Podcasts สำหรับการเติมกำลังให้กับจิตวิญญาณของเรา

พระธรรมนำชีวิตตอน ด้วยเสียงเบาๆ Ep.1470 หลายครั้งที่เราอยากให้พระเจ้าทรงทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อยืนยันว่า พระองค์ยังดูแลเรา อยากเห็นคำตอบที่ดังและชัดเจน แต่พระเจ้าต้องการสอนเอลียาห์และสอนเราว่าอย่าจำกัดพระเจ้าให้อยู่ในรูปแบบที่เราคิดหรืออยากเห็น หลังจากที่เอลียาห์ได้บอกข้อเท็จจริงและความรู้สึกของเขาแล้ว 'และพระองค์ตรัสว่า “จงออกไปเถิด ไปยืนอยู่บนภูเขาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์” และนี่แน่ะ พระยาห์เวห์กำลังทรงผ่านไป และลมพายุรุนแรงได้พัดพังภูเขา และทำให้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ แต่พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในลมนั้น ภายหลังลมก็เกิดแผ่นดินไหว แต่พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในแผ่นดินไหวนั้น ภายหลังแผ่นดินไหวก็เกิดไฟ แต่พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในไฟนั้น ภายหลังไฟก็มีเสียงเบาๆ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 19:11-12 เมื่อเราคาดหวัง เราจึงคิดว่าพระเจ้าจะต้องทำทุกสิ่งด้วยเสียงดัง จนเราจึงอาจจะมองข้ามเสียงเล็ก ๆ เสียงเบา ๆ เหตุการณ์นี้พระเจ้าไม่ได้อยู่ในการอัศจรรย์ แต่พระเจ้าปรากฎกับเอลียาห์ด้วยเสียงเบาๆ เสียงของพระเจ้านั้นอาจมาในรูปแบบของความสงบในใจที่เราอธิบายไม่ได้ อาจจะมาด้วยถ้อยคำสั้น ๆ จากพระวจนะของพระเจ้า หรือจะเป็นประโยคของพี่น้องคนหนึ่งที่พูดมาถูกเวลา'“จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า เราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางบรรดาประชาชาติ เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก” ' สดุดี 46:10 ขอเราอย่าคาดหวังว่า พระเจ้าจะตอบแบบตามใจที่เรากำหนด พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่สูงสุด พระองค์สามารถนำเราได้แม้แต่ด้วยเสียงเบาๆ แต่อยากให้รู้ไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราในชีวิต พระเจ้ายังสื่อสารกับเราเพื่อนำเรากลับมาอยู่ในเส้นทางของพระเจ้า ขอพระเจ้าเมตตานำเราทุกคนที่จะได้ยินเสียงของพระเจ้าที่มาถึงเราในทุกรูปแบบ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่245) คุณเอากำลังมาจากไหน? “ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่าง โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” ~ฟีลิปปี 4:13 THSV11 “I can do everything through Christ who strengthens me.” ~Philippians 4:13 GW เมื่อวานเป็นวันอาทิตย์(30พ.ย.2025) โดยกำลังและพระคุณของพระเจ้า ผมทำสถิต New Highด้วยการทำพันธกิจ 6 อย่างภายในวันเดียว ดังนี้1.ตอนเช้าตรู่ ~หลังจากวอร์มร่างกาย ก็ใช้เวลาเฝ้าเดี่ยวและส่ง“สดแต่เช้า” (ราว1ชั่วโมง+)2.ตอนเช้า(สาย)~ไปเทศนา ที่คริสตจักร สาทร(โรงเรียนสัจจพิทยา)3.ตอนเที่ยง~บึ่งไปคริสตจักรแห่งความสุข สุขุมวิท38 มีนัดวันเกิดและหนุนใจสมาชิก4.ตอนบ่าย~ไปร่วมกลุ่มสามัคคีธรรมบ่าย คริสตจักรแห่งความรัก สุขุมวิท70/55.ตอนเย็น~ไปเทศนางานศพคุณแม่ของผู้ปกครองคริสตจักรนิมิตใหม่ สี่แยกพญาไท6.ตอนค่ำ ~กลับบ้านไปร่วมสามัคคีธรรม/devotionในครอบครัวของผมเอง จากนั้นก็เคลียร์งานบางอย่างเพื่อเตรียมตัว เดินทางลงพื้นที่หาดใหญ่ พบกับผู้นำหลายคริสตจักรเพื่อหนุุนจิตชูใจและ ปรึกษากันเรื่องแผนบูรณะและเยียวยาโบสถ์และบ้านของสมาชิกในเช้าวันจันทร์(1ต.ค.) มีคนถามว่า “อาจารย์ ธงชัย เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน?”คำตอบของผมคือ “กำลังของผมมาจากพระเจ้า!”เพราะมีพี่น้องอธิษฐานเผื่อผมมากมายจริงๆ! ผมคงต้องยอมรับว่า ผมไม่มีกำลังอะไรมากกว่า หรือพิเศษกว่าคนทั้งหลายแต่เพราะ พระเจ้าประทานมาให้เป็นพระคุณ เพื่อการปรนนิบัติรับใช้ผู้อื่นเมื่อผมร้องขอให้พี่น้องทั้งหลายอธิษฐานเผื่อผมในการรับใช้(ซึ่งแทบทุกครั้ง ก็มักมีคนนับร้อยนับพันอธิษฐานเผื่อผมและสิ่งที่ผมไปทำอยู่เสมอมา)เหมือนดังที่ อาจารย์ เปาโล หรือ ผู้เขียนพระธรรม ฮีบรูกระทำบ่อยๆ อาทิ “จงอธิษฐานเผื่อเรา เพราะเราแน่ใจว่าเรามีมโนธรรมที่ดีและ ปรารถนาที่จะประพฤติตัวดีงามในทุกเรื่อง” ~ฮีบรู 13:18 THSV11 และเพราะผมอยากทำอย่างคำอธิษฐานนั้นจริงๆผลที่ตามมา คือ พระเจ้าทรงประทานกำลังเรี่ยวแรง มาเสริมให้ผมทำในสิ่งที่สอดคล้องกับมโนธรรมที่ดีอย่างอัศจรรย์! เราที่เชื่อวางใจในพระเจ้า มักจะไม่ได้ร้องขอให้ชีวิตของเราเบาและง่าย จนไม่มีภาระหรือปัญหาใดให้แบกหรือเผชิญเลยแต่เรามักทูลขอพลกำลังจากพระเจ้าในการรับมือหรือเผชิญกับภาระปัญหาเหล่านั้นและสุดท้ายมักจะลงเอย เหมือนดังที่อาจารย์เปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า!” ~ฟีลิปปี 4:13 TNCVพี่น้องที่รัก คุณเคยมีหรือมักมี ประสบการณ์ในเรื่องนี้ เหมือนอย่างที่ผมมี …บ้างไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 1ธันวาคม2025 (ตอนที่245ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่? Ep.1469 บางช่วงของชีวิต ความเหนื่อยล้า ความกลัว และความโดดเดี่ยวพุ่งเข้ามาพร้อมกันจนเรารู้สึกเหมือนเอลียาห์คนของพระเจ้าผู้เคยกล้าหาญ แต่วันนี้กลับท้อแท้และหมดแรง 1 พงศ์กษัตริย์ 19:9–18 จึงเป็นบทเรียนดีสำหรับเรา จะนำเราถึง 5 ตอนจากพระธรรมช่วงนี้ เพื่อให้เราได้เห็นความจริงว่า พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งลูกของพระองค์ วันนี้เราเริ่มต้นด้วยคำถามที่พระเจ้าถามเอลียาห์ และเป็นคำถามที่พระองค์ถามหัวใจของเราด้วย เมื่อเอลียาห์เดิน 40 วันจนมาถึงโฮเรบ'ที่นั่นท่านมาถึงถ้ำแห่งหนึ่งและเข้าพักอยู่ และนี่แน่ะ พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงท่าน และพระองค์ตรัสกับท่านว่า “เอลียาห์เอ๋ย เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่?” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 19:9 ผู้รู้หลายท่านอธิบายว่า น้ำเสียงของพระเจ้าตรงนี้เป็นเสียงแห่งความอบอุ่นและห่วงใย ไม่ใช่คำตำหนิ แต่เป็นคำถามที่ต้องการพาเอลียาห์ออกจากความท้อแท้และความรู้สึกที่ไม่ใช่'ท่านทูลว่า “ข้าพระองค์หวงแหนแทนพระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพยิ่งนัก เพราะประชาชนอิสราเอลได้ทอดทิ้งพันธสัญญาของพระองค์ ได้พังแท่นบูชาของพระองค์ และประหารผู้เผยพระวจนะของพระองค์เสียด้วยดาบ และข้าพระองค์ ข้าพระองค์แต่ผู้เดียวเหลืออยู่ และเขาทั้งหลายมุ่งเอาชีวิตข้าพระองค์” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 19:10 ในชีวิตของเราหลายครั้งก็เป็นเหมือนเอลียาห์ ที่อยู่ในสถานการณ์นั้นอยู่เพียงในมุมของตัวเอง คำตอบของเอลียาห์มีทั้งความจริงและความรู้สึก ประชาชนละทิ้งพระเจ้าและคนของพระเจ้าถูกประหารนั้นเป็นเรื่องจริง แต่“ข้าพระองค์เหลือคนเดียว” นั้นเป็นเพียงความรู้สึก ผมขอเป็นกำลังใจให้พวกเราที่กำลังจมอยู่ในมุมของตัวเอง อยู่ในความท้อใจจากความรู้สึก จนลืมความจริงของพระเจ้าไป วันนี้ขอให้คำถามของพระเจ้าดังแผ่วเบาเข้ามาถึงใจเราว่า “เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่?” หากเรากำลังเหนื่อย ท้อแท้ โดดเดี่ยว หรือรู้สึกว่าตัวเองสู้เพียงลำพัง ขอให้เรากลับมาอยู่ในความจริงของพระเจ้าผ่านพระวจนะของพระองค์ พระเจ้าทรงอยู่กับเราและเป็นห่วงใยเราอยู่เสมอพระองค์จะนำเราออกจากความรู้สึกนั้นๆที่ไม่จริง และพาเรากลับสู่ความจริงของพระองค์ ตามเวลาอันสมบูรณ์แบบของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

พระธรรมนำชีวิต ตอน ในวันที่โดดเดี่ยว Ep.1468 ความสัมพันธ์ที่พระเจ้าเริ่มต้นให้กับเราผ่านพระเยซูคริสต์ทำให้เราไม่ต้องใช้ชีวิตลำพังอีกต่อไป พระองค์ทรงประทานให้เรามีคริสตจักร มีครอบครัวฝ่ายวิญญาณ มีคนที่เดินไปกับเราเสมอ ดังนั้นยิ่งเมื่อเรารู้สึกโดดเดี่ยว อย่าถอยออกจากคริสตจักรแต่ให้เรายิ่งต้องพาตัวเองเข้าใกล้พระเจ้าและพี่น้องมากขึ้น ความโดดเดี่ยวหากปล่อยไว้นานมันสามารถพาเราไปสู่ความเศร้า สู่ความท้อแท้ และอาจจะพาไปถึงความคิดอยากตายได้ 1 พงศ์กษัตริย์ 19 เอลียาห์คนของพระเจ้าที่เข้มแข็งที่สุดคนหนึ่งก็เคยเผชิญช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกัน หลังจากที่เขาละคนของไว้ที่เบเอเชบาร์แล้ว'แต่ตัวท่านเองเดินเข้าถิ่นทุรกันดารไปเป็นระยะทางวันหนึ่ง ท่านมานั่งอยู่ใต้ต้นซากที่มีเพียงต้นเดียว และทูลขอให้ตัวท่านตายเสียทีว่า “พอกันที ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้ขอเอาชีวิตข้าพระองค์ไปเสีย เพราะข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษ” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 19:4 เอลียาห์หนี เพราะกลัว เพราะเขาเหนื่อย เพราะท้อ และเขารู้สึกว่าไม่เหลือใคร นี่คือความรู้สึกของคนที่หมดแรงทั้งกายและใจ นี่เป็นสิ่งที่หลายคนในยุคนี้ก็รู้สึก ความโดดเดี่ยวกัดกินจนมองไม่เห็นทางออก แต่ในพระเจ้านั้นเวลาที่มืดมนที่สุด พระเจ้าผู้ทรงเมตตามีทางออกให้เสมอ 'และท่านก็เอนกายลงหลับใต้ต้นซากต้นเดียวนั้น นี่แน่ะ มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาแตะต้องท่าน และพูดกับท่านว่า “ลุกขึ้นรับประทานสิ” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 19:5 การอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นในถิ่นทรุกันดาร มีขนมปังที่ปิ้งบนก้อนหินร้อน และมีน้ำให้ดื่ม เอลียาห์ก็รับประทานและดื่มแล้วเขาก็นอนลงอีก แล้วทูตของพระเจ้าก็มาอีกและพูดเหมือนเดิมว่า “ลุกขึ้นรับประทานสิ เพราะการเดินทางจะเกินกำลังของท่าน” เอลียาห์ก็ลุกขึ้นรับประทานและดื่ม และท่านก็เดินไปด้วยกำลังของอาหารนั้น สี่สิบวันสี่สิบคืนจนถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า พระเจ้ารู้ว่าเรากำลังเจออะไรอยู่ เราอาจเหนื่อยและท้อแท้มากจนไม่อยากไปต่อ พระเจ้าไม่เคยตำหนิเราแต่พระองค์ปลอบโยนและทรงดูแลอย่างอัศจรรย์ เมื่อเรารู้สึกโดดเดี่ยวจนแทบจะไม่อยากอยู่ต่อแล้ว ขอให้เราเข้ามาใกล้พระเจ้ามากกว่าเดิม พระองค์จะทรงให้กำลังเราผ่านวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าจะทรงเลี้ยงดูเราผ่านพระวจนะของพระองค์ พระเจ้าจะนำให้พี่น้องในคริตจักรเป็นคนคอยพยุง ประคับประคองในวันที่เราหมดแรง อย่าปิดตัวเอง อย่าอยู่ลำพัง อย่าถอยห่างออกจากคริสตจักร แต่ให้เรากลับมาหาพระเจ้า กลับมาอธิษฐาน กลับมาเปิดพระวจนะ แลัจำไว้ว่า พระเจ้าสถิตอยู่ด้วยเสมอ พระองค์ไม่เคยทิ้งเราให้อยู่ในความโดดเดี่ยวตามลำพัง วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่244) พลังอำนาจของสื่อ! “หิมะให้ความเย็นในฤดูเกี่ยวอย่างไร ผู้สื่อสารที่ซื่อสัตย์ต่อผู้ที่ใช้เขา ย่อมทำให้จิตวิญญาณของนายชุ่มชื่นอย่างนั้น” ~สุภาษิต 25:13 THSV11 “A reliable messenger is refreshing to the one who sends him, like cold water in the heat of harvest time.” ~Proverbs 25:13 GNT พระเจ้าทรงมีข่าวสาร(message)สำคัญที่สุดในจักรวาล ที่จะส่งมอบให้มวลมนุษยชาติ! และพระองค์ทรงปรารถนา ที่จะได้ผู้ส่งสาร(messenger)ที่ดีและมีความสามารถ มาทำหน้าที่สื่อข่าวดีนี้ ให้ถึงทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคอินเตอร์เน็ต ที่เต็มไปด้วย“สื่อ”อันหลากหลายและ“ช่องทาง”อันมากมาย คุณเห็นด้วย หรือไม่กับข้อความที่ว่า… “โพสต์อาจเลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความจริงของพระเจ้าสามารถหยั่งลึก ลงไปในจิตใจของคนได้ในทันที!”(Posts may scroll by fast, but God's truth can reach deep into a heart.) ผมจึงตื่นเต้นและดีใจ ถ้ามีใครหรือองค์กรใด ใช้ความสามารถด้านสื่อดังที่กล่าวนี้ได้ ดังนั้น เมื่อวานนี้(29พฤศจิกายน2025)เมื่อผมได้รับเชิญให้ไปร่วมแสดงความยินดีในงานฉลองครบรอบ 15 ปีของCGNTV Thai หรือ ”Christian Global Network TV Thai "ที่มีนิมิตและพันธกิจในการประกาศผ่านสื่อ ผมจึงรีบตอบรับจะไปร่วมทันที!อันที่จริง CGN เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศเกาหลีในปี 2005 และขยายไปตั้งสาขา ในประเทศต่างๆดังนี้ สหรัฐอเมริกา(2005) ญี่ปุ่น( 2006 ) ไต้หวัน( 2008 )และประเทศไทยเป็นสาขาที่4( 2010)ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2010(จากนั้นก็ไปตั้งที่อินโดนีเซียปี 2014 เป็นสาขาที่5) และในประเทศไทยต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ”CGNThai “ ในปี2023 ใช่ครับ เป็นการดีที่ คริสเตียน องค์กร หรือคริสตจักรจะเป็นผู้ส่งสารที่ดีของพระเจ้าที่1.มีนิมิต และ2.ทำพันธกิจ สื่อสาร หรือ ประกาศข่าวประเสริฐ 1).ให้ถึงทุกคน ทุกชนชาติ 2).ให้ทั่วถึงในทุกที่ทุกแห่งหน อย่างมีประสิทธิภาพ จนกว่าคนเหล่านั้น ก.จะเชื่อในพระเยซูคริสต์ และ ข.จะได้รับการเสริมสร้างจนกลายเป็นสาวกแท้ของพระเยซูคริสต์ ผมชอบที่ในงานมีสโลแกนว่า “Next Step"(ก้าวต่อไป) และมีของขวัญมอบให้เป็นเทียนหอม เขียนไว้ว่า “One More step in His Light" (อีกก้าวหนึ่งเข้าสู่ความสว่างของพระองค์) หลังจากที่ได้ฟังคำรายงานความคืบหน้าของภารกิจที่ได้ทำไป เมื่อผมได้รับเชิญให้กล่าวแสดงความยินดี ผมจึงกล่าวว่า ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพร”พันธกิจ“ที่CGNThai จะทำต่อไป ให้เป็น" One MORE step in His Blessing!"(อีกก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งในพระพรของพระเจ้า) ผมจึงทูลขอพระเจ้าอวยพรพันธกิจของCGNThai ในสามเรื่องคือ "C-G-N" คือขอให้C ~ Convert More Souls(นำคนมาเชื่อให้มากขึ้น) ให้มีผู้รับเชื่อเพราะพันธกิจของCGN มากกว่า 1000จิตวิญญาณG ~ Grow More in Ministries(เติบโตในพันธกิจให้มากขึ้น) ให้พันธกิจต่างๆของ CGN เติบโตและช่วยให้คริสตจักรต่างๆเติบโตขึ้นไปด้วย อาทิ -มีผู้เชื่อใหม่เข้าไปในโบสถ์ต่างๆมากกว่า200คริสตจักรขึ้นไป -มีผู้ได้รับการติดตามเสริมสร้างผ่านช่องทางสื่อต่างๆ เช่น ทาง Youtube ให้มีมากกว่า 300,000คน ทางFacebook ให้มีมากกว่า 100,000คน ทาง Instagram ให้มีมากกว่า 20,000คน ทางTiktok ให้มีมากกว่า 20,000คน -มีพันธกิจที่เติบโต ผ่านกิจกรรมต่างๆ เข่น Review Bible,GodToon, คำพยานชีวิต, บทเรียนชีวิตคริสเตียนฯลฯN ~ Network More with New Partners(ขยายเครือข่ายกับหุ้นส่วนใหม่ให้มากขึ้น) ให้พันธกิจของCGN มีหุ้นส่วนพันธกิจร่วมรับใช้เพิ่มพูนขึ้น ตั้งแต่ ระดับเล็กๆ จนถึงระดับใหญ่ อย่าง กปท. กปพ. กปจ. หรือ องค์กรคริสต์คณะต่างๆ จนทำให้มีเงินถวายในการพัฒนาและขยายพันธกิจให้เจริญเติบโตมากขึ้นอย่างไม่ขาดตอน พี่น้องที่รัก ผมมีความสุขทุกครั้งที่เห็นคริสตจักรของพระเจ้า หรือองค์กรสถาบันต่างๆ เจริญเติบโตขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นคริสตจักรและองค์กรต่างๆร่วมมือกันในการประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์1.ในรูปแบบ และ2.ในวิถี ที่คนไทยพอใจ และตื่นเต้นยินดี ที่จะรับไว้ ผมไม่กลัวการต่อต้าน แต่ผมก็ไม่ประสงค์ที่จะให้เกิด 1).การต่อต้าน และ 2).การข่มเหงคริสเตียนขึ้นโดยไม่จำเป็น หรือก่อนเวลาอันควร …และผมเชื่อว่าพี่น้องก็น่าจะรู้สึกและคิดเหมือนผมดังนั้น ขอให้เรามาเป็นผู้สื่อสาร ที่ร่วมมือกันประกาศข่าวประเสริฐ ผ่านสื่อที่เหมาะสมด้วยท่าทีที่ประเสริฐ นั่นคือสื่อสารออกมาด้วยความรัก อย่างถูกต้องและให้เกียรติผู้ที่รับฟังซึ่งจะทำให้พระเจ้าผู้เป็นเจ้านายของเราและเจ้าของสารมีความขุ่มชื่นพระทัย เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “สื่อจะทรงพลังที่สุด เมื่อเราใช้มันเพื่อรัก ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ”(Media is most powerful when used to love, not to win.) …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 30พฤศจิกายน2025 (ตอนที่244ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต ตอน ไม่กลัวข่าวร้าย Ep.1467 เรื่องราวในชีวิตจริงบางครั้งมันมีทั้งเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดี บางครั้งเราก็ต้องพบเจอกับความน่ากลัว ชีวิตของเอลียาห์กำลังเดินผ่านทั้ง 2 วาระนี้แบบใกล้กันมากจนแทบตั้งตัวไม่ทัน พระเจ้าใช้เอลียาห์นำความชุ่มฉ่ำกลับมา พระเจ้าหนุนกำลังเขาวิ่งแซงหน้าอาหับ 1 พงศ์กษัตริย์ 18 ทันทีที่อาหับกลับมาถึง เขาก็เล่าให้เยเซเบลฟังว่าเอลียาห์ประหารคนของพระบาอัลทั้งหมด เยเซเบลจึงขู่จะจัดการเอลียาห์ สิ่งที่เกิดขึ้น'เอลียาห์กลัว จึงหนีเอาชีวิตรอด เขาไปยังเบเออร์เชบาในยูดาห์ และทิ้งคนรับใช้ของเขาไว้ที่นั่น ' 1พงศ์กษัตริย์ 19:3 TNCV เอลียาห์คนของพระเจ้าที่กล้าหาญ ที่เคยไปยืนประกาศว่าจะไม่มีฝนต่อหน้าอาหับ พระเจ้าทรงนำเขาไปหลบ ทรงเลี้ยงดูเขาผ่านนกกา เมื่อน้ำแห้งพระเจ้านำเขาไปไซดอนและทรงดูแลเขาผ่านหญิงม่าย เมื่อเขากลับมาเขากล้าหาญสุด ๆ บนภูเขาคารเมล แต่วันนี้เอลียาห์กลัวเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง นี่เป็นความจริงของชีวิตว่า คนของพระเจ้าก็มีวันที่ใจสั่นหวั่นไหวและกลัวได้เหมือนกัน พวกเราเองก็เป็นใช่ไหม เรายิ้มได้เมื่อฟังข่าวดี แต่บางทีประโยคสั้น ๆ ที่เป็นข่าวร้ายนั้นก็สร้างความหวาดกลัวได้ หากเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่กลัวเมื่อได้ยินข่าวร้าย พระวจนะของพระเจ้าเตือนและให้กำลังใจเราใน'เขาจะไม่กลัวข่าวร้าย ใจของเขามั่นคง วางใจในพระยาห์เวห์ ' สดุดี 112:7 สดุดีบทนี้เริ่มต้นด้วยว่า คนที่ยำเกรง คนที่ยึดมั่น ยินดีมีความสุขในคำสั่งของพระเจ้านั้น เขาจะมั่นคง ไม่หวั่นไหวแม้ได้ยินข่าวร้าย ความมั่นคงของคนที่ยำเกรงพระเจ้านั้นไม่ได้อยู่ในสิ่งที่ได้ยินแต่อยู่ที่พระเจ้า เมื่อข่าวร้ายสร้างความกลัวในใจ ขอให้เราจำไว้ว่า ในพระเจ้านั้นเป็นความมั่นคงเสมอ อย่าหวั่นไหวไปกับสถานการณ์ตรงหน้า อย่าปล่อยให้คำขู่ หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น หรือข่าวร้ายที่ได้ยินนั้นมากำหนดชีวิตของเรา ขอให้พระเจ้าผู้เป็นความจริง และถ้อยคำของพระองค์มาเป็นสิ่งที่กำหนดหัวใจและความรู้สึกของเรา คนที่ยำเกรงพระเจ้าจนมีความเชื่อและความไว้วางใจในพระเจ้านั้นจะไม่หวั่นไหว หรือกลัวเมื่อได้ยินข่าวร้าย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่243) จงกล้าหาญเถิด! “เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย เพราะว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป”” ~โยชูวา 1:9 THSV11 “Have I not commanded you? Be strong and courageous. Do not be afraid; do not be discouraged, for the Lord your God will be with you wherever you go.”” ~Joshua 1:9 NIV ในภาษาอังกฤษ คำ3คำต่อไปนี้คือ 1. Bravery2.Boldness และ3.Courage ต่างล้วนหมายถึง“กล้าหาญ!”แต่ก็มีความแตกต่างกันบ้าง ดังนี้1.Bravery หรือ Brave หมายความว่า “กล้าทำแม้กลัว” เป็นความกล้าสู้ความกลัว “ชายที่กล้าหาญทุกคนก็ลุกขึ้นเดินตลอดคืน ไปปลดพระศพของซาอูล และพระศพของราชโอรสทั้งสามจากกำแพงเมืองเบธชาน และนำมาที่เมืองยาเบช ถวายพระเพลิงพระศพที่นั่น” ~1 ซามูเอล 31:12 THSV11(the bravest men started out and marched all night to Beth Shan. They took down the bodies of Saul and his sons from the wall, brought them back to Jabesh, and burned them there.) ~1 Samuel 31:12 GNT ขอให้เรากล้าทำในสิ่งที่เรากลัว หากจำเป็นเหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “ความกล้าหาญเริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ที่คุณกลัวที่จะก้าวมากที่สุด” (Bravery begins with the smallest step you're most afraid to take.)2.Boldness หรือ Bold หมายความว่า “กล้าแสดงออก หรือ กล้าเสี่ยง“(ไม่ค่อยกลัว) เป็นความกล้าแบบมั่นใจ(สุดๆ)“ส่วนเปาโลกับบารนาบัสนั้นมีใจกล้า กล่าวว่า “เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องกล่าวพระวจนะของพระเจ้าให้ท่านทั้งหลายฟังก่อน แต่เมื่อพวกท่านปฏิเสธและตัดสินตัวเองว่าไม่สมควรจะได้ชีวิตนิรันดร์ นี่แน่ะ เราจะหันไปหาพวกต่างชาติ” ~กิจการ 13:46 THSV11(Then Paul and Barnabas answered them boldly: “We had to speak the word of God to you first. Since you reject it and do not consider yourselves worthy of eternal life, we now turn to the Gentiles.) ~Acts 13:46 NIVขอให้เราก้าวไปข้างหน้าเมื่อจำเป็น และใจเราบอกให้เดิน อย่างไม่หวาดหวั่นเหมือนคำกล่าวที่ว่า“คนที่กล้าบุกฝ่า ไม่ใช่คนที่แน่ใจเสมอไป แต่เป็นคนที่มักไม่เต็มใจในการเลือกที่จะถอย” (The bold are not always certain, but they are always unwilling to retreat.)3.Courage หรือ Courageous หมายความว่า “ความกล้าภายในลึก ๆ” เป็นความกล้า แบบเป็นพลังใจที่มั่นคงมาจากภายใน(กล้าไปต่อทั้งๆที่ไม่มีแรง)“เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป”” ~โยชูวา 1:9 THSV11(Have I not commanded you? Be strong and courageous. Do not be afraid; do not be discouraged, for the Lord your God will be with you wherever you go.) ~Joshua 1:9 NIV ขอให้เรารับพลังจากพระเจ้าและลุกขึ้นเดินต่อไปตามบัญชาของพระองค์ด้วยความกล้าหาญเหมือนคำกล่าวที่ว่า“หัวใจที่กล้าหาญเกิดจากความไว้วางใจ(ในพระเจ้า) ไม่ใช่จากพลกำลังของตัวเราเอง” (A courageous heart is born from trust, not personal strength.) อย่างไรก็ตาม คำ3สามคำ ที่กล่าวมานี้ มักถูกใช้แทนกันได้ในความหมายรวมๆว่า “กล้า“ โดยไม่ได้เคร่งครัดในเรื่องความหมายเชิงรายละเอียด พี่น้องที่รัก ขอให้เรามีความกล้าหาญในการทำสิ่งที่ควรจะทำและจงหยุดยั้งความกล้าหาญในเชิงบ้าบิ่นมุทะลุขาดสติ ไม่ว่าจะทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่อพระเจ้า เพราะอาจจะนำผลเสียมาให้มากกว่าผลดี! เห็นด้วยไหมครับ?ป.ล ในช่วงน้ำท่วมภาคใต้ มีคนใช้ความกล้า ทำทั้งสิ่งดี และสิ่งไม่ดีแต่ผมและพี่น้องจำนวนหนึ่งมุ่งมั่นกล้าหาญในการลงไปช่วยในพื้นที่ เท่าที่จะทำได้และกล้าทำอย่างต่อเนื่อง ในโครงการฟื้นฟูบูรณะความเป็นอยู่ของผู้เดือดร้อน จำนวนหนึ่งทั้งๆที่รู้ว่าเป็นภาระหนัก และต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้น ถ้าหากพี่น้องท่านใดกล้าหาญที่จะมีส่วนร่วมพันธกิจนี้ สามารถร่วมถวายได้ที่"ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิสงเคราะห์ชาวไทย เลขที่ 000-1-93816-9"(ลดหย่อนภาษีได้ เมื่อแจ้ง)~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 29พฤศจิกายน2025 (ตอนที่243ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน แหล่งพลังที่ไม่จำกัด Ep.1466 มีใครไหมที่รู้สึกว่า เราไปต่อไม่ไหวแล้ว หมดแรง หมดใจ หมดพลังที่จะเผชิญกับทุกสิ่งตรงหน้า หากเราเป็นคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในเวลาแบบนั้น ขอพระเจ้าประทานกำลังผ่านพระวจนะของพระองค์ในวันนี้'และพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์หนุนกำลังเอลียาห์ และท่านก็คาดเอวของท่านไว้ และวิ่งขึ้นหน้าอาหับไปถึงทางเข้าเมืองยิสเรเอล' 1 พงศ์กษัตริย์ 18:46 เมื่อเมฆลอยขึ้นมาจากทะเลเท่าฝ่ามือ เอลียาห์สั่งให้คนของเขาไปแจ้งอาหับให้กลับลงไปก่อน ขณะที่อาหับกำลังนั่งรถลงมา พระวจนะของพระเจ้าบอกเราว่า พระเจ้าทรงหนุนกำลังของเอลียาห์จนเขาสามารถวิ่งนำหน้ารถของอาหับ นี่คือความจริงที่งดงามมาก พระเจ้าไม่ได้ปล่อยให้เราวิ่งด้วยกำลังของเราเอง แต่เราสามารถไปต่อด้วยกำลังจากพระหัตถ์ของพระเจ้า พระเจ้าทรงรู้และเข้าใจความเป็นไปของเราในทุกอย่าง ทรงรู้ว่าเรากำลังเหนื่อยแค่ไหน พระเจ้ารูว่าเรากำลังเผชิญอะไรอยู่ พระเจ้าทรงทราบถึงความจำกัดของเราทุกอย่าง พระเจ้าไม่เพียงแต่เห็น พระองค์ทรงหนุนกำลังเราเหมือนที่ทรงทำกับเอลียาห์ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในสายตาของมนุษย์จะสามารถเกินขึ้นกับเราได้โดยพระหัตถ์ของพระเจ้า ในพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้'พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และผู้ไม่มีพลังนั้นพระองค์ทรงให้มีเรี่ยวแรงมาก แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับกำลังใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่อ่อนเปลี้ย เขาจะเดินและไม่เหน็ดเหนื่อย' อิสยาห์ 40:29-31 ขอให้พวกเราอย่าจดจ่อเพียงแค่ตัวเอง จดจ่อเพียงสิ่งที่เรามี ขอให้เราจดจ่อที่พระเจ้า เชื่อไว้วางใจ แสวงหาและรอคอยพระองค์ แล้วในเวลาของพระเจ้าพระหัตถ์ของพระเจ้าจะหนุนกำลังเรา เพราะพระสัญญาของพระเจ้านั้นเกิดขึ้นเป็นจริงเสมอ หากเราเป็นคนนึงที่กำลังเหนื่อย ท้อแท้ ไปต่อไม่ไหว ให้เรารู้ว่าพระเจ้าเป็นพลังที่ไม่มีความจำกัด และพระเจ้าทรงประทานกำลังให้กับที่เชื่อ วางใจ แสวงหาและรอคอยพระองค์แน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่242) ขออธิษฐานเผื่อด้วยครับ! “จงอธิษฐานเผื่อเรา เพราะเราแน่ใจว่าเรามีมโนธรรมที่ดี และปรารถนาที่จะประพฤติตัวดีงามในทุกเรื่อง” ~ฮีบรู 13:18 THSV11 “Pray for us. We are sure that we have a clear conscience and desire to live honorably in every way.” ~Hebrews 13:18 NIV มีคำกล่าวว่า “การอธิษฐานไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่เราควรทำ แต่เป็นสิ่งแรกที่เราต้องทำ!” (Prayer is not our last resort; it is our first response.) ไม่ว่าเราจะเก่งขนาดไหน ไม่ว่าเราจะใหญ่ขนาดไหน? เราต่างก็ล้วนต้องการให้ใครบางคน มาอธิษฐานเผื่อเราด้วย! ทำไมผู้เขียนพระธรรมฮีบรูจึงขอให้ผู้อ่านอธิษฐานเผื่อท่าน? นั่นคงเป็นเพราะว่า 1.ผู้เขียนตระหนักว่า ก.การรับใช้พระเจ้า ข.การดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้านั้น จำเป็นต้องพึ่งพาและพึ่งพิงพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง2.ผู้เขียนต้องการเชิญชวนให้พี่น้องในความเชื่อเดียวกัน ได้มีส่วนร่วมรับใช้กับท่านผ่านการ “อธิษฐานเผื่อ” สนับสนุนท่านในฝ่ายจิตวิญญาณ 3.ผู้เขียนตั้งใจแสดงถึงความถ่อมใจ และความจำกัดในตัวของท่าน และยอมรับว่าตัวท่านเองก็ต้องการกำลังจากพระเจ้าเช่นกัน คุณคิดว่า อะไรบ้างที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูนี้ถึงกับร้องขอให้คนอื่นๆ อธิษฐานเผื่อท่านเช่นนี้? ให้เราลองใครครวญดูว่า มีอะไรบ้างที่ผู้นำหรือผู้รับใช้อาจกำลังเผชิญกับสถานการณ์บางอย่างอยู่ และต้องการคำอธิษฐานเผื่อ? อาทิ 1. การถูกวิพากษ์วิจารณ์ 2. การถูกโจมตีในรูปแบบต่างๆ 3. ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า 4. ความท้อแท้หรือท้อถอยเพราะความยากลำบาก 5. ความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่ถูกซ้ำเติม 6. ความกลัวว่าจะไม่เป็นที่รักหรือเป็นที่ชอบ 7. ความหยิ่งยโสโอหังหรือความหลงตน 8. ความขัดแย้งหรือความขัดสน 9. ความเจ็บป่วยหรือความเจ็บปวด 10. การถูกทรยศหักหลัง หรือการถูกทอดทิ้ง คำถาม:1.เวลานี้คุณต้องการคำอธิษฐานเผื่อสำหรับตัวคุณเอง ในเรื่องใดมากที่สุด?ทำไม?2.คุณได้อธิษฐานเผื่อใครบ้างที่ต้องการอธิษฐานเป็นอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา?ในเรื่องอะไร? แล้วผลเป็นยังไง ? พี่น้องที่รักครับ วันนี้ขอให้เรามาอธิษฐานเผื่อกันและกันนะครับ เพราะว่า “เมื่อเราอธิษฐานเผื่อออกชื่อผู้ใดต่อพระพักตร์ของพระเจ้า พระเจ้าก็ทรงยกหัวใจของเราให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน!”“When we lift someone's name before God, He lifts our hearts as well.“ ขอให้คำอธิษฐานของเราจะช่วยให้ใครบางคนได้ในสิ่งที่เขาขอได้รับการคุ้มครองปลอดภัยรอดพ้นจากอันตราย หรือได้ประสบความสำเร็จต่างๆ และได้รับในสิ่งที่เขาขอนั่นคือ พระเจ้าทำให้เขาได้มีมโนธรรมที่ดี และมีใจปรารถนาที่จะประพฤติตัวดีงามในทุกเรื่อง เหมือนดังที่ผู้เขียนพระธรรมฮีบรู ได้ขอเอาไว้ …จะดีไหมครับ?…………………ป.ล. ขอพี่น้องที่ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ได้รับการคุ้มครองจากพระเจ้าให้รอดปลอดภัยทุกคนและถ้าหากพี่น้องท่านใดหรือกลุ่มองค์กรใด ประสงค์จะบริจาค ก็ส่งไปได้ที่ "ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิสงเคราะห์ชาวไทย เลขที่ 000-1-93816-9"(ลดหย่อนภาษีได้ เมื่อแจ้ง)~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 28พฤศจิกายน2025 (ตอนที่242ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน กลับสู่สภาพดี Ep.1465'มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์ ' ปัญญาจารย์ 3:1 พระวจนะของพระเจ้าเป็นความจริง 1 พงศ์กษัตริย์ 18:41-46 ได้ยืนยันความจริงนี้ หลังจากที่พระเจ้าทรงยืนยันว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่แท้จริงด้วยการส่งไฟลงมาเผาเครื่องบูชา เอลียาห์นำคนอิสราเอลจัดการกับคนของพระบาอัลทั้งหมด'เอลียาห์ทูลอาหับว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเสวยและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนกระหึ่มมา” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 18:41 วาระแห่งความแห้งแล้งกำลังจะจบลง ฝนที่เคยหยุดไปถึง 3 ปีกำลังจะกลับมา เอลียาห์ขึ้นไปที่ยอดภูเขาคารเมลแล้วโน้มตัวลงถึงดิน และท่านสั่งคนใช้ให้ลุกขึ้น มองไปทางทะเล คนใช้ก็ทำตามและกลับมาบอกว่า “ไม่มีอะไรเลย” เอลียาห์จึงบอกเขาว่า “จงไปดูอีกเจ็ดครั้ง” ''และต่อมาเมื่อถึงครั้งที่เจ็ด เขาบอกว่า “ดูสิ มีเมฆก้อนหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือคนขึ้นมาจากทะเล” และท่านก็บอกว่า “จงไปทูลอาหับว่า ‘ขอทรงเตรียมราชรถและเสด็จลงไป เพื่อพระองค์จะไม่ติดฝน' ” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 18:44 ความแห้งแล้งในชีวิตของเราบ่อยครั้งมันมาจากหัวใจที่ห่างไกลจากพระเจ้า อิสราเอลแห้งแล้งเพราะพวกเขาละทิ้งพระเจ้า และทันทีที่พวกเขาหันกลับมาหาพระเจ้าความชุมฉ่ำก็กลับมา หากเรากำลังอยู่ในฤดูกาลความแห้งแล้ง ผมอยากให้เราหยุดถามว่า พระเจ้าทำไมฤดูกาลนี้มันยาวนัก? แต่ให้กลับมาถามตัวเองว่า ชีวิตของเราเดินตามทางของพระเจ้าหรือเปล่า? เพราะว่าชีวิตที่ความยำเกรงพระเจ้านั้น ความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ เพราะพระเจ้าจะทรงดูแลเราเหมือนที่พระองค์ดูแลเอลียาห์ พระองค์ทรงใช้ได้แม้กระทั้งนกกา หรือหญิงม่ายที่ไม่มีอะไรเลย ดูแลเอลียาห์ในยามแห้งแล้ง'“คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระยาห์เวห์ เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะเกิดผล” ' เยเรมีย์ 17:7-8 คนที่ยำเกรงและไว้วางใจในพระเจ้านั้น ชีวิตจะเหมือนต้นไม้ที่อยู่ริมน้ำ แดดหรือความแห้งแล้งก็ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้ และชีวิตของคนนั้นจะไม่หยุดเกิดผล ชีวิตจะมีผลคือพฤติกรรมที่ดี ที่เหมือนพระเยซู ขอให้เราหยุดฤดูกาลแห่งความแห้งแล้งที่มาจากความห่างไกลพระเจ้า เข้ามาสู่ฤดูกาลแห่งความชุ่มฉ่ำและการเกิดผลมากด้วยการติดสนิทอยู่ในพระเจ้าเสมอ เพราะพระเจ้าสัญญาว่า คนติดอยู่ อยู่ในพระองค์นั้นจะเกิดผลมาก วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่241) น้ำท่วมทำลายลง แต่ความรักสร้างขึ้นมาใหม่! “และขอให้เราพิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกัน ให้มีความรักและทำความดี” ~ฮีบรู 10:24 THSV11 “We must also consider how to encourage each other to show love and to do good things.” ~Hebrews 10:24 GW ในท่ามกลางวิกฤติที่กระแสน้ำไหลเชี่ยวไม่หยุดยั้ง โถมซัดจนท่วมเมืองท่วมหลังคาบ้าน คนจำนวนมาก หมดสิ้นทุกอย่าง ทั้งทรัพย์สินเงินทอง เรี่ยวแรง และกำลังใจ แต่ดีที่ ความรักของคนจำนวนไม่น้อย ช่วยทำให้คนบางคน มีความหวัง และมีแรง มากขึ้นจนพอที่จะยืนหยัดต่อไปได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “ในน้ำเชี่ยว เราอาจอ่อนแอ แต่ ในความรัก เราแข็งแรงอยู่เสมอ” (In the raging waters we may be weak, but in love we are always strong.) ผมขอบคุณพระเจ้า และเต็มตื้นในอกที่ได้เห็นความรักของพี่น้องจำนวนไม่น้อย แสดงออกมาเป็นความกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกันช่วยเหลือชาวใต้(โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวหาดใหญ่ที่กำลังเผชิญกับโศกนาฏกรรม)เพราะอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปี ผมในฐานะประธานมูลนิธิสงเคราะห์ชาวไทย องค์กรการกุศล ลำดับที่850(ตามประกาศของกระทรวงการคลัง)จึงได้เชิญชวนคนมีใจและมีไฟมาร่วมปรีกษากันในการหาทางช่วยผู้ประสบภัย และได้รับการสนองตอบเป็นอย่างดีจากทุกคนในการร่วมเป็นทีมงานสำคัญนี้ด้วยจิตอาสาอันงดงาม ที่น่ายินดีก็ คือ ในทีมงานมีทั้งผู้มีจิตใจดีมีเมตตาตั้งแต่เหนือจรดใด้ ภายในไม่กี่ชั่วโมง เราก็ได้ชื่อโครงการว่า “Love in Action:รวมน้ำใจ ช่วยภัยใต้” และได้มีการแบ่งงาน และมีทีมงานขึ้นมาทำหน้าที่ หลายฝ่าย ดังนี้1.ฝ่ายปฏิบัติการ~ 1).ในการรับเรื่องร้องเรียนและเรื่องร้องขอเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย 2).ในการลงพื้นที่ช่วยเหลือ หรือ แจกจ่ายอาหารและน้ำดื่ม2.ฝ่ายระดมจิตอาสา~ 1).จากในพื้นที่ 2).จากนอกพื้นที่ประสบภัย3.ฝ่ายระดมเงินบริจาค 1).จากวงการศาสนา 2).จากภาครัฐ 3).จากภาคเอกชน/ธุรกิจ4.ฝ่ายประชาสัมพันธ์/Media 1).สื่อสารพันธกิจที่ทำผ่านช่องทางต่างๆ 2).รวบรวมข้อมูลและแหล่งทรัพยากรต่างๆเพื่อบริการ5.ฝ่ายฟื้นฟูสภาพ(หลังน้ำลด) 1).ประเมินสภาพการณ์ความเสียหาย 2).วางแผนงานร่วมมือกับหน่วยงานหรือองค์กรอื่นๆ 3).ร่วมมือและประสานงานกับทุกภาคส่วน ก.ในการบูรณปฏิสังขรณ์อาคารสถานที่ ข.ในการฟื้นฟูพันธกิจและบุคลากรในพื้นที่6.ฝ่ายอำนวยการและประสานงาน 1).เป็นฝ่ายเลขาของทุกฝ่าย 2).เป็นฝ่ายอำนวยการให้เป็นไปตามแผนงานที่ตกลง 3).เป็นฝ่ายช่วยประสานและสนับสนุนของส่วนกลาง ผมได้เห็นการปรึกษาหารือและการปลุกใจกันและกัน 1.ให้มีความรัก และ 2.ให้มีใจที่จะทำความดี ที่จะลงมือลงแรงในการช่วยเหลือและฟื้นฟูสภาพของชีวิตในชุมชนที่เสียหาย ให้กลับคืนสู่สภาพดี อย่างน่าประทับใจ ดังคำกล่าวที่ว่า “น้ำท่วมอาจทำให้ถนนหายไป แต่ความรักสร้างทางใหม่กลับมาได้เสมอ” (Floods may wash away roads, but love always creates a way.) ช่างเป็นภาพที่ ~น่ายินดี ~น่าขอบคุณผู้มีจิตอาสาอันงดงาม ที่เสียสละช่วยเหลือผู้ประสบภัย และ ~น่าขอบพระคุณพระเจ้า สำหรับพระพรที่ซ่อนอยู่เป็นอย่างยิ่ง พวกเราทุกคน ที่ได้อ่านบทความนี้ ก็สมควรที่จเมีส่วนร่วมในการแสดงความรักและกระทำดีเช่นนี้ในทางใดทางหนึ่งเหมือนกัน … เห็นด้วยไหมครับ?…………………ป.ล. ตอนนี้ ทีมช่วยเหลือของมูลนิธิสงเคราะห์ชาวไทย ได้มีผู้เข้ามาร่วมพันธกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอาทิ มูลนิธิ CrossOver (W501) ,AlphaThailand ,ShareTheLoveForward ,สคบต.,สคบก.,มูลนิธิ ChurchofJoy Foundation และมูลนิธิคริสตจักรคณะแบ๊บติสต์ฯลฯถ้าหากพี่น้องท่านใดหรือกลุ่มองค์กรใดประสงค์จะมาร่วมมือด้วยกัน ก็ยินดีต้อนรับครับ หรือ สามารถร่วมบริจาคได้ที่ "ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิสงเคราะห์ชาวไทย เลขที่ 000-1-93816-9"(ลดหย่อนภาษีได้ เมื่อแจ้ง)~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 27พฤศจิกายน2025 (ตอนที่241ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน การอัศจรรย์ Ep.1464 1 พงศ์กษัตริย์ 18:17-40 เมื่อาหับพบกับเอลียาห์เขาก็กล่าวโทษเอลียาห์ว่าเป็นต้นเหตุของความยากลำบากของอิสราเอล แต่เอลียาห์ก็สวนกลับไปเลยว่า มันเป็นเพราะอาหับและครอบครัวที่ละทิ้งพระเจ้า เอลียาห์ขอให้อาหับรวบรวมคนอิสราเอล และผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล และของพระอาเช-ราห์ เพื่อพิสูจน์ว่าพระเจ้าองค์ไหนเป็นพระเจ้าแท้จริง พวกเขานำวัวมาผ่าวางบนฟืนเพื่อเผาเป็นเครื่องบูชา แต่ห้ามจุดไฟ ให้ร้องขอไฟจากพระของตัวเอง คนของพระบาอัลก็ร้องดัง เอามีกรีดตัวเองตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเย็นก็ยังไงก็ไม่มีไฟลงมา พอมาถึงเวลาของเอลียาห์ เขาซ่อมแซมแท่นบูชาด้วยหิน 12 ก้อน แล้วขุดลองน้ำและเต็มน้ำให้เต็มลองนั้นถึง 3 ครั้ง แล้วเอลียาห์ก็อธิษฐานต่อพระเจ้า 'ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบข้าพระองค์ ทรงตอบข้าพระองค์ เพื่อชนชาตินี้จะทราบว่าพระองค์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์ทรงหันจิตใจของเขาทั้งหลายกลับมาอีก” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 18:37 หลังจากคำขอของเอลียาห์ ไฟของพระเจ้าก็ตกลงมาและเผาเครื่องบูชา สิ่งที่เกิดขึ้นยืนยันว่า พระยาเวห์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ ประชาชนก็กลับใจ'และเมื่อประชาชนทั้งหมดได้เห็น พวกเขาก็ซบหน้าลงร้องว่า “พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 18:39 ผู้คนในยุคของเอลียาห์อยากเห็นการอัศจรรย์ อยากเห็นว่าพระเจ้าของใครจะทำให้ไฟจากตกลงมาจากฟ้าได้ ยุคของเราก็ไม่ต่างกัน พวกเราอยากเห็นอัศจรรย์ที่จับต้องได้ แต่พระวจนะของพระเจ้าบอกเราว่า การอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว 'แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา ' โรม 5:8 การอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ พระเยซูเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อเป็นมนุษย์ เพื่อสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงฟื้นขึ้นจากความตาย เพื่อนำเรากลับมาเป็นของพระเจ้า ทำให้เราร่วมในชัยชนะเหนือความตายนิรันดร์กับพระเยซู ขอให้เราใช้ชีวิตของเราสำแดงการอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ทุกคนได้เห็น เพื่อนำให้พวกเขามารู้จักกับพระเยซูด้วยกันนะครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่240) บทเรียนจากน้ำท่วม! “พระยาห์เวห์ประทับเหนือน้ำท่วม พระยาห์เวห์ประทับเป็นพระราชาเป็นนิตย์” ~สดุดี 29:10 THSV11 “The Lord sits enthroned over the flood; the Lord is enthroned as King forever.” ~Psalms 29:10 NIV มีคำกล่าวไว้ว่า“พระเจ้ามิได้สัญญาว่าจะไม่มีน้ำท่วมในชีวิตของเรา แต่พระองค์ทรงสัญญาว่าจะสถิตอยู่กับเราทุกครั้งที่น้ำท่วม!”(God never promised a life without floods, but He promised to be with us through every one of them.) ดังนั้น เราอาจเผชิญกับน้ำท่วมชีวิตอย่างฉับพลันได้แบบไม่คาดฝัน! แล้ว“น้ำท่วม” เปรียบเหมือนกับอะไรบ้างในชีวิตของเรา?น้ำท่วมเปรียบ…1.เหมือน “ปัญหา“ที่ท่วมท้นขึ้นมาเร็วและแรงเกินกว่าที่เราจะรับมือได้ทัน2.เหมือน “ความกลัวและความไม่แน่นอน”ที่เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆจนเรารู้สึกไม่มั่นคง3.เหมือน “ความสูญเสีย“ที่กวาดทุกอย่างในชีวิตไปสิ้น แบบที่เราไม่มีเวลาได้ตั้งตัว4.เหมือน “ช่วงความหวังดูเลือนลาง” เพราะทุกอย่างรอบตัวมืดและเอ่อล้นจนเราไม่มีที่ยืน5.เหมือน “บททดสอบ“ที่เผยให้เราเห็นสิ่งมั่นคงที่ควรยึดมั่นจริงๆและอะไรคือสิ่งชั่วคราว6.เหมือน “โอกาส“ ที่จะให้ชีวิตเริ่มใหม่หลังน้ำลด เมื่อเราได้รับการฟื้นฟูหลังผ่านพายุร้าย7.เหมือน “สถานการณ์”ที่ทำให้ตระหนักว่าเราไม่อาจพึ่งตนเองได้และต้องการความช่วยเหลือ8.เหมือน “บทเรียน“ ที่ทำให้หัวใจเราอ่อนลง กำแพงแห่งอัตตาพังลงและความหยิ่งยโสถูกพัดไป 9.เหมือน“วิกฤติ”ที่ทำให้ชีวิตของเราจมมิด จนยอมจำนน กลับใจใหม่และให้พระเจ้าทำสิ่งใหม่ ในชีวิตของเรา พี่น้องที่รัก ไม่ว่า น้ำท่วมจะเปรียบเหมือนกับอะไรในชีวิตของเราแต่ที่แน่นอน น้ำท่วมจะทำให้เราสำนึกว่า เราเปราะบางเกินไปเกินกว่าที่เราจะรับมือกับน้ำลึกและกระแสน้ำแรงเชี่ยวได้โดยลำพัง! น้ำท่วมทำให้เราต้องร้องขอความช่วยเหลือ และต้องพึ่งคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกลับใจ เข้าพึ่งพิงและพึ่งพาพระเจ้า ดังนั้น หากว่า วันนี้ น้ำที่ท่วมในชีวิตของคุณ เปรียบเหมือนกับ ปัญหา ความกลัว ความสูญเสีย การทดสอบ การฟื้นฟู โอกาส สถานการณ์ บทเรียน หรือวิกฤติที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อดึงคุณให้กลับมาเข้าใกล้พระองค์ให้มากขึ้น ก็ขอให้คุณ จงรีบทำตามพระประสงค์นั้นในทันที ก่อนที่น้ำจะมาระลอกใหม่ที่แรงเชี่ยว และท่วมสูงมากกว่าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ขอหนุนใจพี่น้องในตอนท้ายว่า “แม้น้ำจะท่วมสูงมากสักเพียงใด พระหัตถ์ของพระเจ้าก็ยังคงสูงกว่าเสมอไป” (No matter how high the waters rise, God's hand always rises higher.) …คุณเชื่อเช่นนี้ไหม?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 26พฤศจิกายน2025 (ตอนที่240ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่239) พระชะตา และ พระลิขิต! ( the god of good fortune and the goddess of destiny.) “แต่เจ้าทั้งหลายผู้ละทิ้งพระยาห์เวห์ ผู้ลืมภูเขาบริสุทธิ์ของเรา ผู้จัดงานเลี้ยงให้แก่‘ พระชะตา' และเติมเหล้าองุ่นประสมเต็มถ้วยแก่ ‘พระลิขิต'เราจะลิขิตเจ้าทั้งหลายให้แก่ดาบ และเจ้าทุกคนจะต้องหมอบลงต่อผู้สังหาร เพราะว่าเมื่อเราเรียกนั้น พวกเจ้าไม่ตอบ เมื่อเราพูด พวกเจ้าไม่ฟัง แต่พวกเจ้าทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของเรา และเลือกสิ่งที่เราไม่ปีติยินดี”” ~อิสยาห์ 65:11-12 THSV11 “You have abandoned the Lord and forgotten my holy mountain. You have prepared a table for the god of good fortune and offered cups full of spiced wine to the goddess of destiny. Now I will destine you for death. All of you will bow to be slaughtered. I called, but you didn't answer. I spoke, but you didn't listen. You did what I consider evil. You chose what I don't like.” ~Isaiah 65:11-12 GW พระธรรมอิสยาห์ตอนนี้ กล่าวถึง คน2กลุ่ม1.กลุ่มคนที่เชื่อฟังพระเจ้า และ 2.กลุ่มคนที่ละทิ้งพระเจ้า คือหันหลัง ลืมพระเจ้า สถานที่นมัสการ และพระสัญญาของพระองค์ แล้วหันไปบูชาพระอื่นๆ(โดยปากยังพูดเรื่องพระเจ้าอยู่) ชาวอิสราเอลบางส่วนในสมัยนั้น ผสมการนมัสการพระยาห์เวห์ของพวกเขากับ~ไสยศาสตร์~ความเชื่อโชคลาง และ~การบวงสรวงเซ่นไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ เช่น 1).“พระชะตา”( the god of good fortune) หรือ Gad (กาด) “เทพแห่งโชค” เป็นเทพเจ้าแห่ง “Fortune / Luck / Destiny” ที่คนโบราณเชื่อว่าสามารถกำหนดความเจริญ หรือนำโชคลาภมาให้คนได้ 2).“พระลิขิต”( the goddess of destiny.) หรือ Meni (เมนิ) “เทพีแห่งชะตากรรม“ เป็นเทพแห่ง “Fate / Portion / Destiny” ที่คนสมัยนั้นเชื่อว่า เป็นเทพที่กำหนดส่วนแบ่งชีวิตของชีวิตคน พระเจ้าจึงตักเตือนอย่างเข้มแข็งไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้อง “พระชะตา” และ “พระลิขิต” ที่ถือว่าเป็นเทพแห่งโชคและชะตากรรม ดังนั้น เมื่อคนอิสราเอลกลับไปบูชาควบคู่กับพระเจ้า จึงถือว่าเป็นการ “ผสมไสยศาสตร์กับการเชื่อพระเจ้า” เหมือนคนทำพิธีแก้ดวงในปัจจุบัน(คำว่า “”ดวง“หรือ “ชะตา”นี้ มีรากเดียวกับ การดูดวง, โหราศาสตร์, ไพ่, ของขลัง) ซึ่งพระเจ้าทรงถือว่าเป็นความบาปที่ร้ายแรงมากแล้วทำไมจึงถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง?คำตอบคือ เพราะพวกเขากำลังทำสิ่งตรงข้ามกับการเชื่อฟัง เชื่อถือ ยำเกรงและวางใจพระเจ้าทั้งๆที่1.พระเจ้าทรงบัญชาให้คนของพระเจ้านมัสการพระองค์องค์เดียว แต่พวกเขาไปทำพิธีสังเวยให้เทพแห่งโชค และ ชะตา2.พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดอนาคตที่ดีของพวกเขาไว้ให้แล้ว แต่พวกเขากลับไปหาคำตอบจากพระแห่ง ดวง ชะตา หรือ โชคลาภแทน อย่างไม่แยแสสิ่งที่พระเจ้าตรัส ดังนั้น พระเจ้าจะลงโทษพวกเขา!พระองค์ตรัสว่า“เราจะลิขิตเจ้าทั้งหลายให้แก่ดาบ และเจ้าทุกคนจะต้องหมอบลงต่อผู้สังหาร เพราะว่าเมื่อเราเรียกนั้น พวกเจ้าไม่ตอบ เมื่อเราพูด พวกเจ้าไม่ฟัง แต่พวกเจ้าทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของเรา และเลือกสิ่งที่เราไม่ปีติยินดี”” พี่น้องที่รัก ขอให้เราห่างจาก การบวงสรวงบูชาเทพเจ้าต่างๆ รวมทั้งการไปดูดวงชะตา และร่วมส่วนในโหราศาสตร์ หรือไสยศาสตร์ทั้งปวง เพื่อเราจะได้อยู่ห่างไกลจากถูกลงโทษอย่างไม่จำเป็นเลย …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 25พฤศจิกายน2025 (ตอนที่239ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน หยุดโทษตัวเอง Ep.1462 1 พงศ์กษัตริย์ 17:17–24 เป็นตอนที่สะเทือนใจที่สุดของหญิงม่ายศาเรฟัท หลังจากที่พระเจ้าทำการอัศจรรย์แป้งและน้ำมันไม่เหมด ชีวิตของเธอก็ดูดีขึ้นแล้ว แต่แล้วก็เกิดเรื่องราวที่ดูเลวร้ายกว่าเดิมอีก'และต่อมาหลังจากนี้ บุตรชายของหญิงนั้นผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ล้มป่วย และมีอาการสาหัสมาก จนไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:17 ทันทีที่ลูกชายของเธอเสียชีวิต เธอก็กล่าวโทษเอลียาห์ว่า “โอ คนของพระเจ้า ดิฉันทำอะไรให้ท่าน? ท่านจึงมาหาดิฉัน เพื่อฟื้นความผิดของดิฉัน และทำให้ลูกของดิฉันตาย” นี่คือภาพของเราเมื่อพบเรื่องหนัก เราจะเชื่อมโยงปัญหานั้นกับความผิดความบาปที่เราได้ทำ เรามักตั้งคำถามว่า “ทำไม ฉันทำผิดอะไร?” เราชอบคิดว่าพระเจ้ากำลังเอาบาปเก่ามาลงโทษเรา ในพระเยซูคริสต์ บาปนั้นถูกยกโทษไปแล้ว ใน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเราจะเห็นพระคุณและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าท่ามกลางปัญหานั้น เอลียาห์ไม่ตอบโต้หรือตำหนิเธอเพราะความเชื่อของเธอหวั่นไหว แต่เอลียาห์ได้ตอบเธอว่า 'แต่ท่านพูดกับนางว่า “เอาลูกของเธอมาให้ฉันเถิด” ท่านก็นำเขาไปจากอ้อมอกของนาง อุ้มขึ้นไปที่ห้องชั้นบนที่ท่านพักอยู่ และวางเขาบนที่นอนของท่านเอง ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:19 สิ่งที่เอลียาห์ทำคือไปอธิษฐานกับพระเจ้าขอชีวิตของเด็กคนนี้มาเข้าในตัวเขาอีกครั้ง พระวจนะของพระเจ้าบันทึกว่า 'และพระยาห์เวห์ทรงฟังเสียงของเอลียาห์ และชีวิตของเด็กนั้นมาเข้าในตัวเขาอีก และเขาก็มีชีวิตอีก ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:22 ในพระคุณของพระเจ้า จากความตายกลายเป็นชีวิต จากความสิ้นหวังกลายเป็นความวางใจในพระเจ้า ความเชื่อของหญิงม่ายได้กลับสู่สภาพดีจนเธอมั่นใจที่จะพูดว่า “ตอนนี้ดิฉันทราบแล้วว่าท่านเป็นคนของพระเจ้า และพระวจนะของพระยาห์เวห์จากปากของท่านเป็นความจริง” บางครั้งพระเจ้าอนุญาตให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายเกินกว่าจะรับไหว เพื่อให้เราเห็นพระคุณของพระเจ้า และเพื่อให้เราเปลี่ยนจากการโทษตัวเองมาเป็นการอธิษฐานร้องทูลพระองค์ ขอพระเจ้านำให้ผ่านพ้นทุกวิฤกตด้วยการพึ่งพาและอธิษฐานต่อพระเจ้า พระเจ้าจะทรงฟังและทรงตอบคำอธิษฐานของเราแน่นอน แต่พระเจ้าจะไม่ตอบตามใจเรา แต่พระองค์จะตอบตามพระทัยที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ เพื่อนำให้ชีวิตของเราพบกับชีวิตไม่ใช่ความตาย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่238) รักตัวเองให้ถูกต้องเป็นอย่างไร? “เพราะกฎทั้งหมดสรุปออกมาได้ข้อเดียว คือ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง”” ~กาลาเทีย 5:14 THA-ERV “For the entire law is fulfilled in keeping this one command: “Love your neighbor as yourself.”” ~Galatians 5:14 NIV ปัญหาใหญ่ของคนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ 1.คนเราไม่รักตัวเอง2.คนเรารักตัวเองไม่เป็น หรือ รักตัวเองอย่างไม่ถูกต้อง (รวมทั้งการรักตัวเองมากและน้อยเกินไป) แล้วการรักตัวเองอย่างถูกต้องนั้น เป็นอย่างไร? เราอาจกล่าวได้ว่า “การรักตัวเองที่ถูกต้อง คือการเห็นตัวเองผ่านสายพระเนตรของพระเจ้า ไม่ใช่ตามสายตาของโลก.” (True self-love is seeing yourself through God's eyes, not the world's.) แล้วพระคัมภีร์สอนอะไรบ้างในเรื่องการรักตัวเอง?การรักตัวเองที่ถูกต้องตามหลักพระคัมภีร์ (Biblical Self-Love) นั้น1.ไม่ได้เป็นความรักแบบ 1).หมุนรอบตัวเอง หรือ 2).เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่2.เป็นความรักแบบที่ตั้งอยู่บน 1).การมองเห็นคุณค่าของตัวเองอย่างที่พระเจ้ามอง และ 2).การรู้จักดูแลตัวเราเองเพื่อดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ดังนั้น หากเรารักตัวเองอย่างถูกต้อง1.เราจะรู้ว่าตัวเราเองมีคุณค่าในฐานะคนที่พระเจ้าสร้างตามพระฉายาของพระองค์ (ปฐก. 1:27;สดด.139:14)2.เราจะยอมรับตนเองตามความจริง ทั้ง 1).จุดแข็ง และ 2).จุดอ่อน3.เราจะดูแลร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เพื่อนมัสการและรับใช้พระเจ้า4.เราจะไม่ทำร้ายและทำลายตนเองด้วย 1).การทำความบาป 2).การเปรียบเทียบแข่งขัน กับผู้อื่นแบบบ้าคลั่ง หรือ 3).การเกลียดชังตัวเอง5.เราจะให้อภัยตนเอง เพราะเราได้รับการยกโทษจากพระเจ้าแล้วโดยทางพระคริสต์6.เราจะตั้งขอบเขตอันเหมาะสมเพื่อรักษา 1).สุขภาพกายจิต และ 2).สัมพันธภาพ ของเราต่อพระเจ้าและคนอื่นๆ7.เราจะพัฒนาสัมพันธภาพกับพระเจ้าอย่างใกล้ชิดทุกวัน เพื่อเป็นเหมือนพระองค์และ มีชีวิตที่ปลอดภัยในการคุ้มครองของพระองค์8.เราจะรักตนเองในระดับที่กลายเป็นตัววัดมาตรฐานพื้นฐานในการรักคนอื่นต่อไป ดังพระคัมภีร์ที่ว่า “ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง'” ~มัทธิว 22:39 THSV11 “And the second is like it: ‘Love your neighbor as yourself.'” ~Matthew 22:39 NIV พี่น้องที่รัก เราต้องรักตัวเองในแบบที่พระเจ้าทรงประสงค์ คือ รักตัวเอง ในฐานะคนที่มีคุณค่า ที่ได้รับการไถ่ด้วยโลหิตและความตายของพระเยซูคริสต์และที่ต้องได้รับการเสริมสร้างให้เติบโตขึ้นอย่างบุตรที่รักของพระเจ้าโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพระคริสตธรรมคัมภีร์ ดังนั้น อย่าเพิ่งไปรักใคร(ที่เป็นเพื่อนบ้าน) หากว่าคุณยังไม่รักตัวเอง หรือรักตัวเองไม่เป็นเพราะว่าคุณได้รับคำสั่งให้รัก เพื่อนบ้าน “เหมือน“ รักตัวเราเอง! …เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 24พฤศจิกายน2025 (ตอนที่238ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่237) จะทนจนต่อไปอีกทำไม?“หากญาติพี่น้องของคนจนเองยังเมินหน้าหนี เพื่อนๆ ของเขาจะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด! ถึงแม้เขาตามอ้อนวอน แต่ทุกคนก็หายหน้ากันไปหมด” ~สุภาษิต 19:7 TNCV“All the relatives of the poor hate them; even more, their friends stay far from them. When they pursue them with words, they aren't there.” ~Proverbs 19:7 CEB คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้ หรือไม่ว่า… “ความจนอาจทำร้ายเราได้เพียงชั่วคราว นอกจากว่าหัวใจของเราเลือกที่จะจนแบบถาวรไปด้วย!” (Poverty can hurt you temporarily unless your heart chooses to be poor as well.) ด้วยเหตุนี้ ถ้าเลือกได้ ก็อย่าให้เราเลือกที่จะเป็นคนจนเลย เพราะไม่ค่อยมีคนชอบคนจนเท่าไรนัก แม้แต่คนในครอบครัว หรือ คนในแวดวงมิตรสหายของเขาเอง! ดังนั้น หากทำได้ จนหลีกเลี่ยงสภาวะการเป็นคนจนให้เร็วที่สุด แต่อย่าทำผิดบาป ผิดกฎศีลธรรม ผิดกฎหมาย หรือ ผิดพระคัมภีร์เพื่อจะหลุดพ้น จากความยากจน เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาจะหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการเป็นคนจน! มีผู้แบ่งความจนออกมา เป็นประเภทต่างๆดังนี้1.จนเงิน คือ มีเงินไม่พอใช้เลี้ยงดูตัวเอง คนที่รัก หรือคนที่อยู่ด้วยกับตน2.จนเวลา คือไม่มีเวลาใช้ชีวิต ในการทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือ ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะใช้เงิน 3.จนโอกาส คือไม่มีโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิต ทั้งๆที่ขยันและทำงานหนัก4.จนความคิด คือมัวแต่คิดดูถูกศักยภาพตัวเอง หรือ โทษคนอื่นหรือโลกนี้ การคิดลบ คือการคิดในสิ่งที่ ~ไม่เป็นประโยชน์ ~ ไม่ทำให้คนอื่น และตัวเอง มีความสุข ~ไม่ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ บางครั้งคนคิดลบ คิดแต่ว่าตัวเองคงทำไม่ได้ และคนอื่นก็คงทำไม่ได้ด้วยจึงไม่ให้ไม่สนับสนุนพวกเขาให้ทำ จึงปล่อยให้โอกาสทองนั้นหลุดลอยไป จนกลายมาอยู่ในสภาวะ ~จนใจ ~จนเงิน ~จนตรอก ~จนแต้ม ~จนมุม ฯลฯ ดังนั้น ไม่ว่า เราจะจนอะไร อย่าให้เราจนความคิด เพราะถ้าจนความคิด เมื่อใด ชีวิตก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เราคงไม่ชอบให้ใครมาดูถูกเรา แล้วทำไม เราจึงชอบดูถูกศักยภาพตัวเองเล่า? ต่อให้คนนับร้อยคนพูดว่าเราทำไม่ได้ แต่ถ้าเราคิด และเชื่อจริงๆ ว่า โดยพระคุณของพระเจ้าเราจะทำได้ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ในเวลานี้ ชีวิตของเราก็จะไม่เหมือนเดิม! อย่างไรก็ตาม เราต้อง ระวังอย่าเอาความคิดของตัวเราเองเป็นใหญ่หรือเป็นหลักนั่นคือเราคิดอะไรแล้ว ก็ติดยึดกับความคิดนั้น จนไม่ดูและไม่ฟังคำแนะนำตักเตือนใดๆ ไม่ว่าจะมาจากพระเจ้าหรือจากมนุษย์คนอื่นๆ คิดแต่จะทำตามความคิดของตนเองที่ คิดว่าถูกต้องแล้วให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรตามมาเพราะ การทำเช่นนั้น อาจจะมีผลเสียตามมาดังคำเตือนที่ว่า “มีทางหนึ่งซึ่งคนเราคิดว่าถูก แต่ปลายทางคือความมรณา” ~สุภาษิต 14:12 THSV11 “What you think is the right road may lead to death.” ~Proverbs 14:12 GNT ดังนั้น อย่าให้เรากลายเป็นคนจน เพราะความคิดและการทำตามความคิดของเราเองอย่างขาดการใคร่ครวญและการปรึกษากับพระเจ้าและผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบครอบ จงจำไว้เสมอว่า“กรอบความคิดที่จำกัดมักจำกัดชีวิต มากกว่าการขาดแคลนทรัพยากร!”“A limited mindset limits lifefar more than a lack of resources.” พี่น้องที่รัก ถ้าเราจนอยู่ ก็จงเลิกจนได้แล้ว! ถ้าเราคิดและตั้งใจที่จะไม่จน และเรียนรู้ที่จะทำงานอย่างฉลาดด้วยความขยันอย่างมุ่งมั่นไม่ย่อท้อและเชื่อพึ่งวางใจพระเจ้า อย่างต่อเนื่อง ความจนจะหนีจากเราไป และโชคดีก็จะเข้ามาแทนที่ ดังคำกล่าวที่ว่า“โชคมักเข้าข้างคนขยัน!“ …เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 23พฤศจิกายน2025 (ตอนที่237ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน ให้ใครก่อนดี? Ep.1461 1 พงศ์กษัตริย์ 17 พระเจ้าสั่งให้เอลียาห์ไปยังเมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน พระเจ้าตรัสว่า “เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่งให้เลี้ยงเจ้าที่นั่น” เรื่องราวในวันนี้ยืนยันว่าสิ่งที่พระเจ้าตรัสเป็นจริงเสมอ แต่ชีวิตของหญิงม่ายก็เป็นเรื่องที่ทำให้เราต้องสำรวจใจของเราว่า เราพร้อมที่จะให้พระเจ้าก่อนหรือไม่ สำหรับเอลียาห์สิ่งที่เขาทำคือเชื่อฟังพระเจ้าเสมอ'ท่านจึงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท และเมื่อมาถึงประตูเมือง นี่แน่ะ หญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นกำลังเก็บฟืน ท่านจึงเรียกนางว่า “ขอเอาน้ำใส่ภาชนะมาให้ฉันสักหน่อย เพื่อฉันจะได้ดื่ม” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:10 เมื่อมาถึงเพียงประตูเมืองก็พบหญิงม่ายเลย สิ่งที่เอลียาห์ขอนั้นไม่ยากเกินกว่าจะจัดการ เธอก็ไปนำน้ำมาให้ แต่คำขอต้อมาในข้อ 11 “ขอนำขนมปังใส่มือมาให้ฉันสักหน่อยหนึ่ง” คำขอนี้เริ่มยากแล้วสำหรับหญิงม่ายคนนี้ เธอตอบกับเอลียาห์ไปตรงๆ ว่า เธอคงให้ไม่ได้เพราะเธอมีเพียงแป้งกำมือหนึ่งและน้ำมันเล็กน้อย เธอกำลังเก็บฟืนเพื่อจะเข้าไปทำขนมสำหรับตัวเองและลูกชาย เมื่อกินเสร็จแล้วก็จะเตรียมตัวตายเพราะไม่มีอะไรกินแล้ว'แต่เอลียาห์บอกนางว่า “อย่ากลัวเลย จงไปทำตามที่เธอพูด แต่จงทำขนมก้อนเล็กให้ฉันก่อน แล้วเอามาให้ฉัน ภายหลังจึงทำสำหรับตัวเธอและลูกของเธอ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘แป้งในหม้อนั้นจะไม่ขาด และน้ำมันในไหนั้นจะไม่หมด จนกว่าจะถึงวันที่พระยาห์เวห์ทรงส่งฝนลงมายังพื้นดิน' ” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:13-14 นี่เป็นสิ่งที่วัดใจสุดๆว่าจะเชื่อในสิ่งที่ยังมองไม่เห็นหรือไม่ เอาแป้งนั้นทำขนมมาให้เอลียาห์ก่อน แล้วหญิงม่ายจะไม่ขาดของกินเลย พวกเราบะครับว่ายังไงครับ บางครั้งในความขาดอาจจะทำให้ความเชื่อเราหวั่นไหวไปได้ แต่ขอให้เรื่องนี้จะทำให้ความเชื่อของเรายังคงมั่นคงในพระเจ้าต่อไป'แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้ ' มัทธิว 6:33 สิ่งที่พระเยซูตรัสตรงนี้ คำสำคัญสำหรับผมคือ “ก่อน” ซึ่งตรงกับสิ่งที่เอลียาห์ขอจากหญิงม่าย ให้เธอนำขนมปังเล็กๆมาให้เอลียาห์ก่อน แป้งและน้ำมันของเธอจะไม่เคยหมด วันนี้สิ่งที่เราสามารถนำมาให้พระเจ้าก่อนได้คืออะไรบ้าง เราให้เวลากับพระเจ้าก่อนไหม เชื่อพระเจ้าก่อนไหม ให้การเชื่อฟังและว่างใจก่อนหรือเปล่า ให้พระเจ้าอยู่เหนือความกลัว หรือความอยากที่ไม่เคยพอของเราไหม เมื่อเราวางใจที่จะให้พระเจ้าก่อน พระองค์จะทรงเพิ่มเติมและจะดูแลเราแน่นอน อาจจะไม่ได้มีแบบสะสมไว้มากมาย แต่ผมเชื่อว่ามันเพียงพอ และเราจะไม่ขาดสิ่งจำเป็นในแต่ละวัน แต่การที่เราให้พระเจ้ามาก่อนจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเราดีขึ้นและมีมากขึ้นทุกวัน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

พระธรรมนำขีวิตตอน ไปต่อด้วยความเชื่อ Ep.1460 1 พงศ์กษัตริย์ 17:7-9 ยังคงพาเราเรียนรู้ชีวิตแห่งความเชื่อของเอลียาห์ คนของพระเจ้าที่จำเป็นต้องก้าวเดินบนเส้นทางที่พระองค์นำไปทีละก้าว ในการเดินไปกับพระเจ้าสิ่งเดียวที่แน่นอนคือพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงซื่อสัตย์ หลังจากที่เอลียาห์เชื่อฟังจนพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง พระเจ้าทรงดูแลเขาทุกอย่าง ทรงเลี้ยงเขาผ่านกา มีขนมปังกับเนื้อเช้า–เย็น มีน้ำจากลำธารเครีทให้ดื่ม'และต่อมาอีกหลายวัน ลำธารก็แห้ง เพราะไม่มีฝนในแผ่นดิน ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:7 ลำธารแห้ง เป็นความจริงที่ต้องเกิด เพราะไม่มีฝนเลยตามคำประกาศของเอลียาห์เอง จากสิ่งที่เคยพอ ต่อนี้ไม่มีแล้ว ถ้าเป็นความสามารถของมนุษย์ก็คงจบแล้ว แต่สำหรับพระเจ้าคำว่า “หมด ไม่มีเหลือแล้ว” ไม่มีอยู่ในสาระบบของพระเจ้า พระเจ้าทรงเปิดประตูบานใหม่ให้เอลียาห์ทันที 'แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเอลียาห์ว่า “จงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท ซึ่งขึ้นกับเมืองไซดอน และอาศัยอยู่ที่นั่น นี่แน่ะ เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่ง ที่นั่นให้เลี้ยงเจ้า” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:8-9 พระเจ้าทรงรับผิดชอบคนของพระองค์เสมอ ครั้งที่แล้วสัญญาว่าจะเลี้ยงเขาผ่านฝูงกา ครั้งนี้สั่งให้เขาออกจากที่นั่นไปยังเมืองศาเรฟัท พระเจ้าสั่งให้หญิงม่ายเป็นคนดูแลเขา พระเจ้าจัดเตรียมทุกสิ่งไว้ให้แล้วและการจัดเตรียมของพระเจ้านั้นสุดอัศจรรย์เสมอ ถ้าเรามองตรงนี้พระเจ้าไม่พาเอลียาห์มาถึงลำธารเพื่อปล่อยให้เขาตาย แต่ทรงเตรียมเขาให้ไปต่อด้วยความเชื่อ ขอเราเองอย่ายึดติดอยู่กับลำธารหรือกาที่สร้างความมั่นใจที่คอยดูแลเราอยู่ แต่ขอให้เรายึดติดอยู่ อาศัยอยู่ในพระเจ้าผู้ทรกรัก และทรงซื่อสัตย์ต่อคนของพระองค์เสมอ'ดังที่มีเขียนไว้ว่า “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่ใจมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์” ' 1 โครินธ์ 2:9 ถ้าสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจหายไป อย่าตกใจให้รอคอยด้วยความหวังใจว่า พระเจ้ากำลังจะพาเราไปพบกับสิ่งใหม่ ถ้าสิ่งที่มีนั้นหมดหรือหายไปอย่าคิดว่าพระเจ้าทอดทิ้ง ให้เชื่อว่าพระเจ้ากำลังพาเราไปพบกับสิ่งที่เราคิดไม่ถึง หากทางเดิมนั้นถูกปิด ขอให้ใจของเราเตรียมพร้อมรับฟังและพร้อมเชื่อฟังที่จะเดินไปกับพระเจ้าอีกครั้ง เพราะการจัดเตรียมของพระเจ้ามีไว้พร้อมแล้ว พระเจ้าประทานสิ่งที่ดีแก่คนที่รักและเชื่อฟังพระองค์แน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่236) ตัว" A" ที่สำคัญยิ่งสำหรับผู้นำ!“จงระลึกถึงบรรดาผู้นำของพวกท่าน ผู้กล่าวพระวจนะของพระเจ้ากับพวกท่าน จงพิจารณาดูผลบั้นปลายชีวิตของพวกเขา แล้วจงเลียนแบบความเชื่อของพวกเขา” ~ฮีบรู 13:7 THSV11“Remember your leaders, who spoke the word of God to you. Consider the outcome of their way of life and imitate their faith.” ~Hebrews 13:7 NIV ในพระธรรม ฮีบรู 13:7 และ 17-18 ผู้เขียนได้กำชับผู้อ่านจดหมายของท่าน1.ให้ระลึกถึงบรรดาผู้นำผู้กล่าวพระวจนะของพระเจ้ากับพวกเขา2.ให้พิจารณาดูผลบั้นปลายชีวิตของพวกผู้นำเหล่านั้น3.ให้เลียนแบบความเชื่อของพวกผู้นำเหล่านั้น4.ให้นบนอบเชื่อฟังบรรดาผู้นำของเขาทั้งหลาย5.ให้ตระหนักว่าพวกผู้นำเหล่านั้นดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกเขาอยู่6.ให้สำนึกไว้ว่าผู้นำเหล่านั้นทำหน้าที่ถวายรายงานต่อพระเจ้าเกี่ยวกับพวกเขา7.ให้ช่วยผู้นำเหล่านั้นทำงานนี้ด้วยความชื่นชมยินดี 8.ให้ไม่ทำให้ผู้นำเศร้าใจในการทำหน้าที่ของพวกท่าน ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่พวกเขา9.ให้อธิษฐานเผื่อผู้เขียนที่แน่ใจว่าเขามีมโนธรรมที่ดีและปรารถนาที่จะประพฤติตัวดีงาม ขอให้เราปฏิบัติตามดังถ้อยคำดังที่กล่าวมาข้างต้นเหล่านั้น แก่ผู้นำของเรา จะดีไหม?แต่หากเราประสงค์จะเป็นผู้นำ เราควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ก่อน นั่นก็คือ1.Ability ~มีความสามารถในการสอน ดูแล&ทำงานตามบทบาทหน้าที่ “จงระลึกถึงบรรดาผู้นำของพวกท่าน ผู้กล่าวพระวจนะของพระเจ้ากับพวกท่าน“ ~ฮีบรู 13:7ก.2.Authority~มีสิทธิอำนาจในการนำและในการบังคับใช้อำนาจอย่างถูกต้อง “จงนบนอบเชื่อฟังบรรดาผู้นำของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่” ~ฮีบรู 13:17ก.3.Availability~มีความพร้อมเสมอในการทำตามหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้ “จงอธิษฐานเผื่อเรา เพราะเราแน่ใจว่าเรามีมโนธรรมที่ดีและปรารถนาที่จะประพฤติตัวดีงาม ในทุกเรื่อง” ~ฮีบรู 13:184.Adaptability~มีความยืดหยุ่นปรับตัวตามความเป็นจริงควบคู่ไปกับการอธิษฐานเผื่อคนอื่น “ทรงให้พวกท่านเพียบพร้อมด้วยสิ่งดีทุกอย่าง เพื่อที่จะทำตามพระทัยของพระองค์โดย ทรงทำงานในเรา ให้เกิดผลเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน” ~ฮีบรู 13:21 5.Authenticity~มีความเป็นแบบอย่างชีวิตที่ถ่อมและมีความเชื่ออย่างคริสเตียนที่แท้จริง ”จงพิจารณาดูผลบั้นปลายชีวิตของพวกเขา แล้วจงเลียนแบบความเชื่อของพวกเขา” ~ฮีบรู 13:7ข.6.Accountability ~มีความพร้อมที่จะรายงานในสิ่งทำอย่างโปร่งใส “พวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่อย่างคนที่ต้องถวายรายงาน” ~ฮีบรู 13:17ข.พี่น้องที่รัก ขอให้เราเป็น “ผู้นำ”ที่มีคุณสมบัติ “A"เหล่านั้น ครบถ้วนในชีวิตของเรามี”A“ตัวใดขาดหายไปจากชีวิต หรือ คริสตจักรของคุณบ้างหรือไม่?แล้วคุณจะสร้าง หรือ จะ ได้ คุณสมบัติที่ขาดไปนั้นมาอย่างไร? วันนี้ ขอให้เรามาทำให้คริสตจักรเติบโต โดยการดำเนินชีวิต ทำงาน และปรนนิบัติรับใช้ ตามแนวทางที่พระคริสต์ผู้ซึ่งเป็นผู้นำแท้จริงได้สอนไว้ จนเกิดเป็นจริงตามคำกล่าวที่ว่า “คริสตจักรเติบโต เมื่อทีมผู้นำยอมให้พระคริสต์นำก่อน!”(The church grows when its leaders allow Christ to lead first.) สุดท้ายนี้ ขอให้เรามาเห็นด้วยกับทั้งหมดที่ได้กล่าวมา โดยที่เราจะร่วมกันตอบสนอง ด้วยการพูดตัว A ตัวสุดท้าย ออกมา คือคำว่า “ Amen ” …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 22พฤศจิกายน2025 (ตอนที่236ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน เชื่อฟังอย่างกล้าหาญ Ep.1459 1 พงศ์กัตริย์ 17:1-7 อิสราเอลเหนือยังอยู่ในการปกครองของอาหับกษัตริย์ที่ทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้ามากกว่ากษัตริย์ที่อยู่ก่อนหน้าเขา ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของงานรับใช้ของเอลียาห์ งานแรกของเขาก็เสี่ยงมากๆ 'เอลียาห์ชาวทิชบีอาศัยอยู่ในกิเลอาด ได้ทูลอาหับว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ซึ่งข้าพระบาทปรนนิบัติ ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในปีเหล่านี้ฉันนั้น นอกจากตามคำของข้าพระบาท” '1 พงศ์กษัตริย์ 17:1 โดยส่วนตัวผมมองเอลียาห์เป็นคนของพระเจ้าที่กล้าหาญมากคนหนึ่ง คำประกาศนี้อาจทำให้เขาถูกฆ่าทันที แต่เอลียาห์เชื่อฟังไปพูดเพราะเขารู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ใช้เขาไป หลังจากที่เอลียาห์ได้ไปบอกอาหับแล้วพระเจ้าตรัสกับเขาว่า จงออกจากที่นี่ไปซ่อนตัวข้างลำธารเครีท พระเจ้าสัญญาจะดูแลเขาโดยให้ดื่มน้ำจากลำธาร และพระเจ้าสั่งให้ฝูงกาเลี้ยงเอลียาห์ที่นั้น เอลียาห์ก็เชื่อฟัง ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่พระเจ้าตรัส 'ฝูงกาก็นำขนมปังและเนื้อมาให้ท่านในเวลาเช้า และนำขนมปังและเนื้อมาในเวลาเย็น และท่านก็ดื่มน้ำจากลำธาร ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:6 ขอพระเจ้านำให้เราเชื่อฟังพระเจ้าเพราะว่าคำสั่งทุกคำสั่งที่พระเจ้าสั่งนั้นในสายตาเราอาจจะดูยากมาก แต่ขอให้เรากล้าหาญและเชื่อมั่นว่า พระเจ้าทรงเตรียมสิ่งที่จำเป็นไว้ให้แล้วสำหรับทุกอย่าง ทั้งก่อนเริ่มงาน ในขณะทำงานและหลังจากงานเสร็จแล้วด้วย ทุกคนความจำเป็นนั้น พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้แล้ว'และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์ ' ฟีลิปปี 4:19 ขอให้เรากล้าหาญที่จะเชื่อฟังพระเจ้าในทุกคำสั่ง และในทุกสถานการณ์ เพราะเมื่อพระเจ้าสั่งแล้วพระองค์ก็จะจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้แม้งานจะเสี่ยงหรือยาก พระเจ้าจะไม่เคยปล่อยให้เราก้าวลำพังแม้แต่ก้าวเดียว เมื่อพระเจ้าใช้พระองค์ทรงจัดเตรียม เมื่อพระเจ้าสั่งพระองค์ทรงรับผิดชอบทุกอย่าง เมื่อเราเชื่อฟังและวางใจพระองค์ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์กับเราเสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่235) เราจะชนะการทดลองได้อย่างไร? “ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้” ~1 โครินธ์ 10:13 THSV11 “No temptation has overtaken you except what is common to mankind. And God is faithful; he will not let you be tempted beyond what you can bear. But when you are tempted, he will also provide a way out so that you can endure it.” ~1 Corinthians 10:13 NIV มีคำกล่าวไว้ว่า “ชัยชนะเหนือการทดลองไม่ใช่เรื่องของพลกำลัง แต่เป็นเรื่องของการเลือกอย่างถูกต้องในทันที!” (Victory over temptation is not about strength but about choosing rightly at once.) ดังนั้น ถ้าคุณอยากชนะการทดลอง คุณควรจะเลือกทำดังคำแนะนำ ต่อไปนี้ ในทันที1.กำจัดต้นตอของการทดลอง~ให้ระวัง สถานที่ สภาพแวดล้อม ภาวะอารมณ์ ช่วงเวลา หรือ สื่อ2.สร้างระบบป้องกันการทดลอง~ให้มีโครงสร้างและระบบรายงานตัวต่อกันอย่างโปร่งใส ทั้งในบ้านและในคริสตจักร3.สร้างความเข้มแข็งให้กับจิตใจเพื่อรับมือกับการทดลอง~ให้มีสติ มีใจ รู้เท่าทัน สามารถ คิดวิเคราะห์ แยกแยะ และมีวิจารณญาณในการตัดสินใจเลือกทำ4.แทนที่ความอยากด้วยกิจกรรมดีที่มีคุณค่า~ให้อาสาทำงานสร้างสรรค์ ช่วยเหลือคน หรือออกกำลังกายอย่างถูกต้อง5.สังเกตและสร้างจังหวะฝ่ายจิตวิญญาณ~ให้รักษาความมั่นคงเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ อย่าง สมดุลเป็นธรรมชาติ สม่ำเสมอ ไม่ขาด ไม่น้อยไป และไม่เยอะเกินไป 6.คลุกคลี อยู่ใกล้กับบุคคลหรือชุมชนที่ใกล้ชิดพระเจ้า~ให้พวกเขานำเราเข้าใกล้พระเจ้า อย่างสมควร7.ติดสนิทกับพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา~ให้ใช้เวลาพัฒนาจิตวิญญาณโดยเข้าเฝ้าพระเจ้าทุกวัน8.สู้กับการทดลองด้วยพระวจนะของพระเจ้า~ให้เติมเต็มใจและสมองด้วยพระคัมภีร์9.อธิษฐานและพึ่งพิงพระวิญญาณ~ให้ชนะการทดลองด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ10.ไม่อยู่หรือสู้กับการทดลองตามลำพัง~ให้มีกลุ่มคนที่ร่วมเคียงข้างช่วยเหลือไปด้วยกัน11.ไม่กดดันตัวเองให้สมบูรณ์แบบหรือเป็นที่1ในทุกเรื่อง~ให้ผ่อนคลายไม่กดดันตัวเองเกินไป12.ยอมรับความผิดพลาดและรีบแก้ไข~ให้ถ่อมใจยอมรับความจำกัดของตนแต่ พร้อมปรับปรุงตัว13.เรียนรู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนของเรา ~ให้ระมัดระวังตัวและปกป้องจุดอ่อนนั้นให้มากขึ้น14.ให้เรียนรู้จักยุทธอุบายมารและยุทธศาสตร์ของโลก~ให้ตื่นตัว ไม่หลงกลมารและโลก15.ให้ออกห่าง และหลีกเลี่ยงการทดลองให้ไกลที่สุด~ให้เลือกที่จะหนีจากการทดลองไว้ก่อน16.ให้คิดถึงผลลัพธ์และราคาแพงที่ต้องจ่ายจากการพ่ายแพ้การทดลอง~ให้เตือนตัวเองถึง หายนะที่จะตามมาจากการพ่ายแพ้การทดลองไว้ตลอดเวลา17.ให้ต่อสู่กับการทดลอง เฉพาะเมื่อไม่มีทางหลีกเลี่ยงเท่านั้นและให้หนีเร็วที่สุด~ให้พึ่งกำลังและ การช่วยเหลือจากพระเจ้าถ้าเราจำเป็นต้องสู้18.ให้รับมือกับการทดลองด้วยความเชื่อ เชื่อฟังและวางใจในพระเจ้า~ให้เรามั่นใจไว้เสมอ ว่าพระเจ้ามีทางออกให้ไว้ในบั้นปลาย พี่น้องที่รัก ขอให้เราตื่นตัวในการปกป้องตัวเองให้พ้นจากการทดลอง ขอให้เราเฝ้าระวังด้วยการใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าและชุมชนของผู้ที่ศรัทธาในพระองค์ การที่เราไม่เข้าไปในการทดลอง และ การรับมือกับการทดลองอย่างถูกต้อง นั่นก็คือ การชนะการทดลองแล้ว! ขอให้เราจดจำไว้เสมอว่า “หัวใจที่เฝ้าระวัง จะล้มยากกว่าหัวใจที่มั่นใจในตัวเอง!” (A watchful heart falls less than a self-confident one.) …อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 21พฤศจิกายน2025 (ตอนที่235ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน ถ้อยคำของพระเจ้าเป็นจริง Ep.1458 วันนี้ผมใช้เวลาสั้นๆ อยู่กับพระวจนะเพียงข้อเดียว คือ 1 พงศ์กษัตริย์ 16:34 เป็นเรื่องราวของฮีเอล ที่พยายามสร้างเมืองเยรีโคขึ้นมาใหม่“ในรัชกาลของพระองค์ ฮีเอลชาวเบธเอลได้สร้างเมืองเยรีโค ท่านได้วางรากฐานเมืองนั้นโดยต้องเสียอาบีรัมบุตรหัวปีของท่าน และตั้งประตูเมืองโดยต้องเสียเสกุบบุตรสุดท้องของท่าน ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งตรัสทางโยชูวาบุตรนูน” 1 พงศ์กษัตริย์ 16:34 เรื่องนี้ทำให้เราย้อนกลับไปถึงพระธรมโยชูวา ในวันแรกที่เมืองเยรีโคพังทลาย พระเจ้าสถิตกับโยชูวา 'ดังนั้นแหละพระยาห์เวห์สถิตอยู่กับโยชูวา และชื่อเสียงของท่านเลื่องลือไปตลอดแผ่นดิน' โยชูวา 6:27 สิ่งที่เกิดขึ้นกับฮีเอลนั้นยืนยันรับรองว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับโยชูวา เพราะถ้อยคำทุกคำที่ออกมาจากยูโชวานั้นเป็นจริง จึงนับได้ว่า พระเจ้าที่พูดผ่านโยชูวา เขาได้ประกาศคำสาปเกี่ยวกับเมืองเยรีโคไว้อย่างชัดเจนว่า“คราวนั้นโยชูวาให้สาบานว่า ใครที่พยายามสร้างเมืองนี้คือเยรีโคขึ้นใหม่ ก็ให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ผู้ใดวางรากลงก็ให้ผู้นั้นเสียบุตรหัวปี ผู้ใดตั้งประตูเมืองขึ้นก็ให้เสียบุตรสุดท้อง” โยชูวา 6:26 ทุกอย่างเป็นจริงตามนั้นไม่มีคลาดเคลื่อน สิ่งนี้สะท้อนถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า และความจริงที่เราต้องยึดมั่นเชื่อถือในพระวจนะของพระเจ้า และพระเจ้าทรงอยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปเป็นร้อยปี จนมาถึงเราขณะนี้เป็นพันปี ความจริงของพระเจ้าก็ยังไม่เคยเปลี่ยนไป'ต้นหญ้าก็เหี่ยวแห้ง และดอกไม้ก็ร่วงโรย แต่พระวจนะพระเจ้าของเราจะยั่งยืนเป็นนิตย์ ' อิสยาห์ 40:8 วันเวลาทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป เสื่อมสลายไป แต่พระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ยังคงยั่งยืนและไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าใหญ่ยิ่งสูงสุด ขอให้เราเชื่อและวางใจว่า ความจริงของพระเจ้าจะไม่เคยเปลี่ยน หากพระเจ้าตรัสแล้วมันจะเกิดขึ้น ขอให้เรายังมีความหวังและยืนหยัดอยู่ในพระเจ้า ยืนหยัดอยู่ในถ้อยคำของพระองค์ด้วยกัน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่234) สุภาษิตล้ำค่าจากพระราชชนนี! “ถ้อยคำของเลมูเอล พระราชาแห่งมัสสา พระราชชนนีตรัสสอนคำนี้แก่พระองค์ โอลูกแม่เอ๋ย โอ ลูกแห่งท้องแม่เอ๋ย โอ ลูกแห่งคำปฏิญาณของแม่เอ๋ย” ~สุภาษิต 31:1-2 THSV11 “The sayings of King Lemuel—an inspired utterance his mother taught him. Listen, my son! Listen, son of my womb! Listen, my son, the answer to my prayers!” ~Proverbs 31:1-2 NIV เมื่อวานนี้ (วันพุธ19 พฤศจิกายน 2568) เวลา 11.00 น. น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะผู้บริหาร กระทรวงวัฒนธรรม กรมการศาสนา นำ ศาสนิกชน 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และ ศาสนาซิกซ์ จาก 15 องค์การ เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ผมและทุกคนที่ไปร่วม ต่างอาลัยและโศกาอาดูรเมื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระราชกรณียกิจ และพระดำรัสอันล้ำค่าของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทำให้ผมคิดถึง ในสมัยโบราณที่พระราชชนนี หรือ พระพันปีหลวง ผู้ทรงมีปัญญาฉลาดเฉลียว มักมีอิทธิพลอย่างสูงต่อพระราชาที่เพิ่งครองราชย์ เหมือนดังที่พระราชชนนีของพระราชาเลมูเอล ตรัสสอน และทรงแนะนำเป็นสุภาษิตแด่พระราชาไว้ 3เรื่อง คือ1.ให้กษัตริย์ต้องระวังการทดลองล่อลวงในเรื่องทางเพศ(สุภาษิต 31:2-3)คือ 1).อย่าเสียแรงกับเหล่าอิสตรี 2).อย่าเสียกำลังให้แก่บรรดา(หญิง)ผู้ที่ทำลายกษัตริย์2.ให้กษัตริย์ต้องระวังการทดลองในเรื่องการดื่มเหล้าจนเมา(สุภาษิต 31:4-7)คือ 1).อย่าดื่มแล้ว ลืมคำหรือสิ่งที่ตราไว้ในตัวบทกฎหมาย ~เพราะไม่เหมาะ 2).อย่าดื่มแล้ว วินิจฉัยความของเจ้าทุกข์ให้เขวไป ~เพราะไม่เหมาะ (หรือเปลี่ยนบทบัญญัติทำให้ผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหงเดือดร้อน) โดยทรงอธิบายว่า “สุรามีไว้ให้คนที่กำลังพินาศ เหล้าองุ่นมีไว้เพื่อผู้ที่ทุกข์ใจ ให้เขาดื่มจะได้ลืมความอับจน และไม่นึกถึงทุกข์เข็ญของตนอีก” 3.ให้กษัตริย์ต้องใส่ใจในการปฏิบัติหน้าที่หลักของการเป็นพระราชา(สุภาษิต31:8-9)คือ 1).ให้ปกป้องสิทธิของทุกคนที่กำลังจะพินาศ 2).ให้พิพากษาอย่างชอบธรรม ให้ความยุติธรรมแก่คนยากจนเข็ญใจ ดังคำกล่าวที่ว่า “อย่าเพียงแค่ปกครองผู้คน แต่จงปกป้องพวกเขาด้วยความยุติธรรม” (Do not only rule the people; protect them with justice.) ในพระคัมภีร์ตอนนี้ พระราชชนนี พันปีหลวง ได้ตรัสสอนกษัตริย์ เลมูเอล ไว้ว่า“ถ้อยคำของเลมูเอล พระราชาแห่งมัสสา พระราชชนนีตรัสสอนคำนี้แก่พระองค์ …โอลูกแม่เอ๋ย …โอ ลูกแห่งท้องแม่เอ๋ย …โอ ลูกแห่งคำปฏิญาณของแม่เอ๋ย 1.อย่าให้กำลังของเจ้าแก่ผู้หญิง หรือ2.อย่าให้ทางของเจ้าแก่หญิงผู้ทำลายพระราชา โอ เลมูเอลเอ๋ย……ไม่สมควรที่พระราชา …ไม่สมควรที่พระราชาจะเสวยเหล้าองุ่น หรือผู้ครอบครองจะปรารถนาสุรา เกรงว่าเขาจะดื่มและ1).ลืมคำที่ตราเป็นกฎหมายนั้นเสีย และ2).วินิจฉัยความของเจ้าทุกข์ให้เขวไป …จงให้สุราแก่ผู้ที่กำลังพินาศ และเหล้าองุ่นแก่ผู้ทุกข์ใจอย่างขมขื่น …จงให้เขาดื่มและลืมความยากจนของเขา และไม่จดจำความระทมทุกข์อีกต่อไป…จงอ้าปากของเจ้าแทนคนใบ้ เพื่อสิทธิของทุกคนที่กำลังจะพินาศ …จงอ้าปากของเจ้า พิพากษาอย่างชอบธรรม …จงให้ความยุติธรรมแก่คนยากจนเข็ญใจ!” ~สุภาษิต 31:1-9 THSV11 คำตรัสดังที่กล่าวมาข้างต้น ช่างเป็นคำสอนที่ยิ่งใหญ่ของพระราชชนนี ต่อพระราชาผู้ครองแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง พี่น้องที่รัก ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับคำกล่าวที่ว่า“กษัตริย์จำนวนมากครองแผ่นดินด้วยกำลัง แต่กษัตริย์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยสติปัญญาเท่านั้นที่ปกครองใจของประชาชนด้วยความรักและความจริงอย่างยุติธรรม!"(Many kings can rule by power, but only the wise kings rule the hearts of the people justly with love and truth.) ขอให้กษัตริย์ในโลกนี้ จะมีพระราชชนนีที่ดี ที่มอบคำแนะนำสั่งสอนอันล้ำค่าเช่นนี้ แด่พระองค์ …อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 20พฤศจิกายน2025 (ตอนที่234ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน เลือกคู่ชีวิตให้ดี Ep.1457คู่ชีวิตเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในชีวิตของเรา ไม่ใช่แค่เพียงด้านความรักเท่านั้นแต่เป็นเส้นทางการเติบโตฝ่ายวิญญาณที่เราจะเดินร่วมกันด้วย คนที่เราแต่งงานด้วยสามารถพาเราเข้าใกล้พระเจ้าและอาจจะพาเราห่างพระเจ้าได้ สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว ขอพระเจ้านำให้เรารัก ซื่อสัตย์ และเป็นพระพรต่อคู่ครองของเรา แม้ว่าบางคู่ครองอาจยังไม่รู้จักพระเจ้า ขอพระเจ้านำให้ชีวิตของเราจะเป็นพยานของพระเยซูแก่เขาเสมอ สำหรับคนที่ยังโสด 1 พงศ์กษัตริย์ 16:31–33 ให้บทเรียนสำคัญผ่านชีวิตของอาหับ ขอพระเจ้านำให้เราจะไม่ชินชาต่อบาปและเลือกคู่ครองที่ตรงตามพระทัยของพระเจ้า'และต่อมา ดูเหมือนว่า การที่พระองค์ทรงดำเนินตามบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทนั้นเป็นสิ่งเล็กน้อย พระองค์จึงทรงรับเยเซเบลพระราชธิดาของเอ็ทบาอัลพระราชาของชาวไซดอนมาเป็นมเหสี และไปปรนนิบัติพระบาอัล และนมัสการพระนั้น ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:31การที่ชินชาต่อบาปและมองว่าบาปเป็นเรื่องเล็กน้อยคือปัญหาใหญ่ของชีวิต อาหับไปรับเยเซเบลมาเป็นภรรยาและหันไปนมัสการพระบาอัล อาหับสร้างแท่นบูชาพระบาอัลในนิเวศของพระบาอัลในกรุงสะมาเรีย เมื่อมีพระเจ้าอื่นก็เอาพระทุกอย่าง เขาสร้างพระอาเช-ราห์ สิ่งนี้ทำให้พระเจ้าโกรธ มากกว่าพระราชาแห่งอิสราเอลทุกพระองค์ซึ่งอยู่ก่อนหน้า ผมมองว่านี่เป็นผลของการเลือกคู่ครองที่ไม่มีพระเจ้า หรือมีพระอื่นมาแทนที่พระเจ้า'อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีส่วนอะไรกับความอธรรม? และความสว่างจะมีส่วนกับความมืดได้อย่างไร? ' 2 โครินธ์ 6:14สำหรับคนที่กำลังมองหาคู่ครองอยู่ ขอให้เรายืนยันการเป็นลูกของพระเจ้าด้วยการฟังคำเตือนนี้ เชื่อฟังพระเจ้าจากเรื่องเล็กๆ ที่เราอาจจะเริ่มมองว่าใครๆเขาก็ทำกัน สำหรับคนที่แต่งงานแล้วมีลูกหลาน ขอให้เราอธิษฐานเผื่อเขาเสมอสำหรับเรื่องคู่ครอง เพราะชีวิตสมรสเป็นทิศทางที่จะนำชีวิตของเขาเข้าหาพระเจ้าหรือนำออกจากทางของพระเจ้า ขอให้พระวิญญาณที่สถิตอยู่ในชีวิตของเราจะนำให้เราไม่ชินชาต่อบาปไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หากเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบ ให้เราขอกำลังจากพระองค์ที่เราจะหยุดความคิดนั้น หรือหยุดความอยากจะทำสิ่งนั้น คำว่า อย่า มีความหมายว่า หากเราทำอยู่ให้หยุดทันที แต่ถ้ายังไม่เริ่มทำขอให้เราไม่เริ่มสิ่งนั้นแม้แต่ในความคิด วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่233) คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่233) จงระวังการทดลอง!“ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะไม่ถูกการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง”” ~มาระโก 14:38 THSV11 “Watch and pray so that you will not fall into temptation. The spirit is willing, but the flesh is weak.”” ~Mark 14:38 NIV “การทดลอง”(Temptation) หมายความถึง“ความพยายามที่จะชักจูงให้ใครบางคนทำในสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง หรือ สิ่งที่ทำให้คนเราอยากได้และต้านทานได้ยาก” “การทดลอง”หรือ “การล่อลวง” จึงหมายถึง1.การล่อลวงหรือการยั่วใจ ที่หมายถึงการกระทำที่พยายามชักจูงให้ทำสิ่งที่ไม่ดี 2.สิ่งล่อใจหรือสิ่งยั่วยวน ที่หมายถึงสิ่งที่ดึงดูดความสนใจและทำให้รู้สึกอยากได้แล้วตามหลักคำสอนของพระคัมภีร์ การทดลองหรือการล่อลวงคืออะไร? พระคัมภีร์มองว่า การทดลอง/การล่อลวง (Temptation) คือ“สิ่งที่ดึงใจเราให้หันออกจากพระเจ้า ไปสู่อะไรที่ผิดน้ำพระทัยพระองค์ อาจมาในรูปของความอยาก ความโกรธ ความอยากเอาชนะ ความหยิ่ง ความสะดวกสบายเกินไป หรือแม้แต่ความกลัว”ดังนั้น ลักษณะดึงดูด3ประการ ของการทดลอง คือการ1).ดึงเราให้ออกห่างจากพระเจ้า2).ดึงเราให้เข้าหาบาป3).ดึงเราให้ทำผิดน้ำพระทัยของพระเจ้าโดยพระคัมภีร์บอกเราว่าการล่อลวงหรือ การทดลองนั้น มาจาก3 แหล่งหลัก ๆ: 1).จากเนื้อหนังภายในของเราเอง ~นั่นคือ ตัณหาของตัวเอง “แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย” ~ยากอบ 1:14-15 THSV11 2).จากโลก ~นั่นคือ ระบอบและระบบซึ่งเป็นศัตรที่ปฏิเสธและต่อต้านพระเจ้า “อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าใครรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนง ในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลก และโลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลัง ผ่านพ้นไป แต่คนที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์” ~1 ยอห์น 2:15-17 THSV11 3).จากซาตาน นั่นคือการล่อลวงและโจมตีของมาร “จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” ~1 เปโตร 5:8 THSV11 แม้แต่พระเยซูเองก็ยังต้องถูกทดลองในถิ่นทุรกันดาร(มัทธิว 4) ดังนั้น ต่อให้เราระวังตัวมากสักแค่ไหน แต่การทดลองจะมาถึงชีวิตของเราแน่นอน ลักษณะของการทดลอง หรือ การล่อลวงตามที่เปิดเผยไว้พระคัมภีร์ คือ 1.การล่อชวนทางหูและทางตา~ให้อยาก เพราะสิ่งนั้นน่าดู หรือน่าลอง2.การโน้มน้าวให้ลงมือทำ ~ให้ขยับจากความคิด มาเป็นการลงมือทำ3.การทดลองมักเกิดขึ้น ในช่วงที่เราอ่อนแอ เหนื่อยล้า ชะล่าใจ หรือสุขสบาย4.การทดลองมักจะเริ่มต้นจากสิ่งที่ดูเล็กๆ และค่อยๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และบ่อยครั้งที่ การทดลองนั้น ดูดีจากภายนอก แต่บ่อนทำลายอยู่ภายในพี่น้องที่รัก“มารทดลองเพื่อให้เราล้มลง แต่พระวจนะของพระเจ้าช่วยให้เรายืนหยัด!” “The enemy tempts us to fall, but God's Word helps us stand.) ด้วยเหตุนี้ ขอให้เราตื่นตัวไม่ประมาท ต้องคอยระวัง อย่าเข้าไปในการทดลอง อย่าอวดดี คิดว่าจะ “เอามันอยู่!”เพราะคนที่คิดเช่นนั้น มักมีบั้นปลายผิดคาดคือ ”ถูกมันเอาอยู่“! ขอให้เราฟังพระวจนะของพระเจ้า และทำตามคำสอนของพระเยซูที่แนะนำ ให้เราอธิษฐานต่อพระเจ้าพระบิดา ว่า“และขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากความชั่วร้าย '” ~มัทธิว 6:13 THSV11 “And lead us not into temptation, but deliver us from the evil one. '” ~Matthew 6:13 NIV …เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 19พฤศจิกายน2025 (ตอนที่233ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี“

พระธรรมนำชีวิตตอน นักทำลายสถิติ Ep.1456ในเวลาไม่กี่สิบปีอิสราเอลเหนือเปลี่ยนการปกครองไปถึง 4 ราชวงศ์ 1 พงศ์กษัตริย์ 16:21-30 เป็นช่วงเวลาของอม-รี แค่เพียงเริ่มต้นอิสราเอลก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ประชาชนครึ่งนึงไปสนับสนุนทิบนีขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ฝั่งอม-รี รบชนะจึงได้ขึ้นปกครองอิสราเอลเหนือ สิ่งที่อมรีทำคือซื้อภูเขาและสร้างเมืองขึ้นโดยตั้งชื่อเมืองนั้นว่า สะมาเรีย 'อม-รีทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ และทรงทำชั่วยิ่งกว่าบรรดากษัตริย์ผู้อยู่ก่อนพระองค์ เพราะพระองค์ทรงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัท และตามบาปของพระองค์ซึ่งทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลกริ้วด้วยรูปเคารพทั้งหลายของพวกเขา ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:25-26อม-รีทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรพระเจ้า พระวจนะของพระเจ้าระบุชัดเจนว่า เขาทำชั่วยิ่งกว่ากษัตริย์ที่อยู่ก่อนหน้าเขา เขาทำตามเยโรโบอัม คือสร้างรูปเคารพ และนำให้ประชากรของพระเจ้ากราบไหว้รูปเคารพนั้นแทนพระเจ้า อม-รี ปกครองได้เพียง 12 ปีแล้วก็เป็นเวลาของลูกชายที่ชื่อ อาหับ ชื่อนี้ผมว่าเราคุ้นเคยกันดี 'และอาหับพระราชโอรสของอม-รีได้ทรงทำชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ มากยิ่งกว่าบรรดาพระราชาที่อยู่ก่อนพระองค์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:30สองพ่อลูกนี้เหมือนกัน คือเป็นนักทำลายสถิต พระวจนะของพระเจ้าบันทึกความชั่วร้ายของเขาทั้งสองไว้เหมือนกันว่า ทำชั่วยิ่งกว่ากษัตริย์คนก่อนๆ ซึ่งกำลังหมายความว่า อาหับทำชั่วกว่าพอของเขาคืออม-รี'แต่วิถีของคนชอบธรรมเหมือนแสงอรุณ ซึ่งฉายสุกใสยิ่งๆ ขึ้นจนสว่างเต็มที่ ทางของคนอธรรมก็เหมือนความมืดทึบ พวกเขาไม่ทราบว่าสะดุดอะไร ' สุภาษิต 4:18-19ในยุคของเรา การเป็นนักทำลายสถิติด้านความชั่วไม่ใช่เรื่องยาก เพราะความผิดบาปของคนรุ่นก่อนอาจทำให้เราชินชา หรืออาจจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม ขอให้พระเจ้าและผู้คนจดจำเราว่า เราเป็นนักทำลายสถิติในด้านความดี ขอให้เราลูกของพระเจ้าที่บังเกิดใหม่แล้วในพระเยซู มีแหล่งกำเนิดความดีในตัวแล้ว จะทำดีกว่าที่พ่อแม่เราเคยทำ จะรักษาความบริสุทธิ์มากกว่ารุ่นก่อน รักคนให้มากกว่าที่เคยได้รับมา จะ อดทนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน จะเชื่อฟังพระวจนะมากขึ้นทุกวัน ขอให้ผู้คนจดจำเราไม่ใช่เพราะความชั่วที่เราทำ แต่พวกเขาจะจดจำเราเพราะความดีที่เราทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าวุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่232) อำลา …แต่อาลัยไม่ลืม” (Gone… but never forgotten) “ความตายของผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ สำคัญในสายพระเนตรพระยาห์เวห์” ~สดุดี 116:15 THSV11 “Precious in the sight of the Lord is the death of his faithful servants.” ~Psalms 116:15 NIV เมื่อคืน(17พฤศจิกายน2025)ผมตั้งใจไปร่วมงานไว้อาลัย คุณครู วรรณดี คันธวงค์ ที่คริสตจักรวัฒนา คุณครู วรรณดี คันธวงศ์(2464-2568) เป็นผู้จงรักภักดีต่อพระเจ้าที่เห็นชัดที่สุดคนหนึ่งท่านล่วงหลับ เมื่ออายุ104ปี ท่านเป็นอดีตอาจารย์ใหญ่-ผู้จัดการโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และนายกสมาคมYWCAแห่งประเทศไทยท่านเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน ในฐานะบุตรีของพระเจ้าและเป็นผู้ที่เราสัมผัสได้ถึงศรัทธาในพระเจ้าอันมั่นคง และประทับใจในแบบอย่างชีวิตที่ดีงามของท่าน เราจึงมาร่วมกันส่งท่านกลับบ้านใหม่ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ในสวรรค์ ผมจึงขอร่วมส่งคำอาลัย (เขียนขึ้นในระหว่างร่วมพิธี) มา ณ ที่นี้ ดังนี้“ครูวรรณดี ที่รัก พักสงบงานท่านจบ ครบถ้วน ล้วนประเสริฐทุกสิ่งสรร ท่านทำ ล้วนล้ำเลิศควรชูเชิด เปิดเผย ไม่เฉยเมยครูวรรณดี ภักดี องค์ภูมียอดสตรี ศักดิ์ศรี วัฒนาเลื่องลือไป แสนไกล ในศรัทธาท่านรักษา ชีวา น่าชื่นชมครูวรรณดี ครูดี มีฝีมือผ่านฝึกปรือ เรียนรู้ คู่นิสัยท่านสุขใจ รับใช้ ไม่หวั่นไหวท่านฝักใฝ่ ทำให้ ถูกพระทัยครูวรรณดี ครูนี้ ดีชื่อเสียงท่านไม่เลี่ยง เกี่ยงงาน ไม่เกียจคร้านสิ่งท่านทำ ค้ำชู อยู่ยืนนานท่านสืบสาน ปณิธาน วิญญาณครูศิษย์ทั้งหลาย ร่วมใจ อาลัยรักต่างประจักษ์ ความดี ที่ล้ำค่าเป็นต้นแบบ สร้างคน ล้นเมตตาขอวันทา อำลา ด้วยอาลัย“ ใช่ครับ ผมอาลัยคุณครู วรรณดี ด้วยหลายเหตุผล และหนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น ก็คือ คุณครู เป็นแฟนคลับตัวยงของผมที่มักจะถามหาหนังสือใหม่จากผมเสมอ(ผมมีFC งานเขียนกิตติมศักดิ์ที่เป็นผู้อาวุโสมากอยู่2ท่าน ที่ท่านให้เกียรติอย่างสูงต่อชีวิตของผม ท่านหนึ่งคือ พระคารดินัล มีชัย กิจบุญชู และอีกท่านก็ ครูวรรณดี ผู้จากไป) วันนี้ คงไม่มีพื้นที่พอจะพรรณาถึงความดีของท่านอาจารย์ได้หมดแต่เรื่องราวอันเป็นตำนานของท่านจะยังคงถูกบอกเล่าต่อไปอีกนานแสนนานเหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “ ตำแหน่งอยู่ไม่นาน แต่ตำนานจะคงอยู่ตลอดไป!” ขอให้ความดีและความจงรักภักดีของอาจารย์วรรณดี คันธวงศ์ ที่มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นตำนานที่คงอยู่อย่างยืนนานที่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่รักท่านจะปฏิบัติตามอย่างของท่านนั้นและจะมีผู้สืบสานแบบอย่างอันโดดเด่นของท่านต่อไปแบบรุ่นต่อรุ่นสืบไป จนกว่าจะถึงวันสิ้นยุค พี่น้องที่รัก “ทุกคำอำลาคือบทเรียน ให้เราทนุถนอมทุกช่วงนาทีที่เรายังมีอยู่ และใช้เวลาที่เหลือเหล่านั้นให้ดีที่สุด!” (Every goodbye is a lesson to cherish every moment we still have.” …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 18พฤศจิกายน2025 (ตอนที่232ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน ดูกันที่ตอนจบ Ep.1455 ชีวิตที่ไม่มีพระเจ้ามักเต็มไปด้วยความวุ่นวายเสมอ 1 พงศ์กษัตริย์ 16:15-20 ทำให้เราเห็นภาพนี้อย่างชัดเจนในอิสราเอลฝ่ายเหนือ กษัตริย์ทำสิ่งที่พระเจ้าเกลียดชัง และพาประชาชนห่างออกห่างจากพระเจ้า ผลคือการเปลี่ยนราชวงศ์อย่างต่อเนื่อง ตรงกันข้ามกับฝ่ายใต้ ยูดาห์ยังคงอยู่ภายใต้ราชวงศ์ของดาวิด ผ่านการครองราชย์ของอาสา กษัตริย์ที่รักพระเจ้าและใช้ชีวิตในทางของพระเจ้า หลังจากที่ครอบครัวของเยโรโบอัมและบาอาชาถูกกวาดล้างซึ่งเป็นไปตามถ้อยคำของพระเจ้า ศิมรีที่จัดการครอบคัวของบาอาชาทั้งหมดขึ้นปกครองอิสราเอลเหนือ แต่เขาปกครองได้เพียง 7 วัน ประชาชนไม่ยอมรับและแต่งตั้ง อม-รี ขึ้นเป็นพระราชและยกทัพขึ้นไปล้อมเมืองทิรซาห์'และต่อมาเมื่อศิมรีทรงเห็นว่าเมืองนั้นแตกแล้ว ก็เสด็จเข้าไปในป้อมของพระราชวัง และทรงเผาพระราชวังเสียด้วยไฟ และสิ้นพระชนม์ เพราะบาปซึ่งพระองค์ทรงทำไว้ คือทรงทำชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ ทรงดำเนินในทางของเยโรโบอัม และด้วยบาปซึ่งพระองค์ทรงทำ ทรงนำอิสราเอลทำบาปด้วย ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:18-19 ศิมรีปกครองได้เพียง 7 วันเท่านั้นก็ทำลายพระราชวังและจบชีวิต พระวจนะของพระเจ้าได้บอกเหตุผลไว้ว่า เขาทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า หากเราถ้อยหลังมองภาพกว้างๆ เราจะเห็นว่าชีวิตที่ไม่มีพระเจ้าจะพบกับความวุ่นวายซึ่งปลายทางคือความพินาศ แต่สำหรับผู้เชื่อและวางใจในพระเยซูแม้ว่าเราจะผ่านเรื่องยุ่งเหยิงเหมือนกัน แต่ปลายทางของเรานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง'เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ ' โรม 8:28 ปลายทางที่แตกต่างระหว่างสิ่งผลดีกับความพินาศ คือความแตกต่างของคนที่มีพระเจ้าและคนที่ละทิ้งไม่เอาพระเจ้า ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนรู้ว่า ในเวลาที่เราเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า เราอาจจะพบกับเรื่องยุ่งเหยิงเหมือนกัน ในเวลาแบบนั้นขอให้เรายังคงรักษาชีวิต รักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าไว้ เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างไม่ว่าจะดีหรือร้ายนั้น พระเจ้าจะนำให้เกิดผลดีตามพระสัญญาของพระองค์แน่นอน ขอให้เราเดินไปกับพระเจ้าด้วยความรัก ความยำเกรงผ่านการเชื่อฟัง โดยมีความหวังใจเสมอว่า ชีวิตของเราปลายทางคือความสุขนิรันดร์ที่บ้านของพระเบิดา ขอพระเจ้าอวยพระพรและนำเราทุกคนครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

พระธรรมนำชีวิตตอน อย่าฉายหนังซ้ำ Ep.1454 เรื่องราวใน 1 พงศ์กษัตริย์ 16:8-14 ผมรู้สึกว่าเหมือนกำลังดูหนังซ้ำเลยเพียงแต่เปลี่ยนตัวแสดง เรื่องราวนี้ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเยโรโบอัมและลูกชายของเขา ตอนนี้กำลังเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งกับบาอาชาและลูกชายของเขา พระวจนะบอกว่าเมื่อบาอาชาเสียชีวิตเอลาห์ลูกชายก็ขึ้นปกครองแทน ในขณะที่กษัตริย์ที่รักพระเจ้าของยูดาห์ยังคงเป็นอาสา แต่เอลาห์ปกครองเพียง 2 ปีก็ถูกศิมรีข้าราชการของเขาเองก่อการกบฎ เรื่องนี้เหมือนที่บาอาชาเคยทำต่อนาดับลูกของเยโรโบอัมแบบไม่มีผิดเพี้ยน ก่อนหน้านี้พระเจ้าได้ส่งเยฮูผู้เผยพระวจนะมากล่าวโทษบาอาชาไว้และทุกอย่างก็เป็นจริงตามนั้นเลย'ดังนั้นศิมรีทรงทำลายราชวงศ์ของบาอาชาจนสิ้น ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งทรงกล่าวโทษบาอาชาโดยเยฮูผู้เผยพระวจนะ เพราะบาปทั้งสิ้นของบาอาชาและบาปของเอลาห์ พระราชโอรสของพระองค์ซึ่งได้ทรงกระทำ และทรงทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลกริ้วด้วยเรื่องรูปเคารพ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:12-13 เอลาห์ไม่ได้รับโทษเพียงเพราะบาปของพ่อ แต่เพราะบาปของตัวเขาเองด้วย เขาทั้งสองเดินซ้ำรอยเยโรโบอัมและนาดับที่ทำชั่วและนำอิสราเอลไปกราบไหว้พระอื่น นี่เหมือนหนังที่นำมาทำใหม่แต่เปลี่ยนตัวแสดง ผมมองว่าในยุคของเราแม้ว่าผลกรรมบาปเราอาจจะไม่ต้องรับในเวลานี้ แต่ผมอยากให้เรามองถึงชีวิตจริงของเรา ขอให้เรามองและเรียนรู้จากเรื่องราวในพระวจนะของพระเจ้าและจากผู้คนรอบตัว หลายครั้งที่เรามองเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วคิดว่า มันจะไม่เกิดขึ้นกับตัวเรา ขอพระเจ้านำเราที่จะมองเรื่องนี้เป็นบทเรียนเพื่อเราเองจะไม่ฉายหนังซ้ำเหมือนกัน'เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง ' 1 โครินธ์ 10:12 เมื่อเราอ่านเรื่องของเยโรโบอัมและนาดับ บาอาชากับเอลาห์เห็นปลายทางของเยโรโบอัมแล้ว แต่พวกเขาเองไม่กลับใจ พวกเขายังเลือกใช้ชีวิตแบบเดิม วันนี้พระวจนะกำลังเตือนเราว่า อย่าฉายหนังซ้ำในชีวิตของเราเอง อย่าคิดว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเรา หรือคิดว่า เรื่องนี้เราเอาอยู่แน่นอน อย่าคิดว่าขอทำแค่ครั้งเดียว ไม่น่าจะมีอะไร หากพวกเราคิดว่าเรามั่นคงดีแล้ว นี่เป็นคำสั่งว่า จงระวังไม่ให้ล้มลง ขอให้เราระมัดระวังรักษาชีวิตของเราให้มั่นคงต่อไปในพระเจ้า ให้ชีวิตของเราคงอยู่ในความสัมพันธ์ที่พระเจ้าได้เริ่มต้นให้เราต่อไปให้ดี ให้ชีวิตของเราผูกพันติดสนิทอยู่ในพระเจ้าและอยู่ในถ้อยคำของพระองค์เสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่231) บรรยากาศ(Atmosphere) สำคัญไฉน? “เพราะฉะนั้นจงต้อนรับกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสต์ได้ทรงต้อนรับท่าน เพื่อพระเกียรติของพระเจ้า” ~โรม 15:7 THSV11 “Therefore, [continue to] accept and welcome one another, just as Christ has accepted and welcomed us to the glory of [our great] God.” ~Romans 15:7 AMP Atmosphere (บรรยากาศ) หมายความถึง “ความรู้สึกหรือสภาพแวดล้อมของสถานที่ หรือ สภาพที่โดดเด่น“ คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวไปนี้หรือไม่ ที่ว่า “บรรยากาศที่ดีคือดินดี ที่พระวจนะของพระเจ้าหยั่งรากและเติบโต!”(A good atmosphere is fertile soilwhere the Word can take root and grow.) “บรรยากาศ”สำคัญอย่างไรต่อการอยู่ร่วมกันในคริสตจักร?1.สัมผัสกับความประทับใจในประสบการณ์แรกพบตั้งแต่ก้าวแรก บรรยากาศที่ต้อนรับหรืออบอุ่น ทำให้ผู้มารู้สึกว่า“ที่นี่มีพระเจ้าจริง ๆ” 1).บรรยากาศที่ดีช่วยทำให้คนเปิดใจ 2).บรรยากาศที่ตึงเครียดทำให้คนปิดใจ2.สร้างความปลอดภัยทางใจและฝ่ายวิญญาณ บรรยากาศที่เป็นมิตร ทำให้คนรู้สึก 1).ได้รับการต้อนรับ 2).ได้รับการยอมรับ 3).ได้รับความรัก 4).ปลอดภัยไม่ถูกตัดสิน 5).พร้อมเปิดใจต่อพระวจนะ 6).ได้รับการรักษาความบาดเจ็บ และ 7).ได้รับการดึงให้กลับมาสู่ชุมชน 3.ส่งเสริมการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณ บรรยากาศที่สัมผัสจิตวิญญาณ 1).ทำให้คนจะเปิดใจรับการสอน 2).ทำให้คนพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตในพระคริสต์ 3).ทำให้พระวจนะได้หยั่งรากลึกลงในใจของคนที่ชอบบรรยากาศเช่นนี้4.สนับสนุนให้มีการใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณได้อย่างอิสระ บรรยากาศที่ร้อนรน ด้วยพระวิญญาณ 1).ทำให้เกิดการนมัสการอย่างมีชีวิตชีวา 2).ทำให้เกิดการอธิษฐานร่วมกันและเผื่อกัน 3).ทำให้มีการใช้ของประทาน ในการรับใช้ ~การสอน/การเทศน์ ~การหนุนใจ ~การเยียวยารักษา ฯลฯ5.เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวฝ่ายวิญญาณ บรรยากาศแห่งความรักและความเมตตาหล่อหลอมผู้เชื่อให้1).อยู่ร่วมกันได้2).อดทนต่อกัน3).ให้อภัยกัน4).สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน6.สามารถเป็นคำพยานต่อคนภายนอกคริสตจักร บรรยากาศแห่งความสามัคคีในการกระทำดี ทั้งต่อคนภายในและภายนอก ทำให้ 1).คนภายในมีความสุข 2).คนภายนอกได้รับความสุขไปด้วย 3).คนภายนอกเข้ามาสัมพันธ์ใกล้ชิด และเปิดใจต่อข่าวประเสริฐสรุป Atmosphere (บรรยากาศ)คือหัวใจของการอยู่ร่วมกันในคริสตจักร เพราะเป็นตัวกำหนดว่า •คนจะเปิดใจหรือปิดใจ •คนจะเติบโตหรือถดถอย •คนจะผูกพันหรือถอยห่าง •คนจะเห็นพระคริสต์หรือเห็นแต่ปัญหา?“Atmosphere(บรรยากาศ )ที่เต็มด้วยพระคริสต์ ช่วยทำให้คนเป็นตัวของตัวเอง และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง”(An atmosphere filled with Christhelps people be themselves and dare to change.) และบรรยากาศแบบที่เต็มด้วยพระคริสต์ เกิดจากความรัก – ความถ่อมใจ – การต้อนรับ – การหนุนใจใช่ครับ Atmosphere of Love หรือ บรรยากาศแห่งความรัก คือ คำพยานฝ่ายวิญญาณที่สำคัญและทรงพลังที่สุด! ดังคำที่กล่าว่า“สถานที่จะกว้างขวางหรือจะเล็กแค่ไหนล้วนไม่สำคัญ แต่บรรยากาศความรักและหัวใจที่พร้อมร่วมแบ่งปันกัน ภายในที่นั้นต่างหากที่สำคัญที่สุด” (The size of a place—whether large or small—does not truly matter;what matters most is the atmosphere of love and the shared heart within it.) …อาเมนไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 17พฤศจิกายน2025 (ตอนที่231ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่230) พระเจ้าต้องการอะไรจากเรา? “จงถวายเครื่องบูชาคือการขอบพระคุณแด่พระเจ้า และ แก้บนของเจ้าต่อองค์ผู้สูงสุด และ จงร้องทูลเราในวันยากลำบาก เราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายเกียรติแก่เรา”” ~สดุดี 50:14-15 THSV11 “Let the giving of thanks be your sacrifice to God, and give the Almighty all that you promised. Call to me when trouble comes; I will save you, and you will praise me.”” ~Psalm 50:14-15 GNT เหมือนกับที่สามีต้องการตัวของภรรยา และภรรยาต้องการตัวสามี เหมือนกับที่พ่อแม่ต้องการตัวของลูกๆ และลูกๆต้องการตัวพ่อแม่ เหมือนกับที่คนรักต้องการตัวของคนรักของเขาหรือของเธอ เหมือนกับที่คริสตจักรต้องการตัวของสมาชิกและสมาชิกต้องการคริสตจักร พระเจ้าก็ต้องการตัวของคนของพระองค์ เหมือนอย่างที่เราควรต้องการพระองค์เช่นกัน! …แล้วพระเจ้าต้องการตัวคนของพระเจ้า เพื่ออะไรบ้าง?1.พระเจ้าต้องการให้คนของพระองค์ถวายเครื่องบูชาแห่งการโมทนาพระคุณ ~คือให้เรามีซาบซึ้งขอบคุณพระองค์จากใจจริง “จงนำเครื่องการโมทนาพระคุณมาเป็นเครื่องสักการบูชาแด่พระเจ้า” (“จงถวายเครื่องบูชาคือการขอบพระคุณแด่พระเจ้า“) ~สดุดี 50:14ก2.พระเจ้าให้ต้องการคนของพระองค์กระทำให้สำเร็จตามคำสัญญาของพวกเขา ~คือให้เราสัตย์ซื่อทำตามคำสัญญาของเราที่ให้ต่อพระองค์จนลุล่วง ”และแก้บนของเจ้าต่อองค์ผู้สูงสุด” ~สดุดี 50:14ข3.พระเจ้าต้องการให้คนของพระองค์ร้องทูลพระองค์ในยามเผชิญปัญหาอุปสรรค ~คือให้เราถ่อมใจ คิดถึง อธิษฐานและพึ่งพาพระองค์ “และจงร้องทูลเราในวันทุกข์ยากลำบาก ~สดุดี 50:15ก.4.พระเจ้าต้องการให้คนของพระองค์เชื่อและวางใจว่าพระองค์จะช่วยเขา ~คือให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเราแต่จะช่วยเราอย่างแน่นอน “ เราจะช่วยกู้เจ้า “ ~สดุดี 50:15 ข.5.พระเจ้าต้องการให้คนของพระองค์ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ~คือให้เราสามารถทำให้พระเจ้าทรงได้รับเกียรติในทุกสถานการณ์ ”และเจ้าจะถวายพระ(เกียรติ)สิริแก่เรา>>” ~สดุดี 50:15 ข. พี่น้องที่รัก ขอให้เรามอบถวายตัวของเราแด่พระเจ้า และทำสิ่งต่างๆ ดังที่กล่าวมานั้นด้วยความรักสัตย์ซื่ออย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ให้เราทำเป็นเพียงหน้าที่หรือเป็นกิจวัตร เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า“พระเจ้าต้องการหัวใจที่เต็มด้วยรัก ไม่ใช่ชีวิตที่แค่ทำตามหน้าที่อันว่างเปล่า!” (God desires a loving heart, not a life of empty duty.) ดังนั้น ถ้าหากเราจริงจังในการทำตามดังที่กล่าวมา เราจะเป็นลูกที่ทรงโปรดปรานของพระเจ้าเสมอไป และการทำเช่นนนั้นจะช่วยลดโอกาสเกิดความทุกข์โศกและเกิดโอกาสที่จะได้รับพระพรอันสุขสันต์จากพระองค์อย่างไม่ขาดสายกลับมา … จะเห็นด้วยกับผมไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 16พฤศจิกายน2025 (ตอนที่330 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน ผลที่เราไม่ต้องรับ Ep.1453 ในช่วงท้ายบทของ 1 พงศ์กษัตริย์ 15 ได้พูดถึงนาดับลูกชายของเยโรโบอัมถูกบาอาชาจัดการและขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทน ในสองข้อท้ายบทได้บันทึกว่า บาอาชาทำสิ่งชั้วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้าเหมือนเยโรโบอัม วันนี้เรามา 1 พงศ์กษัตริย์ 16 ได้บันทึกสิ่งที่ครอบครัวของบาอาชาจะได้รับ พระเจ้าทรงใช้เยฮูมากล่าวโทษบาอาชา'“ในเมื่อเราได้เชิดชูเจ้าขึ้นมาจากผงคลี และตั้งเจ้าเป็นประมุขเหนืออิสราเอลประชากรของเรา แต่เจ้าได้ดำเนินตามทางของเยโรโบอัม และได้ทำให้อิสราเอลประชากรของเราทำบาป ทำให้เราโกรธด้วยบาปของเขาทั้งหลาย นี่แน่ะ บาอาชา เราจะกวาดล้างเจ้าและราชวงศ์ของเจ้าให้สิ้น และทำให้ราชวงศ์ของเจ้าเหมือนกับราชวงศ์ของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ผู้ใดในวงศ์บาอาชาที่ตายในเมือง สุนัขจะกิน และผู้ใดที่ตายในทุ่งนา นกในอากาศจะกิน” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:2-4 ทั้งครอบครัวจะถูกทำลายไม่มีใครรอด นี่คือการลงโทษที่หนักมาก และเหมือนเยโรโบอัมเลย สิ่งนี้สะท้อนถึงความร้ายแรงของการหันหลังให้พระเจ้า ขณะที่อ่านพระวจนะของพระเจ้านี้ ผมรู้สึกถึงความหนักของคำตัดสิน พระเจ้าทรงยกบาอาชาขึ้นมาแต่เขาใช้สิ่งนั้นทำในสิ่งชั่วร้าย นี่คือคำเตือนสำหรับเราว่า อำนาจ ความสำเร็จ หรือโอกาส ถ้าไม่ได้อยู่ภายใต้การยำเกรงพระเจ้าจะทำชีวิตของเราห่างจากพระเจ้า และเมื่อเราอ่านพบโทษของบาอาชาแล้ว ผมก็ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระเยซูคริสต์ ที่มารับโทษบาปแทนเรา 'เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา' โรม 6:23'เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ ' โรม 8:1 พระเยซูทรงรับโทษแทนเรา รับคำสาปแช่งแทนเรา ทรงรับความตายซึ่งเป็นปลายทางของบาปแทนเรา และพระเยซูทรงชนะความตายนั้นเพื่อนำเราสู่ชีวิต นำให้เราเป็นคนชอบธรรม วันนี้ขอให้เราจะตอบสนองต่อพระคุณนั้นด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์ สำนึกในพระคุณของพระเจ้าโดยใช้ทุกสิ่งที่พระเจ้าประทานเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า ให้เราหันหน้าจดจ่อที่พระองค์ หันจากความชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้า เดินตามพระทัยของพระเจ้าเพื่อให้ชีวิตของเราเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ด้วยกันครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่229) ตัดสินอะไรผิดหรือเปล่าครับ? “บุคคลที่ตัดสินว่าคนอธรรมไม่มีความผิดและ บุคคลที่ลงโทษคนชอบธรรม ทั้งสองก็เป็นที่เกลียดชังต่อพระยาห์เวห์” ~สุภาษิต 17:15 THSV11 “Whoever approves of wicked people and whoever condemns righteous people is disgusting to the Lord.” ~Proverbs 17:15 GW นายโลเปช วาย ฟูเอนเทศ นักเขียนชาวเม็กซิโก เขียนเรื่องไว้เรื่องหนึ่งชื่อ “จดหมายถึงพระเจ้า” มีเนื้อหาที่น่าสนใจดังนี้“ชาวไร่ยากจนคนหนึ่งชื่อนายเลนโซ่ พืชไร่ของเขาถูกภัยธรรมชาติทำลายไปจนหมดสิ้น ไม่เหลือผลผลิตอะไรให้เขาเก็บกินเลย แต่ด้วยความศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจึงเขียนจดหมายจ่าหน้าซองถึงพระองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ครอบครัวและข้าพเจ้าจะต้องอดอยากแน่นอน หากพระองค์ไม่ช่วยเหลือ ปีนี้ ผลผลิตของข้าพเจ้าพินาศหมดสิ้น ข้าพเจ้าจึงต้องการเงินหนึ่งร้อยเปโซเพื่อใช้เป็นทุนในการเพาะปลูกใหม่ และเพื่อข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ต่อไป จนกว่าข้าวโพดจะออกฝักพอเก็บเกี่ยวได้” เมื่อบุรุษไปรษณีย์ผู้มาเก็บจดหมายเห็นจ่าหน้าซองว่า “ถึงพระผู้เป็นเจ้า” เขาก็หัวเราะ นำเรื่องนี้มาเล่าให้พนักงานที่ไปรษณีย์ฟังหัวหน้าไปรษณีย์จึงตัดสินใจเปิดจดหมายออกอ่าน และด้วยความเห็นใจ และเพื่อรักษาศรัทธาของเลนโซ่ต่อพระผู้เป็นเจ้า เขาจึงเรี่ยไรเงินกันในที่ทำการไปรษณีย์นั้นโดยบอกว่าจะเอาไปช่วยคนเดือดร้อนเป็นการกุศลผลปรากฎว่าได้เงินมา70 เปโซ สัปดาห์ต่อมา เลนโซ่ไปที่ทำการไปรษณีย์ เพื่อขอรับจดหมายจากพระผู้เป็นเจ้า ที่อาจมาถึงตน หัวหน้าไปรษณีย์จึงยื่นซองเงิน 70 เปโซที่มีการจ่าหน้าซองเรียบร้อยให้แก่เลนโซ่ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในกุศลเจตนาของตนเองที่สามารถรวบรวมเงินมาให้เขาจนสำเร็จ เมื่อเลนโซ่ เปิดซองออกเห็นเงินก็ดีใจ แต่หลังจากเขานับเงินเสร็จ เขาก็รู้สึกโกรธ จึงรีบเขียนจดหมายถึงพระผู้เป็นเจ้าอีกฉบับหนึ่งในทันทีว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เงินที่ข้าพเจ้าขอจากพระองค์คือ 100 เปโซ แต่ในซองนี้มีเพียง 70 เปโซเท่านั้นจึงขอพระองค์โปรดส่งเงินจำนวนที่เหลือมาด้วยครับ เพราะข้าพเจ้าต้องการมันอย่างมาก …แต่ขอโปรดอย่าส่งมาผ่านทางไปรษณีย์เป็นอันขาด เพราะไอ้พวกลูกจ้างไปรษณีย์พวกนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพวกขี้ขโมยทั้งนั้น!” ไม่ทราบว่า ถ้าพี่น้องเป็น เป็นหัวหน้าบุรุษไปรษณีย์หรือพนักงานไปรษณีย์เหล่านั้นที่ได้เสียสละรวบรวมเงินให้กับนายเลนโซ่พี่น้องจะรู้สึกหรือคิดอย่างไร ถ้าได้ยินคำพูดของนายเลนโซ่ที่กล่าวกับพระเจ้าเช่นนั้น? พระเยซูคริสต์เตือนไว้ว่า อย่าด่วนพิพากษาตัดสินผู้อื่น “อย่าพิพากษาเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกพิพากษา อย่าตัดสินลงโทษเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ จงยกโทษให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับการยกโทษ” ~ลูกา 6:37 THSV11 ใช่ครับ บางครั้งเราอาจเป็นเหมือนนายเลนโซ่ ที่มั่นใจในความคิดของตนเอง และด่วนตัดสินผู้อื่นอย่างผิดๆ โดยไม่รู้ความจริงที่แท้จริง! อาจารย์เปาโลก็เตือนไว้เช่นกันว่า “ฉะนั้นอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืด และ จะทรงเผยความมุ่งหมายของจิตใจทั้งหลาย เมื่อนั้นแต่ละคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า” ~1 โครินธ์ 4:5 THSV11 ขอให้เราตระหนักไว้เสมอว่า “เมื่อเราด่วนตัดสินคน เรามักตัดสินผิด!“ (Quick judgments are usually wrong judgments.) และขอปิดท้าย วันนี้ ด้วยคำเตือนสำคัญของพระเจ้า อีกครั้งว่า พระเจ้าทรงเกลียดชังทั้ง1.บุคคลผู้ที่ตัดสินว่าคนอธรรมไม่มีความผิด และ2.บุคคลผู้ที่ตัดสิน กล่าวโทษ หรือ ลงโทษคนชอบธรรม ดังนั้น พี่น้องที่รัก ขออย่าทำเช่นนั้น กันเลยนะครับ …ตกลงไหม?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 15พฤศจิกายน2025 (ตอนที่229 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน พระเจ้ามีทางออกเสมอ Ep.1452 หลังจากที่เราเข้าใจเรื่องลำดับวงศ์ของทั้งสองฝั่งแล้ว ผมขอนำเรากลับมาที่ 1 พงศ์กษัตริย์ 15:16-24 เป็นเรื่องราวของอาสากษัตริย์ผู้รักพระเจ้า ที่ยังคงต้องทำสงครามกับอิสราเอลฝ่ายเหนือที่เปลี่ยนราชวงศ์แล้วมาเป็นของบาอาชา มีสงครามกันตลอดในสมัยของทั้งสอง'บาอาชาพระราชาแห่งอิสราเอลได้ทรงขึ้นมาต่อสู้กับยูดาห์ และได้สร้างเมืองรามาห์ เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปเฝ้าหรือออกมาจากอาสาพระราชาแห่งยูดาห์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 15:17 จากการค้นหาข้อมูลได้ความมาว่า เมืองรามาห์เป็นยุทธศาสตร์อยู่ห่างจากเยรูซาเล็มไม่มาก นี่คือการปิดทางเข้าทางออกระหว่างอิสราเอลเหนือและยูดาห์ ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากให้คนอิสราเอลเหนือลงมานมักสารพระเจ้าที่ยูดาห์ได้ เมื่อมีสถานการณ์กดดันเข้ามา อาสาตอบสนองโดยวิธีของตัวเอง เขาพึ่งพาคนที่มีกำลังมากกว่าด้วยเงินทองทั้งหมดเขานำเงินทองนั้นไปให้เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งซีเรีย เพื่อขอให้ซีเรียยกเลิกสัญญาที่มีกับบาอาชา และหันไปโจมตีอิสราเอลเหนือแทน สิ่งนี้ทำให้บาอาชาต้องหยุดสร้างเมืองรามาห์ แล้วอาสาก็สั่งประชานให้ขนหินและไม้จากเมืองนั้นมาใช้สร้างเมืองของตน อาสาหาทางออกได้ก็จริงแต่เขาพึ่งพาสติปัญญา พึ่งเงินทองและความสัมพันธ์ส่วนตัวมากกว่าพระเจ้า เรื่องนี้ผมอ้างอิงเรื่องนี้จาก 2 พงศาวดาร 17 พวกเราสามารถตามไปอ่านเพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้นได้'ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้ ' 1 โครินธ์ 10:13 พระเจ้าไม่ได้สัญญาว่าชีวิตของเราจะไม่มีแรงกดดันหรือการทดลอง แต่พระเจ้าสัญญาว่าไม่มีการทดลองใดที่เราจะทนไม่ได้ เพราะพระเจ้าทรงจัดเตรียมทางออกไว้เราแล้ว ดังนั้นถ้าหากงานไปต่อไม่ได้ ความสัมพันธ์มีปัญหา ทุกอย่างดูถึงทางตันไม่มีทางออก ขอให้เราทำสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การพึ่งพาพระเจ้า เพราะพระองค์รู้ว่าเราทนได้แค่ไหนและเพราะพระองค์ได้เตรียมทางออกไว้แล้ว ก่อนที่เราจะรู้ตัวด้วยซ้ำ อย่าให้แรงกดดันทำให้เราหันออกห่างจากพระเจ้า แต่ขอให้สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ทำให้เราพึ่งพาพระเจ้ามากกว่าเดิม หยุดพึ่งพากำลังของตัวเอง แต่ขอให้เราเชื่อและวางใจในการจัดเตรียมของพระเจ้า เพราะพระเจ้ามีทางออก และทางออกนั้นดีที่สุดแน่นอน ผมคอนเฟิร์ม วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่228) ทันเวลาพอดีจริงๆ! “เมื่อคนชอบธรรมร้องทูล พระยาห์เวห์ทรงสดับ และทรงช่วยกู้เขา ให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น” ~สดุดี 34:17 THSV11 “The righteous cry out, and the Lord hears them; he delivers them from all their troubles.” ~Psalms 34:17 NIV ในทศวรรษปี 1960 ความขัดแย้งกันและกันอย่างรุนแรงในเรื่องเชื้อชาติและสีผิวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา ยังคงคุกรุ่นอยู่ คืนหนึ่ง ราว 5 ทุ่มครึ่ง หญิงชราชาวอัฟริกัน-อเมริกัน ยืนกรำฝนอยู่ริมทางหลวงของ อลาบามา ไฮเวย์ เผชิญกับพายุฝนที่ซัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง เพราะรถของเธอเกิดเสียขึ้นมากลางทาง ในยามนี้ เธอทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าว่าต้องการรถสักคันที่จะช่วยพาเธอให้พ้นจากสภาวะยากลำบากนี้ และเธอออกไปยืนโบกรถเพื่อขอความช่วยเหลือ ชายหนุ่ม ผิวขาวคนหนึ่งหยุดรถและลงมาช่วยเหลือเพื่อส่งเธอไปยังที่ปลอดภัย โดยเรียกรถแท็กซี่ให้เธอ เพราะเธอกำลังอยู่ในอาการที่เร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด! หญิงชราผู้นั้นขอและจดชื่อที่อยู่ของชายใจดีผู้นั้น ขอบคุณเขาแล้วก็นั่งรถแท็กซี่จากไป เจ็ดวันต่อมา มีเสียงเคาะประตูที่บ้านของชายหนุ่มผู้นั้น เมื่อเขาเปิดประตูออกมาก็พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน นั่นคือ มีผู้จัดส่งชุดโทรทัศน์ขนาดใหญ่พร้อมเครื่องเล่นเทปสเตริโอมาให้เขาถึงที่บ้าน พร้อมมีโน้ตข้อความเป็นพิเศษแนบด้วย เขียนไว้ว่า ... “สวัสดี คุณเจมส์ ขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับการช่วยเหลือฉันบนทางหลวงเมื่อคืนนั้น สายฝนในคืนนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เสื้อผ้าของฉันเปียกชุ่มโชก แต่ยังท่วมท้นหัวใจของฉันด้วย แต่แล้วคุณก็ปรากฎตัวขึ้นมา และเป็นเพราะคุณแท้ ๆ จึงทำให้ฉันสามารถไปถึงข้างเตียงของสามีของฉันที่กำลังจะสิ้นลมได้ทันเวลาพอดี ก่อนที่เขาจะสิ้นใจ! ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพระพรคุณสำหรับการช่วยเหลือฉัน และการรับใช้คนอื่นโดยไม่เห็นแก่ตัวเองของคุณ!” ด้วยความจริงใจ นาง แน็ต คิง โคล นาง แน็ต คิง โคล ในเรื่องนี้ คือ นางมาเรีย ฮอว์กินส์ โคล (Maria Hawkins Cole,1922~2012)เป็นนักร้องแจ๊ส ซึ่งแต่งงานกับ แน็ต คิง โคล ในวันที่28 มีนาคม 1948 (มีบุตรด้วยกันหลายคน รวมถึง นาตาลี โคล (Natalie Cole) นักร้องหญิงชื่อดัง) เธอได้รับการยกย่องว่า “มีรสนิยม มีความสง่างาม” และ “มีความเข้มแข็งแม้แต่ในยามที่เผชิญความทุกข์“ เธอและสามีอยู่กินมาด้วยกัน จนกระทั่ง Nat King Cole เสียชีวิตในปี 1965 พระเจ้าทรงพร้อมที่จะช่วยเหลือคนที่ร้องทูลต่อพระองค์เสมอ เหมือนดังที่พระคัมภีร์ สอนว่า1.คนชอบธรรมร้องทูล 2.พระยาห์เวห์ทรงสดับ 3.พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้คนชอบธรรมให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น 4.พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย 5.พระยาห์เวห์ทรงช่วยผู้สิ้นหวัง 6.คนชอบธรรมอาจมีความทุกข์ใจหลายอย่าง 7.พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้คนชอบธรรมออกมาให้พ้นจากความทุกข์ใจทั้งหมด” (สดุดี 34:17-19 THSV11)พี่น้องที่รัก วันนี้ คุณมีความทุกข์ใจอะไรบ้าง? จงทูลขอการช่วยกู้หรือการช่วยเหลือจากพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงพร้อมช่วยเหลือคุณ และพระองค์จะทรงช่วยเหลือคุณทันเวลาเสมอเหมือนดังที่พระองค์ทรงช่วยเหลือนาง มาเรีย ฮอว์กินส์ โคล … คุณเชื่อเช่นนี้ ไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 14พฤศจิกายน2025 (ตอนที่228ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน พลังของพระคุณชนะผลของบาป Ep.1451 เมื่อผมอ่าน 1 พงศ์กษัตริย์ 15 ผมเกิดความสับสนเล็กน้อยจึงอยากจะลำดับราชวงค์ของทั้งสองฝั่งเพื่อสร้างความเข้าใจให้พวกเรา ซึ่งในเรื่องนี้ทำให้เราเห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสเป็นจริงเสมอ ฝั่งยูดาห์เป็นลูกหลานของดาวิด คือเรโหโอัมลูกชายซาโลมอนได้ส่งต่อให้ลูกชายคืออาบียัม เขาละทิ้งพระเจ้า เขาได้ส่งต่อให้อาสาซึ่งคนนี้รักพระเจ้า ในข้อ24 อาสาส่งต่อให้เยโฮชาฟัท ส่วนอิสราเอลเหนือ พระเจ้าได้ตั้งเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่เยโรโบอัมได้สร้างรูปเคารพ สร้างวิหารและแต่งตั้งปุโรหิตขึ้นมาเอง เพราะเขากลัวจะสูญเสียอำนาจ สิ่งนี้พระเจ้านับว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายเขาจึงต้องสูญเสียลูก และพระเจ้าทรงแจ้งว่า ครอบครัวของเขาจะถูกทำลายทั้งหมดไม่มีเหลือ เมื่อเยโรโบอัมเสียชีวิต นาดับลูกชายของเขาก็ขึ้นมาแทน ในข้อ 26 บอกว่านาดับทำในสิ่งชั่วร้ายเหมือน เยโรโบอัม เขาครองตำแหน่งอยู่เพียง 2 ปี แล้วก็ถูกจัดการโดยบาอาชาคนเผ่าอิสสาคาร์ แล้วก็เป็นจริงตามคำของพระเจ้าว่า'ทันทีที่ขึ้นครองราชย์ บาอาชาก็ประหารวงศ์วานทั้งปวงของเยโรโบอัม ไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิตเลย เป็นไปตามที่ องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ตรัสไว้ผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะบาปที่เยโรโบอัมได้ทำและชักนำอิสราเอลให้ทำตาม และเพราะเขาได้ยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ' 1พงศ์กษัตริย์ 15:29-30 TNCV เพราะบาปของเยโรโบอัมที่ละทิ้งพระเจ้า สร้างรูปเคารพสำหรับตัวเอง และยังชักนำให้ประชากรของพระเจ้าหันไปกราบไหว้พระเหล่านั้น ผลคือการลงโทษจากพระเจ้า บทเรียนสำหรับเราคือ เราสร้างอะไรขึ้นมาทดแทนพระเจ้าเพื่อจะปกป้องสิ่งที่เรารักอยู่หรือเปล่า รูปเคารพสำหรับเราในวันนี้อาจจะไม่ใช่วัวทองคำอีกแล้ว มันเป็นชื่อเสียง ความมั่งคังมั่นคง หรือการพึ่งพาตัวเอง ขอให้เรารู้ว่า หากมีสิ่งอื่นมาแทนที่พระเจ้า เราจะพบกับความว่างเปล่า ขอให้เรายังคงอยู่ในพระคุณของพระเจ้า และขอพระเจ้านำให้เราจะไม่ไขว่คว้าบางสิ่งบางอย่างมาเพื่อทดแทนพระองค์'เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่าน พ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย ' โรม 8:1-2 ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณของพระองค์ที่มาถึงเราทางพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงรับโทษนั้นแทนเรา นับเป็นพระคุณที่เราต้องพึ่งพาอาศัยอยู่ในพระคุณนั้นเสมอ ขอให้เราเชื่อจริงๆว่า ถ้อยคำของพระเจ้าจะสำเร็จเป็นจริงทุกประการ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนฤทธิ์อำนาจและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าไม่เคยที่จะลดลงหรือเสื่อมไป ขอให้เราตอบสนองต่อพระคุณนั้นด้วยการรักษาชีวิตแลัหัวใจให้อยู่ในพระเจ้า ขอให้เราจะไม่สร้างสิ่งอื่นมาแทนทีพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่227) คริสเตียนกับความตาย? “พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย คนที่วางใจในเราจะมีชีวิตอีกแม้ว่าเขาจะตายไป และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย เธอเชื่ออย่างนี้ไหม?”” ~ยอห์น 11:25-26 THSV11 “Jesus said to her, “I am the resurrection and the life. The one who believes in me will live, even though they die; and whoever lives by believing in me will never die. Do you believe this?”” ~John 11:25-26 NIV เมื่อคืน(12พฤศจิกายน2025) ผมไปร่วมงานไว้อาลัย ต่อการจากไปของคุณแม่ วรรณาเตชะรักษ์พงศ์ ที่คริสตจักรไมตรีจิต แล้ว กลับมาใคร่ครวญถึงเรื่องความตาย ที่ผมและทุกคนตัองเผชิญ แต่เมื่ออ่านพระดำรัสของพระเยซูคริสต์แล้ว ผมที่เชื่อในพระองค์ก็ไม่รู้สึกกลัวตายอีกต่อไป เพราะว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เพียงแค่ประทานชีวิตให้แก่ผมและพวกเราทุกคน แต่ พระองค์เองก็คือ “ชีวิต!“ และ “แหล่งพลังอำนาจ“ที่จะ 1).ทำให้เรา(รวมทั้งคุณแม่วรรณา)เป็นขึ้นมาจากความตาย และ 2).ทำให้เราไม่ตายอีกเลย!”พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เราเป็น!” เพื่อแสดงให้เห็นถึงภาวะแท้แห่งความเป็นพระเจ้า ของพระองค์(เหมือนกับที่พระเจ้าตรัสว่า “เราเป็นผู้ที่เราเป็น” ในอพยพ 3:14)ซึ่งหมายความว่า ชีวิตอันแท้จริง และ พลังที่จะเอาชนะความตายอยู่ในพระองค์เท่านั้น!จึงกล่าวได้ว่า“อยู่นอกพระเยซู ไม่มีชีวิตนิรันดร์ แต่ อยู่ในพระองค์ ไม่มีความตายที่ถาวร!”(Outside of Jesus, there is no eternal life;but in Him, there is no lasting death!) พระเยซูคริสต์ยังตรัสต่อไปว่า คนที่วางใจในพระองค์ จะมีชีวิตอีก แม้ว่าเขาจะตายไปในทางกายภาพ เหมือนอย่างที่มนุษย์ ทุกคนต้องเผชิญ แต่พระองค์สัญญาไว้ว่า ผู้ที่เชื่อในพระองค์จะ “มีชีวิตอีก” คือจะได้ชีวิตใหม่เป็นขึ้นมาจากความตายในวันสุดท้าย จึงกล่าวได้ว่า “ความตายไม่อาจขโมยชีวิตนิรันดร์ไปจากผู้เชื่อได้ เพราะแม้ร่างกายของเขาจะตายไป แต่วิญญาณจิตของเขาจะยังมีชีวิตในพระองค์ และเขาจะเป็นขึ้นมาใหม่ด้วยกายใหม่ ที่จะไม่ตายอีกเลย ที่เรียกว่า กายวิญญาณ!” พระเยซูคริสต์จึงตรัสว่า “และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย!”ซึ่งหมายความว่า “ความตายฝ่ายวิญญาณ” จะไม่เกิดขึ้นกับผู้ที่เชื่อในพระองค์และผู้ที่อยู่ในพระคริสต์จะไม่มีวันถูกแยกจากพระเจ้าอีกจึงกล่าวได้อีกว่า “แม้ว่าผู้ที่มีศรัทธาในพระคริสต์อาจตายทางร่างกาย แต่เขาจะไม่ตายในฝ่ายจิตวิญญาณและเขาจะมีชีวิตผูกพันต่อเนื่องกับพระเจ้าไปตลอดนิรันดร์กาล!”พระเยซูคริสต์ ทรงเชิญชวนเราแต่ละคนเป็นส่วนตัว โดยถามว่า “เธอเชื่ออย่างนี้ไหม?” พระองค์ไม่ได้เพียงแค่บอกข้อเท็จจริงทางศาสนา แต่พระองค์ทรงถามและเปิดโอกาสให้ เรา“เชื่อด้วยใจ” เพื่อเราจะได้รับความรอดและชีวิตนิรันดร์จากพระเจ้าเมื่อเราเชื่อในพระองค์ใช่ครับ …พระเยซูไม่เพียงสอนเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย แต่ เปิดเผยว่าพระองค์เอง คือ “การเป็นขึ้นจากตาย ”และทรงเรียกเราให้เชื่อวางใจในพระองค์เป็นการส่วนตัว และรับสิทธิพิเศษในการเป็นขึ้นจากตายนั้นด้วยเช่นกัน!จึงสรุปได้ว่า1.พระเยซูคริสต์คือ ชีวิต และ การเป็นขึ้นจากตาย2.พระเยซูทรงรักเรา และทรงประทานการเป็นขึ้นจากตายนั้นให้แก่เรา เมื่อเรากลับใจใหม่ รับการไถ่บาปที่พระเยซูจ่ายโทษบาปนั้นแทนเราบนไม้กางเขนแล้ว3.เราผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์จริงๆ แม้จะตายทางกาย แต่จะไม่ตายฝ่ายวิญญาณอีกเลย ตรงกันข้าม เราจะมีชีวิตนิรันดร์แทนคำถามสำคัญคือ “เธอเชื่ออย่างนี้ไหม?” ถ้าเราเชื่อเช่นนั้น1.เราก็จะมั่นใจและดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข ไร้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตาย2.เราจะรีบบอกข่าวดีนี้แก่ทุกคนที่เรารัก หรือเรารู้จักโดยเร็ว คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้หรือไม่ที่ว่า “ชีวิตบนโลกจบลงที่หลุมฝังศพ แต่ชีวิตนิรันดร์เริ่มขึ้นที่ไม้กางเขนของพระคริสต์!” ( Earthly life ends at the grave, but eternal life begins at the Cross of Christ!.) …ให้มาอาเมนด้วยกัน ดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 13พฤศจิกายน2025 (ตอนที่227ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน ยอมได้แต่ไม่ใช่กับบาป Ep.1450 เราใช้คำว่าอะลุ่มอล่วยกับอะไรบ้างในชีวิต แน่นอนหากชีวิตไม่มีคำนี้เราเองจะติดอยู่กับความไม่ได้ดั่งใจเสมอ ผมทบทวนจากตัวเองว่าเรื่องที่ผมไม่ยอมอะลุ่มอล่วยนั้นมักจะเป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบ แต่เรื่องที่ผมชอบผมก็จะยอมให้ คำถามสำหรับผมในวันนี้คือ แล้วเรื่องที่พระเจ้าไม่ชอบนั้น เรายอมอุลุ่มอล่วยให้สิ่งนั้นไหม 1 พงศ์กษัตริย์ 15:9-15 ได้บันทึกเรื่องราวของอาสาที่ขึ้นมารับช่วงต่อจากอาบียัม ชีวิตเขาไม่อะลุ่มอล่วยให้กับความบาปและสิ่งนี้ทำให้ชีวิตของเขาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า'อาสาทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เหมือนอย่างดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 15:11 เรามาดูกันว่าอาสาทำอะไรบ้าง อาสากวาดล้างพวกเทวทาสที่นมัสการด้วยการร่วมเพศที่พระเจ้าเกลียดชัง เขารื้อถอนรูปเคารพทั้งหมด อาสาถอดมาอาคาห์ หรือคุณย่าของเขาคือมเหสีของเรโหโบอัมจากตำแหน่งเพราะเธอสร้างรูปเคารพน่าเกลียดน่าชังเพื่อพระอาเช-ราห์ และเขาทรงทำลายโดยเผารูปเคารพของพระนางทิ้ง แม้ว่าปูชนียสถานต่างๆ ยังไม่ได้ถูกทำลาย แต่ในข้อ 14 ได้บันทึกว่า หัวใจอาสาก็ภักดีต่อพระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา ผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายที่จะไม่อลุ่มอะล่วยให้กับครอบครัวของตัวเอง แต่อาสาก็กล้าหาญที่จะยึดอยู่บนสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยมากกว่าที่จะยอมๆไปเพื่อคนใกล้ชิด หรือคนที่มีบุญคุณกับเรา'บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังแสวงหาการยอมรับจากมนุษย์หรือจากพระเจ้า? ข้าพเจ้าอุตส่าห์เอาใจมนุษย์หรือ? ถ้าข้าพเจ้ากำลังเอาใจมนุษย์อยู่ ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ทาสของพระคริสต์ ' กาลาเทีย 1:10 ขอเราเองจะเรียนรู้ในเรื่องนี้และยึดหยัดอยู่ในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย ให้หัวใจของเราภักดีอยู่ในพระเจ้าเท่านั้น ขอให้เรายอมอะลุ่มอล่วยกับบางเรื่องบ้าง แต่ไม่ใช่กับเรื่องที่พระเจ้าไม่พอพระทัยคือความบาป ให้เราใช้เวลากับพระวจนะของพระเจ้า และขอพระวิญญาณของพระองค์นำให้เรารู้และเข้าใจพระทัยของพระเจ้าเพื่อเราจะติดตามความต้องการนั้น และยืนอยู่บนความถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้าเหมือนอาสา ขอพระเจ้าเมตตานำเราทุกคนครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่226) น้ำใจอย่างนี้ ยังมีอีกไหม? “จงกำชับพวกเขาให้ทำการดี ให้ทำการดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปัน” ~1 ทิโมธี 6:18 THSV11 “Command them to do good, to be rich in good deeds, and to be generous and willing to share.” ~1 Timothy 6:18 NIV มีเรื่องเล่าว่า “คืนนั้น ฝนตก อากาศหนาวเย็นเหลือเกิน ขณะที่ฉันกำลังยืนรอรถประจำทางอยู่คนเดียว รถประจำทางคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดตรงป้ายที่ดิฉันยืนอยู่ หญิงชราคนหนึ่งค่อย ๆ ตะเกียกตะกายลงจากรถ แล้วเดินตรงมาทางที่ดิฉันยืนอยู่ อย่างเชื่องช้า... “แม่หนู...รถประจำทางคันต่อไป จะมาถึงเมื่อไหร่จ๊ะ?....” หญิงชราผู้นั้นถามดิฉัน ดิฉันจึงถามแกว่า… “แล้วคุณยายจะไปรถสายไหนล่ะคะ” พอแกบอก ดิฉันก็อุทานเสียงดังลั่น “อ้าว...ก็คุณยายเพิ่งลงมาจากรถคันนั้นเมื่อกี้นี่เองนี่คะ” “เอ้อ...” หญิงชราตอบตะกุกตะกักอย่างอาย ๆ “คือว่า ...บนรถคันเมื่อกี้นี้มีชายหนุ่มพิการคนหนึ่งขึ้นมา แต่ไม่มีใครลุกให้เขานั่งเลย ยายรู้ว่า ถ้าคนแก่ ๆ อย่างยายลุกให้เขานั่ง เขาคงจะอายแน่ ๆ ยายเลยทำเป็นว่าจะลงเสียที่นี่ พอยายกดกริ่งให้รถจอด เขาก็เดินมานั่งตรงที่ยายนั่งได้โดยไม่ต้องอึดอัดใจ ส่วนยายก็... เอ้อ... …รถประจำทางมันมีอยู่เสมอไม่ใช่หรือจ๊ะ แม่หนู...” (เรื่องจริง โดย แมรี่ อี เคลมองส์ แปลโดย วรวิทย์) พี่น้องที่รัก ไม่ทราบว่าทุกท่าน คิดเหมือนผมหรือเปล่าที่ว่า คุณยายท่านนี้ท่านช่างมีน้ำใจและจิตใจงดงามยิ่งนัก ผมเองก็อยากเป็นคน ที่มีน้ำใจเช่นนี้เหมือนกัน! “น้ำใจ” หมายถึงอะไร?ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ "น้ำใจ" หมายถึง“ ใจแท้ ๆ, ใจจริง, ความรู้สึกนึกคิด(ที่มาจากใจ)จริง ๆ, ความจริงใจ, นิสัยใจคอ และความเอื้ออาทร นอกจากนี้ยังสามารถหมายถึง ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตา กรุณา และความพร้อมช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจจริง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่หวังผลตอบแทน ”ในทางคุณธรรม “น้ำใจ” คือ ผลของหัวใจที่มีความรัก ความกรุณา และความเสียสละซึ่งสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคำในพระคัมภีร์อย่างเช่น “kindness” (ความกรุณา), “generosity” (ใจกว้าง) และ “compassion” (ความเห็นอกเห็นใจ) ~ขอให้เราเป็นคนมีน้ำใจเช่นนี้ต่อคนในบ้าน คนในโบสถ์ คนในบริษัทหรือที่ทำงาน และคนในสังคม ด้วยน้ำใสใจจริงอย่างที่ คุณยายท่านนี้เป็นและทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง~ขอให้เราทำ ต่อผู้อื่นเหมือนที่พระเยซูเจ้า ทรงกระทำต่อเราเหมือน ดังที่อาจารย์เปาโลแนะนำไว้ว่า“จงมีใจกรุณาต่อกัน มีใจอ่อนโยน และให้อภัยกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าได้ทรงให้อภัยท่านในพระคริสต์” -เอเฟซัส 4:32~ขอให้เราทำสิ่งที่ดีงามด้วย “น้ำใจ” ไม่ใช่แค่การให้หรือการทำเพียงเพราะเป็นหน้าที่ จงแต่เป็นการให้ด้วย ความยินดีและสมัครใจ!~ขออย่าให้เราเพียงแต่ พูด หรือสอน เรื่อง”น้ำใจ“ แต่~ขอให้เราแสดงน้ำใจออกมาต่อกันและกันให้ประจักษ์ด้วยความรักและผลพระวิญญาณอื่นๆ( กาลาเทีย 5:22–23) เหมือนดังที่พระคัมภีร์กำชับเราไว้ว่า “อย่าให้ความรักของท่านเป็นเพียงคำพูดหรือวาจา แต่ให้เป็นการกระทำที่แท้จริง!” ~ 1 ยอห์น 3:18 …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 12พฤศจิกายน2025 (ตอนที่226ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่225) หัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความกตัญญู! “พระเยซูจึงตรัสว่า “มีสิบคนหายสะอาดไม่ใช่หรือ? แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน? ไม่มีใครกลับมาสรรเสริญพระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ?”” ~ลูกา 17:17-18 THSV11 ““Jesus asked, “Were not all ten cleansed? Where are the other nine? Has no one returned to give praise to God except this foreigner?”” ~Luke 17:17-18 NIV ในพระคัมภีร์ เล่าว่า“ตามทางไปกรุงเยรูซาเล็ม 1.พระเยซูเสด็จเลียบระหว่างแคว้นสะมาเรียและแคว้นกาลิลี และขณะที่2.พระองค์กำลังเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มี3.คนโรคเรื้อนสิบคนมาพบพระองค์ พวกเขา ~ ยืนอยู่แต่ไกล และ ~ส่งเสียงร้องว่า “เยซูนายเจ้าข้า โปรดเมตตาเราเถิด” เมื่อ4.พระองค์ทอดพระเนตรเห็นแล้วจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปสำแดงตัวแก่พวกปุโรหิตเถิด” เมื่อ5.พวกเขากำลังเดินไปก็หายสะอาด 6.คนหนึ่งในพวกนั้นเมื่อเห็นว่าตัวเองหายโรคแล้ว ~จึงกลับมาสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงดัง และ ~กราบลงที่พระบาทของพระเยซู ขอบพระคุณพระองค์ คนนั้นเป็นชาวสะมาเรีย 7.พระเยซูจึงตรัสว่า “มีสิบคนหายสะอาดไม่ใช่หรือ? แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน? ไม่มีใครกลับมาสรรเสริญพระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ?” แล้ว8.พระองค์ตรัสกับคนนั้นว่า “จงลุกขึ้นและไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ตัวท่านหายปกติแล้ว”” ~ลูกา 17:11-19 THSV11 มี 10 คนที่หายโรค แต่มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่กลับมาขอบคุณพระเยซูคริสต์แถมยังเป็นคนสะมาเรียไม่ใช่คนยิวซะด้วย!พี่น้องที่รัก 1.ขอให้เราเป็นคนมีใจกตัญญู ที่รู้จักขอบคุณพระเจ้าและทุกคนที่มีบุญคุณต่อเรา 2.ขอให้เราจดจำพระคุณพระเจ้าและบุญคุณของคนอื่นไว้เสมอ 3.ขอให้เราเป็นคนที่พระเจ้าทรงจำได้“คนที่จดจำบุญคุณของผู้อื่นได้ คือคนที่พระเจ้าทรงจำได้เช่นกัน” (Those who remember others' kindness are remembered by God.) 4.ขอให้เราเป็นคนมีความสุข ที่รู้จักขอบคุณพระเจ้าและผู้อื่นอยู่เสมอ ดังคำกล่าวที่ว่า“คนที่รู้จักขอบคุณ ย่อมไม่ขาดความสุข” (Those who give thanks never run out of joy.) 5.ขอให้เรามีชีวิตที่งดงาม เพราะมีใจซาบซึ้ง กตัญญูต่อพระเจ้าและผู้อื่น “ความกตัญญูไม่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่ทำให้ชีวิตงดงามขึ้นเสมอ” (Gratitude doesn't make life perfect, but it always makes it beautiful.) 6.ขอให้เรามองเห็นสิ่งดีที่จะขอบพระคุณ แม้แต่ในเรื่องที่ดูเล็กน้อย“ใจที่กตัญญู มองเห็นคุณค่าอันยิ่งใหญ่แม้แต่ในสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด!“(A grateful heart sees greatness even in the smallest things.)7.ขอให้เราเข้าใจไว้เสมอว่า ความกตัญญูเป็นรากฐานสำคัญของชีวิต“ความกตัญญูรู้คุณคือรากฐานของความดีทุกอย่าง”(Gratitude is the root of all goodness.)8.ขอให้เรามีใจขอบคุณซาบซึ้งกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อย“ความสุขไม่ได้มาจากการมีมากขึ้น แต่มาจากใจที่ขอบคุณในสิ่งที่มีอยู่แล้ว”(Happiness doesn't come from having more, but from being thankful for what we already have.)9.ขอให้เราตอบแทนพระคุณด้วยการกระทำดี ไม่ใช่แค่พูดคำว่า “ขอบคุณ” “กตัญญูไม่ใช่เพียงแค่คำพูด ‘ขอบคุณ' แต่คือการมีชีวิตตอบแทนด้วยความดี” (Gratitude is not just a word of thanks, but a life that gives back in goodness.)10.ขอให้เราชนะความขมขื่นใจ ด้วยหัวใจที่รู้จักขอบพระคุณ “หัวใจที่รู้จักขอบคุณ ย่อมไม่ขมขื่นต่อชีวิต” (A thankful heart never turns bitter toward life.) พี่น้องที่รัก ขอให้เราเป็นคนดี ที่มีใจกตัญญูรู้คุณอยู่เสมอ “ใจกตัญญู คือใจที่มองเห็นพระคุณในทุกสิ่ง แม้แต่ในสิ่งที่คนอื่นมองข้าม”(A grateful heart sees grace in everything, even in what others overlook.)ขอให้เรา อย่าเป็นเหมือนคน9คนนััน ที่หายโรค แต่ไม่แม้แต่จะกลับมาขอบคุณพระเยซู แต่ขอให้เราขอบคุณพระเจ้าได้ในทุกสถานการณ์ “เมื่อเราขอบคุณพระเจ้าได้ในทุกสถานการณ์ ความทุกข์จะกลายเป็นครู และความสุขจะกลายเป็นพร!” (When we thank God in every circumstance, pain becomes a teacher and joy becomes a blessing. …อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 11พฤศจิกายน2025 (ตอนที่225ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมำชีวิตตอน อย่าถอยหลัง Ep.14481 พงศ์กษัตริย์ 14:19-31 ได้บันทึกความเป็นไปของอิสราเอลเหนือ คือเยโรโบอัมเสียชีวิตแล้วลูกชายขึ้นมาแทน นอกจากนั้นได้บันทึกถึงความเสื่อมทรามของอิสราเอลใต้'ยูดาห์ทำชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทำให้พระองค์ขุ่นเคืองพระทัยยิ่งกว่าที่บรรพบุรุษได้ทำทั้งสิ้น เพราะบาปที่พวกเขาได้ทำนั้น ' 1 พงศ์กษัตริย์ 14:22พวกเขาเคยอยู่จุดนั้นมาแล้วในสมัยก่อนมีกษัตริย์ แต่ตอนนี้พระวจนะของพระเจ้าบันทึกว่า พวกเขาทำยิ่งกว่า พวกเขาทำในสิ่งที่พระเจ้าห้าม ก่อนที่เขาจะเข้ายึดคะนาอันพระเจ้าสั่งให้ทำลายปูชนียสถานสูง เสาศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่อาเช-ราห์ แต่ตอนนี้พวกเขาสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ในเมืองที่พระเจ้าตั้งพระวิหารที่ประทับของพระองค์ นอกจากนั้นพวกเขายังมีการนมัสการที่พระเจ้าเกลียดชังคือพวกเขาร่วมเพศในเทวสถาน ตลอดสมัยของเรโหโบอัมก็มีสงครามกับเยโรโอัมตลอด คือพวกเขารบกันเอง และในที่สุดเรโหโบอัมก็เสียชีวิต ลูกชายของเขาก็ขึ้นมาแทน เรื่องราวนี้สะท้อนถึงชีวิตของเราได้อย่างดีมากๆ ขอเรารักษาชีวิตของเราไว้ในความสัมพันธ์กับพระเจ้า 'แต่พวกเราเองไม่ใช่พวกที่หันกลับ และถึงซึ่งความพินาศ แต่เป็นพวกที่เชื่อมั่น จึงทำให้ชีวิตปลอดภัย' ฮีบรู 10:39อย่าหยุดที่จะเชื่อและวางใจ ขอให้เราบากบั่นต่อไป เพราะเมื่อเราหยุด เราอาจจะไม่อยากไปต่อแล้ว ซึ่งบางทีเราอาจจะถอยหลังโดยไม่รู้ตัว พระเยซูทรงทำให้ใจของเราหรือบ้านของเราสะอาดแล้ว พระองค์เตือนเราว่าอย่าปล่อยให้บ้านว่าง เพราะความชั่วร้ายจะกลับมา แล้วมันจะหนักกว่าเดิมอีก ขอให้เราเติมช่องว่างนั้นให้เต็มด้วยความรักของพระเจ้า ด้วยความสัมพันธ์กับพระองค์ บากบั่นเดินต่อไปเพื่อชีวิตของเราจะเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ถ้าไม่เดินหน้าต่อไป ระวังจะถอยหลังนะครับวุฒิ วงศ์สรรเสริญ

พระธรรมนำชีวิต ตอน อย่าผลักพระเจ้าออกจากชีวิต Ep.1447 เมื่อผมใช้เวลาอยู่กับพระเจ้าใน 1 พงศ์กษัตริย์ 14 ผมรู้สึกซาบซึ้งใจในพระคุณและพระเมตตาของพระเจ้าอย่างมาก เพราะถ้าเราต้องรับผลของบาปแบบนี้คงไม่มีใครรอดได้เลย แต่เพราะพระเยซูทรงไถ่ ทรงรับผลกรรมบาปแทนเราทำให้เรามีความหวังและทำให้เรามีชีวิตใหม่ ในข้อ 1–18 เยโรโบอัมเริ่มได้รับผลของการละทิ้งพระเจ้า ลูกชายของเขาล้มป่วย จนต้องให้พระมเหสีปลอมตัวไปหาอาหิยาห์ผู้เผยพระวจนะที่แจ้งข่าวว่าพระเจ้าให้ท่านขึ้นเป็นกษัตริย์เพื่อขอรู้ชะตากรรมของลูก แม้ว่าอาหิยาห์ตาจะบอด แต่พระเจ้าไม่ได้ตาบอด พระองค์ทรงรู้ล่วงหน้าและตรัสกับเขาว่า มเหสีของเยโรโบอัมจะมา เมื่อได้ยินฝีเท้าเขาก็รู้ว่าพระนางมาแล้ว อาหิยาห์เชิญเธอมาในบ้านและบอกกับเธอว่า'ขอเสด็จไปทูลเยโรโบอัมว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เพราะเราได้ยกเจ้าขึ้นจากฝูงชน และทำให้เจ้าเป็นประมุขเหนืออิสราเอลประชากรของเรา และได้ฉีกราชอาณาจักรจากราชวงศ์ของดาวิดมาให้เจ้า แต่เจ้าก็ไม่เหมือนอย่างดาวิดผู้รับใช้ของเรา ผู้รักษาบัญญัติทั้งหลายของเรา และติดตามเราด้วยสุดใจของเขา ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา แต่เจ้าได้ทำชั่วยิ่งกว่าทุกคนที่อยู่ก่อนเจ้า เจ้าไปสร้างพระอื่นและรูปหล่อโลหะ และทำให้เราโกรธ และได้เหวี่ยงเราทิ้งเบื้องหลังของเจ้า ' 1 พงศ์กษัตริย์ 14:7-9 พระเจ้าเตือนเยโรโบอัมหลายครั้งแต่เขาไม่กลับใจจึงต้องรับผลคือ คำสาปแช่งหรือการลงโทษด้วยเหตุร้ายจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา เหตุร้ายนี้จะเกิดขึ้นกับทาสและประชาชน พวกเขาจะถูกทำลายแบบอนาถ เมื่อพระมเหสีก้าวท้าวเข้าวังลูกของเยโรโบอัมก็เสียชีวิต นี่เป็นบทเรียนที่สำคัญว่า คนที่ผลักพระเจ้าออกจากชีวิตจะพาตัวเองสู่ความพินาศ แต่คนที่กลับใจหันมาหาพระเจ้าจะพบพระคุณและความเมตตาเสมอ'เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา' โรม 6:23 สำหรับเราพระเยซูทรงรับผลของบาปแทนเรา เพื่อเราจะมีชีวิตใหม่เป็นคนใหม่ไม่ใช่เพื่อให้เราชินชากับความผิดบาป ขอให้เราหันกลับมาหาพระเจ้ามารักพระองค์และสำนึกในพระคุณของพระองค์ พระเจ้าทรงเตือนเราเพราะพระองค์รักเรา ไม่ใช่เพราะพระองค์เกลียดเรา ขอพวกเราอย่าผลักพระเจ้าออกจากชีวิตเหมือนเยโรโบอัม อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ที่เจ็บปวดก่อน เราจึงค่อยกลับใจ แต่ขอให้เราทุกคนรู้ว่า พระเจ้าเปิดทางรอดให้เสมอนั้นคือพระเยซูคริสต์ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่224) วินัยในคริสตจักร (Church Discipline) “การตีสอนทุกอย่างดูไม่น่ายินดีเลยในเวลานั้น แต่น่าเศร้าใจ แต่ภายหลังก็ก่อให้เกิดผลคือสันติสุขและความชอบธรรม แก่บรรดาคนที่ถูกฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น” ~ฮีบรู 12:11 THSV11 “No discipline seems pleasant at the time, but painful. Later on, however, it produces a harvest of righteousness and peace for those who have been trained by it.” Hebrews 12:11 NIV “วินัยในคริสตจักร” หมายถึง“การดูแล แก้ไข ตักเตือน ตีสอน และนำผู้เชื่อในคริสตจักรให้กลับคืนสู่ความจริง และทางที่ถูกต้อง เมื่อเขาเดินผิดไปจากพระวจนะของพระเจ้า”พูดสั้นๆ คือ “วินัยในคริสตจักร” คือ “การรักษาชีวิตฝ่ายวิญญาณของสมาชิก และความบริสุทธิ์ของคริสตจักร ให้อยู่ในวิถีทางของพระเจ้า” “วินัยในคริสตจักร“ จึงหมายถึง “การสอน(สั่งสอน/ตีสอน) ดูแล แก้ไข และนำสมาชิกของคริสตจักรที่ทำผิด หรือหลงไปในทางบาป 1.ให้กลับใจและกลับมาสู่ความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง 1).กับพระเจ้า 2).กับคริสตจักร และ 3).กับพี่น้อง 2.ให้ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า และ 3.ให้รักษาความบริสุทธิ์ของคริสตจักรไว้ เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ”วินัยในคริสตจักร“ จึงเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบ ในเรื่องการรักษา1.ความบริสุทธิ์2.ความถูกต้อง3.ความแข็งแรง และ4.ความเจริญเติบโต ของคริสตจักร ที่ต้องกระทำด้วยความรัก และความเมตตา ”วินัยในคริสตจักร“ จึงไม่ใช่เพื่อการลงโทษ แต่เป็น 1.การฟื้นฟูให้คืนสู่สภาพเดิม และ 2.การรักษา ที่ทำให้คริสตจักรกลับมามีสุขภาพดีฝ่ายจิตวิญญาณตามหลักการของพระคัมภีร์ เป้าหมายและกระบวนการ ของ”วินัยในคริสตจักร“ จากพระคัมภีร์ จึงมุ่งเน้น การคืนดี ไม่ใช่การขับไล่ ซึ่งมีอย่างน้อย3ขั้นตอน ตามที่พระเยซูคริสต์มอบไว้ให้กระทำตาม ดังนี้ 1.ตักเตือนเป็นส่วนตัว “ถ้าพี่น้องของท่านทำบาป จงไปตักเตือนเขาโดยลำพัง~ถ้าเขายอมรับที่จะแก้ไข ก็จบ”2.ตักเตือนร่วมกับพยานสองสามคน “ถ้าเขาไม่ฟัง ก็จงพาอีกหนึ่งหรือสองคนไปด้วย~ถ้าเขายอมที่จะแก้ไข ก็จบ”3.ตักเตือนโดยคริสตจักร “ถ้าเขาไม่ยอมฟังพวกเขา ก็จงแจ้งแก่คริสตจักร ~ถ้าเขายอบแก้ไข ก็จบ” แต่ถ้าหากว่า แม้มีการกระทำตามขั้นตอนขั้นต้นแล้ว กระนั้นผู้กระทำผิดที่ถูกตักเตือนแล้ว ก็ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมรับผิดและไม่ยอมให้ความร่วมมือในการปรับปรุงแก้ไข อย่างที่ควร ก็ให้คริสตจักรตัดคนๆนัันออกจากการเป็นสมาชิก”พี่น้องที่รัก เราต้องรักเมตตาสมาชิกของเราในขณะที่มีการลงวินัย แต่เราต้องไม่ปล่อยปละ ละเลย อนุโลม หรือยอมให้ผู้ใดกระทำบาปผิด โดยไม่จัดการลงวินัยตามวิถีของพระเจ้า เพราะว่า “การเพิกเฉยต่อวินัยและไม่จัดการกับบาป นั่นไม่ใช่ความเมตตา แต่คือการมองข้ามความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า!” (To ignore discipline and sin is not an act of mercy, but a disregard for the holiness of God.) … เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 10พฤศจิกายน2025 (ตอนที่224ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศ

พระธรรมนำชีวิต ตอน ต้องกลับใจไม่ใช่แค่รับรู้ Ep.1446 บางครั้งพระเจ้าตักเตือนเราด้วยพระวจนะของพระเจ้า บางครั้งเตือนผ่านคนหรือผ่านเหตุการณ์ แต่ความจริงที่น่ากลัวคือมีคนจำนวนมาก ได้ยินทุกอย่าง เห็นทุกอย่าง แต่ชีวิตไม่เปลี่ยนอะไรเลย เหมือนเยโรโบอัม แม้แขนของเขาจะแห้งและพระเจ้าทรงรักษา แต่เขายังกลับไปทำตามใจตัวเองอีก 1 พงศ์กษัตริย์ 13 ไม่ได้ถูกเขียนไว้เพียงเพื่อเป็นเล่าเรื่องอดีต แต่เพื่อเตือนเราว่า พระวจนะของพระเจ้าต้องสำเร็จแน่นอน พระเจ้าต้องการให้เรากลับใจ ไม่ใช่แค่รับรู้ 'เมื่อผู้เผยพระวจนะผู้ที่นำท่านกลับมาจากทางทราบเรื่อง เขาก็พูดว่า “นั่นคือคนของพระเจ้า ผู้ไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงมอบท่านไว้กับสิงโต ซึ่งได้กัดฉีกท่านและฆ่าท่านตามพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกับท่าน” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:26 แล้วผู้เผยพระวจนะก็ออกไปนำศพของคนของพระเจ้ากลับมาจัดการฝัง และยังสั่งเสียลูกชายด้วยว่า หากเขาเสียชีวิตให้นำร่างของเขาไปฝังไว้ในอุโมงค์เดียวกัน วางกระดูกไว้ข้างๆคนของพระเจ้า ด้วยเหตุผลที่ว่า'เพราะว่าถ้อยคำที่ท่านประกาศโดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ กล่าวโทษแท่นบูชาในเบธเอล และกล่าวโทษนิเวศทุกแห่งของปูชนียสถานสูงซึ่งอยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรีย จะสำเร็จอย่างแน่นอน” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:32 ในตอนจบของบทนี้ พระวจนะของพระเจ้าได้ยืนยันว่า จากเรื่องราวทั้งหมดเยโรโบอัมก็ยังไม่กลับใจ และยังแต่งตั้งคนที่อยากเป็นปุโรหิตให้ได้เป็นปุโรหิต สิ่งนี้เป็นบาปที่ทำให้ครอบครัวของเขาศูนย์เสียอำนาจการปกครองที่เขาอยากรักษาไว้'คนที่ถูกตักเตือนบ่อยๆ แต่ยังหัวรั้น จะถูกทำลายทันทีโดยไม่มีทางแก้ไข ' สุภาษิต 29:1 พระเจ้าไม่ได้ต้องการแค่ความรู้ หรือความเข้าใจ แต่ต้องการหัวใจที่ยอมกลับมาเป็นของพระองค์ ขอให้เรากลับมาหาพระเจ้าด้วยการถ่อมตัว ถ่อมใจของเรายอมรับในพระคุณความรักของพระองค์ และขอให้เรา ระมัดระวังรักษาชีวิตของเราให้อยู่ในความรัก ความยำเกรงและการเชื่อฟัง เพราะคนที่เชื่อฟังและทำตาม ชีวิตของเขาจะไม่พลาดแน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่223) ความหวังของคุณอยู่ที่ไหน?“แล้วความหวังของข้าอยู่ที่ไหนเล่า? ผู้ใดจะเห็นความหวังของข้า?” ~โยบ 17:15 THSV11 “where then is my hope— who can see any hope for me?” ~Job 17:15 NIVถ้าคุณถูกถามว่า “ความหวังของคุณอยู่ที่ไหน?” …คุณจะตอบว่า อย่างไร? เช้าวันที่7พฤศจิกายน (2525)ผมไปร่วมพิธีเปิดเรือ ดูโลส โฮป(Dolous Hope) ซึ่งลำนี้ เข้ามากรุงเทพมหานครเป็นครั้งที่2 (มาครั้งแรก ปี2523) ในวันนี้ ผู้ว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มาเป็นประธานเปิดงาน ผมยินดีที่ได้ฟังเรื่องวิสัยทัศน์ของกรุงเทพมหานคร และของเรือดูโลส ที่ต่างก็กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่าพวกเขานั้นล้วนเป็น ผู้รับใช้1.ในการแบ่งปันให้ความรู้(Knowledge) 2.ในการให้ความช่วยเหลือ( Help)และ3.ในการให้ความหวัง(Hope) แก่ผู้คนที่อยู่ในเมือง(และได้ความรู้ใหม่ด้วยว่า ว่า เลข 0 นั้น ประดิษฐ์โดยชาวอินเดีย) ใช่ครับ ความหวัง(Hope)เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง แล้ว "ความหวัง" ในพระคัมภีร์ เป็นอย่างไร? “ความหวัง”(Hope) ไม่ได้หมายความถึง ความคาดหวังลอยๆ หรือการเดาว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นแต่เป็น ความมั่นใจอย่างแน่วแน่ว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้จะต้องสำเร็จแน่นอนเป็นความหวังที่ ตั้งอยู่บนพระลักษณะของพระเจ้า ไม่ใช่ตั้งอยู่บนตัวเรา หรือ สถานการณ์ใดๆเราผู้ที่เชื่อในพระเจ้าล้วนมีความหวังอันมั่นคงว่าเราจะได้รับการรับรองและการยอมรับจากพระเจ้า “ความหวังที่เรายึดนั้นเป็นเสมือนสมอที่แน่นอนและมั่นคงของจิตใจ เป็นความหวังที่นำไปสู่อภิสุทธิสถานข้างหลังม่าน” ~ฮีบรู 6:19 THSV11 แล้วความหวังของคริสเตียนตั้งอยู่บนอะไร? 1.พระลักษณะของพระเจ้า — เพราะพระองค์ไม่ทรงมุสาและไม่ทรงเปลี่ยนแปลง 2.พระสัญญาและพระวจนะของพระเจ้า — เพราะทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้สำเร็จทั้งสิ้น 3.พระเยซูคริสต์ — เพราะพระองค์ตรัสและทำทุกสิ่งที่ตรัสให้เป็นจริงทุกเรื่อง รวมทั้งการยอมสิ้นพระชนม์และทรงคืนพระชนม์ เพื่อให้เรามีความหวังในชีวิตนิรันดร์ 4.พระวิญญาณบริสุทธิ์~เพราะพระองค์ทรงฤทธิ์สามารถทำสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ใช่ครับ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความหวัง! “พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของความหวัง ขอพระองค์ทรงโปรดให้ท่านทั้งหลายเปี่ยมล้นด้วยความยินดีและสันติสุขในความเชื่อ เพื่อว่าท่านจะได้เปี่ยมล้นด้วยความหวังโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์” ~โรม 15:13 “ความหวัง” ”ความรัก“ และ“ ความเชื่อ”ล้วน เป็นหัวใจสำคัญของชีวิตคริสเตียน ความรักของพระเจ้าและความเชื่อในพระคริสต์จะมอบความแน่ใจและความหวังให้แก่เรา สำหรับวันพรุ่งนี้ด้วย ที่สำคัญคือ “ความหวังในพระคริสต์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่มองเห็น แต่ตั้งอยู่บนพระสัญญาที่มั่นคงของพระเจ้า” (Hope in Christ is not based on what we see, but on the unshakable promises of God.) ดังนั้นจงอ่านพระสัญญาของพระเจ้าใน พระคัมภีร์อยู่เสมอ เพราะว่าในนั้น คุณจะพบกับความหวังและกำลังใจในการช่วยคุณให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆของชีวิตไปได้! ดังนั้น พี่น้องรัก ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญกับวิกฤติใดในชีวิต ขอให้คุณยังคงมีความหวังอยู่ในพระเจ้าเสมอ เหมือนดังคำที่กล่าวไว้ว่า“แม้แต่ในคืนที่มืดมิดที่สุด ความหวังในพระเยซูคริสต์ก็ยังคงส่องสว่างอยู่ตลอดไป!” (Even in the darkest night, hope in Jesus still shines.) … จะอาเมนไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 9พฤศจิกายน2025 (ตอนที่223ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่222) อายุขัยที่พระเจ้ากำหนดไว้คือเท่าไร?“อายุขัยของข้าพระองค์ทั้งหลายคือเจ็ดสิบหรือหากแข็งแรงก็ถึงแปดสิบแต่ช่วงชีวิตนั้นมีแต่ความลำบากและความเศร้าโศกไม่ช้าก็สูญไปและพวกข้าพระองค์ก็จากไป” ~สดุดี 90:10“Our days may come to seventy years, or eighty, if our strength endures; yet the best of them are but trouble and sorrow, for they quickly pass, and we fly away.” ~Psalms 90:10 NIV คำว่า “ตาย ” หมายความว่า “สิ้นใจ สิ้นชีวิต ไม่เป็นอยู่ต่อไป สิ้นสุดสภาพการมีชีวิต เคลื่อนไหวไม่ได้” # ความตาย ทิ้งความปวดร้าวใจ ที่ไม่อาจรักษา! เพื่อไม่ให้ความตายทำลายชีวิตของเราอย่างสิ้นเชิง เราจึงควรจะใส่คุณค่าและความหมายลงไปในชีวิต ก่อนที่วันตายของเราจะมาถึง พี่น้องที่รัก ทุกสิ่งที่เราทำจะมีความหมาย เมื่อเราใส่ความรักลงไปในสิ่งเหล่านั้นด้วย แล้วความรักจะมอบความทรงจำอันตราตรึงใจ แบบที่ไม่มีใครจะแย่งชิงไปได้ กลับคืนมาให้กับเรา ในพระคัมภีร์บอกเราว่าพระเจ้ากำหนดให้ชีวิตของเราแข็งแรงอยู่ได้ด้วยตนเอง เฉลี่ยก็คืออายุ 70 ถึง 80ปี แต่สิ่งที่มากับชีวิตช่วงเวลาดังกล่าวก็คือ 1.ความลำบาก 2.ความเศร้าโศก 3.ความพลัดพรากจากไป ซึ่งหนึ่งในเรื่องลำบาก เศร้าโศก ที่ยากจะรับมือ ก็คือ การป่วยติดเตียงอย่างยาวนาน จนบางครั้ง การตายก็ดีกว่า การมีชีวิตทนทุกขทรมานอย่างยาวนาน!พระคัมภีร์บอกเราว่า1. ชีวิตของเรานั้นสั้น “เพราะชีวิตเราสั้นเหมือนวันวาน จะรู้อะไรก็หาไม่เพราะวันคืนของเราบนโลกเหมือนเงา” ~โยบ 8:92.ชีวิตของเรานั้นมีฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา “มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์“ ~ปัญญาจารย์.3:1 3.ชีวิตของเรานั้นเป็นเรื่องชั่วครู่ “มนุษย์เป็นเหมือนลมหายใจวันเวลาของเขาเหมือนเงาที่ผ่านไป” ~สดุดี144:4 “แต่ท่านไม่รู้เรื่องของวันพรุ่งนี้ ชีวิตของพวกท่านเป็นเหมือนอะไร? ก็เป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็จางหายไป ” ~ยากอบ4:144.ชีวิตของเรา นั้น เราดำเนินอยู่โดยไม่รู้วันตาย “ท่านว่า “นี่แน่ะ พ่อแก่แล้ว พ่อไม่รู้วันตายของพ่อ“ ~ปฐมกาล27:25.ชีวิตของเรา จะต้องตายและถูกลืมเลือนในที่สุด ” เพราะว่าคนเป็นย่อมรู้ว่าเขาเองคงจะตาย แต่คนตายแล้วก็ไม่รู้อะไรเลย เขาไม่อาจรับรางวัล อีก เพราะว่าใครๆ ก็พากันลืมเขาเสียหมด” ~ปัญญาจารย์9:56.ชีวิตของเรา หนีความตายไม่พ้น “เพราะว่าเคราะห์ของบรรดามนุษย์กับเคราะห์ของสัตว์นั้นเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งตาย อีกฝ่ายหนึ่ง ก็ตายเหมือนกัน ทั้งสองมีลมหายใจอย่างเดียวกัน และมนุษย์ไม่มีอะไรดีกว่าสัตว์ เพราะสารพัดก็อนิจจัง” ~ปัญญาจารย์ 3:19 THSV117.ชีวิตของเราควรจะเต็มเปี่ยมด้วยความหมาย ก่อนที่เราจะตาย “ชื่อเสียงดีก็ดีกว่าน้ำมันหอมอย่างดีและวันตายก็ดีกว่าวันเกิด” ~ปัญญาจารย์.7:1 # ชีวิตหนึ่งจะเปี่ยมด้วยความหมายก็ต่อเมื่อ ชีวิตนั้นส่งผลกระทบในทางที่ดีต่อชีวิตของผู้อื่น -แจ๊กกี้ โรบินสัน-สรุป ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอนมากยิ่งกว่าการมีชีวิตอยู่ไม่ใช่ทุกคนจะได้เกิดมา และไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาแล้วจะมีชีวิตอยู่ได้(นาน) แต่ทุกคนที่เกิดมา ล้วนจะได้ตายทุกคน!ความตายสอนเราว่าเราจะหนีความตายไปไม่ได้ เพราะความตาย เป็นสิ่งที่ แน่นอน สากล หนีไม่พ้น และเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร! นั่นคือ ทุกคนที่เกิดมา ล้วนหนีความตายไม่พ้นดังนั้น ขอให้เรา มาทำในสิ่งดีที่ควรทำ 1.เพื่อพระเจ้า และ2.เพื่อคนอื่นๆรอบตัวของเรา … จะดีไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 8พฤศจิกายน2025 (ตอนที่222ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิต ตอน ระวังรักษาไว้ให้ดี Ep.1445 ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระเยซูคริสต์ที่เป็นผู้รับผลของกรรมบาปที่เราทำ เมื่อเราเชื่อและวางใจในพระเยซูแล้วกรรมเวรทุกอย่างทั้งที่เราทำเองหรือที่ถูกส่งต่อมา พระเยซูทรประกาศชัยชนะต่อกรรมบาปนั้นด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์แล้ว 1 พงศ์กษัตริย์ 13:20-25 ได้บอกเล่าเรื่องราวผลของการไม่ยืนหยัดในถ้อยคำของพระเจ้า หลังจากที่คนของพระเจ้ายืนหยัดเชื่อฟังสำเร็จจากเยโรโบอัม เขามาตกม้าตายเพราะผู้เผยพระวจนะ เขายอมกลับมากินและดื่มที่บ้านของผู้เผยพระวจนะนั้น ขณะที่เขากินอยู่พระวจนะของพระเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะนั้นจริงๆ นี่ไม่ใช่คำโกหกอีกแล้ว 'และเขาร้องต่อคนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะเจ้าไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ และไม่รักษาพระบัญญัติที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้า ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:21 เมื่อพระเจ้าตรัสบอกเหตุผลแล้ว พระองค์ก็บอกว่าเขาจะกลับไปไม่ถึงบ้าน เมื่อคนของพระเจ้ารับประทานอาหารเสร็จเขาก็เดินทางกลับบ้าน'เมื่อท่านไป มีสิงโตมาพบท่านระหว่างทางและฆ่าท่านเสีย แล้วศพของท่านก็ถูกทิ้งไว้ข้างทาง และลาตัวนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆ ศพ สิงโตก็ยืนอยู่ข้างๆ ศพด้วย ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:24 นี่คือผลของคนของพระเจ้าที่ไม่ยึดถือรักษาถ้อยคำของพระเจ้าจนถึงที่สุด เขาพลาดยอมเชื่อฟังของปลอมที่ดูคล้ายๆ แน่นอนสำหรับเราในยุคพระคุณของพระเจ้า เราจะไม่พบโทษแบบนี้แล้ว เพราะพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์เพื่อเรา เมื่อเราเชื่อและวางใจในพระเยซูเราก็อยู่ในพระคุณของพระเจ้าแล้ว 'เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง ' 1 โครินธ์ 10:12 ขอให้เราจะยังคงรักษาความบริสุทธิ์นั้น และหมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ที่พระเจ้าเป็นผู้เริ่มต้นให้เราด้วยการอธิษฐานและการรู้จักพระเจ้าผ่านพระวจนะของพระองค์ ขอให้เราระวังรักษา ยึดถือถ้อยคำนั้นให้ถึงที่สุดนะครับ วุฒิ วงศ์สรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่221) คำกำชับ เตือนสติ และหนุนใจ(4) “ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนข้อความเหล่านี้เพื่อให้พวกท่านละอายใจ แต่เขียนเพื่อเตือนสติท่านผู้เป็นเหมือนลูกที่รักของข้าพเจ้า” ~1 โครินธ์ 4:14 THSV11 “I am writing this not to shame you but to warn you as my dear children.” ~1 Corinthians 4:14 NIV เราควรกล้าเตือนสติกันและกันด้วยความรักและความห่วงใย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนที่เรารัก เหมือนดังที่อาจารย์เปาโล เตือนสติผู้เชื่อในคริสตจักรที่เมืองโครินธ์ ดุจพ่อเตือนสติผู้เป็นลูก วันนี้ จึงขอฝากคำเตือนสติไว้ดังนี้ 1”อย่าทอดทิ้งสิ่งดี เพื่อหาสิ่งที่ดีกว่าเพราะว่าวันใดที่คุณรู้ว่าคุณได้สิ่งดีที่สุดแล้วสิ่งดีที่สุดนั้น ก็ได้พบสิ่งที่ดีกว่าตัวคุณ!“ 2“ถ้าไม่อยากจบแบบย่ำแย่ จงตรวจดูให้แน่ว่ามีความสมดุลระหว่างชีวิตและการงานอาชีพครอบครัวและการรับใช้ของคุณหรือไม่? ถ้าไม่สมดุล …ก็จงปรับลด หรือ จงหยุดงานและการรับใช้นั้นรีบทบทวนและปรับปรุงโดยเร็ว อย่าดันทุรังทำอย่างที่เคยทำมาแต่รีบเปลี่ยนแปลงในทันทีในขณะที่ยังมีโอกาสจะแก้ไขได้!“ 3”ถ้าคุณคิดว่าตัวคุณนั้นเล็กน้อยเกินกว่าที่จะสร้างผลกระทบใดๆ แสดงว่าคุณไม่เคยเข้านอนในห้องพร้อมกับยุงตัวเล็กๆ!“ 4“เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่หากเราตั้งใจ เราจะเปลี่ยนอนาคตได้เรากลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดไปแล้วไม่ได้ แต่เราอาจเปลี่ยนตอนจบของสิ่งที่ยังไม่เกิดได้ โดยเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราในปัจจุบันนี้! ดังนั้น ถ้าในเวลาที่ผ่านมา เราไม่ใช่คนดี ก็ขอให้เราเริ่มต้นทำดีตั้งแต่ในวันนี้เป็นต้นไปแล้วในไม่ช้า คนรุ่นหลังจะรู้แต่เพียงว่าเราเป็นคนดีในสายตาของพวกเขา!” 5”การที่พระเจ้าทรงเลือกเราไม่ได้หมายความว่า เราเป็นคนพิเศษหรือดีกว่าคนอื่นเลย แต่นั่นเป็นพระคุณ ที่พระองค์ทรงทำกิจผ่านคนที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างเราเท่านั้น …ดังนั้นอย่าสำคัญตนผิดและดูถูกคนอื่น!“พี่น้องที่รัก จงอย่าเฉยเมยต่อคำเตือนสติ หรือ คำตักเตือนที่มาจากผู้ที่หวังดีต่อเรา และอย่าให้เราเพิกเฉยในการเตือนสติผู้ที่กำลังเสี่ยงและล่อแหลมต่ออันตรายเพราะว่า“การเตือนด้วยความรัก ดีกว่าการปล่อยให้พลาดด้วยความเงียบ!”(A loving warning is better than silent neglect.) …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 7พฤศจิกายน2025 (ตอนที่220ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน พลาดจนได้ Ep.1444 ในตอนที่แล้ว คนของพระเจ้าเชื่อฟังคำของพระองค์แบบเป๊ะ ๆ ไม่ยอมให้เยโรโบอัมหรือสิ่งใดมาล่อลวง แต่ใน 1 พงศ์กษัตริย์ 13:11-19 เราจะพบว่า คนของพระเจ้าก็พลาดจนได้ เพราะสิ่งที่ดูคล้ายๆ แต่ไม่ใช่ พระวจนะของพระเจ้าบอกว่า มีผู้เผยพระวจนะอีกคนนึงในเมืองนั้นได้ยินเรื่องราวของเขาและไปหาเขา พร้อมคำโกหกที่ดูเหมือนเป็นคำของพระเจ้ามาก'ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าจะกลับไปกับท่าน หรือเข้าไปพักกับท่านไม่ได้ ข้าพเจ้าจะรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำกับท่านในสถานที่นี้ไม่ได้ เพราะพระวจนะของพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘อย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่นั่น หรือกลับไปตามทางที่เจ้ามา' ” เขาจึงพูดกับท่านว่า “ข้าพเจ้าก็เป็นผู้เผยพระวจนะเช่นเดียวกับท่านด้วย มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาบอกข้าพเจ้าโดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ว่า ‘จงพาเขากลับบ้านกับเจ้า เพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและดื่มน้ำ' ” แต่เขาโกหกท่าน ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:16-18 คนของพระเจ้ายังยืนยันคำสั่งของพระเจ้า แต่ผู้เผยพระวจนะคนนี้อ้างว่า เขาเป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนกัน และมีคำแจ้งใหม่จากฑูตสวรรค์ แต่นั่นคือคำโกหก บทเรียนที่สำคัญที่เราต้องจำให้ขึ้นใจคือ พระเจ้าจะไม่ทรงกลับคำของพระองค์ ถ้อยคำใหม่ใด ๆ ของพระเจ้าจะต้องไม่ขัดกับสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้ก่อนแล้ว สุดท้ายแล้วคนของพระเจ้าก็เชื่อคำโกหก เพราะมันฟังดูน่าเชื่อถือ ในชีวิตของเราหลายครั้งเราก็รู้ว่าพระเจ้าตรัสอะไร เรายึดมั่นในสิ่งนั้นไหม หรือเราเชื่อคำพูดของคนที่เรียกตัวเองว่าผู้รับใช้พระเจ้า หรือคนของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนความต้องการของตัวเอง อย่าให้เสียงของคนมาแทนที่ถ้อยคำของพระเจ้า ถ้ามีสิ่งใดทำให้เราหันจากสิ่งที่พระเจ้าตรัส ขอให้เราหยุดทันที 'แม้แต่เราเองหรือทูตจากฟ้าสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่พวกท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่พวกท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป ' กาลาเทีย 1:8 ขอให้เรามั่นใจ และยึดมั่นในถ้อยคำของพระเจ้า หากพระเจ้าตรัสแล้วไม่จำเป็นต้องมีคำหรืออะไรใหม่มาทดแทน คนของพระเจ้าไม่พลาดตอนที่เผชิญหน้าเยโรโอัม แต่เขาพลาดตอนที่เขาเผชิญหน้ากับคนที่ดูเหมือนของพระเจ้า สำหรับเรา ขอให้พระวจนะของพระเจ้าเป็นมาตรฐานสูสูงสุดของชีวิต อย่าให้คำพูดของใครก็ตามมาบิดเบือนเราออกไป แม้ว่าเสียงนั้นจะดูว่ามาจากคนของพระเจ้า ผู้นำหรือใครก็ตาม เพื่อเราจะไม่พลาดไปจากพระประสงค์ของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่220) คำกำชับ เตือนสติ และหนุนใจ(3)“พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ เนื่องจากเราได้สอนท่านถึงวิธีดำเนินชีวิตซึ่งจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และท่านดำเนินอย่างนั้นอยู่แล้ว เราจึงขอวิงวอนและเตือนสติท่านในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จงดำเนินให้ดียิ่งขึ้นอีก” ~1 เธสะโลนิกา 4:1 THSV11“Finally, our friends, you learned from us how you should live in order to please God. This is, of course, the way you have been living. And now we beg and urge you in the name of the Lord Jesus to do even more.”"~1 Thessalonians 4:1 GNT ชีวิตเราจำเป็นต้องพร้อมรับคำเตือนสติ ไม่ว่าจะน่าฟังหรือไม่ เหมือนคำกล่าวที่ว่า “คำเตือนสติอาจไม่ไพเราะเสนาะหู แต่ล้วนล้ำค่าต่อชีวิต”“Words of warning may not sound pleasant, but they are precious to life.” วันนี้ มีคำเตือนสติดีๆ มาฝาก ดังนี้ 1“คนมีปัญญาไม่เคยรู้ทุกสิ่งมีแต่คนโง่เท่านั้นที่รู้ทุกอย่าง!” 2”คนที่มีเสรีภาพในพระคริสต์จะไม่ถูกควบคุมโดยบาป แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยพระคุณของพระคริสต์!“ 3“อย่าเถียงกับคนโง่ เพราะเขาจะลากคุณลงไปในระดับเดียวกับเขาและใช้ “ความดื้อ” แทน “ความจริง” จนชนะคุณด้วย “ประสบการณ์”ที่ได้จากการที่เขาอยู่ตรงนั้นมาทั้งชีวิต …แต่คุณเพิ่งลงไป!“ 4“นั่งอยู่ในเรือ แล้วคิดถึงพระเจ้าดีกว่านั่งอยู่ในโบสถ์และคิดถึงเรื่องตกปลาอยู่ในเรือ!” 5”ผิดก็คือผิด แม้ว่าทุกคน ล้วนกระทำกันถูกก็คือถูก แม้ไม่มีใครเขากระทำกัน!“ “อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” ~โรม 12:2 THSV11 6”ไม่เป็นคริสเตียน ก็ทำดีมีเมตตาได้ ใจกว้างได้ มีสติยั้งคิดได้ เลิกเหล้าบุหรี่ยาเสพติดได้ เลิกพนันได้ มีพรสวรรค์ได้ ก้าวหน้าในอาชีพการงานได้ ปลอดภัยในบางอุบัติเหตุได้ ประสบโชคดีได้ แต่สันติสุขแท้และฐานะเป็นบุตรของพระเจ้าจะมาโดยพระคุณพระเจ้าเท่านั้น!“พี่น้องที่รัก ทุกคำเตือนสติล้วนมีประโยชน์ แต่ไม่ใช่ทุกคำเตือนจะน่าฟังเหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “บางคำเตือนทำให้เราน้ำตาไหลในเวลานี้ แต่จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียใจมากมายในภายหลัง”“Some warnings make us cry now, but save us from deeper sorrow later.” …จริงไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 6พฤศจิกายน2025 (ตอนที่220ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย