวังในการกินการดื่ม การไม่พักผ่อน การประมาท6.สารพิษ ~การรับสารอันตราย หรือ อาหารเป็นพิษ7.มลภาวะ ~การอาศัยใน สิ่งแวดล้อมที่อันตราย8.ภาวะเสื่อมตามวัย~การเสื่อมถอยของอวัยวะต่างๆในร่างกาย9.การกระทำของมาร~การทดลองหรือการโจมตีของซาตาน10.ความบาป~การไม่เชื่อฟังและการท้าทายของเราต่อพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความบาปนั้นพระเจ้าทรงเกลียดชังความบาป จึงทรงเตือนคนของพระเจ้าให้ละทิ้งความบาปก่อนที่การพิพากษาจะมาถึงความบาปนั้น และหากผู้ใดที่ยังดื้อดึงยึดบาปไว้ เขาก็จะต้องถูกลงโทษไปพร้อมกับบาปที่เขายึดไว้เหมือนอย่างที่โมเสสได้เตือนไว้ว่า “พระยาห์เวห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยความซูบผอม และด้วยการป่วยไข้ การอักเสบ ความร้อนอย่างรุนแรง ด้วยดาบ ด้วยแผลพุพอง ด้วยเชื้อรา และสิ่งเหล่านี้จะติดตามท่านไปจนท่านพินาศ” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 28:22 THSV11 แต่หากว่าพวกเขากลับใจใหม่ สำนึกผิด ละทิ้งบาป ใส่ใจฟังสุรเสียงของพระเจ้า และทำในสิ่งที่ถูกต้องตามที่พระเจ้าทรงบัญชา พระองค์ก็จะทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บและการลงโทษที่กำลังเผชิญอยู่ “พระองค์ตรัสว่า “ถ้าเจ้าใส่ใจฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า และทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระองค์ อีกทั้งเงี่ยหูฟังพระบัญญัติของพระองค์ และรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์ทุกประการแล้ว โรคต่างๆ ซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่คนอียิปต์นั้น เราจะไม่ให้เกิดขึ้นกับเจ้าเลย เพราะเราคือยาห์เวห์แพทย์ของเจ้า!” ~อพยพ 15:26 THSV11 ดังนั้น ใครทำบาปต่อพระเจ้าก็จงกลับใจใหม่ สารภาพบาปนั้นต่อพระเจ้าใครทำบาปต่อพี่น้องก็จงสารภาพบาปต่อพี่น้อง ใครทำบาปต่อคนอื่นก็ต้องสารภาพต่อคนเหล่านั้น แล้วเราจะได้รับการอภัยและการรักษาโรคจากพระเจ้า! สำหรับบาปที่อาจไม่ได้เกิดจากความบาปผิดของเราแต่มาจากสาเหตุอื่น ก็ขอให้เราอธิษฐานขอการรักษาจากพระเจ้าควบคู่ไปกับการรักษาเยียวยาจากแพทย์และจากกระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมต่างๆ เพื่อว่า เราจะกลับมาเป็นปกติโดยเร็วด้วยพระคุณและพระเมตตาของพระเจ้าและด้วยการช่วยเหลือของทุกคนที่เกี่ยวข้อง …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์22พฤษภาคม2025 (ตอน52 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่51) พระเจ้าผู้ทรงรักษาโรค! “จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ และ อย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์ ผู้ทรงอภัยความชั่วทั้งสิ้นของเจ้า ผู้ทรงรักษาโรคทั้งสิ้นของเจ้า” ~สดุดี 103:2-3 THSV11 “With all my heart I praise the Lord! I will never forget how kind he has been. The Lord forgives our sins, heals us when we are sick,” ~Psalms 103:2-3 CEV ผู้เขียนพระธรรมสดุดีสรรเสริญพระเจ้าว่า “จิตใจ(จิตวิญญาณ)ของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการ(สรรเสริญ)แด่พระยาห์เวห์ และ(ทั้งหมด)ทั้งสิ้นที่อยู่ภายใน(ชีวิตของ)ข้าจงถวายสาธุการ(สรรเสริญ)แด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์!“ จากนั้นท่านก็เชิญชวนให้สรรเสริญพระเจ้าต่อไป โดยให้เหตุผลประกอบดังนี้ ”จิตใจ/จิตวิญญาณของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการ/สรรเสริญแด่พระยาห์เวห์(องค์พระผู้เป็นเจ้า)และ อย่าลืมพระราชกิจทั้งปวงอันมี(เปี่ยมด้วย)พระคุณทั้งสิ้นของพระองค์ 1.ผู้ทรงอภัยโทษความชั่วบาปชั่วทั้งสิ้นของเจ้า 2.ผู้ทรงรักษาโรคภัยทั้งสิ้นของเจ้า 3.ผู้ทรงไถ่ชีวิตของเจ้ามาจากหลุมมรณะ(แดนผู้ตาย) 4.ผู้ทรงเชิดชูเจ้าด้วยการสวมความรักมั่นคงและพระกรุณา(ความเอ็นดูสงสาร)ให้เจ้า 5.ผู้ทรงให้เจ้าอิ่มด้วยสิ่งของดีๆตลอดชีวิตของเจ้า เพื่อ วัยหนุ่มของเจ้าจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี” ~สดุดี 103:1-5 THSV11 น่าประทับใจที่หนึ่งในพระราชกิจของพระเจ้าในชีวิตของเรา ก็คือ “ การรักษาโรคภัยให้แก่เรา หรือ แก่คนที่เรารักห่วงใย!” ใช่ครับ พระเจ้าผู้ทรงสร้างเรา สามารถรักษาเราให้หายจากทุกโรคภัยได้แต่พระเจ้ามักไม่ได้ทำเช่นนั้น อย่างที่เราหวังในความเจ็บไข้ได้ป่วยของเรา พระเจ้าอาจทรงเลือกกระทำต่อเราแบบเกินความเข้าใจของเรา1.ทรงรักษาเราให้หายอย่างสิ้นเชิงหรือหายบางส่วนในทันที ที่เราอธิษฐานขอการรักษา2.ไม่ทรงรักษาเราให้หายอย่างสิ้นเชิงหรือไม่ทรงรักษาบางส่วนให้หาย แม้เราอธิษฐาน3.ทรงรักษาเราแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป หลังจากที่เราอธิษฐาน4.ทรงรักษาเราผ่านทางแพทย์และยา และกระบวนการอื่นๆนอกเหนือการอธิษฐาน แม้ว่า เราอยากจะให้พระเจ้าทรงรักษาทุกโรคที่เรามีอยู่ แต่ บางครั้งพระเจ้าอาจทรงใช้ทั้งการรักษาและการไม่รักษาโรคของเรา เพื่อสอนเราหรือนำเรา ให้เป็น หรือ ให้ไป ในทิศทางตามพระประสงค์ของพระองค์ที่เกินความรู้ความเข้าใจของเรา หรือเพื่อทำให้เราเติบโตขึ้นในความศรัทธาที่เรามีต่อพระองค์ ดังคำที่กล่าวไว้ว่า“ความศรัทธา( ที่หมายถึง ความเชื่อ+ความวางใจ)ไม่ได้เรียกร้องให้เราต้องกำจัดความทุกข์ยากลำบากให้หมดไป แต่ความศรัทธาปรารถนาให้เราอดทนได้ในท่ามกลางความทุกข์ยากลำบากความศรัทธาทำให้เราเข้าใจว่าสิ่งที่ไม่อาจเยียวยารักษา เป็นสิ่งที่เราสามารถอดทนอยู่กับมันได้!”(Faith does not demand the removal of suffering; faith desires endurance in suffering. Faith understands that what can't be cured, can be endured.) พี่น้องที่รักถ้าวันนี้ พระเจ้าทรงรักษาโรคร้ายของคุณให้หาย จงขอบคุณและสรรเสริญพระองค์แต่ถึงแม้ว่า วันนี้ พระเจ้าไม่ได้ทรงรักษาคุณให้หายจากโรคร้ายที่คุณเป็นอยู่ คุณก็ยังคงควรขอบคุณและสรรเสริญพระองค์ มีชีวิตอยู่กับสภาวะนั้น และสามารถรับใช้ได้อย่างถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าได้เช่นกัน เพราะพระองค์อาจกำลังฝัดร่อนคุณ เหมือนที่ทรงเคยกระทำต่อโยบ ก่อนจะเกิดผลดีในบั้นปลาย …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์21พฤษภาคม2025 (ตอน51 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิต ตอน ในเวลาของพระเจ้า Ep.1275 หลังจากที่ดาวิดได้รับชนะ คนอิสราเอลก็ลุกขึ้นไล่ตามทหารฟีลิสเตียที่วิ่งหนี นับเป็นการสูญเสียทหารอย่างมากและเป็นไปตามคำของดาวิดที่จะให้เนื้อของทหารแก่สัตว์ต่างๆกิน ดาวิดก็นำหัวของโกลิอัทกลับมามาที่เยรูซาเล็ม แต่เอาเครื่องอาวุธของเขาไว้ที่เต็นท์ของตน'เมื่อซาอูลทรงเห็นดาวิดออกไปต่อสู้กับคนฟีลิสเตียคนนั้น จึงตรัสถามอับเนอร์แม่ทัพของพระองค์ว่า “อับเนอร์ ชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกของใคร?” และอับเนอร์ทูลว่า “ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาททรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ข้าพระบาทไม่ทราบ” ' 1 ซามูเอล 17:55 ในบทสนทนานี้ทำให้ผมสับสนเล็กน้อยในเรื่องของลำดับเวลา ซาอูลรู้จักหรือยังไม่รู้จักกับดาวิด ผมจึงไปหาข้อมูลจากผู้รู้และตำราหลายเล่มได้อธิบายว่า ซาอูลรู้จักกับดาวิดแล้ว แต่ไม่รู้จักว่าเขามาจากตระกูลไหน ครอบครัวของใคร เพราะรางวัลที่ดาวิดจะได้คือราชธิดาของซาอูล แล้วอับเนอร์จึงพาดาวิดมาวเฝ้าซาอูล โดยที่ดาวิดถือหัวของโกลิอัทเขาไปด้วย ซาอูลจึงถามเขาว่า “ดาวิดเป็นลูกของใคร? ดาวิดตอบว่า เขาคือลูกชายของของเจสซีชาวเบธเลเฮมผู้รับใช้ของท่านซาอูล เรื่องราวนี้ความเชื่อและวางใจพระเจ้าของดาวิด นำมาซึ่งความสำเร็จ ที่ตามมาด้วยชื่อเสียงและการยกชูจากพระเจ้าผ่านผู้ที่มีอำนาจคือซาอูล ชัยชนะของดาวิดเป็นการเปิดประตูสู่การยอมรับจากซาอูล ดาวิดไม่ได้แสดงความยิ่งใหญ่ด้วยตัวเขาเอง แต่เขาใช้ชีวิตในความเชื่อฟังและความไว้วางใจต่อพระเจ้า ชัยชนะที่แท้จริงคือการทำให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่สรรเสริญ นั่นหมายความว่า เราเองยอมถ่อมใจและยอมรับว่า ชัยชนะทั้งหมดเป็นของพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้ประทานความสำเร็จทั้งหมดให้ 'พวกท่านจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงยกชูท่าน ' ยากอบ 4:10 ความถ่อมใจเป็นพื้นฐานของการยกชูจากพระเจ้า ไม่ใช่เพียงแค่ฝีมือหรือความกล้าหาญ เมื่อเรายืนหยัดในพระนามของพระเจ้า เรื่องราวทั้งหมดในชีวิตของเราจะถูกเปลี่ยนและยังมีผลต่อคนรอบข้างด้วย อย่ากลัวการเริ่มต้นเล็ก ๆ ถ้าเราเลือกอยู่ฝ่ายพระเจ้าไม่มีอะไรมาขวางเราได้ วุฒิ วงศ์สรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่50) ความอ่อนสุภาพที่ใครๆก็ต้องการ! “จงให้ความอ่อนสุภาพของท่านทั้งหลายประจักษ์แก่ทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว” ~ฟีลิปปี 4:5 THSV11 “Let your gentleness be evident to all. The Lord is near.” ~Philippians 4:5 NIV มีคำกล่าวไว้ว่า “ ไม่มีอะไรเข้มแข็งเท่ากับความอ่อนสุภาพ และไม่มีอะไรที่จะสุภาพอ่อนโยนได้เท่ากับความเข้มแข็ง!” ( Nothing is so strong as gentleness, nothing so gentle as real strength.) ~Saint Francis de Sales คำว่า “ ความอ่อนสุภาพ”(gentleness) หมายถึง ”จิตที่อดกลั้น และ ไม่แก้แค้น“เป็น”คุณภาพภายใน ที่มีความสุขยินดีได้ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งปกติจะมองไม่เห็น แต่จะปรากฏชัดในยามที่เราตอบสนองต่อการกระทำของผู้อื่น“ และนี่เป็นการปฏิบัติต่อผู้อื่นแบบที่พระเยซูคริสต์ปฏิบัติ(2โครินธ์10:1) ความอ่อนสุภาพ หรือ ความสุภาพอ่อนโยน จึงเป็นคุณสมบัติจำเป็นของผู้นำคริสตจักรและองค์กรที่ไม่นิยมใช้ความรุนแรงในการปฏิบัติต่อกัน หรือในการแก้ปัญหาระหว่างกันแต่จะเลือกการผ่อนหนักผ่อนเบาต่อกัน ไม่ทะเลาะ และไม่ว่าร้ายต่อกันแต่มีความเห็นอกเห็นใจต่อกันและกันอยู่เสมอ “อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบา และแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน” ~ทิตัส 3:2 THSV11,ปท.1ทธ.3:3 อาจารย์เปาโลก็ย้ำเตือนให้เราแสดงความสุภาพอ่อนโยนในการประพฤติปฏิบัติต่อกันเสมอในทุกโอกาส อาทิ ความเมตตากรุณา ความอดกลั้นอดทน และกระทำคุณให้แก่พวกเขา แบบไร้อัตตา ที่คนรอบข้างล้วนสามารถประจักษ์เป็นพยาน ดังนั้น เราสามารถเลือกที่จะเป็นคนสุภาพอ่อนโยนได้ ไม่ว่าภูมิหลังลักษณะนิสัยเดิมของเราจะเป็นอย่างไร หากว่า เวลานี้ เรากลับใจจากบาปและละทิ้งนิสัยเดิม เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ รับความรอดและการเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะว่า ผลหนึ่งของพระวิญบริสุทธิ์ ที่ประทานให้แก่เรา คือ ความสุภาพอ่อนโยน “ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย” ~กาลาเทีย 5:22-23 THSV11 เราจึงสมควรเลือกทำ อย่างที่ แม๊กซ์ ลูคาโด กล่าวว่า “ผมเลือก ความสุภาพอ่อนโยน… ไม่มีชัยชนะ ที่ได้มาโดยการใช้กำลังบีบบังคับ ผมเลือกที่จะสุภาพอ่อนโยน ถ้าผมจะขึ้นเสียงให้ดังขึ้น ผมก็จะทำเมื่อสรรเสริญเท่านั้น ถ้าผมจะกำมือเป็นกำปั้น ผมก็จะทำเฉพาะในยามอธิษฐาน ถ้าผมจะเรียกร้องอะไร ผมก็จะทำกับตัวผมเองเท่านั้น!” (I choose gentleness... Nothing is won by force. I choose to be gentle. If I raise my voice may it be only in praise. If I clench my fist, may it be only in prayer. If I make a demand, may it be only of myself.) ~Max Lucado พี่น้องที่รัก จากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่า ใครจะพูด จะเขียน จะโพสต์ หรือ จะทำอะไร ก็ตามโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเรา และทำให้เราไม่พอใจ เป็นอย่างยิ่ง ก็ขอให้เราจะเลือกตอบสนองด้วยความอ่อนสุภาพ ที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เท่านั้น (โดยปลอดอาการของเนื้อหนังใดๆสอดไส้ไปด้วย) …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์20พฤษภาคม2025 (ตอน50 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า
พระธรรมนำชีวิตตอน วางใจในการนำของพระเจ้า Ep.1274หลายครั้งเมื่อเราเข้าสู่การต่อสู้ในชีวิต เราจะพยายามหาอะไรมาเพื่อป้องกันตัวเอง ในเรื่องราวของดาวิดกับโกลิอัท ใน 1 ซามูเอล 17:38–51 ทำให้เราเห็นว่า ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้มาจากการปกป้องของคนแต่มาจากการพึ่งพาพระเจ้าเพียงผู้เดียว หลังจากที่ซาอูลยอมใจดาวิดแล้ว ซาอูลก็มาดาวิดมาแต่งองค์ทรงเครื่องป้องกัน ติดอาวุธ แต่ดาวิดไม่ถนัด จึงขอซาอูลถอดออก แล้วก็กลับไปใช้ไม้เท้า แล้วไปเลือกก้อนหินมา 5 ก้อนใส่ในย่าม ในมือของดาวิดก็ถือสลิงอยู่ ดาวิดพร้อมที่จะสู้กับโกลิอัทแล้ว และโกลิอัทก็ออกมาใกล้ดาวิดพร้อมกับคนถือโล่ ดาวิดเจอคำดูกถูกจากพี่ชาย จากซาอูล แล้วเขายังถูกจากคู่ต่อสู้ด้วย เพราะเขาหนุ่มผิวแดง รูปร่างไม่ใหญ่โต'คนฟีลิสเตียจึงพูดกับดาวิดว่า “ข้าเป็นหมาหรือ? เจ้าจึงถือไม้เท้ามาหาข้า” และคนฟีลิสเตียคนนั้นก็แช่งด่าดาวิด โดยใช้นามพวกพระของตน ' 1 ซามูเอล 17:43โกลิอัทยังขู่ดาวิดว่า จะเอาเนื้อของดาวิดใหญ่สัตว์กิน แต่ด้วยความเชื่อและวางใจในพระเจ้า ดาวิดจึงตอบกลับไป'แล้วดาวิดก็พูดกับคนฟีลิสเตียคนนั้นว่า “ท่านมาหาข้าด้วยดาบ ด้วยหอกและด้วยหอกซัด แต่ข้ามาหาท่านในพระนามแห่งพระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอล ผู้ซึ่งท่านได้ท้าทาย ' 1 ซามูเอล 17:45ดาวิดยังพูดต่อไปว่า พระเจ้าได้มอบเขาให้ดาวิดแล้ว วันนี้สัตว์ทั้งหลายจะได้กินเนื้อของกองทัพชาวฟีลิสเตีย เพื่อทั้งโลกจะได้ทราบว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงพวกเขาเพราะนี่เป็นการรบของพระเจ้าเอง เมื่อโกลิอัทลุกขึ้นเข้ามาใกล้เพื่อปะทะดาวิด ดาวิดก็วิ่งเข้าหาแนวรบเพื่อปะทะกับคนฟีลิสเตียนั้นอย่างรวดเร็ว และดาวิดเอามือล้วงเข้าไปในย่ามหยิบหินก้อนหนึ่งออกมา แล้วเหวี่ยงด้วยสลิงถูกคนฟีลิสเตียคนนั้นที่หน้าผาก ก้อนหินจมเข้าไปในหน้าผาก เขาก็ล้มหน้าคว่ำลงที่ดิน พระวจนะของพระเจ้ายันทึกว่า ดาวิดก็ชนะมนุษย์ยักษ์คนนั้นด้วยสลิงและก้อนหินก้อนหนึ่ง เขาได้ฆ่าโกลิอัท แต่ดาวิดไม่มีดาบอยู่ในมือ 'ดาวิดจึงวิ่งไปยืนอยู่เหนือคนฟีลิสเตียคนนั้น หยิบดาบของเขาชักออกจากฝักฆ่าเขาเสีย และตัดศีรษะของเขาออกเสียด้วยดาบ เมื่อพวกฟีลิสเตียเห็นว่ายอดทหารของเขาตายเสียแล้วก็พากันหนีไป ' 1 ซามูเอล 17:51ดาวิดไม่ได้ชนะด้วยอาวุธของโลก แต่ชนะด้วยพระนามและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า บางครั้งในการต่อสู้ของชีวิต การหยุดหาที่พึ่งและเครื่องปกป้องเป็นก้าวแรกของความเชื่อและการไว้วางใจในพระเจ้า ชัยชนะที่แท้จริงเกิดจากการเชื่อว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์ยิ่งใหญ่ และเชื่อว่าศึกนั้นเป็นของพระเจ้า ถ้าเราอยู่ฝ่ายพระเจ้าใครเล่าจะขวางเราได้ ดาวิดไม่ได้ลังเลกับคำดูถูก แต่เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจในพระเจ้า แล้วพวกเราละ ยังจมอยู่กับคำดูถูกดูแคลน หรือความกลัวในใจที่เริ่มตั้งแต่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ขอให้เราอย่ายอมให้กับความกลัวและเสียงนั้น แต่เราจะก้าวออกไปด้วยพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ไปด้วยความเชื่อและความไว้วางใจในพระเจ้าโดยปราศจากความกลัว ให้เราหมั่นสะสมพระคำและพระสัญญาของพระเจ้า เพื่อจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเรา และช่วยสร้างความมั่นใจในการยืนหยัดบนพระสัญญาของพระเจ้าวุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่49) อย่าโหมงานหนักจนอ่อนล้า! “อย่าโหมงานจนอ่อนล้าเพื่อจะเป็นคนมั่งมี จงฉลาดพอที่จะหยุดพัก” ~สุภาษิต 23:4 THSV11 “Do not wear yourself out getting rich. Be smart enough to stop.” ~Proverbs 23:4 GW พระคัมภีร์สอนเราให้ทำงาน แต่ก็เตือน~ไม่ให้เราทำงานหนักตรากตรำเห็นแก่ทรัพย์ศฤงคารเพราะหวังจะร่ำรวย จนอ่อนล้าหมดแรง~ไม่ให้เราหลงคิดว่าเราฉลาด แต่ให้เราฉลาดจริงๆที่จะยับยั้งเราไว้ไม่ให้ทำเช่นนั้น อย่าให้เราทำงานจนหัวฟู แต่ใจเหี่ยว แต่ให้เราทำงานแล้วใจฟู แม้หัวกระเชิง! แล้วงานแบบไหนที่ทำแล้ว เราจะใจฟู? “งาน”(WORK)ที่ทำแล้ว มีความสุขใจหรือ ใจฟู มีลักษณะดังนี้ W-Worth for Doing (มีคุณค่าคู่ควรทำ) เป็นงานที่มีคุณค่า เพราะ 1.เป็นงานที่พระเจ้าทรงบัญชาให้เราทำ ตามพระประสงค์ของพระองค์ 2.เป็นงานที่มีคุณประโยชน์ต่อคนอื่น ตามความต้องการของพวกเขา O-Out of Love (มีความรักเป็นแรงจูงใจ) เป็นงานที่มีความหมาย เพราะ 1.เป็นงานที่มาจากหัวใจ ไม่ใช่จากหัวคิด 2.เป็นงานที่มาจากความตั้งใจถาวร ไม่ใช่มาจากความรู้สึกชั่วคราวพาไป R-Rest & Work Balance (มีความสดุลระหว่างงานกับการพักผ่อน) เป็นงานที่มีความยั่งยืน เพราะ 1.เป็นงานที่อยู่ในวิสัยที่จะเราสามารถทำได้ 2.เป็นงานที่มีระบบการทำงานและการพักอย่างเหมาะสม (รวมทั้งมีระบบในการรับการเติมพลังทั้งฝ่ายกาย จิต และวิญญาณ อย่างต่อเนื่อง) K-Kind to All (มีความเมตตากรุณาต่อทุกคน) เป็นงานที่มีคุณธรรม เพราะ 1.เป็นงานที่คำนึงถึงสวัสดิภาพของทุกคน 2.เป็นงานที่ห่วงใยในสวัสดิภาพของตัวเราเองด้วย ใช่ครับ งานในอุดมคติคืองานที่1.พระเจ้าพอพระทัย2.คนที่รับบริการและคนที่เกี่ยวข้องต่างพอใจ3.เราผู้ให้บริการ และ ทีมงานล้วนพอใจ แต่ไม่ว่าจะเป็นงานที่ดีมากสักเท่าใด เราต้องระวัง ไม่ให้งานที่เราทำนั้น เข้าข่ายอันตรายต่อไปนี้ คือ 1.มากเกินไป หรือ Too Much 2.ยากเกินไป หรือ Too Hard 3.นานเกินไป หรือ Too Long 4.เสี่ยง(อันตราย)เกินไป หรือ Too Risky พี่น้องที่รัก ขอให้เรารู้จักขอบเขตของงานและความจำกัดทั้งของตัวเอง และของคนอื่น ขอให้เราตระหนักว่า พระเจ้าไม่ได้เรียกเรามาให้ทำงานทุกอย่างแบบตัวคนเดียว ขอให้เรารู้ว่าอะไรบ้างที่ควรทำ อะไรบ้างไม่ควรทำ และ อะไรบ้างที่น่าจะพอแล้ว ขอให้เราหลีกเลี่ยงในการเปรียบเทียบกับผู้อื่น หรือ มุ่งทำร้ายผู้อื่นหรือตัวเอง ขอให้เรารู้จักให้กำลังใจตัวเองและผู้อื่นในงานที่เราทำ โดยหัดพูดกับตัวเองว่า ”เราทำดีที่สุดแล้ว” “เราเหนื่อย แต่เราก็ผ่านมาได้” ขอให้เรารักษาสัมพันธภาพของเรากับพระเจ้าและกับคนอื่นๆที่ทำงานด้วยอยู่เสมอ ขอให้เรารู้จักและหมั่นเข้าสนิทกับพระเจ้าและพี่น้องอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวัน และรับการเสริมกำลังจากพระเจ้าและจากคนที่ทำงานกับเราโดยที่เราเป็นฝ่ายให้ก่อนและ ขอให้เราไม่โหมงานหนักเกินจนอ่อนล้าเพราะหวังจะเป็นคนร่ำรวย หรือ คนประสบความสำเร็จ(ตามความคิดเห็นของเรา) แต่ ขอให้เรารู้จักมีความสุขและชื่นชมกับสิ่งที่เรามีและงานที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่หรือเล็ก …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์19พฤษภาคม2025 (ตอน49 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า