Podcasts สำหรับการเติมกำลังให้กับจิตวิญญาณของเรา

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่230) พระเจ้าต้องการอะไรจากเรา? “จงถวายเครื่องบูชาคือการขอบพระคุณแด่พระเจ้า และ แก้บนของเจ้าต่อองค์ผู้สูงสุด และ จงร้องทูลเราในวันยากลำบาก เราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายเกียรติแก่เรา”” ~สดุดี 50:14-15 THSV11 “Let the giving of thanks be your sacrifice to God, and give the Almighty all that you promised. Call to me when trouble comes; I will save you, and you will praise me.”” ~Psalm 50:14-15 GNT เหมือนกับที่สามีต้องการตัวของภรรยา และภรรยาต้องการตัวสามี เหมือนกับที่พ่อแม่ต้องการตัวของลูกๆ และลูกๆต้องการตัวพ่อแม่ เหมือนกับที่คนรักต้องการตัวของคนรักของเขาหรือของเธอ เหมือนกับที่คริสตจักรต้องการตัวของสมาชิกและสมาชิกต้องการคริสตจักร พระเจ้าก็ต้องการตัวของคนของพระองค์ เหมือนอย่างที่เราควรต้องการพระองค์เช่นกัน! …แล้วพระเจ้าต้องการตัวคนของพระเจ้า เพื่ออะไรบ้าง?1.พระเจ้าต้องการให้คนของพระองค์ถวายเครื่องบูชาแห่งการโมทนาพระคุณ ~คือให้เรามีซาบซึ้งขอบคุณพระองค์จากใจจริง “จงนำเครื่องการโมทนาพระคุณมาเป็นเครื่องสักการบูชาแด่พระเจ้า” (“จงถวายเครื่องบูชาคือการขอบพระคุณแด่พระเจ้า“) ~สดุดี 50:14ก2.พระเจ้าให้ต้องการคนของพระองค์กระทำให้สำเร็จตามคำสัญญาของพวกเขา ~คือให้เราสัตย์ซื่อทำตามคำสัญญาของเราที่ให้ต่อพระองค์จนลุล่วง ”และแก้บนของเจ้าต่อองค์ผู้สูงสุด” ~สดุดี 50:14ข3.พระเจ้าต้องการให้คนของพระองค์ร้องทูลพระองค์ในยามเผชิญปัญหาอุปสรรค ~คือให้เราถ่อมใจ คิดถึง อธิษฐานและพึ่งพาพระองค์ “และจงร้องทูลเราในวันทุกข์ยากลำบาก ~สดุดี 50:15ก.4.พระเจ้าต้องการให้คนของพระองค์เชื่อและวางใจว่าพระองค์จะช่วยเขา ~คือให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเราแต่จะช่วยเราอย่างแน่นอน “ เราจะช่วยกู้เจ้า “ ~สดุดี 50:15 ข.5.พระเจ้าต้องการให้คนของพระองค์ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ~คือให้เราสามารถทำให้พระเจ้าทรงได้รับเกียรติในทุกสถานการณ์ ”และเจ้าจะถวายพระ(เกียรติ)สิริแก่เรา>>” ~สดุดี 50:15 ข. พี่น้องที่รัก ขอให้เรามอบถวายตัวของเราแด่พระเจ้า และทำสิ่งต่างๆ ดังที่กล่าวมานั้นด้วยความรักสัตย์ซื่ออย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ให้เราทำเป็นเพียงหน้าที่หรือเป็นกิจวัตร เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า“พระเจ้าต้องการหัวใจที่เต็มด้วยรัก ไม่ใช่ชีวิตที่แค่ทำตามหน้าที่อันว่างเปล่า!” (God desires a loving heart, not a life of empty duty.) ดังนั้น ถ้าหากเราจริงจังในการทำตามดังที่กล่าวมา เราจะเป็นลูกที่ทรงโปรดปรานของพระเจ้าเสมอไป และการทำเช่นนนั้นจะช่วยลดโอกาสเกิดความทุกข์โศกและเกิดโอกาสที่จะได้รับพระพรอันสุขสันต์จากพระองค์อย่างไม่ขาดสายกลับมา … จะเห็นด้วยกับผมไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 16พฤศจิกายน2025 (ตอนที่330 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน ผลที่เราไม่ต้องรับ Ep.1453 ในช่วงท้ายบทของ 1 พงศ์กษัตริย์ 15 ได้พูดถึงนาดับลูกชายของเยโรโบอัมถูกบาอาชาจัดการและขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทน ในสองข้อท้ายบทได้บันทึกว่า บาอาชาทำสิ่งชั้วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้าเหมือนเยโรโบอัม วันนี้เรามา 1 พงศ์กษัตริย์ 16 ได้บันทึกสิ่งที่ครอบครัวของบาอาชาจะได้รับ พระเจ้าทรงใช้เยฮูมากล่าวโทษบาอาชา'“ในเมื่อเราได้เชิดชูเจ้าขึ้นมาจากผงคลี และตั้งเจ้าเป็นประมุขเหนืออิสราเอลประชากรของเรา แต่เจ้าได้ดำเนินตามทางของเยโรโบอัม และได้ทำให้อิสราเอลประชากรของเราทำบาป ทำให้เราโกรธด้วยบาปของเขาทั้งหลาย นี่แน่ะ บาอาชา เราจะกวาดล้างเจ้าและราชวงศ์ของเจ้าให้สิ้น และทำให้ราชวงศ์ของเจ้าเหมือนกับราชวงศ์ของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ผู้ใดในวงศ์บาอาชาที่ตายในเมือง สุนัขจะกิน และผู้ใดที่ตายในทุ่งนา นกในอากาศจะกิน” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:2-4 ทั้งครอบครัวจะถูกทำลายไม่มีใครรอด นี่คือการลงโทษที่หนักมาก และเหมือนเยโรโบอัมเลย สิ่งนี้สะท้อนถึงความร้ายแรงของการหันหลังให้พระเจ้า ขณะที่อ่านพระวจนะของพระเจ้านี้ ผมรู้สึกถึงความหนักของคำตัดสิน พระเจ้าทรงยกบาอาชาขึ้นมาแต่เขาใช้สิ่งนั้นทำในสิ่งชั่วร้าย นี่คือคำเตือนสำหรับเราว่า อำนาจ ความสำเร็จ หรือโอกาส ถ้าไม่ได้อยู่ภายใต้การยำเกรงพระเจ้าจะทำชีวิตของเราห่างจากพระเจ้า และเมื่อเราอ่านพบโทษของบาอาชาแล้ว ผมก็ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระเยซูคริสต์ ที่มารับโทษบาปแทนเรา 'เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา' โรม 6:23'เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ ' โรม 8:1 พระเยซูทรงรับโทษแทนเรา รับคำสาปแช่งแทนเรา ทรงรับความตายซึ่งเป็นปลายทางของบาปแทนเรา และพระเยซูทรงชนะความตายนั้นเพื่อนำเราสู่ชีวิต นำให้เราเป็นคนชอบธรรม วันนี้ขอให้เราจะตอบสนองต่อพระคุณนั้นด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์ สำนึกในพระคุณของพระเจ้าโดยใช้ทุกสิ่งที่พระเจ้าประทานเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า ให้เราหันหน้าจดจ่อที่พระองค์ หันจากความชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้า เดินตามพระทัยของพระเจ้าเพื่อให้ชีวิตของเราเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ด้วยกันครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่229) ตัดสินอะไรผิดหรือเปล่าครับ? “บุคคลที่ตัดสินว่าคนอธรรมไม่มีความผิดและ บุคคลที่ลงโทษคนชอบธรรม ทั้งสองก็เป็นที่เกลียดชังต่อพระยาห์เวห์” ~สุภาษิต 17:15 THSV11 “Whoever approves of wicked people and whoever condemns righteous people is disgusting to the Lord.” ~Proverbs 17:15 GW นายโลเปช วาย ฟูเอนเทศ นักเขียนชาวเม็กซิโก เขียนเรื่องไว้เรื่องหนึ่งชื่อ “จดหมายถึงพระเจ้า” มีเนื้อหาที่น่าสนใจดังนี้“ชาวไร่ยากจนคนหนึ่งชื่อนายเลนโซ่ พืชไร่ของเขาถูกภัยธรรมชาติทำลายไปจนหมดสิ้น ไม่เหลือผลผลิตอะไรให้เขาเก็บกินเลย แต่ด้วยความศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจึงเขียนจดหมายจ่าหน้าซองถึงพระองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ครอบครัวและข้าพเจ้าจะต้องอดอยากแน่นอน หากพระองค์ไม่ช่วยเหลือ ปีนี้ ผลผลิตของข้าพเจ้าพินาศหมดสิ้น ข้าพเจ้าจึงต้องการเงินหนึ่งร้อยเปโซเพื่อใช้เป็นทุนในการเพาะปลูกใหม่ และเพื่อข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ต่อไป จนกว่าข้าวโพดจะออกฝักพอเก็บเกี่ยวได้” เมื่อบุรุษไปรษณีย์ผู้มาเก็บจดหมายเห็นจ่าหน้าซองว่า “ถึงพระผู้เป็นเจ้า” เขาก็หัวเราะ นำเรื่องนี้มาเล่าให้พนักงานที่ไปรษณีย์ฟังหัวหน้าไปรษณีย์จึงตัดสินใจเปิดจดหมายออกอ่าน และด้วยความเห็นใจ และเพื่อรักษาศรัทธาของเลนโซ่ต่อพระผู้เป็นเจ้า เขาจึงเรี่ยไรเงินกันในที่ทำการไปรษณีย์นั้นโดยบอกว่าจะเอาไปช่วยคนเดือดร้อนเป็นการกุศลผลปรากฎว่าได้เงินมา70 เปโซ สัปดาห์ต่อมา เลนโซ่ไปที่ทำการไปรษณีย์ เพื่อขอรับจดหมายจากพระผู้เป็นเจ้า ที่อาจมาถึงตน หัวหน้าไปรษณีย์จึงยื่นซองเงิน 70 เปโซที่มีการจ่าหน้าซองเรียบร้อยให้แก่เลนโซ่ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในกุศลเจตนาของตนเองที่สามารถรวบรวมเงินมาให้เขาจนสำเร็จ เมื่อเลนโซ่ เปิดซองออกเห็นเงินก็ดีใจ แต่หลังจากเขานับเงินเสร็จ เขาก็รู้สึกโกรธ จึงรีบเขียนจดหมายถึงพระผู้เป็นเจ้าอีกฉบับหนึ่งในทันทีว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เงินที่ข้าพเจ้าขอจากพระองค์คือ 100 เปโซ แต่ในซองนี้มีเพียง 70 เปโซเท่านั้นจึงขอพระองค์โปรดส่งเงินจำนวนที่เหลือมาด้วยครับ เพราะข้าพเจ้าต้องการมันอย่างมาก …แต่ขอโปรดอย่าส่งมาผ่านทางไปรษณีย์เป็นอันขาด เพราะไอ้พวกลูกจ้างไปรษณีย์พวกนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพวกขี้ขโมยทั้งนั้น!” ไม่ทราบว่า ถ้าพี่น้องเป็น เป็นหัวหน้าบุรุษไปรษณีย์หรือพนักงานไปรษณีย์เหล่านั้นที่ได้เสียสละรวบรวมเงินให้กับนายเลนโซ่พี่น้องจะรู้สึกหรือคิดอย่างไร ถ้าได้ยินคำพูดของนายเลนโซ่ที่กล่าวกับพระเจ้าเช่นนั้น? พระเยซูคริสต์เตือนไว้ว่า อย่าด่วนพิพากษาตัดสินผู้อื่น “อย่าพิพากษาเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกพิพากษา อย่าตัดสินลงโทษเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ จงยกโทษให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับการยกโทษ” ~ลูกา 6:37 THSV11 ใช่ครับ บางครั้งเราอาจเป็นเหมือนนายเลนโซ่ ที่มั่นใจในความคิดของตนเอง และด่วนตัดสินผู้อื่นอย่างผิดๆ โดยไม่รู้ความจริงที่แท้จริง! อาจารย์เปาโลก็เตือนไว้เช่นกันว่า “ฉะนั้นอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืด และ จะทรงเผยความมุ่งหมายของจิตใจทั้งหลาย เมื่อนั้นแต่ละคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า” ~1 โครินธ์ 4:5 THSV11 ขอให้เราตระหนักไว้เสมอว่า “เมื่อเราด่วนตัดสินคน เรามักตัดสินผิด!“ (Quick judgments are usually wrong judgments.) และขอปิดท้าย วันนี้ ด้วยคำเตือนสำคัญของพระเจ้า อีกครั้งว่า พระเจ้าทรงเกลียดชังทั้ง1.บุคคลผู้ที่ตัดสินว่าคนอธรรมไม่มีความผิด และ2.บุคคลผู้ที่ตัดสิน กล่าวโทษ หรือ ลงโทษคนชอบธรรม ดังนั้น พี่น้องที่รัก ขออย่าทำเช่นนั้น กันเลยนะครับ …ตกลงไหม?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 15พฤศจิกายน2025 (ตอนที่229 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน พระเจ้ามีทางออกเสมอ Ep.1452 หลังจากที่เราเข้าใจเรื่องลำดับวงศ์ของทั้งสองฝั่งแล้ว ผมขอนำเรากลับมาที่ 1 พงศ์กษัตริย์ 15:16-24 เป็นเรื่องราวของอาสากษัตริย์ผู้รักพระเจ้า ที่ยังคงต้องทำสงครามกับอิสราเอลฝ่ายเหนือที่เปลี่ยนราชวงศ์แล้วมาเป็นของบาอาชา มีสงครามกันตลอดในสมัยของทั้งสอง'บาอาชาพระราชาแห่งอิสราเอลได้ทรงขึ้นมาต่อสู้กับยูดาห์ และได้สร้างเมืองรามาห์ เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปเฝ้าหรือออกมาจากอาสาพระราชาแห่งยูดาห์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 15:17 จากการค้นหาข้อมูลได้ความมาว่า เมืองรามาห์เป็นยุทธศาสตร์อยู่ห่างจากเยรูซาเล็มไม่มาก นี่คือการปิดทางเข้าทางออกระหว่างอิสราเอลเหนือและยูดาห์ ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากให้คนอิสราเอลเหนือลงมานมักสารพระเจ้าที่ยูดาห์ได้ เมื่อมีสถานการณ์กดดันเข้ามา อาสาตอบสนองโดยวิธีของตัวเอง เขาพึ่งพาคนที่มีกำลังมากกว่าด้วยเงินทองทั้งหมดเขานำเงินทองนั้นไปให้เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งซีเรีย เพื่อขอให้ซีเรียยกเลิกสัญญาที่มีกับบาอาชา และหันไปโจมตีอิสราเอลเหนือแทน สิ่งนี้ทำให้บาอาชาต้องหยุดสร้างเมืองรามาห์ แล้วอาสาก็สั่งประชานให้ขนหินและไม้จากเมืองนั้นมาใช้สร้างเมืองของตน อาสาหาทางออกได้ก็จริงแต่เขาพึ่งพาสติปัญญา พึ่งเงินทองและความสัมพันธ์ส่วนตัวมากกว่าพระเจ้า เรื่องนี้ผมอ้างอิงเรื่องนี้จาก 2 พงศาวดาร 17 พวกเราสามารถตามไปอ่านเพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้นได้'ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้ ' 1 โครินธ์ 10:13 พระเจ้าไม่ได้สัญญาว่าชีวิตของเราจะไม่มีแรงกดดันหรือการทดลอง แต่พระเจ้าสัญญาว่าไม่มีการทดลองใดที่เราจะทนไม่ได้ เพราะพระเจ้าทรงจัดเตรียมทางออกไว้เราแล้ว ดังนั้นถ้าหากงานไปต่อไม่ได้ ความสัมพันธ์มีปัญหา ทุกอย่างดูถึงทางตันไม่มีทางออก ขอให้เราทำสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การพึ่งพาพระเจ้า เพราะพระองค์รู้ว่าเราทนได้แค่ไหนและเพราะพระองค์ได้เตรียมทางออกไว้แล้ว ก่อนที่เราจะรู้ตัวด้วยซ้ำ อย่าให้แรงกดดันทำให้เราหันออกห่างจากพระเจ้า แต่ขอให้สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ทำให้เราพึ่งพาพระเจ้ามากกว่าเดิม หยุดพึ่งพากำลังของตัวเอง แต่ขอให้เราเชื่อและวางใจในการจัดเตรียมของพระเจ้า เพราะพระเจ้ามีทางออก และทางออกนั้นดีที่สุดแน่นอน ผมคอนเฟิร์ม วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่228) ทันเวลาพอดีจริงๆ! “เมื่อคนชอบธรรมร้องทูล พระยาห์เวห์ทรงสดับ และทรงช่วยกู้เขา ให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น” ~สดุดี 34:17 THSV11 “The righteous cry out, and the Lord hears them; he delivers them from all their troubles.” ~Psalms 34:17 NIV ในทศวรรษปี 1960 ความขัดแย้งกันและกันอย่างรุนแรงในเรื่องเชื้อชาติและสีผิวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา ยังคงคุกรุ่นอยู่ คืนหนึ่ง ราว 5 ทุ่มครึ่ง หญิงชราชาวอัฟริกัน-อเมริกัน ยืนกรำฝนอยู่ริมทางหลวงของ อลาบามา ไฮเวย์ เผชิญกับพายุฝนที่ซัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง เพราะรถของเธอเกิดเสียขึ้นมากลางทาง ในยามนี้ เธอทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าว่าต้องการรถสักคันที่จะช่วยพาเธอให้พ้นจากสภาวะยากลำบากนี้ และเธอออกไปยืนโบกรถเพื่อขอความช่วยเหลือ ชายหนุ่ม ผิวขาวคนหนึ่งหยุดรถและลงมาช่วยเหลือเพื่อส่งเธอไปยังที่ปลอดภัย โดยเรียกรถแท็กซี่ให้เธอ เพราะเธอกำลังอยู่ในอาการที่เร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด! หญิงชราผู้นั้นขอและจดชื่อที่อยู่ของชายใจดีผู้นั้น ขอบคุณเขาแล้วก็นั่งรถแท็กซี่จากไป เจ็ดวันต่อมา มีเสียงเคาะประตูที่บ้านของชายหนุ่มผู้นั้น เมื่อเขาเปิดประตูออกมาก็พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน นั่นคือ มีผู้จัดส่งชุดโทรทัศน์ขนาดใหญ่พร้อมเครื่องเล่นเทปสเตริโอมาให้เขาถึงที่บ้าน พร้อมมีโน้ตข้อความเป็นพิเศษแนบด้วย เขียนไว้ว่า ... “สวัสดี คุณเจมส์ ขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับการช่วยเหลือฉันบนทางหลวงเมื่อคืนนั้น สายฝนในคืนนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เสื้อผ้าของฉันเปียกชุ่มโชก แต่ยังท่วมท้นหัวใจของฉันด้วย แต่แล้วคุณก็ปรากฎตัวขึ้นมา และเป็นเพราะคุณแท้ ๆ จึงทำให้ฉันสามารถไปถึงข้างเตียงของสามีของฉันที่กำลังจะสิ้นลมได้ทันเวลาพอดี ก่อนที่เขาจะสิ้นใจ! ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพระพรคุณสำหรับการช่วยเหลือฉัน และการรับใช้คนอื่นโดยไม่เห็นแก่ตัวเองของคุณ!” ด้วยความจริงใจ นาง แน็ต คิง โคล นาง แน็ต คิง โคล ในเรื่องนี้ คือ นางมาเรีย ฮอว์กินส์ โคล (Maria Hawkins Cole,1922~2012)เป็นนักร้องแจ๊ส ซึ่งแต่งงานกับ แน็ต คิง โคล ในวันที่28 มีนาคม 1948 (มีบุตรด้วยกันหลายคน รวมถึง นาตาลี โคล (Natalie Cole) นักร้องหญิงชื่อดัง) เธอได้รับการยกย่องว่า “มีรสนิยม มีความสง่างาม” และ “มีความเข้มแข็งแม้แต่ในยามที่เผชิญความทุกข์“ เธอและสามีอยู่กินมาด้วยกัน จนกระทั่ง Nat King Cole เสียชีวิตในปี 1965 พระเจ้าทรงพร้อมที่จะช่วยเหลือคนที่ร้องทูลต่อพระองค์เสมอ เหมือนดังที่พระคัมภีร์ สอนว่า1.คนชอบธรรมร้องทูล 2.พระยาห์เวห์ทรงสดับ 3.พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้คนชอบธรรมให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น 4.พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย 5.พระยาห์เวห์ทรงช่วยผู้สิ้นหวัง 6.คนชอบธรรมอาจมีความทุกข์ใจหลายอย่าง 7.พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้คนชอบธรรมออกมาให้พ้นจากความทุกข์ใจทั้งหมด” (สดุดี 34:17-19 THSV11)พี่น้องที่รัก วันนี้ คุณมีความทุกข์ใจอะไรบ้าง? จงทูลขอการช่วยกู้หรือการช่วยเหลือจากพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงพร้อมช่วยเหลือคุณ และพระองค์จะทรงช่วยเหลือคุณทันเวลาเสมอเหมือนดังที่พระองค์ทรงช่วยเหลือนาง มาเรีย ฮอว์กินส์ โคล … คุณเชื่อเช่นนี้ ไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 14พฤศจิกายน2025 (ตอนที่228ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน พลังของพระคุณชนะผลของบาป Ep.1451 เมื่อผมอ่าน 1 พงศ์กษัตริย์ 15 ผมเกิดความสับสนเล็กน้อยจึงอยากจะลำดับราชวงค์ของทั้งสองฝั่งเพื่อสร้างความเข้าใจให้พวกเรา ซึ่งในเรื่องนี้ทำให้เราเห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสเป็นจริงเสมอ ฝั่งยูดาห์เป็นลูกหลานของดาวิด คือเรโหโอัมลูกชายซาโลมอนได้ส่งต่อให้ลูกชายคืออาบียัม เขาละทิ้งพระเจ้า เขาได้ส่งต่อให้อาสาซึ่งคนนี้รักพระเจ้า ในข้อ24 อาสาส่งต่อให้เยโฮชาฟัท ส่วนอิสราเอลเหนือ พระเจ้าได้ตั้งเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่เยโรโบอัมได้สร้างรูปเคารพ สร้างวิหารและแต่งตั้งปุโรหิตขึ้นมาเอง เพราะเขากลัวจะสูญเสียอำนาจ สิ่งนี้พระเจ้านับว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายเขาจึงต้องสูญเสียลูก และพระเจ้าทรงแจ้งว่า ครอบครัวของเขาจะถูกทำลายทั้งหมดไม่มีเหลือ เมื่อเยโรโบอัมเสียชีวิต นาดับลูกชายของเขาก็ขึ้นมาแทน ในข้อ 26 บอกว่านาดับทำในสิ่งชั่วร้ายเหมือน เยโรโบอัม เขาครองตำแหน่งอยู่เพียง 2 ปี แล้วก็ถูกจัดการโดยบาอาชาคนเผ่าอิสสาคาร์ แล้วก็เป็นจริงตามคำของพระเจ้าว่า'ทันทีที่ขึ้นครองราชย์ บาอาชาก็ประหารวงศ์วานทั้งปวงของเยโรโบอัม ไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิตเลย เป็นไปตามที่ องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ตรัสไว้ผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะบาปที่เยโรโบอัมได้ทำและชักนำอิสราเอลให้ทำตาม และเพราะเขาได้ยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ' 1พงศ์กษัตริย์ 15:29-30 TNCV เพราะบาปของเยโรโบอัมที่ละทิ้งพระเจ้า สร้างรูปเคารพสำหรับตัวเอง และยังชักนำให้ประชากรของพระเจ้าหันไปกราบไหว้พระเหล่านั้น ผลคือการลงโทษจากพระเจ้า บทเรียนสำหรับเราคือ เราสร้างอะไรขึ้นมาทดแทนพระเจ้าเพื่อจะปกป้องสิ่งที่เรารักอยู่หรือเปล่า รูปเคารพสำหรับเราในวันนี้อาจจะไม่ใช่วัวทองคำอีกแล้ว มันเป็นชื่อเสียง ความมั่งคังมั่นคง หรือการพึ่งพาตัวเอง ขอให้เรารู้ว่า หากมีสิ่งอื่นมาแทนที่พระเจ้า เราจะพบกับความว่างเปล่า ขอให้เรายังคงอยู่ในพระคุณของพระเจ้า และขอพระเจ้านำให้เราจะไม่ไขว่คว้าบางสิ่งบางอย่างมาเพื่อทดแทนพระองค์'เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่าน พ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย ' โรม 8:1-2 ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณของพระองค์ที่มาถึงเราทางพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงรับโทษนั้นแทนเรา นับเป็นพระคุณที่เราต้องพึ่งพาอาศัยอยู่ในพระคุณนั้นเสมอ ขอให้เราเชื่อจริงๆว่า ถ้อยคำของพระเจ้าจะสำเร็จเป็นจริงทุกประการ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนฤทธิ์อำนาจและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าไม่เคยที่จะลดลงหรือเสื่อมไป ขอให้เราตอบสนองต่อพระคุณนั้นด้วยการรักษาชีวิตแลัหัวใจให้อยู่ในพระเจ้า ขอให้เราจะไม่สร้างสิ่งอื่นมาแทนทีพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่227) คริสเตียนกับความตาย? “พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย คนที่วางใจในเราจะมีชีวิตอีกแม้ว่าเขาจะตายไป และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย เธอเชื่ออย่างนี้ไหม?”” ~ยอห์น 11:25-26 THSV11 “Jesus said to her, “I am the resurrection and the life. The one who believes in me will live, even though they die; and whoever lives by believing in me will never die. Do you believe this?”” ~John 11:25-26 NIV เมื่อคืน(12พฤศจิกายน2025) ผมไปร่วมงานไว้อาลัย ต่อการจากไปของคุณแม่ วรรณาเตชะรักษ์พงศ์ ที่คริสตจักรไมตรีจิต แล้ว กลับมาใคร่ครวญถึงเรื่องความตาย ที่ผมและทุกคนตัองเผชิญ แต่เมื่ออ่านพระดำรัสของพระเยซูคริสต์แล้ว ผมที่เชื่อในพระองค์ก็ไม่รู้สึกกลัวตายอีกต่อไป เพราะว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เพียงแค่ประทานชีวิตให้แก่ผมและพวกเราทุกคน แต่ พระองค์เองก็คือ “ชีวิต!“ และ “แหล่งพลังอำนาจ“ที่จะ 1).ทำให้เรา(รวมทั้งคุณแม่วรรณา)เป็นขึ้นมาจากความตาย และ 2).ทำให้เราไม่ตายอีกเลย!”พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เราเป็น!” เพื่อแสดงให้เห็นถึงภาวะแท้แห่งความเป็นพระเจ้า ของพระองค์(เหมือนกับที่พระเจ้าตรัสว่า “เราเป็นผู้ที่เราเป็น” ในอพยพ 3:14)ซึ่งหมายความว่า ชีวิตอันแท้จริง และ พลังที่จะเอาชนะความตายอยู่ในพระองค์เท่านั้น!จึงกล่าวได้ว่า“อยู่นอกพระเยซู ไม่มีชีวิตนิรันดร์ แต่ อยู่ในพระองค์ ไม่มีความตายที่ถาวร!”(Outside of Jesus, there is no eternal life;but in Him, there is no lasting death!) พระเยซูคริสต์ยังตรัสต่อไปว่า คนที่วางใจในพระองค์ จะมีชีวิตอีก แม้ว่าเขาจะตายไปในทางกายภาพ เหมือนอย่างที่มนุษย์ ทุกคนต้องเผชิญ แต่พระองค์สัญญาไว้ว่า ผู้ที่เชื่อในพระองค์จะ “มีชีวิตอีก” คือจะได้ชีวิตใหม่เป็นขึ้นมาจากความตายในวันสุดท้าย จึงกล่าวได้ว่า “ความตายไม่อาจขโมยชีวิตนิรันดร์ไปจากผู้เชื่อได้ เพราะแม้ร่างกายของเขาจะตายไป แต่วิญญาณจิตของเขาจะยังมีชีวิตในพระองค์ และเขาจะเป็นขึ้นมาใหม่ด้วยกายใหม่ ที่จะไม่ตายอีกเลย ที่เรียกว่า กายวิญญาณ!” พระเยซูคริสต์จึงตรัสว่า “และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย!”ซึ่งหมายความว่า “ความตายฝ่ายวิญญาณ” จะไม่เกิดขึ้นกับผู้ที่เชื่อในพระองค์และผู้ที่อยู่ในพระคริสต์จะไม่มีวันถูกแยกจากพระเจ้าอีกจึงกล่าวได้อีกว่า “แม้ว่าผู้ที่มีศรัทธาในพระคริสต์อาจตายทางร่างกาย แต่เขาจะไม่ตายในฝ่ายจิตวิญญาณและเขาจะมีชีวิตผูกพันต่อเนื่องกับพระเจ้าไปตลอดนิรันดร์กาล!”พระเยซูคริสต์ ทรงเชิญชวนเราแต่ละคนเป็นส่วนตัว โดยถามว่า “เธอเชื่ออย่างนี้ไหม?” พระองค์ไม่ได้เพียงแค่บอกข้อเท็จจริงทางศาสนา แต่พระองค์ทรงถามและเปิดโอกาสให้ เรา“เชื่อด้วยใจ” เพื่อเราจะได้รับความรอดและชีวิตนิรันดร์จากพระเจ้าเมื่อเราเชื่อในพระองค์ใช่ครับ …พระเยซูไม่เพียงสอนเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย แต่ เปิดเผยว่าพระองค์เอง คือ “การเป็นขึ้นจากตาย ”และทรงเรียกเราให้เชื่อวางใจในพระองค์เป็นการส่วนตัว และรับสิทธิพิเศษในการเป็นขึ้นจากตายนั้นด้วยเช่นกัน!จึงสรุปได้ว่า1.พระเยซูคริสต์คือ ชีวิต และ การเป็นขึ้นจากตาย2.พระเยซูทรงรักเรา และทรงประทานการเป็นขึ้นจากตายนั้นให้แก่เรา เมื่อเรากลับใจใหม่ รับการไถ่บาปที่พระเยซูจ่ายโทษบาปนั้นแทนเราบนไม้กางเขนแล้ว3.เราผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์จริงๆ แม้จะตายทางกาย แต่จะไม่ตายฝ่ายวิญญาณอีกเลย ตรงกันข้าม เราจะมีชีวิตนิรันดร์แทนคำถามสำคัญคือ “เธอเชื่ออย่างนี้ไหม?” ถ้าเราเชื่อเช่นนั้น1.เราก็จะมั่นใจและดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข ไร้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตาย2.เราจะรีบบอกข่าวดีนี้แก่ทุกคนที่เรารัก หรือเรารู้จักโดยเร็ว คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้หรือไม่ที่ว่า “ชีวิตบนโลกจบลงที่หลุมฝังศพ แต่ชีวิตนิรันดร์เริ่มขึ้นที่ไม้กางเขนของพระคริสต์!” ( Earthly life ends at the grave, but eternal life begins at the Cross of Christ!.) …ให้มาอาเมนด้วยกัน ดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 13พฤศจิกายน2025 (ตอนที่227ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน ยอมได้แต่ไม่ใช่กับบาป Ep.1450 เราใช้คำว่าอะลุ่มอล่วยกับอะไรบ้างในชีวิต แน่นอนหากชีวิตไม่มีคำนี้เราเองจะติดอยู่กับความไม่ได้ดั่งใจเสมอ ผมทบทวนจากตัวเองว่าเรื่องที่ผมไม่ยอมอะลุ่มอล่วยนั้นมักจะเป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบ แต่เรื่องที่ผมชอบผมก็จะยอมให้ คำถามสำหรับผมในวันนี้คือ แล้วเรื่องที่พระเจ้าไม่ชอบนั้น เรายอมอุลุ่มอล่วยให้สิ่งนั้นไหม 1 พงศ์กษัตริย์ 15:9-15 ได้บันทึกเรื่องราวของอาสาที่ขึ้นมารับช่วงต่อจากอาบียัม ชีวิตเขาไม่อะลุ่มอล่วยให้กับความบาปและสิ่งนี้ทำให้ชีวิตของเขาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า'อาสาทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เหมือนอย่างดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 15:11 เรามาดูกันว่าอาสาทำอะไรบ้าง อาสากวาดล้างพวกเทวทาสที่นมัสการด้วยการร่วมเพศที่พระเจ้าเกลียดชัง เขารื้อถอนรูปเคารพทั้งหมด อาสาถอดมาอาคาห์ หรือคุณย่าของเขาคือมเหสีของเรโหโบอัมจากตำแหน่งเพราะเธอสร้างรูปเคารพน่าเกลียดน่าชังเพื่อพระอาเช-ราห์ และเขาทรงทำลายโดยเผารูปเคารพของพระนางทิ้ง แม้ว่าปูชนียสถานต่างๆ ยังไม่ได้ถูกทำลาย แต่ในข้อ 14 ได้บันทึกว่า หัวใจอาสาก็ภักดีต่อพระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา ผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายที่จะไม่อลุ่มอะล่วยให้กับครอบครัวของตัวเอง แต่อาสาก็กล้าหาญที่จะยึดอยู่บนสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยมากกว่าที่จะยอมๆไปเพื่อคนใกล้ชิด หรือคนที่มีบุญคุณกับเรา'บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังแสวงหาการยอมรับจากมนุษย์หรือจากพระเจ้า? ข้าพเจ้าอุตส่าห์เอาใจมนุษย์หรือ? ถ้าข้าพเจ้ากำลังเอาใจมนุษย์อยู่ ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ทาสของพระคริสต์ ' กาลาเทีย 1:10 ขอเราเองจะเรียนรู้ในเรื่องนี้และยึดหยัดอยู่ในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย ให้หัวใจของเราภักดีอยู่ในพระเจ้าเท่านั้น ขอให้เรายอมอะลุ่มอล่วยกับบางเรื่องบ้าง แต่ไม่ใช่กับเรื่องที่พระเจ้าไม่พอพระทัยคือความบาป ให้เราใช้เวลากับพระวจนะของพระเจ้า และขอพระวิญญาณของพระองค์นำให้เรารู้และเข้าใจพระทัยของพระเจ้าเพื่อเราจะติดตามความต้องการนั้น และยืนอยู่บนความถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้าเหมือนอาสา ขอพระเจ้าเมตตานำเราทุกคนครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่226) น้ำใจอย่างนี้ ยังมีอีกไหม? “จงกำชับพวกเขาให้ทำการดี ให้ทำการดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปัน” ~1 ทิโมธี 6:18 THSV11 “Command them to do good, to be rich in good deeds, and to be generous and willing to share.” ~1 Timothy 6:18 NIV มีเรื่องเล่าว่า “คืนนั้น ฝนตก อากาศหนาวเย็นเหลือเกิน ขณะที่ฉันกำลังยืนรอรถประจำทางอยู่คนเดียว รถประจำทางคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดตรงป้ายที่ดิฉันยืนอยู่ หญิงชราคนหนึ่งค่อย ๆ ตะเกียกตะกายลงจากรถ แล้วเดินตรงมาทางที่ดิฉันยืนอยู่ อย่างเชื่องช้า... “แม่หนู...รถประจำทางคันต่อไป จะมาถึงเมื่อไหร่จ๊ะ?....” หญิงชราผู้นั้นถามดิฉัน ดิฉันจึงถามแกว่า… “แล้วคุณยายจะไปรถสายไหนล่ะคะ” พอแกบอก ดิฉันก็อุทานเสียงดังลั่น “อ้าว...ก็คุณยายเพิ่งลงมาจากรถคันนั้นเมื่อกี้นี่เองนี่คะ” “เอ้อ...” หญิงชราตอบตะกุกตะกักอย่างอาย ๆ “คือว่า ...บนรถคันเมื่อกี้นี้มีชายหนุ่มพิการคนหนึ่งขึ้นมา แต่ไม่มีใครลุกให้เขานั่งเลย ยายรู้ว่า ถ้าคนแก่ ๆ อย่างยายลุกให้เขานั่ง เขาคงจะอายแน่ ๆ ยายเลยทำเป็นว่าจะลงเสียที่นี่ พอยายกดกริ่งให้รถจอด เขาก็เดินมานั่งตรงที่ยายนั่งได้โดยไม่ต้องอึดอัดใจ ส่วนยายก็... เอ้อ... …รถประจำทางมันมีอยู่เสมอไม่ใช่หรือจ๊ะ แม่หนู...” (เรื่องจริง โดย แมรี่ อี เคลมองส์ แปลโดย วรวิทย์) พี่น้องที่รัก ไม่ทราบว่าทุกท่าน คิดเหมือนผมหรือเปล่าที่ว่า คุณยายท่านนี้ท่านช่างมีน้ำใจและจิตใจงดงามยิ่งนัก ผมเองก็อยากเป็นคน ที่มีน้ำใจเช่นนี้เหมือนกัน! “น้ำใจ” หมายถึงอะไร?ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ "น้ำใจ" หมายถึง“ ใจแท้ ๆ, ใจจริง, ความรู้สึกนึกคิด(ที่มาจากใจ)จริง ๆ, ความจริงใจ, นิสัยใจคอ และความเอื้ออาทร นอกจากนี้ยังสามารถหมายถึง ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตา กรุณา และความพร้อมช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจจริง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่หวังผลตอบแทน ”ในทางคุณธรรม “น้ำใจ” คือ ผลของหัวใจที่มีความรัก ความกรุณา และความเสียสละซึ่งสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคำในพระคัมภีร์อย่างเช่น “kindness” (ความกรุณา), “generosity” (ใจกว้าง) และ “compassion” (ความเห็นอกเห็นใจ) ~ขอให้เราเป็นคนมีน้ำใจเช่นนี้ต่อคนในบ้าน คนในโบสถ์ คนในบริษัทหรือที่ทำงาน และคนในสังคม ด้วยน้ำใสใจจริงอย่างที่ คุณยายท่านนี้เป็นและทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง~ขอให้เราทำ ต่อผู้อื่นเหมือนที่พระเยซูเจ้า ทรงกระทำต่อเราเหมือน ดังที่อาจารย์เปาโลแนะนำไว้ว่า“จงมีใจกรุณาต่อกัน มีใจอ่อนโยน และให้อภัยกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าได้ทรงให้อภัยท่านในพระคริสต์” -เอเฟซัส 4:32~ขอให้เราทำสิ่งที่ดีงามด้วย “น้ำใจ” ไม่ใช่แค่การให้หรือการทำเพียงเพราะเป็นหน้าที่ จงแต่เป็นการให้ด้วย ความยินดีและสมัครใจ!~ขออย่าให้เราเพียงแต่ พูด หรือสอน เรื่อง”น้ำใจ“ แต่~ขอให้เราแสดงน้ำใจออกมาต่อกันและกันให้ประจักษ์ด้วยความรักและผลพระวิญญาณอื่นๆ( กาลาเทีย 5:22–23) เหมือนดังที่พระคัมภีร์กำชับเราไว้ว่า “อย่าให้ความรักของท่านเป็นเพียงคำพูดหรือวาจา แต่ให้เป็นการกระทำที่แท้จริง!” ~ 1 ยอห์น 3:18 …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 12พฤศจิกายน2025 (ตอนที่226ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่225) หัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความกตัญญู! “พระเยซูจึงตรัสว่า “มีสิบคนหายสะอาดไม่ใช่หรือ? แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน? ไม่มีใครกลับมาสรรเสริญพระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ?”” ~ลูกา 17:17-18 THSV11 ““Jesus asked, “Were not all ten cleansed? Where are the other nine? Has no one returned to give praise to God except this foreigner?”” ~Luke 17:17-18 NIV ในพระคัมภีร์ เล่าว่า“ตามทางไปกรุงเยรูซาเล็ม 1.พระเยซูเสด็จเลียบระหว่างแคว้นสะมาเรียและแคว้นกาลิลี และขณะที่2.พระองค์กำลังเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มี3.คนโรคเรื้อนสิบคนมาพบพระองค์ พวกเขา ~ ยืนอยู่แต่ไกล และ ~ส่งเสียงร้องว่า “เยซูนายเจ้าข้า โปรดเมตตาเราเถิด” เมื่อ4.พระองค์ทอดพระเนตรเห็นแล้วจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปสำแดงตัวแก่พวกปุโรหิตเถิด” เมื่อ5.พวกเขากำลังเดินไปก็หายสะอาด 6.คนหนึ่งในพวกนั้นเมื่อเห็นว่าตัวเองหายโรคแล้ว ~จึงกลับมาสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงดัง และ ~กราบลงที่พระบาทของพระเยซู ขอบพระคุณพระองค์ คนนั้นเป็นชาวสะมาเรีย 7.พระเยซูจึงตรัสว่า “มีสิบคนหายสะอาดไม่ใช่หรือ? แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน? ไม่มีใครกลับมาสรรเสริญพระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ?” แล้ว8.พระองค์ตรัสกับคนนั้นว่า “จงลุกขึ้นและไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ตัวท่านหายปกติแล้ว”” ~ลูกา 17:11-19 THSV11 มี 10 คนที่หายโรค แต่มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่กลับมาขอบคุณพระเยซูคริสต์แถมยังเป็นคนสะมาเรียไม่ใช่คนยิวซะด้วย!พี่น้องที่รัก 1.ขอให้เราเป็นคนมีใจกตัญญู ที่รู้จักขอบคุณพระเจ้าและทุกคนที่มีบุญคุณต่อเรา 2.ขอให้เราจดจำพระคุณพระเจ้าและบุญคุณของคนอื่นไว้เสมอ 3.ขอให้เราเป็นคนที่พระเจ้าทรงจำได้“คนที่จดจำบุญคุณของผู้อื่นได้ คือคนที่พระเจ้าทรงจำได้เช่นกัน” (Those who remember others' kindness are remembered by God.) 4.ขอให้เราเป็นคนมีความสุข ที่รู้จักขอบคุณพระเจ้าและผู้อื่นอยู่เสมอ ดังคำกล่าวที่ว่า“คนที่รู้จักขอบคุณ ย่อมไม่ขาดความสุข” (Those who give thanks never run out of joy.) 5.ขอให้เรามีชีวิตที่งดงาม เพราะมีใจซาบซึ้ง กตัญญูต่อพระเจ้าและผู้อื่น “ความกตัญญูไม่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่ทำให้ชีวิตงดงามขึ้นเสมอ” (Gratitude doesn't make life perfect, but it always makes it beautiful.) 6.ขอให้เรามองเห็นสิ่งดีที่จะขอบพระคุณ แม้แต่ในเรื่องที่ดูเล็กน้อย“ใจที่กตัญญู มองเห็นคุณค่าอันยิ่งใหญ่แม้แต่ในสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด!“(A grateful heart sees greatness even in the smallest things.)7.ขอให้เราเข้าใจไว้เสมอว่า ความกตัญญูเป็นรากฐานสำคัญของชีวิต“ความกตัญญูรู้คุณคือรากฐานของความดีทุกอย่าง”(Gratitude is the root of all goodness.)8.ขอให้เรามีใจขอบคุณซาบซึ้งกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อย“ความสุขไม่ได้มาจากการมีมากขึ้น แต่มาจากใจที่ขอบคุณในสิ่งที่มีอยู่แล้ว”(Happiness doesn't come from having more, but from being thankful for what we already have.)9.ขอให้เราตอบแทนพระคุณด้วยการกระทำดี ไม่ใช่แค่พูดคำว่า “ขอบคุณ” “กตัญญูไม่ใช่เพียงแค่คำพูด ‘ขอบคุณ' แต่คือการมีชีวิตตอบแทนด้วยความดี” (Gratitude is not just a word of thanks, but a life that gives back in goodness.)10.ขอให้เราชนะความขมขื่นใจ ด้วยหัวใจที่รู้จักขอบพระคุณ “หัวใจที่รู้จักขอบคุณ ย่อมไม่ขมขื่นต่อชีวิต” (A thankful heart never turns bitter toward life.) พี่น้องที่รัก ขอให้เราเป็นคนดี ที่มีใจกตัญญูรู้คุณอยู่เสมอ “ใจกตัญญู คือใจที่มองเห็นพระคุณในทุกสิ่ง แม้แต่ในสิ่งที่คนอื่นมองข้าม”(A grateful heart sees grace in everything, even in what others overlook.)ขอให้เรา อย่าเป็นเหมือนคน9คนนััน ที่หายโรค แต่ไม่แม้แต่จะกลับมาขอบคุณพระเยซู แต่ขอให้เราขอบคุณพระเจ้าได้ในทุกสถานการณ์ “เมื่อเราขอบคุณพระเจ้าได้ในทุกสถานการณ์ ความทุกข์จะกลายเป็นครู และความสุขจะกลายเป็นพร!” (When we thank God in every circumstance, pain becomes a teacher and joy becomes a blessing. …อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 11พฤศจิกายน2025 (ตอนที่225ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมำชีวิตตอน อย่าถอยหลัง Ep.14481 พงศ์กษัตริย์ 14:19-31 ได้บันทึกความเป็นไปของอิสราเอลเหนือ คือเยโรโบอัมเสียชีวิตแล้วลูกชายขึ้นมาแทน นอกจากนั้นได้บันทึกถึงความเสื่อมทรามของอิสราเอลใต้'ยูดาห์ทำชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทำให้พระองค์ขุ่นเคืองพระทัยยิ่งกว่าที่บรรพบุรุษได้ทำทั้งสิ้น เพราะบาปที่พวกเขาได้ทำนั้น ' 1 พงศ์กษัตริย์ 14:22พวกเขาเคยอยู่จุดนั้นมาแล้วในสมัยก่อนมีกษัตริย์ แต่ตอนนี้พระวจนะของพระเจ้าบันทึกว่า พวกเขาทำยิ่งกว่า พวกเขาทำในสิ่งที่พระเจ้าห้าม ก่อนที่เขาจะเข้ายึดคะนาอันพระเจ้าสั่งให้ทำลายปูชนียสถานสูง เสาศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่อาเช-ราห์ แต่ตอนนี้พวกเขาสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ในเมืองที่พระเจ้าตั้งพระวิหารที่ประทับของพระองค์ นอกจากนั้นพวกเขายังมีการนมัสการที่พระเจ้าเกลียดชังคือพวกเขาร่วมเพศในเทวสถาน ตลอดสมัยของเรโหโบอัมก็มีสงครามกับเยโรโอัมตลอด คือพวกเขารบกันเอง และในที่สุดเรโหโบอัมก็เสียชีวิต ลูกชายของเขาก็ขึ้นมาแทน เรื่องราวนี้สะท้อนถึงชีวิตของเราได้อย่างดีมากๆ ขอเรารักษาชีวิตของเราไว้ในความสัมพันธ์กับพระเจ้า 'แต่พวกเราเองไม่ใช่พวกที่หันกลับ และถึงซึ่งความพินาศ แต่เป็นพวกที่เชื่อมั่น จึงทำให้ชีวิตปลอดภัย' ฮีบรู 10:39อย่าหยุดที่จะเชื่อและวางใจ ขอให้เราบากบั่นต่อไป เพราะเมื่อเราหยุด เราอาจจะไม่อยากไปต่อแล้ว ซึ่งบางทีเราอาจจะถอยหลังโดยไม่รู้ตัว พระเยซูทรงทำให้ใจของเราหรือบ้านของเราสะอาดแล้ว พระองค์เตือนเราว่าอย่าปล่อยให้บ้านว่าง เพราะความชั่วร้ายจะกลับมา แล้วมันจะหนักกว่าเดิมอีก ขอให้เราเติมช่องว่างนั้นให้เต็มด้วยความรักของพระเจ้า ด้วยความสัมพันธ์กับพระองค์ บากบั่นเดินต่อไปเพื่อชีวิตของเราจะเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ถ้าไม่เดินหน้าต่อไป ระวังจะถอยหลังนะครับวุฒิ วงศ์สรรเสริญ

พระธรรมนำชีวิต ตอน อย่าผลักพระเจ้าออกจากชีวิต Ep.1447 เมื่อผมใช้เวลาอยู่กับพระเจ้าใน 1 พงศ์กษัตริย์ 14 ผมรู้สึกซาบซึ้งใจในพระคุณและพระเมตตาของพระเจ้าอย่างมาก เพราะถ้าเราต้องรับผลของบาปแบบนี้คงไม่มีใครรอดได้เลย แต่เพราะพระเยซูทรงไถ่ ทรงรับผลกรรมบาปแทนเราทำให้เรามีความหวังและทำให้เรามีชีวิตใหม่ ในข้อ 1–18 เยโรโบอัมเริ่มได้รับผลของการละทิ้งพระเจ้า ลูกชายของเขาล้มป่วย จนต้องให้พระมเหสีปลอมตัวไปหาอาหิยาห์ผู้เผยพระวจนะที่แจ้งข่าวว่าพระเจ้าให้ท่านขึ้นเป็นกษัตริย์เพื่อขอรู้ชะตากรรมของลูก แม้ว่าอาหิยาห์ตาจะบอด แต่พระเจ้าไม่ได้ตาบอด พระองค์ทรงรู้ล่วงหน้าและตรัสกับเขาว่า มเหสีของเยโรโบอัมจะมา เมื่อได้ยินฝีเท้าเขาก็รู้ว่าพระนางมาแล้ว อาหิยาห์เชิญเธอมาในบ้านและบอกกับเธอว่า'ขอเสด็จไปทูลเยโรโบอัมว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เพราะเราได้ยกเจ้าขึ้นจากฝูงชน และทำให้เจ้าเป็นประมุขเหนืออิสราเอลประชากรของเรา และได้ฉีกราชอาณาจักรจากราชวงศ์ของดาวิดมาให้เจ้า แต่เจ้าก็ไม่เหมือนอย่างดาวิดผู้รับใช้ของเรา ผู้รักษาบัญญัติทั้งหลายของเรา และติดตามเราด้วยสุดใจของเขา ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา แต่เจ้าได้ทำชั่วยิ่งกว่าทุกคนที่อยู่ก่อนเจ้า เจ้าไปสร้างพระอื่นและรูปหล่อโลหะ และทำให้เราโกรธ และได้เหวี่ยงเราทิ้งเบื้องหลังของเจ้า ' 1 พงศ์กษัตริย์ 14:7-9 พระเจ้าเตือนเยโรโบอัมหลายครั้งแต่เขาไม่กลับใจจึงต้องรับผลคือ คำสาปแช่งหรือการลงโทษด้วยเหตุร้ายจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา เหตุร้ายนี้จะเกิดขึ้นกับทาสและประชาชน พวกเขาจะถูกทำลายแบบอนาถ เมื่อพระมเหสีก้าวท้าวเข้าวังลูกของเยโรโบอัมก็เสียชีวิต นี่เป็นบทเรียนที่สำคัญว่า คนที่ผลักพระเจ้าออกจากชีวิตจะพาตัวเองสู่ความพินาศ แต่คนที่กลับใจหันมาหาพระเจ้าจะพบพระคุณและความเมตตาเสมอ'เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา' โรม 6:23 สำหรับเราพระเยซูทรงรับผลของบาปแทนเรา เพื่อเราจะมีชีวิตใหม่เป็นคนใหม่ไม่ใช่เพื่อให้เราชินชากับความผิดบาป ขอให้เราหันกลับมาหาพระเจ้ามารักพระองค์และสำนึกในพระคุณของพระองค์ พระเจ้าทรงเตือนเราเพราะพระองค์รักเรา ไม่ใช่เพราะพระองค์เกลียดเรา ขอพวกเราอย่าผลักพระเจ้าออกจากชีวิตเหมือนเยโรโบอัม อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ที่เจ็บปวดก่อน เราจึงค่อยกลับใจ แต่ขอให้เราทุกคนรู้ว่า พระเจ้าเปิดทางรอดให้เสมอนั้นคือพระเยซูคริสต์ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่224) วินัยในคริสตจักร (Church Discipline) “การตีสอนทุกอย่างดูไม่น่ายินดีเลยในเวลานั้น แต่น่าเศร้าใจ แต่ภายหลังก็ก่อให้เกิดผลคือสันติสุขและความชอบธรรม แก่บรรดาคนที่ถูกฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น” ~ฮีบรู 12:11 THSV11 “No discipline seems pleasant at the time, but painful. Later on, however, it produces a harvest of righteousness and peace for those who have been trained by it.” Hebrews 12:11 NIV “วินัยในคริสตจักร” หมายถึง“การดูแล แก้ไข ตักเตือน ตีสอน และนำผู้เชื่อในคริสตจักรให้กลับคืนสู่ความจริง และทางที่ถูกต้อง เมื่อเขาเดินผิดไปจากพระวจนะของพระเจ้า”พูดสั้นๆ คือ “วินัยในคริสตจักร” คือ “การรักษาชีวิตฝ่ายวิญญาณของสมาชิก และความบริสุทธิ์ของคริสตจักร ให้อยู่ในวิถีทางของพระเจ้า” “วินัยในคริสตจักร“ จึงหมายถึง “การสอน(สั่งสอน/ตีสอน) ดูแล แก้ไข และนำสมาชิกของคริสตจักรที่ทำผิด หรือหลงไปในทางบาป 1.ให้กลับใจและกลับมาสู่ความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง 1).กับพระเจ้า 2).กับคริสตจักร และ 3).กับพี่น้อง 2.ให้ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า และ 3.ให้รักษาความบริสุทธิ์ของคริสตจักรไว้ เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ”วินัยในคริสตจักร“ จึงเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบ ในเรื่องการรักษา1.ความบริสุทธิ์2.ความถูกต้อง3.ความแข็งแรง และ4.ความเจริญเติบโต ของคริสตจักร ที่ต้องกระทำด้วยความรัก และความเมตตา ”วินัยในคริสตจักร“ จึงไม่ใช่เพื่อการลงโทษ แต่เป็น 1.การฟื้นฟูให้คืนสู่สภาพเดิม และ 2.การรักษา ที่ทำให้คริสตจักรกลับมามีสุขภาพดีฝ่ายจิตวิญญาณตามหลักการของพระคัมภีร์ เป้าหมายและกระบวนการ ของ”วินัยในคริสตจักร“ จากพระคัมภีร์ จึงมุ่งเน้น การคืนดี ไม่ใช่การขับไล่ ซึ่งมีอย่างน้อย3ขั้นตอน ตามที่พระเยซูคริสต์มอบไว้ให้กระทำตาม ดังนี้ 1.ตักเตือนเป็นส่วนตัว “ถ้าพี่น้องของท่านทำบาป จงไปตักเตือนเขาโดยลำพัง~ถ้าเขายอมรับที่จะแก้ไข ก็จบ”2.ตักเตือนร่วมกับพยานสองสามคน “ถ้าเขาไม่ฟัง ก็จงพาอีกหนึ่งหรือสองคนไปด้วย~ถ้าเขายอมที่จะแก้ไข ก็จบ”3.ตักเตือนโดยคริสตจักร “ถ้าเขาไม่ยอมฟังพวกเขา ก็จงแจ้งแก่คริสตจักร ~ถ้าเขายอบแก้ไข ก็จบ” แต่ถ้าหากว่า แม้มีการกระทำตามขั้นตอนขั้นต้นแล้ว กระนั้นผู้กระทำผิดที่ถูกตักเตือนแล้ว ก็ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมรับผิดและไม่ยอมให้ความร่วมมือในการปรับปรุงแก้ไข อย่างที่ควร ก็ให้คริสตจักรตัดคนๆนัันออกจากการเป็นสมาชิก”พี่น้องที่รัก เราต้องรักเมตตาสมาชิกของเราในขณะที่มีการลงวินัย แต่เราต้องไม่ปล่อยปละ ละเลย อนุโลม หรือยอมให้ผู้ใดกระทำบาปผิด โดยไม่จัดการลงวินัยตามวิถีของพระเจ้า เพราะว่า “การเพิกเฉยต่อวินัยและไม่จัดการกับบาป นั่นไม่ใช่ความเมตตา แต่คือการมองข้ามความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า!” (To ignore discipline and sin is not an act of mercy, but a disregard for the holiness of God.) … เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 10พฤศจิกายน2025 (ตอนที่224ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศ

พระธรรมนำชีวิต ตอน ต้องกลับใจไม่ใช่แค่รับรู้ Ep.1446 บางครั้งพระเจ้าตักเตือนเราด้วยพระวจนะของพระเจ้า บางครั้งเตือนผ่านคนหรือผ่านเหตุการณ์ แต่ความจริงที่น่ากลัวคือมีคนจำนวนมาก ได้ยินทุกอย่าง เห็นทุกอย่าง แต่ชีวิตไม่เปลี่ยนอะไรเลย เหมือนเยโรโบอัม แม้แขนของเขาจะแห้งและพระเจ้าทรงรักษา แต่เขายังกลับไปทำตามใจตัวเองอีก 1 พงศ์กษัตริย์ 13 ไม่ได้ถูกเขียนไว้เพียงเพื่อเป็นเล่าเรื่องอดีต แต่เพื่อเตือนเราว่า พระวจนะของพระเจ้าต้องสำเร็จแน่นอน พระเจ้าต้องการให้เรากลับใจ ไม่ใช่แค่รับรู้ 'เมื่อผู้เผยพระวจนะผู้ที่นำท่านกลับมาจากทางทราบเรื่อง เขาก็พูดว่า “นั่นคือคนของพระเจ้า ผู้ไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงมอบท่านไว้กับสิงโต ซึ่งได้กัดฉีกท่านและฆ่าท่านตามพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกับท่าน” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:26 แล้วผู้เผยพระวจนะก็ออกไปนำศพของคนของพระเจ้ากลับมาจัดการฝัง และยังสั่งเสียลูกชายด้วยว่า หากเขาเสียชีวิตให้นำร่างของเขาไปฝังไว้ในอุโมงค์เดียวกัน วางกระดูกไว้ข้างๆคนของพระเจ้า ด้วยเหตุผลที่ว่า'เพราะว่าถ้อยคำที่ท่านประกาศโดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ กล่าวโทษแท่นบูชาในเบธเอล และกล่าวโทษนิเวศทุกแห่งของปูชนียสถานสูงซึ่งอยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรีย จะสำเร็จอย่างแน่นอน” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:32 ในตอนจบของบทนี้ พระวจนะของพระเจ้าได้ยืนยันว่า จากเรื่องราวทั้งหมดเยโรโบอัมก็ยังไม่กลับใจ และยังแต่งตั้งคนที่อยากเป็นปุโรหิตให้ได้เป็นปุโรหิต สิ่งนี้เป็นบาปที่ทำให้ครอบครัวของเขาศูนย์เสียอำนาจการปกครองที่เขาอยากรักษาไว้'คนที่ถูกตักเตือนบ่อยๆ แต่ยังหัวรั้น จะถูกทำลายทันทีโดยไม่มีทางแก้ไข ' สุภาษิต 29:1 พระเจ้าไม่ได้ต้องการแค่ความรู้ หรือความเข้าใจ แต่ต้องการหัวใจที่ยอมกลับมาเป็นของพระองค์ ขอให้เรากลับมาหาพระเจ้าด้วยการถ่อมตัว ถ่อมใจของเรายอมรับในพระคุณความรักของพระองค์ และขอให้เรา ระมัดระวังรักษาชีวิตของเราให้อยู่ในความรัก ความยำเกรงและการเชื่อฟัง เพราะคนที่เชื่อฟังและทำตาม ชีวิตของเขาจะไม่พลาดแน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่223) ความหวังของคุณอยู่ที่ไหน?“แล้วความหวังของข้าอยู่ที่ไหนเล่า? ผู้ใดจะเห็นความหวังของข้า?” ~โยบ 17:15 THSV11 “where then is my hope— who can see any hope for me?” ~Job 17:15 NIVถ้าคุณถูกถามว่า “ความหวังของคุณอยู่ที่ไหน?” …คุณจะตอบว่า อย่างไร? เช้าวันที่7พฤศจิกายน (2525)ผมไปร่วมพิธีเปิดเรือ ดูโลส โฮป(Dolous Hope) ซึ่งลำนี้ เข้ามากรุงเทพมหานครเป็นครั้งที่2 (มาครั้งแรก ปี2523) ในวันนี้ ผู้ว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มาเป็นประธานเปิดงาน ผมยินดีที่ได้ฟังเรื่องวิสัยทัศน์ของกรุงเทพมหานคร และของเรือดูโลส ที่ต่างก็กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่าพวกเขานั้นล้วนเป็น ผู้รับใช้1.ในการแบ่งปันให้ความรู้(Knowledge) 2.ในการให้ความช่วยเหลือ( Help)และ3.ในการให้ความหวัง(Hope) แก่ผู้คนที่อยู่ในเมือง(และได้ความรู้ใหม่ด้วยว่า ว่า เลข 0 นั้น ประดิษฐ์โดยชาวอินเดีย) ใช่ครับ ความหวัง(Hope)เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง แล้ว "ความหวัง" ในพระคัมภีร์ เป็นอย่างไร? “ความหวัง”(Hope) ไม่ได้หมายความถึง ความคาดหวังลอยๆ หรือการเดาว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นแต่เป็น ความมั่นใจอย่างแน่วแน่ว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้จะต้องสำเร็จแน่นอนเป็นความหวังที่ ตั้งอยู่บนพระลักษณะของพระเจ้า ไม่ใช่ตั้งอยู่บนตัวเรา หรือ สถานการณ์ใดๆเราผู้ที่เชื่อในพระเจ้าล้วนมีความหวังอันมั่นคงว่าเราจะได้รับการรับรองและการยอมรับจากพระเจ้า “ความหวังที่เรายึดนั้นเป็นเสมือนสมอที่แน่นอนและมั่นคงของจิตใจ เป็นความหวังที่นำไปสู่อภิสุทธิสถานข้างหลังม่าน” ~ฮีบรู 6:19 THSV11 แล้วความหวังของคริสเตียนตั้งอยู่บนอะไร? 1.พระลักษณะของพระเจ้า — เพราะพระองค์ไม่ทรงมุสาและไม่ทรงเปลี่ยนแปลง 2.พระสัญญาและพระวจนะของพระเจ้า — เพราะทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้สำเร็จทั้งสิ้น 3.พระเยซูคริสต์ — เพราะพระองค์ตรัสและทำทุกสิ่งที่ตรัสให้เป็นจริงทุกเรื่อง รวมทั้งการยอมสิ้นพระชนม์และทรงคืนพระชนม์ เพื่อให้เรามีความหวังในชีวิตนิรันดร์ 4.พระวิญญาณบริสุทธิ์~เพราะพระองค์ทรงฤทธิ์สามารถทำสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ใช่ครับ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความหวัง! “พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของความหวัง ขอพระองค์ทรงโปรดให้ท่านทั้งหลายเปี่ยมล้นด้วยความยินดีและสันติสุขในความเชื่อ เพื่อว่าท่านจะได้เปี่ยมล้นด้วยความหวังโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์” ~โรม 15:13 “ความหวัง” ”ความรัก“ และ“ ความเชื่อ”ล้วน เป็นหัวใจสำคัญของชีวิตคริสเตียน ความรักของพระเจ้าและความเชื่อในพระคริสต์จะมอบความแน่ใจและความหวังให้แก่เรา สำหรับวันพรุ่งนี้ด้วย ที่สำคัญคือ “ความหวังในพระคริสต์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่มองเห็น แต่ตั้งอยู่บนพระสัญญาที่มั่นคงของพระเจ้า” (Hope in Christ is not based on what we see, but on the unshakable promises of God.) ดังนั้นจงอ่านพระสัญญาของพระเจ้าใน พระคัมภีร์อยู่เสมอ เพราะว่าในนั้น คุณจะพบกับความหวังและกำลังใจในการช่วยคุณให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆของชีวิตไปได้! ดังนั้น พี่น้องรัก ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญกับวิกฤติใดในชีวิต ขอให้คุณยังคงมีความหวังอยู่ในพระเจ้าเสมอ เหมือนดังคำที่กล่าวไว้ว่า“แม้แต่ในคืนที่มืดมิดที่สุด ความหวังในพระเยซูคริสต์ก็ยังคงส่องสว่างอยู่ตลอดไป!” (Even in the darkest night, hope in Jesus still shines.) … จะอาเมนไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 9พฤศจิกายน2025 (ตอนที่223ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่222) อายุขัยที่พระเจ้ากำหนดไว้คือเท่าไร?“อายุขัยของข้าพระองค์ทั้งหลายคือเจ็ดสิบหรือหากแข็งแรงก็ถึงแปดสิบแต่ช่วงชีวิตนั้นมีแต่ความลำบากและความเศร้าโศกไม่ช้าก็สูญไปและพวกข้าพระองค์ก็จากไป” ~สดุดี 90:10“Our days may come to seventy years, or eighty, if our strength endures; yet the best of them are but trouble and sorrow, for they quickly pass, and we fly away.” ~Psalms 90:10 NIV คำว่า “ตาย ” หมายความว่า “สิ้นใจ สิ้นชีวิต ไม่เป็นอยู่ต่อไป สิ้นสุดสภาพการมีชีวิต เคลื่อนไหวไม่ได้” # ความตาย ทิ้งความปวดร้าวใจ ที่ไม่อาจรักษา! เพื่อไม่ให้ความตายทำลายชีวิตของเราอย่างสิ้นเชิง เราจึงควรจะใส่คุณค่าและความหมายลงไปในชีวิต ก่อนที่วันตายของเราจะมาถึง พี่น้องที่รัก ทุกสิ่งที่เราทำจะมีความหมาย เมื่อเราใส่ความรักลงไปในสิ่งเหล่านั้นด้วย แล้วความรักจะมอบความทรงจำอันตราตรึงใจ แบบที่ไม่มีใครจะแย่งชิงไปได้ กลับคืนมาให้กับเรา ในพระคัมภีร์บอกเราว่าพระเจ้ากำหนดให้ชีวิตของเราแข็งแรงอยู่ได้ด้วยตนเอง เฉลี่ยก็คืออายุ 70 ถึง 80ปี แต่สิ่งที่มากับชีวิตช่วงเวลาดังกล่าวก็คือ 1.ความลำบาก 2.ความเศร้าโศก 3.ความพลัดพรากจากไป ซึ่งหนึ่งในเรื่องลำบาก เศร้าโศก ที่ยากจะรับมือ ก็คือ การป่วยติดเตียงอย่างยาวนาน จนบางครั้ง การตายก็ดีกว่า การมีชีวิตทนทุกขทรมานอย่างยาวนาน!พระคัมภีร์บอกเราว่า1. ชีวิตของเรานั้นสั้น “เพราะชีวิตเราสั้นเหมือนวันวาน จะรู้อะไรก็หาไม่เพราะวันคืนของเราบนโลกเหมือนเงา” ~โยบ 8:92.ชีวิตของเรานั้นมีฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา “มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์“ ~ปัญญาจารย์.3:1 3.ชีวิตของเรานั้นเป็นเรื่องชั่วครู่ “มนุษย์เป็นเหมือนลมหายใจวันเวลาของเขาเหมือนเงาที่ผ่านไป” ~สดุดี144:4 “แต่ท่านไม่รู้เรื่องของวันพรุ่งนี้ ชีวิตของพวกท่านเป็นเหมือนอะไร? ก็เป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็จางหายไป ” ~ยากอบ4:144.ชีวิตของเรา นั้น เราดำเนินอยู่โดยไม่รู้วันตาย “ท่านว่า “นี่แน่ะ พ่อแก่แล้ว พ่อไม่รู้วันตายของพ่อ“ ~ปฐมกาล27:25.ชีวิตของเรา จะต้องตายและถูกลืมเลือนในที่สุด ” เพราะว่าคนเป็นย่อมรู้ว่าเขาเองคงจะตาย แต่คนตายแล้วก็ไม่รู้อะไรเลย เขาไม่อาจรับรางวัล อีก เพราะว่าใครๆ ก็พากันลืมเขาเสียหมด” ~ปัญญาจารย์9:56.ชีวิตของเรา หนีความตายไม่พ้น “เพราะว่าเคราะห์ของบรรดามนุษย์กับเคราะห์ของสัตว์นั้นเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งตาย อีกฝ่ายหนึ่ง ก็ตายเหมือนกัน ทั้งสองมีลมหายใจอย่างเดียวกัน และมนุษย์ไม่มีอะไรดีกว่าสัตว์ เพราะสารพัดก็อนิจจัง” ~ปัญญาจารย์ 3:19 THSV117.ชีวิตของเราควรจะเต็มเปี่ยมด้วยความหมาย ก่อนที่เราจะตาย “ชื่อเสียงดีก็ดีกว่าน้ำมันหอมอย่างดีและวันตายก็ดีกว่าวันเกิด” ~ปัญญาจารย์.7:1 # ชีวิตหนึ่งจะเปี่ยมด้วยความหมายก็ต่อเมื่อ ชีวิตนั้นส่งผลกระทบในทางที่ดีต่อชีวิตของผู้อื่น -แจ๊กกี้ โรบินสัน-สรุป ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอนมากยิ่งกว่าการมีชีวิตอยู่ไม่ใช่ทุกคนจะได้เกิดมา และไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาแล้วจะมีชีวิตอยู่ได้(นาน) แต่ทุกคนที่เกิดมา ล้วนจะได้ตายทุกคน!ความตายสอนเราว่าเราจะหนีความตายไปไม่ได้ เพราะความตาย เป็นสิ่งที่ แน่นอน สากล หนีไม่พ้น และเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร! นั่นคือ ทุกคนที่เกิดมา ล้วนหนีความตายไม่พ้นดังนั้น ขอให้เรา มาทำในสิ่งดีที่ควรทำ 1.เพื่อพระเจ้า และ2.เพื่อคนอื่นๆรอบตัวของเรา … จะดีไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 8พฤศจิกายน2025 (ตอนที่222ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิต ตอน ระวังรักษาไว้ให้ดี Ep.1445 ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระเยซูคริสต์ที่เป็นผู้รับผลของกรรมบาปที่เราทำ เมื่อเราเชื่อและวางใจในพระเยซูแล้วกรรมเวรทุกอย่างทั้งที่เราทำเองหรือที่ถูกส่งต่อมา พระเยซูทรประกาศชัยชนะต่อกรรมบาปนั้นด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์แล้ว 1 พงศ์กษัตริย์ 13:20-25 ได้บอกเล่าเรื่องราวผลของการไม่ยืนหยัดในถ้อยคำของพระเจ้า หลังจากที่คนของพระเจ้ายืนหยัดเชื่อฟังสำเร็จจากเยโรโบอัม เขามาตกม้าตายเพราะผู้เผยพระวจนะ เขายอมกลับมากินและดื่มที่บ้านของผู้เผยพระวจนะนั้น ขณะที่เขากินอยู่พระวจนะของพระเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะนั้นจริงๆ นี่ไม่ใช่คำโกหกอีกแล้ว 'และเขาร้องต่อคนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะเจ้าไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ และไม่รักษาพระบัญญัติที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้า ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:21 เมื่อพระเจ้าตรัสบอกเหตุผลแล้ว พระองค์ก็บอกว่าเขาจะกลับไปไม่ถึงบ้าน เมื่อคนของพระเจ้ารับประทานอาหารเสร็จเขาก็เดินทางกลับบ้าน'เมื่อท่านไป มีสิงโตมาพบท่านระหว่างทางและฆ่าท่านเสีย แล้วศพของท่านก็ถูกทิ้งไว้ข้างทาง และลาตัวนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆ ศพ สิงโตก็ยืนอยู่ข้างๆ ศพด้วย ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:24 นี่คือผลของคนของพระเจ้าที่ไม่ยึดถือรักษาถ้อยคำของพระเจ้าจนถึงที่สุด เขาพลาดยอมเชื่อฟังของปลอมที่ดูคล้ายๆ แน่นอนสำหรับเราในยุคพระคุณของพระเจ้า เราจะไม่พบโทษแบบนี้แล้ว เพราะพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์เพื่อเรา เมื่อเราเชื่อและวางใจในพระเยซูเราก็อยู่ในพระคุณของพระเจ้าแล้ว 'เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง ' 1 โครินธ์ 10:12 ขอให้เราจะยังคงรักษาความบริสุทธิ์นั้น และหมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ที่พระเจ้าเป็นผู้เริ่มต้นให้เราด้วยการอธิษฐานและการรู้จักพระเจ้าผ่านพระวจนะของพระองค์ ขอให้เราระวังรักษา ยึดถือถ้อยคำนั้นให้ถึงที่สุดนะครับ วุฒิ วงศ์สรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่221) คำกำชับ เตือนสติ และหนุนใจ(4) “ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนข้อความเหล่านี้เพื่อให้พวกท่านละอายใจ แต่เขียนเพื่อเตือนสติท่านผู้เป็นเหมือนลูกที่รักของข้าพเจ้า” ~1 โครินธ์ 4:14 THSV11 “I am writing this not to shame you but to warn you as my dear children.” ~1 Corinthians 4:14 NIV เราควรกล้าเตือนสติกันและกันด้วยความรักและความห่วงใย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนที่เรารัก เหมือนดังที่อาจารย์เปาโล เตือนสติผู้เชื่อในคริสตจักรที่เมืองโครินธ์ ดุจพ่อเตือนสติผู้เป็นลูก วันนี้ จึงขอฝากคำเตือนสติไว้ดังนี้ 1”อย่าทอดทิ้งสิ่งดี เพื่อหาสิ่งที่ดีกว่าเพราะว่าวันใดที่คุณรู้ว่าคุณได้สิ่งดีที่สุดแล้วสิ่งดีที่สุดนั้น ก็ได้พบสิ่งที่ดีกว่าตัวคุณ!“ 2“ถ้าไม่อยากจบแบบย่ำแย่ จงตรวจดูให้แน่ว่ามีความสมดุลระหว่างชีวิตและการงานอาชีพครอบครัวและการรับใช้ของคุณหรือไม่? ถ้าไม่สมดุล …ก็จงปรับลด หรือ จงหยุดงานและการรับใช้นั้นรีบทบทวนและปรับปรุงโดยเร็ว อย่าดันทุรังทำอย่างที่เคยทำมาแต่รีบเปลี่ยนแปลงในทันทีในขณะที่ยังมีโอกาสจะแก้ไขได้!“ 3”ถ้าคุณคิดว่าตัวคุณนั้นเล็กน้อยเกินกว่าที่จะสร้างผลกระทบใดๆ แสดงว่าคุณไม่เคยเข้านอนในห้องพร้อมกับยุงตัวเล็กๆ!“ 4“เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่หากเราตั้งใจ เราจะเปลี่ยนอนาคตได้เรากลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดไปแล้วไม่ได้ แต่เราอาจเปลี่ยนตอนจบของสิ่งที่ยังไม่เกิดได้ โดยเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราในปัจจุบันนี้! ดังนั้น ถ้าในเวลาที่ผ่านมา เราไม่ใช่คนดี ก็ขอให้เราเริ่มต้นทำดีตั้งแต่ในวันนี้เป็นต้นไปแล้วในไม่ช้า คนรุ่นหลังจะรู้แต่เพียงว่าเราเป็นคนดีในสายตาของพวกเขา!” 5”การที่พระเจ้าทรงเลือกเราไม่ได้หมายความว่า เราเป็นคนพิเศษหรือดีกว่าคนอื่นเลย แต่นั่นเป็นพระคุณ ที่พระองค์ทรงทำกิจผ่านคนที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างเราเท่านั้น …ดังนั้นอย่าสำคัญตนผิดและดูถูกคนอื่น!“พี่น้องที่รัก จงอย่าเฉยเมยต่อคำเตือนสติ หรือ คำตักเตือนที่มาจากผู้ที่หวังดีต่อเรา และอย่าให้เราเพิกเฉยในการเตือนสติผู้ที่กำลังเสี่ยงและล่อแหลมต่ออันตรายเพราะว่า“การเตือนด้วยความรัก ดีกว่าการปล่อยให้พลาดด้วยความเงียบ!”(A loving warning is better than silent neglect.) …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 7พฤศจิกายน2025 (ตอนที่220ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน พลาดจนได้ Ep.1444 ในตอนที่แล้ว คนของพระเจ้าเชื่อฟังคำของพระองค์แบบเป๊ะ ๆ ไม่ยอมให้เยโรโบอัมหรือสิ่งใดมาล่อลวง แต่ใน 1 พงศ์กษัตริย์ 13:11-19 เราจะพบว่า คนของพระเจ้าก็พลาดจนได้ เพราะสิ่งที่ดูคล้ายๆ แต่ไม่ใช่ พระวจนะของพระเจ้าบอกว่า มีผู้เผยพระวจนะอีกคนนึงในเมืองนั้นได้ยินเรื่องราวของเขาและไปหาเขา พร้อมคำโกหกที่ดูเหมือนเป็นคำของพระเจ้ามาก'ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าจะกลับไปกับท่าน หรือเข้าไปพักกับท่านไม่ได้ ข้าพเจ้าจะรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำกับท่านในสถานที่นี้ไม่ได้ เพราะพระวจนะของพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘อย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่นั่น หรือกลับไปตามทางที่เจ้ามา' ” เขาจึงพูดกับท่านว่า “ข้าพเจ้าก็เป็นผู้เผยพระวจนะเช่นเดียวกับท่านด้วย มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาบอกข้าพเจ้าโดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ว่า ‘จงพาเขากลับบ้านกับเจ้า เพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและดื่มน้ำ' ” แต่เขาโกหกท่าน ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:16-18 คนของพระเจ้ายังยืนยันคำสั่งของพระเจ้า แต่ผู้เผยพระวจนะคนนี้อ้างว่า เขาเป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนกัน และมีคำแจ้งใหม่จากฑูตสวรรค์ แต่นั่นคือคำโกหก บทเรียนที่สำคัญที่เราต้องจำให้ขึ้นใจคือ พระเจ้าจะไม่ทรงกลับคำของพระองค์ ถ้อยคำใหม่ใด ๆ ของพระเจ้าจะต้องไม่ขัดกับสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้ก่อนแล้ว สุดท้ายแล้วคนของพระเจ้าก็เชื่อคำโกหก เพราะมันฟังดูน่าเชื่อถือ ในชีวิตของเราหลายครั้งเราก็รู้ว่าพระเจ้าตรัสอะไร เรายึดมั่นในสิ่งนั้นไหม หรือเราเชื่อคำพูดของคนที่เรียกตัวเองว่าผู้รับใช้พระเจ้า หรือคนของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนความต้องการของตัวเอง อย่าให้เสียงของคนมาแทนที่ถ้อยคำของพระเจ้า ถ้ามีสิ่งใดทำให้เราหันจากสิ่งที่พระเจ้าตรัส ขอให้เราหยุดทันที 'แม้แต่เราเองหรือทูตจากฟ้าสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่พวกท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่พวกท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป ' กาลาเทีย 1:8 ขอให้เรามั่นใจ และยึดมั่นในถ้อยคำของพระเจ้า หากพระเจ้าตรัสแล้วไม่จำเป็นต้องมีคำหรืออะไรใหม่มาทดแทน คนของพระเจ้าไม่พลาดตอนที่เผชิญหน้าเยโรโอัม แต่เขาพลาดตอนที่เขาเผชิญหน้ากับคนที่ดูเหมือนของพระเจ้า สำหรับเรา ขอให้พระวจนะของพระเจ้าเป็นมาตรฐานสูสูงสุดของชีวิต อย่าให้คำพูดของใครก็ตามมาบิดเบือนเราออกไป แม้ว่าเสียงนั้นจะดูว่ามาจากคนของพระเจ้า ผู้นำหรือใครก็ตาม เพื่อเราจะไม่พลาดไปจากพระประสงค์ของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่220) คำกำชับ เตือนสติ และหนุนใจ(3)“พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ เนื่องจากเราได้สอนท่านถึงวิธีดำเนินชีวิตซึ่งจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และท่านดำเนินอย่างนั้นอยู่แล้ว เราจึงขอวิงวอนและเตือนสติท่านในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จงดำเนินให้ดียิ่งขึ้นอีก” ~1 เธสะโลนิกา 4:1 THSV11“Finally, our friends, you learned from us how you should live in order to please God. This is, of course, the way you have been living. And now we beg and urge you in the name of the Lord Jesus to do even more.”"~1 Thessalonians 4:1 GNT ชีวิตเราจำเป็นต้องพร้อมรับคำเตือนสติ ไม่ว่าจะน่าฟังหรือไม่ เหมือนคำกล่าวที่ว่า “คำเตือนสติอาจไม่ไพเราะเสนาะหู แต่ล้วนล้ำค่าต่อชีวิต”“Words of warning may not sound pleasant, but they are precious to life.” วันนี้ มีคำเตือนสติดีๆ มาฝาก ดังนี้ 1“คนมีปัญญาไม่เคยรู้ทุกสิ่งมีแต่คนโง่เท่านั้นที่รู้ทุกอย่าง!” 2”คนที่มีเสรีภาพในพระคริสต์จะไม่ถูกควบคุมโดยบาป แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยพระคุณของพระคริสต์!“ 3“อย่าเถียงกับคนโง่ เพราะเขาจะลากคุณลงไปในระดับเดียวกับเขาและใช้ “ความดื้อ” แทน “ความจริง” จนชนะคุณด้วย “ประสบการณ์”ที่ได้จากการที่เขาอยู่ตรงนั้นมาทั้งชีวิต …แต่คุณเพิ่งลงไป!“ 4“นั่งอยู่ในเรือ แล้วคิดถึงพระเจ้าดีกว่านั่งอยู่ในโบสถ์และคิดถึงเรื่องตกปลาอยู่ในเรือ!” 5”ผิดก็คือผิด แม้ว่าทุกคน ล้วนกระทำกันถูกก็คือถูก แม้ไม่มีใครเขากระทำกัน!“ “อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” ~โรม 12:2 THSV11 6”ไม่เป็นคริสเตียน ก็ทำดีมีเมตตาได้ ใจกว้างได้ มีสติยั้งคิดได้ เลิกเหล้าบุหรี่ยาเสพติดได้ เลิกพนันได้ มีพรสวรรค์ได้ ก้าวหน้าในอาชีพการงานได้ ปลอดภัยในบางอุบัติเหตุได้ ประสบโชคดีได้ แต่สันติสุขแท้และฐานะเป็นบุตรของพระเจ้าจะมาโดยพระคุณพระเจ้าเท่านั้น!“พี่น้องที่รัก ทุกคำเตือนสติล้วนมีประโยชน์ แต่ไม่ใช่ทุกคำเตือนจะน่าฟังเหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “บางคำเตือนทำให้เราน้ำตาไหลในเวลานี้ แต่จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียใจมากมายในภายหลัง”“Some warnings make us cry now, but save us from deeper sorrow later.” …จริงไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 6พฤศจิกายน2025 (ตอนที่220ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน อย่าสักแต่รับพระคุณ Ep.1442 เราเองอาจจะชอบคิดว่า ไม่เป็นไรหรอก นิดๆหน่อยๆเอง เพราะพระเจ้าทรงเข้าใจเราในทุกสถานการณ์ เราจึงปล่อยตัวเองทำบาปต่อพระเจ้า 1 พงศ์กษัตริย์ 13:1-6 นั้นทำให้เราเห็นชัดว่ายังไงพระเจ้าก็เกลียดความบาปและอยู่ร่วมกับบาปไม่ได้ ขอให้เรื่องราวนี้จะสอนเราทุกคนที่จะรีบกลับใจหันหนีจากบาป หันมาจดจ่อที่พระเจ้าและพระคุณของพระองค์ที่มาถึงเราผ่านพระเยซูคริสต์ เรื่องราวในบทนี้เริ่มต้นด้วยเยโรโบอัมยืนนมัสการวัวทองคำที่เขาสร้างนั้น พระเจ้าส่งคนของพระองค์มาจากยูดาห์เพื่อแจ้งเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า และยังบอกว่าแท่นนี้และปุโรหิตจะถูกทำลาย ถ้าเป็นเรา เราจะทำอย่างไร ณ ตรงนี้ผมคิดว่า ถ้าเป็นผมที่เห็นเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ผมคงจะหยุดแล้วก็ทำลายสิ่งเหล่านั้นทันที แต่สำหรับเยโรโบอัมไม่ใช่ สิ่งที่เขาทำคือ'เมื่อพระราชาเยโรโบอัมทรงสดับถ้อยคำของคนของพระเจ้า ซึ่งร้องกล่าวโทษแท่นบูชาที่เบธเอลนั้น พระองค์ก็เหยียดพระหัตถ์ออกจากแท่น ตรัสว่า “จงจับเขาไว้” แล้วพระหัตถ์ของพระองค์ซึ่งเหยียดออกต่อท่านนั้นก็เหี่ยวแห้งไป จนไม่ทรงสามารถชักกลับเข้าหาตัวได้อีก ' 1 พงศ์กษัตริย์ 13:4 แล้วคำตรัสของพระเจ้าก็เป็นจริงเลย แท่นบูชานั่นก็พังลงเลย แต่ในเรื่องนี้ เรายังเห็นความเมตตาของพระเจ้า“แล้วพระราชาตรัสตอบคนของพระเจ้าว่า “โปรดวิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อเรา แล้วเราจะชักมือกลับเข้าหาตัวได้อีก” และคนของพระเจ้าก็วิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระยาห์เวห์ และพระราชาก็ชักพระหัตถ์กลับเข้าหาพระองค์ได้อีก และหายเป็นปกติ” 1 พงศ์กษัตริย์ 13:6 เราเองคุ้นเคยกับเรื่องนี้อย่างมาก คือเมื่อเราทำผิดบาป เราก็ขอการทรงโทษจากพระเจ้า วันนี้เราพึ่งพาพระคุณของพระเจ้าที่มาถึงเราทางพระเยซู ไม่ว่าจะคุ้นเคยยังไงก็ขอให้เราอย่าให้เราชินชากับพระคุณของพระเจ้า จนพาเราไปทำบาปซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเป็นความเคยชิน'ผู้ที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป เพราะเชื้อของพระเจ้าอยู่ในคนนั้นและเขาทำบาปไม่ได้ เพราะเขาเกิดจากพระเจ้า ' 1 ยอห์น 3:9 พระคุณของพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่จริงๆ พระองค์ยอมรักษาเยโรโบอัม แม้เขาเพิ่งยกมือท้าทายพระเจ้า แต่เรื่องนี้เตือนเราว่า พระคุณของพระเจ้าไม่ใช่ข้ออ้างให้ทำผิดซ้ำ โรม 6:1 เตือนเราว่า ‘…เราจะอยู่ในบาปต่อไปเพื่อให้พระคุณเพิ่มทวีขึ้นหรือ? ' ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย พระคุณของพระเจ้าพาเราออกจากบาป ไม่ใช่พาเราเข้าสู่การทำบาปด้วยความสบายใจขึ้น ว่าเดี๋ยวสารภาพก็จะได้รับการยกโทษ ขอให้เราดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับพระคุณที่ได้รับ เพื่อเราเิงจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่219) คำกำชับ เตือนสติ และหนุนใจ(2) “จงใช้ข้อความข้างบนนี้พูด เตือนสติและตักเตือนพวกเขาด้วยอำนาจอย่างเต็มที่ อย่าให้ใครสบประมาทท่านได้” ~ทิตัส 2:15 THSV11 “These, then, are the things you should teach. Encourage and rebuke with all authority. Do not let anyone despise you.” ~Titus 2:15 NIV เราควรพูด เตือนสติ และตักเตือน กันและกัน ด้วยสิทธิอำนาจที่มาจากหลักคำสอนในพระวจนะของพระเจ้า 1 ”คนเราแม้ไม่เป็นคริสเตียน พวกเขาก็รวยได้ หายโรคได้ ไล่ผีได้ เรียนเก่งได้ สนุกได้ ชนะได้ ครอบครัวมีความสุขได้ ประสบความสำเร็จได้ และบางครั้งอาจมีมากกว่าคริสเตียนด้วยซ้ำไป …แต่ความรอดโดยพระคุณ โดยความเชื่อในพระคริสต์เท่านั้น คือสิ่งที่โลกนี้ไม่มีให้!“ 2 “อะไรปล่อยได้ ก็จงปล่อยไป(Let Go)อะไรที่วางได้ ก็จงวางลงอะไรที่จัดการไม่ไหว ก็จงขอพระเจ้าช่วย (พระเจ้าทรงทราบเรื่องหมดแล้ว)และจงปล่อยให้พระเจ้า(Let God) ทรงจัดการแทนเถอะ! “ข้าแต่พระยาห์เวห์ แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูด พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว” ~สดุดี 139:4 THSV11 3 “จงระวัง อย่าใช้ความเป็น อินฟลูเอนเซอร์ของเรา ไปอินฟลูเอน จนทำให้ผู้ที่ศรัทธาและจดจ่อติดตามเราหลงเชื่อและไปทำอะไร“เซ่อๆ“ ตามคำสอนและคำแนะนำของเรา จนเกิดผลเสียหายต่อตัวของเขาและคนอื่นๆ …เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ตัวเราเองก็จะต้องได้รับโทษหนัก!” 4”อย่าให้ความรักหรือความจงรักภักดีของเราที่มีต่อผู้ที่เรารัก ทำให้คนอื่นโกรธแค้นหรือเกลียดชังคนที่เรารัก แต่ขอให้เราทำให้คนเหล่านั้น รู้จัก และรักคนที่เรารักให้มากขึ้น …จะดีกว่า จริงไหม?“ 5 ”เรามีสิทธิ์(Right)ตามกฎหมายที่ทำได้หลายอย่าง แต่เราต้องรับผิดชอบ(Responsibility) ในการเคารพให้เกียรติ(Respect) ต่อผู้อื่น ชุมชนและสังคมตามขนบประเพณีด้วย …มิฉะนั้นคนอื่นๆจะใช้สิทธิ์ของพวกเขาประณามการใช้สิทธิ์หรือสิทธิ์อำนาจของเรา!“ หี่น้องที่รัก อย่าให้ใครผู้ใด มาดูถูก หรือ หมิ่นประมาทเราได้ แต่ ขอให้เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณและความรักอันมั่นคงของพระองค์ ที่มีต่อพวกเราอย่างเหลือล้นมาตลอด ขอให้เรากล่าวขอบคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยสอน กำชับ เตือนสติ และหนุนใจ เราในทางใดทางหนึ่ง และขอให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา ควบคู่ไปกับการเติบโตขึ้นในวิถีทางที่สอดคล้องกับพระวจนะ ของพระเจ้า ที่เราได้อ่านหรือได้ยินได้ฟัง …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 5พฤศจิกายน2025 (ตอนที่219ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่218) คำกำชับ เตือนสติ และหนุนใจ(1)“ดังที่ท่านรู้แล้วว่า การวางตัวของเราก็เหมือนบิดาทำต่อบุตร คือเตือนสติ หนุนใจและกำชับให้ท่านดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมต่อพระเจ้า ผู้ทรงเรียกท่านให้เข้ามาในแผ่นดินและในพระสิริของพระองค์” ~1 เธสะโลนิกา 2:11-12 THSV11 “For you know that we dealt with each of you as a father deals with his own children, encouraging, comforting and urging you to live lives worthy of God, who calls you into his kingdom and glory.” ~1 Thessalonians 2:11-12 NIV ตอนนี้ผมก็อายุมากแล้ว ทำงานรับใช้มาก็มากกว่า 50 ปีแล้วได้ผ่านอะไรมามากมายในชีวิต~ทั้งดีและร้าย~ทั้งถูกต้องและผิดพลาด~ทั้งสมหวังและผิดหวัง~ทั้งสุขสันต์และโศกเศร้า~ทั้งได้รับดอกไม้และก้อนอิฐ~ทั้งได้รับคำสรรเสริญและคำนินทาว่าร้าย ฯลฯ ผม จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ก่อนตายว่าจะพยายามหนุนใจ เตือนสติและสั่งสอนบทเรียน ที่ได้จากการเรียนรู้และประสบการณ์ของตัวเองและที่ได้จากการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของผู้อื่น เพื่อกำชับและช่วยทั้งคนในปัจจุบันและคนในรุ่นต่อๆ ให้ระมัดระวังในการดำเนินชีวิตติดตามและรับใช้พระเจ้าอย่างเหมาะสม เหมือนที่อาจารย์เปาโลพยายามทำมาในอดีต วันนี้ ผมรวบรวมข้อคิด และคำเตือนสติมาฝากดังนี้ 1 “เราไม่ต้องหายโรค ไม่ต้องเก่งหรือสำเร็จทุกเรื่อง ไม่ต้องรวย ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องรับไฟ ไม่ต้องพูดภาษาแปลกๆ ไม่ต้องขับผีหรือถูกขับผี ไม่ต้องจบปริญญาหรือเป็นด็อกเตอร์ …พระเจ้าก็รักเราและใช้เราได้!” 2 “จงยอมรับอดีตของเราโดยไม่จมอยู่กับความเสียใจ จงจัดการกับปัจจุบันของเราด้วยความมั่นใจ และ จงเผชิญกับอนาคตของเราโดยปราศจากความกลัว!“ 3. “เป้าหมายของเรา ไม่ใช่เพื่อที่จะดีกว่าคนอื่น แต่เพื่อที่จะดีกว่า คนที่ตัวเราเคยเป็น!“ 4 ”สิ่งที่คริสตจักรต้องการมากที่สุดในเวลานี้ ไม่ใช่ ศาสนศาสตร์ที่ลึกซึ้งตรงเป๊ะ ไฟพระวิญญาณที่เปี่ยมด้วยฤทธิ์เดช ความรู้ในคำเปิดเผยคำพยากรณ์อนาคตที่ล้ำลึก เคล็ดลับในการเพิ่มพูนสมาชิกหรือการบริหารคริสตจักร แต่เป็น สิ่งที่ควรมีอยู่ดาดดื่น แต่กลับกลายเป็นของที่หายากในโบสถ์ ที่เรียกว่า “สามัญสำนึก” เหมือนคำกล่าวที่ว่า “ สามัญสำนึก เปรียบเหมือนเหมือนกับยาดับกลิ่น ที่คนเราต้องการมากที่สุด แต่กลับไม่ค่อยใช้มัน!““ 5 ”อย่าปล่อยให้ วันแย่ๆวันหนึ่ง ทำให้เรารู้สึกราวกับว่าเรามีทั้งชีวิตที่ย่ำแย่!“ "เมื่อคนชอบธรรมร้องทูล พระยาห์เวห์ทรงสดับ และทรงช่วยกู้เขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น!” ~สดุดี 34:17 THSV11 พี่น้องที่รัก ขอให้เรา น้อมรับคำเตือนสติเหล่านี้ และดำเนินชีวิตให้ปลอดภัยอย่างมีความสุข … จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 4พฤศจิกายน2025 (ตอนที่218ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน ระวังจะเสียศูนย์ Ep.1441 บางครั้งความต้องการความมั่นคงในชีวิตอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการผิดไปจากพระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้า อ.ปราชญา เคยถามผมว่า ความมั่นคงของวุฒิอยู่ที่ไหน? วันนี้ผมอยากถามว่า ความมั่นคงของพวกเราอยู่ที่ไหน? 1 พงศ์กษัตริย์ 12:25-33 สะท้อนเรื่องนี้จากเยโรโบอัมกษัตริย์ที่ปกครองอิสราเอลเหนือทั้ง 10 เผ่า หลังจากที่เขาสร้างเมืองเสร็จ ผมสันนิษฐานว่าเขาคงภูมิใจในความสำเร็จนี้ ฃและกลัวที่จะสูญเสียทุกอย่างไป เพราะในข้อ 26 เยโรโบอัมได้คิดในใจว่า เขาอาจจะสูญเสียกาีปกครองกลับไปให้ราชวงศ์ของดาวิด'ถ้าประชาชนนี้ขึ้นไปถวายเครื่องสัตวบูชา ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม แล้วจิตใจของประชาชนนี้จะหันกลับไปยังเจ้านายของพวกเขา คือไปยังเรโหโบอัมพระราชาแห่งยูดาห์ และพวกเขาจะฆ่าเราเสีย แล้วหันกลับไปยังเรโหโบอัมพระราชาแห่งยูดาห์” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 12:27 การนมัสการในเวลานั้นยังผูกติดอยู่กับสถานที่ ประชาชนต้องไปนมัสการที่พระวิหาร เยโรโบอัมกลัวประชากลับไปเยรูซาเล็มแล้วจะเปลี่ยนใจกลับไป สิ่งที่เขาทำคือทำสิ่งที่พระเจ้าเกลียดชัง เขาสร้างรูปวัวทองคำ โดยในข้อ 28 ได้ระบุชัดเจนว่า เยโรโบอัมแนะนำประชาชนว่า วัวทองคำนี้เป็นพระเจ้าของพวกเขา ผู้นำพวกเขาออกจากอียิปต์ เยโรโบอัมได้สร้างถึงสองตัวคือที่เบธเอลคือทางใต้สุดของอิสราเอลเหนือ และที่เมืองดานคือเหนือสุดของประเทศ ในข้อ 30 ระบุชัดเจนว่าสิ่งนี้เป็นบาป ทั้งเยโรโบอัมที่สร้างรูปเคารพและประชาชนที่กราบไหว้รูปเคารพนั้น'“คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระยาห์เวห์ ' เยเรมีย์ 17:7 อย่าให้ความต้องการความมั่นคง กลายเป็นจุดที่พาเราละทิ้งพระเจ้า เยโรโบอัมไม่ได้เริ่มจากการอยากกบฏ เขาเริ่มจากการกลัวที่จะเสียทุกอย่างไป และความกลัวนั้นทำให้เขาเริ่มสร้างพระขึ้นมาใหม่เอง คำตอบที่ผมตอบ อ.ปราชญา คือ ความมั่นคงของผมอยู่ที่พระเจ้า และนั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของผมเมื่อ 20 ปีก่อน แล้วคำตอบของพวกเราละครับคืออะไร อย่าให้ความกลัวทำให้เราสร้างวัวทองคำของตัวเอง คือสิ่งที่เราไว้ใจและวางใจแทนพระเจ้า อย่ารักหรือไว้ใจความสำเร็จ เงิน ชื่อเสียง หน้าที่การงานหรือคนที่เรารักมากที่สุด เพราะว่าศูนย์กลางของชีวิตเรา ถ้าไม่ใช่พระเจ้าแล้ว เราจะเสียศูนย์ แล้วจะพาเราศูนย์เสียทุกสิ่งไป วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่217) อย่าลำเอียงจนเสียศูนย์! “ข้อความเหล่านี้เป็นคำกล่าวของคนมีปัญญาด้วย การลำเอียงในการตัดสินนั้นไม่ดีเลย” ~สุภาษิต 24:23 THSV11 “These also are sayings of the wise: To show partiality in judging is not good:” ~Proverbs 24:23 NIV กษัตริย์ ซาโลมอน ผู้ทรงสติปัญญาเลิศล้ำ ตรัสว่า “การลำเอียงในการตัดสินนั้นไม่ดีเลย 1.ผู้ที่กล่าวแก่คนอธรรมว่า “เจ้าไร้ความผิด” ~จะถูกประชาชนแช่งด่าและประชาชาติรังเกียจ 2.ผู้ที่ประณามตัดสินลงโทษคนอธรรม~จะได้ดี 1).ความปีติยินดี และ 2).พระพรอันดีเหลือล้น จะมายังพวกเขา” ~สุภาษิต 24:23-25 THSV11 ความลำเอียงหมายความว่า อะไร? “ลำเอียง”หมายถึง“ไม่วางใจเป็นกลาง” หรือ “เอียงไปข้างหนึ่ง”ในการคิด พูด หรือตัดสินสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะมีความรู้สึกส่วนตัว เช่น รัก ชัง กลัว หรือหลง“ความลำเอียง จึงไม่ยุติธรรม เพราะมีอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาครอบงำ!อีกชื่อหนึ่งของ“ความลำเอียง”คือ “อคติ”เพราะ“อคติ ”คือ “การตัดสินสิ่งใด ๆ โดยไม่เป็นธรรม” เพราะมีความรู้สึก หรือความคิดฝังใจบางอย่าง เช่น ชอบหรือเกลียดก่อนรู้ข้อเท็จจริงจึงทำให้การตัดสินไม่เป็นกลางทำไมความลำเอียง หรือ อคติในการตัดสิน จึงไม่ดี?1.เพราะเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้การตัดสินใจผิดพลาดง่าย ~เมื่อเราชอบหรือเกลียดใครก่อน เราจะเห็นข้อมูลไม่ครบ เพราะ ตัดสินจากอารมณ์แทนที่จะใช้เหตุผล2.เพราะเป็นการทำลายความยุติธรรม ~เมื่อมีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็ไม่อาจเห็นหรือยอมรับความจริงทั้งหมดได้“ความยุติธรรมจึงจะหายไป เมื่อใจเราเริ่มเอียง”3.เพราะเป็นการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันเสียหาย ~เมื่อคนรู้สึกว่าถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม ถูกมองข้าม หรือถูกเลือกปฏิบัติ ก็จะเกิดความน้อยใจ แบ่งพวก โกรธเกลียด หรือไม่ไว้วางใจกัน4. เพราะเป็นการขัดกับหลักศีลธรรมและคำสอนในพระวจนะของพระเจ้า ~เมื่อคนมีความรัก ความโกรธ ความกลัว ความโลภ และความหลง ครอบงำ ก็จะสูญเสียวิจารณญาณและการเหนี่ยวรั้งใจ จนยากที่จะตัดสินอย่างถูกต้องได้ ในพระคัมภีร์เตือนไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ให้เราลำเอียง ไม่ให้เราเลือกที่รักมักที่ชัง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในการพิพากษาคน “ห้ามลำเอียงในการพิพากษา จงฟังทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ให้เสมอกัน อย่ากลัวหน้ามนุษย์เลย เพราะการพิพากษานั้นเป็นของพระเจ้า!“ ~เฉลยธรรมบัญญัติ 1:17 THSV11ดังนั้น พี่น้องที่รักเราจึงไม่ควรปล่อยให้มีการตัดสินหรือพิพากษากัน อย่างลำเอียง หรือ มีอคติ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในคริสตจักร ในองค์กรองค์การ ในคณะ ในวงการ หรือในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านสื่อโซเชียลตามช่องทางต่างๆ เลย …เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 3พฤศจิกายน2025 (ตอนที่217ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน เลือกจะฟังใคร Ep.1439 คำแนะนำมักจะมีสองขั้วเสมอ 1 พงศ์กษัตริย์ 12:1-19 เรโหโบอัมกษัตริย์องค์ใหม่เผชิญกับสถานการณ์ที่จะต้องเลือก ประชาชนอิสราเอลนำโดยเยโรโบอัมเข้ามาทูลพระราชาว่า'“พระราชบิดาของฝ่าพระบาทได้ทำให้แอกของพวกข้าพระบาทหนักนัก เพราะฉะนั้น บัดนี้ขอฝ่าพระบาททรงลดงานหนักของพระราชบิดาของฝ่าพระบาท และทำให้แอกหนักของพระองค์ที่อยู่เหนือพวกข้าพระบาทเบาลง แล้วพวกข้าพระบาทจะปรนนิบัติฝ่าพระบาท” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 12:4 เรโหโบอัมก็ขอเวลา 3 วัน ในระหว่างนั้นเขาก็ไปขอคำปรึกษาจากผู้อาวุโส และคนรุ่นราวคราวเดียวกัน คำปรึกษาแบ่งเป็นสองฝ่ายชัดเจน คำแนะนำผู้อาวุโสมีดังนี้'เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า “ถ้าฝ่าพระบาทจะทรงเป็นผู้รับใช้ประชาชนนี้ในวันนี้ และปรนนิบัติพวกเขา และตรัสตอบคำดีแก่พวกเขา เขาทั้งหลายก็จะเป็นผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทตลอดไป” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 12:7 ประชาชนจะซื่อสัตย์รับใช้พระราชาต่อไปหากให้คำตอบที่ดีแก่พวกเขา หมายถึงลดงานให้เบาลง แต่เรโหโบอัมปฏิเสธคำปรึกษานี้แล้วหันไปฟังคนรุ่นราวคาวเดียวกัน 'พระราชบิดาของเราได้วางแอกหนักบนท่านทั้งหลาย ส่วนเราก็จะเพิ่มภาระบนแอกของท่านทั้งหลายอีก พระราชบิดาของเราตีสอนท่านทั้งหลายด้วยแส้ แต่เราจะตีสอนท่านด้วยแมงป่อง' ” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 12:11 คำปรึกษาของคนหนุ่มคือให้ตอบประชาชนด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว แอกของพ่อเราก็เบากว่าของเรา พ่อตีด้วยแส้ เราจะตีด้วยแมงป่อง คือนำเสนอว่าให้ใช้กำลัง ให้ทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อให้เกรงกลัว ผลที่ออกมาก็คือ'อิสราเอลจึงกบฏต่อราชวงศ์ของดาวิดจนถึงทุกวันนี้ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 12:19 ประชาชนทิ้งราชวงศ์ของดาวิด ขอให้เรื่องนี้จะเป็บทเรียนที่เราจะเลือกความเมตตามาก่อนการใช้อำนาจบังคับ ข่มขู่ เพราะนี่คือพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าตรัสไว้หลายครั้งว่า พระเจ้าทรงประสงค์ความเมตตามากว่าเครื่องบูชา ขอให้เราจะใช้อำนาจที่มีด้วยความรัก ความเมตตาซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่เราได้รับมาจากพระเจ้าผู้ทรงรัก วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่216) อย่ากังวลหวังรวย จะซวยเอา! “จงมอบภาระของท่านไว้กับพระยาห์เวห์ และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้ คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย” ~สดุดี 55:22 THSV11 “Cast your cares on the Lord and he will sustain you; he will never let the righteous be shaken.” ~Psalms 55:22 NIV ผู้ที่เชื่อในพระเจ้าไม่ควรปล่อยให้ความกังวลหรือความกลัว เกี่ยวกับชีวิตมา ครอบงำความคิดและจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปากท้อง ความเป็นอยู่ และอาชีพการงาน เพราะไม่ว่าเขาจะ 1.ต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหาใหญ่ หรือ 2.ต้องแบกกับภาระหนักมากสักเพียงใด พระเจ้าจะค้ำจุนและไม่ปล่อยให้เขาต้องเคว้งคว้างหรือ คลอนแคลน! เขาจึงไม่ควรหวั่นไหว จนต้องยอมจำนนต่อ “โชคชะตา”ที่เผชิญ หรือ ไป ดิ้นรน“เสี่ยงโชค” เพื่อเอาตัวรอด อย่างเช่น ไปเล่นการพนัน ทำพิธีเสดาะเคราะห์ หรือ ใช้ไสยศาสตร์เข้าช่วย เพราะคริสเตียนที่แท้จริง จะเชื่อว่า ทุกสิ่งล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ไม่ใช่อยู่ในมือของผู้ใด หรือในโชค หรือในดวงชะตา แล้วเราควรจะมีจุดยืนอย่างไรในเรื่องนี้ ? เราต้องเชื่อว่า 1.พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดและควบคุม“ชีวิต”ของเรา ไม่ใช่ “โชค” (ไม่ว่าจะโชคดีหรือ โชคร้าย)ที่ไร้ทิศทาง “การจับฉลากนั้นอยู่ที่พระเจ้า แต่ผลออกมานั้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์”— สุภาษิต 16:33 (THSV11) แม้ดูเหมือนว่า จะมีสิ่ง“บังเอิญ”เกิดขึ้นหลายอย่างในชีวิตของเราแต่ละคน แต่แท้จริงแล้ว พระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ไม่ว่า เราจะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นว่าอะไร เช่น โชคหรือดวงชะตา 2.พระเจ้าทรงเตือนว่าการหวังรวยเร็ว จะนำความซวยหรือความหายนะมาให้ได้ อาทิ 1).ผ่านการเสี่ยงโชค หรือ การหาผลประโยชน์ด้วยความละโมบเกินควร อาทิ เล่นพนัน หรือเสี่ยงโชค “ส่วนพวกที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในการล่อลวงและติดกับดักของความอยากมากมาย ที่โง่เขลาและอันตราย ซึ่งฉุดคนเราให้ลงไปสู่ความพินาศและความย่อยยับ” ~1 ทิโมธี 6:9 THSV112).ผ่านการทำสิ่งที่ไม่ซื่อสัตย์ เช่น โกง เอาเปรียบ หรือ คอรัปชั่น “ทรัพย์สมบัติที่ได้มาเร็วจะร่อยหรอหมดไป แต่คนที่เก็บเล็กผสมน้อยจะมีมากขึ้น” ~สุภาษิต 13:11 THSV11 พระคัมภีร์เตือนว่า การเสี่ยงโชคหรือเล่นการพนัน มักเกิดจากใจที่โลภและไม่วางใจพระเจ้าในการจัดเตรียม 3.พระเจ้าสอนให้เรา “พึ่งพระเจ้า” ไม่ใช่ “โชคชะตา”หรือ “ความฉลาด”ของตัวเอง “จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง” ~สุภาษิต 3:5 THSV114.พระเจ้าสอนให้เราเชื่อและวางใจในการทรงนำและการจัดเตรียม ตามแผนการที่ดีของพระเจ้า สำหรับชีวิตของเรา “พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับพวกเจ้า เป็นแผนงานเพื่อ สวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า” ~เยเรมีย์ 29:11 THSV11 พี่น้องที่รัก อย่าให้เรากังวล หวังรวย จะซวยเอา สิ่งที่เราพึงทำจากนี้ ก็คือ 1.เราต้องเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดทุกอย่างอย่างมีวัตถุประสงค์ไม่ใช่ โชคชะตา เคราะห์ หรือกฏแห่งกรรม 2.เราต้องเชื่อในการจัดเตรียมของพระเจ้าในทุกย่างก้าวในชีวิตของเรา และไม่หมกมุ่น กับการเสี่ยงโชค สะเดาะเคราะห์ หรือ เล่นพนัน 3.เราต้องไม่เชื่อว่าชีวิตเป็นเรื่องบังเอิญต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมดูแล ของพระเจ้าอย่างมีแผนการ 4.เราต้องไม่โลภรวยเร็ว แต่เราจะขยัน ฉลาด และซื่อสัตย์ในสิ่งที่เราทำหรือได้รับมอบ หมายมา 5.เราต้องมอบฝากชีวิตและภาระทั้งหลายในชีวิตของเราไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า โดยไม่ กังวลหรือ กลัวอีกต่อไป เพราะมั่นใจว่า 1).พระองค์จะทรงค้ำชูเราไว้ 2).พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้เราล้มลง ขอให้เราจดจำไว้เสมอว่า“ผู้ที่ฝากชีวิตไว้กับโชคชะตา ย่อมจะผิดหวัง แต่ผู้ที่ฝากใจไว้กับพระเจ้า ย่อมจะไม่ขาดการจัดเตรียมของพระองค์!” (Those who trust in luck will be disappointed, but those who trust in the Lord will never lack His provision.) …อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 2พฤศจิกายน2025 (ตอนที่216ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่215) พระเจ้าก็เปลี่ยนพระทัยได้! “เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของพวกเขาที่ได้หันจากการประพฤติชั่ว พระเจ้าก็เปลี่ยนพระทัย เรื่องความหายนะที่พระองค์ตรัสว่าจะนำมาสู่พวกเขา พระองค์ไม่ทรงลงโทษเขา” ~โยนาห์ 3:10 THSV11 “God saw what they did; he saw that they had given up their wicked behavior. So he changed his mind and did not punish them as he had said he would.” ~Jonah 3:10 GNT ในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเจ้าทรงมีพระบัญชาครั้งแรกให้โยนาห์ไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้น เพราะว่าความชั่วของเขาทั้งหลายได้ขึ้นมาอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์แล้ว แต่โยนาห์ บ่ายเบี่ยงไม่ทำทำหน้าที่ จนถึงขั้นหนีไปคนละทิศเลย อย่างไรก็ตาม สุดท้าย โยนาห์ก็หนีไม่รอด จึงต้องไปประกาศข่าว ตามที่ได้รับมอบหมายหรือ ตามรับสั่งของพระเจ้า ในพระคัมภีร์เล่าให้เราฟังว่า1.พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงโยนาห์เป็นครั้งที่สองว่า “จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และจงประกาศข่าวแก่เมืองนั้นตามที่เราบอกเจ้า” 2.โยนาห์จึงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ นีนะเวห์เป็นนครใหญ่โตมโหฬาร ถ้าจะเดินข้ามเมืองก็กินเวลาสามวัน 3.โยนาห์ตั้งต้นเดินเข้าไปในเมืองได้ระยะทางเดินวันหนึ่ง 4.โยนาห์ก็ร้องประกาศว่า “อีกสี่สิบวัน นีนะเวห์จะถูกทำลาย” 5.คนนีนะเวห์ได้เชื่อพระเจ้า พวกเขาได้ประกาศให้อดอาหาร และได้สวมผ้ากระสอบ ตั้งแต่ผู้ใหญ่ที่สุดจนถึงผู้น้อยที่สุด” (โยนาห์ 3:1-5 ) สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ชาวนีนะเวห์ทั้งหลาย เชื่อพระเจ้า จากการประกาศของโยนาห์อย่างน้อยพวกเขาก็รับฟังคำเตือนของโยนาห์อย่างจริงจังและตอบสนองทันที โดยได้แสดงอาการของการถ่อมใจและกลับใจ ตามธรรมเนียม ของคนสมัยนั้น ออกมาให้เห็น!(1พกษ.21:27;นหม.9:1)“เมื่อข่าวนี้ลือไปถึงกษัตริย์แห่งนีนะเวห์ (ผู้เป็นกษัตริย์ ของอัสซีเรีย)1.พระองค์ 1).ทรงลุกขึ้นจากพระที่นั่ง 2).ทรงเปลื้องฉลองพระองค์ออก 3).ทรงสวมผ้ากระสอบแทน และ 4).ประทับบนกองขี้เถ้า 2.พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกา ประกาศไปทั่วนครนีนะเวห์ว่า “โดยอำนาจกษัตริย์และขุนนางทั้งหลาย คนหรือสัตว์เลี้ยงไม่ว่าขนาดใหญ่หรือขนาดกลาง 1).อย่าลิ้มรสสิ่งใด 2).อย่ากินอาหาร และ 3).อย่าดื่มน้ำ ก.ให้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงนุ่งห่มผ้ากระสอบ ข.ให้ร้องทูลต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง เออ ค.ให้ทุกคนหันกลับจากการประพฤติชั่ว และ ง.ให้ทุกคนเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ “ กษัตริย์แห่งนครนีนะเวห์ตรัสว่า ” …ใครจะรู้ได้? 1.พระเจ้าอาจจะทรงหันและเปลี่ยนพระทัย 2.พระองค์อาจจะทรงหันจากพระพิโรธอันรุนแรง เพื่อเราจะไม่พินาศ” ผลที่ตามมาคืออะไร?1.พระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของพวกเขาที่ได้หันจากการประพฤติชั่ว 2.พระเจ้าก็เปลี่ยนพระทัยเรื่องความหายนะที่พระองค์ตรัสว่าจะนำมาสู่พวกเขา 3.พระเจ้าไม่ทรงลงโทษเขา” ~โยนาห์ 3:6-10 THSV11 ประโยคที่งดงาม คือ “พระเจ้าก็เปลี่ยนพระทัย!” แล้วพระองค์เปลี่ยนพระทัย ในเรื่องอะไร? คำตอบก็คือ “…เรื่องความหายนะที่พระองค์ตรัสว่าจะนำมาสู่พวกเขา!”ใช่ครับพระเจ้ามักสำแดงพระเมตตาแก่มนุษย์ที่กลับใจโดยยกเลิกโทษที่เคยประกาศเอาไว้!“ถ้าเวลาใดก็ตามเราประกาศเกี่ยวกับประชาชาติหนึ่งหรือราชอาณาจักรหนึ่งว่า เราจะถอนและพังและทำลายมันเสีย แต่ถ้าประชาชาตินั้น ซึ่งเราได้ลั่นวาจาไว้ หันเสียจากความชั่วของตน เราก็จะกลับใจจากโทษ ซึ่งเราได้ตั้งใจจะทำแก่ชาตินั้นเสีย และถ้าเวลาใดก็ตาม เราได้ประกาศเกี่ยวกับประชาชาติหนึ่งหรือราชอาณาจักรหนึ่งว่า เราจะสร้างขึ้นและปลูกฝังไว้ และชาตินั้นได้ทำชั่วในสายตาของเรา ไม่ฟังเสียงของเรา เราก็จะกลับใจจากความดีซึ่งเราตั้งใจจะทำกับชาตินั้นเสีย”~เยเรมีย์ 18:7-10 THSV11 พี่น้องที่รัก นี่คือ ข่าวดี ไม่เพียงแค่ต่อชาวนีนะเวห์ แต่รวมทั้ง ต่อคนทั้งโลก และคนไทย ใช่ครับ พระเจ้าพร้อมจะเปลี่ยนพระทัย ไม่นำหายนะเพราะบาปที่เราทำ มาสู่เรา หากเราเชื่อในข่าวประเสริฐที่พระองค์มอบหมายคนให้มาประกาศแก่เราและกลับใจใหม่ หันหลังจากความบาปชั่วที่ทำ และร้องทูลขอความเมตตาจากพระเจ้า ดังนั้น 1.หากคุณยังไม่เคยรับพระเมตตาคุณแห่งการอภัยบาปจากพระเจ้าสูงสุด คุณควรจะเปิดใจ รับพระคุณนี้ ณ บัดนี้เลย 2.หากคุณได้รับพระคุณนี้แล้ว คุณก็ควรมีเมตตาคุณ บอกกล่าวเล่าข่าวดีแห่งการยกโทษนี้ ให้แก่ใครสักคนหนึ่ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ที่คุณรัก) คุณพร้อมจะทำ ดังที่กล่าวมาหรือไม่? …ช่วยตอบที!~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 1กันยายน2025 (ตอนที่215ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน รุ่งได้ก็ล่วงได้ Ep.1438 ชีวิตของซาโลมอนใน 1 พงศ์กษัตริย์ 11 เตือนเราว่า คนที่ขึ้นสูงมากๆ ก็สามารถจะตกลงมาได้หากละทิ้งพระเจ้า เมื่อซาโลมอนแก่แล้ว พระวจนะของพระเจ้าบอกว่าเขาไม่ได้เหมือนเดิม เขาหันใจของเขาออกห่างจากพระเจ้า เพราะเขาไม่รักษาพันธสัญญา ถ้อยคำที่พระเจ้าตรัสไว้ก็สำเร็จเป็นจริง ศัตรูเก่าของดาวิดและโยอาบพากันมากรุกราน อาณาจักรที่รุ่งเรืองถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ และอำนาจก็ถูกยกให้ข้าราชการคนหนึ่งคือเยโรโบอัม อาหิยาห์ปุโรหิตได้ฉีกเสื้อใหม่ของเยโรโบอัมเป็น 12 ชิ้นและกล่าวกับเขาว่า'เพราะเขา ทอดทิ้งเรา ไปนมัสการเจ้าแม่อัชโทเรทพระของชาวไซดอน เคโมชพระของโมอับ และมิลโคมพระของคนอัมโมน และไม่ดำเนินในทางของเราคือทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายตาของเรา อีกทั้งไม่รักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา ไม่เหมือนอย่างดาวิดบิดาของเขา ' 1 พงศ์กษัตริย์ 11:33 สุดท้ายซาโลมอนก็จบชีวิตลง ชีวิตของเขาผ่านจุดสูงสุดมา และจบชีวิตในท้ายบทแบบไม่สวยเท่าไร ลูกชายชื่อเรโหโบอัมก็ขึ้นครองราชย์แทน นี่คือบทเรียนที่เราจะต้องรักษาชีวิต รักษาใจของเราให้อยู่ในทางของพระเจ้า 'จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ ' สุภาษิต 4:23 ทุกอย่างเริ่มต้นจากใจภายใน ขอให้เราระมัดระวังรักษาความคิดความต้องการของเราให้ดี โรม 12:2 ได้บอกว่า หากเรายอมรับการเปลี่ยนแปลงภายในจากพระเจ้า พระเจ้าจะนำให้เรารู้ว่า พระองค์ชอบอะไร และสิ่งที่เราทำนั้นจะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า ปัญหาใหญ่สุดของซาโลมอนคือช่วงเลาที่เขาแข็งแรงที่สุด ในเวลานั้นเขาหันใจออกจากพระเจ้า ขอพระเจ้าเมตตาที่เราจะมีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า ดำเนินด้วยความถ่อมใจอยู่เสมอในทุกช่วงเวลาของชีวิต เพื่อเราจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเราให้ดียิ่งๆขึ้น วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่214) คำอธิษฐานเปลี่ยนพระทัยพระเจ้าได้! “แล้วพระยาห์เวห์จึงเปลี่ยนพระทัย ไม่ทรงทำอันตรายประชากรของพระองค์ อย่างที่มีพระดำริไว้แก่ประชากรของพระองค์” ~อพยพ 32:14 THSV11 “So the Lord changed his mind and did not bring on his people the disaster he had threatened.” ~Exodus 32:14 GNT พระคัมภีร์ เล่าให้เราฟังว่า 1.โมเสสล่าช้าอยู่ ไม่ลงมาจากภูเขา(ในขณะที่ขึ้นไปเข้าเฝ้าพระเจ้าและรับแผ่นจารึกพระบัญญัติสิบประการ)2.ประชาชน จึงพากันมาหาอาโรน กล่าวว่า “จงลุกขึ้นสร้างพระให้เรา ซึ่งจะนำหน้าเรา เพราะว่า โมเสสคนนี้ที่ได้นำเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราไม่ทราบว่าเขาเป็นอะไรไปแล้ว” 3.อาโรนจึงกล่าวกับพวกเขาว่า “จงปลดตุ้มหูทองจากหูภรรยาและหูบุตรชายหญิงของเจ้าทั้งหลาย แล้วนำมาให้เราเถิด” 4.ประชาชนทั้งหมดจึงปลดตุ้มหูทองจากหูของตนมามอบให้อาโรน 5.อาโรนได้ทองคำจากพวกเขาแล้ว จึงใช้เครื่องมือหล่อทองคำเป็นรูปโคหนุ่ม 6.คนทั้งหลายประกาศว่า “โอ อิสราเอล สิ่งเหล่านี้แหละเป็นพระของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์” 7.อาโรนเห็นดังนั้นแล้ว จึงสร้างแท่นบูชาไว้ ตรงหน้ารูปโคนั้น 8.อาโรนประกาศว่า “พรุ่งนี้จะเป็นวันเทศกาลเลี้ยงถวายเกียรติพระยาห์เวห์” 9.ประชาชนลุกขึ้นแต่เช้าถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และนำเครื่องศานติบูชามา 10.ประชาชนก็นั่งลง กินและดื่ม แล้วก็ลุกขึ้นทำสิ่งที่น่าบัดสีต่อกัน11. พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “เจ้าจงลงไปทันที เพราะว่าประชากรของเจ้าซึ่งเจ้าได้นำออกจากแผ่นดินอียิปต์นั้น ได้ทำเรื่องเสื่อมเสีย พวกเขาได้หันจากทางซึ่งเราบัญชาเขาไว้นั้นอย่างรวดเร็ว คือได้หล่อรูปโคขึ้นสำหรับตน และกราบไหว้ และถวายสัตวบูชาแก่รูปนั้น และกล่าวว่า ‘โอ อิสราเอล สิ่งเหล่านี้แหละเป็นพระของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์' ” 12.พระยาห์เวห์ยังตรัสกับโมเสสอีกว่า ‘เราได้เห็นชนชาตินี้แล้ว และดูสิ เขาเป็นชนชาติที่หัวแข็ง บัดนี้ ขออย่ายับยั้งเรา 1).เพื่อความโกรธของเราจะเดือดพลุ่งขึ้นต่อพวกเขา และ 2).เพื่อเราจะทำลายเขาทั้งหลายเสีย ส่วนเจ้า เราจะให้เป็นชนชาติใหญ่”” ~อพยพ 32:1-10 THSV11 ฟังพระเจ้าตรัสแล้ว ดูสิ้นหวังใช่ไหมครับ? อิสราเอลพินาศแน่! แต่โมเสส ยังคงไม่สิ้นหวังในการช่วยชนชาติของท่าน …แล้วโมเสสทำอะไร?1.โมเสสกราบทูลวิงวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ 1).ทำไมพระองค์จึงกริ้วยิ่งนักต่อประชากรของพระองค์ ซึ่งทรงนำออกจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์เล่า? 2).ทำไมโปรดให้คนอียิปต์กล่าวว่า ‘พระองค์ทรงนำพวกเขาออกมาเพื่อจะทรงทำร้ายพวกเขา เพื่อจะทรงประหารพวกเขาที่ภูเขาและทำลายพวกเขาเสียจากแผ่นดิน'? 2.โมเสสทูลวิงวอนต่อพระเจ้าอย่างจริงจังขอให้ทรงเปลี่ยนพระทัย “1).ขอพระองค์ทรงหันกลับจากพระพิโรธอันแรงกล้า 2).ขอเปลี่ยนพระทัยอย่าทำอันตรายประชากรของพระองค์ 3).ขอทรงระลึกถึง อับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ 3.โมเสสทูลวิงวอนขอพระเจ้าโดยยกคำปฏิญาณของพระองค์มาเป็นหลักฐานที่ว่า ”1).เราจะให้เชื้อสายของเจ้าทั้งหลายทวีขึ้นเหมือนดังดวงดาวในท้องฟ้า และ 2).เราจะยกแผ่นดินนี้ทั้งหมดที่เราสัญญาให้แก่เชื้อสายของพวกเจ้า และ พวกเขาจะรับไว้เป็นมรดกตลอดไป' ” 4.พระยาห์เวห์จึงเปลี่ยนพระทัย ไม่ทรงทำอันตรายประชากรของพระองค์อย่างที่มีพระดำริไว้แก่ประชากรของพระองค์” ~อพยพ 32:11-14 THSV11 มีคนพยายามตีความพระคัมภีร์ตอนนี้ ว่า พระเจ้าไม่ได้เปลี่ยนพระทัยเพียงแต่ว่าสิ่งที่โมเสสทูลขอนั้นตรงกับน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ พระคัมภีร์บันทึกไว้จริงๆว่า “พระยาห์เวห์จึงเปลี่ยนพระทัย!” ซึ่งผมรับได้ และไม่เห็นว่าจะต้องกังวลใจในเรื่องอะไรเกี่ยวกับข้อความดังกล่าวนั้นเพราะนั่นเป็นถ้อยคำที่แสนชุ่มชื่นใจและให้ความหวังแก่ผู้ที่ตั้งใจอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้า …เราจะอธิษฐานไปทำไม ถ้าพระเจ้าเปลี่ยนพระทัยไม่ได้? พี่น้องที่รัก อย่าให้เราสิ้นหวังหรือท้อใจในการอธิษฐาน แต่ให้เราอธิษฐานทูลขอพระเจ้าให้ทรงแสดงความเมตตาต่อเรา ในยามที่เราและคนทั้งหลายซึ่งได้ทำผิดมาสำนึกบาป กลับใจใหม่ ขอให้เราจงเชื่อและมั่นใจว่า ถ้าเราทำเช่นนั้นอย่างจริงใจ พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนพระทัย มาแสดงความเมตตาต่อเราอย่างแน่นอน …อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 31ตุลาคม2025 (ตอนที่214ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่213)แนวทางในการตอบสนอง(Response)(ต่อการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง)“แม่ตายที่ไหนลูกจะตายที่นั่น และจะขอให้ฝังลูกไว้ที่นั่นด้วย ขอพระยาห์เวห์ทรงลงโทษลูก และทรงเพิ่มโทษนั้น ถ้ามีอะไรมาพรากลูกจากแม่นอกจากความตาย”” ~นางรูธ 1:17 THSV11“Wherever you die, I will die, and that is where I will be buried. May the Lord's worst punishment come upon me if I let anything but death separate me from you!”” ~Ruth 1:17 GNTความภักดีที่นางรูธมีต่อแม่สามีคือนาโอมีเป็นที่เลื่องลือกันมานานนับหลายพันปี!ในประเทศไทยความจงรักภักดีของพสกนิกรที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกในสมัยนี้ด้วยเช่นเดียวกันจนวลีที่ว่า “ขอเป็นข้า(หรือ ทาส)รองบาททุกชาติไป!”กลายเป็นวลีที่คุ้นหูคนไทยในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าคริสเตียนไม่ได้เชื่อในเรื่องชาติที่แล้วหรือชาติหน้า หรือชาติต่อๆไปแต่ความภักดีที่ คริสตศาสนิกชนส่วนใหญ่ มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ก็นับว่าสูงยิ่งเช่นกันดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์การสวรรคตของพระบรมราชชนนี พันปีหลวงเราก็ล้วนว้าวุ่นใจไม่รู้ว่าจะแสดงความอาลัยด้วยความจงรักภักดีออกมาอย่างไร?คนจำนวนมาก แม้แต่ผู้นำ ผู้มีความรู้ต่างก็เกร็งไปหมดในการกล่าวแสดงความอาลัย อย่างไรก็ตาม ในเวลาเช่นนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะคิดเล็กคิดน้อยในเริ่องหยุมๆหยิมๆหรือตรงกันข้าม ไม่ใช่เวลาที่จะคิดมากไป ในเรื่องศาสนศาสตร์หรือคำศัพท์อย่างเช่น มีคนถามว่า ขอไม่ใช้คำว่า “ข้าพระพุทธเจ้า”เวลากล่าวแสดงความอาลัย แต่ขอเปลี่ยนไปใช้เป็น “ข้าพระคริสตเจ้า” จะได้ไหม?คำตอบคือ ใช้ได้ แต่คุณจะกลายเป็นตัวตลกทันที เพราะคิดลึกเกิน ไปตีความหมายตามตัวอักษร เพราะคำว่า “ข้าพระพุทธเจ้า” เป็นเพียงแค่คำ ที่ใช้ในภาษาแบบแผนหรือภาษาที่เป็นทางการเพื่อแสดงความเคารพอย่างสูงสุด เป็นสรรพนามบุรุษที่1 หมายถึง ฉัน หรือ ตัวฉันเอง ใช้พูดกับเจ้านายชั้นสูง หรือกษัตริย์ดังนั้น ขอให้เราก้าวข้ามเรื่องความสมบูรณ์แบบของภาษา หรือ พิธีการ เพราะในเวลานี้ สิ่งที่ต้องการมีเพียงแค่ การแสดงความอาลัย ต่อบุคคลผู้ได้เสียสละทำความดีเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติมาอย่างยาวนาน อย่างพระบรมราชชนนี พันปีหลวงเท่านั้นเอง(โดยขอให้มองข้ามในบางเรื่อง เช่น ศัพท์ หรือความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างกันในบางประเด็น)ต่อไปนี้คือ แนวคิดและแนวทางปฏิบัติในการสนองตอบ(Response)ต่อสถานการณ์ดังกล่าวRight-เป็นสิ่งถูกต้องที่เราจะแสดงความอาลัยต่อราชวงศ์ ผ่านคำพูดหรือการกระทำออกมาResponsible~เป็นความรับผิดชอบในฐานะพสกนิกรคริสตชนไทยที่จะแสดงความจงรักภักดีRespect~เป็นมารยาทที่เราจะแสดงความอาลัยด้วยความเคารพอย่างให้เกียรติสูงสุดReasonable~เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเหมาะสมมีเหตุผลพอเหมาะไม่สร้างความเดือดร้อนRealistic~เป็นแนวทางหรือขั้นตอนที่ผู้แสดงความอาลัยเต็มใจ ปฏิบัติได้จริงเป็นที่รับได้Reaching Out~เป็นโอกาสประโลมใจคนด้วยความรักและข่าวประเสริฐของพระคริสต์พี่น้องที่รักขอให้เรามาแสดงความจงรักภักดีต่อ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง อย่างพร้อมเพรียงกัน แต่จะดีเลิศยิ่งนัก หากว่าพวกเราจะร่วมกันกระทำเช่นนั้ แบบ "REAL" คือแบบปากตรงกับใจ!…เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 30ตุลาคม2025 (ตอนที่213ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย

พระธรรมนำชีวิตตอน ระวังรักษาใจไว้ให้ดี Ep.1436 สติปัญญาที่แท้จริงเริ่มต้นจากความยำเกรงพระเจ้า แต่เมื่อสติปัญญาถูกแทนด้วยความพึงพอใจส่วนตัวมันก็กลายเป็นกับดักพาเราไปสู่ความพินาศ ซาโลมอนผู้มีทั้งชื่อเสียง อำนาจ และทรัพย์สิน เขามาอยู่จุดสูงสุดของชีวิตแต่ก็เป็นจุดที่ทำให้ใจของเขาค่อย ๆห่างไกลจากพระเจ้า 1 พงศ์กษัตริย์ 11 ได้ทำให้เราเห็นบทเรียนชีวิตของจริงที่เราต้องรักษาชีวิตในความยำเกรงพระเจ้า'พระราชาซาโลมอนทรงรักหญิงต่างชาติหลายคน นอกจากพระธิดาของฟาโรห์แล้ว มีหญิงโมอับ หญิงอัมโมน หญิงเอโดม หญิงไซดอน และหญิงฮิตไทต์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 11:1 ผมเชื่อว่าซาโลมอนรู้กฎเกณ์ของพระเจ้าในเรื่องนี้ดี ในข้อ 2 ได้ย้ำเรื่องนี้อีกครั้งว่า พระเจ้าสั่งห้ามเด็ดขาดเพราะหญิงเหล่านั้นจะพาให้ใจของเขาหันไปติดตามพระอื่น ซาโลมอนมีผู้หญิงเยอะมาก มีมเหสี 700 คน และนางห้าม 300 คน เขาหลงรักหญิงเหล่านั้น และพวกเธอทำให้ซาโลมอนหันไปติดตามพระอื่น เรื่องนี้ไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆ 'ต่อมาเมื่อซาโลมอนทรงพระชราแล้ว บรรดามเหสีของพระองค์ได้หันพระทัยของพระองค์ไปตามพระอื่นๆ และพระทัยของพระองค์ไม่ภักดีต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพระองค์ ไม่เหมือนอย่างพระทัยของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 11:4 ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้ แต่เพราะเขาค่อย ๆ หันใจของเขาจากพระเจ้าทีละเล็กละน้อย ข้อ 6 พระวจนะของพระเจ้าบันทึกว่า ซาโลมอนทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้าและไม่ได้เดินตามพระเจ้าด้วยความเต็มใจ เขาสร้างวิหารให้พระต่างชาติของหญิงเหล่านั้นเพื่อพวกเธอ ขอให้เราระมัดระวังรักษาชีวิตของเราให้ดี อย่าให้พระพรของพระเจ้าพาใจของเราห่างจากพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของพระพรทุกประการ นี่เป็นบทเรียนสำคัญ การล้มลงไม่ได้เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน แต่เริ่มจากการปล่อยให้ใจเอนเอียงที่ละเล็กที่ละน้อย ซาโลมอนอ่อนแอในเรื่องที่เขาคิดว่า เขาจัดการได้ เขาควบคุมได้ จนสุดท้ายเขาสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุด นั่นคือความสัมพันธ์กับพระเจ้า ขอให้เราระมัดระวังหัวใจของเราใหดี อย่าให้พระพรที่พระเจ้าประทานให้ทำให้เราลืมพระเจ้าผู้ประทานพระพร แต่จงกลับมาพึ่งพาพระคุณของพระเจ้าในทุกวัน ความผิดพลาดในเรื่องใหญ่ๆ มักจะเกิดจากสิ่งเล็กๆ ที่เราปล่อยเข้ามาในชีวิตที่ละนิดจนมันกินเราไปทั้งใจ พระธรรมสุภาษิตจึงเตือนแบบสั่งว่า จงเฝ้ารักษาใจของเจ้าให้ดี เพราะทุกสิ่งเริ่มต้นออกมาจากใจ ขอให้เราจะรักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้า หมั่นใช้เวลาเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้าให้ดียิ่งๆขึ้นเสมอในทุกวัน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่212) ทำไมไม่มีความสุข? “ชีวิตข้าพเจ้าขาดสันติสุข จนข้าพเจ้าลืมว่าความสุขเป็นอย่างไร” ~เพลงคร่ำครวญ 3:17 THSV11 บางคนมีชีวิตอยู่เพื่อจะโชว์ แต่แล้วก็เป็นทุกข์ เมื่อเห็นคนอื่นโชว์ได้ดีกว่าหรือมากกว่า! บางคนจมีแต่ไม่กล้าโชว์ของที่มี เพราะรู้สึกอายที่มีน้อยกว่าหรือแม้จะดีแต่ก็สู้ของคนอื่นไม่ได้ บางคนยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะว่า เขาไม่มีอะไรที่จะโชว์ได้เลย …ก็เลยไม่มีความสุข! เราพอจะรวบรวมสาเหตุหลัก ๆ ที่ว่า ทำไม คนเรา “อยู่ได้แต่ไม่มีความสุข” ได้ดังนี้ 1.เพราะขาดจุดหมายที่แท้จริงและที่ท้าทาย ทำให้ชีวิตรู้สึกว่างเปล่า ~หลายคนใช้ชีวิตเพื่อสิ่งภายนอก เช่น เงิน ชื่อเสียง ความสำเร็จ แต่เมื่อได้มาแล้วกลับไม่อาจเติมเต็ม เพราะใจลึก ๆ ยังไม่รู้ว่า “เราอยู่ไปเพื่ออะไร”2.เพราะวัดคุณค่าตัวเองจากสายตาหรือคำพูดของคนอื่น ~เมื่อเรายึดติดกับการยอมรับของคนอื่น ความสุขก็จะขึ้นลงตามคำชมและคำติ3.เพราะมีความบาปและความรู้สึกผิดที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา ~ในมุมคริสเตียน นี่เป็นรากลึกของความว่างเปล่าในใจมนุษย์ เพราะมนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่เมื่อเราทำบาปเราก็ถูกตัดขาด จากพระองค์ ใจก็ไม่สุขอีกต่อไป 4.เพราะชอบเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่นมากเกินไป จนมองข้ามสิ่งดีที่เรามี ~ปล่อยให้ความสุขของเราขึ้นอยู่กับการอนุมัติของคนอื่น5.เพราะโหยหาการยอมรับ การยกย่องและความสำเร็จมากจนเกินควร มัวแต่หมกมุ่นสนใจแต่ยอดวิวยอดไลก์ ไม่ยอมรับตัวเองและไม่รักตัวเอง6.เพราะให้ความกลัวมาขับเคลื่อนหรือควบคุมชีวิต ~เอาแต่กังวลและกลัวไปทุกเรื่อง ตั้งแต่กลัวมีน้อยกว่า กลัวล้มเหลว กลัวผี กลัวถูกคนถูกปฏิเสธ หรือกลัวถูกดูถูกดูหมิ่น 7.เพราะขาดหรือผิดหวังกับความสัมพันธ์หรือไร้ปฏิสัมพันธ์ที่จริงใจ ~ไม่เคยพบกับความจริงใจจากคนอื่น หรืออาจถูกใครบางคนทรยศต่อความสัมพันธ์8.ถูกคนปองร้าย ทำให้เจ็บปวด หรือประสบกับเคราะห์กรรมที่ทำให้ทุกข์ทรมาน ~ทำให้ทุกข์ทรมานจนไม่รู้หรือจำไม่ได้แล้วว่า ความสุขนั้นเป็นอย่างไร? สำหรับผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้า ในพระคัมภีร์ ได้ให้แนวทางใน “แก้ไข”และ “รื้อฟื้น“ คืนความสุขกลับคืนมาให้กับชีวิตของเรา ไว้ดังนี้1.จงกลับมาหาพระเจ้า และรับชีวิตที่ครบสมบูรณ์ “เรามาเพื่อให้เขามีชีวิต และมีชีวิตอย่างครบบริบูรณ์” ~ยอห์น 10:10 ~ความสุขแท้เริ่มจากการคืนดีกับพระผู้สร้าง และให้พระองค์เป็นศูนย์กลางชีวิตของเรา2.จงใคร่ครวญและรู้จักขอบคุณพระเจ้าในทุกสถานการณ์“จงขอบคุณในทุกกรณี เพราะนี่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า” ~ 1 เธสะโลนิกา 5:18 ~การขอบคุณสำหรับสิ่งเล็กๆที่เราเห็นพระพรซ่อนอยู่ แม้ในวันเวลาที่ยากลำบาก3.จงหยุดเปรียบเทียบกับผู้อื่น และยอมรับตัวเองตามที่พระเจ้าสร้างให้เราเป็น “เพราะว่าทุกคนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้แล้ว พระองค์ทรงกำหนดไว้ก่อนให้เป็นตามพระ ฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพี่น้อง จำนวนมาก” ~โรม 8:29 THSV11 ~พระเจ้ารักเราในแบบที่เราเป็น ที่ไม่ต้องเหมือนใคร ไม่ต้องคอยส่องโซเชียลของคนอื่น4.จงขอพระเจ้าประทานสติปัญญา ความกล้าและความสามารถเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ทำได้ “แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคน ด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ” ~ยากอบ 1:5 THSV11 ~ความเชื่อ(ศรัทธา)ย่อมมีชัยเหนือความกลัวและข้อจำกัดต่างๆได้5.จงเข้าหาพระเจ้า วางความกดดันทั้งหลายลง และพักสงบในพระองค์ “บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย ได้หยุดพัก” ~มัทธิว 11:28 THSV11 ~การได้หยุดพักอยู่กับพระเจ้า จะทำให้เรี่ยวแรงภายในของเราค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา 6.จงให้สันติสุขของพระคริสต์ ครอบครองใจของเราอย่างสิ้นเชิง ทำให้เราอยู่กับปัจจุบันได้ “แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลาย ไว้ในพระเยซูคริสต์” ~ฟีลิปปี 4:7 THSV11 ~ความสุขทั่วไป อยู่ได้ชั่วคราว แต่สันติสุขแท้มาจากพระเจ้าจะอยู่กับเราตลอดไป7.จงมอบถวายชีวิตแด่พระเจ้า เพื่อรับใช้พระองค์และให้สิ่งดีแก่ผู้อื่น “ข้าพเจ้าวางแบบอย่างให้ท่านแล้วในทุกเรื่อง เพื่อให้เห็นว่าโดยการตรากตรำงานแบบ เดียวกันนี้ เราต้องช่วยพวกที่มีกำลังน้อย และระลึกถึงพระวจนะของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ตามที่พระองค์ตรัสว่า ‘การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ' ”” ~กิจการ 20:35 THSV11~ความสุขที่ยั่งยืนมักเกิดจาก “การให้” มากกว่าการรับ เรามีบางสิ่งที่ให้อยู่เสมอ เมื่อเรามีรับใช้โดยเป็นผู้ให้ เราจะมีความสุขที่สัมผัสความหมายที่แท้จริงของชีวิต พี่น้องที่รัก ขอให้เรายุติการดำเนินชีวิตที่ไร้ความสุข ณ บัดนี้ และให้เราจงเริ่มต้นดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ตามแนวทางของพระเจ้าที่ได้แนะนำไว้ให้ในพระคัมภีร์ …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 29ตุลาคม2025 (ตอนที่212ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #

พระธรรมนำชีวิตตอน ซื่อสัตย์ในพระสัญญา Ep.1435 เมื่อวานเราทิ้งท้ายไว้ด้วยสุภาษิตที่ซาโลมอนเป็นผู้เขียนเอง และชีวิตของเขาก็เป็นเครื่องยืนยันว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นความจริง “คนใจกว้างย่อมเจริญรุ่งเรือง คนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้น้ำตอบแทน” 1 พงศ์กษัตริย์ 10:14-29 บันทึกไว้ว่าพระเจ้าทรงทำให้ซาโลมอนรุ่งเรืองอย่างมาก ทั้งในด้านทรัพย์สิน ชื่อเสียง และสติปัญญา'ดังนั้น พระราชาซาโลมอนจึงยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อื่นๆ ในโลก ในเรื่องสมบัติและสติปัญญา และทั่วทั้งโลกก็แสวงหาที่จะเข้าเฝ้าซาโลมอน เพื่อจะฟังพระสติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานไว้ในพระทัยของพระองค์ ทุกคนก็นำเครื่องบรรณาการของเขามา คือภาชนะเงินและภาชนะทอง เสื้อผ้า อาวุธ เครื่องเทศ ม้าและล่อ ตามจำนวนกำหนดทุกๆ ปี '1 พงศ์กษัตริย์ 10:23-25 นอกจากยืนยันว่าพระวจนะของพระเจ้าเป็นความจริงแล้ว ยังยืนยันว่าพระเจ้าทรงซื่อสัตย์ในพระสัญญาเสมอ ขอให้เรายังคงซื่อสัตย์ในพระสัญญาของพระเจ้า ใน 1 พงศ์กษัตริย์ 9:4-9 พระเจ้าทรงให้พระสัญญาที่ชัดเจนมากทั้งในด้านบวกและด้านลบด้วย หากระวังรักษาเชื่อฟังตามถ้อยคำของพระเจ้าชีวิตจะเจริญขึ้น แต่ถ้าพวกเขาหันจากการติดตามพระเจ้าไปนมัสการพระอื่น แม้แต่พระวิหารที่งดงามที่พวกเขาภูมิใจพระเจ้าก็จะทรงเหวี่ยงทิ้ง พวกเขาจะถูกเยาะเย้ยด้วยเหตุผลที่ว่าทุกอย่างนั้นถูกทำลายเพราะพวกเขาละทิ้งพระเจ้า พระพรไม่ใช่รางวัลของความดี แต่เป็นผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับพระเจ้า ซาโลมอนได้รับพระพรเพราะเขาเริ่มต้นจากใจที่ยำเกรงพระเจ้า และใช้สิ่งที่ได้รับเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า'ถ้าเราไม่มีความสัตย์จริง พระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความสัตย์จริง เพราะพระองค์จะไม่ทรงเป็นพระองค์เองไม่ได้ ' 2 ทิโมธี 2:13 พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์รักษาสัญญาของพระองค์เสมอ เมื่อเราดำเนินชีวิตในความซื่อสัตย์และอยู่ในข้อตกลงของพระเจ้า ยึดมั่นในพระสัญญาใหม่ที่ได้รับทางพระเยซูคริสต์ ดำเนินชีวิตในความเชื่อและความรัก เราจะได้สัมผัสพระพรฝ่ายวิญญาณที่มั่นคงกว่าความรุ่งเรืองในโลกนี้ ความรุ่งเรืองแท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรามีอะไร แต่ขึ้นอยู่กับการที่พระเจ้าทรงอยู่กับเรา และเรายังอยู่กับพระองค์เสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่211) จงรับใช้ตั้งแต่ในปฐมวัย! “เป็นการดีที่คนเราจะแบก แอกในปฐมวัย י” ~เพลงคร่ำครวญ 3:27 THSV11 “It is good for a man to bear the yoke while he is young.” ~Lamentations 3:27 NIV มีคำกล่าวที่ดีที่กล่าวว่า “การเริ่มรับใช้พระเจ้าตั้งแต่อายุน้อย คือของขวัญที่ดีที่สุดที่คุณสามารถมอบให้พระองค์ได้ทั้งชีวิต” (Serving God from a young age is the greatest gift you can give Him with your whole life.) ผมเริ่มต้นรับใช้พระเจ้าตั้งแต่อายุ17~18ปีนับเป็นช่วงวัยเยาว์ที่เริ่มร้อนแรง ถือได้ว่า นี่เป็นของขวัญล้ำค่าที่ผมมอบถวายให้แด่พระองค์! และเมื่อได้อ่านเรื่องราวของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในสมัยที่พระองค์ยังทรงเยาว์วัย จากพระราชดำรัสที่พระองค์ทรงพระราชทานแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๔๗ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ผมก็ยิ่งคื่นเต้น เพราะว่ามีความคล้ายคลึงกันในหลายส่วน พระดำรัสของพระองค์มีเนื้อความว่าดังนี้"...ข้าพเจ้าเป็นพระราชินีตั้งแต่อายุ ๑๗ ปีเศษ ข้าพเจ้าได้ถวายรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ออกไปช่วยประชาชน แต่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย ข้าพเจ้าจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ท่ามกลางประชาชน เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่าคนไทยเรานี่น่ารัก เมื่อข้าพเจ้าเห็นคนอายุน้อยกว่ามารอพบข้าพเจ้า ก็เกิดความเอ็นดู ส่วนผู้ที่อายุมากกว่าก็ให้ความเมตตาแก่ข้าพเจ้า ดังนั้นเราจึงอยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกันเสมอมาและพยายามจะถ่ายทอดน้ำใจไปสู่กันและกัน..." สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปี ทรงเป็นแบบอย่างของราชินีผู้รับใช้(A Servant Queen) ที่สมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญ และเป็นต้นแบบให้เราทั้งหลายดำเนินตาม ผมคงกล่าวได้ในทำนองเดียวกันว่า1.ผมเป็นคริสเตียนในช่วงอายุ 17-18ปี2.ผมได้ถวายตัวรับใข้พระเจ้า ตั้งแต่ช่วงเวลานั้น3.ผมได้ออกไปช่วยคนตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไทย4.ผมมีความสุขและไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายในการอยู่ท่ามกลางคน5.ผมรู้สึกเช่นกันว่าคนไทยทุกแห่งหนที่ได้พบปะล้วนน่ารัก6.ผมรู้สึกเอ็นดูและเป็นมิตรกับคนที่อายุน้อยกว่าที่ได้เจอะเจอ7.ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขเมื่อได้รับความเมตตาจากผู้ที่อาวุโสกว่า8.ผมได้อยู่ร่วมกับคนมากมาย และมีความรู้สึกดีต่อกันและกันเสมอ9.ผมพยายามถ่ายทอดน้ำใจให้แก่กันและกันในทุกครั้งที่พบปะและทำงานรับใช้ด้วยกัน และจากประสบการณ์ในการรับใช้มานาน มากกว่า 50ปี ผมเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “การรับใช้ตั้งแต่อายุน้อย คือการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อ ที่จะงอกงามเป็นชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยพระพร” (Serving early is sowing seeds of faith that will bloom into a life full of blessings.) ดังนั้นพี่น้องที่รัก 1. ถ้าคุณเป็นเยาวชนหรืออนุชน ก็จงเริ่มต้นรับใช้พระเจ้าจากก้าวเล็กๆตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 2. ถ้าคุณเป็นผู้นำหรือผู้ใหญ่ ก็จงหาพื้นที่ให้กับเด็กๆ เยาวชนหรืออนุชนในคริสตจักรของคุณ ให้ได้มีโอกาสรับใช้ตามความถนัดหรือของประทานของเขาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เช่นกัน แล้ว 1).คุณจะแปลกใจในพลังของตัวเอง ในขณะที่คุณร่วมรับใช้กับผู้อื่น และ 2).คุณจะอัศจรรย์ใจกับพลังความสามารถของผู้อื่นที่ได้มีโอกาสในการรับใช้ร่วมกับคุณ …อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 29ตุลาคม2025 (ตอนที่211ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน ให้ด้วยใจกว้าง Ep.1434 เราจะพบพระลักษณะของพระเจ้าในคนของพระเจ้า ยิ่งคนที่ได้รับพระพรมากเขาจะทำให้คนได้เห็นพระลักษณะของพระเจ้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย'ของประทานที่ดีและเลิศทุกอย่างนั้นมาจากเบื้องบน คือมาจากพระผู้สร้าง แห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระองค์ไม่มีการแปรปรวนหรือเงาของการเปลี่ยนแปลง ' ยากอบ 1:17 พระเจ้าทรงประทานสิ่งที่ดีและเลิศทุกอย่างให้ พระเจ้าทรงสร้างทุกอย่างเพื่อพวกเรา ในพระธรรมโรม 8 ได้บอกว่า พระเจ้าไม่เคยหวงแม้แต่พระบุตรของพระองค์ ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ประทานสิ่งสารพัดให้เราด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ นี่คือพระทัยที่กว้างขวางของพระเจ้า'พระราชาซาโลมอนประทานแก่พระราชินีแห่งเชบา ทุกอย่างที่พระนางทรงประสงค์ตามที่ทูลขอ นอกเหนือจากสิ่งที่ได้ประทานแก่พระนางแล้วด้วยพระทัยกว้างขวางของพระราชาซาโลมอน ดังนั้นพระนางก็เสด็จกลับไปยังแผ่นดินของพระนาง พร้อมกับพวกข้าราชการของพระนาง ' 1 พงศ์กษัตริย์ 10:13 ซาโลมอนไม่ได้หยุดอยู่ที่การรับเพียงอย่างเดียว ซาโลมอนเป็นแบบอย่างของผู้นำที่ให้ด้วยใจกว้างขวาง เขาใช้สิ่งที่พระเจ้ามอบให้เพื่อเป็นพระพรแก่ผู้อื่น เขาให้ด้วยใจกว้างขวางสิ่งนี้สะท้อนพระลักษณะของพระเจ้าผู้ทรงให้ด้วยความรัก ในพระวจนะของพระเจ้าได้บอกว่า 'คนใจกว้างย่อมเจริญรุ่งเรือง คนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้น้ำตอบแทน ' สุภาษิต 11:25 เราได้พบความจริงในชีวิตของซาโลมมอน ยิ่งเขาให้เขาก็ได้รับความเจริญยิ่งขึ้น เขาได้รับน้ำใจตอบแทนกลับมาเป็นทรัพสินย์เงินทองมากมาย ขอให้เราจะมีหัวใจแห่งการให้ หลายครั้งเราไม่อยากให้เพราะเราคิดว่า เรายังมีน้อยอยู่ ขอให้เราจะมีพระลักษณะของพระเจ้าในการให้ หากเรามีน้อยแต่กล้าที่จะให้เราจะมีมากขึ้น และถ้าเรามีมากขึ้นก็ไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเองจะสบายขึ้น แต่เพื่อเราจะเป็นพระพรความและมีโอกาสให้ได้มากขึ้น เพื่อเราจะสำแดงพระลักษณะของพระเจ้าให้ทุกคนได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่210) อย่าทำชีวิตให้มันซับซ้อนจะได้ไหม? “เพราะฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว” ~มัทธิว 6:34 THSV11 “Therefore do not worry about tomorrow, for tomorrow will worry about itself. Each day has enough trouble of its own.” ~Matthew 6:34 NIV ชีวิตแต่ละวันก็ยุ่งยากอยู่แล้ว อย่าให้เราทำให้ยุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปอีก พระเยซูคริสต์ตรัสว่า แต่ละวันก็มีความทุกข์พออยู่แล้ว อย่าไปเอาความทุกข์ของวันพรุ่งนี้หรือของวันมะรืนนี้ มาเพิ่มให้กับความทุกข์ของวันนี้เลย …มันจะรับกันไม่ไหว! ดังนั้น จงทำให้ชีวิตเรียบง่ายและมีความสุข จะโลดโผนตื่นเต้นพอเป็นกระสายยาบ้าง ก็น่าจะโอเค แต่อย่าทำให้ชีวิตต้องเหนื่อยยาก เพราะความวิตกกังวล หรือมีความหวั่นกลัวมากจนเกินเหตุ! มีคนถามว่า"ทำไมต้องทำชีวิต ... ให้เป็นเรื่องยาก" คิดถึงใคร ... ก็ให้โทรไปสิอยากเจอใคร ... ก็ให้รีบไปหาสิอยากให้คนอื่นเข้าใจ ... ก็ให้ไปอธิบายสิหากมีคำถาม ... ก็ให้ไปถามสิหากไม่ชอบอะไร ... ก็ให้พูดไปสิหากชอบอะไร ... ก็ให้บอกไปสิหากอยากได้อะไร ... ก็ให้ขอสิหากรักใคร ... ก็อย่าเก็บเอาไว้สิ*ชีวิตไม่ยากเกินไป แต่ที่ยากเป็น เพราะ ... "ไม่คิดให้ง่าย!“ ”แท้จริง พระเจ้าทรงเรียกเราให้มีชีวิตที่สุข สงบ โดยให้เชื่อ เชื่อฟังและไว้วางใจในพระองค์ ความยุ่งยากส่วนใหญ่เกิดจาก “ความกลัว” และ “การที่เราพยายามที่จะควบคุม” ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมคนหรือควบคุมสิ่งต่างๆแต่ในความเป็นจริง มีปัจจัยที่เกินการควบคุมอยู่มากมาย ผลที่ตามมาจึงเกิดความเครียดและความทุกข์ที่ไม่จำเป็น เราจึงควรจะจดจำไว้เสมอว่า ชีวิตที่เรียบง่าย คือชีวิตที่พระเจ้าทรงพอพระทัย! ข้อคิดสำหรับเราในวันนี้ ก็คือ 1.ชีวิตจะง่ายขึ้น ถ้าเราเลิกทำให้ซับซ้อนกับเรื่องที่ไม่สำคัญ “บางครั้งสิ่งที่ทำให้ชีวิตยุ่งยาก ก็คือใจที่ไม่ยอมให้กัน”2.ความยุ่งยากไม่ได้มาจากสิ่งรอบตัวเสมอไป แต่มักมาจากทัศนคติของเราต่อสิ่งเหล่านั้น “ถ้าใจนิ่งสงบ ทุกเรื่องก็ง่าย”3.เราทำชีวิตให้ยุ่งยาก เพราะพยายามควบคุมสิ่งที่เราควรวางไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า “เมื่อเรายินยอมวางใจพระเจ้า ความเรียบง่ายจะกลับคืนมา”4.ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ได้แปลว่าไร้เป้าหมาย แต่เป็นการรู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด “เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง ดีกว่าซับซ้อนแต่ไร้สาระ!”สรุป พระเจ้าทรงเรียกเราให้มีชีวิตอย่างสงบ เรียบง่าย ไม่ใช่ซับซ้อน “เพราะฉะนั้นอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เพราะพรุ่งนี้ก็จะมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีความเดือดร้อนของมันพออยู่แล้ว” ~มัทธิว 6:34 TNCV พี่น้องที่รัก นับจากวันนี้เป็นต้นไป อย่าให้เราทำชีวิตของเราให้ยุ่งยากซับซ้อนอีกต่อไปเลย …จะดีไหม?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 27ตุลาคม2025 (ตอนที่210 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน มีไว้เพื่อพระเจ้า Ep.1433 พระพรของพระเจ้าที่มีมาในชีวิตของซาโลมอนนั้นมากมาย ที่ได้มาจากทั้งชื่อเสียงและการค้าขาย แต่อย่างไรก็ตามซาโลมอนใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อถวายแด่พระเจ้า'แล้วพระราชาทรงใช้ไม้จันทน์แดงทำเสาสำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และสำหรับพระราชวังของกษัตริย์ และทำพิณเขาคู่และพิณใหญ่สำหรับพวกนักร้อง จนทุกวันนี้ก็ไม่เคยมีไม้จันทน์แดงเข้ามาให้เห็นมากมายอย่างนี้อีก ' 1 พงศ์กษัตริย์ 10:12 ซาโลมอนใช้สิ่งที่ได้รับมาเพื่อพระเจ้า เขาไม่ลืมว่าทุกสิ่งที่เขามีเป็นของประทานจากพระเจ้า ขอให้เราจะเรียนรู้ในเรื่องนี้ว่าทั้งหมดที่เรามีนั้นเป็นของประทานที่พระเจ้าประทานให้เราโดยพระคุณของพระองค์ ซาโลมอนเลือกที่จะใช้สิ่งที่เขามีนั้นเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ นี่คือหัวใจของการเป็นผู้อารักขาที่ดี ขอให้เราจะเป็นผู้อารักขาหรือคนต้นเรือนที่ดี ที่จะใช้สิ่งนั้นให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าเสมอ 'จงถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ด้วยทรัพย์สินของเจ้า และด้วยผลแรกแห่งผลิตผลทุกอย่างของเจ้า ' สุภาษิต 3:9 พระพรไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อให้เราสบายขึ้นเท่านั้น แต่มีไว้เพื่อให้เราใช้สิ่งนั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้ามากขึ้น สิ่งที่เรามีในมือสามารถกลายเป็นเครื่องมือของพระเจ้าได้ หากเรายินดีถวายสิ่งนั้นด้วยการสำนึกในพระคุณของพระองค์'ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์ ' โคโลสี 3:23 พระพรของพระเจ้าจะเป็นพรที่แท้จริงกับตัวเราและคนอื่นก็ต่อพระพรนั้นถูกใช้ตามพระประสงค์ของพระเจ้า สิ่งที่เรามีนั้นจะไม่มีค่าเลย ถ้าเราใช้มันเพื่อตัวเอง ขอให้สิ่งที่อยู่ในมือเราจะไม่ใช่สิ่งกีดขวางที่ทำให้เราจะถวายเกียรติแด่พระเจ้า และทำให้เราลืมพระคุณนานาประการที่พระเจ้าประทานให้กับเรา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่209) ช่วยสอนเราหน่อยครับ! “จงให้คำสั่งสอนแก่คนมีปัญญาและเขาจะมีปัญญายิ่งขึ้น จงสอนคนชอบธรรมและเขาจะเพิ่มพูนการเรียนรู้” สุภาษิต 9:9 THSV11 “Instruct the wise and they will be wiser still; teach the righteous and they will add to their learning.” ~Proverbs 9:9 NIV หลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ก็เกิดความสับสนวุ่นวายเกี่ยวกับศัพท์ที่จะโพสต์แสดงความอาลัย และวิถีปฏิบัติตนในช่วงไว้อาลัย คนส่วนใหญ่ แม้กระทั่งคนใหญ่ๆ องค์กรหน่วยงานใหญ่ หรือ ผู้มีสติปัญญาในแวดวงต่างๆ ต่างก็ใช้ศัพท์กันไม่ถูกเลย เพราะในรอบ 70~ 80 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเราเพิ่งมีการสูญเสียพระมหากษัตริย์องค์พระประมุขและสมเด็จพระราชินี ก็เพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ประชาชนผู้จงรักภักดีหรือแม้แต่คริสเตียนในคริสตจักรก็ยังไม่รู้เลยว่าจะสื่อสารความรู้สึกข้างในออกมาอย่างไร จึงมีคนเริ่มต้นโพสต์ หรือ พูดออกมาด้วยเจตนาดี แต่สุดท้ายก็ใช้ถูกใช้ผิดกันมาจนสับสนไปทั่ว ศัพท์หนึ่งที่ใช้กันผิดมาตลอดก็คือวลีที่ว่า“ ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย” …สังคมจึงต้องการผู้รู้ที่รู้จริงๆ มาให้คำตอบ และดีใจที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภาได้ออกมาอธิบาย คำว่า “สวรรคาลัย” ความหมายตาม พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (ปัจจุบันใช้ พจนานุกรม ฉบับราชบัณทิตยสถาน พ.ศ. 2554) เป็นคำกริยา หมายความว่า ตาย (ใช้แก่เจ้านายชั้นสูง) ซึ่งไม่ได้หมายถึงการส่งเสด็จไปสู่สวรรค์ ทำให้การใช้คำว่า “สวรรคาลัย” เป็นการสื่อความหมายไม่ถูกต้องนั้นเป็นความเข้าใจที่เกิดจากการแปลตรงตามรูปศัพท์ …แล้วอะไรคือแนวทางในการใช้ถ้อยคำเพื่อแสดงความอาลัยให้ถูกต้องเหมาะสม? สำนักงานราชบัณทิตยสภา ได้ให้แนวทางการใช้ราชาศัพท์และถ้อยคำเพื่อแสดงความอาลัยอย่างถูกต้องและเหมาะสม เมื่อปี พ.ศ. 2559 อ้างอิงจากคำชี้แจงของสำนักงานราชบัณทิตยสภา เมื่อครั้งการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งได้อธิบายการใช้วลี “เสด็จสู่สวรรคาลัย” ว่า ควร ละการใช้คำว่า “ส่ง” และใช้ถ้อยคำว่า “เสด็จสู่สวรรคาลัย” หรือ “พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย” เพื่อความถูกต้องตามหลักราชาศัพท์ และเพื่อให้ถ้อยคำมีความงดงาม เหมาะสมกับพระเกียรติยศ โดยแท้จริงแล้วคำว่า “สวรรคาลัย” มาจากคำว่า “สวรรค” (สะ-หวัน-คะ) และ “อาลัย” ซึ่งคำว่า “สวรรค, สวรรค์” เป็นคำนาม หมายถึง โลกของเทวดา, เมืองฟ้า คำว่า “อาลัย” ที่เป็นคำนาม มีความหมายว่า ที่อยู่ ที่พัก ดังนั้น วลี “สู่สวรรค” จึงหมายถึง สู่ที่อยู่ในสวรรค์ สู่ที่พักในสวรรค์ ส่วนวลี “เสด็จไปสู่สวรรคาลัย” จึงสื่อความหมายได้ว่า (พระองค์) เสด็จสู่สวรรคาลัย หรือ (พระองค์) เสด็จสู่สรวงสวรรค์ ดังนั้น หากละการใช้คำว่า “ส่ง” ออกไป เหลือ “เสด็จสู่สวรรคาลัย” หรือใช้คำว่า “พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย” ก็จะทำให้ถ้อยคำดูสวยงามและสื่อความหมายได้ชัดเจน และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนอีก ราชบัณฑิตยสภา จึงเผยแพร่ ตัวอย่างถ้อยคำแสดงความอาลัยที่ถูกต้องตามราชาศัพท์ ออกมาเมื่อวานนี้ ( วันที่ 25 ตุลาคม 2568) ดังนี้ ”1. เสด็จสู่สวรรคาลัยผองพสกนิกรชาวไทยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์ข้าพระพุทธเจ้า ….2. เสด็จสู่ฟากฟ้าสุราลัยพระมหากรุณาธิคุณจารึกในใจไทยชั่วกาลข้าพระพุทธเจ้า ….3. สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาทด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ข้าพระพุทธเจ้า ….4. พระเสด็จสู่แดนสรวงไทยทั้งปวงน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิรันดร์ข้าพระพุทธเจ้า ….5. ร้อยรวมดวงใจไทยทั่วหล้าด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ข้าพระพุทธเจ้า ….6. สถิตกลางใจประชาราษฎร์ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์ข้าพระพุทธเจ้า …. โดยมี แนวทางการระบุชื่อผู้ถวายความอาลัย ท้ายข้อความดังนี้ให้ระบุ ชื่อบุคคล หรือ ชื่อตำแหน่ง หรือ ชื่อคณะบุคคล/หน่วยงาน ได้ดังนี้1.ระบุชื่อบุคคลเพียงอย่างเดียวเช่น ข้าพระพุทธเจ้า นายวัฒน์ ….2.ระบุเฉพาะชื่อตำแหน่งหรือหน่วยงานเช่น ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ3.ระบุทั้งชื่อตำแหน่งและคณะบุคคลเช่น ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหารและพนักงาน….“พี่น้องที่รัก ไม่ว่าเราจะเก่งขนาดไหน จะรู้มากขนาดไหน แต่ในชีวิตของเรา ก็ยังคงมีสิ่งใหม่ๆให้เราเรียนรู้อยู่เสมอ เราจึงควรถ่อมใจเรียนรู้และรับคำแนะนำสั่งสอนอยู่เสมอจากผู้ที่รู้จริง เพื่อเราจะได้เพิ่มการเรียนรู้ เป็นคนที่ฉลาดและมีสติปัญญามากขึ้น จะได้แบ่งปันความรู้เหล่านั้น(ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม)ให้แก่คนอื่นๆ ต่อไป …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 26ตุลาคม2025 (ตอนที่209ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่208) แม้ไม่ได้ดังหวัง แต่กระนั้นก็ยังเปรมปรีดิ์!“แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกเทศก็ขาดไป ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า”~ฮาบากุก 3:17-18 TH1971“Though the fig tree does not bud and there are no grapes on the vines, though the olive crop fails and the fields produce no food, though there are no sheep in the pen and no cattle in the stalls, yet I will rejoice in the Lord, I will be joyful in God my Savior.” ~Habakkuk 3:17-18 NIV แท้จริงความสุขไม่ได้เกิดขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเราแต่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวใจของเราถ้าเรามองทุกสิ่งด้วยสายตาแห่งการเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าเราจะสามารถมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ของชีวิต! ขอให้เรามาหัดมองสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยสายตาแห่งการขอบคุณพระเจ้า!~ถ้าเรามีขยะที่ต้องเก็บหลังงานเลี้ยงเลิก หมายความว่า เรายังมีเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ~ถ้าเรามีภาษีที่ต้องจ่าย หมายความว่า เรายังมีงานทำและมีรายได้~ถ้าเรามีเสื้อผ้าใส่อยู่(แม้จะคับ) หมายความว่า เรายังมีอาหารกินมากจนเกินพอ~ถ้าเรามีเงาทอดตามหลัง ขณะที่เราทำงาน หมายความว่า เรายังมีโอกาสออกไปรับแสงแดด~ถ้าเรามีหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด และท่อน้ำที่ต้องซ่อม หมายความว่า เรายังมีบ้านอยู่~ถ้าเราได้ยินเสียงด่ารัฐบาลและเราแสดงความเห็นได้ หมายความว่า เรายังมีเสรีภาพที่จะพูด ~ถ้าเราได้ที่จอดรถที่ไกลสุด แต่เข้าไปในพื้นที่ได้ หมายความว่า ขาเรายังเดินได้~ถ้าเรามีเสื้อผ้ากองใหญ่ที่ต้องซักรีด หมายความว่า เรายังมีเสื้อผ้าใส่~ถ้าเรารู้สึกเมื่อยล้าหลังการทำงานในแต่ละวัน หมายความว่า เรายังทำงานได้~ถ้าเราได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกให้ตื่นดังขึ้นทุกเช้า หมายความว่า เรายังมีชีวิตอยู่~ถ้าเราวนเวียนหาที่จอดรถในวันอาทิตย์ หมายความว่า เรายังมีโบสถ์ไปนมัสการพระเจ้าได้~ถ้าเราเจ็บป่วยแต่ยังไม่ตาย หมายความว่า พระเจ้ายังมีภารกิจสำคัญให้เราทำก่อน~ถ้าเราผิดพลาดเจ็บปวดหรือผิดหวังแต่ไม่ยอมแพ้ หมายความว่า เรายังมีโอกาสแก้ไขใหม่~ถ้าเราไม่เกิดผลในสิ่งที่เราทำ แต่เรายังยินดีได้ หมายความว่า พระเจ้ายังใช้เราได้~ถ้าเราได้รับบทความนี้มาอ่าน หมายความว่า มีใครบางคนที่ยังคิดถึงเราและส่งมาให้เราอ่าน! พี่น้องที่รัก คุณเห็นด้วยหรือไม่ กับคำกล่าวต่อไปนี้ ที่ว่า “แม้หนทางไม่เป็นอย่างที่ฉันฝัน แต่หัวใจของฉันก็ยังยินดี เพราะรู้ว่าพระเจ้ากำลังทรงนำฉันอยู่” (Even when the path isn't what I dreamed, my heart still rejoices—for God is leading me.”ใช่ครับ แม้ว่า หลายสิ่งหลายอย่างไม่เป็นไปตามที่หวัง อาทิ1.ต้นมะเดื่อไม่ผลิดอก 2.เถาองุ่นไม่มีผล 3.ต้นมะกอกไม่ให้ผล 4.ท้องทุ่งไม่ให้พืชพันธุ์ธัญญาหาร 5.ในคอกไม่มีแกะ6.ในโรงวัว ไม่มีวัว แต่ ถึงกระนั้น ก็ขอให้ 1).เราจะยังคงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ 2).เราจะยังคงเบิกบานใจในพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเราได้เสมอไป” ~ฮาบากุก 3:17-18 TNCVใช่ครับ แม้ว่า เราอาจประสบกับความสูญเสียเสียใจใหญ่หลวงอย่างไม่คาดคิดแต่1.ให้เรายังคงมีความร่าเริงเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าได้อยู่เสมอและ2.ให้พระเจ้าทรงเป็นกำลังให้เราฟันฝ่าทุกวิกฤติการณ์ในชีวิตไปได้อย่างมีชัย “พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำให้เท้าของข้าพเจ้าเหมือนตีนกวางตัวเมีย พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูงทั้งหลาย !“ ~ฮาบากุก 3:19 THSV11 …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 25ตุลาคม2025 (ตอนที่208ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดีป.ล.เมื่อเวลา 01.58 น. วันที่ 25 ตุลาคม 68 สำนักพระราชวัง ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคตด้วยพระชนมายุ 93 พรรษา เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2568 เวลา 21.21 น. โดยมีราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสวรรคตเป็นต้นไป ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

พระธรรมนำชีวิตตอน แด่พระเจ้า Ep.1432 การอวยพรของพระเจ้าทำให้ชื่อเสียงของซาโลมอนเลื่องลือออกไป บางคนเชื่อโดยที่ไม่ต้องเห็น บางคนไม่เชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์ 1 พงศ์กษัตริย์ 10 เป็นเรื่องราวที่มีพระราชินิแห่งเชบาได้ยินข่าวแล้วแต่พระนางไม่เชื่ออยากจะมาพิสูจน์ให้เห็นกับตา'เมื่อพระราชินีแห่งเชบา ทรงได้ยินกิตติศัพท์ของซาโลมอน อันเนื่องมาจากพระนามของพระยาห์เวห์ พระนางก็เสด็จมาทดสอบพระองค์ด้วยปัญหายุ่งยากต่างๆ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 10:1 การมาของพระนางนั้น มาพร้อมกับปัญหายุ่งยากต่างๆ อาจจะเป็นเพราะต้องการพิสูจน์ แต่พระนางไม่ได้มาตัวเปล่า พระนางมาพร้อมข้าราชบริพาร และทรัพย์สินมากมาย พระนางก็ทูลเรื่องในใจทุกประการต่อซาโลมอน'และซาโลมอนตรัสตอบปัญหาทุกข้อของพระนาง ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากพระราชาซึ่งพระองค์จะทรงตอบพระนางไม่ได้ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 10:3 เมื่อพระราชินีแห่งเชบาได้รับคำตอบ ได้มีประสบการณ์เห็นพระวิหาร เห็นพระราชวัง เห็นของเสวย เห็นข้าราชการของซาโลมอน พระนางยอมรับว่าสิ่งที่ได้ยินมานั้นยังไม่ได้ครึ่งนึงกับของจริงที่พระนางมีประสบการณ์ พระพรของพระเจ้านำให้พระราชินีแห่งเชบาสรรเสริญพระเจ้า'สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท ผู้พอพระทัยในฝ่าพระบาท และทรงตั้งฝ่าพระบาทไว้บนบัลลังก์แห่งอิสราเอล เพราะพระยาห์เวห์ทรงรักอิสราเอลเป็นนิตย์ พระองค์จึงทรงแต่งตั้งให้ฝ่าพระบาทเป็นพระราชา เพื่อฝ่าพระบาทจะทรงอำนวยความยุติธรรมและความชอบธรรม” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 10:9 ขอให้พระพรของพระเจ้าในชีวิตของเราจะเป็นเหตุให้ผู้คนยกย่องสรรเสริญพระเจ้าแบบซาโลมมอน พระพรของพระเจ้าที่แท้จริงจึงไม่ได้หยุดอยู่ที่ตัวเรา แต่พระพรของพระเจ้าจะเป็นแสงสะท้อนออกไปให้ผู้คนได้เห็นถึงพระเมตตาคุณและความดีของพระเจ้า พระพรที่พระเจ้ามอบให้ทุกอย่าง ความสามารถ ทรัพย์สินและทรัพยากรต่างๆ หรือโอกาสที่มีในชีวิต ล้วนมีจุดประสงค์เพื่อให้พระนามของพระเจ้าได้รับการยกย่องมากกว่าชื่อของตัวเราเอง ขอให้คนจะเห็นความดีในเรา เพื่อนำใจของพวกเขามาสู่พระเยซู ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงนั้นจะหยุดอยู่ที่เรา วุฒิ วงศ์สรเสริญ

พระธรรมนำชีวิตตอน ติดสนิท...ทางสู่พระพร Ep.1431 1 พงศ์กษัตริย์ 9:10–28 เป็นการยืนยันถึงพระพรและสติปัญญาที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่ซาโลมอน หลังจากใช้เวลายี่สิบปีสร้างพระวิหารและพระราชวังเสร็จ เขายังสร้างสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อทำให้อาณาจักรมั่นคง ซาโลมอนได้แลกเปลี่ยนของของสำหรับการสร้างเช่นเดิมกับ ฮีรามกษัตริย์เมืองไทระเป็นเมือง 20 เมือง แต่ฮีรามไม่พอใจและบอกว่าเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีค่า ฟาโรห์พ่อตาของเขาก็มีตีเมืองเกเซอร์มอบให้ลูกสาว ซาโลมอนก็สร้างวังที่นั่น ช่วงท้ายบทได้บอกว่า ซาโลมอนได้ขยายอาณาจักรด้วยการสร้างกองเรือร่วมกับฮีรามเพื่อทำการค้าทางทะเล นับว่าเป็นยุคแห่งพระพรที่พระเจ้าประทานให้ 'ปีละสามครั้ง ซาโลมอนทรงถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และเครื่องศานติบูชาบนแท่นบูชา ซึ่งทรงสร้างถวายพระยาห์เวห์ อีกทั้งทรงเผาเครื่องหอมเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ดังนั้นพระองค์จึงสร้างพระนิเวศจนสำเร็จ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 9:25 พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญาของพระองค์ ประทานความมั่นคงและมั่งคั่งแก่ซาโลมอนที่มีชีวิตอยู่ในทางของพระเจ้า พระพรของพระเจ้าที่ซาโลมอนได้รับนั้นมาจากการรักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง ชีวิตของซาโลมอนเตือนเราว่า พระพรแท้จริงไม่ได้วัดด้วยสิ่งที่เรามี แต่วัดด้วยความสัมพันธ์ที่เรายังรักษาไว้กับพระเจ้าผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งพระพรความสุขนั้น 'จงติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับพวกท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเถา พวกท่านก็เช่นเดียวกันจะเกิดผลไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเรา เราเป็นเถาองุ่น พวกท่านเป็นแขนง คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับเขา คนนั้นจะเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย ' ยอห์น 15:4-5 ขอให้เราคิดไว้เสมอว่า หากเราแยกขาดจากพระเจ้าแล้ว เราจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย ขอให้เรารักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าให้ดียิ่งๆขึ้น อย่าให้ความสำเร็จหรือสิ่งที่เราสร้างขึ้นนั้นพาใจเราออกห่างจากพระเจ้า แต่ให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นเป็นเครื่องยืนยันแสดงถึงความรัก ความยำเกรงและความซื่อสัตย์ที่เรามีต่อพระองค์ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่207) GCA ที่พึงให้ความสำคัญ! “เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”” ~มัทธิว 28:19-20 THSV11 “Therefore go and make disciples of all nations, baptizing them in the name of the Father and of the Son and of the Holy Spirit, and teaching them to obey everything I have commanded you. And surely I am with you always, to the very end of the age.”” -Matthew 28:19-20 NIVเมื่อวาน (23ตุลาคม2025)ผมได้รับเชิญให้ไปร่วมงานพิธีเปิดค่าย GCA (Great Commission Alliance):Leader's Camp2025 มีหัวข้อค่ายว่า“Power of Disciple-Making!” (รวมพลัง สร้างสาวก เพื่อการประกาศ) มีผู้เข้าร่วมนับพันคนจาก16องค์กร โดยมีนิมิต”230“ ร่วมกัน คือจะนำจิตวิญญาณคนไทยมาหาพระเจ้า2ล้านคน ภายในปี2030 นับว่าน่านับถือในความเชื่อและความกล้าหาญนั้นเป็นยิ่งนัก ซื่งสอดคล้องกับนิมิตรักประเทศไทย 1~1~1 หรือ LoveThailand1:1:1ที่จะมีคริสเตียนในประเทศไทย เพิ่มเป็น 1ล้านคนภายในปี2028(ซึ่งจะเป็นปีที่คริสเตียนโปรเตสแตนท์ ในประเทศไทย มีอายุครบ 200ปี) ผมได้รับเกียรติให้กล่าวแสดงความยินดีและอวยพรกับการจัดค่ายครั้งนี้ ในนามของประธานร่วมกรรมการประสานงานคริสตจักรโปรเตสแตนท์แห่งประเทศไทย ผมจึงกล่าวหนุนใจและท้าทายให้ทุกคนจากทุกคริสตจักรและทุกองค์กรร่วมมือกัน เป็นพรต่อประเทศไทย ใน3 เรื่องคือ G-C-A ที่ขอนำมาขยายความต่อดังนี้1.G -Good News by Generations คนทุกรุ่น(Gen)ตั้งแต่ เด็ก เยาวชน อนุชน หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ และผู้อาวุโส 1).จะเป็นพยานและประกาศข่าวประเสริฐแก่คนในวัย หรือ เจนเดียวกัน 2).จะร่วมกับคนต่างเจนในการช่วยกันประกาศนำคนมาเป็นสาวกของพระคริสต์ “พระเจ้าใช้คนทุกเจนเพื่อประกาศพระองค์ — ไม่มีวัยใดไร้ค่าในพันธกิจของพระเจ้า!”(God uses every generation to proclaim His name — no age is insignificant in His mission.)2.C-Confirmation by Character คริสเตียนทุกคน จะทำให้คนที่ได้ยินคำพยานชีวิตและได้ฟังข่าวประเสริฐเกิดความเชื่อมั่น ในสิ่งที่พวกเขาได้รับฟัง และได้เห็น 1).จากคนที่เป็นพยานและประกาศกับเขา และ 2).จากคนที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนในสังคมที่เขารู้จัก โดยคุณลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนไปเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ของพวกเขาจะเป็นเครื่องยืนยัน ให้เชื่อในข่าวประเสริฐได้อย่างสนิทใจ“โลกไม่ได้ต้องการได้ยินคำเทศนาเรื่องพระเยซูมากขึ้น แต่ต้องการชีวิตของคนที่เป็นเหมือนพระเยซูจริงๆมากขึ้น!“ ( The world doesn't need more sermons, but more lives that look like Jesus.)3.A-Acceptance by Communities คริสตจักรจะทำให้ชุมชนและสังคม ต่างให้การยอมรับนับถือคริสเตียน มากขึ้น โดย 1).ตื่นเต้นยินดีกับเนื้อหาข่าวดีที่ผู้เชื่อประกาศและเป็นพยาน และ 2).ประทับใจกับวิถีและวิธีประกาศของคริสเตียนที่ถูกตาถูกใจคนทั้งหลาย ดุจ ก.เกลือ ~ที่ให้รสชาติ ข.แสงสว่าง~ที่ให้คุณประโยชน์ “ข่าวประเสริฐที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่แค่การเทศนา แต่เป็นการสำแดงชีวิต ที่ได้รับการยอมรับผ่านการรัก การรับใช้ และการให้อภัยต่อกันในชุมชน” (The true Gospel is not only preached, it is lived through love, service, and forgiveness in the community.)สรุป การประกาศข่าวประเสริฐและการสร้างสาวกเป็น พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ที่สำคัญยิ่ง เราจึงสมควรตอบสนองในทันที ด้วยการทำให้G-Good News by Generation ข่าวประเสริฐได้รับการประกาศเผยแพร่ออกไปโดยคนทุกกลุ่มทุกเพศวัยC-Confirmation by Character ข่าวประเสริฐได้รับการยืนยันผ่านลักษณะนิสัยและชีวิตดีของสาวกทุกคนA- Acceptance by Communities ข่าวประเสริฐและกุศลกิจอันประเสริฐของคริสตจักรได้รับการยอมรับและการปกป้องเป็นอย่างดีจากชุมชน จนจำนวนผู้เชื่อและสาวกเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วตามตามพระมหาบัญชา …อาเมนไหม?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 24ตุลาคม2025 (ตอนที่207ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน ทรงอยู่กับเราเสมอ Ep.1430 พระเจ้าทรงมาพบกับซาโลมมอนครั้งที่ 2 เหมือนที่เคยพบมาแล้วที่กิเบโอน 1 พงศ์กษัตริย์ 9:1-9 ได้บันทึกว่าพระเจ้าตอบคำอธิษฐานซาโลมอน และได้บันทึกพระสัญญาของพระเจ้า แต่วันนี้เราจะมาดูเพียงข้อ 1-3 ซึ่งเป็นตอนต้นของคำตอบจากพระเจ้า'และพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเจ้า ซึ่งเจ้าได้อ้อนวอนเรานั้นแล้ว เราได้ทำนิเวศนี้ซึ่งเจ้าได้สร้างไว้ให้บริสุทธิ์ และได้ใส่นามของเราไว้ที่นั่นเป็นนิตย์ ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดไป ' 1 พงศ์กษัตริย์ 9:3 นี่คือคำตอบของพระเจ้าที่มาถึงซาโลมอน พระเจ้าตรัสว่า พระองค์ได้ยินคำอธิษฐานของเขา พระเจ้าทรงทำให้วิหารที่ซาโลมมอนสร้างนั้นบริสุทธิ์ และคำว่า “ได้ใส่นามของเราไว้ที่นั้น…” เป็นการรับรองว่าพระเจ้าสถิตอยู่ที่พระวิหารนี้ แต่แม้ว่าพระเจ้าทรงเลือกอยู่ที่นี่ พระเจ้าไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในสิ่งที่มนุษย์สร้าง ซาโลมอนก็เข้าใจเรื่องนี้ดี'“แต่แท้จริงพระเจ้าจะประทับบนแผ่นดินโลกหรือ? ดูสิ ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงสุดยังรับพระองค์อยู่ไม่ได้ แล้วพระนิเวศนี้ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้น จะรับพระองค์ได้อย่างไร? ' 1 พงศ์กษัตริย์ 8:27 พระเจ้าทรงอยู่เหนือสถานที่และอยู่เหนือกาลเวลา ไม่มีอะไรที่จำกัดความเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อำนาจสูงสุดได้ และคำว่า “ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดไป” เป็นคำที่ทำให้เราได้พบว่าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ผู้นี้เป็นพระเจ้าที่เต็มด้วยความเมตตา ตาของพระเจ้า หมายถึง การเฝ้าดู ดูแล การปกป้อง ใจของพระเจ้า หมายถึง ความรัก ความเอาใจใส่ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ขอให้เรารู้ว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่ห่างไกล แต่พระองค์ทรงเฝ้าดูและเข้าใจคนของพระองค์เสมอ วันนี้พระเจ้าทรงเลือกที่จะประทับอยู่ในชวิตของเรา เราจึงถูกเรียกว่าเป็นพระวิหารของพระเจ้า ขอให้เราดำเนินชีวิตด้วยความบริสุทธิ์ แม้ว่าไม่มีใครเห็นเพราะตาและใจของพระเจ้าทรงอยู่กับเราตลอดเวลา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่206) อดกลั้นอย่างใจกว้าง! “ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย” ~กาลาเทีย 5:22-23 TH1971 “But the fruit of the Spirit is love, joy, peace, forbearance, kindness, goodness, faithfulness, gentleness and self-control. Against such things there is no law.” ~Galatians 5:22-23 NIV “ความอดกลั้น”(Self-control, Forbearance) หมายถึง“การควบคุมตนเอง การยับยั้งใจ ไม่ปล่อยให้ความโกรธ อารมณ์ หรือความอยากนำทางชีวิต” ภาษากรีกที่ใช้ในพระคัมภีร์ใหม่ คือคำว่า“ἐγκράτεια”(enkrateia) หมายถึง “การมีอำนาจเหนือความปรารถนาและพฤติกรรมของตนเอง”คำนิยามของคำว่า “อดกลั้น” (Forbearance) ที่น่าสนใจคือ“คุณสมบัติของคนที่อดทนและสามารถจัดการกับคนที่อยู่ด้วยยากหรือสถานการณ์ที่ยากจะทนทานได้โดยไม่เกิดอารมณ์โกรธ!”(The quality of someone who is patient and able to deal with a difficult person or situation without becoming angry.) แล้วเราจะหาคุณสมบัติแห่งความอดกลั้นนี้ได้จากไหน? ในพระคัมภีร์เปิดเผยว่า…“ความอดกลั้น(อดทน,Forbearance) นี้ เป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ดังนั้น หากเรายอมมอบถวายตัวของเราแด่พระเจ้าอย่างแท้จริง พระวิญญาณของพระเจ้าก็จะครอบครองและสถิตอยู่ในใจของเราและจากนั้น พระองค์ก็จะค่อย ๆก่อเกิดผลแห่งความอดกลั้นอดทนขึ้นในชีวิตของเรา จนผู้อื่นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนตามวันเวลาหรือฤดูกาลในชีวิตของเรา ด้วยเหตุนี้เอง ยิ่งเราใกล้ชิดกับพระเจ้ามากเท่าไร ผลแห่งความอดกลั้นอดทนของเราก็จะยิ่งใหญ่ชัดมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเรามีความอดกลั้นอดทนสูงมากขึ้นเท่าไร เราก็จะยิ่งกลายเป็นคนใจกว้างที่น่าเคารพนับถือมากขึ้นเท่านั้น เป็นดังที่ Gretchen Rubin กล่าวว่า ... “Forbearance is a form of Generosity.”(การอดกลั้นอดทน เป็นรูปแบบหนึ่งของความใจกว้าง)พี่น้องที่รัก ขอให้เราตระหนักไว้ว่า “ความอดกลั้นคือการเปิดโอกาสให้พระเจ้าทรงจัดการแทนเรา!”... (Forbearance allows God to act on our behalf.) ดังนั้นขอให้นับจากวันนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น1.เราจะเป็นคนใจกว้างที่มีความอดกลั้นอดทนสูงต่อกันและกันมากขึ้น2.เราจะไม่ปล่อยให้ ใคร หรือ สิ่งใด ไม่ว่าจะจากภายในหรือภายนอก 1).มาทำให้เราเสียความอดกลั้นอดทน หรือ 2).มาควบคุมตัวเราให้คิด พูด ทำ หรือประพฤติในสิ่งที่ไม่สมควรทำ แต่3.เราจะควบคุมตัวเองให้เป็นคนใจกว้างที่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ โดยพลังอำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์4.เราจะอดกลั้นอดทนและยอมปล่อยให้พระเจ้าทรงจัดการกับคน หรือ เรื่องที่เราเผชิญอยู่แทนเรา …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 23ตุลาคม2025 (ตอนที่206ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน ถวายอะไร? Ep.1429 ถ้าเราย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ดาวิดเคยพูดไว้ใน 2 ซามูเอล 24:24 ว่า ‘…เราจะถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา โดยที่เราไม่เสียอะไรเลยนั้นไม่ได้” เมื่อเรานมัสการพระเจ้าเรามีใจอุทิศถวายอะไรให้กับพระเจ้าบ้าง แต่คำถามที่น่าสนใจที่ผมมีในวันนี้คือ สิ่งที่เราถวายนั้น พระเจ้าอยากได้และพระองค์ชอบสิ่งนั้นไหม'แล้วพระราชาและคนอิสราเอลทั้งสิ้นที่อยู่กับพระองค์ ได้ถวายเครื่องสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 8:62 ซาโลมอมก็ได้ทำการถวายครั้งยิ่งใหญ่มาก ทั้งวัวและแกะจำนวนมาก พระวจนะของพระเจ้าบันทึกว่า ทั้งซาโลมอนและคนอิสราเอลมีใจยอมอุทิศถวายแด่พระเจ้า และในวันเดียวกันนั้นซาโลมอนก็ทำพิธีชำระหน้าพระนิเวศของพระเจ้า ขออนุญาตแทรกเกล็ดดความรู้นิดหน่อย เกี่ยวกับเรื่องงานฉลอง 7 วัน และต่ออีก 7วัน หลังจากนั้นวันที่ 8 ซาโลมอนให้เขากลับบ้าน ในข้อ 65-66 ถ้าเราย้อนขึ้นไปดูในข้อ 2 พระวจนะของพระเจ้าได้ระบุว่า งานฉลองนี้เกิดขึ้นในเดือนเอธานิม คือเดือนที่เจ็ด ผมขอสรุปให้ฟังเลย 7 วันแรกซาโลมอนฉลองถวายพระวิหาร และต่อด้วยเทศกาลอยู่เพิงอีก 7 วันซึ่งเป็นคำสั่งให้คนอิสราเอลทำ เป็นเทศกาลเก็บเกี่ยวยามปลายฤดู ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่ทำให้คนอิสราเอลยังขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับการเก็บเกี่ยว และเพื่อระลึกว่าพระเจ้าทรงดูแลพวกเขาในถิ่นทุรกันดารเสมอ วันที่ 8 คือหลังจากเทศกาลอยู่เพิง 7 วัน ซาโลอมนให้ทุกคนกลับบ้าน ทุกคนก็กลับบ้านด้วยใจที่ชื่นบาน กลับมาที่เรื่องราวในวันนี้ คือการนมัสการเกี่ยวข้องกับการถวาย พระเยซูทรงอุทิศตัวเองเพื่อเราจะถูกชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ และสามารถที่จะเข้าใกล้นมัสการพระเจ้าได้ 'ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน ' โรม 12:1 พวกเราถวายอะไรให้พระเจ้า เงินทอง ทรัพย์สิ่งของต่างๆ น่าจะไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าต้องการ เพราะพระเจ้าได้ประทานพระคุณความเมตตามาถึงเรา ขอให้เราอุทิศถวายสิ่งที่พระเจ้าต้องการคือ ร่างกายของเราที่พระเยซูยอมสละชีวิตของพระองค์เพื่อราคาที่ต้องจ่ายแล้ว พระวจนะของพระเจ้ายืนยันว่า ร่างกายหรือตัว เป็นสิ่งที่พระเจ้าชอบและต้องการแน่นอน ขอให้เราระวังรักษาความบริสุทธิ์ที่เรามีแล้วไว้ให้ดี ให้เราใช้เวลาพัฒนาความสัมพันธ์ที่พระเจ้าประทานให้แล้วให้ดียิ่งๆขึ้น อธิษฐานและอ่านพระวจนะของพระเจ้าเสมอ ขอพระวิญญาณของพระเจ้าช่วยตรวจสอบชีวิตว่ามีสิ่งใดที่พระเจ้าไม่ชอบที่เราเรียกมันว่าความบาปอยู่ในชีวิตหรือไม่ ให้เรานำสิ่งนั้นมาสารภาพ มาพึ่งพาในพระคุณของพระเจ้าผ่านพระเยซู เพื่อเราจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่205) ไร้มรรยาท?“อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ ด้วย” ~ฟีลิปปี 2:3-4 THSV11 “Do nothing out of selfish ambition or vain conceit. Rather, in humility value others above yourselves, not looking to your own interests but each of you to the interests of the others.” ~Philippians 2:3-4 NIV ”มารยาท” หมายความว่า “กิริยา วาจา ท่าทาง และพฤติกรรม ที่ถือว่าสุภาพเรียบร้อยถูกกาลเทศะ” หมายถึง“ระเบียบแบบแผนหรือวิธีการประพฤติที่บุคคลพึงปฏิบัติที่ถือว่า สุภาพ เหมาะสม และเป็นที่ยอมรับของสังคมเพื่อความสงบสุขทั้งต่อตนเองและส่วนรวม“ มารยาทนี้ ครอบคลุมถึงการปฏิบัติหลายด้าน เช่น การทักทาย การสนทนา การรับประทานอาหาร การแสดงความเคารพ รวมถึงการใช้โทรศัพท์และเครื่องมือสื่อสาร มีเรื่องเล่าว่า“ ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก นักธุรกิจหญิงแต่งตัวดีนางหนึ่ง ต้องรอ 3 ชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนเครื่องบินไปจุดหมายปลายทาง เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่มและคุ้กกี้ 1 ห่อ และหาที่นั่งเพื่ออ่านและกินคุ้กกี้ฆ่าเวลา ในที่สุดเธอมองหาที่นั่งได้ และสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่มกำลังนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหรือไม่ สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือ ชายหนุ่มคนนั้นหยิบขนมคุ้กกี้ออกจากถุง ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันทีละชิ้น เธอมองด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ต้องการเสียมารยาททำเรื่องให้วุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจอะไร แต่ไม่นานเธอเริ่มรู้สึกโกรธที่เขากินคุ๊กกี้จนเกือบหมดสิ้น และคิดในใจว่า “ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วล่ะก็....ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี่ให้แหลกไปเลย!” อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้นจนเมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้าย แล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น เธอรับคุ๊กกี้นั้นจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า “เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุด ๆ และช่างไร้การศึษา ไม่มีแม้แต่จะพูดขอบคุณสักคำ” จากนั้น เธอก็ลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง โดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองดูคนที่เธอคิดว่าเป็นหัวขโมยผู้ไร้มารยาท ซึ่งเขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม เหมือนทองไม่รู้ร้อน! ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้ว เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า เธอพบขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมาก ตระหนักว่า”ถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า คุ๊กกี้ห่อนั้นคงเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้ฉันกิน!“ เธอรีบลุกขึ้นท้นที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม แต่ปรากฎว่า เหลืออยู่แต่ที่นั่งว่างเปล่า มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่มนั้น ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เพราะเธอนั่นเองที่ไร้มารยาท และ …เป็นหัวขโมยที่ไร้การศีกษาตัวจริง!” พี่น้องที่รัก ”…มีกี่ครั้งในชีวิตของคุณ ที่คุณพบในภายหลังว่า สิ่งที่เกิดขึ้นบางอย่างไม่ได้เป็นเรื่องจริงอย่างที่คุณคิด แต่มันเป็นการเข้าใจผิด! “…มีกี่ครั้งในชีวิตที่คุณไม่ไว้วางใจผู้อื่นและตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของตัวคุณเอง ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมายนัก?” ดังนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินผู้ใดจงสังเกตและหาข้อมูลให้ถี่ถ้วน เพราะอาจมีอยู่หลาย ๆ เรื่อง ที่มักไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น จะปลอดภัยกว่า ถ้าเราหมั่นมองผู้อื่นในแง่ดีและถามตัวเองอยู่เสมอว่า ~ “ฉันมองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง? “ ~”ฉันแบ่งปันแก่คนอื่นด้วยใจกว้างหรือไม่?” ~ “ฉันได้ตรวจตราดูอย่างรอบคอบก่อนจะที่ตัดสินว่าคนอื่นไร้มารยาทหรือไม่? และ ”ตัวฉันเองได้ทำอะไรที่ไร้มารยาทไปบ้างหรือไม่?“ …จะดีไหม?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 22ตุลาคม2025 (ตอนที่205ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่204) ความประพฤติดีที่เลื่องลือ! “แต่บางคนจะกล่าวว่า “ท่านมีความเชื่อและข้าพเจ้ามีการประพฤติ” จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านโดยไม่มีการประพฤติซิ แล้วข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้าโดยการประพฤติ” ~ยากอบ 2:18 THSV11 “But someone will say, “One person has faith, another has actions.” My answer is, “Show me how anyone can have faith without actions. I will show you my faith by my actions.”” ~James 2:18 GNT คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า กับคำกล่าวที่ว่า “ความประพฤติที่ดีสำคัญมากกว่าความสามารถพิเศษ!” (Character is greater than talent.) ส.สุวรรณได้เล่าเรื่องหนึ่งไว้ในหนังสือ ปรัชญาธุรกิจ ที่ผมประทับใจมาก จึงขอนำมาแบ่งปัน “กลุ่มบริษัทธุรกิจไถหนันกรุป เป็นกลุ่มบริษัทธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวันภาคใต้ มีกฎประเพณีในการใช้คนเป็นพิเศษอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือ 1.ความประพฤติต้องมาอันดับหนึ่ง 2.ความสามารถมาอันดับสอง คนที่สมัครเข้ามาทำงานใหม่ ถึงแม้ว่าจะมีความสามารถเยี่ยมยอดมากสักเพียงไร แต่หากมีความประพฤติไม่ดี บริษัทก็จะไม่รับเอาไว้ ผู้บริหารไถหนันกรุป มีความเห็นว่า พนักงานของบริษัทนั้น 1.หากมีความสามารถไม่เข้าขั้น ก็ยังสามารถฝึกอบรมให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้า 2.หากมีความประพฤติไม่ดี ก็จะกระทบกระเทือนต่อเกียรติภูมิของบริษัทเป็นส่วนร่วม ดังนั้น อย่าเก็บรักษาเอาไว้จะดีกว่า! ครั้งหนึ่ง มีพ่อค้าคนหนึ่งที่ขายเครื่องจักรให้โรงงานทอผ้าไถหนันซึ่งเป็นบริษัทใน เครือไถหนันกรุป จะมอบค่าคอมมิชชั่นให้เจ้าหน้าที่จัดซื้อ แต่ฝ่ายจัดซื้อปฏิเสธ พ่อค้าคนนั้นถึงกับชมเปาะด้วยความตื่นเต้นว่า “ก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นคนที่ไม่ยอมรับค่าคอมมิชชั่นก็ครั้งนี้แหละ” อู๋ซันเหลียน ผู้นำไถหนันกรุป แม้แต่ส่งจดหมายส่วนตัวค่าไปรษณีย์ 2 เหรียญ เขายังยืนยันที่จะควักกระเป๋าตนเองไม่ยอมโกงบริษัทเด็ดขาด เขาใช้ความประพฤติปฏิบัติที่สะอาดบริสุทธิ์อย่างจริงจังเป็นแบบอย่าง แทนการพร่ำสอนด้วยปาก จึงทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ~ไม่กล้าคอรัปชั่น และ ~ไม่กล้ารับค่าคอมมิชชั่น ยังมีเรื่องที่กล่าวขวัญกันแพร่หลายในใต้หวันอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ บริษัทปูนซีเมนต์หวนฉิว ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไถหนันกรุป มีกฎข้อบังคับดังนี้ 1.ห้ามพนักงานบริษัทรับเชิญกินเลี้ยง หรือรับของขวัญจากพ่อค้าที่ติดต่อค้าขายกับบริษัท 2.ห้ามพนักงานใต้บังคับบัญชาเลี้ยงอาหารหรือมอบของขวัญให้ผู้บังคับบัญชา 3.ห้ามผู้บังคับบัญชารับของขวัญจากผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณหลิว ตัวแทนโรงงานแห่งหนึ่งได้นำปูหลายตัวมามอบให้อู๋จุนเสียน รองประธานกรรมการบริษัท ปูนซีเมนต์หวนฉิวถึงที่บ้าน แม้คนในบ้านปฏิเสธไม่ยอมรับ แต่คุณหลิว ก็ยังดื้อแพ่งเอาปูวางไว้แล้วก็เผ่นแน่บไป ภายหลังอู๋จุนเสียนสืบจนรู้ที่ตั้งโรงแรมที่คุณหลิวพักอยู่ จึงรีบใช้ให้คนเอาปูไปคืนจนได้ แต่คุณหลิวก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่นานต่อมา เขาก็ทำเหมือนครั้งก่อน นำปูไปให้ถึงที่บ้านอู๋จุนเสียนอีก คราวนี้ อู๋จุนเสียน สืบค้นไม่พบว่าคุณหลิวพักอยู่โรงแรมไหน แต่กลัวว่า หากเก็บไว้นาน ปูจะเน่า เขาเลยเอาปูมาต้มทำเป็นปูเค็ม แล้วส่งคืนไปที่โรงงานของคุณหลิว! อู๋ซิวฉี่ ผู้นำอีกคนหนึ่งของไถหนันกรุป เคยกล่าวไว้ว่า “มีพรสวรรค์สู้มีความรู้ไม่ได้ มีความรู้สู้ทำงานดีไม่ได้ ทำงานดีสู้ประพฤติดีไม่ได้” ” พี่น้องที่รัก “คนที่มีลักษณะนิสัยอย่างพระเจ้า จะส่องสว่างแม้แต่ในที่มืดมิด!” (A godly character shines even in darkness.) ดังนั้น การพูดดี ทำงานดี มีความสามารถและพรสวรรค์ส้ำเลิศ แม้จะเป็นสิ่งที่ต้องการในองค์กร แต่สิ่งที่น่าปรารถนามากยิ่งกว่านั้นขึ้นไปอีก ก็ คือ ความประพฤติอย่างที่พระเจ้าและสังคมต้องการ! ดังนั้น จากวันนี้เป็นต้นไป ขอให้เราพิสูจน์และสำแดงลักษณะนิสัยที่ดีของพระเจ้าภายในตัวเราออกมา ไม่ใช่แค่ผ่านคำพูดของเรา แต่ขอให้แสดงให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจนโดยปราศจากข้อสงสัยอีกต่อไป ว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับเราอย่างแน่แท้ ผ่านนิสัยและความประพฤติดีที่จับต้องได้ของเรา …จะดีไหม? ~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 21ตุลาคม2025 (ตอนที่204ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน ไม่ถูกจำกัด Ep.1427 เรายังอยู่กับคำอธิษฐานของซาโลมอน ซาโลมอนเริ่มต้นด้วยการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า ระลึกถึงพระสัญญาของพระองค์ และซาโลมอนขอให้พระเจ้าสนใจคำอธิษฐานของเขา ซาโลมอนยังอธิษฐานขอเผื่อชนชาติที่เขาต้องดูแลอยู่อย่างนี้ 'และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาทั้งหลายอธิษฐานต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์เองทรงสดับจากสถานที่ประทับของพระองค์คือจากฟ้าสวรรค์ และเมื่อทรงสดับแล้ว ก็ขอทรงอภัย ' 1 พงศ์กษัตริย์ 8:30 ซาโลมอนอธิษฐานเผื่อขอให้พระเจ้าฟังและอภัย รายละเอียดของคำอธิษฐานอยู่ในข้อ 31-53 ซาโลมอนขอให้พระเจ้าอภัยบาปให้กับชนชาติของเขา หากพวกเขาทำบาปแล้วพวกเขากลับมาหาพระเจ้าด้วยความจริงใจ และด้วยใจจริง ขอพวกเราจะไปอ่านรายละเอียดด้วยนะครับ คำอธิษฐานนี้ผมพิจารณาดูเป็นสิ่งที่ยังผูกพันกับสถานที่คือพระวิหาร แต่ในยุคของเราพระเยซูได้เปิดทางใหม่ให้เราแล้ว'และนี่แน่ะ ม่าน ในพระวิหารก็ฉีกขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่บนตลอดล่าง แผ่นดินก็ไหว ศิลาก็แตกออกจากกัน ' มัทธิว 27:51 เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ ม่านที่กั้นอยู่ก็ถูกฉีกออก หมายความว่า มนุษย์สามารถเข้าถึงพระเจ้าได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสถานที่หรือพิธีกรรมใดๆ แม้ว่าในยุคพระคุณจะสบายกว่าในยุคของธรรมบัญญัติมาก แต่ขอให้เราจะไม่ใช้เสรีภาพนี้ไปทำในสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบ ขอให้เรารักษาชีวิตที่บริสุทธิ์ที่พระเจ้าทำให้แล้ว ดำเนินอยู่ในความรักและความยำเกรงพระเจ้าเพื่อเราจะอยู่ในความโปรดปรานของพระเจ้าเสมอ'เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้' โรม 8:38-39 ขอให้เรามั่นใจในพระคุณของพระเจ้าที่เราได้รับผ่านทางพระเยซู ไม่มีอะไรหรืออำนาจใดที่จะแยกเราออกจากความรักที่สมบูรณ์ของพระเจ้าที่มีในพระเยซูคริสต์ได้ พระเจ้าทรงฟังเสียงของผู้ที่อธิษฐานด้วยใจจริง และทรงตอบด้วยความรักมั่นคง ขอให้คำอธิษฐานของเราจะไม่เพียงเป็นคำพูดที่เปล่งออกมา แต่จะเป็นเสียงของใจที่รักและยำเกรงพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงห่วงใยและรับฟังลูกของพระองค์เสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่203) ขวานของคุณเริ่มทื่อแล้วหรือยัง? “ถ้าขวานทื่อแล้ว และเขาไม่ลับให้คม เขาก็ต้องออกแรงมาก แต่ประโยชน์ของปัญญาคือการนำมาซึ่งความสำเร็จ” ~ปัญญาจารย์ 10:10 THSV11 “If the ax is dull and its edge unsharpened, more strength is needed, but skill will bring success.” ~Ecclesiastes 10:10 NIV คำว่า “ลับคม” หมายความว่าอะไร? ความหมายก็คือ “การทำให้ แหลมคมขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือพร้อมใช้งานมากขึ้น!” 1. ความหมายตามตัวอักษร “ลับคม” หมายถึง“การขัด การถู หรือการลับให้ของมีคม เช่น มีด ดาบ หรือขวานให้กลับมาคมกริบอีกครั้ง (เพื่อให้ตัดหรือเฉือนได้ง่าย)” 2. ความหมายในเชิงเปรียบเทียบ “ลับคม” หมายถึง “การพัฒนา ฝึกฝน ขัดเกลา เพิ่มพูนความรู้ ทักษะ หรือจิตใจ(เพื่อให้เรามี ความสามารถและคุณภาพดีขึ้น)” 3.ความหมายในเชิงพระคัมภีร์ “ลับคม”หมายถึง “การขัดเกลาความคิด ความเชื่อ และจิตวิญญาณ โดยพระเจ้า และโดยกันและกัน ในชุมชนของพระเจ้า เพื่อให้เข้มแข็ง เจริญเติบโต และเกิดผลมากขึ้น”เราอาจได้รับการลับคม หลายช่องทาง อาทิ1.พระเจ้าทรงลับคมชีวิตของเรา 1).ผ่านการทดลองของมาร 2).ผ่านการทดสอบของพระองค์ ~โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ~โดยพระวจนะหรือคำสอนของพระองค์ในพระคัมภีร์2.คริสตจักร พี่น้อง และมิตรสหายลับคมความคิดความเชื่อของเรา 1).ผ่านการศึกษาพระคัมภีร์ร่วมกัน 2).ผ่านการทำงานรับใช้ในพันธกิจต่างๆร่วมกัน 3).ผ่านการอธิษฐานและการนมัสการพระเจ้าร่วมกัน 4).ผ่านการสามัคคีธรรมในโอกาสต่างๆร่วมกัน 5).ผ่านการให้คำแนะนำ ปรึกษา ตักเตือน และหนุนใจกัน ดังพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “เหล็กลับเหล็กได้ฉันใด มนุษย์ก็ลับเพื่อนของตนได้ฉันนั้น ~สุภาษิต 27:17 กษัตริย์ซาโลมอนทรงเตือนสติเราว่า “ถ้าขวานทื่อและไม่ได้รับการลับให้คม คนที่ใช้ขวานนั้นฟัน ก็จะต้องออกแรงมาก เหนื่อยมาก ได้ผลน้อยกว่าและช้ากว่าเดิม แต่ถ้าใช้สติปัญญา(มีทักษะและเวลาลับขวานให้คมอยู่เสมอ) เราก็จะทำงานได้ง่ายกว่า เร็วกว่า ได้เปรียบกว่า ได้ผลดีกว่าและมากกว่า และได้ความสำเร็จมากขึ้น!” ~ปัญญาจารย์ 10:10 ดังนั้น ถ้า “ขวาน” ในที่นี้ เปรียบได้กับ ชีวิตของเรา (ที่รวมถึง ความคิด ความสามารถ และจิตใจของเราเอง) “การลับคม” ก็หมายถึง “การหมั่นฝึกฝน และพัฒนาทักษะและสติปัญญา ในการทำงานหรือรับใช้ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น“ ด้วยเหตุนี้ ถ้าเราไม่พัฒนาตนเอง ไม่เรียนรู้ และไม่ปรับปรุงวิธีการทำงาน ต่อให้เรามีแรงและความตั้งใจดีมากสักแค่ไหน เราก็จะ “เหนื่อยมากแต่เกิดผลน้อย!”พี่น้องที่รักอย่าดันทุรังรับใช้พระเจ้าด้วยขวานทื่ออีกต่อไปเลย! แล้วอะไรทำให้ขวานของคุณทื่อ? อย่าให้ความบาป อัตตา อารมณ์ หรือความเหนื่อยล้าของคุณทำให้ชีวิตและการรับใช้ของคุณทื่อ จนพระเจ้าใช้ไม่ได้! ขอจงจำไว้เสมอว่า 1.“ขวานทื่อ” คือ ชีวิตที่ไม่ถูกลับคม2.“ลับคม” คือ การขัดเกลาความคิดและพัฒนาความสามารถ3.“ปัญญา” คือ การรู้วิธี ทำให้งานสำเร็จและเกิดผลมากขึ้น โดยไม่เหนื่อยเกินไป วันนี้ ให้เรามา“ลับคมขวาน ” คือ “ชีวิต“ และ”การรับใช้“ของเราให้คบกริบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างทวีคูณมากกว่าที่ผ่านมา … จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 20ตุลาคม2025 (ตอนที่203ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิตตอน คำอธิษฐานที่พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง Ep.1426 หลังจากพระสิริของพระเจ้าปรากฏเต็มพระวิหาร ซาโลมอนถวายคำอธิษฐานที่ยาวมากตอนหนึ่ง 1 พงศ์กษัตริย์ 8:22–53 ในคำอธิษฐานนี้เป็นคำสรรเสริญและมีคำขอในหลายหัวข้อ ผมจะค่อย ๆ นำให้พวกเราใคร่ครวญไปทีละหัวข้อ ที่ละประเด็น วันนี้เริ่มต้นด้วย 1 พงศ์กษัตริย์ 8:22–29 'แล้วซาโลมอนทรงยืนอยู่หน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด และกางพระหัตถ์ของพระองค์ออกสู่ฟ้าสวรรค์ และทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน หรือที่แผ่นดินเบื้องล่าง ผู้ทรงรักษาพันธสัญญา และสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยสุดใจ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 8:22-23 ซาโลมอนเริ่มต้นด้วยการยกย่องว่า ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์ รักษาสัญญาของพระองค์เสมอ พระเจ้าทรงสำเแดงความรักมั่นคงของพระองค์ต่อคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในการเชื่อฟังพระองค์เสมอ ในข้อ 24-26 ซาโลมอนยังย้อนกลับไปถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่เคยให้ไว้กับดาวิดเรื่องลูกหลานที่จะต้องรักษาทางของเขา ที่จะใช้ชีวิตรักษาตามถ้อยคำของพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะอวยพรครอบครัวของเขาต่อไป เมื่อเรามองพระวิหารมันโอ่อ่ามาก ซาโลมอนแสดงความถ่อมใจต่อหน้าพระเจ้าในข้อ 27 ซาโลมอนได้ตั้งคำถามในคำอธิษฐานว่า “พระนิเวศนี้ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้นจะรับพระองค์ได้อย่างไร?”'แต่ขอพระองค์สนพระทัยในคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนของเขา ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์ อธิษฐานต่อพระองค์ในวันนี้ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 8:28 สิ่งซาโลมอนขอกับพระเจ้านั้นน่าสนใจมากๆ เขาขอให้พระเจ้าสนใจในคำอธิษฐาน คำวิงวอนของเขาและขอพระเจ้าฟังเสียงของเขา โดยมีเหตุผล'เพื่อพระเนตรของพระองค์จะทรงเฝ้าดูพระนิเวศนี้ทั้งวันและคืน คือสถานที่ซึ่งพระองค์ตรัสว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น' เพื่อพระองค์จะทรงสดับคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์จะอธิษฐานต่อสถานที่นี้ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 8:29 คำอธิษฐานนี้ เราได้เห็นมุมมองของซาโลมอนที่มีต่อพระเจ้านั้น เขาให้เกียรติและยกย่องพระเจ้ามาก ขอให้เรายังคงใช้ชีวิตในการเชื่อฟังพระเจ้าเสมอ โดยรู้ว่า ร่างกายของเราคือ พระวิหารที่พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย วันนี้ขอให้ศูนย์กลางของคำอธิษฐานเราไม่ใช่เพียงสิ่งที่เราต้องการ แต่ขอให้เป็นการสรรเสริญพระเจ้าผู้เราต้องการมากที่สุด เมื่อพระองค์เป็นศูนย์กลางของชีวิต เราจะสงบสุข คำอธิษฐานเราจะมีพลัง และชีวิตของเราจะเป็นแสงสะท้อนถึงพระสิริของพระเจ้าแก่ทุกคนที่เราพบเจอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ