Podcasts สำหรับการเติมกำลังให้กับจิตวิญญาณของเรา
พระธรรมนำชีวิตตอน รอเวลา Ep.1333 พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดทุกอย่างในความเป็นไปของชีวิต พระองค์ทรงมีเวลาของพระองค์ เมื่อถึงเวลาของพระเจ้าเราเองไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ชีวิตของเราบางครั้งเราเองก็เร่งรีบทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จเพื่อให้เป็นไปตามที่เราหวัง 2 ซามูเอล 3 สอนเราว่า เมื่อถึงเวลาของพระเจ้า เราไม่ต้องทำอะไรเลยทุกอย่างจะไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า แม้ว่าดาวิดจะได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ฝ่ายใต้แล้ว แต่เขายังต้องรออย่างอดทนที่เฮโบรนนานพอควร ระหว่างรอก็มีสงครามกับฝ่ายซาอูลตลอด ดาวิดเพียงดำเนินชีวิตไปตามปกติจนมีลูกชายถึง 6 คน แล้วสิ่งที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าก็เกิดขึ้นเอง อิชโบเชทกษัตริย์ฝ่ายเหนือเกิดขัดแย้งกับแม่ทัพคนสำคัญคืออับเนอร์ เพราะอับเนอร์ไปนอนกับสนมของซาอูล ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วถือว่าเป็นสมบัติที่สืบทอดของกษัตริย์ เมื่ออิชโบเชทว่ากล่าวอับเนอร์'อับเนอร์ก็โกรธมากเพราะถ้อยคำของอิชโบเชท จึงทูลว่า “ข้าพระบาทเป็นหัวสุนัขของยูดาห์หรือ? ทุกวันนี้ข้าพระบาทได้สำแดงความจงรักภักดีต่อพงศ์พันธุ์ของซาอูลเสด็จพ่อของฝ่าพระบาท และต่อพี่น้อง และต่อมิตรสหายของเสด็จพ่อของฝ่าพระบาท ไม่ได้มอบฝ่าพระบาทไว้ในมือของดาวิด วันนี้ฝ่าพระบาทยังกล่าวหาข้าพระบาทด้วยเรื่องผู้หญิงคนนี้ ' 2 ซามูเอล 3:8 อับเนอร์ตัดสินใจจะเปลี่ยนฝั่ง ไปสนับสนุนดาวิดให้ได้ครอบครองอิสราเอลทั้งหมด'และอิชโบเชทก็ไม่ทรงสามารถตอบกลับอับเนอร์แม้แต่คำเดียว เพราะพระองค์ทรงกลัวอับเนอร์ ' 2 ซามูเอล 3:11 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเองโดยที่ดาวิดไม่ต้องทำอะไรเลย เขาเพียงแค่ดำเนินชีวิตต่อไปในความซื่อสัตย์ แล้วพระเจ้าทรงนำสิ่งต่าง ๆ ในเวลาของพระองค์เอง'อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร ' กาลาเทีย 6:9 ในระหว่างรอการทรงนำของพระเจ้านั้น ขอพวกเราจะไม่รีบเร่งหรือผลักดันอะไร แต่ขอเพียงแค่พวกเราจะไม่หยุดทำดี แล้วเมื่อเวลาของพระองค์มาถึงเราจะได้รับทุกอย่างที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงนำทุกคนให้อยู่ในพระทัยและเวลาของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่108) ฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด? “พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคน ไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ” ~ยากอบ 1:19 THSV11 “My dear brothers and sisters, take note of this: Everyone should be quick to listen, slow to speak and slow to become angry,” ~James 1:19 NIV วันหนึ่ง เศรษฐีเจ้าอารมณ์คนหนึ่งซึ่งมักปวดศีรษะอยู่เป็นประจำ ประกาศว่าเขาจะให้รางวัลอย่างงามแก่คนที่สามารถรักษาอาการปวดศีรษะของเขาได้ หมอที่เชี่ยวชาญต่างก็พากันมาเสนอแนะวิธีรักษาโรคปวดศีรษะให้แก่เศรษฐีผู้นี้ แต่ก็ …ไม่มีใครสามารถทำให้เขาดีขึ้นได้อยู่มาวันหนึ่ง มีปราชญ์ท่านหนึ่งบอกกับท่านเศรษฐีว่า...." วิธีรักษาอาการปวดหัวของท่านง่ายนิดเดียว นั่นคือท่านต้องมองทุกอย่างให้เป็นสีเขียวตลอดเวลา …แล้วโรคของท่านจะหายดี!" เศรษฐีดีใจมากจึงจ้างช่างทาสีนับร้อยคนมาช่วยกันทาสีของหมู่บ้านให้เป็นสีเขียวทั้งหมด อีกทั้งยังซื้อเสื้อผ้าสีเขียวให้คนในหมู่บ้านทุกคนสวมใส่ ดังนั้น ดอนนี้ไม่ว่าเศรษฐีผู้นี้ จะมองไปทางใดก็ จะเห็นแต่สีเขียวอยู่ตลอดเวลาตามคำแนะนำของปราชญ์ ผลคือ อาการของเศรษฐีเริ่มดีขึ้น ๆ ทำให้เขามีความสุขและยิ้มง่ายมากขึ้น สามเดือนต่อมา ปราชญ์ท่านนั้นได้กลับมาเยี่ยมเศรษฐีอีกครั้งหนึ่ง แต่มีช่างทาสีคนหนึ่งร้องตะโกนว่า......“หยุด! หยุด! ท่านจะเข้าในหมู่บ้านด้วยชุดนี้ไม่ได้ ผมจะทาสีท่านให้เป็น สีเขียวก่อน!”ปราชญ์ผู้นี้ จึงรีบวิ่งหนีเข้าไปในบ้านของเศรษฐี!เมื่อพบกับเศรษฐีก็กล่าวดำหนิว่า "ทำไมท่านถึงเสียเงินทองและเวลามากมายเพื่อเปลี่ยนทุกสิ่งรอบตัวท่านข้าไม่ได้บอกให้ท่านไปเที่ยวทาสีทุกอย่างให้เป็นสีเขียวเลย ท่านก็แค่เพียงสามแว่นตาสีเขียวเท่านั้น ท่านก็จะมองเห็นทุกสิ่งรอบดัวท่านเป็นสีเขียวแล้ว!" พี่น้องที่รัก คุณรู้จักสำนวนที่ว่า"ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด" บ้างหรือไม่?สำนวนนี้ หมายถึง “ฟังไม่เข้าใจ, ฟังไม่ชัดเจน หรือฟังไม่ครบถ้วน แล้วนำไปพูดต่อหรือทำตามโดยผิดๆ ถูกๆ ”หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การฟังแล้วตีความหมายผิดไปจากที่ควรจะเป็นแล้วนำไปปฏิบัติ ! เศรษฐีในเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนี้เราจึงไม่ควรที่จะเป็นเช่นนั้น เราควรเรียนรู้บทเรียนจากพระธรรมยากอบตอนนี้ และนำประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง อย่างเหมาะสม ดังนั้น ขอให้คุณถามตัวเองว่า1.คุณได้เรียนรู้แล้วหรือไม่ ที่จะ 1).ไวในการฟัง~ไม่รีบร้อนสรุป 2).ช้าในการพูด~ไม่รีบพูด หรือสั่งการอะไรออกมา 3).ช้าในการแสดงอารมณ์~ไม่ด่วนบีบคั้น บังคับกดดันผู้อื่นให้ทำอะไรตามที่เราต้องการในทันที2.คุณเคยด่วนฟังอะไร แล้วรีบเร่งทำอะไรบางอย่างแบบไม่คิดใคร่ครวญให้รอบคอบก่อน เข้าทำนอง “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด!“ จนทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต อย่างไม่สมควร บ้างหรือไม่ อย่างไร?3..คุณเคยมีประสบการณ์กับการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในชีวิตของคุณให้ดีขึ้นได้ แบบทันตาเห็น เพียงแค่เปลี่ยนมุมมองของตัวคุณเองก่อนเท่านั้นบ้างหรือไม่? อย่างไร? …พี่น้องที่รัก ถ้าคุณมีประสบการณ์อะไรดีๆในเรื่องนี้ ก็ขอแบ่งปันให้ฟังกันสักนิดจะได้ไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 17กรกฎาคม2025 (ตอนที่108 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิต ตอน ฝึกฝนไปด้วยกัน EP.1331 บางครั้งในชีวิตเราอยากทำสิ่งที่ถูกต้องคือให้เกียรติใครบางคน แต่สถานการณ์ไม่เปิดโอกาสให้เราทำ เราอาจอยากอยู่เคียงข้างพ่อแม่ในช่วงสุดท้ายแต่เราก็กลับไปไม่ทัน เราอยากขอบคุณเจ้านายผู้มีพระคุณ แต่เขาก็จากไปเสียก่อน ตอนนี้ดาวิดขึ้นเป็นผู้นำเผ่ายูดาห์ เขาไม่ได้มีโอกาสฝังศพซาอูลผู้เป็นผู้นำอิสราเอลในอดีต แต่เมื่อทราบว่าชาวยาเบชกิเลอาดได้ทำหน้าที่แทน เขาไม่รีรอที่จะให้เกียรติและอวยพรพวกเขา ‘...เมื่อมีคนมาทูลดาวิดว่า “ชาวยาเบชกิเลอาดเป็นผู้ฝังพระศพซาอูล” ' 2 ซามูเอล 2:4ข ชาวยาเบชกิเลอาด คือกลุ่มชนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน เคยได้รับความช่วยเหลือจากกษัตริย์ซาอูล ถูกบันทึกไว้ใน1 ซามูเอล 11 แม้ดาวิดจะมีเหตุผลมากพอที่จะเฉย ๆ ไป เพราะซาอูลเคยตามล่าเขา แต่ดาวิดกลับแสดงความเมตตาและให้เกียรติแก่คนที่ให้เกียรติซาอูล เพราะดาวิดให้คุณค่ากับความดี ความซื่อสัตย์ และการตอบแทนพระคุณ 'ดาวิดทรงส่งพวกผู้สื่อสารไปหาชาวยาเบชกิเลอาดนั้น พูดกับพวกเขาว่า “ขอพวกท่านรับพระพรจากพระยาห์เวห์ ที่ท่านแสดงความเมตตานี้ต่อซาอูลเจ้านายของพวกท่าน และได้ฝังพระศพพระองค์ บัดนี้ขอพระยาห์เวห์สำแดงความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ต่อพวกท่าน และข้าพเจ้าจะทำความดีนี้ต่อพวกท่านเพราะสิ่งนี้ที่ท่านได้ทำ เพราะฉะนั้น ขอให้มือของพวกท่านเข้มแข็ง และขอให้พวกท่านกล้าหาญเถิด เพราะว่าซาอูลเจ้านายของพวกท่านสิ้นพระชนม์แล้ว และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ได้เจิมตั้งข้าพเจ้าไว้เป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา” ' 2 ซามูเอล 2:5-7 เมื่อเราทำเองไม่ได้ก็ขอให้เราเกียรติผู้ที่ไปทำแทนเรา ขอให้เราไม่ลืมที่จะพูดให้กำลังผู้อื่นที่ทำดี แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เราอยากทำแต่เราก็ไม่มีโอกาสได้ทำ 'จงให้เกียรติทุกคน จงรักพวกพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่จักรพรรดิ ' 1 เปโตร 2:17 ขอให้เราจะทำตามพระวจนะของพระเจ้าโดยเป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้า ให้เกียรติคนอื่นและมีความรักพี่น้องในพระคริสต์ ขอให้เราฝึกฝนที่จะพูดคำขอบคุณ ยกย่อง ให้กำลังใจคนที่ทำสิ่งดี แม้ว่าบางครั้งพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในฝ่ายเดียวกับเรา เกียรติไม่ใช่สิ่งที่เราต้องได้รับเสมอไป แต่เป็นสิ่งที่เราต้องมอบให้คนที่สมควรได้รับ เพราะการให้เกียรติผู้อื่นคือสิ่งที่พระเจ้าชอบ แล้วพระเจ้าจะประทานเกียรตินั้นให้กับผู้ที่มีใจถ่อมและให้เกียรติผู้อื่น วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่107) จะรับมือกับการทดลองอย่างไรดี(2)? “ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้” ~1 โครินธ์ 10:13 THSV11 “No temptation has seized you that isn't common for people. But God is faithful. He won't allow you to be tempted beyond your abilities. Instead, with the temptation, God will also supply a way out so that you will be able to endure it.” ~1 Corinthians 10:13 CEB ชีวิตของเราอาจต้องเผชิญกับการทดลอง ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือประเภทใดประเภทหนึ่ง! คำว่า“การทดลอง”มีอยู่หลายความหมาย แต่หนึ่งในนั้นคือ คำนิยามดังต่อไปนี้ “การทดลอง”(Temptation) ในชีวิตคริสเตียน หมายถึง ”1.การถูกดึงดูด หรือ 2.การถูกล่อลวงให้เราทำสิ่ง ~ที่ไม่ถูกต้อง ~ที่ผิดกฏหมาย ~ที่ผิดบาป ผิดศีลธรรม หรือ ~ที่ผิดน้ำพระทัยพระเจ้า โดยมักเกิดขึ้นในความคิด ความรู้สึก การพูด โพสต์ หรือ การกระทำ ในสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อทดสอบความเชื่อ ความเชื่อฟัง และ ความสัตย์ซื่อของเราต่อพระเจ้า“ “การทดลอง”มีอยู่หลายประเภท ข่าวร้าย คือ เราอาจประสบกับการทดลองประเภทใดประเภทหนึ่ง ทั้งในยามปกติ และในยามที่คาดไม่ถึง ดังนี้ 1.การทดลองทางกายภาพ อาทิ 1).ความอยากในการกินดื่ม (รวมทั้งสูบฉีด) 2).ความปรารถนาในทางกามารมณ์หรือทางเพศ 3).ความต้องการใช้ร่างกายอย่างผิดวัตถุประสงค์ 2.การทดลองทางความคิด จิตใจ และอารมณ์ 1).ความโกรธ ความขมขื่น และความอิจฉา ตามอารมณ์ 2).ความคิดลบ ต่อคน สิ่งของ หรือ ความคิดของผู้อื่น 3).ความคิดอยากแก้แค้น ตามความรู้สึก 4).ความคิด ความหยิ่งยโสในใจ ที่ยกตนชึ้นสูงเกินควร 3.การทดลองในเรื่องของทรัพย์สินสิ่งของในโลกนี้ 1).ความโลภหลงและรักเงินทองสิ่งของ 2).ความกระหายหาตำแหน่ง ลาภยศและอำนาจ 3).การติดยึดกับความสะดวกสบาย 4.การทดลองจากสังคม หรือ จากกระแสความกดดันรอบตัว 1).การถูกกดดันให้ประพฤติผิดเพื่อจะได้สิ่งที่ต้องการทั้งๆที่ ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ผิดพระคัมภีร์ หรือ ผิดมโนธรรม 2).การถูกล่อลวงให้ประนีประนอมกับความผิดบาปต่างๆ 5.การทดลองทางฝ่ายวิญญาณ 1).การถูกทำให้สงสัยในความดีงามของพระเจ้า 2).การทำให้เกิดความหลงตนและเย่อหยิ่งทางจิตวิญญาณ 3).การล่อลวงให้ห่างจากการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าและพี่น้อง 4).การไม่เชื่อฟังและกบฏต่อพระเจ้า เวลานี้ คุณกำลังเผชิญกับการทดลองในเรื่องใด หรือ ประเภทใดอยู่? คุณเอามันอยู่ หรือว่า มันกำลังเอาคุณอยู่? อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ย่ำแย่เช่นนั้น ยังมีข่าวดีสำหรับเราที่เชื่อวางใจในพระเจ้า ก็คือ 1.ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับเรา นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ทั่วไป 2.พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้เราต้องถูกทดลองเกินกว่าที่เราจะทนได้ 3.เมื่อเราถูกทดลอง พระเจ้าจะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อเราจะมีกำลังยืนหยัดและทนได้” ดังนั้น พี่น้องที่รัก ขอให้ 1.เราจะไม่ประมาทปล่อยตัวปล่อยใจ จนเสียหาย 2.เราจะใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อเราจะปลอดภัย 3.เราจะหลีกเลี่ยง และออกห่างการทดลองทุกประเภท 4.เราจะดำเนินชีวิตอย่างเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความรักและความวางใจอย่างสิ้นเชิง 5.เราจะเตือนตัวเองไว้เสมอว่า “เพียง1 วินาทีแห่งความประมาท ความลุ่มหลง ความอิจฉาริษยา ความโกรธแค้น หรือ ความหยิ่งผยอง ที่เราพ่ายแพ้การทดลอง อาจจะนำหายนะอันน่าสยดสยองมาสู่ชีวิตของเราและคนที่อยู่กับเราในทันที หรือตลอดชีวิต!” …ขอให้เรากระทำดังคำแนะนำข้างต้นนั้น อย่างจริงจัง ตกลงไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 16กรกฎาคม2025 (ตอนที่107 ของปีที่5) #YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่106) จะรับมือกับการทดลองอย่างไรดี?“ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะไม่ถูกการทดลองจิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง”” ~มาระโก 14:38 THSV11“Watch and pray so that you will not fall into temptation. The spirit is willing, but the flesh is weak.”” ~Mark 14:38 NIVชีวิตของเราคงยากจะหนีพ้นการทดลอง!ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ การทดลองอาจจะมาถึงเราได้ทุกเวลาแล้ว “การทดลอง” คืออะไร?การทดลองมาจากไหน?มีผู้ให้ คำนิยามไว้ดังนี้“การทดลอง” (Temptation) หมายถึง“การล่อลวงให้ทำบาปหรือทำผิดน้ำพระทัยพระเจ้า มาจากความปรารถนาภายใน มาร หรือโลก!”เราสามารถหาคำตอบได้จากในพระคัมภีร์!ดังนั้น ขอให้เรามาดูว่าพระคัมภีร์ สอนเราในเรื่องไว้อย่างไรบ้าง?พระเจ้าไม่ทรงทดลองเรา “ขณะถูกทดลองให้ทำบาป อย่าให้ใครพูดว่า “พระเจ้าทรงทดลองข้าพเจ้า” เพราะความชั่วไม่อาจล่อลวงพระเจ้าให้ทำบาปและพระองค์ก็ไม่ทรงล่อลวงผู้ใดเลย” ~ยากอบ 1:13 TNCVพระเจ้าอาจอนุญาตให้เราถูกทดลอง ~แต่ไม่ให้เกินกว่าที่เราจะทนได้“ไม่มีการทดลองใดที่เกิดกับท่าน นอกจากซึ่งมนุษย์ทั้งหลายต้องประสบ แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้…”~1 โครินธ์ 10:13พระเยซูคริสต์สอนให้เราเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะไม่ตกอยู่ในการทดลอง“เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงอธิษฐานเพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ในการทดลอง”” ~ลูกา 22:40 THSV11พระเยซูช่วยเราในยามที่เราถูกทดลองได้ เพราะว่าพระองค์เคยถูกทดลองมาก่อน“เพราะพระองค์เองได้ทรงทนทุกข์และถูกทดลอง พระองค์จึงทรงสามารถช่วยผู้ที่ถูกทดลองได้” ~ฮีบรู 2:18 THSV11“เพราะว่า เรามิได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป” ~ฮีบรู 4:15 TH1971เราต้องทนต่อการทดลองในรูปแบบต่างๆจากหลายๆฝ่าย1).จากมาร“อย่ากลัวการทนทุกข์ที่เจ้าจะได้รับนั้น นี่แน่ะ มารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื่อทดลองพวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับความยากลำบากถึงสิบวัน แต่เจ้าจงซื่อสัตย์จวบจนวันตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า” ~วิวรณ์ 2:10 THSV112).จากศัตรู ที่เป็นมนุษย์“ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจและด้วยน้ำตา ต้องทนต่อการทดลองที่มาถึงตัวเองอันเนื่องจากแผนร้ายของพวกยิว” ~กิจการ 20:19 THSV113).จากตัณหาชั่วภายในตัวเราเอง“ทว่าแต่ละคนถูกทดลองเมื่อตัณหาชั่วของตนเองชักจูงไปให้ติดกับ หลังจากมีตัณหาแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปโตเต็มที่ก็ก่อให้เกิดความตาย” ~ยากอบ 1:14-15 TNCV เราควรวางใจในพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงทราบวิธีที่จะช่วยเราให้พ้นจากการทดลอง“ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงทราบว่าจะช่วยคนที่ยำเกรงพระเจ้าพ้นจากการทดลองได้อย่างไร และทรงทราบวิธีกักขังคนชั่วไว้ให้รับโทษเมื่อถึงวันพิพากษา”~2 ปต. 2:9 THSV11เราควรมีความชื่นชมยินดีได้ แม้แต่ในยามที่เราต้องทนทุกข์ในการถูกทดลอง“ในสิ่งนี้พวกท่านชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่พวกท่านต้องทนทุกข์ในการทดลองต่างๆ นานาชั่วระยะหนึ่ง”~1 เปโตร 1:6 THSV11เราไม่ควรฮึกเหิมมั่นใจเกินไปในเรื่องการทดลอง“เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง”~1 โครินธ์ 10:12 THSV11เราไม่ควรประมาท แม้ว่าเราจะชนะการทดลองครั้งใหญ่มาแล้วก็ตาม“เมื่อมารทดลองทุกอย่างจนหมดแล้ว จึงจากพระองค์ไปจนกว่าจะถึงโอกาสเหมาะ” ~ลูกา 4:13 THSV11พี่น้องที่รักครับคุณเห็นด้วยหรือไม่กับคำกล่าวของ ด็อกเตอร์ บิลลี่ เกรแฮม ที่ว่า“ ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การทดลองที่คุณเผชิญอยู่แต่อยู่ที่ว่าคุณตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับการทดลองที่อยู่ตรงหน้าของคุณ!”(It is not the temptations you have, but the decision you make about them that counts.)~Billy Graham…ขอกรุณาแบ่งปันให้ฟังกันสักหน่อย จะได้ไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 15กรกฎาคม2025 (ตอนที่106 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ถามพระเจ้าก่อน Ep.1330 เมื่อเราจะเริ่มทำสิ่งใดเราถามพระเจ้าก่อนทุกครั้งไหม ในชีวิตจริงเรามักจะวางแผนทุกอย่างโดยคิดไว้ก่อนแล้วค่อยอธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วยให้มันเป็นไปในแบบที่เราคิด แต่วิธีแบบนี้ไม่ใช่วิธีของดาวิด ดาวิดเขาเริ่มที่การถามพระเจ้าก่อนเสมอ'หลังจากเหตุการณ์นี้ ดาวิดทูลถามพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพระองค์ควรขึ้นไปยังเมืองหนึ่งของยูดาห์หรือไม่?” และพระยาห์เวห์ตรัสตอบท่านว่า “จงขึ้นไปเถิด” ดาวิดทูลว่า “ข้าพระองค์ควรขึ้นไปที่ไหน?” พระองค์ตรัสว่า “ที่เมืองเฮโบรน” ' 2 ซามูเอล 2:1 ดาวิดเพิ่งผ่านช่วงเวลาของการเสียใจอย่างหนักมา แต่ดาวิดไม่รีบร้อนที่จะย้ายถิ่นฐานกลับบ้าน ดาวิดถามพระเจ้า แต่เขาไม่ได้ถามเพียงว่าจะไปหรือไม่ไป ดาวิดยังถามต่อว่า เขาควรจะไปที่ไหน? สิ่งนี้แสดงถึงหัวใจที่วางใจในพระเจ้า ไม่ใช่แค่การรู้ทางแต่รู้เป้าหมายและจุดหมายด้วย ดาวิดก็เชื่อฟังและพาคนของเขาทั้งหมดกลับมาที่เฮโบรน'และคนยูดาห์ก็มาเจิมตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์เหนือพงศ์พันธุ์ยูดาห์... ” ' 2 ซามูเอล 2:4ก ผลจากการเชื่อฟังและเดินตามพระเจ้า ดาวิดได้การยอมรับอย่างเป็นทางการจากเผ่ายูดาห์ และนี่คือจุดเริ่มต้นการนำของดาวิดตามเส้นทางที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้'ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงให้ข้าพระองค์รู้จักพระมรรคาของพระองค์ ขอทรงสอนวิถีของพระองค์แก่ข้าพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในความจริงของพระองค์ และขอทรงสอนข้าพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รอคอยพระองค์อยู่วันยังค่ำ ' สดุดี 25:4-5 การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจจะทำให้เราพลาดไปจากพระทัยของพระเจ้า ขอให้เราถามพระเจ้าก่อนในทุกเรื่อง อาจจะเริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ ว่า พระเจ้าจะให้ไปไหม? และคำตอบนั้นอาจเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับแผนการของพระเจ้า ขอพวกเราอย่าทำอะไรจนกว่าจะทูลถามพระเจ้าก่อน เพราะทางที่ดูดีในสายตาเรา อาจจะไม่ใช่ทางของพระเจ้า แต่เมื่อเราถามก่อนทุกครั้ง ทางเราเดินไปนั้นจะเต็มด้วยความมั่นใจและสันติสุขที่มาจากพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่105)รักของพระเจ้าเกินคำบรรยาย!“ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก”~ 1 ยอห์น 4:8 THSV11“Whoever does not love does not know God, because God is love.” ~1 John 4:8 NIVความรักของพระเจ้ามีคุณลักษณะพิเศษคือมีธรรมชาติที่เป็นนิรันดร์มีพลังอำนาจพิชิตความกลัวมีความสามารถในการบันดาลให้เปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตถ้าเรารู้จักและศรัทธาในพระเจ้า เราจะรู้ว่าพระเจ้าเป็นความรักและพระองค์ทรงรักเราทุกคนอย่างไม่มีข้อแม้เหมือนอย่างที่เรามีเราพอสรุป คุณลักษณะ“ความรักของพระเจ้า”อันเกินบรรยาย ออกมาเป็น 7 ”S“ดังนี้Steadfast ~มั่นคงซื่อสัตย์“ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง และพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด”~เพลงคร่ำครวญ 3:22 THSV11“The steadfast love of the Lord never ceases, his mercies never come to an end;”~Lamentations 3:22 RSVStrong~ใหญ่ยิ่งทรงพลัง“เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อพวกเรานั้นใหญ่ยิ่งนัก และความซื่อสัตย์ของพระยาห์เวห์ดำรงเป็นนิตย์ สรรเสริญพระยาห์เวห์”~สดุดี 117:2 THSV11“His love for us is strong, and his faithfulness is eternal. Praise the Lord!”~Psalm 117:2 GNTShowing~สำแดงให้ประจักษ์“แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา”~โรม 5:8 THSV11“But God clearly shows and proves His own love for us, by the fact that while we were still sinners, Christ died for us.”~Romans 5:8 AMPSacrificed ~เสียสละแม้ชีวิต“เพราะว่าพระเจ้าพอพระทัยที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งหมดดำรงอยู่ในพระองค์ และโดยพระองค์ พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งคืนดีกับพระองค์เอง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่บนแผ่นดินโลกหรืออยู่บนสวรรค์ โดยทรงทำให้เกิดสันติภาพโดยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์”~โคโลสี 1:19-20 THSV11“God was also pleased to bring everything on earth and in heaven back to himself through Christ. He did this by making peace through Christ's blood sacrificed on the cross.”-Colossians 1:20 GWSaving~ช่วยให้รอด“ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด ช่วยข้าพระองค์ให้รอดตามความรักมั่นคงของพระองค์”~สดุดี 109:26 TNCV“Help me, Lord my God; save me according to your unfailing love.”~ Psalms 109:26 NIVSupplying~จัดเตรียมให้“และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งที่จำเป็นทุกอย่างแก่ท่านจากความมั่งคั่งอันเลอเลิศของพระองค์ในพระเยซูคริสต์”~ฟีลิปปี 4:19 TNCV“And with all his abundant wealth through Christ Jesus, my God will supply all your needs.~Philippians 4:19GNTStaying~สถิตอยู่ด้วย“อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา”~อิสยาห์ 41:10 THSV11“Don't be afraid. I am with you. Don't tremble with fear. I am your God. I will make you strong, as I protect you with my arm and give you victories.”~Isaiah 41:10 CEVพี่น้องที่รักถ้าเรามั่นใจในความรักของพระเจ้าเราก็จะไม่เหลืออะไรให้ต้องวิตกหรือต้องกลัวอีกเลยแล้ววันนี้ คุณมีประสบการณ์อะไรกับความรักตามของพระเจ้าบ้าง?คุณกล่าวได้ด้วยความมั่นใจหรือไม่ว่า…จะไม่มีสิ่งใด หรือผู้ใดสามารถทำให้คุณขาดจากความรักอันมหัศจรรย์ของพระเจ้าได้(โรม 8:37-39)ช่วยตอบที ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 14กรกฎาคม2025 (ตอนที่105 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิต ตอน เพลงแห่งน้ำตา Ep.1329 พระธรรม 2 ซามูเอล เริ่มต้นด้วยความสูญเสียอันใหญ่หลวงในแผ่นดินอิสราเอล กษัตริย์ซาอูลและราชโอรสของพระองค์เสียชีวิตในสนามรบ ท่ามกลางความสูญเสียดาวิดไม่ได้เฉลิมฉลองชัยชนะ ไม่ได้แสดงความยินดีต่อการล่มสลายของผู้ที่ตามล่าท่าน แต่ดาวิดร้องไห้ คร่ำครวญ และแต่งบทเพลงคันธนูเพื่อแสดงความเคารพต่อกษัตริย์ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ และต่อบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งในท้ายของบทเพลงเขาเปรียบให้โยนาธานเป็นพี่ชายที่รัก เป็นคนที่ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาตลอด'ดาวิดก็ครวญคร่ำตามคำคร่ำครวญต่อไปนี้ เพื่อซาอูลและโยนาธานราชโอรสของพระองค์ และท่านกล่าวว่า ควรจะสอนบทเพลงคันธนู นี้แก่พงศ์พันธุ์ยูดาห์ นี่แน่ะ ถ้อยคำนั้นบันทึกไว้ในหนังสือยาชาร์ ว่า ' 2 ซามูเอล 1:17-18 บทเพลงคันธนู นั้นเป็นเพลงที่ดาวิดแต่งขึ้นเพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของโยนาธานและซาอูล ในข้อมูลที่ผมหามาได้อธิบายว่า ที่ใช้เป็นชื่อเพลงคันธนู นั่นเพราะโยนาธานมีชื่อเสียงในการใช้ธนูเป็นอย่างมาก การที่สอนพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ดาวิดกำลังหมายถึงครอบครัวของตัวเอง หนังสือยาชาร์ ผู้รู้มากมายให้ข้อมูลว่า เป็นเอกสารโบราณที่หายสาบสูบไปแล้ว เป็นหนังสือที่เป็นบันทึกรวบรวมบทกวี เรื่องราวต่างๆและเพลงสดุดีในประวัติศาสตร์อิสราเอล และข้อมูลที่หาได้บอกว่า หนังสือยาชาร์ แปลว่า หนังสือของผู้เที่ยงธรรม 'จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ ' โรม 12:15 จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ ดาวิดไม่ได้ยอมให้เรื่องราวของซาอูลมาบดบังความเป็นมนุษย์และคุณค่าที่เขาเคยมี ขอให้เราจะกล้าหาญที่จะเปิดเผยความรู้สึกเสียใจ หยุดที่จะรีบเร่งกับทุกอย่าง ให้เราใช้เวลาให้เกียรติกับผู้ที่จากไป เพราะชีวิตของคนมีทั้งดีและร้าย ในเวลาของการจากไป เราควรต้องแสดงเกียรติเขาอย่างเหมาะสม ขอพระเจ้านำให้เราเป็นคนที่จะอะเอียดอ่อนในความรู้สึกเพื่อเราจะร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ได้ เพื่อเราจะเป็นกำลังใจให้ผู้คนที่เสียใจนั้นเพื่อพวกเขาจะมีกำลังเดินต่อไปได้ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่104) จงระวังการโจมตีของซาตาน(3) “ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพบว่ามีกฎธรรมดาอย่างหนึ่ง คือเมื่อไรที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะทำความดี ก็มักจะเลือกทำชั่วซึ่งอยู่ใกล้ตัว” ~โรม 7:21 THSV11 “So I've discovered this truth: Evil is present with me even when I want to do what God's standards say is good.” ~Romans 7:21 GW1.เป้าหมายของการโจมตีของซาตาน คือความตั้งใจของเรา(ที่มีแนวโน้มจะทำบาปอยู่แล้ว) 1.1.เมื่อดาวิดตั้งใจทำบาปทางกายเรื่องเพศ ~ผลคือมีคนตายไม่กี่คน “ดาวิดก็ทรงส่งพวกผู้สื่อสารไป และเขาก็นำนางมา นางมาเฝ้าพระองค์ แล้วพระองค์ทรงหลับนอนกับนาง (พอดีนางได้ชำระตัวจากมลทินของนางแล้ว) แล้วนางก็กลับไปบ้านของนาง” ~2 ซามูเอล 11:4 THSV11 “ดาวิดจึงรับสั่งกับนาธันว่า “เราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์แล้ว” และนาธันทูลดาวิดว่า “พระยาห์เวห์ทรงให้อภัยบาปของฝ่าพระบาทแล้ว ฝ่าพระบาทจะไม่สิ้นพระชนม์” ~2 ซามูเอล 12:13 THSV11 1.2.เมื่อดาวิดตั้งใจทำบาปในการนับจำนวนอิสราเอล~ผลคือมีคนตาย 70,000คน “ซาตานยืนขึ้นต่อสู้อิสราเอล และดลใจให้ดาวิดนับจำนวนอิสราเอล ดาวิดจึงตรัสกับโยอาบและบรรดาผู้นำของกองทัพว่า “จงไปนับอิสราเอลตั้งแต่เมืองเบเออร์เชบาถึงเมืองดาน แล้วนำรายงานมาให้เรา เพื่อจะได้ทราบจำนวนรวมของเขาทั้งหลาย”” ~1 พงศาวดาร 21:1-2 THSV11 “และดาวิดทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ได้ทำบาปใหญ่ยิ่งในการที่ข้าพระองค์ได้ทำสิ่งนี้ แต่บัดนี้ขอทรงให้อภัยความบาปชั่วของผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ได้ทำ การอย่างโง่เขลามาก”” ~1 พงศาวดาร 21:8 THSV112.อาวุธที่ซาตานใช้ในการโจมตี คือ ราคะ โมหะ โทสะ และความเย่อหยิ่ง(ของผู้นำ&สมาชิก) 2.1. ราคะ ~กรณีของนางบัทเชบา (2ซมอ.11:1-27) 2.2.โมหะ~กรณีนับจำนวนอิสราเอล(1พศด.21:1-7) ปท.อพยพ.30:11-16 2.3.โทสะ~กรณีนาบาลดูถูก(1ซมอ.25:1-13) 2.4.เย่อหยิ่ง~กรณีไม่ฟังคำทัดทานของโยอาบเรื่องนับจำนวนอิสราเอล (1พศด.21:3-7)3. จุดประสงค์ในการโจมตีของซาตาน คือการทำให้ผู้นำ(&สมาชิก)เอาอัตตาเป็นตัวตั้ง ไม่ฟัง(คนของ)พระเจ้า 3.1.กษัตริย์อุสซียาห์(1พศด.26:16-21)~ผยอง ลืมตัว ทำเกินบทบาท ไม่ฟังคำเตือน 3.2.ประชาชนอิสราเอล(ฉธบ.6:10-12)~เอาพรแต่ลืมพระเจ้า ผู้ให้พร4.การรับมือกับการโจมตีของซาตาน คือ 4.1.เราต้องถวายตัว รวมทั้งความตั้งใจของเราแด่พระเจ้า~แล้วพระเจ้าจะเปลี่ยนแปลงเรา “ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอัน บริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของ ท่าน อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัย ของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” ~โรม 12:1-2 THSV11 4.2.เราต้องตั้งใจเชื่อฟังพระเจ้าและคนของพระองค์ ~แล้วพระเจ้าจะยกชูเรา “ถ้าท่านตั้งใจเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และระวังที่จะ ทำตามพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงตั้งท่านไว้ให้สูงกว่าบรรดาประชาชาติทั่วโลก” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 28:1 THSV11 4.3.เราต้องให้พระวิญญาณบริสุทธิ์และพระคริสต์ครอบครองและกระทำกิจ ก.อยู่ภายในเรา และ ข.ผ่านตัวของเรา ~แล้วพระเจ้าจะประทานความสามารถและชันะให้แก่เรา “เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์ และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์” ~ฟีลิปปี 2:13 THSV11 พี่น้องที่รัก ขอให้เรา1.รักษาความตั้งใจดีๆของเราไว้อย่างมั่นคง และ2.ละทิ้งความตั้งใจที่จะทำชั่วทั้งมวลทิ้ง3.พร้อมรับมือกับการโจมตีของซาตาน ที่มุ่งควบคุมและใช้ความตั้งใจของเราไป 1).ทำชั่ว หรือ 2).ทำสิ่งที่ขัดกับน้ำพระทัยของพระเจ้า 4.มอบความตั้งใจของเราให้พระเจ้าทรงควบคุม และ ตั้งใจทำดีตามพระประสงค์ด้วยความเชื่อฟังแบบ 100% …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 13กรกฎาคม2025 (ตอนที่104 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ตายเพราะปาก Ep.1328 การพูดความจริงเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ความจริงที่ออกจากปากนั้นต้องไม่มีเจตนาแอบแฝงเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะแม้คำพูดจะดูน่าเชื่อถือเพียงใดแต่หากมีแรงจูงใจที่ผิด มันสามารถย้อนกลับมาทำร้ายเราเองได้ พระธรรม 1 ซามูเอล 31:4 บันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า ซาอูลล้มทับดาบเสียชีวิต แต่ชายที่นำข่าวมานั้นแม้เขามีหลักฐานเป็นมงกุฎและกำไรมายืนยันว่าเขาเป็นคนช่วยซาอูลให้จากไป เราไม่รู้ได้ว่าเขาต้องการอะไร เขาอาจหวังจะได้รับความชอบในสายตาของผู้นำคนใหม่ แต่เขาพลาดเพราะเขาประเมินความคิดและหัวใจของดาวิดผิดไป'ดาวิดถามเขาว่า “ทำไมเจ้าไม่เกรงกลัวในการยื่นมือออกทำลายผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้” ' 2 ซามูเอล 1:14 ดาวิดไม่ได้ตัดสินเขาจากสิ่งที่เห็น แต่ดาวิดตัดสินจากจากสิ่งที่เขาพูดด้วยปากของตนเอง'ดาวิดกล่าวแก่ชายนั้นว่า “ความผิดเรื่องความตายของเจ้าตกอยู่กับเจ้า เพราะปากของเจ้าปรักปรำตัวเจ้าเองว่า ‘ข้าพเจ้าได้ฆ่าผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้' ” ' 2 ซามูเอล 1:16 ชายชาวอามาเลขคนนี้ไม่ได้ตายเพราะดาบ แต่ตายเพราะคำพูดของตนเอง ขอให้เรื่องนี้จะเตือนใจเราว่า การโกหกบางทีอาจจะช่วยให้รู้สึกดี แต่เรื่องนี้ชายคนนี้ตายเพราะเรื่องโกหก คำพูดที่มีเจตนาแอบแฝง แม้จะดูจริงแค่ไหน ก็เป็นภัยแน่นอนหากเราพูดออกไป'ลิ้นมีอำนาจชี้เป็นชี้ตาย คนที่รักการพูดจะได้กินผลของมัน ' สุภาษิต 18:21 TNCV ขอให้เราพูดแต่ความจริง การพูดไม่จริงนั้นส่งผลกลายเป็นหายนะได้ และในอีกมุมขอเราอย่าหลงเชื่อเพียงเพราะบางสิ่งที่ดูเหมือนจริง ขอให้เราฟังให้ครบ ถามให้รอบครอบ และชั่งน้ำหนักด้วยสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า สุดท้ายขอให้เราจะให้เกียรติคนของพระเจ้า แม้เขาจะผิดพลาด เพราะคนที่ให้เกียรติพระเจ้าโดยให้เกียรติคนของพระเจ้า ก็จะได้รับเกียรติด้วยในเวลาของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่103) จงระวังการโจมตีของซาตาน(2) “ซาตานเข้าดลใจยูดาสที่เรียกว่าอิสคาริโอท ซึ่งเป็นหนึ่งในสาวกสิบสองคน” ~ลูกา 22:3 THSV11 “Then Satan entered the heart of Judas Iscariot, who was one of the twelve apostles.”. ~ Luke 22:3 CEV ชาตานเก่งในการโจมตี จิตใจหรือความคิดของมนุษย์ มันครอบงำความคิด อารมณ์ และนำให้เราทำสิ่งที่ผิดบาปและหลังจากนั้น มันก็จะกล่าวหาหรือฟ้องเราในเรื่องความผิดพลาดที่เราทำไป1.เป้าการโจมตีของซาตาน คือ ความคิด จิตใจและจิตสำนึกของเรา ปกติ ก่อนเราทำบาป มารมักกระซิบกับเราในความคิดว่า "ไม่เป็นไรหรอก!" แต่หลังจากที่เราทำบาป มารมันก็จะตะโกนดังก้องว่า "เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!“2.อาวุธของซาตานที่ใช้โจมตี คือ คำกล่าวหา &ใจไม่ให้อภัย 2.1. คำกล่าวหาของ ซาตาน คือใช้บาปที่เราทำมาโจมตีเรา 2.2.อุบายของซาตาน คือทำให้เราไม่ให้อภัยผู้อื่น(หรือแม้แต่ตัวเอง) 2.3.ไม้ตายของซาตาน คือหว่านความสงสัยและทำให้เราไม่เชื่อฟังพระเจ้า3.จุดประสงค์ในการโจมตีของซาตาน คือทำให้เราเกิดความรู้สึกผิด แต่ไม่กลับใจใหม่ 3.1.ยูดาส -เสียใจอย่างโลก ผูกคอตาย “เมื่อยูดาสคนที่ทรยศพระองค์เห็นว่าพระองค์ทรงถูกลงโทษก็เสียใจ จึงนำเงินสามสิบเหรียญ นั้นมาคืนให้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าทำบาปที่ทรยศคนบริสุทธิ์ถึงตาย” พวกเขาจึงกล่าวว่า “มันเกี่ยวอะไรกับเรา? มันเป็นเรื่องของเจ้าเอง” ยูดาสจึงทิ้งเงินนั้นไว้ในพระวิหารและจากไป แล้วออกไปผูกคอตาย” ~มัทธิว 27:3-5 THSV11 3.2. เปโตร -เสียใจ กลับใจใหม่ตามประสงค์ของพระเจ้า เริ่มต้นใหม่ “เพราะว่าความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทำให้เกิดการกลับใจ ซึ่งจะนำไปสู่ ความรอดและจะไม่ทำให้เสียใจ แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำสู่ความตาย” ~2 โครินธ์ 7:10 THSV11 คุณจะเลือกเป็นคนไหน?4.การรับมือกับการโจมตีของซาตาน -เราต้องรู้กลอุบายของมารและจดจ่อกับพระเยซูคริสต์ 4.1.เราต้องไม่หลงจดจ่ออยู่กับความผิดพลาดที่ซาตานฟ้อง “ใจของข้าพระองค์ตรอมตรมอยู่ภายใน และความสยดสยองของความตายโถมทับข้าพระองค์” ~สดุดี 55:4 THSV11 4.2.เราควรจดจ่ออยู่ที่พระเยซูผู้ ก.อภัยโทษและชำระบาปผิดให้เราและคนอื่นแล้ว (เมื่อเราหรือเขารับผิดและสารภาพ) “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” ~1 ยอห์น 1:9 THSV11 ข.อธิษฐานเผื่อเรา “ซีโมน ซีโมนเอ๋ย นี่แน่ะ ซาตานขอพวกท่านไว้ เพื่อจะฝัดร่อนเหมือนฝัดข้าวสาลี แต่เราอธิษฐานเผื่อตัวท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้ขาด และเมื่อท่านหันกลับ แล้วจงชูกำลังพี่น้องทั้งหลายของท่าน”” ~ลูกา 22:31-32 THSV11 ค.ประทานพระคุณให้ในยามที่เราต้องการ(เมื่อถูกทดลองหรือทดสอบ) “ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้า เพื่อเราจะได้รับ พระเมตตา และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ” ~ฮีบรู 4:16 THSV11 4.3.เราควรจดจ่อกับการร่วมสามัคคีธรรมกับพระเยซูและพี่น้องในคริสตจักรอีกครั้ง ก.เราควรให้อภัยแก่ผู้ที่ทำผิดที่กลับใจ และให้โอกาสในการเริ่มต้นใหม่แก่เขา “ฉะนั้นท่านทั้งหลายควรจะยกโทษและปลอบใจคนนั้นมากกว่า เพื่อว่าเขาจะไม่จมลงในความทุกข์มากมาย ดังนั้นข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้ยืนยัน ความรักต่อคนนั้นใหม่ นี่คือเหตุที่ข้าพเจ้าได้เขียนถึงพวกท่านก่อนหน้านี้ คือ จะทดสอบพวกท่านดูว่าท่านจะยอมเชื่อฟังในทุกเรื่องหรือไม่ ถ้าพวกท่านยกโทษ ให้ใคร ข้าพเจ้าก็จะยกโทษให้เขาด้วย และถ้าข้าพเจ้ายกโทษเรื่องอะไรไป(ถ้ามี เรื่องใดที่ข้าพเจ้าจะต้องยกโทษให้) ข้าพเจ้าก็ทำเฉพาะพระพักตร์พระคริสต์เพราะ เห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อไม่ให้ซาตานได้เปรียบเรา เพราะเรารู้กลอุบายของมันแล้ว” ~2 โครินธ์ 2:7-11 THSV11 ข.เราควรกลับใจใหม่ ไม่ปิดซ่อนบาปแต่สารภาพ ให้อภัยแก่ตัวเองและเริ่มต้นใหม่เช่นกัน “ผู้ซ่อนการละเมิดของตนไว้จะไม่เจริญ แต่ผู้สารภาพและทิ้งมันจะได้ความกรุณา” ~สุภาษิต 28:13 THSV11 4.4.เราต้องไม่ทำบาปนั้นซ้ำ หรือให้โอกาสกับมารอีก “อย่าให้โอกาสแก่มาร” ~เอเฟซัส 4:27 THSV11 “ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อ ท่านจะได้ไม่ทำบาป และถ้าใครทำบาป เราก็มีผู้ช่วยทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น” ~1 ยอห์น 2:1 THSV11 พี่น้องที่รัก คุณพร้อมที่จะรับมือกับการจู่โจมของซาตาน โดยการทำตามคำแนะนำข้างต้นหรือไม่ครับ? …ตอบที!
พระธรรมนำชีวิตตอน ใช้โอกาสให้เหมาะ Ep.1327เราเดินทางกันต่อในพระธรรม 2 ซามูเอล ซึ่งเปิดฉากด้วยช่วงเวลาสำคัญหลังการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ซาอูล ผู้ที่เคยไล่ล่าดาวิดมาอย่างยาวนานหลายปี น่าแปลกใจที่ทันทีที่ดาวิดได้ยินข่าวการจากไปของซาอูลที่เคยกดดันชีวิตของตนมาตลอด เขาไม่ได้แสดงความยินดีแต่เขาร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า หลังจากที่ดาวิดกลับมาด้วยชัยชนะจากพวกอามาเลข และพักอยู่ที่เมืองศิกลากเพียงสองวัน ในวันที่สามมีชายคนหนึ่งวิ่งมาด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่น ตัวเต็มไปด้วยฝุ่น'ดาวิดจึงถามชายหนุ่มที่มาบอกนั้นว่า “เจ้าทราบได้อย่างไรว่า ซาอูลและโยนาธานราชโอรสของท่านสิ้นพระชนม์?” ' 2 ซามูเอล 1:5ชายคนนี้ได้เล่าเรื่องของซาอูลที่ผมเองคิดว่า ตัวเขาเองคิดว่าเขาจะได้รับรางวัลจากดาวิด เขาเล่าว่าระหว่างทางที่เขามา เขาพบกับซาอูลที่บาดเจ็บทรมานมาก ซาอูลจึงขอให้ตัวเขาจัดการซาอูลให้พ้นความทรมานนี้ ในข้อที่ 10 บอกว่า ชายคนนี้เป็นคนที่ช่วยซาอูลให้พ้นทุกข์และเขานำมงกุฎกับกำไลของซาอูลมาให้ดาวิด สิ่งที่ดาวิดตอบสนองไม่ใช่ความยินดี 'แล้วดาวิดฉีกเสื้อของตน และคนทั้งปวงที่อยู่กับท่านก็ทำเหมือนกัน และพวกเขาคร่ำครวญและร้องไห้และอดอาหารจนถึงเวลาเย็น ให้ซาอูลและโยนาธานราชโอรสของพระองค์ และให้ประชากรของพระยาห์เวห์และพงศ์พันธุ์อิสราเอล เพราะพวกเขาต้องล้มตายด้วยดาบ ' 2 ซามูเอล 1:11-12ในเวลาที่คนอื่นมองว่า นี่คือโอกาสของชัยชนะ แต่ดาวิดกลับมองว่ามันไม่ใช่ แม้ซาอูลจะเคยทำร้ายดาวิดมาก่อน แต่ดาวิดยังให้เกียรติแก่ผู้นำที่พระเจ้าเคยตั้งไว้ สำหรับเราในวันนี้ละ เราตอบสนองต่อการเปลี่ยนผ่าน หรือการสิ้นสุดของบางสิ่งอย่างไร เรามีท่าทีอย่างไรกับคนที่เคยทำร้ายเรา เราดีใจไหมเมื่อผู้อื่นล้มเหลวหรือสะดุดล้มลง วันนี้บทเรียนจากดาวิดสอนเราว่า โอกาสที่มาถึงไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเอง ขอพระเจ้านำให้เราจะมีสติปัญญาในการใช้ทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิตให้ถูกต้องตามพระทัยของพระเจ้าวุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่102) จงระวังการโจมตีของซาตาน! “จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” ~1 เปโตร 5:8 THSV11 “Be alert, be on watch! Your enemy, the Devil, roams around like a roaring lion, looking for someone to devour.” ~1 Peter 5:8 GNTมาร หรือ ซาตาน ได้ชื่อว่า “จอมทำลาย” ที่พร้อมจะจู่โจมเล่นงานเราในรูปแบบต่างๆเราจึงต้องระวังระไวให้ดี! ให้เรามาเรียนรู้ว่า ซาตานจะโจมตีเราในเรื่องอะไรและอย่างไร?วันนี้ เราจะกล่าวถึง เป้าหมายอันดับแรก ในการโจมตีของซาตาน1.เป้าหมายแรกในการโจมตีของซาตาน คือ ร่างกายของเรา ~ไม่ว่าใครก็อาจถูกโจมตีในเรื่องนี้ได้ แม้แต่คนดีอย่างโยบหรือผู้รับใช้พระเจ้าก็ยังโดน “ขณะเมื่อพระเยซูกำลังเสด็จออกไปจากที่นั่นกับเหล่าสาวก ก็มีคนพาคนใบ้คนหนึ่งที่มีผีสิงอยู่มาหาพระองค์ เมื่อทรงขับผีออกแล้ว คนใบ้นั้นก็พูดได้ ฝูงชนก็อัศจรรย์ใจพูดกันว่า “เรื่องเช่นนี้ไม่เคยปรากฏในอิสราเอลเลย”” ~มัทธิว 9:32-33 THSV11 “ขณะนั้นเขาพาคนถูกผีสิงคนหนึ่งที่ตาบอดและเป็นใบ้มาหาพระองค์ พระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย คนนั้นก็พูดได้และมองเห็น” ~มัทธิว 12:22 ;17:14-15,8-20;ลก.13:11-13 ;THSV11“และเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวเกินไป เนื่องจากการสำแดงอันยิ่งใหญ่ ก็ทรงให้มีหนามในเนื้อของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นทูตของซาตานที่คอยโบยตีข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะไม่ยกตัวเกินไป เรื่องหนามนั้น ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า” ~2 โครินธ์ 12:7-8 THSV112.อาวุธที่ซาตานใช้โจมตีเรา คือ การทนทุกข์ทรมาน ~ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ ความเจ็บปวดหรือเจ็บป่วยอาจมาเยือนเราแบบไม่ทันตั้งตัว “แล้วซาตานทูลตอบพระยาห์เวห์ว่า “หนังแทนหนัง คนย่อมให้ทุกอย่างที่เขามีอยู่แทนชีวิตของเขา แต่บัดนี้ขอเหยียดพระหัตถ์แตะต้องกระดูกและเนื้อของเขา แล้วเขาจะแช่งพระองค์ต่อพระพักตร์พระองค์” และพระยาห์เวห์ตรัสกับซาตานว่า “ดูเถิด เขาอยู่ในมือเจ้า จงไว้ชีวิตเขาเท่านั้น””~โยบ 2:4-6 THSV113.จุดประสงค์ที่ซาตานโจมตีเรา คือ การทำให้เรายอมแพ้ และตามมันไป ~แม้เราคิดว่าเรามั่นคงดี ก็อย่าประมาทเพราะมารจะพยายามคว่ำเรา จงระวังและทรหดอดทน “เพราะมีบางคนหลงตามซาตานไปแล้ว” ~1 ทิโมธี 5:15 THSV11 “พี่น้องทั้งหลาย จงเอาอย่างการทนทุกข์และการอดทนของบรรดาผู้เผยพระวจนะซึ่งกล่าวในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า นี่แน่ะ เราถือว่าคนเหล่านั้นที่สู้ทนก็เป็นสุข ท่านได้ยินเรื่องความทรหดอดทนของโยบ และได้เห็นสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขาในบั้นปลาย คือว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีความสงสารและความเมตตากรุณาเพียงไร” ~ยากอบ 5:10-11 THSV11 4.การรับมือกับการโจมตีของมาร คือ มีความศรัทธาและพึ่งพระคุณของพระเจ้า 1).พึ่งพระคุณของพระเจ้า “แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความ อ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดา ความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า” ~2 โครินธ์ 12:9 THSV11 2).เข้าใกล้ชิดพระเจ้าด้วยใจกล้า “ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้า เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ” ~ฮีบรู 4:16 THSV11 3).รับการเสริมเรี่ยวแรงจากพระเจ้า “และหลังจากพวกท่านทนทุกข์ชั่วเวลาหนึ่งแล้ว พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ผู้ได้ทรงเรียกให้ พวกท่านเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ของพระองค์ในพระ[เยซู]คริสต์ พระองค์เองก็จะทรงฟื้นฟู จะทรงค้ำจุนให้มั่นคง จะทรงเสริมเรี่ยวแรง และจะทรงให้พวกท่านตั้งมั่นอยู่” ~1 เปโตร 5:10 THSV11 4).สร้างภูมิคุ้มกันชีวิตด้วยพระวจนะของพระเจ้า “บัดนี้ข้าพเจ้าฝากท่านไว้กับพระเจ้าและกับคำแห่งพระคุณของพระองค์ซึ่งสามารถก่อสร้าง ท่านขึ้นได้และให้ท่านมีมรดกด้วยกันกับบรรดาธรรมิกชน” ~กิจการ 20:32 THSV11 5).ขอบคุณพระเจ้าให้ได้ในทุกกรณี “จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สำหรับพวกท่านในพระเยซูคริสต์” ~ 1 เธสะโลนิกา 5:18 THSV11 6).ให้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า แม้ถูกซาตานหรือมนุษย์โจมตี “แต่ถ้าทนทุกข์เพราะได้ชื่อว่าเป็นคริสตชน ก็อย่า ให้คนนั้นละอายเลย แต่ให้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะชื่อนั้น” ~1 เปโตร 4:16 THSV11 …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 11กรกฎาคม2025 (ตอนที่102ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่101) ใครจะกล้าทำดี? “เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ทำการดี ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเพื่อให้เราดำเนินตาม” ~เอเฟซัส 2:10 THSV11 “For we are God's handiwork, created in Christ Jesus to do good works, which God prepared in advance for us to do.” ~Ephesians 2:10 NIV กาลครั้งหนึ่ง มีพระราชาองค์หนึ่งนำก้อนหินใหญ่มาวางไว้กลางถนน แล้วทรงแอบซ่อนพระองค์เพื่อคอยเฝ้าดูว่าจะมีใครช่วยเคลื่อนย้ายหินก้อนใหญ่ออกไปบ้าง?ตลอดเวลาที่ผ่านไป มีข้าราชการ พ่อค้า รวมทั้งประชาชนจำนวนมากเดินผ่านมาและต่างก็อ้อมก้อนหินนั้นไปเฉย ๆ แม้จะบางครั้งจะมีบางคนลังเล อยากจะเคลื่อนย้ายหินนั้นแต่สุดท้ายต่างก็เดินผ่านไป จากนั้นก็เริ่มมีเสียงตำหนิพระราชาที่ไม่เอาสิ่งที่กีดขวางออกไปจากถนน แต่กระนั้นก็ยังคงไม่มีใครยอมทำอะไรเพื่อเอาหินก้อนใหญ่ที่ขวางทางสัญจรของคนส่วนใหญ่นี้ออกไป เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ หลายวัน หลายสัปดาห์ จนกระทั่งวันหนึ่ง มีชาวนาคนหนึ่งเดินผ่านมา ทั้งๆ ที่มีพืชผักอยู่เต็มอ้อมแขน แต่เขาก็วางลง แล้วเดินตรงไปที่ก้อนหินก้อนนั้น แล้วทำในสิ่งที่ใคร ๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่ทำกัน นั่นคือ เขาลงมือเคลื่อนย้ายก้อนหินนั้นออกไปให้พ้นทาง แม้จะยากลำบาก แต่ในที่สุดเขาก็ทำได้จนสำเร็จ ชาวนาผู้นั้นได้พบว่า ภายใต้ก้อนหินก้อนนั้น มีถุงอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเปิดถุงก็พบทองคำอยู่จำนวนมาก พร้อมกับลายพระหัตถ์ของพระราชาที่เขียนไว้ว่า.... “ทองคำเหล่านี้ ขอมอบให้กับผู้ที่กล้าแตกต่างจากผู้อื่น ในการกระทำดีเพื่อส่วนรวม คือยกก้อนหินนี้ออกไป!" พี่น้องที่รัก1.คุณเคยประสบกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์ใด ที่คล้ายคลึงกับเรื่องข้างต้นนี้บ้างหรือไม่? 1).ในบ้าน 2).ในโบสถ์ 3).ในสถานศึกษา 4).ในที่ทำงาน 5).ในชุมชน 6).ในสังคม?(แบ่งปัน)2.เวลานี้มีอะไรบ้างที่เป็นดุจก้อนหินใหญ่ที่ขวางทางชีวิต การทำงาน หรือการรับใช้ของคุณหรือคนส่วนใหญ่ ที่ส่งผลกระทบต่อความผาสุกและความเจริญก้าวหน้าของส่วนรวม แต่ไม่มีใครยอม หรือ กล้าจัดการหรือทำอะไรกับมัน? แล้วผลที่เกิดขึ้นคือคืออะไร?2.ใครคือคนที่คุณรู้สึกชื่นชมในตัวเขาที่กล้าหาญยอมแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในการลงมือเคลื่อนย้ายหรือกำจัด "อุปสรรค" ที่เป็นดุจก้อนนั้นออกไปจากที่ๆคุณอยู่?เขาทำอะไร และอย่างไร?3.คุณเคยกล้าลงมือกระทำอะไรบ้างที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เพื่อกำจัดก้อนหิน(อุปสรรค)ให้พ้นทางและก่อเกิดประโยชน์สุขต่อองค์กร คริสตจักร ชุมชน หรือสังคมของคุณบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร?แล้วมีผลอะไรเกิดขึ้นกับคุณบ้าง? มีพระคัมภีร์ตอนใด หรือ ข้อใดเป็นแรงดลใจให้คุณกระกระทำชั้นนั้นหรือไม่? พี่น้องที่รัก เราทุกคนถูกสร้างมาเพื่อที่จะทำดี ถ้ามนุษย์ทุกคนต่างทำความดีต่อกันในทุกโอกาสตามพระประสงค์ของของพระเจ้า โลกนี้จะน่าอยู่และมีความสุขเพิ่มขึ้นกว่าที่เป็นอยู่มากมายสักเท่าใด? เวลานี้ มีปัญหาหรือ สถานการณ์ใด ที่กำลังรอใครสักคนเข้ามาช่วยแก้ไข แต่ยังไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาจัดการ แล้วคุณล่ะ จะกล้าแตกต่างในการอาสาทำดีด้วยการเข้าไปจัดการกับอุปสรรคนั้นเพื่อคนทั้งหลายหรือไม่? ทำไม?และอย่างไร?…ตอบที! ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 10กรกฎาคม2025 (ตอนที่101 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ไม่ทอดทิ้งใครเลย Ep.1325 โลกมักจะให้ความสำคัญกับผู้คนที่อยู่ข้างหน้าแต่มักลืมคนที่อยู่ข้างหลัง แต่ดาวิดให้ความสำคัญและให้หลักการของชีวิตซึ่งเป็นตัวอย่างที่น่าเลียนแบบ หลังจากดาวิดช่วยกู้ครอบครัวและทรัพย์สินกลับมาได้แล้ว เขาได้กลับมาหาชาย 200 คนที่รอคอยเขาอยู่ที่ลำธารเบโสร์'คนอธรรมและคนก่อกวนทั้งสิ้นในพวกคนที่ติดตามดาวิดไปกล่าวว่า “เพราะพวกเขาไม่ไปกับเรา เราจะไม่ให้สิ่งที่เรายึดมาได้แก่พวกเขา นอกจากที่เราช่วยกู้มาให้ชายทุกคน คือภรรยาของเขาและพวกบุตรชายของเขา ให้พวกเขาไปได้” ' 1 ซามูเอล 30:22 พระวจนะของพระเจ้าเรียกคนของดาวิดว่า “คนอธรรมและคนก่อกวน” ดาวิดกำลังเผชิญกับความกดดันจากภายใน ถ้าเรามองย้อนไปคนกลุ่มนี้มาจากคนที่มีปัญหา 1 ซามูเอล 22:2 ได้บอกว่า คนพวกนี้มีหนี้สิน ความทุกข์ยาก ตอนนี้พวกเขาเริ่มโชว์ความใจแคบและความเห็นแก่ตัว 'แต่ดาวิดกล่าวว่า “พวกพี่น้องของข้าพเจ้า พวกท่านอย่าทำอย่างนั้นกับสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์ทรงมอบแก่พวกเรา ผู้ได้ทรงพิทักษ์รักษาพวกเราไว้และทรงมอบกองปล้นซึ่งมาต่อสู้กับพวกเราไว้ในมือของพวกเรา ' 1 ซามูเอล 30:23 ดาวิดไม่ยอมทำตามเสียงของคนหมู่มาก เขายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้ตามสิ่งที่ถูกใจคนส่วนใหญ่ พวกเราเองต้องยึดหลักการในพระเจ้ามากกว่าที่จะได้รับความนิยมจากผู้ตาม 'ในเรื่องนี้ใครจะฟังพวกท่าน เพราะคนที่ลงไปในสงครามได้ส่วนแบ่งของพวกเขาอย่างไร คนที่อยู่กับกองสัมภาระก็จะได้รับส่วนแบ่งอย่างนั้นเหมือนกัน” ' 1 ซามูเอล 30:24 ดาวิดประกาศอย่างชัดเจนว่า ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนของทีมจะได้รับส่วนแบ่งเท่าๆกัน ขอให้เราจะสนใจทีมงานในทุกภาคส่วน เพื่อจะสำแดงพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อเรา'เมื่อดาวิดมาถึงเมืองศิกลากแล้ว ก็ส่งของที่ยึดได้นั้นส่วนหนึ่งไปให้เพื่อนๆ ซึ่งเป็นพวกผู้ใหญ่ในยูดาห์กล่าวว่า “นี่เป็นของขวัญสำหรับพวกท่านจากของที่ยึดจากพวกศัตรูของพระยาห์เวห์” ' 1 ซามูเอล 30:26 ดาวิดมีหัวใจแห่งการให้และการแบ่งปันเสมอ เขาแบ่งปันของที่ยึดมาเป็นของขวัญให้เพื่อนซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในยูดาห์ เราเห็นถึงน้ำใจของดาวิดที่คิดถึงคนอื่นเสมอ 'อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ ด้วย ' ฟีลิปปี 2:3-4 ขอให้เราให้เกียรติ และจะเห็นรู้คุณค่าของคน ของทุกบทบาทหน้าที่ อย่าดูถูกบทบาทของคนเล็กน้อย แต่ให้เรามีชีวิตตามอย่างพระเยซู พระพรของพระเจ้านั้นไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อตัวเอง แต่มีไว้เพื่อแบ่งปันความสุขนั้นกับผู้คน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่100) “9L” เพื่อการเลี้ยงลูกให้รับใช้พระเจ้า! “และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า แล้วข้าพเจ้าทูลว่า ” ~อิสยาห์ 6:8 TH1971 “Then I heard the Lord's voice saying, “Whom should I send, and who will go for us?” I said, “I'm here; send me.”” ~Isaiah 6:8 CEB ในพระคัมภีร์มีแนวทางในการเลี้ยงลูกหลานให้รับใช้พระเจ้ามากมาย อาทิ 1️⃣ Lend to God ~ให้พระเจ้ายืม “ดิฉันอธิษฐานขอเด็กคนนี้ และพระเจ้าประทานตามคำทูลขอของดิฉัน เพราะฉะนั้นดิฉันจึงให้ยืมเขาไว้แด่พระเจ้าตราบใด ที่เขามีชีวิตอยู่ ดิฉันจะให้ยืมเขาไว้แด่พระเจ้า และเขาก็นมัสการพระเจ้าที่นั่น” -1 ซามูเอล 1:27-28 TH1971 “Therefore I have lent him to the Lord; as long as he lives, he is lent to the Lord.” And they worshiped the Lord there.” -1 Samuel 1:28 RSV ให้เราเลี้ยงลูกเหมือนเขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ไม่ใช่สมบัติของเรา 2.Let God use ~ให้พระเจ้าใช้ “นี่แน่ะ บุตรทั้งหลายเป็นมรดกจากพระยาห์เวห์ ผลิตผลของครรภ์เป็นรางวัล บุตรทั้งหลายที่เกิดเมื่อบิดายังหนุ่ม ก็เหมือนลูกธนูในมือนักรบ ชายใดมีลูกธนูเต็มแล่งก็เป็นสุข เขาจะไม่ต้องอับอายเมื่อเขาตอบโต้ศัตรูที่ประตูเมือง” ~สดุดี 127:3-5 THSV11 ~ให้พระเจ้าใช้ลูกของเราเหมือนลูกธนูในหัตถ์พระเจ้า 3.Learn God's Word & God's Way ~ให้เรียนรู้พระวจนะและทางของพระเจ้า “จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเติบใหญ่ เขาจะไม่พรากจากทางนั้น” . ~สุภาษิต 22:6 THSV11 ปท. เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4-9 ~ให้เราเตรียมลูกเราให้พร้อมรับใช้พระเจ้าตามวิถีของพระคัมภีร์ 4. Live Up to God's Purpose ~ให้รับใช้ตามพระประสงค์ของพระเจ้า “ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์” ~โยชูวา 24:15; มัทธิว 12:50 ~ให้เราปลูกฝังทัศนคติที่ว่า “การรับใช้คือการถวายเกียรติพระเจ้า” ไม่ว่าลูกจะทำอาชีพหรือทำงาน ให้ทำเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการรับใช้พระเจ้า 5️⃣ Link together in Prayer ~ให้อธิษฐานผูกพันร่วมกับลูกในการรับใช้ “อยู่มาเมื่อนางยังอธิษฐานต่อพระเจ้าอยู่นั้น เอลีก็สังเกตดูปากของนาง” ~1 ซามูเอล 1:12 TH1971 “พวกเขาร่วมใจกันขะมักเขม้นอธิษฐานพร้อมกับพวกผู้หญิง และมารีย์มารดาของพระเยซู และพวกน้องชายของพระองค์ด้วย” -กิจการ 1:14 TH1971 ~ให้เราเชื่อมโยงจิตวิญญาณของเรากับลูกเข้าด้วยกันผ่านการอธิษฐาน 6.Lead as Example – ให้เป็นแบบอย่างที่ดี “ข้าพเจ้าระลึกถึงความเชื่ออย่างจริงใจของท่านซึ่งเป็นความเชื่อที่โลอิสยายของท่านมีเป็นคนแรก แล้วมีในยูนีสมารดาของท่าน และบัดนี้ข้าพเจ้าก็เชื่อว่ามีอยู่ในตัวท่านด้วย” ~2 ทิโมธี 1:5 THSV11ปท. ทิตัส 2:7 ~ให้เราเป็นแบบอย่างดีๆ ในการรับใช้ เพื่อให้ลูกเจริญรอยตาม 7.Labor Together – ให้มีส่วนร่วมในงานรับใช้อย่างมีวินัย “แต่ท่านก็รู้ถึงคุณค่าของทิโมธีดีแล้ว ว่าเขาได้รับใช้ร่วมกับข้าพเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐ เสมือนบุตรรับใช้บิดา” -ฟีลิปปี 2:22 TH1971 ~ให้เรามีเวที ที่ลูกได้รับโอกาสในการรับใช้ร่วมกับเราอย่างรับผิดชอบ 8.Love God & His Family – ให้รักครอบครัว(คริสตจักร) ของพระเจ้า “เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัว ที่มีความเชื่อ” ~กาลาเทีย 6:10 TH1971 ปท. 1 โครินธ์ 16:15 “ซาโลมอนทรงรักพระเจ้า ทรงดำเนินตามกฎเกณฑ์ของดาวิดราชบิดาของพระองค์ เว้นแต่พระองค์ทรงถวายสัตวบูชาและเผาเครื่องหอม ณ ปูชนียสถานสูง” ~1 พงศ์กษัตริย์ 3:3 TH1971 ~ให้ลูกหลานเห็นการแสดงความรักที่เรามีต่อพระเจ้าและต่อคริสตจักรออกมา เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาทำตาม 9. Loyal to God ~ให้จงรักภักดีต่อพระเจ้า “คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่าน เพราะความภักดีที่ท่านมีต่อเรา แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด” ~มาระโก 13:13 TH1971 “แม้แต่บิดามารดาญาติพี่น้องและมิตรสหายจะอายัดท่านไว้ และพวกเขาจะฆ่าบางคน ในพวกท่านเสีย คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะความภักดีที่ท่านมีต่อเรา แต่ผมของท่านสักเส้นหนึ่งจะเสียไปก็หามิได้ ท่านจะได้ชีวิตรอดโดยความอดทนของท่าน” ~ลูกา 21:16-19 TH1971 พี่น้องที่รัก เวลานี้ ลูกๆของคุณกำลังติดตามพระเจ้าอย่างมั่นคง และมีใจปรารถนาที่จะรับใช้พระองค์อย่างจริงจัง เพราะอิทธิพลที่ดีของคุณอยู่หรือไม่? หรือว่า คุณมีพ่อแม่ หรือ ใครบางคนในครอบครัวที่กำลังรับใช้อยู่บ้างหรือไม่ครับ? คุณรู้สึกอย่างไร? …ช่วยตอบที! ~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 9กรกฎาคม2025 (ตอนที่100 ของปีที่5) #YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิต ตอน ให้คืนมากกว่าเดิม Ep.1324 ในเวลาของพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดที่สูญเปล่า เราอาจจะผ่านความสูญเสีย เจ็บปวด หรืออาจจะถูกปล้นสิ่งของหรือความสำเร็จไป พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา พระองค์ไม่เพียงแต่คืนสิ่งที่ขาดหายไป แต่พระองค์ยังทรงเพิ่มพูนให้มากขึ้น มากกว่าเดิม มากกว่าที่เราคาดคิดไว้ หลังจากดาวิดหยุดช่วยชายหนุ่มชาวอียิปต์ที่อ่อนแรงกลางทาง พระเจ้าทรงใช้คนนั้นพาเขาไปยังค่ายของพวกอามาเลข ซึ่งขณะนั้นพวกอามาเลขกำลังกินดื่ม เต้นรำด้วยความมั่นใจ เพราะได้ปล้นของจากแผ่นดินฟีลิสเตียและยูดาห์มามากมาย ดาวิดไม่รอช้าเขาโจมตีพวกอามาเลขตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แทบไม่มีใครเหลือรอดมีเพียง 400 คนที่ขี่อูฐหนีไป 'ดาวิดกู้สิ่งของ ที่คนอามาเลขนำไปมาได้ทั้งหมด และดาวิดช่วยกู้ภรรยาทั้งสองของท่านมาได้ ไม่มีอะไรของพวกเขาที่ขาดไปเลย ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ บุตรชายหรือบุตรหญิง ในสิ่งที่ถูกปล้นไปหรือทุกสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นเอาไปเป็นของพวกเขา ดาวิดได้คืนมาหมด ' 1 ซามูเอล 30:18-19 พระวจนะเน้นคำว่า “กู้สิ่งของที่คนอามาเลขนำไปมาได้ทั้งหมด” และ “ไม่มีอะไรขาดไปเลย” นี่คือภาพของการไถ่คืนอย่างสมบูรณ์แบบโดยพระเจ้า สิ่งที่ศัตรูหรือคนอื่นพยายามเอาไป พระเจ้าทรงนำกลับคืนมาและมากกว่านั้น ในข้อที่ 20 บอกว่าดาวิดยังได้ฝูงแพะแกะ ฝูงโคกลับมาเพิ่มเติมอีกด้วย พระเจ้าทรงไม่เพียงช่วยเราให้ได้สิ่งที่ผู้อื่นเอาไปนั้นคืนมาแต่พระองค์ทรงให้คืนเกินกว่าที่เราเสียไป พระเจ้าของเราสามารถพลิกสถานการณ์ที่เลวร้าย ให้กลับกลายเป็นพระพรได้เสมอ'ผู้โน้มพระองค์ลงทอดพระเนตร ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก? พระองค์ทรงยกคนจนขึ้นมาจากผงคลี และทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขี้เถ้า เพื่อให้เขานั่งกับบรรดาเจ้านาย กับบรรดาเจ้านายแห่งชนชาติของพระองค์ ' สดุดี 113:6-8 อย่าท้อแท้ใจหรือยอมแพ้ในวันที่เราถูกแย่งชิงอะไรไป เพราะสถาการณ์นั้นอาจเะป็นเพียงบททดสอบคุณลักษณะชีวิตของเราว่า เราเป็นลูกพระเจ้าจริงๆหรือยัง พระเจ้าทรงถ่อมพระองค์ลงมาจากสวรรค์เพื่อนำเรากลับมาเป็นของพระองค์ ประทานคุณค่าให้เราผ่านทางความเชื่อและการวางใจในพระเยซู ขอให้เราจะรักษาท่าทีของการเชื่อฟัง และใส่ใจที่จะเมตตาผู้คนเสมอ ไม่เร่งรีบจนทิ้งบางคนที่ต้องการความช่วยเหลือ แล้วพระเจ้าจะนำเราไปสู่สถานการณ์หรือสิ่งที่เราคาดคิดไม่ถึง สิ่งที่เราเสียไป พระเจ้าทรงสามารถคืนให้อย่างครบถ้วน และบางครั้งพระเจ้าก็เพิ่มเติมให้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่99) ใครสำคัญที่สุด? “ข้าพเจ้าปลูก อปอลโลรดน้ำ แต่พระเจ้าทรงทำให้เติบโต” ~1 โครินธ์ 3:6 THSV11 “I planted the seed, Apollos watered it, but God has been making it grow.” ~1 Corinthians 3:6 NIV วันนี้ มีคำถามชวนคิดอยู่หลายข้อดังนี้ 1.วันนี้คุณทำตัวเป็นคนแบบไหน? 1).เป็นพวกที่อยู่ฝ่ายจิตวิญญาณ? 2).เป็นพวกที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง? หรือ 3).เป็นพวกที่เป็นทารกในพระคริสต์? “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจจะพูดกับท่าน เหมือนพูดกับพวกที่อยู่ฝ่ายจิตวิญญาณ แต่ต้องพูดเหมือนพวกที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เหมือนกับพวกที่เป็นทารกในพระคริสต์ “ ~1 โครินธ์ 3:12.วันนี้ คุณกินอาหารฝ่ายจิตวิญญาณแบบไหน? 1).แบบกินน้ำนมฝ่ายจิตวิญญาณ? หรือ 2).แบบกินอาหารแข็งฝ่ายจิตวิญญาณ? “ข้าพเจ้าเลี้ยงพวกท่านด้วยน้ำนม ไม่ใช่ด้วยอาหารแข็ง “ ~ 1 โครินธ์ 3:2ก.3.วันนี้ มีอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณกินอาหารแข็งฝ่ายจิตวิญญาณไม่ได้? 1).เพราะคุณยังอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง? ~อิจฉากัน? ~ขัดเคืองใจกัน?หรือ 2).เพราะคุณยังประพฤติอย่างคนทั่วไป? ~เปรียบเทียบ ~แบ่งพวกแบ่งคณะ “เพราะว่าเมื่อก่อนท่านไม่สามารถรับ และเดี๋ยวนี้ท่านก็ยังคงไม่สามารถรับได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายยังอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เพราะเมื่อยังอิจฉากัน และขัดเคืองใจกัน พวกท่านก็อยู่ฝ่ายเนื้อหนังและประพฤติอย่างคนทั่วไปไม่ใช่หรือ? เพราะเมื่อ คนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของเปาโล” และ อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของอปอลโล” ท่านทั้งหลายก็เป็นเหมือนคนทั่วไปไม่ใช่หรือ?” ~1 โครินธ์ 3:2ข.~44.วันนี้ คุณให้เกียรติแก่ทุกคนที่ทำงานตามที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้หรือไม่? “อปอลโลคือใคร? เปาโลคือใคร? คือผู้ปรนนิบัติซึ่งได้สอนพวกท่านให้เชื่อ ตามงานที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้แต่ละคน“ ~1 โครินธ์ 3:55.วันนี้ คุณยอมรับหรือไม่ว่า 1).ทุกคนที่รับใช้แม้บทบาทต่างกัน แต่ก็ล้วนเป็นพวกเดียวกัน 2).พระเจ้าผู้ทรงทำให้เติบโตนั้นต่างหาก คือผู้ที่สำคัญที่สุด “ข้าพเจ้าปลูก อปอลโลรดน้ำ แต่พระเจ้าทรงทำให้เติบโต เพราะฉะนั้นคนที่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร แต่พระเจ้าผู้ทรงให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ คนที่ปลูกและคนที่รดน้ำก็เป็นพวกเดียวกัน…” ~ 1 โครินธ์ 3:6~8ก.6.วันนี้ คุณเชื่อหรือไม่ว่า เราทุกคนที่ทำงานรับใช้ร่วมกันเพื่อพระเจ้าจะได้บำเหน็จ? “ทุกคนก็จะได้บำเหน็จตามการงานของตน เพราะว่าเราร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ” ~1 โครินธ์ 3:8ข.~9ก.7.วันนี้ คุณพร้อมหรือไม่ ที่จะทำงานตามบทบาทและหน้าที่ต่อไปนี้? 1).เป็นไร่นาของพระเจ้า? 2).เป็นตึกของพระเจ้า? “ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์” ~ 1 โครินธ์ 3:1-9 THSV11 พี่น้องที่รัก คุณอาจคิดว่าตัวคุณ สำคัญ แต่อาจไม่ได้สำคัญอย่างที่คุณคิด หรืออาจสำคัญก็เป็นได้ แต่เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น! ดังนั้น อย่าให้เรารับใช้แล้วหลงคิดว่าตัวเรานั้นสำคัญเกินกว่าที่ควรจะคิด ขอเพียงให้เราทำตามบทบาทหน้าที่ ที่เราได้รับมอบหมายมาอย่างเต็มกำลัง ขอเพียงให้เราร่วมมือกับคนอื่นๆในการทำตามพระประสงค์อย่างเต็มที่ ขออย่าให้เราทะเลาะขัดแย้งกันแล้วบอกว่าเพื่อพระเจ้า และ อย่าให้เราลืมเป็นอันขาดว่า ผู้ที่สำคัญที่สุดนั้น แท้จริงก็คือ พระเจ้า ผู้ซึ่งสมควรได้รับการสรรเสริญและการปรนนิบัติรับใช้พระองค์ตราบชั่วนิรันดร์ จากเราทั้งหลาย …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 8กรกฎาคม2025 (ตอนที่99 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่98) จากรุ่นสู่รุ่น! “คนรุ่นหนึ่งจะยกย่องพระราชกิจของพระองค์ ให้คนอีกรุ่นหนึ่งฟัง และจะประกาศกิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์” ~สดุดี 145:4 THSV11 “One generation commends your works to another; they tell of your mighty acts.” ~Psalms 145:4 NIV กษัตริย์ ดาวิด สรรเสริญพระเจ้า สำหรับพระราชกิจอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรและความดีของพระเจ้าไว้ดังนี้ “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ผู้ทรงเป็น(จอม)กษัตริย์ 1.ข้าพระองค์จะยกย่อง(เทิดทูน)พระองค์ (145:1)2.ข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์(ตลอดไป)เป็นนิตย์นิรันดร์ 3.ข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระองค์ทุกๆวัน4.ข้าพระองค์จะสรรเสริญ(แซ่ซ้องยกย่อง)พระนามของพระองค์เป็นนิตย์นิรันดร์(145:2)5.ข้าพระองค์จะ 1).ตรึกตรองถึงความยิ่งใหญ่ในศักดิ์ศรีอันสูงส่งของพระองค์ และ 2).ตรึกตรองถึงการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ (145:5)6.ข้าพระองค์จะเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์” กษัตริย์ ดาวิด ทรงพรรณนาต่อไปว่า “พระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่ และสมควรจะสรรเสริญอย่างยิ่ง(เป็นที่สุด) ความใหญ่ยิ่งของพระองค์นั้นเหลือจะหยั่งรู้ได้ (ไม่มีผู้ใดหยั่งคะเนได้ )“ (145:3) กษัตริย์ ดาวิด ตรัสต่อว่า สิ่งที่จะตามมาก็คือ1.มนุษย์จะกล่าวถึงอานุภาพแห่งกิจการอันน่าเกรงขามของพระเจ้า (145:6)2.คนรุ่นหนึ่ง( คนชั่วอายุหนึ่ง) 1).จะยกย่องพระราชกิจของพระเจ้าให้คนอีกรุ่นหนึ่งฟัง และ 2).จะประกาศกิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์ (เล่าขานถึงพระราชกิจอันทรงฤทธิ์ของพระองค์) (145:4)3.เขาทั้งหลาย 1).จะเล่าขานถึงคุณความดีอันอุดมของพระเจ้าออกมา (พวกเขาจะเฉลิมฉลองความประเสริฐเลิศล้ำของพระองค์)และ 2).จะร้องเพลงด้วยความยินดีถึงความชอบธรรมของพระเจ้า” (145:7) ~สดุดี 145:1-7 THSV11 พี่น้องที่รัก ขอให้1.คนในชั่วอายุของเรานี้ จะยกย่องสรรเสริญ (Praise)พระเจ้าให้คนในอีกชั่วอายุหนึ่ง ถึง 1).พระราชกิจอันเกรียงไกร(Mighty Act) 2).พระคุณอันดีงาม(Gracious Provision) 3).พระเกียรติสิริแห่งแผ่นดินนิรันดร์(Everlasting Kingdom) ของพระเจ้า2.คนในรุ่นปัจจุบันนี้จะประกาศเล่าขาน(Proclaim)เรื่องต่อไปนี้ให้คนในรุ่นต่อๆไป ด้วยความกระตือรือร้น ถึงเรื่อง 1).พระราชกิจ(Great Acts)ของพระเจ้า และ 2).ข่าวประเสริฐ(Good News)ของพระเยซูคริสต์ …จะอาเมนไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 7กรกฎาคม2025 (ตอนที่98 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน หัวใจของพระบิดา Ep.1323 สิ่งที่ดาวิดทำนั้นสะท้อนหัวใจของพระเจ้าอย่างแท้จริง แม้ครอบครัวของเขาและของทหารทุกคนจะถูกลักพาตัวไป ความเร่งรีบ ความโกรธอาจบีบให้พวกเขามุ่งหน้าต่อโดยไม่หยุด แต่ดาวิดเลือกจะหยุดเพื่อช่วยชายชาวอียิปต์คนหนึ่งที่นอนหมดแรงอยู่'และดาวิดถามเขาว่า “เจ้าเป็นคนของใคร? และเจ้ามาจากไหน?” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนหนุ่มชาวอียิปต์ เป็นคนใช้ของคนอามาเลขคนหนึ่ง เมื่อสามวันมาแล้วนายของข้าพเจ้าทิ้งข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าป่วย ' 1 ซามูเอล 30:13 ชายชาวอียิปต์ผู้นี้ถูกเจ้านายอามาเลขของเขาทอดทิ้งเพราะป่วย คนนี้เป็นคนของอามาเลขที่มาปล้น แต่ดาวิดไม่ได้มองเขาเป็นศัตรู เขามองชายคนนี้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่อ่อนแอและต้องการความเมตตา ดาวิดเลือกแสดงน้ำใจไม่ใช่เพียงเพราะเขาอ่อนแอ แต่เพราะสิ่งนั่นถูกต้องตามพระทัยของพระเจ้า'ดาวิดถามเขาว่า “เจ้าจะพาเราลงไปถึงกองปล้นนี้หรือไม่?” เขาตอบว่า “ขอปฏิญาณแก่ข้าพเจ้าในพระนามของพระเจ้าว่าจะไม่ฆ่าข้าพเจ้า และท่านจะไม่มอบข้าพเจ้าไว้ในมือนายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงจะพาท่านไปที่กองปล้นนั้น” ' 1 ซามูเอล 30:15 ความเมตตาที่ดาวิดมอบให้ชายคนนี้เป็นกุญแจในการช่วยครอบครัวกลับคืนมา ขอพระเจ้านำให้เราทุกคนจะพัฒนาหัวใจของพระเจ้าที่มีในชีวิตของเราหลังจากการบังเกิดใหม่แล้วให้พัฒนายิ่งๆขึ้นไป เป็นคนที่ห่วงใยผู้คน บางครั้งสถานการณ์ต่างๆที่เราพบเจอนั้น เป็นสิ่งที่กำลังทดสอบว่า เราเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนแล้ว ขอพระเจ้านำให้เราทุกคนจะผ่านปัญหาไปด้วยวิธีการของพระเจ้า ด้วยสติปัญญาและด้วยหัวใจของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่97)) อุทิศถวายแด่พระเจ้า? “ให้แต่ละคนถวายตามความสามารถของตน ตามพระพรที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 16:17 THSV11 “Each of you must bring a gift in proportion to the way the Lord your God has blessed you.” ~Deuteronomy 16:17 NIV พระคัมภีร์กล่าวถึงการอุทิศถวายแด่พระเจ้าไว้ดังนี้1.พระเจ้าทรงซื้อเราด้วยราคาสูง เราจึงควรถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของเรา “เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด” ~1 โครินธ์ 6:20 THSV112.เราควรถวายตัวของเราให้เป็นเครื่องบูชา อันมีชีวิตที่บริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า “ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” ~โรม 12:1 THSV113.เราควรถวายตัวของเราแต่พระเจ้าในฐานะเป็นคนงานที่ไม่อับอาย “จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง” ~2 ทิโมธี 2:15 THSV114.เราควรเป็นตัวอย่างของครอบครัวที่ถวายตัวรับใช้พระเจ้าและธรรมมิกชน “พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัส เป็นคริสเตียนพวกแรกในแคว้นอาคายา และพวกเขาได้ถวายตัวในงานปรนนิบัติบรรดาธรรมิกชน ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลาย” ~1 โครินธ์ 16:15 THSV115.เราควรถวายตัวของเราแต่พระเจ้าก่อน มอบตัวทำตามพระประสงค์ของพระองค์ “และไม่เหมือนที่เราคาดหมายไว้ แต่พวกเขาถวายตัวเองแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วจึงมอบตัวให้กับเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า” ~2 โครินธ์ 8:5 THSV116.เราควรถวายตัวและอวัยวะของเรา ให้เป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า “อย่ายกอวัยวะของท่านให้แก่บาป ให้เป็นเครื่องใช้ในการอธรรม แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า เหมือนคนที่เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว และจงให้อวัยวะเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า” ~โรม 6:13 THSV11 7. เราควรกระทำทุกสิ่งด้วยความเต็มใจ เหมือนถวายแด่พระเจ้าไม่ใช่แค่ทำต่อมนุษย์ “ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์” ~โคโลสี 3:23 THSV11 พี่น้องที่รัก วันนี้ คุณมีอะไรที่จะอุทิศถวายแด่พระเจ้าบ้าง? แล้วทำไมคุณจึงจะมอบถวายสิ่งนั้นแด่พระเจ้า? คุณคิดว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยกับสิ่งที่คุณถวายนั้นหรือไม่? ทำไม? คุณเคยเสียใจ ที่ไม่ได้ถวายบางสิ่งให้พระเจ้าหรือไม่? ถ้าเคย ทำไมจึงรู้สึกเสียใจเช่นนั้น? …บอกหน่อยได้ไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 6กรกฎาคม2025 (ตอนที่97 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ถามทุกครั้ง Ep.1321 ชีวิตของดาวิดดูเหมือนจะเต็มไปด้วยปัญหาหนักๆ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่พระเจ้าทรงใช้ทุกเหตุการณ์เพื่อหล่อหลอมเขาให้เป็นผู้นำที่พระเจ้าโปรดปราน เมื่อดาวิดกลับมาถึงเมืองศิกลาก เขาพบว่าเมืองถูกเผา ภรรยาและลูกๆ ถูกจับไป โดยพวกอามาเลขทึ่บุกเข้าทำลายทุกอย่าง ความเสียหายครั้งนี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อทรัพย์สินหรือครอบครัว แต่ยังทำให้ทหารของดาวิดเองคิดจะฆ่าเขาด้วยความคับแค้นใจ'และดาวิดก็เป็นทุกข์หนักเพราะพวกทหารพูดกันว่าจะขว้างท่านให้ตายด้วยก้อนหิน เพราะจิตใจของพวกทหารทุกคนขมขื่น เพราะเรื่องพวกบุตรชายและบุตรหญิงของพวกเขา แต่ดาวิดก็มีกำลังขึ้นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ‘ 1 ซามูเอล 30:6 ตลอดเส้นทางที่เราได้เรียนรู้จากชีวิตดาวิดมา ในเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตของดาวิด แต่ทุกครั้งดวิดก็หันไปหาพระเจ้า ตรงนี้พระวจนะของพระเจ้าบอกว่า เขามีกำลังขึ้นในพระเจ้า นี่เป็นอย่างแรกที่สำคัญที่สุดซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างพระเจ้ากับเขา ขอพระเย้าเมตตาพวกเราแม้ว่าปัญหานั้นยังอยู่ ขอให้เรามั่นใจว่าปัญหานั้นไม่มีทางใหญ่กว่าพระเจ้า เพียงแต่ว่า พวกเราอยู่ใกล้อะไรมากกว่ากันระหว่างพระเจ้าหรือปัญหา สิ่งที่ดาวิดทำน่าสนใจมาก เขาเรียกปุโรหิตให้นำเอโฟดมาให้เขา'และดาวิดทูลถามพระยาห์เวห์ว่า “สมควรที่ข้าพระองค์จะไล่ตามกองปล้นนี้หรือ? ข้าพระองค์จะไปทันพวกเขาหรือ?” พระองค์ทรงตอบท่านว่า “จงไล่ตามเถิด เพราะเจ้าจะไปทันพวกเขาแน่ และจะช่วยกู้ได้แน่” ' 1 ซามูเอล 30:8 ดาวิดไม่รีบลงมือทันที แต่เขาถามพระเจ้าก่อนว่าควรทำอะไรดี ในเวลาที่วิกฤต ดาวิดไม่ได้ถามพระเจ้าว่าทำไม แต่ถามว่าจะให้ทำอย่างไร ดาวิดไม่ได้ใช้ความคิดของตัวเองแล้วให้พระเจ้าช่วยสนับสนุน แต่เขาเริ่มต้นจากพระเจ้าเสมอ ขอพวกเราจะไม่รอให้ปัญหาหนักขึ้นแล้วค่อยอธิษฐาน แต่ขอให้เราถามพระเจ้าทุกครั้งก่อนลงมือทำอะไร การถามพระเจ้าไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นวิธีการที่จะนำเราเข้าสู่ความโปรดปรานของพระเจ้า สุดท้ายเมื่อเราอยู่ในสภาพจิตใจที่ไม่พร้อม อย่าให้สถานการณ์นั้นๆทำเราดิ่งลงไป แต่ขอให้เราใช้เวลากับพระเจ้าเพื่อเราจะมีกำลังขึ้นในพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่96) ภรรยาอมน้ำ! “อยู่ที่มุมบนหลังคา ดีกว่า อยู่ร่วมบ้านกับหญิงขี้ทะเลาะ” ~สุภาษิต 25:24 THSV11 “Better to live on a corner of the roof than share a house with a quarrelsome wife.” ~Proverbs 25:24 NIV มีผู้หวังดีส่งเรื่องหนึ่งมาให้ผมอ่าน ผมอ่านดูแล้วได้ข้อคิดดี ผมเลยขอนำมาแบ่งปันกับพี่น้อง เรื่องมีอยู่ว่า “สตรีนางหนึ่งเริ่มกังวลใจเกี่ยวกับสามีของเธอ ที่อารมณ์เสียมากขึ้นทุกวัน เธอจึงไปปรึกษาคุณหมอ หลังจากได้พูดคุยกันไปขณะหนึ่ง หญิงผู้เป็นภรรยากถามขึ้นมาว่า “คุณหมอคะ ดิชั้นควรจะทำยังไงกับสามีดิชั้นดีคะ เค้าอารมณ์เสียและหงุดหงิดทุกวันเลยค่ะ?” คุณหมอตอบว่า : ”เอางี้สิครับ เวลาสามีคุณเริ่มอารมณ์เหวี่ยง ให้คุณรีบอมน้ำไว้ในปากแล้วเคี้ยวๆๆๆ แต่อย่ากลืนนะครับ ทำอย่างนั้นจนกว่าสามีของคุณจะออกจากห้องไปหรือสงบลงครับ!“ผู้เป็นภรรยากล่าวว่า: ”ขอบคุณค่ะ“ 2 สัปดาห์ถัดมา เธอผู้เป็นภรรยาก็กลับมาหาคุณหมอด้วยหน้าตายิ้มแย้มสดใส กล่าวว่า ”มันเวิร์คจริงๆ ด้วยค่ะคุณหมอ!!! สามีดิชั้นหายหงุดหงิดไปเลย แถมอารมณ์ดีขึ้นด้วยค่ะ คุณหมอทำได้ไงคะเนี่ย?”คุณหมอตอบว่า : “ อันที่จริงก็เป็นเรื่องง่ายๆ ครับ น้ำดื่มน่ะไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ แต่เคล็ดลับอยู่ตรงที่คุณหุบปากน่ะครับ!” พี่น้องที่รักครับ อย่าให้เราเป็นคนโง่เขลว หรือเป็นคนขี้ทะเลาะ! คนโง่จะชอบการทะเลาะ และ คนขึ้ทะเลาะก็มักเป็นคนโง่! พระธรรมสุภาษิตเตือนเราว่า “บุตรโง่เขลาเป็นความหายนะแก่บิดา และ ภรรยาขี้ทะเลาะก็เหมือนน้ำฝนย้อยหยดไม่หยุด” ~สุภาษิต 19:13 THSV11 “A foolish child is a father's ruin, and a quarrelsome wife is like the constant dripping of a leaky roof.” ~Proverbs 19:13 NIV ดังนั้น พี่น้องที่รัก วันนี้ ให้เรารีบหยุดความโง่เขลาและการชอบทะเลาะของเรา ไม่ว่าจะในบ้าน ในโบสถ์ ในที่ทำงาน หรือ ในที่ต่างๆทีเราอยู่ โดยให้เรารู้จัก “อมน้ำ”ในยามที่เรากำลังสนทนาหรืออยากบ่นว่าโต้เถียง กับคนอื่นๆ …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 5กรกฎาคม2025 (ตอนที96ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่95)บทกลอนที่ดีที่สุด!“ริมฝีปากของคนชอบธรรมรู้จักสิ่งที่ดีที่ควร แต่ปากของคนอธรรมรู้จักความตลบตะแลง” ~สุภาษิต 10:32 THSV11“Righteous people know the kind thing to say, but the wicked are always saying things that hurt.” Proverbs 10:32 GNTมีผู้ใหญ่ที่ผมนับถือมากท่านหนึ่งพยายามสอนให้ผมรู้จักพูดคุยกับเอไอ ท่านบอกว่า เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเขียนบทความของผมวันนี้ผม ก็เลย ลองถามเอไอว่าบทกลอนที่ดีที่สุดของสุนทรภู่เกี่ยวกับเรื่องการพูด คือบทไหน?ผลก็คือ ai ตอบว่าบทกลอนที่ดีที่สุดของสุนทรภู่ คือ บทกลอนต่อไปนี้ “จงกล่าวแต่ถ้อยอันควรกล่าว อย่าพูดกราวกล่าวมากเป็นขวากหนามจงกล่าวแต่พอดีมีเนื้อความ อย่าพูดทรามเสียกิริยาให้อายคน”~ สุนทรภู่ “นิราศภูเขาทอง”โดยเอไอให้เหตุผลว่า“บทกลอนนี้สอนให้เรารู้จักพูดจาแต่สิ่งที่ดี มีประโยชน์ และเหมาะสม ไม่พูดจาไร้สาระหรือพูดจาหยาบคายจนเสียกิริยาและทำให้ผู้อื่นอับอาย”นอกจากนี้ AI ยังให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าทำไมบทกลอนนี้จึงดีที่สุด?ต่อไปนี้ คือ คำอธิบาย“จงกล่าวแต่ถ้อยอันควรกล่าว”: คือเน้นความพอดีในการพูด ไม่พูดมากเกินไปให้เกิดปัญหา หมายถึง “ให้พูดแต่สิ่งที่ดี มีประโยชน์ และเหมาะสมกับสถานการณ์”2.“อย่าพูดกราวกล่าวมากเป็นขวากหนาม”:คือเน้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ใช้คำ “กล่าว” ซ้ำเพื่อเน้นย้ำความสำคัญหมายถึง“ไม่ควรพูดจาพล่ามหรือพูดมากเกินความจำเป็น“เพราะคำพูดเหล่านั้นอาจกลายเป็นอุปสรรคหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น(พูดกราว คือ พูดพร่ำ)“จงกล่าวแต่พอดีมีเนื้อความ”:คือเน้นสาระ ไม่เลื่อนลอย หมายถึง “ให้พูดแต่สิ่งที่มีสาระและเนื้อหาสาระสำคัญ ไม่ควรพูดเลื่อนลอยหรือไร้สาระ”4.“อย่าพูดทรามเสียกิริยาให้อายคน”:~คือย้ำความสุภาพอย่างถูกกาลเทศะ หมายถึง ”ไม่ควรพูดจาหยาบคาย หรือพูดในสิ่งที่ไม่สุภาพ ซึ่งจะทำให้เสียกิริยาและทำให้ผู้อื่นอับอาย“ดังนั้น ความหมายโดยสรุปของบทกลอนนี้ก็ คือ“ให้พูดแต่สิ่งที่สมควรพูด อย่าพูดมากเกินพอดี เพราะคำพูดที่มากเกินไปอาจกลายเป็นหนามตำใจคนอื่น ให้พูดเฉพาะเรื่องที่มีสาระ มีความหมาย ไม่พูดคำหยาบหรือถ้อยคำที่เลวร้ายต่ำทราม เพราะจะทำให้ตัวเองเสียเกียรติและขายหน้า ให้รู้จักใช้คำพูดอย่างชาญฉลาดและมีสติ เพื่อให้คำพูดเป็นประโยชน์และไม่สร้างปัญหาให้กับตนเองและผู้อื่น!“ซึ่งพระคัมภีร์ก็สอนในทำนองเดียวกันนั้นมามากมายและยาวนานมาก่อนสุนทรภู่เกิดเสียอีก อาทิ“อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากของท่านทั้งหลาย แต่จงกล่าวคำดีๆ ที่เสริมสร้างและที่เหมาะกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน” ~เอเฟซัส 4:29 THSV11(Do not use harmful words, but only helpful words, the kind that build up and provide what is needed, so that what you say will do good to those who hear you.) ~Ephesians 4:29 GNT พี่น้องที่รักขอให้เราแต่ละคนมาลองเขียนบทกลอนเกี่ยวกับการพูดจาที่ดีที่สุดตามแบบฉบับของเราเอง…จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 4กรกฎาคม2025 (ตอน95 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน การปกป้อง Ep.1320 บางครั้งคำพูดที่ทำร้ายเราอาจเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อปกป้องเราในเวลาที่เหมาะสม คำสบประมาท คำตัดสิน หรือคำดูถูกจากใครบางคนอาจยังติดค้างในใจเรา แต่ขอเราอย่าเพิ่งเร่งรีบตัดสิน ด่วนสรุปเพราะบางครั้งพระเจ้าก็ทำงานผ่านคำพูดนั้นได้'คนนี้ไม่ใช่ดาวิดหรือ ซึ่งพวกเขาร้องเพลงเต้นรำกันว่า ‘ซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆ และดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ'? ” ' 1 ซามูเอล 29:5 ขณะดาวิดอาศัยอยู่กับอาคีช กษัตริย์เมืองกัท เขาทำให้อาคีชไว้วางใจ ถึงขั้นที่จะให้ดาวิดออกรบกับพวกฟีลิสเตียในการต่อสู้กับอิสราเอล แต่แม่ทัพของฟีลิสเตียไม่ไว้ใจดาวิด ด้วยเหตุผลจากคำร้องเพลงของอิสราเอลว่า “ดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ” แม้ว่าจะเป็นคำชมแต่มันทำให้ดาวิดลำบากจากการถูกตามล่าโดยซาอูล แต่วันนี้พระเจ้าใช้คำพูดนี้มาเพื่อช่วยปกป้องดาวิดไม่ต้องไปรบกับอิสราเอลเพราะพวกแม่ทัพของฟิลิสเตียไม่ไว้วางใจดาวิดให้ไปร่วมรบ จนอาคีชก็ต้องตัดใจและแจ้งกับดาวิดให้เขากลับในเช้ามือวันพรุ่งนี้ 'อาคีชก็รับสั่งตอบดาวิดว่า “เรารู้แล้วว่าเจ้าดีในสายตาของเราอย่างทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่บรรดาแม่ทัพแห่งฟีลิสเตียกล่าวว่า ‘อย่าให้เขาขึ้นไปในสงครามกับพวกเราเลย' ' 1 ซามูเอล 29:9 ในสายตาของมนุษย์มันอาจดูเหมือนเสียหน้า แต่นี่คือการปกป้องของพระเจ้าให้ดาวิดรอดพ้นจากการไปรบกับพี่น้องร่วมชาติ วันนี้เราเห็นว่าบางคำพูดที่สร้างความเจ็บปวดอย่างมาก อาจจะกลายเป็นเครื่องมือของพระเจ้าเพื่อปกป้องเราจากสถานการณ์ลำบากใจเหมือนดาวิด ขอพระเจ้านำให้เราสามารถที่จะให้อภัยผู้คนที่พูดกับเราแบบนั้นด้วยความรักที่มาจากพระเจ้า และขอพระเจ้าเมตตาที่ความเจ็บปวดจากคำพูดนั้น เราจะไม่ยอมปล่อยมันให้มาทำลายชีวิต ให้ขาดสันติสุขในพระเจ้า 'ใจของมนุษย์กะแผนงานทางของเขา แต่พระยาห์เวห์ทรงนำย่างเท้าของเขา ' สุภาษิต 16:9 อย่าดูถูกตัวเองเพียงเพราะใครบางคนพูดบางอย่างที่บั่นทอนจิตใจของเรา พระเจ้าทรงสามารถใช้แม้แต่คำที่ทำร้ายเราให้กลายเป็นสิ่งที่รักษาและปกป้องเราได้ เพราะการงานของพระเจ้านั้นอัศจรรย์อาจจะมาในรูปแบบที่เราคาดคิดไม่ถึง วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน หมดสภาพ Ep.1319 ไม่มีใครอยากได้ยินข่าวร้าย โดยเฉพาะเมื่อกำลังทุกข์หนักอยู่แล้ว ซาอูลที่เลือกจะออกจากความทุกข์ด้วยตัวเองแต่กลับต้องได้ยินสิ่งที่ผมมองว่า มันหนักที่สุดในชีวิตว่าเขาจะสูญเสียบัลลังก์และเสียชีวิตพร้อมบุตรชายของเขา'แล้วซาอูลก็ทรงล้มลงเหยียดยาวบนพื้นดินทันที กลัวยิ่งนักเพราะถ้อยคำของซามูเอล และไม่มีกำลังเหลืออยู่ในพระองค์ เพราะไม่ได้เสวยอาหารตลอดหนึ่งวันกับหนึ่งคืน ' 1 ซามูเอล 28:20 ข่าวร้ายไม่ได้เพียงแค่กระแทกใจซาอูล แต่ทำให้ซาอูลไม่มีแรงจะยืน เพราะความทุกข์นั้นทำให้เขาไม่มีความอยากอะไรแม้กระทั้งอาหาร เมื่อไม่กินก็ไม่มีแรง 'เพราะฉะนั้นขอฝ่าพระบาทฟังเสียงสาวใช้ของฝ่าพระบาทบ้าง ขอหม่อมฉันถวายอาหารเล็กน้อยแก่พระองค์ให้เสวย เพื่อจะมีพระกำลังเมื่อเสด็จกลับตามทางของพระองค์” ' 1 ซามูเอล 28:22 ผมไม่ได้ชื่นชมว่าการเป็นคนทรงนั้นดีงาม แต่ท่ามกลางช่วงเวลาสิ้นหวังนั้น หญิงคนทรงผู้ที่ซาอูลเคยพยายามกำจัดกลับแสดงน้ำใจอย่างแท้จริง เราเห็นหัวใจแห่งการดูแลจากเธอ แต่ซาอูลก็ปฎิเสธคำขอของเธอ ในข้อต่อมาบอกว่า ทหารคนสนิทก็ร้องขอซาอูลด้วย แล้วในที่สุดซาอูลก็ยอมรับประทานอาหาร สิ่งที่หญิงสาวคนนี้ทำ'หญิงนั้นมีลูกโคอ้วนอยู่ในบ้านตัวหนึ่ง ก็รีบฆ่าเสีย เอาแป้งมานวดปิ้งทำขนมปังไร้เชื้อ ' 1 ซามูเอล 28:24 การเสิร์ฟลูกวัวอ้วนในค่ำคืนแห่งความสิ้นหวังของซาอูล มันไม่ใช่เพียงอาหารแต่มันคือความเมตตากรุณาที่ผู้หญิงคนนี้มีให้ ขอให้เราเองจะมีใจเมตตากรุณาเอื้อเฟื้อให้สิ่งที่ดีกับคนที่ต้องการ แม้แต่ในเวลาที่เขาเองก็ยังไม่ต้องการ 'อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร ' กาลาเทีย 6:9 ขอให้เราเองจะพยายามทุกอย่างเพื่อช่วยให้ผู้คนดีขึ้น มีกำลังกาย กำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไป ในโลกที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว ผู้หญิงคนนี้สอนว่า ความเมตตากรุณานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ ขาเคยทำอะไรกับเรา แต่มันขึ้นอยู่กับว่า เราเลือกอะไร เลือกที่จะให้หรือไม่ให้ ในเวลาที่คนหมดแรง หมดหวัง หรือหมดสภาพ ขอให้เราจะเป็นเหมือนหญิงคนนี้ที่ยอมสละของดีที่สุดที่มี เพื่อเราเสริมกำลังกายกำลังใจพวกเขาและเพื่อเขาเหล่านั้นเห็นพระเยซูในชีวิตของเรา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่94) เป็นมนุษย์ สุดนิยม ที่ลมปาก! “จิตใจของข้าจะเปรมปรีดิ์ เมื่อปากของเจ้าพูดสิ่งที่ถูกต้อง” ~สุภาษิต 23:16 THSV11 “My heart rejoices when you speak what is right.” ~Proverbs 23:16 GW วาจาคำพูดของเรานั้น มีความสำคัญยิ่งนัก ดังนั้นจงรู้จักเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง ถ้าพูดดี ย่อมมีคนเมตตา อาจได้รางวัล และมีกำไร แต่ ถ้าพูดจาไม่ดี อาจมีเคราะห์ ตกยากและ เสี่ยงบรรลัย เหมือนดังที่สุนทรภู่ กล่าวว่า “เป็นมนุษย์ สุดนิยม ที่ลมปาก จะได้ยาก โหยหิว เพราะชิวหา แม้นพูดดี มีคน เขาเมตตา จะพูดจา พิเคราะห์ ให้เหมาะความ” กษัตริย์ซาโลมอน ก็ตรัสไว้เช่นกันว่า “คนเราอิ่มใจด้วยสิ่งดีจากผลแห่งปากของตน และผลงานแห่งมือของมนุษย์ก็กลับมาหาเขา” ~สุภาษิต 12:14 THSV11 “Your reward depends on what you say and what you do; you will get what you deserve.” ~Proverbs 12:14 GNT สุนทรภู่ยังกล่าวต่อไปว่า “ถึงบางพูด พูดดี เป็นศรีศักดิ์ มีคนรัก รสถ้อย อร่อยจิต แม้พูดชั่ว ตัวตาย ทำลายมิตร จะชอบผิด ในมนุษย์ เพราะพูดจา” กษัตริย์ซาโลมอน ก็ตรัสเตือนไว้เช่นกันว่า “พูดมากคำย่อมทำบาปได้ แต่คนที่ยับยั้งปากของตนก็เป็นคนฉลาด” ~สุภาษิต 10:19 THSV11 “The more you talk, the more likely you are to sin. If you are wise, you will keep quiet.” ~Proverbs 10:19 GNT พี่น้องที่รัก ถ้าเราไม่มีอะไรดีๆที่จะพูด ก็ขอให้เรานิ่งเงียบไว้ ดีกว่าพูดอะไรออกมา ขอให้เราตั้งเป้าว่า ถ้าเราจะพูด เราจะพูดแต่สิ่งดีๆที่ทำให้ 1.คนอื่นรักเรา 2.คนอื่นรักกันและกัน 3.คนอื่นมีความสุข และ 4.เรามีความสุข …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 3กรกฎาคม2025 (ตอน94 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่93)เมื่อคริสเตียนเป็นความกัน?“อันที่จริง เมื่อไปเป็นความกันพวกท่านก็ตกจากระดับที่ควร ทำไมท่านจึงไม่ยอมทนต่อการร้ายเสียดีกว่า? ทำไมท่านจึงไม่ยอมถูกโกงเสียดีกว่า?”~1 โครินธ์ 6:7 ไม่ว่าเราจะระมัดระวังมากสักแค่ไหน แต่ความขัดแย้งระหว่างกันก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอดังนั้น วิธีรับมือของเราซึ่งเป็นคริสเตียนต่อปัญหาเหล่านั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง!แล้วเราควรรับมือกับความขัดแย้งหรือการไปเป็นความกันอย่างไรดี?เมื่อคริสเตียนเป็นความกัน จงมีสติ ก่อนตัดสินใจทำสิ่งใด1).ต้องไม่รีบเลือกคนไม่เชื่อพระเจ้าหรือ คนที่คริสตจักรไม่ยอมรับมาตัดสินพิพากษา“เมื่อมีใครในพวกท่านเป็นความกัน เขากล้าไปรับการพิพากษาจากคนไม่ชอบธรรม แทนที่จะรับจากธรรมิกชนหรือ? “2).ต้องเลือกคนของพระเจ้า ที่มีสติปัญญา และคริสตจักรยอมรับมาตัดสินความกันภายใน”ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าธรรมิกชนจะพิพากษาโลก? และถ้าพวกท่านจะพิพากษาโลก ท่านไม่เหมาะจะพิพากษาเรื่องเล็กน้อยหรือ? พวกท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์? ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งควรจะพิพากษาเรื่องของชีวิตนี้ เมื่อเป็นความกันในเรื่องชีวิตนี้ พวกท่านจะตั้งคนที่คริสตจักรไม่ยอมรับให้ตัดสินหรือ? ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อให้ท่านละอายใจในพวกท่านไม่มีสักคนหนึ่งที่มีสติปัญญาสามารถวินิจฉัยเรื่องระหว่างพี่น้องหรือ? แต่พี่น้องกับพี่น้องต้องถูกพิพากษาต่อหน้าคนที่ไม่มีความเชื่ออย่างนั้นหรือ? เมื่อคริสเตียนขัดแย้งและเป็นความกัน จงเตือนตัวเองไม่ให้ทำให้สิ่งที่ทำให้ตัวเราตกจากระดับที่ควร อาทิ1).ไปเป็นความกันและรับการพิพากษาต่อหน้าคนไม่มีความเชื่อ2).ไม่ยอมทนต่อการร้าย ไม่ยอมถูกโกง3).กลับทำร้ายกัน และ4).โกงกันแม้กระทั่งพี่น้อง“อันที่จริง เมื่อไปเป็นความกันพวกท่านก็ตกจากระดับที่ควร ทำไมท่านจึงไม่ยอมทนต่อการร้ายเสียดีกว่า? ทำไมท่านจึงไม่ยอมถูกโกงเสียดีกว่า? แต่พวกท่านกลับทำร้ายกัน และโกงกันแม้กระทั่งพี่น้อง”~1 โครินธ์ 6:1-8 เมื่อคริสเตียนเป็นความกัน จงจำไว้ว่าพระเจ้าทรงต้องการให้เรารีบคืนดีกันโดยเร็วดังนั้น สิ่งที่เราคงควรทำ คือ1).จงมีใจเมตตาและอดทน“เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรักจงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน” -โคโลสี 3:122).จงมีใจให้อภัยอย่างพระเยซู“จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย” -โคโลสี 3:13 3).จงสำรวจดูตัวเอง ก่อนตัดสินหรือเล่นงานผู้อื่น“ทำไมท่านมองเห็นผงในตาพี่น้องของท่าน แต่กลับมองไม่เห็นไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน? ท่านจะกล่าวกับพี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ให้ฉันเขี่ยผงออกจากตาของเธอ?' ทั้งๆ ที่มีไม้ทั้งท่อนอยู่ในตาของท่านเอง คนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้” ~มัทธิว 7:3-5 และให้อ่านมัทธิว 5:23-264).จงรู้จักมองข้าม บางเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นส่วนตัว“จงต้อนรับคนที่ยังมีความเชื่อน้อยอยู่ แต่ไม่ใช่เพื่อให้โต้เถียงกันในเรื่องที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว” ~โรม 14:1 เมื่อคริสเตียนเป็นความกัน จงรีบแก้ไขโดยดำเนินตามขั้นตอนของพระคัมภีร์“เพราะฉะนั้น ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา และกลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วในขณะที่พากันไปศาล มิฉะนั้นคู่ความนั้นจะมอบตัวท่านไว้กับผู้พิพากษา แล้วผู้พิพากษาจะมอบตัวท่านไว้กับผู้คุมและท่านจะต้องถูกขังไว้ในคุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าจะใช้หนี้หมด” ~มัทธิว 5:23-26 ขั้นตอนของพระคัมภีร์มีดังนี้ 1).รีบไปพูดคุยปรับความเข้าใจกันเป็นส่วนตัวด้วยความรัก~รักษาความลับไว้ ไม่เปิดเผยนอกจากได้รับอนุญาต“ถ้าพี่น้องของท่านทำบาป จงไปเตือนเขาเป็นการส่วนตัว” ~มัทธิว 18:15ก.เลือกเวลาที่เหมาะสมและอธิษฐานก่อนไปพูดคุยข.ไม่บอกเรื่องกับคนอื่นก่อนไปคุยกันค.ไม่โพสต์เรื่องที่คุยกันลงโซเชียลง.ไม่เป็นฝ่ายฟ้องคนอื่นก่อน2).หากไม่ได้ผลหรือยังไม่สำเร็จ ก็ให้มีพยาน ที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับเข้าช่วยไกล่เกลี่ยในขั้นต่อไป“ถ้าเขาไม่ฟัง จงพาคนหนึ่งหรือสองคนไปกับท่าน” ~มัทธิว 18:16ก.หากได้ผลก็จบ แต่ ข.หากไม่จบ ก็ดำเนินการขั้นต่อไป3).ขั้นตอนสุดท้าย คือ ให้ที่ประชุมสูงสุดของคริสตจักร รับฟังจากทุกฝ่ายแล้ว มีมติตัดสินใจ“ถ้าเขาไม่ฟังคนเหล่านั้น จงไปแจ้งต่อคริสตจักร ถ้าเขายังไม่ฟังคริสตจักรอีก ก็ให้ถือว่าเขาเป็นเหมือนคนต่างชาติหรือคนเก็บภาษี” ~มัทธิว 18:17 ก.ถ้าเคลียร์กันได้ ~ปรับความเข้าใจ กลับใจก็ให้อภัยให้โอกาส คืนดีและชดใช้ ก็จบสวยข.ถ้าไม่ยอมร่วมมือ ไม่ยอมเคลียร์ หรือ เคลียร์แล้วว่าผิด แต่ไม่กลับใจก็ให้ตัดสมาชิกภาพคนผิดนั้น แล้วแจ้งมติ
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่าหลงทาง Ep.1317 เรื่องราวในวันนี้เป็นหนึ่งในตอนที่เข้าใจยากที่สุดในพระวจนะของพระเจ้า ผู้รู้หลายท่านอภิปรายว่า วิญญาณที่หญิงคนทรงเห็นนั้นเป็นซามูเอลจริงหรือเปล่า เพราะพระเจ้าสั่งห้ามไม่ให้มีการติดต่อกับคนตาย (เฉลยธรรมบัญญัติ 18:10–12) ซึ่งพระเจ้าจะไม่ละเมิดพระลักษณะของพระองค์เอง ดังนั้นวันนี้ผมขอไม่ไปยุ่งกับเรื่องศาสนศาตร์ แต่จะพาพวกเรามาใคร่ครวญบทเรียนที่ซ่อนอยู่ในความเจ็บปวดของซาอูล หลังจากที่ซาอูลยืนยันกับหญิงคนทรงโดยพระนามพระเจ้าแล้ว หญิงนั้นก็ถามว่าจะให้เรียกใครขึ้นมา ซาอูลตอบว่า ให้เรียกซามูเอล เมื่อหญิงนั้นเห็นซามูเอลเธอก็ตกใจมากเพราะรู้ว่าคนที่มาหาเธอคือซาอูล เมื่อซาอูลมั่นใจว่าเป็นซามูเอลแล้วเขาก็ซบหน้าลงถึงดิน'แล้วซามูเอลพูดกับซาอูลว่า “ท่านรบกวนเราด้วยเรียกเราขึ้นมาทำไม?” ซาอูลทรงตอบว่า “ข้าพเจ้ามีความทุกข์หนัก เพราะพวกฟีลิสเตียกำลังมาทำสงครามกับข้าพเจ้า และพระเจ้าทรงหันจากข้าพเจ้าเสียแล้ว ไม่ได้ทรงตอบข้าพเจ้าอีกเลย ไม่ว่าโดยผู้เผยพระวจนะหรือโดยความฝัน เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงได้เรียกท่านขึ้นมา เพื่อท่านจะได้แจ้งข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะทำประการใดดี” ' 1 ซามูเอล 28:15 ซาอูลสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่า เขากำลังทุกข์ใจมาก ถูกศัตรูคุกคาม และที่หนักที่สุดคือ พระเจ้าทรงหันไปจากเขาแล้ว เขาไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าแล้ว นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจว่า ในเวลาที่เราทุกข์ใจแบบสุดๆ อะไรคือที่พึ่งที่จะพาเราไปพบทางออก ผมขอนพเสนอว่า เราต้องวางรากฐานชีวิตของเราไว้ในพระเจ้าก่อน ตั้งชีวิตของเราไว้บนพื้นฐานของพระวจนะของพระเจ้าด้วยความเชื่อฟัง จนความกลัวก็ไม่สามารถดึงเราออกจากทางของพระเจ้าเหมือนที่ซาอูลไปหาคนทรง'เมื่อมีความทุกข์ลำบาก เขาทั้งหลายได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นจากความทุกข์ใจ ' สดุดี 107:13 ความทุกข์และความเงียบจากพระเจ้าไม่ได้แปลว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่กับเราแล้ว การหนีไปพึ่งพาหาคำตอบจากโลก ไม่ว่าจะเป็นคนทรง หมอดู หรือความเชื่อผิด ๆ นั่นเป็นทางที่นพไปสู่ความทุกข์มากขึ้น ขอให้เราจำไว้ว่า พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ยังทรงเฝ้าดูและทรงฟังผู้ที่กลับใจมาเชื่อ และวางใจในพระองค์ผ่านพระนามของพระเยซูคริสต์เสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่92) จงขอเถิดแล้วจะได้! “จนบัดนี้พวกท่านก็ยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอเถิดแล้วจะได้ เพื่อความชื่นชมยินดีของท่านจะมีเต็มเปี่ยม” ~ยอห์น 16:24 THSV11 “Until now you have not asked for anything in my name. Ask and you will receive, and your joy will be complete.” ~John 16:24 NIV คำว่า “อธิษฐาน”(Prayer) มีความหมายหลักๆ คือ 1.ขอ(Request)ความช่วยเหลือ 2.ขอบคุณ(Thank) สำหรับการช่วยเหลือ พระเจ้าประสงค์ที่จะให้เราทั้งหลายมี ความสุขและความชื่นชมยินดีในชีวิต และวิธีหนึ่งที่ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น ก็คือ การอธิษฐาน(ขอและขอบคุณ)ในสิ่งที่พระเจ้าทรงเห็นว่าดีสำหรับตัวเราจริงๆ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรขอ แต่ในสิ่งที่เราอยากได้ เป็นหลัก แต่เราควรขอในสิ่งที่เราจำเป็นสมควรจะต้องมีหรือจะต้องทำก่อน พระคัมภีร์สอนเราในเรื่องนี้ไว้อย่างไรบ้างในเรื่องนี้?1.พระเจ้าทรงทราบในสิ่งที่เราจำเป็น ก่อนที่เราจะทูลขอแล้ว แต่ ~เราต้องแสดงความประสงค์ออกมา “อย่าทำเหมือนพวกเขาเลย เพราะว่าสิ่งไรซึ่งพวกท่านจำเป็น พระบิดาของท่านทรงทราบ ก่อนที่ท่านจะทูลขอต่อพระองค์” ~มัทธิว 6:8 THSV112.พระเจ้าทรงบัญชาให้เราทูลขอในสิ่งที่เราประสงค์จะได้ ~ เราต้องอธิษฐานทูลขออย่างจริงจังจนกว่าจะได้รับ “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่พวกท่าน เพราะว่าทุกคนที่ ขอก็ได้ และทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา” ~มัทธิว 7:7-8 THSV11 3.พระเจ้าทรงรักเราดุจบิดาที่พร้อมประทานสิ่งที่ดีให้กับบุตรที่ขอ ~ เราต้องอธิษฐานทูลขอด้วยความเชื่อมั่นในความรักของพระเจ้าที่มีตัวเรา “ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้ลูกเมื่อเขาขอขนมปัง? หรือให้งูเมื่อลูกขอปลา? เพราะฉะนั้น ถ้าพวกท่านเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่ลูกของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะประทานสิ่งดีแก่พวกที่ขอต่อพระองค์” ~มัทธิว 7:9-11 THSV114.พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราอธิษฐานขอสิ่งที่เราต้องการด้วยความเชื่อ ~ เราต้องไม่ทูลขอสิ่งใดจากพระเจ้าโดยปราศจากความเชื่อในพระองค์ “ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้”” ~มัทธิว 21:22 THSV11 5.พระเยซูคริสต์ทรงประสงค์ให้เราติดสนิทอยู่กับพระองค์และถ้อยคำของพระองค์ ~เราต้องเข้าสนิทกับพระเยซูคริสต์และพระวจนะของพระองค์ก่อนทูลขอสิ่งใดๆ “ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น” ~ยอห์น 15:7 THSV116.เราจะได้รับสิ่งที่เราทูลขอ เมื่อเราประพฤติตามพระบัญญัติและตามชอบพระทัยของพระคริสต์ ~เราต้องวางใจในพระนามของพระคริสต์และรักกันตามบัญญัติที่ทรงให้ไว้แก่เรา “และเมื่อเราขอสิ่งใด ก็ได้สิ่งนั้นจากพระองค์ เพราะเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามชอบพระทัยพระองค์ และนี่เป็นพระบัญญัติของพระองค์ คือ ให้เราวางใจในพระนามของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ และให้เรารักกันและกัน ตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้แก่เรา” ~1 ยอห์น 3:22-23 THSV117.เราควรมั่นใจว่าเมื่อเราร่วมใจกันอธิษฐาน พระเจ้าจะทรงทำตามที่เราทูลขอ“เราบอกพวกท่านอีกว่า ถ้าพวกท่านสองคนจะร่วมใจกันทูลขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลก พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ก็จะทรงทำสิ่งนั้นให้ เพราะว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาที่นั่น”” ~มัทธิว 18:19-20 THSV11พี่น้องที่รัก ขอให้เราเป็นผู้เชื่อที่อธิษฐาน และ เชื่อมั่นในการพลังแห่งการอธิษฐาน ขอให้เราต้องตระหนักว่า เราไม่อาจเป็นคริสเตียนโดยปราศจากการอธิษฐานได้เหมือนดังที่ Martin Luther กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคริสเตียนโดยไม่อธิษฐาน เหมือนกับที่จะมีชีวิตโดยไม่หายใจ!” (To be a Christian without prayer is no more possible than to be alive without breathing.) …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 1กรกฎาคม2025 (ตอน92 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่90) ถ้าเตือนสติไว้ก่อน ก็จะไม่ต้องตักเตือนอีกในภายหลัง!(3) “เรารักใครเราก็ตักเตือนและตีสอนเขา เพราะฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจใหม่” ~วิวรณ์ 3:19 THSV11 “I rebuke and punish all whom I love. Be in earnest, then, and turn from your sins.” ~Revelation 3:19 GNT ”การตักเตือน“ เป็น “รูปแบบหนึ่งของการแสดงการไม่ยอมรับหรือการวิพากษ์วิจารณ์อย่างจริงจัง มักแสดงออกมาเพื่อสื่อถึงการตำหนิโดยตรงอย่างเป็นทางการ อาจเน้นไปที่การกระทำผิดหรือพลาด แต่ก็ใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยนำหรือแก้ไขพฤติกรรมบางอย่าง” เราจึงต้องพร้อมรับการเตือนสติ และการตักเตือน ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบในการเตือนสติและตักเตือนผู้อื่นด้วย พระคัมภีร์สอนว่า1.เราควรตระหนักว่าเราจะได้รับโทษจากการที่เราไม่เตือนคนบาปให้กลับจากทางของเขา“ถ้าเรากล่าวกับคนอธรรมว่า ‘โอ คนอธรรม เจ้าจะต้องตายแน่' และเจ้าไม่ได้กล่าวเตือนคนอธรรมให้กลับจากทางของเขา คนอธรรมนั้นจะต้องตายเนื่องจากความผิดบาปของเขา แต่เราจะลงโทษเจ้าเรื่องโลหิตของเขา” ~เอเสเคียล 33:8 THSV112.เราควรเตือนสติคนที่เกียจคร้านให้ขยันและทำในสิ่งที่เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า “พี่น้องทั้งหลาย ขอให้พวกท่านตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนใจผู้ที่ขาดความกล้าหาญ ช่วยเหลือคนที่อ่อนกำลัง และมีความอดทนต่อทุกคน” ~1 เธสะโลนิกา 5:14 THSV113.เราควรเคารพนับถือผู้นำหรือผู้รับใช้ที่ปกครองดูแลและตักเตือนเราตามวิถีของพระเยซูคริสต์“พี่น้องทั้งหลาย เราขอร้องท่านให้นับถือคนที่ทำงานอยู่ท่ามกลางพวกท่าน และปกครองท่านและตักเตือนท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า” ~1 เธสะโลนิกา 5:12 THSV114.เราควรเตือนสติคนทุกเพศทุกวัยในคริสตจักรของเรา(โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสาว) “ส่วนพวกชายหนุ่มก็เหมือนกัน จงเตือนสติพวกเขาให้มีสติสัมปชัญญะ” ~ทิตัส 2:6,1-5 THSV115.เราควรเตือนสติและสั่งสอนคนในครอบครัวของเราตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า“ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของท่านให้เกิดโทสะ แต่จงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยการสั่งสอนและการเตือนสติตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ~เอเฟซัส 6:4 THSV116.เราควรเตือนสติและสั่งสอนด้วยสรรพปัญญาเพื่อถวายทุกคนให้เป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ “พระองค์นี้แหละที่เราประกาศอยู่โดยการเตือนสติและสั่งสอนทุกคนด้วยสรรพปัญญา เพื่อว่าเราจะถวายทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์” ~โคโลสี 1:28 THSV117.เราควรเตือนสติผู้เชื่อทั้งหลายให้ดำเนินชีวิตอย่างที่พระเจ้าพอพระทัยให้ดียิ่งขึ้น “พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ เนื่องจากเราได้สอนท่านถึงวิธีดำเนินชีวิตซึ่งจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และท่านดำเนินอย่างนั้นอยู่แล้ว เราจึงขอวิงวอนและเตือนสติท่านในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ว่าจงดำเนินให้ดียิ่งขึ้นอีก” ~1 เธสะโลนิกา 4:1 THSV11พี่น้องที่รัก ไม่ว่าเราจะเป็นใคร หรือจะอยู่ในฐานะตำแหน่งใด จะสูงหรือจะต่ำ เราต้องกล้าหาญในการเตือนคนที่ทำไม่ถูกต้อง ด้วยท่าทีที่เหมาะสมตามขั้นตอน และ ตามขอบเขตอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของเรา เพื่อให้คนอื่นๆเห็นและไม่ทำอย่างนั้นอีก อย่างเช่นที่ อาจารย์ เปาโล กล่าวกำชับทิโมธีให้ตักเตือนผู้นำที่ยังคงทำผิดบาปอยู่ว่า “จงว่ากล่าวตักเตือนผู้ที่ทำบาปต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อคนอื่นๆ จะได้ไม่กล้าเอาอย่าง” ~1ทิโมธี 5:20 TNCV (But those elders who are sinning you are to reprove before everyone, so that the others may take warning.) ~1 Timothy 5:20 NIV ดังนั้น พี่น้องที่รัก ขอให้เราไม่ทำผิดบาป หรือ ให้หยุดทำผิดทำบาปก่อนที่จะมีใครต้องมาตักเตือนเรา และ ขอให้เราพร้อมที่จะเตือนสติคนใกล้ตัวเรา ให้ยุติการกระทำบางอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้องโดยด่วนก่อนที่เขาจะถูกตักเตือน ต่อว่า หรือ ตัดทิ้ง! …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 29มิถุนายน 2025 (ตอน90 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่90) ถ้าเตือนสติไว้ก่อน ก็จะไม่ต้องตักเตือนอีกในภายหลัง!(3) “เรารักใครเราก็ตักเตือนและตีสอนเขา เพราะฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจใหม่” ~วิวรณ์ 3:19 THSV11 “I rebuke and punish all whom I love. Be in earnest, then, and turn from your sins.” ~Revelation 3:19 GNT ”การตักเตือน“ เป็น “รูปแบบหนึ่งของการแสดงการไม่ยอมรับหรือการวิพากษ์วิจารณ์อย่างจริงจัง มักแสดงออกมาเพื่อสื่อถึงการตำหนิโดยตรงอย่างเป็นทางการ อาจเน้นไปที่การกระทำผิดหรือพลาด แต่ก็ใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยนำหรือแก้ไขพฤติกรรมบางอย่าง” เราจึงต้องพร้อมรับการเตือนสติ และการตักเตือน ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบในการเตือนสติและตักเตือนผู้อื่นด้วย พระคัมภีร์สอนว่า1.เราควรตระหนักว่าเราจะได้รับโทษจากการที่เราไม่เตือนคนบาปให้กลับจากทางของเขา“ถ้าเรากล่าวกับคนอธรรมว่า ‘โอ คนอธรรม เจ้าจะต้องตายแน่' และเจ้าไม่ได้กล่าวเตือนคนอธรรมให้กลับจากทางของเขา คนอธรรมนั้นจะต้องตายเนื่องจากความผิดบาปของเขา แต่เราจะลงโทษเจ้าเรื่องโลหิตของเขา” ~เอเสเคียล 33:8 THSV112.เราควรเตือนสติคนที่เกียจคร้านให้ขยันและทำในสิ่งที่เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า “พี่น้องทั้งหลาย ขอให้พวกท่านตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนใจผู้ที่ขาดความกล้าหาญ ช่วยเหลือคนที่อ่อนกำลัง และมีความอดทนต่อทุกคน” ~1 เธสะโลนิกา 5:14 THSV113.เราควรเคารพนับถือผู้นำหรือผู้รับใช้ที่ปกครองดูแลและตักเตือนเราตามวิถีของพระเยซูคริสต์“พี่น้องทั้งหลาย เราขอร้องท่านให้นับถือคนที่ทำงานอยู่ท่ามกลางพวกท่าน และปกครองท่านและตักเตือนท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า” ~1 เธสะโลนิกา 5:12 THSV114.เราควรเตือนสติคนทุกเพศทุกวัยในคริสตจักรของเรา(โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสาว) “ส่วนพวกชายหนุ่มก็เหมือนกัน จงเตือนสติพวกเขาให้มีสติสัมปชัญญะ” ~ทิตัส 2:6,1-5 THSV115.เราควรเตือนสติและสั่งสอนคนในครอบครัวของเราตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า“ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของท่านให้เกิดโทสะ แต่จงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยการสั่งสอนและการเตือนสติตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ~เอเฟซัส 6:4 THSV116.เราควรเตือนสติและสั่งสอนด้วยสรรพปัญญาเพื่อถวายทุกคนให้เป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ “พระองค์นี้แหละที่เราประกาศอยู่โดยการเตือนสติและสั่งสอนทุกคนด้วยสรรพปัญญา เพื่อว่าเราจะถวายทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์” ~โคโลสี 1:28 THSV117.เราควรเตือนสติผู้เชื่อทั้งหลายให้ดำเนินชีวิตอย่างที่พระเจ้าพอพระทัยให้ดียิ่งขึ้น “พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ เนื่องจากเราได้สอนท่านถึงวิธีดำเนินชีวิตซึ่งจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และท่านดำเนินอย่างนั้นอยู่แล้ว เราจึงขอวิงวอนและเตือนสติท่านในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ว่าจงดำเนินให้ดียิ่งขึ้นอีก” ~1 เธสะโลนิกา 4:1 THSV11พี่น้องที่รัก ไม่ว่าเราจะเป็นใคร หรือจะอยู่ในฐานะตำแหน่งใด จะสูงหรือจะต่ำ เราต้องกล้าหาญในการเตือนคนที่ทำไม่ถูกต้อง ด้วยท่าทีที่เหมาะสมตามขั้นตอน และ ตามขอบเขตอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของเรา เพื่อให้คนอื่นๆเห็นและไม่ทำอย่างนั้นอีก อย่างเช่นที่ อาจารย์ เปาโล กล่าวกำชับทิโมธีให้ตักเตือนผู้นำที่ยังคงทำผิดบาปอยู่ว่า “จงว่ากล่าวตักเตือนผู้ที่ทำบาปต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อคนอื่นๆ จะได้ไม่กล้าเอาอย่าง” ~1ทิโมธี 5:20 TNCV (But those elders who are sinning you are to reprove before everyone, so that the others may take warning.) ~1 Timothy 5:20 NIV ดังนั้น พี่น้องที่รัก ขอให้เราไม่ทำผิดบาป หรือ ให้หยุดทำผิดทำบาปก่อนที่จะมีใครต้องมาตักเตือนเรา และ ขอให้เราพร้อมที่จะเตือนสติคนใกล้ตัวเรา ให้ยุติการกระทำบางอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้องโดยด่วนก่อนที่เขาจะถูกตักเตือน ต่อว่า หรือ ตัดทิ้ง! …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 29มิถุนายน 2025 (ตอน90 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ความจริงเท่านั้น Ep.1314 1 ซามูเอล 27:8-9 บอกถึงสิ่งที่ดาวิดทำหลังจากหนีออกจากดินแดนอิสราเอล เขาบุกยึดทรัพย์สินของศัตรูของอิสราเอล ได้แก่ คนเกชูร์ เกเซอร์ และอามาเลขพวกนี้เป็นศัตรูของอิสราเอลมานาน แล้วดาวิดจัดการทุกคนแบบไม่เหลือใครเลย แต่เมื่อกลับมาดาวิดไม่พูดความจริงกับอาคีชกษัตริย์เมืองกัท โดยให้ข้อมูลคลุมเครือว่า เขาโจมตีเนเกบของยูดาห์หรือชนเผ่าต่าง ๆ ในอิสราเอล'เมื่อไรอาคีชตรัสถามว่า “วันนี้พวกท่านไปปล้นที่ไหนมา?” ดาวิดก็ทูลว่า “ปล้นเนเกบที่แผ่นดินยูดาห์” หรือ “ปล้นเนเกบที่ตระกูลเยราเมเอล” หรือ “ปล้นเนเกบของคนเคไนต์” ' 1 ซามูเอล 27:10 TNCV เนเกบ (נֶגֶב Negev) แปลว่า ทิศใต้ เป็นพื้นที่แห้งแล้งอยู่ตอนใต้ของยูดาห์ ใกล้ดินแดนของศัตรู ดาวิดทำในสิ่งที่ถูกต่อพระเจ้าคือทำลายศัตรูของอิสราเอล แต่กลับไม่พูดความจริงต่ออาคีชเพื่อที่จะรักษาการปกป้องและที่พักที่ปลอดภัย'อาคีชวางพระทัยในดาวิด ด้วยทรงดำริว่า “เขาได้ทำให้อิสราเอลชนชาติของเขาเกลียดเขาจริงๆ เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นผู้รับใช้ของเราตลอดไป”' 1 ซามูเอล 27:12 TNCV หนังสืออธิบายพระคัมภีร์และผู้รู้อธิบายว่า การที่ดาวิดจัดการทุกคนไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลย นั้นมีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้ใครกลับมาบอกความจริงกับกษัตริย์ฟีลิสเตียได้ว่า ดาวิดไม่ได้ทรยศบ้านเกิด อันนี้ผมมองว่าคือความอ่อนแอของดาวิด แม้ดาวิดเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก ทรงเจิมเขาเป็นกษัตริย์ และพระเจ้าโปรดปรานเขา แต่เมื่อดาวิดต้องเผชิญกับแรงกดดัน ความกลัวทำให้เขาต้องใช้กลยุทธ์ที่ไม่ซื่อสัตย์เพื่อเอาตัวรอด'อย่าวางใจในเจ้านาย ในมนุษย์ซึ่งไม่สามารถช่วยได้ ' สดุดี 146:3'จงหันจากความชั่ว และจงทำความดี แล้วท่านจะดำรงอยู่เป็นนิตย์ เพราะพระยาห์เวห์ทรงรักความยุติธรรม พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งผู้จงรักภักดีของพระองค์ พระองค์จะทรงคุ้มครองคนเหล่านั้นเป็นนิตย์ แต่พงศ์พันธุ์ของคนอธรรมจะถูกตัดออกไป ' สดุดี 37:27-28 บางครั้งเราเองก็อาจเลือกทำบางเพราะกลัวถูกปฎิเสธ กลัวจะไม่มีที่ยืน พระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งผู้สัตย์ซื่อแน่นอน พระองค์ไม่เคยเรียกเราให้อยู่ในความไม่จริงเพื่อเอาตัวรอด พระเจ้าทรงเรียกและทรงไถ่เรามาให้เป็นเหมือนพระองค์ คือเป็นคนที่ซื่อสัตย์และอยู่ในความจริงเสมอ อย่าให้ความกลัวผลักเราออกจากความจริง คนที่วางใจในพระเจ้าและอยู่ในความจริงและคนนั้นจะปลอดภัยด้วยการปกป้องของพระเจ้าเสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่89) ถ้าเตือนสติไว้ก่อน ก็จะไม่ต้องตักเตือนอีกในภายหลัง!(2) “ข้าพเจ้าขอเตือนท่านอย่างจริงจังเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและพระเยซูคริสต์ ผู้จะทรงพิพากษาคนเป็นและคนตาย และขอเตือนโดยอ้างถึงการมาปรากฏของพระองค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ว่า” ~2 ทิโมธี 4:1 THSV11 “In the presence of God and of Christ Jesus, who will judge the living and the dead, and in view of his appearing and his kingdom, I give you this charge:” ~2 Timothy 4:1 NIV1.เราควรขะมักเขม้นหนุนใจ เตือนสติและตักเตือนกันด้วยความอดทน “จงประกาศพระวจนะ จงทำอย่างขะมักเขม้นทั้งในขณะที่คนสนใจและไม่สนใจ จงชักชวน ตักเตือน และหนุนใจ ด้วยความอดทนและด้วยการสั่งสอนอย่างเต็มที่” ~2 ทิโมธี 4:2 THSV112.เราควรเตือนสติกันดุจพ่อแม่เตือนสติและหนุนใจลูก“ดังที่ท่านรู้แล้วว่า การวางตัวของเราก็เหมือนบิดาทำต่อบุตร คือเตือนสติ หนุนใจและกำชับให้ ท่านดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมต่อพระเจ้า ผู้ทรงเรียกท่านให้เข้ามาในแผ่นดินและในพระสิริของ พระองค์” ~1 เธสะโลนิกา 2:11-12 THSV113.เราควรเตือนสติกันและกันด้วยความรักไม่ใช่ทำให้ผู้อื่นละอายใจด้วยความเกลียดชัง“ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนข้อความเหล่านี้เพื่อให้พวกท่านละอายใจ แต่เขียนเพื่อเตือนสติท่านผู้เป็นเหมือนลูกที่รักของข้าพเจ้า” ~1 โครินธ์ 4:14 THSV114.เราควรเรียนรู้ที่จะรับฟังการเตือนสติเพื่อจะไม่ทำผิดซ้ำรอยของคนในอดีต“เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้เขียนไว้เพื่อเตือนสติเราผู้ซึ่งมาถึงวาระสุดท้ายของยุคนี้แล้ว เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง” ~1 โครินธ์ 10:11-12 THSV115.เราควรเตือนสติกันและกันให้ทำงานเลี้ยงชีพตนเองและไม่อ่อนระอาในการทำดี“เรากำชับและเตือนสติคนเช่นนั้นในพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ให้เขาทำงานด้วยใจสงบและหาเลี้ยงชีพเอง พี่น้องทั้งหลาย ท่านอย่าอ่อนใจที่จะทำความดีเลย “ ~2 เธสะโลนิกา 3:12-13 THSV116.เราควรเตือนคนที่ไม่รับฟังคำเตือนสติอย่างพี่น้อง แต่ไม่ถือว่าเขาเป็นศัตรู“ถ้าใครไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเราในจดหมายฉบับนี้ จงหมายหัวคนนั้นไว้ อย่าสมาคมกับเขาเลยเพื่อเขาจะได้รู้สึกอาย อย่าถือว่าเขาเป็นศัตรู แต่จงเตือนเขาในฐานะพี่น้อง” ~2 เธสะโลนิกา 3:14-15 THSV117.เราควรเตือนสติถึงอันตรายจากพวกบิดเบือนความจริงที่จะเข้ามาในคริสตจักร“ข้าพเจ้าทราบอยู่แล้วว่า เมื่อข้าพเจ้าไปแล้วจะมีพวกสุนัขป่าที่ดุร้ายเข้ามาในหมู่พวกท่าน และจะไม่ละเว้นฝูงแกะไว้เลย และจะมีบางคนในหมู่พวกท่านออกมาบิดเบือนความจริง เพื่อชักชวนสาวกให้หลงตามพวกเขาไป เพราะฉะนั้นจงตื่นตัวและจำไว้ว่าข้าพเจ้าได้สั่งสอนเตือนสติพวกท่านทุกคนด้วยน้ำตาทั้งกลางวันกลางคืนตลอดสามปีไม่ได้หยุดหย่อน” ~กิจการ 20:29-31 THSV11พี่น้องที่รัก ขอให้เรากล้าเตือนสติและตักเตือนกันอย่างจริงใจด้วยความรัก เหมือนดั่งที่ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตได้กล่าวไว้ว่า “ตักเตือนอย่างเปิดเผย ยังดีกว่าซ่อนคำเตือนไว้ด้วยความรัก” ~สุภาษิต 27:5 TNCV “Better is open rebuke than hidden love.” ~Proverbs 27:5 RSV …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 28มิถุนายน 2025 (ตอน89 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่88) ถ้าเตือนสติไว้ก่อน ก็จะไม่ต้องตักเตือนอีกในภายหลัง! “ถ้าเป็นผู้เตือนสติก็จงเตือนสติ ผู้ที่ให้ ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี” ~โรม 12:8 THSV11 “he who exhorts, in his exhortation; he who contributes, in liberality; he who gives aid, with zeal; he who does acts of mercy, with cheerfulness.” ~Romans 12:8 RSVCI "เตือนสติ" หมายถึง “การทำให้รู้สึกตัว หรือ การทำให้มีสติ” โดยทั่วไปหมายถึง การบอกให้ใครสักคนระลึกถึงสิ่งที่ควรทำหรือสิ่งที่ควรระวัง. "ตักเตือน" หมายถึง การพูดเพื่อเตือนสติหรือแนะนำให้ใครคนหนึ่งรู้ตัวว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้นไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ผิดไปจากที่ควรจะเป็น หรืออาจเป็นอันตราย และควรแก้ไขปรับปรุงตัว ก่อนที่จะเกิดผลเสียที่รุนแรงกว่าเดิม การตักเตือนอาจมีหลายระดับ ตั้งแต่การพูดเบาๆ เพื่อให้รู้ตัว ไปจนถึงการว่ากล่าวตักเตือน อย่างจริงจัง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และผู้ที่ทำการตักเตือน ในพระคัมภีร์กล่าวเรื่องการเตือนสติไว้อย่างไรบ้าง?1.เราควรเตือนสติให้คนกลับใจใหม่เพื่อรอดพ้นจากการพิพากษา “เปโตรจึงกล่าวอีกหลายเรื่องเป็นพยานและเตือนสติพวกเขาว่า “จงเอาตัวรอดจากชาติพันธุ์ที่คดโกงนี้เถิด”” ~กิจการ 2:40 THSV112.เราควรเตือนสติกันและกันด้วยสติปัญญาจากพระเจ้า “จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณด้วยการขอบพระคุณพระเจ้า ในใจของท่าน” ~โคโลสี 3:16 THSV11 3.เราควรเตือนสติและตักเตือนกันด้วยสิทธิอำนาจที่มาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ “จงใช้ข้อความข้างบนนี้พูด เตือนสติและตักเตือนพวกเขาด้วยอำนาจอย่างเต็มที่ อย่าให้ใครสบประมาทท่านได้” ~ทิตัส 2:15 THSV114.เราควรเตือนสติกันและกันด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า “พระองค์ทรงอดทนกับเขาอยู่หลายปี และทรงเตือนเขาด้วยพระวิญญาณของพระองค์ทาง ผู้เผยพระวจนะของพระองค์ เขาก็ยังไม่เงี่ยหูฟัง เพราะฉะนั้นพระองค์จึง ทรงมอบเขาไว้ในมือของชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินนั้น” ~เนหะมีย์ 9:30 THSV115.เราควรเตือนสติกันและกันตามของประทานเรามีอยู่“ถ้าเป็นผู้เตือนสติก็จงเตือนสติ ผู้ที่ให้ ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี” ~โรม 12:8 THSV116.เราควรเตือนสติกันให้ระลึกถึงการทรงเรียกและการทรงเลือกของพระเจ้าที่มีต่อเรา“เพราะเหตุนั้น พี่น้องทั้งหลาย จงพยายามมากขึ้นที่จะยืนยันการทรงเรียกและการทรงเลือกพวกท่านนั้น เพราะว่าถ้าพวกท่านทำเช่นนั้น ท่านจะไม่มีวันล้มลง เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าพร้อมเสมอที่จะเตือนความจำท่านทั้งหลายถึงสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้ว่าพวกท่านรู้และตั้งมั่นในความจริงนั้นแล้ว ตราบที่ข้าพเจ้ายังอยู่ในกายนี้ ข้าพเจ้าเห็นสมควรที่จะฟื้นความจำพวกท่าน” ~2 เปโตร 1:10, 12-13 THSV117.เราควรเตือนสติกันและกันให้ระลึกถึงพระคุณของพระเจ้าอยู่เสมอ“พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าท่านบริบูรณ์ด้วยความดี และพร้อมด้วยความรู้ทุกอย่าง สามารถจะเตือนสติกันและกันได้ แต่การที่ข้าพเจ้ากล้าเขียนบางเรื่องถึงท่าน เพื่อเตือนความจำของท่าน ก็เนื่องจากพระคุณของพระเจ้าที่ได้ประทานแก่ข้าพเจ้า” ~โรม 15:14-15 THSV11 พี่น้องที่รัก ถ้าวันนี้เรายังเตือนสติกันได้ ก็ขอให้เรามาเตือนสติกันและกันทุกวัน เพื่อเราจะได้ไม่ต้องมาตักเตือนกันให้เสียความรู้สึกในภายหลังอีก …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 27มิถุนายน 2025 (ตอน88 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน อยากได้อะไรก็บอก Ep.1313 ความกล้าหาญที่แท้จริงไม่ได้หมายถึงแต่การทำแต่สิ่งยิ่งใหญ่ แต่รวมถึงการกล้าที่จะพูดความต้องการในใจออกมาด้วย ดาวิดพูดความต้องการของเขาต่อกษัตริย์อาคีช ขอพระเจ้าเมตตาที่เราจะสวมความกล้าหาญและเต็มด้วยสติปัญญาที่จะพูดความจริงออกมาด้วยปัญญาที่มาจากพระเจ้า'แล้วดาวิดจึงทูลอาคีชว่า “ถ้าข้าพระบาทเป็นที่โปรดปรานของฝ่าพระบาท ขอทรงให้พวกเขามอบที่ในเมืองชนบทแก่ข้าพระบาทสักแห่งหนึ่ง และข้าพระบาทจะได้อาศัยอยู่ที่นั่น ทำไมผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะอยู่ในกรุงกับฝ่าพระบาทเล่า?” ' 1 ซามูเอล 27:5 การที่ดาวิดกล้าพูดกับอาคีชอย่างชัดเจนถึงความต้องการเป็นมากกว่าความเฉลียวฉลาด เพราะการพูดความจริงนั้นทำให้ผู้ฟังรู้ว่า เราจริงใจและเราให้เกียรติและเคารพเขาด้วย ดาวิดรู้ว่าเขาไม่เหมาะจะอยู่ในเมืองหลวง เขาจึงขอพื้นที่เล็ก ๆ เพื่ออยู่อย่างสงบ ทำหน้าที่ของเขาโดยไม่ขัดแย้งใคร'ในวันนั้นอาคีชทรงมอบศิกลากให้ท่าน ดังนั้นศิกลากจึงกลายเป็นของบรรดากษัตริย์ยูดาห์จนถึงทุกวันนี้ ระยะเวลาที่ดาวิดเข้าไปอยู่ในแผ่นดินฟีลิสเตียนั้น เป็น 1 ปีกับ 4 เดือน ' 1 ซามูเอล 27:6-7 ผลลัพธ์คือดาวิดได้เมืองเล็กๆ ที่กลายเป็นสมบัติถาวรของยูดาห์ ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งอาณาจักรของดาวิดในอนาคตด้วย'แต่โดยการพูดความจริงด้วยความรัก เราจะเติบโตขึ้นในทุกสิ่งสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์ ' เอเฟซัส 4:15 TNCV หากเรากล้าหาญจะพูดความจริงไม่ว่าจะเป็นความต้องการของตัวเอง หรือความจริงของใครก็ตาม ขอให้เรายึดหลักการนี้ไว้ คือเราจะพูดความจริงนั้นด้วยการห่อหุ้มมันความความรัก พูดเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงมาถึงผู้ฟัง ไม่ใช่พูดเพื่อให้เขาเสียหน้าหรืออับอาย และพระวจนะของพระเจ้าบอกว่าการพูดแบบนี้เป็นวิถีแห่งการเติบโตของชีวิตฝ่ายวิญญาณในพระเจ้า ขอเราจะกล้าหาญที่จะพูดความจริงด้วยความรักครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน เปลี่ยนได้ Ep.1312 พวกเราทุกคนล้วนเคยมีช่วงที่กลัวจนต้องเอาตัวรอดด้วยวิธีที่เราไม่ภูมิใจนัก ดาวิดก็เคยกลัว เขาแกล้งบ้าเพื่อรอดจากกษัตริย์เมืองกัท (1 ซามูเอล 21) แต่วันนี้บทเรียนที่เราได้รับ พระเจ้าทรงนำเขากลับมาที่เดิมแต่เติมด้วยความมั่นใจไม่ใช่ด้วยความกลัวอีกต่อไป หลังจากที่ซาอูลอวยพรดาวิดแล้ว เขาก็แยกย้ายกันไป ใน1 ซามูเอล 27: 1 ได้บรรยายว่า ดาวิดนึกในใจว่า เขาคงไม่รอดแน่ถ้ายังอยู่ในในประเทศนี้ เพราะเดี๋ยวซาอูลอาจจะเปลี่ยนใจอีก 'ดาวิดจึงลุกขึ้นยกข้ามไป ทั้งตัวท่านและคนที่อยู่กับท่าน 600 คน ไปหาอาคีชบุตรมาโอค กษัตริย์เมืองกัท ' 1 ซามูเอล 27:2 นี่ครั้งที่ 3 ที่ดาวิดหนีออกนอกประเทศ ครั้งที่ 2 เขาพาพ่อกับแม่ย้ายไปอยู่โมอับ ในครั้งนี้ก็กลับไปด้วยความกล้าหาญ ในหนังสืออธิบายพระคัมภีร์ NIV Study Bible ยืนยันว่ากษัตริย์องค์นี้คือองค์เดียวกันกับที่เขาเคยแกล้งบ้า มีผู้รู้ช่วยอธิบายอีกว่าครั้งนี้กษัตริย์เมืองกัทมองดาวิดในฐานะทรัพยากรทางทหาร อาจจะจากเรื่องราวการข่าวที่น่าจะรู้ว่าดาวิดต้องหนีซาอูลมา แม้ว่าในพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ได้ระบุช่วงเวลาไว้ว่าการหนีนั้นนานเท่าไร แต่มีผู้รู้ที่ศีกษาค้นคว้าให้ความเห็นว่า ช่วงเวลาครั้งนั้นห่างกันประมาณ 4 ปี แต่ในข้อ 4 ยืนยันว่า การหนีไปครั้งนี้ทำให้ซาอูลเลิกตามหาดาวิด'เมื่อข้าพระองค์กลัว ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ ' สดุดี 56:3 ในการครั้งที่แล้วที่หนีครั้งที่แล้ว ดาวิดกลัว และได้ระบายออกมาเป็นบทเพลง แต่แม้ว่าดาวิดยีงกลัวแต่เขาก็ไว้วางใจในพระเจ้า ขอดาวิดจะเป็นตัวอย่างที่จะนำให้เราไว้วางใจในพระเจ้ากับทุกสถานการณ์ที่เราต้องเผชิญ บางครั้งพระเจ้าพาเรากลับไปสู่ที่เดิมเพื่อพิสูจน์ว่า เราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คนที่เคยกลัว พระเจ้าสามารถเปลี่ยนได้ พระเจ้าอาจกำลังนำเรากลับไปยังที่เดิม เพื่อนำให้เราเห็นพระคุณของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่87) พระเยซูคริสต์กับความเชื่อของเรา! “พระเยซูจึงตรัสตอบพวกสาวกว่า “จงมีความเชื่อในพระเจ้า” ~มาระโก 11:22 THSV11 ““Have faith in God,” Jesus answered.” ~Mark 11:22 NIV ในพระคัมภีร์เล่าว่า1.พระเยซูทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของเรา“เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของพวกเขา พระองค์จึงตรัสกับคนง่อยว่า “ลูกเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว”” ~มาระโก 2:5 THSV112.พระเยซูตรัสว่าเราอาจหายโรคได้ด้วยความเชื่อ“ พระองค์จึงตรัสกับหญิงผู้นั้นว่า “ลูกหญิงเอ๋ย ที่หายโรคนั้นก็เพราะลูกเชื่อ จงไปเป็นสุขและหายโรคนี้เถิด”” ~มาระโก 5:34 THSV113.พระเยซูตรัสว่าถ้าผู้ใดเชื่อพระองค์จริงๆ พระองค์ก็ทรงสามารถช่วยทำให้ได้ทุกสิ่ง“พระเยซูจึงตรัสกับบิดานั้นว่า “ ‘ถ้าช่วยได้' น่ะหรือ? ใครเชื่อก็ทำให้ได้ทุกสิ่ง” บิดาของเด็กจึง ร้องทูลทันทีว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ และขอโปรดช่วยในส่วนที่ขาดอยู่ด้วยเถิด”” ~มาระโก 9:23-24 THSV114.พระเยซูทรงย้ำไม่ให้เราวิตก แต่ให้เชื่อพระองค์เท่านั้น“ขณะที่พระองค์ยังตรัสไม่ทันขาดคำ ก็มีบางคนมาจากบ้านนายธรรมศาลาบอกว่า “ลูกสาวของท่านตายแล้ว ยังจะรบกวนอาจารย์อีกทำไม?” แต่พระเยซูไม่สนพระทัยสิ่งที่พวกเขากล่าวนั้น พระองค์ตรัสกับนายธรรมศาลาว่า “อย่าวิตกเลย จงเชื่อเท่านั้น”” ~มาระโก 5:35-36 เยซู THSV115.พระเยซูทรงยกย่องคนที่มีความเชื่อมากในพระองค์“แล้วพระเยซูตรัสตอบนางว่า “หญิงเอ๋ย ความเชื่อของท่านก็มาก ให้เป็นไปตามความต้องการของท่านเถิด” แล้วลูกสาวของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่เวลานั้น” ~มัทธิว 15:28 THSV116.พระเยซูตรัสว่าถ้าเราเชื่อ เราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า “พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือว่า ถ้าเธอเชื่อ ก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า?”” ~ยอห์น 11:40 THSV117. พระเยซูตรัสว่าเราเชื่อเพราะเห็นก็นับว่าดี แต่เราจะเป็นสุขมากกว่านั้นอีกเมื่อเราเชื่อทั้งๆที่มองไม่เห็น “พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพราะท่านเห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ? คนที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”” ~ยอห์น 20:29 THSV118.พระเยซูทรงกำชับให้เราเชื่อในพระเจ้าและเชื่อว่าจะได้รับโดยไม่สงสัย แล้วเราจะได้รับ “พระเยซูจึงตรัสตอบพวกสาวกว่า “จงมีความเชื่อในพระเจ้า เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงลอยลงทะเลไป' และใจไม่สงสัย แต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เมื่อพวกท่านอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ แล้วพวกท่านจะได้รับสิ่งนั้น” ~มาระโก 11:22-24 THSV11 พี่น้องที่รัก ขอให้เรา1.เชื่อพระเจ้าและวางใจพระเยซูคริสต์จริงๆ และ 2.ไม่สงสัยในความดีและความสามารถของพระองค์แต่อย่าให้เราใช้ความเชื่อของเรามาบังคับหรือเรียกร้องให้พระเจ้า 1).ทรงกระทำตามที่เราปรารถนา หรือ 2).ทรงประทานสิ่งที่เราอยากได้ให้แก่เรา ขอให้เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงทำทุกสิ่งได้ แต่กระนั้นพระองค์ก็มิได้กระทำทุกสิ่งตามที่เราเชื่อหรือตามที่เราขอเสมอไป เพราะบางครั้งสิ่งที่เราขอ อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราหรือส่วนรวมในเวลานั้น เหมือนดังที่ Max Lucado กล่าวว่า “ความศรัทธา ไม่ใช่ความเชื่อที่ว่าพระเจ้าจะทำในสิ่งที่คุณต้องการ แต่เป็นความเชื่อที่ว่าพระเจ้าจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง!” (Faith is not the belief that God will do what you want. It is the belief that God will do what is right.) …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 26มิถุนายน 2025 (ตอน87 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่86) ระวังคำสอนแปลกๆ! “อย่าหลงไปตามคำสอนแปลกๆ ต่างๆ เพราะว่าเป็นการดีที่จะให้ใจเข้มแข็งโดยพระคุณ ไม่ใช่โดยกฎเกณฑ์เรื่องอาหาร ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่คนที่ดำเนินตามเลย” ~ฮีบรู 13:9 THSV11 “Do not be carried away by all kinds of strange teachings. It is good for our hearts to be strengthened by grace, not by eating ceremonial foods, which is of no benefit to those who do so.” ~Hebrews 13:9 NIV คนเรามักชอบของแปลกๆรวมทั้ง ความเชื่อ คำสอนและคำเทศน์ที่แปลกๆ! คนหรือ คริสตจักรใดที่ชอบรับทุกคำสอนที่แปลกแปลก ก็มักจะกลายเป็นคนแปลกแปลกหรือคริสตจักรที่แปลกแปลกไป ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูจึงเตือนไม่ให้เราหลงไปตามคำสอนแปลกๆที่ไม่สอดคล้องกับคำสอนอันถูกต้องในพระคัมภีร์เหมือนกับที่ อาจารย์เปาโลกำชับทิโมธีไว้เช่นกันว่า “ขณะที่ข้าพเจ้าไปยังแคว้นมาซิโดเนียนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านอยู่ที่เมืองเอเฟซัสต่อไป เพื่อจะได้กำชับบางคนไม่ให้สอนผิด แปลกไป” ~1 ทิโมธี 1:3 THSV11 ที่ว่า“แปลก“ในที่นี้ นั้น คือ แปลกจากอะไร?ก็แปลกและเพี้ยนไปจาก“คำสอน“ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยคริสตจักรยุคแรก แต่ที่แปลกขึ้นไปอีกก็คือ คนหรือกลุ่มที่เชื่อและสอนแปลกออกไปจากหลักคำสอนของพระคัมภีร์(ซึ่งเป็นบรรทัดฐานแห่งความเชื่อและการปฏิบัติของคริสเตียนโดยทั่วไป)กลับหลงตนเชื่อและอ้างว่าตัวเขาหรือกลุ่มของเขาเป็นคริสเตียนที่เชื่อถูกต้องแท้จริง ทั้งๆที่เพี้ยนอย่างเห็นได้ชัดเจน ยิ่งกว่านั้น “คำสอนที่แปลกออกไป” หรือ”คำสอนที่เทียมเท็จ“ นั้นไม่เพียงจะเป็นพิษภัยต่อคริสเตียนและเป็นอันตรายต่อคริสตจักรเท่านั้น แต่ยังสร้างปัญหาคือความสับสนและความเข้าใจผิดต่อคนในสังคมที่ยังไม่เป็นคริสเตียนอีกด้วย ที่น่ากังวลก็คือ ตลอดประวัติศาสตร์ จะมีผู้สอนแปลก สอนผิดแอบเข้ามาในคริสตจักรและท่ามกลางเหล่าผู้เชื่ออยู่เสมอ เหมือนดังที่ท่านเปโตรได้กล่าวเตือนไว้ก่อนแล้วว่า “แต่ว่าได้มีผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จเกิดขึ้นในชนชาตินั้น เช่นเดียวกับที่จะมีผู้สอนเท็จเกิดขึ้นในพวกท่าน ซึ่งจะลอบเอาลัทธินอกรีตอันจะให้ถึงความพินาศเข้ามาเสี้ยมสอน จนถึงกับปฏิเสธองค์เจ้านายผู้ได้ทรงไถ่พวกเขาไว้ ซึ่งจะนำความพินาศมาสู่พวกเขาเองอย่างรวดเร็ว” -2 เปโตร 2:1 THSV11 ดังนั้น ขอให้เราจง1.ระวัง 2.เฝ้าดู และ3.ป้องกันไม่ให้พวกสอนแปลกๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนในท่ามกลางของพวกเราเองมา 1).แพร่พิษ และ 2).ก่อภัย ให้แก่คนอื่นๆในคริสตจักรของเราให้เสียไปเลย ….เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 25มิถุนายน 2025 (ตอน86 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน สิ่งที่พระเจ้าต้องการ Ep.1310 ในชีวิตที่เราตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เรากลับต้องเป็นคนที่ยื่นมือให้อภัยคนอื่นก่อน เป็นฝ่ายพูดดี เป็นฝ่ายอ่อนน้อม และเลือกตอบสนองตามพระทัยพระเจ้า ดาวิดเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ เขาไม่ได้ตอบโต้ด้วยอารมณ์ แต่เลือกที่จะยึดแนวทางของพระเจ้า แม้เขาจะมีสิทธิ์ที่จะลงมือก็ตาม หลังจากที่ดาวิดไม่อนุญาตให้อาบีขัยจัดการซาอูลตามคำขอ แต่ดาวิดหยิบไปเพียงหอกและเหยือกน้ำของซาอูลออกมา พอรุ่งเช้าดาวิดก็ไปที่ฝั่งตรงข้าม แล้วตะโกนเรียกแม่ทัพของซาอูล และถามว่าหอกกับเหยือกน้ำของพระราชาอยู่ที่ไหน ในบทสนทนานั้นซาอูลจำเสียงของดาวิดได้'ซาอูลทรงจำเสียงของดาวิดได้จึงตรัสว่า “ดาวิดบุตรของข้า นี่เป็นเสียงของเจ้าหรือ?” และดาวิดทูลว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาท เป็นเสียงข้าพระบาทพ่ะย่ะค่ะ” ' 1 ซามูเอล 26:17 ดาวิดก็ทูลซาอูลต่อไปว่า ทำไมพระองค์จึงต้องตามล่าผู้รับใช้ของพระองค์? ตัวเขาได้ทำอะไรชั่ว? แล้วดาวิดร้องขอซาอูลว่า ขอพระราชาทรงฟังถ้อยคำของเขา ถ้าทุกอย่างเกิดจากพระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนด ขอพระเจ้าทรงได้รับเครื่องถวาย ถ้าเป็นมนุษย์คนใดยั่วยุก็ขอให้คนนั้นถูกสาปแช่งโดยพระเจ้า เพราะคนเหล่านั้นได้ขับไล่ดาวิดออกจากแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ ดาวิดร้องขอว่า ขออย่าให้เขาเป็นอันตรายที่นอกแผ่นดินของพระเจ้า ดาวิดได้เปรียบเทียบตัวเองเป็นเพียงหมัดตัวเดียว ที่พระราชาออกมาตามหาเพื่อทำลายมัน'แล้วซาอูลตรัสว่า “ข้าทำผิดแล้ว ดาวิดบุตรของข้า จงกลับไปเถิด เราจะไม่ทำร้ายเจ้าอีกต่อไป เพราะในวันนี้ชีวิตของเราก็ประเสริฐในสายตาของเจ้า ดูเถิด เราสำแดงตัวเป็นคนเขลาและทำผิดมากมาย” ' 1 ซามูเอล 26:21 การตอบสนองขอดาวิดนำการกลับใจมายังซาอูลทั้งสองครั้ง แม้ว่าเราอาจจะมองว่าเป็นการกลับใจที่ไม่จริง แต่การตอบสนองของดาวิดนั้นเป็นสิ่งที่พระเจ้าโปรดปราน มีคำถามที่อยากชวนให้เราคิดด้วยกันว่า ในสถานการณ์ที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ เราจะตอบโต้ด้วยความเจ็บแค้นหรือเราจะไว้วางใจพระเจ้า เราจะสามารถอธิษฐานอวยพระพรหรือเราเองจะสาปแช่งพวกเขา ขอให้เรายึดหลักการของพระเจ้าไว้ และให้เรารู้ว่า การตอบสนองของเราอาจเป็นสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายจะได้เห็นว่าพระเจ้าทรงอัศจรรย์ เพราะพระองค์สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและจิตใจของเราได้ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่85) เราเป็นของกันและกัน และเราทุกคนรวมกันเป็นพระกายของพระเยซูคริสต์!“ส่วนท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์และแต่ละอวัยวะก็เป็นส่วนหนึ่งของกายนั้น”~1 โครินธ์ 12:27 THSV11“You are Christ's body and each of you is an individual part of it.” ~1 Corinthians 12:27 GWพระคัมภีร์สอนเราว่าร่างกายประกอบด้วยอวัยวะหลายส่วน ที่ล้วนต่างเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเดียวกัน“เพราะว่า เหมือนกับร่างกายเดียวที่มีหลายๆ อวัยวะ และอวัยวะทั้งหมดของร่างกายนั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นร่างกายเดียว“(1โครินธ์12:12ก)คริสตจักรเป็นเหมือนร่างกายของพระเยซูคริสต์ที่ประกอบด้วยสมาชิก(หรืออวัยวะ)หลากหลาย“พระคริสต์ก็ทรงเป็นเช่นนั้นเพราะว่าไม่ว่าจะเป็นยิวหรือกรีก ทาสหรือเสรีชน เราได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นเหมือนน้ำที่ประทานให้เราทุกคนได้ดื่ม”(1โครินธ์12:12ข~13)เราทุกคนที่เชื่อและรับความรอดจากพระคริสต์ต่างก็เป็นส่วนหนึ่ง(สมาชิก)ของคริสตจักร“เพราะว่าร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ด้วยหลายอวัยวะ ”(1โครินธ์12:14)เราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของคริสตจักรซึ่งตัองพึ่งพากันและกัน“ ถ้าเท้าจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ได้เป็นมือ ฉันจึงไม่เป็นอวัยวะของร่างกาย” ~เท้าก็ไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนี้ย่อมไม่ได้ ถ้าหูจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ได้เป็นตา ฉันจึงไม่เป็นอวัยวะของร่างกาย” ~หูก็ไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนี้ย่อมไม่ได้ “(1โครินธ์12:15-16)เราทุกคนในคริสตจักรเป็นส่วนหนึ่งที่มีหน้าที่แตกต่างกันตามที่พระเจ้าชอบพระทัยตั้งไว้“ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน? ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน? แต่พระเจ้าทรงตั้งอวัยวะแต่ละอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์“(1โครินธ์12:17~18)เราแต่ละคนแม้เป็นส่วนที่แตกต่างกันในคริสตจักรแต่ก็รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน”ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีที่ไหน? ความจริงมีอวัยวะหลายอย่าง แต่ก็ยังเป็นร่างกายเดียวกัน และ“(1โครินธ์12:19-20)เราไม่มีสิทธิ์ที่จะกล่าวว่าเราไม่ต้องการผู้ใดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรเช่นกัน“ตาก็ไม่สามารถพูดกับมือว่า “ฉันไม่ต้องการเธอ” หรือศีรษะจะพูดกับเท้าว่า “ฉันไม่ต้องการเธอ” “(1โครินธ์12:21)เราต้องตระหนักว่าทุกคนที่เป็นสมาชิกของคริสตจักรต่างก็ล้วนเป็นส่วนสำคัญ และจำเป็นต่อคริสตจักรทั้งสิ้น“แต่หลายๆ อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกว่า ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น ”(1โครินธ์12:22)เราควรปฏิบัติต่อสมาชิกทุกคนในคริสตจักรอย่างสุภาพให้เกียรติ “อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าไร้เกียรติ เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น และอวัยวะที่ควรปกปิด เราก็ทำด้วยความสุภาพเป็นพิเศษ เพราะว่าอวัยวะที่น่าดูแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องตกแต่งอีก แต่พระเจ้าทรงจัดวางร่างกาย โดยการประทานเกียรติมากยิ่งขึ้นแก่อวัยวะที่ต่ำต้อย ”(1โครินธ์12:23-24)เราควรร่วมทุกข์ร่วมสุข ห่วงใยและระวังไม่ให้เกิดความแตกแยกภายในคริสตจักร“เพื่อไม่ให้มีการแตกแยกกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะต่างๆ มีความห่วงใยแบบเดียวกันต่อกันและกัน ”ถ้าอวัยวะหนึ่งทุกข์ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมทุกข์ด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย ส่วนท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และแต่ละอวัยวะก็เป็นส่วนหนึ่งของกายนั้น”(1โครินธ์12:25-27)พี่น้องที่รักคุณเห็นด้วยหรือไม่กับที่ Dr. Brené Brown กล่าวว่า“ การเป็นส่วนหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่ได้เรียกร้องให้คุณเปลี่ยนแปลงตัวตนที่คุณเป็นอยู่แต่เรียกร้องให้คุณเป็นคนอย่างที่คุณเป็นจริงๆ!“(True belonging doesn't require you to change who you are; it requires you to be who you are.)วันนี้ คุณรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งจริงๆของคริสตจักรของคุณอยู่หรือไม่? ทำไม?คุณได้แสดงตัวตน หรือ พิสูจน์ตัวแท้จริงของคุณให้คนในคริสตจักรของคุณได้ประจักษ์ชัดแล้วหรือยังว่า“ คุณคือส่วนหนึ่งในคริสตจักรของคุณอย่างแท้จริง? อย่างไร?คุณได้ทำอะไรที่มีความหมาย ที่ทำให้คริสตจักรของคุณรู้สึกภูมิใจและชื่นชมยินดีในการที่มีคุณเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักร หรือ ครอบครัวฝ่ายจิตวิญญาณนี้แล้วบ้าง?”…ช่วยตอบที!~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 24มิถุนายน 2025 (ตอน85 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน บททดสอบซ้ำ Ep.1309 บางครั้งพระเจ้าทรงให้โอกาสเราให้เราทำในสิ่งที่เราทำได้เพื่อจะดูว่าเราจะทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย หรือไม่ ดาวิดอยู่ในจุดที่ใครหลายคนตัดสินใจง่าย ๆ ว่า นี่แหละโอกาสจากพระเจ้า แต่ดาวิดรู้ว่าโอกาสจากพระเจ้าไม่ใช่ทางลัดเพื่อเอาชนะ แต่นั่นคือแบบทดสอบของหัวใจ ซึ่งดาวิดสอบผ่าน ในบทนี่ดาวิดเจอคนขี้ฟ้องอีกแล้ว เขาเชคจนแน่ใจว่าซาอูลจะมาจัดการเขาแน่นอน ดาวิดจึงพาคนลงไปยังที่พักของซาอูล สิ่งที่เขาพบคือซาอูลคนของเขาก็หลับแบบไม่รู้เรื่อง'ดาวิดจึงเอาหอกและเหยือกน้ำจากที่พระเศียรของซาอูล และพวกเขาก็ออกไป ไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้ และไม่มีใครตื่นเพราะทั้งหมดหลับสนิท เพราะพระยาห์เวห์ทรงทำให้พวกเขาหลับสนิท ' 1 ซามูเอล 26:12 ผมมองเรื่องนี้ว่าพระเจ้าให้โอกาสดาวิดจัดการทุกอย่างแบบที่ใครๆเขาก็ทำกัน แม้แต่อาบีชัยคนของดาวิดที่ดาวิดเคยบอกไปแล้วว่าจะไม่จัดการคนที่พระเจ้าเจิมตั้ง เขาขอจัดการซาอูล แต่ดาวิดไม่อนุญาต 'แต่ดาวิดบอกอาบีชัยว่า “ขออย่าทำลายพระองค์เลย เพราะใครจะเหยียดมือออกต่อสู้ผู้ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้ และจะไม่มีความผิด?” และดาวิดพูดว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระยาห์เวห์จะทรงฆ่าพระองค์เอง หรือจะถึงวันกำหนดที่พระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ หรือพระองค์จะเสด็จเข้าสงครามและถูกปลงพระชนม์ ขอพระยาห์เวห์ทรงห้ามปรามข้าพเจ้าไม่ให้เหยียดมือออกต่อสู้ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้ บัดนี้จงเอาหอกที่อยู่ตรงพระเศียรกับเหยือกน้ำ และให้เราไปกันเถิด” ' 1 ซามูเอล 26:9-11 ในชีวิตของเรา พระเจ้าอาจจะเปืดช่องทางให้เราใช้โอกาสที่เข้ามาเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่ให้เราระลึกไว้เสมอว่า พระเจ้ากำลังดูเราว่าเราจะตอบสนองเรื่องนั้นด้วยท่าทีอย่างไร ขอให้เราอย่าลืมว่า สิ่งที่เราทำนั้นจะสะท้อนให้เห็นว่าเราเป็นของพระเจ้าจริงไหม และเราเชื่อวางใจในพระเจ้ามากแค่ไหน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่84) เราควรรับมือกับวิกฤติอย่างไรดี? “จิตใจของข้าพลุ่งพล่านไม่สงบเลย วันแห่งความทุกข์ใจมาพบข้า” ~โยบ 30:27 THSV11 “My heart is in turmoil, and is never still; days of affliction come to meet me.” ~Job 30:27 RSVCI คำว่า "วิกฤติ" หมายถึง “สภาพที่อยู่ในขั้นอันตรายหรืออยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ มีความหมายถึง เหตุการณ์ที่อยู่ในขั้นวิกฤติหรืออยู่ในสภาวะที่ยากลำบากและอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายได้!” เมื่อใดที่เราประสบกับวิกฤตการณ์ เมื่อนั้นจิตใจของเราจะพลุ่งพล่านไม่สงบ เพราะความทุกข์ใจเกิดขึ้นแล้ว! ในชีวิตของเรา เราอาจประสบกับวิกฤติภัยแบบไม่ทันตั้งตัว บางทีวิกฤตินั้นอาจเกิดขึ้นและอยู่เพียงช่วงสั้นๆ แต่ บางครั้งวิกฤตินั้นอาจเกิดขึ้นอยู่กับและอยู่กับเราอย่างยาวนาน แล้วเราควรจะรับมือกับวิกฤติที่ถาโถมเข้ามาสู่ชีวิตของเราอย่างไรดี?ต่อไปนี้ เป็นแนวทางที่ดีในการเผชิญกับวิกฤติการณ์ในชีวิตของเรา 1.ให้“พระคริสต์”(CHRIST)บัญชาการชีวิตของเรา อย่างสิ้นเชิงในยาม“วิกฤติ”(CRISIS)ด้วยความเชื่อฟัง2.ให้เรา“ตระหนัก”และมีสติคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่า วิกฤติอาจเกิดขึ้นกับเราเมื่อใดก็ได้ แต่เราจะไม่ “ตระหนก”จนเกินควร 3.ให้เรา“กล้า”ที่จะจัดการกับ วิกฤติที่เกิดขึ้น โดยไม่“กลัว”แบบหวาดหวั่นขวัญเสีย 4.ให้เราเปิดตามองให้เห็น“โอกาส” ดีในท่ามกลาง“อันตราย“ แทนที่จะปิดตา”โอดครวญ“ 5.ให้เรา“เปิดใจ”“เปิดความคิด”เรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อปรับตัวให้อยู่รอดและพลิกสถานการณ์ได้ 6.ให้เรา“ยืนหยัด” แทนที่จะ“ยวบยาบ”สิ้นแรงเพราะแรงกดดันจากวิกฤติที่ซัดกระหน่ำมา 7.ให้เรารับมือกับวิกฤติ แบบร่วมกันเป็น“ทีม” ไม่ใช่แบบ“ทำคนเดียว”ด้วยความทะนง8.ให้เราเสริมสร้างรักษา“สัมพันธภาพ”เพื่อป้องกันและลดวิกฤติแทนที่จะก่อ“สงคราม”เพิ่มขึ้น9.ให้เราอดกลั้นอดทนในการยึด“หลักการ”ไม่ใช้ “หลักกู”แก้วิกฤติด้วยอารมณ์10.ให้เรามีน้ำใจ“หยิบยื่น”ความอุปถัมภ์แก่กัน แทนที่จะ“หยิบยึด”ปัจจัยไว้อย่างเห็นแก่ตัว11.ให้เรา“ยกพระสัญญา”แล้วเดินหน้าแทนที่จะ“ย้ำแต่ปัญหา”แล้วท้อแท้อยู่กับที่12.ให้เรา“ส่องสว่าง”ให้ความหวังใจไม่ใช่“ สิ้นแสง”หมดหวังจนไร้ค่า13.ให้เรา“เป็นพร”แก่คนอื่นในยามวิกฤติ ไม่ใช่ “เป็นภาระ”หนักเพิ่มขึ้นให้เขาแบก14.ให้เรา“ประกาศ”ข่าวประเสริฐ“ช่วยคนให้รอดแทนที่จะ ”ประสาท“สติแตกในท่ามกลางวิกฤติ15.ให้เรา”เติบโต“ขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณ ไม่ใช่”เตี้ย“ หรือ ”ตาย“ เพราะวิกฤติที่เกิดขึ้น ดังนั้น พี่น้องที่รัก ในยามที่เราเผชิญกับวิกฤติการณ์ทั้งหลายในชีวิต ขอให้จิตใจของเราจะไม่พลุ่งพล่านทุกข์ร้อนใจแบบไม่หยุดหย่อน จนจิตใจและจิตวิญญาณของเราไม่สงบและอยู่แต่ในวันคืนอันทุกข์ทรมาน แต่ให้เราเข้ามาหา และเข้ามาใกล้พระเจ้าผู้ทรงรักและทรงฤทธิ์และมอบชีวิตของเราให้พระองค์ทรงปกครองอย่างสิ้นเชิงและพร้อมที่จะปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงบัญชาทุกประการเพื่อเราจะได้พักสงบ เอนกายหลับสนิทได้อย่างปลอดภัย ในท่ามกลางวิกฤติกาลเหมือนดังที่ผู้เขียนพระธรรมสดุดีกล่าวไว้ว่า “ข้าพระองค์จะเอนกายลงนอนหลับอย่างเป็นสุข ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์เท่านั้น ที่ทรงทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย” ~สดุดี 4:8 THSV11 … จะอาเมนดังที่กล่าวมา ได้ไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 23มิถุนายน 2025 (ตอน84 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ต้องจริงใจ Ep.1287 ความกลัวทำให้บางครั้งเราปิดบังความรู้สึก ความสัมพันธ์ก็เปราะบางลงได้ง่ายมากเพราะความไม่ไว้ใจกัน ดาวิดกล้าที่จะพูดความจริงกับโยนาธาน ใน 1 ซามูอล 20:5-8 แม้ว่าคำพูดนั้นจะเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ แต่ดาวิดก็เลือกที่จะซื่อสัตย์ด้วยความรักและความจริงใจที่มีกับโยนาธาน ดาวิดขอให้โยนาธานแสดงความรักมั่นคงด้วยความสัตย์ซื่อ ในข้อตกลงที่มีกับพระเจ้าไม่ใช่ด้วยความสงสาร ซึ่งดาวิดยืนยันว่า ถ้าเขาผิดจริงก็ขอให้โยนาธานลงโทษเขาเอง เพราะเขาเชื่อใจโยนาธานมากกว่าคนอื่น'โยนาธานจึงตรัสว่า “อย่าเป็นอย่างนั้นสำหรับท่านเลย เพราะถ้าฉันทราบจริงๆ ว่าเสด็จพ่อทรงดำริการร้ายที่จะมาถึงท่าน ฉันจะไม่ไปบอกท่านหรือ?” ' 1 ซามูเอล 20:9 ความสัมพันธ์ของคนสองคนต้องเริ่มต้นจากความรักที่ซื่อสัตย์ จริงใจ ที่ให้โดยไม่หวังสิ่งอะไรตอบแทน หลังจากที่โยนาธานพูดประโยคนี้จบดาวิดก็ตอบกลับว่า ถ้า'พ่อของท่านโกรแล้วตอบท่านอย่างดุดันละท่านจะมาบอกไหม โยนาธานจึงยืนยันความจริงใจของเขากับดาวิดในข้อ 11-17 ว่า เขาจะเป็นผู้หาความจริงทั้งหมดจากพ่อของเขาไม่ว่าจะดีหรือร้าย หากซาอูลคิดร้าย เขาจะส่งดาวิดไปอย่างปลอดภัย และหากถ้าไม่ทำเช่นนั้นขอพระเจ้าลงโทษเขาเอง โยนาธานไม่ได้ขอแค่การปกป้องชีวิตของเขาแต่ขอให้ดาวิดมีเมตตาต่อวงศ์วานของเขาในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม'และโยนาธานทรงให้ดาวิดปฏิญาณอีกครั้งหนึ่งโดยความรักของท่านที่มีต่อเขา เพราะท่านทรงรักเขาอย่างกับรักชีวิตของท่านเอง ' 1 ซามูเอล 20:17 นี่ไม่ใช่เพียงมิตรภาพความสัมพันธ์แบบธรรมดา แต่คือมิตรภาพความสัมพันธ์ที่ยึดโยงด้วยพันธสัญญาต่อพระเจ้า ความรักมั่นคงที่วางอยู่บนพื้นฐานของพระลักษณะของพระเจ้าจนกลายเป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์ที่ยืนยาวกว่าความกลัวหรืออำนาจมนุษย์ ความสัมพันธ์ที่แท้จริงไม่ได้เกิดขึ้นจากคำพูดสวยหรูหรือเกิดจากการปกปิดเพื่อให้ต่างฝ่ายค่างรู้สึกสบายใจ แต่ขอให้เรากล้าเปิดเผยความจริงใจแม้จะเสี่ยงต่อความไม่เข้าใจ ในโลกที่ผู้คนอาจจะเลือกเงียบไว้ก่อน ซึ่งมองว่าปลอดภัยไว้กว่า ความจริงใจจึงเป็นของขวัญล้ำค่า ขอให้เราที่จะกล้ามอบความรักความจริงใจด้วยความซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์นั้นจะไม่สั่นคลอนง่าย ๆ ขอพระเจ้านำให้เรากล้าพูดความจริงด้วยความรัก และพร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างเพื่อนของเราอย่างซื่อสัตย์โดยไม่หวั่นไหว วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่83) คุณเป็นคนประเภทใด? “เพราะฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิต อย่าดำเนินชีวิตแบบคนไร้ปัญญา แต่ จงดำเนินชีวิตแบบคนมีปัญญา” ~เอเฟซัส 5:15 TNCV “Be very careful, then, how you live— not as unwise but as wise,” ~Ephesians 5:15 NIV อะไรคือความแตกต่างระหว่าง คนมีปัญญากับคนไร้ปัญญา? ใครเป็นคนมีปัญญาและใครเป็นคนไร้ปัญญา เราดูได้จากการรู้จักใช้”โอกาส“ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา! 1.คนไร้ปัญญา คือ คนที่พลาด ทิ้งหรือ ทำลายโอกาสที่จะอยู่เพื่อพระเจ้าในสภาพแวดล้อมที่วิกฤติ หรือที่ชั่วร้าย แต่ดำเนินชีวิตอย่างคนที่อยู่ในความมืด เพื่อตัวเองหรือเพื่อสิ่งอนิจจังเท่านั้น แต่ 2.คนมีปัญญา คือ คนที่เข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติและสำหรับตัวเขา และฉลาดในการดำเนินชีวิตและรู้จักใช้ทุกสิ่งและทุก”โอกาส“ที่อยู่ตรงหน้าให้เกิดคุณค่าและคุณประโยชน์สูงสุดเป็นนิรันดร์ตามพระทัยของพระเจ้า อาจารย์ เปาโล เตือนสติคนในยุคของท่านว่า “เพราะฉะนั้น 1.จงระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี 1).อย่าเหมือนคนไร้ปัญญา แต่ 2).ให้เหมือนคนมีปัญญา2. จงใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ เพราะว่าทุกวันนี้เป็นยุคสมัยที่ชั่วร้าย เพราะเหตุนี้ อย่าเป็นคนโง่เขลา แต่3.จงเข้าใจว่าอะไรคือพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ~เอเฟซัส 5:15-17 THSV11 อาจารย์ เปาโล กล่าวว่า มีความแตกต่างกัน ระหว่างคนไร้ปัญญา กับคนมีปัญญา เหมือนกับมีความแตกต่าง ระหว่าง 1.ความมืด และ 2.ความสว่าง ดังที่ ท่านบรรยายไว้ดังนี้ “เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลาย เป็นความมืด แต่บัดนี้ท่าน เป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า 1.จงดำเนินชีวิตอย่างคนของความสว่าง (เพราะว่าผลของความสว่างคือทุกอย่างที่เป็นความดี ความชอบธรรม และความจริง) 2.จงค้นดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า 3.อย่ามีส่วนในกิจการของความมืดที่ไร้ผล แต่ 4.จงเปิดเผยกิจการนั้นให้ปรากฏดีกว่า เพราะว่าแม้แต่จะพูดถึงสิ่งเหล่านั้นที่พวกเขาทำอย่างลับๆ ก็ยังเป็นเรื่องน่าละอาย แต่ทุกๆ สิ่งที่ได้รับการเปิดเผยโดยความสว่างก็ปรากฏให้เห็น เพราะว่าทุกๆ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็เป็นความสว่าง ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่า คนที่หลับอยู่ 1).จงตื่นขึ้น และ 2).จงเป็นขึ้นจากตาย แล้วพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน” ~เอเฟซัส 5:8-14 THSV11 ท่านยากอบ ก็ช่วยขยายความเพิ่มเติมให้เห็นความแตกต่างระหว่างปัญญาที่มาจากเบื้องบนกับปัญญาฝ่ายโลก (หรือการไร้ปัญญา) ไว้ว่า “มีใครบ้างในท่านทั้งหลายที่มีปัญญาและมีความเข้าใจ? 1.ให้เขาแสดงออกมาด้วยความประพฤติที่ดีงาม คือ ด้วยการกระทำที่สุภาพอ่อนโยนพร้อมด้วยปัญญาของเขา แต่ถ้าหากในใจของพวกท่านมีความขมขื่นเพราะริษยาและมีความมักใหญ่ใฝ่สูง ก็ 2.ให้เขาอย่าโอ้อวดและ 3.ให้เขาอย่าต่อต้านความจริงด้วยการโกหก ปัญญาอย่างนี้ 1.ไม่ใช่ปัญญาที่มาจากเบื้องบน 2.แต่เป็นปัญญา 1).ฝ่ายโลก 2).ฝ่ายเนื้อหนังและ 3).ฝ่ายผีปีศาจ เพราะว่า ก.ที่ไหนมีความริษยาและความมักใหญ่ใฝ่สูง ข.ที่นั่นก็มีความวุ่นวายและการทำชั่วทุกอย่าง แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้น1.บริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึง2.เป็นความสงบสุข3. การผ่อนหนักผ่อนเบา 4.การยอมรับฟัง5. การเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาและผลดีต่างๆ 6.ไม่มีการลำเอียง 7.ไม่มีการหน้าซื่อใจคด และ สิ่งที่ตามมาก็คือ “พวกที่สร้างสันติ ซึ่งหว่านด้วยสันติ ก็จะได้รับผลคือความชอบธรรม”” ~ยากอบ 3:13-18 THSV11 พี่น้องที่รัก ขอให้เราที่มีชีวิตในปลายยุคสุดท้ายนี้ จะสำรวจดูตัวเราเองว่า 1.เราเป็นคนมีปัญญาและดำเนินชีวิตอย่างคนแห่งความสว่าง หรือ2.เราเป็นคนไร้ปัญญาหรือมีปัญญาแต่ปัญญาฝ่ายโลก? …แล้วคำตอบของคุณคือ อะไรครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 22มิถุนายน 2025 (ตอน83ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ตอบสนองอย่างไร? Ep.1308 ในช่วงเวลาที่ชีวิตของอาบีกายิลเพิ่งผ่านวิกฤตใหญ่ พระเจ้านำให้เธอต้องตัดสินใจอีกครั้ง และเธอต้องตอบสนองสิ่งเหล่านั่นด้วยความเข้าใจในแผนงานของพระองค์ ขอให้เรื่องราวในวันนี้จะนำให้เรายิ่งติดสนิทกับพระเจ้า เพื่อเราเองจะตอบสนองทุกอย่างที่เข้ามาได้ตรงตามพระทัยของพระเจ้า ในพระวจนะของพระเจ้าบันทึกไว้ว่า ดาวิดส่งคนไปรับแม่ม่ายของนาบาลคือ อาบิกายิลมาเป็นภรรยา สิ่งที่เธอตอบสนองนั้นก็น่าสนใจมาก'และนางก็ลุกขึ้นซบหน้าลงถึงดินพูดว่า “ดูเถิด สาวใช้ของท่านเป็นทาสที่จะล้างเท้าให้พวกผู้รับใช้ของเจ้านายของดิฉัน” อาบีกายิลก็รีบลุกขึ้นขี่ลาไปพร้อมกับสาวใช้ปรนนิบัตินางอีกห้าคน นางตามพวกผู้สื่อสารของดาวิดไป และเป็นภรรยาของดาวิด ' 1 ซามูเอล 25:41-42 อาบีกายิลตอบรับไม่ใช่ในฐานะหญิงหม้ายที่กำลังมองหาความมั่นคง เธอทำให้เราเห็นถึงความถ่อมใจอย่างมากด้วยอากัปกิริยาซบหน้าลงและพูดว่า “สาวใช้ของท่านเป็นทาสที่จะล้างเท้าให้พวกผู้รับใช้ของเจ้านายของดิฉัน” การล้างเท้าไม่เพียงแค่เป็นงานของทาสต่ำสุด แต่ทำให้เราเห็นว่า นี่คือสัญลักษณ์ของการยอมรับผู้อื่นอย่างสุดใจ อาบีกายิลไม่ได้ตัดสินใจเพราะถูกบีบบังคับแต่เธอเต็มใจยอมตอบรับดาวิด ในโลกที่หลายคนตอบสนองด้วยผลประโยชน์ อาบีกายิลทำให้เราเห็นว่า ความถ่อมใจสามารถนำไปสู่พระพร ความเชื่อที่แท้จริงคือการยอมให้พระเจ้ากำหนดเส้นทาง แม้ไม่รู้ว่าปลายทางเป็นอะไร แต่ขอให้เราจะไว้วางใจในพระเจ้าเสมอ ยอมตอบรับทุกสิ่งที่เข้ามาด้วยความยำเกรงและความถ่อมใจ การตอบสนองที่มาจากความถ่อมใจและความเชื่อในพระเจ้าจะนำเราเข้าสู่พระพรและความสุขที่มาจากพระเจ้า'ดาวิดยังได้รับนางอาหิโนอัม ชาวยิสเรเอลมาด้วย และทั้งสองก็เป็นภรรยาของท่าน ซาอูลทรงยกมีคาลราชธิดาของพระองค์ ผู้เป็นภรรยาของดาวิด ให้แก่ปัลทีบุตรลาอิชชาวกัลลิมแล้ว' 1 ซามูเอล 25:43-44 การมีภรรยาหลายคนไม่ใช่กหลักการที่พวกเราผู้เชื่อในพระเยซูจะปฎิบัติ ตรงนี้เอามาเป็นข้ออ้างของเราไม่ได้ ในข้อสุดท้ายนี้ทำให้เราเห็นว่า ซาอูลตามจับตัวดาวิดไม่ได้ เขาก็ทำร้ายจิตใจโดยการยกภรรยาของดาวิดที่เป็นลูกสาวของเขาให้คนอื่น พรุ่งนี้เราจะมาดูสิ่งที่ดาวิดทำในการตอบสนองกลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าได้รับเกียรติอย่างมาก วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่82) เตรียมพร้อมรับมือวิกฤติ! “แต่ในใจของพวกท่าน จงเคารพนับถือพระคริสต์ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมพร้อมเสมอ ที่จะอธิบายกับทุกคนที่ขอทราบเหตุผลเกี่ยวกับความหวังของพวกท่าน” ~1 เปโตร 3:15 THSV11 “But in your hearts revere Christ as Lord. Always be prepared to give an answer to everyone who asks you to give the reason for the hope that you have. But do this with gentleness and respect,” ~1 Peter 3:15 NIV เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ!โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเป็นพยานและในการประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์เพื่อช่วยให้ผู้ฟังที่เชื่อและกลับใจใหม่ ได้รับความรอดอันเป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพระเจ้าทรงประทานให้ ใช่ครับ เราต้องพร้อมเป็นพยาน1.เรื่องพระคริสต์2.เพื่อพระคริสต์3.ตามวิถีที่พระคริสต์ปรารถนาในพระคัมภีร์ อาจารย์เปโตรได้ให้แนวทางในการเป็นพยานและประกาศ ด้วยความดีไว้ ดังนี้ คือ1.ให้เราขวนขวาย(มุ่งมั่น)ทำดี ~แล้วเราจะไม่ต้องกลัวว่าใครจะทำร้ายพวกเรา2.ให้เราพร้อมทนทุกข์ เพราะทำสิ่งถูกต้อง ~แล้วเราจะได้รับพระพรและเป็นสุข 3.ให้เราไม่กลัวการข่มขู่ไม่ว่าจะมาจากใคร ~แล้วเราจะไม่มีอะไรให้วิตกกังวลเลย 4.ให้ในใจของพวกเราเคารพนับถือเทิดทูนพระคริสต์ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ~แล้วเราจะพร้อมอธิบายกับทุกคนที่ขอทราบเหตุผลเกี่ยวกับความหวัง(ใจ)ของเรา5.ให้เราตอบด้วยความสุภาพอ่อนโยน นับถือและให้เกียรติแก่ผู้ถาม ~แล้วเราจะทำให้เขาพร้อมจะรับฟังคำพยานของเรา6.ให้เรารักษามโนธรรมหรือจิตสำนึกของเราให้บริสุทธิ์ ~แล้วคนที่ใส่ร้ายความประพฤติดีของเราในพระคริสต์จะอับอายที่กล่าวร้ายเรา 7.ให้เราเชื่อมั่นว่าการทนทุกข์เพราะทำดีตามประสงค์ของพระเจ้านั้น ดีกว่าการทนทุกข์เพราะทำชั่ว ~แล้วเราจะไม่เหลืออะไรให้เสียใจในภายหลัง ~1 เปโตร 3:13-17 THSV11 ใช่ครับให้เราเป็นพยานประกาศด้วย1.การขวนขวายทำดี2.การทำสิ่งที่ถูกต้อง3.การพร้อมเสมอที่จะ 1).ตอบ 2).อธิบายถึงเหตุผลแห่งความเชื่อและความหวังของเรา ก.ด้วยความสุภาพอ่อนโยน ข.ด้วยความนับถือ4.การมีมโนธรรมที่บริสุทธิ์5.การมีความประพฤติดีในพระคริสต์ และ6.การทนทุกข์เพราะทำดี ตามพระประสงค์ของพระเจ้าสรุปชีวิตเราต้องมีความหวังแล้วความหวังคืออะไร?ความหวังคือ ความเชื่อในอนาคตเชิงบวก เป็นความรู้สึกมั่นคงทั้งๆที่กำลังเผชิญกับการท้าทายและมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมความหวังเป็นแรงจูงใจที่ทรงพลัง เป็นแหล่งแห่งกำลัง และเป็นแสงสว่างสำหรับทางผ่านในยามยากลำบาก เราจึงควรมีความหวังในพระเจ้าอยู่เสมอ และพร้อมที่จะอธิบายให้เหตุผลเหล่านั้นแก่ผู้อื่นเราควรพร้อมที่จะเป็นพยานถึงความหวังในพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและ พร้อมที่จะประกาศข่าวดีของพระองค์แก่ทุกคนที่เราได้พบปะหรือรู้จักด้วยความมั่นใจตามมโนธรรมที่บริสุทธิ์ อย่างสุภาพอ่อนโยน ควบคู่ไปกับความประพฤติที่ดีงามและการกระทำดีของเรา …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ ตอนที่ปี82ที่5 #YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่าล้ำหน้า Ep.1307 เมื่อเราถูกทำร้ายด้วยคำพูดหรือพฤติกรรมไม่ว่าจากใครก็ตาม เรามีความต้องการจะโต้ตอบกลับ อยากจะเอาคืนหรือทำอะไรก็ได้เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าเราไม่ยอม ขอให้พระวจนะของพระเจ้าในวันนี้จะนำให้เรายอมวางใจในพระเจ้าให้เป็นผู้ตอบแทน เพราะพระเจ้าทรงยุติธรรมและทรงจัดการได้ดีกว่าที่เราคิด'เมื่อดาวิดได้ยินว่านาบาลสิ้นชีวิตแล้ว ท่านจึงพูดว่า “สาธุการแด่พระยาห์เวห์ผู้ทรงแก้แค้นการเหยียดหยามที่ข้าพระองค์ได้รับจากมือของนาบาล และทรงป้องกันผู้รับใช้ของพระองค์จากความชั่ว พระยาห์เวห์ทรงตอบแทนความชั่วของนาบาลให้ตกบนศีรษะของเขาเอง” แล้วดาวิดก็ส่งคนไปพูดกับอาบีกายิลให้มาเป็นภรรยาของท่าน ' 1 ซามูเอล 25:39 ในตอนต้นดาวิดโกรธมากถึงขั้นจะไปจัดการชายทุกคนที่บ้านของนาบาล เพราะถูกเยาะเย้ย ถูกหยามศักดิ์ศรี แต่พระเจ้าใช้อาบีกายิลมายับยั้งความรุนแรงนั้นไว้ พระธรรมข้อนี้ทำให้เราเห็นว่า ดาวิดรู้แล้วว่าพระเจ้าทรงปกป้องไม่ให้เขาทำบาปด้วยตัวเอง เพราะในที่สุดพระเจ้าเป็นผู้จัดการทุกอย่างเองโดยที่ดาวิดไม่ต้องทำอะไรเลย'นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน” ' โรม 12:19 แม้จะถูกเหยียดหยามน้ำใจหรือทำร้ายร่างกาย การเอาคืนไม่ใช่วิธีการของลูกพระเจ้า แต่ขอให้เราระบายสิ่งเหล่านั้นออกมาจากใจข้างในออกมาจากใจให้พระเจ้าได้รับรู้ทุกเรื่อง พระวจนะตอนนี้ถูกยกมาจากจากพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง พระองค์มีเวลาและกำหนดการของพระองค์อยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องไม่ไปทำอะไรที่ไม่ตามพระทัยของพระเจ้า หรือไปทำอะไรล้ำหน้าพระองค์ พระเจ้าของเราทรงชอบธรรมและยุติธรรมเสมอ ให้เราไว้วางใจในพระองค์ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่81) ใครก็ตาม…?“พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง” ~ยากอบ 1:2 THSV11“Consider it pure joy, my brothers and sisters, whenever you face trials of many kinds,”~James 1:2 NIVใครก็ตามที่ทำให้คุณอึดอัดรำคาญใจ-เขากำลังสอนให้คุณรู้จักความอดทนอดกลั้น ใครก็ตามที่ทำให้คุณขุ่นเคือง-เขากำลังสอนให้คุณรู้จักความเห็นอกเห็นใจและการมองข้ามใครก็ตามที่ทำให้คุณเกลียดชัง~เขากำลังสอนให้คุณรู้จักรักอย่างไม่มีเงื่อนไขใครก็ตามที่ทำให้คุณขื่นขมเคียดแค้น~เขากำลังสอนให้คุณรู้จักยกโทษให้ด้วยใจอโหสิใครก็ตามที่ปฎิเสธหรือทอดทิ้งคุณ~เขากำลังสอนให้คุณเป็นอิสระและยืนหยัดด้วยเท้าของตัวคุณเองใครก็ตามที่ทำให้คุณหวาดกลัว~เขากำลังสอนให้คุณเอาชนะอุปสรรคอย่างกล้าหาญใครก็ตามที่คุณควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงเขาไม่ได้~เขากำลังสอนให้คุณรู้จักยอมรับเขาและยอมปล่อยวางใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์คุณแทบทุกเรื่อง~เขากำลังสอนให้คุณถ่อมใจ ระวังตัวและพึ่งพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอใครก็ตามที่มักทดสอบและสร้างปัญหาให้แก่คุณอยู่ตลอดเวลา ~เขากำลังสอนให้คุณว่องไวช่ำชองในแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาดและสอบผ่านได้ใครก็ตามที่เอาแต่โจมตีคุณอย่างบ้าคลั่ง -เขากำลังสอนคุณให้เรียนรู้จักรูปแบบวิธีป้องกันตัวคุณเองที่ดีที่สุดใครก็ตามที่เฝ้าติดตามจ้องมองดูคุณอยู่ตลอดเวลา~เขากำลังสอนคุณให้สำแดงพระเจ้าในชีวิตของคุณให้คนอื่นเห็นได้อย่างชัดเจนพี่น้องที่รักชีวิตคือการเรียนรู้ ตั้งแต่เกิดจนตายที่มีบทเรียนสอนเราอยู่ตลอดในทุกช่วงเวลา~ไม่ว่าจะผ่านยามสุข หรือ ยามทุกข์~ไม่ว่าจะผ่านมิตร หรือศัตรู~ไม่ว่าจะผ่านคน หรือ เหตุการณ์~ไม่ว่าจะผ่านเรื่องเล็ก หรือ ใหญ่~ไม่ว่าจะผ่านเรื่องสั้นๆ หรือ ยาวๆ~ไม่ว่าจะผ่านพระเจ้า ซาตานหรือ มนุษย์ไม่ว่าเราอยากจะเรียนรู้ หรือ ไม่อยากเรียนไม่ว่าเราเต็มใจจะรับการสอนหรือไม่ก็ตามใครบางคนกำลังสอนบทเรียนแห่งชีวิตอันสำคัญให้แก่เราอยู่!พี่น้องที่รักจงเตรียมตัวของคุณไว้ให้พร้อมอยู่เสมอ สำหรับการสอนที่ไม่คาดฝัน และการเรียนรู้ที่ไม่คาดคิดจงถือว่า ทุกสถานการณ์หรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะมาจากใคร ต่างก็ล้วนมีบทเรียนคำสอนที่คุ้มค่าและน่ายินดีต่อเราแฝงอยู่ด้วยเสมอดังนั้น จงรับไว้ด้วยความยินดี!…อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์20มิถุนายน 2025 (ตอน81ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสด(เขียนบนเครื่องบิน จากปูซาน~กรุงเทพฯ,19มิ.ย.2025
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่ารอจนหมดโอกาส Ep.1306 วันนี้เป็นเรื่องราวตอนสุดท้ายของนาบาล อยู่ใน 1 ซามูเอล 25:36–38 แม้ว่าดาวิดจะไม่ได้ทำร้ายนาบาลเพราะอาบีกายิลได้มาทัดทานไว้ แต่ในที่สุดเวลาของพระเจ้าก็มาถึงนาบาลเอง ในเรื่องนี้มีบทเรียนหลายเรื่อง เราจะเห็นความฉลาดของอาบีกายิล ขอพระเจ้านำให้เราเองจะมีสิตปัญญาจากพระเจ้า ที่จะรู้ว่าเวลาไหนควรพูด หรือไม่ควรพูดอะไร'และอาบีกายิลก็กลับไปหานาบาล และนี่แน่ะ เขากำลังมีการเลี้ยงใหญ่ในบ้านของเขาอย่างการเลี้ยงของพระราชา และจิตใจของนาบาลก็เบิกบาน เพราะเขามึนเมามาก นางจึงไม่ได้บอกอะไรให้เขาทราบจนเวลารุ่งสาง ' 1 ซามูเอล 25:36 เมื่ออาบีกายิลกลับมาที่บ้าน ผมไม่รู้มาด้วยอารมณ์ไหน จะหงุดหงิด โกรธ หรือดีใจที่ได้ช่วยครอบครัวไว้ได้ แต่เมื่อเธอมาถึงพบว่าสามีของเธออยู่ในเวลาที่ไม่สามารถรับฟังอะไรรู้เรื่อง เธอจึงรอเวลา บางครั้งการที่เราแบกอารมณ์บางอย่างมาซึ่งเราอยากส่งอารมณ์นั้นและข้อความให้ผู้รับได้ฟังและได้ความรู้สึก เราต้องดูเวลาที่เหมาะสม บางครั้งการรอก่อนอาจจะดีกว่า เพราะหากคนฟังขาดสติอยู่ เราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิด แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว'และในเวลาเช้า เมื่อเหล้าองุ่นสร่างจากนาบาลไปแล้ว ภรรยาของเขาก็เล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ฟัง และใจของเขาก็ตายข้างใน และเขากลายเป็นดังก้อนหิน ต่อมาอีกประมาณสิบวันพระยาห์เวห์ทรงประหารนาบาลและเขาก็ตาย ' 1 ซามูเอล 25:37-38 นาบาลไม่ได้เสียชีวิตเพราะฝีมือดาวิด แต่ะพระเจ้าใช้เหตุการณ์ที่เราอาจจะมองว่าเป็นโรคภัยไข้เจ็บที่จัดการเขา วันนี้เรื่องราวนี้นำให้เราได้เรียนรู้หลายเรื่อง ว่าเราควรพูดในเวลาที่เหมาะสมเหมือนอาบีกายิล ดาวิดไม่ได้แก้แค้นเพราะเลือกจะทำตามความโกรธ และที่สำคัญ เมื่อเราเห็นบางคนไม่ได้ทำตามพระทัยพระเจ้า เขาอาจจะดูชนะอยู่ในการเลี้ยงฉลอง แต่เวลาแบบนั้นก็น่ากลัวเพราะพระเจ้ากำลังนับถอยหลัง ถ้าหากเราคือคนนั้นให้เรารีบกลับใจ ก่อนที่จะหมดโอกาส ในบางเรื่องเราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ แต่ให้เรามั่นใจในพระเจ้าว่าพระเจ้าสามารถควบคุมทุกอย่างได้แน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่80) เพลงคริสเตียนแตกต่างจากเพลงชาวโลกอย่างไร? “พระองค์ได้ทรงบรรจุเพลงใหม่ในปากข้าพเจ้า เป็นบทเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา คนมากมายจะเห็นและเกรงกลัว และวางใจในพระยาห์เวห์” ~สดุดี 40:3 THSV11 “He put a new song in my mouth, a hymn of praise to our God. Many will see and fear the Lord and put their trust in him.” ~Psalms 40:3 NIV มีผูัให้ข้อสังเกตว่า เพลงคริสเตียนกับเพลงทั่วไปแตกต่างกันหลักๆในประเด็นดังต่อไปนี้1.ความแตกต่างในเรื่องจุดศูนย์กลางของเนื้อหาของเพลง 1).เพลงคริสเตียน: มี“พระเจ้า”เป็นศูนย์กลาง เนื้อหามุ่งเน้นการสรรเสริญและความสัมพันธ์กับพระเจ้าในเรื่อง ~พระคุณ ความรัก ความเชื่อ ความหวัง และความรอด 2).เพลงทั่วไป (หรือที่บางคนเรียกว่า เพลงชาวโลก) : มี“ความรัก” หรือ “ชีวิต”ของมนุษย์เป็นศูนย์กลางเนื้อหามักมุ่งเน้นที่ “ความรู้สึกส่วนตัว”ของคนเรา หรือ สิ่งต่างๆ ที่มักเกี่ยวข้องกับควาโรแมนติก อารมณ์ ความฝัน และความเจ็บปวด ในชีวิตประจำวัน 2.ความแตกต่างในเรื่องวัตถุประสงค์ของเพลง 1).เพลงคริสเตียน: มีเพื่อ“นมัสการพระเจ้า” เสริมสร้างจิตวิญญาณ ส่งเสริมคริสตจักร และหนุนใจผู้อื่น ใช้ในงานคริสตจักร 2).เพลงทั่วไป : มีเพื่อความบันเทิง การแสดงออกทางอารมณ์ สะท้อนสังคม อาจใช้เพื่อการตลาด ธุรกิจ หรือศิลปะ 3.ความแตกต่างในเรื่อง แหล่งที่มาและแรงบันดาลใจ 1).เพลงคริสเตียนแท้จริง:มีแรงบันดาลใจจากพระคัมภีร์ หรือประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า 2).เพลงทั่วไป:มีแรงบันดาลใจจากชีวิต ความรัก ความเจ็บปวด อุดมการณ์หรือปรัชญามนุษย์4.ความแตกต่างในเรื่อง ผลกระทบต่อจิตใจและจิตวิญญาณ 1).เพลงคริสเตียน: มีเพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณ หนุนใจ ทำให้ใจสงบ ปลุกใจให้มีความหวัง ให้ซาบซึ่งในพระคุณและความรักของพระเจ้า 2).เพลงทั่วไป: มีเพื่อให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจ สื่อสารความลึกซึ้งในความคิด อารมณ์ และจิตใจ ซึ่งอาจทำให้หมกมุ่นกับตนเอง หรือค่านิยมที่ไม่สอดคล้องกับพระเจ้า ต่อ คำถามที่ว่า คริสเตียนฟังเพลงทั่วไป หรือ เพลงชาวโลก ได้หรือไม่? คำตอบ คือ คริสเตียนไม่จำเป็นต้องหยุดฟังเพลงชาวโลกโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าเราจะฟัง ก็ควร1.อธิษฐาน 2.ใช้ดุลยพินิจ หรือ วิจารณญาณ พิจารณาว่าเพลงนั้น 1).มีเนื้อหาเหมาะสมที่จะรับฟังหรือไม่? 2).มีความเชื่อใดที่อะไรขัดแย้งกับหลักคำสอนในพระคัมภีร์หรือไม่?3.พึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ทรงนำ ทรงยืนยัน ทรงช่วยและทรงเตือน ว่าควรฟังควรร้องหรือไม่? เราพึงเข้าใจว่า 1.เพลงบางเพลง แม้จะไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระเจ้าโดยตรง แต่ก็อาจมีความเป็นกลาง มีคุณค่าทางศีลธรรม ที่ให้กำลังใจ หรือสามารถสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ฟังได้ ~เรารับฟังได้ ร้องได้2.เพลงบางเพลงมีเนื้อหาไม่เหมาะสมที่จะฟัง เพราะนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องเพศ ความรุนแรง การหมิ่นเหม่ทางศีลธรรม ฯลฯ ~เราไม่สมควรที่จะรับฟังหรือนำมาร้อง3.เพลงบางเพลงแม้มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระเจ้า แต่แฝงการตีความตามใจผู้แต่ง และนำเสนอแนวความเชื่อที่แปลกหรือขัดกับคำสอนอันมีหลักในพระคัมภีร์ ~เราก็ไม่ควรนำมาร้อง ดังนั้น จะเป็นการดี ที่เราจะร้องเพลงที่มีคุณลักษณะเหมือนกับที่พรรณนาไว้ ในพระคัมภีร์(ฟิลิปปี4:8)ว่า“…จงร้องเพลงที่พรรณนาถึงสิ่งที่เป็นความจริง สิ่งที่มีเกียรติ สิ่งที่ชอบธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่น่าชมเชย สิ่งใดที่ดีและสิ่งที่ควรสรรเสริญ จงร้องเพลงเหล่านี้เถิด!” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพลงที่มีประโยชน์ฝ่ายจิตวิญญาณ1.นำเสนอข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์อย่างถูกต้องที่นำความรอดมาสู่ผู้ร้องและผู้ฟัง2.เสริมความเชื่อและเพิ่มความหวังให้แก่ผู้ที่ร้องและผู้ที่ฟัง3.ให้กำลังใจแก่ผู้ร้องและคนฟัง4.ทำให้เรารักพระเจ้า รักคริสตจักร รักครอบครัว และรักคนรอบตัวของเรา(รวมทั้งเพื่อนบ้าน)อย่างถูกต้องมากขึ้น5.บันดาลใจให้เราสรรเสริญ ถวายพระเกียรติ และขอบพระคุณของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น …เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์19มิถุนายน 2025 (ตอน80ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า