Podcasts สำหรับการเติมกำลังให้กับจิตวิญญาณของเรา
พระธรรมนำชีวิตตอน ทำในสิ่งที่ต้องทำ Ep.1408 ใน 1 พงศ์กษัตริย์ 1:11–27 เราเห็นบทบาทสำคัญของนาธันและนางบัทเชบา ที่รู้ว่าดาวิดต้องการให้ซาโลมอนขึ้นครองบัลลังก์ แต่เมื่ออาโดนียาห์เริ่มสถาปนาตนเอง นาธันจึงเข้าไปพบนางบัทเชบาเพื่อแนะนำให้เธอไปพบดาวิดและบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น และให้คำสัญญาว่าจะตามเข้าไปยืนยันเหตุการณ์เพื่อเร่งให้ดาวิดตัดสินใจชัดเจน และยืนยันประกาศความต้องการนั้นออกมาเป็นทางการ 'ฝ่าพระบาทคือพระราชาเจ้านายของหม่อมฉัน บัดนี้อิสราเอลทั้งสิ้นก็เพ่งดูฝ่าพระบาท เพื่อฝ่าพระบาทจะตรัสแก่พวกเขาว่า จะทรงให้ใครนั่งบนบัลลังก์ของพระราชาเจ้านายของหม่อมฉันแทนฝ่าพระบาท ' 1 พงศ์กษัตริย์ 1:20 บัทเชบาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็รบเร้าให้ดาวิดจัดการทำในสิ่งที่เขาต้องทำ ขณะที่บัทเชบากำลังคุยกับดาวิดอยู่ นาธันก็ขอมาเข้าเฝ้าดาวิด ตามที่ได้ให้คำสัญญาไว้กับนางบัทเชบา และนาธันยืนยันว่าทุกอย่างเป็นความจริง นาธันได้ทิ้งคำถามเพื่อให้ดาวิดยืนยันความต้องการอีกครั้ง'เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทหรือ? และฝ่าพระบาทไม่ได้ตรัสแก่พวกผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทว่า จะทรงให้ใครนั่งบนบัลลังก์ของพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ต่อจากฝ่าพระบาท” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 1:27 การกระทำของทั้งสองเป็นแรงกดดันที่พระเจ้าใช้เพื่อให้ดาวิดลุกขึ้นทำในสิ่งที่ต้องทำ บางครั้งการไม่ตัดสินใจ อาจทำให้ความวุ่นวายเข้ามา แต่พระเจ้าทรงเรียกให้คนของพระองค์จัดการทุกอย่าง อย่างตรงไปตรงมา ไม่เปิดช่องให้ความสับสน หากเราอยู่ในตำแหน่งที่ต้องตัดสินใจ ขอเราต้องตัดสินใจด้วยความกล้าหาญ ซื่อสัตย์และด้วยสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า แต่หากพระเจ้าใช้เราในบทบาทของนาธันกับนางบัทเชบา ก็ขอให้เราอย่ากลัว แต่ทำทุกอย่างตามการทรงนำของพระวิญญาณของพระเจ้าด้วยความรักและความกล้าหาญ'เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา แต่ประทานใจที่ประกอบด้วยฤทธานุภาพ ความรัก และการบังคับตนเองแก่เรา ' 2 ทิโมธี 1:7 ขอให้เราพัฒนาของประทานให้ดียิ่งๆขึ้น เพื่อเราจะเป็นคนงานที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า พระเจ้าประทานความกล้าหาญ พลัง และความรักที่จะนำให้เรามีชีวิตเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า หากวันนี้เราต้องเป็นผู้ตัดสินใจ หรืออยู่ในบทบาทของผู้ช่วยสร้างแรงกดดันให้ผู้นำตัดสินใจ สิ่งที่พระเจ้ามองหาคือ คนที่เต็มด้วยความรัก คนที่ซื่อสัตย์กล้าหาญ คนที่เชื่อฟังจนพระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จเป็นจริง วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่184) อะไรคือประโยชน์ของวินัย?“จงยึดวินัยไว้ และอย่าปล่อยไป จงระแวดระวังเธอไว้ เพราะเธอเป็นชีวิตของเจ้า” ~สุภาษิต 4:13 TH1971ในพระคัมภีร์เดิมคำว่า ”วินัย“( musar) หมายถึง ”การสั่งสอน + การตีสอนแก้ไขเพื่อสร้างคนให้เดินในทางที่ถูก“ในพระคัมภีร์ใหม่ คำว่า”วินัย ( paideia) หมายถึง”การอบรม ฝึกฝน เหมือนพ่ออบรมลูก เพื่อให้เป็นคนดีมีความชอบธรรม“แล้ว การมีวินัย จะมีประโยชน์หรือผลดี อะไรต่อเราบ้าง?เราจะเติบโตขึ้นในฝ่ายวิญญาณเป็นส่วนตัว~เมื่อเรามีวินัย เราก็มีสันติสุขและความชอบธรรม“การตีสอนทุกอย่างดูไม่น่ายินดีเลยในเวลานั้น แต่น่าเศร้าใจ แต่ภายหลังก็ก่อให้เกิดผลคือสันติสุขและความชอบธรรมแก่บรรดาคนที่ถูกฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น”~ฮีบรู 12:11 THSV11เราจะมั่นคงเพราะควบคุมตัวเองไม่ให้เสียนิสัยจนเสียคน~เมื่อเราผ่านไปได้เราจะกลายเป็นคนที่ใช้การได้“แต่ข้าพเจ้าทุบตีร่างกายและควบคุมมันไว้ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวเองกลับเป็นคนที่ใช้การไม่ได้”~1 โครินธ์ 9:27 THSV11เราจะไวในการกลับใจ~เมื่อเราสำนึกตัวละทิ้งบาปและยังกระตือรือร้นในการติดตามพระเจ้า“เรารักใครเราก็ตักเตือนและตีสอนเขา เพราะฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจใหม่”~วิวรณ์ 3:19 THSV11“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา”~ฮีบรู 12:1 THSV11เราจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้~เมื่อเราไม่หวั่นไหวยามพบอุปสรรคขวางหน้า“อย่างไรก็ตาม เราได้แค่ไหนแล้ว ก็จงดำเนินตามนั้นต่อไป”~ฟีลิปปี 3:16 THSV11เราจะก้าวหน้าและสำเร็จตามเป้าหมายง่ายขึ้น~เมื่อเราทุ่มเททำงานแบบมีวินัย“จงปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้และทุ่มเทตัวเองให้กับหน้าที่ดังกล่าว เพื่อให้ทุกคนเห็นความก้าวหน้าของท่าน”~1 ทิโมธี 4:15 THSV11เราจะน่าเชื่อถือเป็นพยานที่ดี และช่วยคนได้มากขึ้น~ เมื่อเราเอาใจใส่ตัวเองอย่างมีวินัย“จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน จงประพฤติสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ เพราะเมื่อทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสามารถช่วยทั้งตัวท่าน และทุกคนที่ฟังท่านให้รอดได้”~1 ทิโมธี 4:16 THSV11เราจะเป็นพรน่ายินดีให้แก่บิดามารดาและคนอื่นๆ~เมื่อเราไม่สร้างความเครียดหรือทุกข์ใจให้เกิดขึ้น“จงตีสอนบุตรของเจ้า และเขาจะให้เจ้าสบายใจ เขาจะให้ความปีติยินดีแก่เจ้า”~สุภาษิต 29:17 THSV11เราจะเป็นบุตรที่พระเจ้าทรงรักและโปรดปรานมากขึ้น~เมื่อเรารับการลงวินัย เราก็มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต“เพราะพระยาห์เวห์ทรงตักเตือนผู้ที่พระองค์ทรงรักดังบิดาตักเตือนบุตรที่เขาโปรดปราน”~สุภาษิต 3:12 THSV11เราจะได้รับประโยชน์หลายประการจากพระเจ้า~เมื่อเราผ่านการลงวินัยได้ เราก็จะมีสุขภาพดีทั้งกายจิตและวิญญาณ“เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อยตามความเห็นดีเห็นชอบของพวกเขา แต่พระองค์ทรงตีสอนเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์”~ฮีบรู 12:10 THSV1110.เราเองก็จะมีความสุขในบั้นปลาย~เมื่อเรากระบวนการของวินัย เราจะได้รับเกียรติและถวายเกียรติแด่พระเจ้า“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ที่พระองค์ทรงตีสอนก็เป็นสุข คือผู้ที่พระองค์ทรงสอนจากธรรมบัญญัติของพระองค์”~สดุดี 94:12 THSV11พี่น้องที่รัก“วินัยของพระเจ้าไม่ใช่มีไว้เพื่อกำจัดเรา แต่เพื่อเสริมสร้างเราในความชอบธรรมของพระองค์”“วินัย”ในพระคัมภีร์จึงไม่ใช่มีไว้เพื่อการลงโทษ แต่เป็นการสอน(สั่งสอนและตีสอน) ฝึกฝน ตักเตือน และแก้ไขเราด้วยความรัก อันเป็นประโยชน์เพื่อทำให้ชีวิตของเรา บริสุทธิ์ชอบธรรม มีสันติสุข เติบโตและถวายเกียรติแด่พระเจ้าดังนั้น วันนี้ ให้เรามาประพฤติตนเป็นคนดีมีวินัยอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์…จะดีไหม?
พระธรรมนำชีวิตตอน ได้มันมายังไง Ep.1407 ก่อนอื่นผมขอเปิดภาพกว้างเพื่อความเข้าใจก่อนลงรายละเอียดใน 1 พงศ์กษัตริย์ 1–2 ซามูเอล และ 1–2 พงศ์กษัตริย์เป็นหนังสือที่ต่อเนื่องกัน บันทึกการทำงานของพระเจ้าท่ามกลางประชากรของพระองค์ ผ่านเหล่าผู้เผยพระวจนะและกษัตริย์ เพื่อย้ำว่าความรุ่งเรืองหรือความพินาศของอิสราเอลขึ้นอยู่กับความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า 1 พงศ์กษัตริย์เริ่มต้นในช่วงเวลาปลายชีวิตของดาวิด จนถึงการแยกอาณาจักรเป็นอิสราเอลเหนือและยูดาห์ทางใต้ ใน 1 พงศ์กษัตริย์ 1:1–4 เราได้เห็นภาพดาวิดที่แก่มาก ร่างกายร่วงโรยจนผ้าห่มยังไม่อาจทำให้เขาอบอุ่นได้อีก และในข้อ 5–6 เราพบอาโดนียาห์ น้องชายของอับซาโลม เขาทำในสิ่งเดียวกันกับพี่ชาย คือพยายามรวบรวมกำลังเพื่อยึดครองบัลลังก์ของดาวิดแทน'ท่านได้คบคิดกับโยอาบบุตรนางเศรุยาห์ และกับอาบียาธาร์ปุโรหิต เขาทั้งสองก็ติดตามและช่วยเหลืออาโดนียาห์ แต่ศาโดกปุโรหิต เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา นาธันผู้เผยพระวจนะ ชิเมอีและเรอี อีกทั้งพวกทหารเอกของดาวิดไม่ได้อยู่ฝ่ายอาโดนียาห์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 1:7-8 ชื่อเหล่านี้เราคุ้นเคยดี เพราะคนเหล่านี้เคยอยู่กับดาวิด แต่เวลานี้กลับแยกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งใช้กำลังเพื่อหาตำแหน่ง แต่อีกฝ่ายหนึ่งยึดพระประสงค์ของพระเจ้า ชีวิตของอาโดนียาห์เป็นบทเรียนกับเราในเรื่องการแสวงหาสิ่งที่อยากได้ด้วยวิธีของตัวเอง ตำแหน่ง ความสำเร็จ หรือการยอมรับ คำถามสำหรับตัวเราคือ เราพยามด้วยตัวเองหรือสิ่งที่ได้มาเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ หากสิ่งที่เราได้มานั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า มันจะกลายเป็นภาระและในที่สุดมันจะหายไป'ถ้าพระยาห์เวห์มิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระยาห์เวห์มิได้ทรงเฝ้ารักษานคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า ' สดุดี 127:1'ในใจมนุษย์มีแผนงานมากมาย แต่พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะดำรงอยู่ได้ ' สุภาษิต 19:21 ขอพระวิญญาณของพระเจ้าจะนำให้เราเข้าใจถึงพระทัย ถึงพระประสงค์ของพระเจ้า ขอเราอย่าแสวงหาความต้องการของตัวเองด้วยวิธีการของตัวเอง แต่ขอให้เราวางใจให้พระเจ้า ในการนำของพระองค์ ให้พระเจ้าเป็นผู้ประทานทุกสิ่งตามเวลาและตามกำหนดการของพระองค์ เราจะมั่นคง ปลอดภัย วันนี้เราหกวางใจในพระเจ้าหรือเราเลือกที่จะได้ทุกสิ่งมาด้วยตัวเอง ขอพระเจ้านำให้เราจะเลือกและรอคอยพระเจ้าเสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่183) สัญลักษณ์แท้ของธรรมิกชน!“เปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระทัยของพระเจ้า เรียนบรรดาธรรมิกชนที่ซื่อสัตย์ในพระเยซูคริสต์” ~เอเฟซัส 1:1 THSV11 “Paul, an apostle of Christ Jesus by the will of God, to the holy ones who are faithful in Christ Jesus:” ~Ephesians 1:1 NABRE คริสเตียนเราถูกเรียกว่า “ธรรมิกชน”(the saints หรือ the holy ones)ผู้สัตย์ซื่อในการติดตามพระคริสต์ มาตั้งแต่ในสมัยคริสตจักรยุคแรก ซึ่งหมายถึง “ผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ซึ่งได้รับการทรงไถ่และการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ และถูกแยกออกมาเพื่อรับใช้พระเจ้า!” คริสเตียนแท้ทุกคน~จะมีใจปรารถนารับใช้พระเจ้า ตามที่พระองค์ทรงบัญชา~จะออกไปประกาศข่าวประเสริฐ~จะช่วยนำคนให้กลับมาหาพระคริสต์และรับความรอดจากพระองค์~จะดำเนินชีวิตที่ดีงามด้วยลักษณะนิสัยที่ดีเหมือนอย่างพระคริสต์~จะช่วยทำให้คนทั้งหลายสนใจและหันมาศรัทธาในพระเจ้าง่ายขึ้นและมากขึ้น เหมือนกับที่ -Anon- กล่าวไว้ว่า “สัญลักษณ์แท้ของธรรมิกชนคือ การที่เขาทำให้คนอื่นมาเชื่อศรัทธาในพระเจ้าได้ง่ายขึ้น” (The real mark of a saint is that he makes it easier for others to believe in God.) -Anon- ดังนั้น หากว่า วันนี้ เราเป็นธรรมิกชนที่แท้จริง เราต้องทำให้คนรอบตัวของเรามาเชื่อพระเจ้าง่ายขึ้น โดยการกระทำดังต่อไปนี้ 1.ให้เราประกาศข่าวดีและเป็นพยานถึงพระคุณล้ำเลิศที่พระเจ้ากระทำในชีวิตของเรา2.ให้เรารักกันและกระทำดีต่อคนทั้งหลายจนพวกเขาปรารถนาที่จะรู้จักพระเจ้ามากขึ้น3.ให้เราเชิญชวนพวกเขาให้สนใจเรียนรู้จักพระคริสต์ด้วยตนเองผ่านช่องทางต่างๆ4.ให้เราอธิบายข่าวประเสริฐให้พวกเขาเข้าใจ จนพร้อมตัดสินใจเชื่อในพระคริสต์5.ให้เราทำให้พวกเขามีประสบการณ์เป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรจนผูกพันเป็นหนึ่ง6.ให้เราดำเนินชีวิตตามคำสอนในพระคัมภีร์ที่มีคุณค่าและคุณประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเขา7.ให้เรามีพันธกิจที่ทำให้พวกเขาสัมพันธ์สนิทสนมกับพระเจ้าจนเชื่อพระคริสต์อย่างจริงใจ พี่น้องที่รัก หากว่าคุณดำเนินชีวิตแบบที่ทำให้คนที่ใกล้ตัวคุณ~มีความปรารภนาที่จะรู้จักกับพระเจ้า และ~ง่ายในการเชื่อพระองค์มากขึ้นเป็นลำดับ ก็เท่ากับว่าคุณได้แสดง“สัญลักษณ์ของการเป็นธรรมิกชน”ของพระคริสต์ ออกมาให้เห็นได้อย่างปราศจากข้อกังขาหรือข้อสงสัยใด ๆ และ“สัญลักษณ์ของคริสเตียน”ที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ “ความรักที่แสดงออกมาเป็นการกระทำต่อกัน อย่างที่เห็นชัด และจับต้องได้ เหมือนดังพระบัญญัติของพระเยซูคริสต์ ที่ว่า “เราให้บัญญัติใหม่ไว้กับพวกท่าน คือให้รักซึ่งกันและกัน เรารักพวกท่านมาแล้วอย่างไร ท่านก็จงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น ถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา”” ~ยอห์น 13:34-35 THSV11 ““A new command I give you: Love one another. As I have loved you, so you must love one another. By this everyone will know that you are my disciples, if you love one another.”” ~John 13:34-35 NIV ดังนั้น เวลานี้ ขอให้เราคริสเตียนผู้เป็นธรรมิกชนของพระเจ้าจะ1.รักกันและกัน และ2.รักผู้อื่นอย่างชัดเจน แบบชนิดที่ทำให้เป็นการง่ายต่อคนอื่นๆในการตัดสินใจ เข้ามาหาพระเจ้า รับความรักและความรอดจากพระองค์ …จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 30กันยายน2025 (ตอนที่183ของปีที่1 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้าน
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่182) คริสตจักรที่เคลื่อนโลก! “เพราะฉะนั้นเปโตรจึงถูกจำจองในคุก แต่คริสตจักรอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเปโตรอย่างกระตือรือร้น” ~กิจการ 12:5 THSV11 “So Peter was kept in prison, but the church was earnestly praying to God for him.” ~Acts 12:5 NIV คริสตจักรที่อธิษฐานจะเคลื่อนโลก! คงเป็นเหมือนกับที่ G. K. Chesterton กล่าวว่า “เราไม่ได้ต้องการคริสตจักรที่จะเคลื่อนไปกับโลก แต่เราต้องการคริสตจักรที่จะเคลื่อนโลกนี้!” (We do not want a church that will move with the world. We want a church that will move the world.) คริสตจักรไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่อจะไล่ตามโลก หรือถูกกระแสโลกขับเคลื่อนไปอย่างไร้จุดหมาย แต่คริสตจักรได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อจะช่วยนำโลกให้กลับมาหาพระเจ้า ~ให้ได้รับความรอด ~ให้ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ และ ~ให้ไปตามทิศทางและพระประสงค์ดั้งเดิมของพระเจ้า! ตรงกันข้าม หากคริสตจักรเฉื่อยชาหรือเพิกเฉย คริสตจักรก็อาจจะถูกโลกนำไปในทิศทางที่ผิด คริสตจักรจึงจะนั่งเฉย เฉื่อยชา หรือลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกไม่ได้ มิฉะนั้นจะถูกโลกนำไปสู่บั้นปลายที่ไม่พึงปรารถนา คริสตจักรต้องออกไปนำคน ผ่านทางการประกาศข่าวประเสริฐ จนคนทั้งหลายเกิดความเชื่อศรัทธาองค์พระเยซูคริสต์อย่างถูกต้อง คริสตจักรต้องไม่ปล่อยให้มีข้อแก้ตัวใดๆ สำหรับการ ~ไม่ออกไปประกาศข่าวประเสริฐ และ ~ไม่นำคนเข้าคริสตจักร คริสตจักรอาจไม่จำเป็นต้องใหญ่โต คริสตจักรอาจไม่จำเป็นต้องมั่งมีหรือมั่งคั่ง คริสตจักรอาจไม่จำเป็นต้องมีคนเก่งมากมาย คริสตจักรอาจไม่จำเป็นต้องมีของประทานยิ่งใหญ่หลายอย่าง แต่ คริสตจักรไม่อาจไม่ประกาศข่าวประเสริฐ คริสตจักรไม่อาจนิ่งเฉย และไม่นำคนเข้าคริสตจักร คริสตจักรจำเป็นต้องอธิษฐานและประกาศข่าวประเสริฐควบคู่กันไป ~ด้วยใจกล้าหาญและ ~ด้วยความรัก คริสตจักรต้องเชื่อมั่น ทั้ง ~ในพลังแห่งการอธิษฐาน และ ~ในฤทธิ์อำนาจแห่งข่าวประเสริฐ! คำเตือน คือ เราต้องไม่เอาความต้องการของคนตามกระแสโลก มาขับเคลื่อนคริสตจักร เพราะ ~หากคนมาเชื่อเพียงเพราะเขาได้รับในสิ่งที่ต้องการผ่านฤทธิ์เดชหรือการอัศจรรย์ เขาอาจจะเลิกเชื่อเมื่อไม่เห็นฤทธิ์เดชหรือการอัศจรรย์อีก ~หากคนเชื่อเพราะคำอธิษฐานของเขาได้รับคำตอบอย่างที่เขาปรารถนาทุกอย่าง เขาอาจจะเลิกเชื่อเมื่อคำอธิษฐานบางอย่างไม่ได้รับคำตอบ ~หากคนเชื่อเพราะได้รับประโยชน์หรือความพอใจพึงพอใจ เขาอาจเลิกเชื่อเมื่อไม่ได้รับประโยชน์หรือเมื่อรู้สึกไม่พอใจกับบางสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคนใดเชื่อเพราะมั่นใจในความจริงแห่งข่าวประเสริฐ (ที่เกิดจากพลังอธิษฐานของคริสตจักร) เขาจะไม่หวั่นไหว และเขาจะไม่ถดถอย แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบางสิ่งอย่างที่ต้องการ หรือต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค!พี่น้องที่รัก คริสตจักรที่ 1.อธิษฐาน 2.ประกาศข่าวดี ควบคู่ไปกับการ และ 3.ทำพันธกิจแห่งความรักที่จับต้องได้ จะมีพลังขับเคลื่อนทั้งคริสตจักรและคนทั้งหลาย ให้ห่างจากอิทธิพลของโลกและเข้ามาใกล้พระเจ้า! วันนี้ ขอให้เรามาร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้คริสตจักรที่เราเป็นสมาชิกอยู่ มีพลังฤทธิ์ขับเคลื่อนโลกนี้ ให้ไปในทิศทางอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์! …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 29กันยายน2025 (ตอนที่182ของปีที่1 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ทางเลือกที่กำหนดอนาคต Ep.1405 เราเดินทางมาถึงบทสุดท้ายของ 2 ซามูเอลแล้ว เรื่องราวของดาวิดทำให้เราเห็นความจริงที่สำคัญ พระเจ้าไม่ทรงบังคับใคร พระเจ้าทรงประทานอิสระให้เราเลือก แต่ทุกสิ่งที่เราเลือกนั้นจะมีผลตามมาเสมอ 'พระพิโรธของพระยาห์เวห์เกิดขึ้นต่ออิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง จึงทรงเร้าใจดาวิดต่อสู้พวกเขา ตรัสว่า “จงไปนับคนอิสราเอลและคนยูดาห์” ' 2 ซามูเอล 24:1 เรื่องแรกที่เราต้องเข้าใจ คำว่าพระเจ้าทรงเร้าใจดาวิดนั้น เป็นข้อความที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลว่า ทุกอย่างอยู่ในอธิปไตย อยู่ในสิทธิอำนาจของพระเจ้าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นถ้าพระเจ้าไม่อนุญาต กลับมาที่เรื่องนี้อีกครั้ง พวกเราเองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกทำหรือไม่ทำตาม หากเราไปดูข้อความเปรียบเทียบใน 1 พงศาวดาร 21 เราจะพบการบันทึกในเหตุการณ์เดียวกันแต่ข้อความต่างกันว่า ซาตานเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง นี่จะช่วยให้เราชัดเจนมากขึ้น วันนี้พระเจ้าได้ประทานอิสระให้เราตัดสินใจ ขอให้เราจะตัดสินใจทุกอย่างตามพระทัยของพระเจ้า เพราะทุกอย่างที่เราเลือกจะมีผลตามมาเสมอ 'พระราชาจึงทรงรับสั่งกับโยอาบ แม่ทัพซึ่งอยู่กับพระองค์ว่า “จงไปให้ทั่วอิสราเอลทุกเผ่า ตั้งแต่เมืองดานถึงเบเออร์เชบา และจงนับจำนวนประชาชน เพื่อเราจะได้ทราบจำนวนรวมของประชาชน” ' 2 ซามูเอล 24:2 ดาวิดเลือกนับประชากร การนับจำนวนประชากรเป็นความบาปที่ดาวิดเลือกพึ่งพาตัวเอง สนใจว่าตัวเองมีกำลังมากเท่าไร แม้ว่าโยอาบจะพยายามเตือนแต่เขายังดื้อดึงทำตามใจตัวเอง ในข้อ 10 บันทึกว่า ดาวิดสำนึกผิดกลับใจก่อนจะมีผลอะไรตามมา แต่พระเจ้าส่งถ้อยคำของพระเจ้ามาถึงดาวิดผ่านผู้เผยพระวจนะกาดว่ามีโทษมาให้เลือก 3 อย่าง ขอพวกเรากลับไปอ่านรายละเอียดด้วย ในตอนท้ายพระเจ้าทำให้ประชาชนประสบกับโรคระบาดอย่างหนัก ชีวิตของเราทุกวันเต็มไปด้วยการเลือก เราจะฟังเสียงของพระเจ้าหรือฟังเสียงของตัวเอง เราทำตามพระวจนะของพระเจ้า หรือทำตามความคิดที่ดูฉลาดของมนุษย์ 'พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์ ' สดุดี 119:105 วันนี้พระวจนะของพระเจ้าได้เปิดเผยทางที่ถูกต้องไว้ทั้งหมดแล้ว ขอเราอย่าหลงไปพึ่งพากำลังหรือสิ่งที่มี แต่ให้เราเลือกเชื่อฟังและเดินตามทางของพระเจ้า เพราะทุกการตัดสินใจนั้นกำลังบอกว่า เราพึ่งพาและวางใจในอะไรหรือในใคร ดาวิดเลือกผิด เขาพึ่งพากำลังของตน แต่เขาก็กลับใจและหันมาหาพระเจ้าอีกครั้ง ขอให้ชีวิตของเราจะเลือกตัดสินใจในสิ่งที่พระเจ้าชอบ แม้ว่ามันจะขัดใจตัวเองบ้าง แต่การเลือกทำตามพระทัยของพระเจ้าจะนำเราไปสู่พระพรความสุขที่แท้จริง วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่181)ชุมชนแห่งการให้กำลังใจ!“คริสตจักรทั้งปวงจึงเข้มแข็งในความเชื่อ และคริสตสมาชิกก็เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน” ~กิจการ 16:5 THSV11“So the churches were strengthened in the faithand grew daily in numbers.” ~Acts 16:5 NIVคุณเห็นด้วยสักกี่เปอร์เซ็นต์กับคำกล่าวที่ว่า“คริสตจักรควรเป็นชุมชนแห่งการให้กำลังใจ!”(The church should be a community of encouragement)-Fred Catherwood-แล้วทำไมคุณจึงคิดเช่นนั้น?หากถามว่า “คนเราจะมาคริสตจักรกันทำไม?”แน่นอนว่าคำตอบมาตรฐานที่ยอมรับกันทั่วไปก็คือ เรามาคริสตจักรเพื่อนมัสการพระเจ้าผู้ทางสร้างฟ้าสวรรค์ โลก และมนุษย์ผู้ทรงไถ่เราให้พ้นจากโทษบาป ผ่านการสละพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์เจ้าบนไม้กางเขนเราถูกสอนมาเสมอว่า ให้เราจดจ่ออยู่ที่พระเจ้าไม่ได้จดจ่ออยู่ที่ความต้องการของตัวเราซึ่งก็ถูกต้อง!แต่กระนั้นก็ดี เราทุกคนต่างก็ล้วนปรารถนาที่จะได้รับคำตอบตามความคาดหวังที่ซ่อนลึกอยู่ในใจของเราด้วยเช่นกันแล้วอะไรล่ะ คือความคาดหวังในใจของเราผู้ที่มาโบสถ์?ก่อนจะตอบคำถามนั้น พวกเราส่วนใหญ่คงคิดเหมือนกันว่า“หากว่าเรามาคริสตจักรแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าการไม่มา? …ใครจะมา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว มีแต่เรื่องน่าหงุดหงิดกวนใจ …ใครจะมา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว ไม่มีเพื่อน หรือไม่มีคนรู้จักเลย…ใครจะมา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว ไม่มีความอบอุ่น หรือไม่รู้สึกผ่อนคลาย …ใครจะมา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว ไม่มีใครสนใจ หรือ ไม่มีใครห่วงใยเรา…ใครจะมา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว ไม่มีใครช่วยแนะนำให้ชีวิตเราดีขึ้น …ใครจะมา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว บรรยากาศน่าเบื่อ เพลงน่าเบื่อและ เทศน์ก็น่าเบื่อ …ใครจะมา?”แน่นอนว่า ความคาดหวังในใจของคนส่วนใหญ่ที่มาโบสถ์ ก็คือ ถ้าเรามาโบสถ์ เราก็ควรจะมีความสุขมากขึ้น มีกำลังใจมากขึ้น มีคุณค่ามากขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีความหวังมากขึ้น หรือมีความเจริญเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณมากขึ้น!“ดังนั้น “หากเรามาคริสตจักรแล้ว เรามีเพื่อนดี ๆ ที่คอยห่วงใยให้กำลังใจเราด้วยใจจริง… ใครจะไม่มา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว มีคนสนใจ มีคนรับฟังในปัญหาที่เผชิญอยู่อย่างจริงใจ… ใครจะไม่มา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว มีคนช่วยแบ่งเบาภาระหนักที่เรากำลังแบกอยู่ …ใครจะไม่มา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว มีคนเป็นเพื่อนและเป็นพี่น้องที่คอยช่วยเหลือเรา…ใครจะไม่มา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว มีคนเอาใจใส่ เลี้ยงดูจิตวิญญาณเราให้เจริญเติบโต… ใครจะไม่มา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว มีบรรยากาศอบอุ่น และอบอวลด้วยความรักสนิทสนม …ใครจะไม่มา?หากเรามาคริสตจักรแล้ว ผ่อนคลาย บรรยากาศดี มีอาหารอร่อยอิ่มหนำถูกปาก…ใครจะไม่มา?หากเรามาโบสถ์แล้ว มีรายการดี มีเพลงเพราะ คำสอนและคำเทศน์ดีสัมผัสใจ…ใครจะไม่มา?“ใช่ครับแม้ว่าหลายอย่างที่กล่าวมานั้น จะไม่ใช่แรงจูงใจที่ถูกต้องตามหลักศาสนศาสตร์ทั้งหมดแต่หากคริสตจักรสามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังเหล่านั้นได้ดีตามวิสัยที่กระทำได้นั้นก็น่าจะเป็นผลดีอย่างมากต่อคริสตจักร และทุกคนที่มา(ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้คาดหวัง)อันจะเป็นเหตุที่ทำให้คริสตจักรของเราเข้มแข็งขึ้นในความเชื่อ และมีคริสตสมาชิกเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน!ดังนั้น พี่น้องที่รักไม่ว่าท่านจะไปคริสตจักรใดขอให้ท่านตั้งเป้าที่จะจดจ่ออยู่ที่การนมัสการพระเจ้าเป็นอันดับแรกจากนั้น จงมีส่วนร่วมในการทำให้คริสตจักรที่ท่านไปร่วมนมัสการนั้นกลายเป็นชุมชนแห่งการให้กำลังใจ!ที่พร้อมเสริมสร้างจิตวิญญาณของทุกคนในแต่ละสัปดาห์โดยขอให้เรามาเริ่มต้นเป็นแบบอย่างกัน นับตั้งวันนี้เป็นต้นไปเลย…จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 28กันยายน2025 (ตอนที่180ของปีที่1 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่180) ไม่ยากที่จะตัดสินใจ! “ดังนั้นอย่าให้เรากล่าวโทษกันและกันอีกเลย แต่จงตัดสินใจดีกว่าว่า จะไม่วางสิ่งซึ่งทำให้พี่น้องสะดุดหรือสิ่งกีดขวางทางของเขา” ~โรม 14:13 THSV11 “So then, let us stop judging one another. Instead, you should decide never to do anything that would make others stumble or fall into sin.” ~Romans 14:13 GNT คุณคิดเช่นนี้ด้วยหรือไม่ว่า“การตัดสินใจเป็นเรื่องไม่ยากหากว่าคุณรู้ค่านิยมของคุณคืออะไร?(It's not hard to make decisionsWhen you know what your values are.) -Roy Disney- คุณเป็นคนอย่างไร แค่ดูจากการตัดสินใจของตัวคุณ ก็รู้แล้ว เช่นเดียวกัน คุณจะตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไร ก็ดูไม่ยากเลย หากรู้ว่าคุณเป็นคนอย่างไร? คำว่า “Decision” (การตัดสินใจ) นั้น มีความหมายสำคัญ ๆ ดังนี้1.บางสิ่งที่คนบางคนได้ยึดไว้ (เป็นหลัก) หลังจากที่ได้พิจารณาหลาย ๆ ทางเลือกแล้ว2.ความสามารถในการเลือกบางสิ่งด้วยวิถีที่ชัดเจน และเจาะจง โดยไม่ลังเลหรือชักช้าเกินไป3.กระบวนการที่นำข้อสรุป และการกำหนดเกี่ยวกับบางสิ่ง “การตัดสินใจ” (decision) ที่ดีจึงต้องมาจากรากฐานที่มีคุณค่าและคู่ควรต่อการยึดถือเป็นหลักหรือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป! สิ่งที่จะทำให้การตัดสินใจของเรามีค่าก็คือ “ค่านิยม” หรือ “คุณค่า”ที่น่าสรรเสริญอันเป็นพื้นฐานหรือรากฐานของการตัดสินใจในครั้งนั้น แล้ว“ค่านิยม”หรือ“คุณค่า” (Values) คืออะไร? ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า“Values” หมายถึง1.มูลค่าทางการเงินหรือ จำนวนเงินหรือสื่อที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน2.ความพอใจหรือการตอบแทนที่มีค่าสำหรับตอบแทนบางสิ่ง3.คุณค่าความสำคัญ หรือคุณประโยชน์ของบางสิ่งที่มีต่อบางอย่าง4.ค่านิยมหรือหลักการหรือมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับของบุคคลหรือของกลุ่ม ศีลธรรม หรือ จริยธรรมที่ดี จึงควรเป็นค่านิยมของเรา!“ค่านิยม” จึงควรเป็นสิ่งที่มีค่าและมีพลังในการกำหนดการตัดสินใจและวิถีการปฏิบัติรวมทั้งการดำเนินชีวิตของเราแต่ละคนดังนั้น การตัดสินใจในเรื่องใด จะยากจะง่ายจึงมักขึ้นอยู่กับ “ค่านิยม” ของผู้ที่ตัดสินใจ! วันนี้1.ค่านิยมของคุณ หรือ2.จุดยืนของคุณ อยู่ตรงไหน? หาก คุณค่า ค่านิยมหรือจุดยืน(ที่คุณถือว่าสำคัญ)นั้น ชัดเจน การตัดสินใจของคุณก็จะชัดเจนด้วย อ.เปาโลมีจุดยืน หรือค่านิยมชัดเจน นั่นคือท่านถือว่า สิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดในชีวิตของท่านคือ พระคริสต์!ท่านกล่าวว่ายืนยันว่า การได้รู้จักกับพระคริสต์เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุด! “แต่ว่าอะไรที่เคยเป็นกำไรของข้าพเจ้า ~ข้าพเจ้าได้ถือว่าสิ่งนั้นเป็นการขาดทุนแล้วเพราะเหตุพระคริสต์ ยิ่งกว่านั้น~ข้าพเจ้าถือว่าทุกสิ่งเป็นการขาดทุน เพราะเหตุคุณค่าอันสูงยิ่งของการได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์~ข้าพเจ้ายอมขาดทุนทุกอย่าง และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนเศษขยะเพื่อว่า~ข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์เป็นกำไร” (ฟิลิปปี 3:7-8) พี่น้องที่รัก คุณคิดอย่างที่เดียวกับที่ อ.เปาโลคิดหรือไม่ ที่ว่า...“ทุกสิ่ง”ไม่ว่าจะเป็น~ชาติตระกูล(ชาติวุฒิ) ~คุณวุฒิ หรือ~ความชอบธรรม รวมทั้ง ~ความสำเร็จใด ๆ ต่างก็เหมือนเศษขยะที่ไร้คุณค่า เมื่อเปรียบเทียบกับการได้รู้จักองค์พระเยซูคริสต์!“ ดังนั้น หากว่า นับจากนี้เป็นต้นไป “คุณค่า” หรือ “จุดยืน”ในการตัดสินใจของคุณ จะยึด “พระคริสต์” และ”น้ำพระทัย” ของพระองค์เป็นค่านิยมมาตรฐานในการตัดสินใจของคุณ คุณจะตัดสินใจ1.ได้ง่ายขึ้น และ2.ได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม อย่างเหลือเชื่อ ~ถ้าคุณเป็นคนตัดสินใจกล่าวโทษคนอื่นได้ง่ายและทำเช่นนั้นจนเป็นนิสัย นั่นก็แสดงว่า “ค่านิยม”ของคุณมีปัญหา ~ถ้าคุณเป็นคน มีค่านิยม อย่างพระคริสต์ คุณก็คงตัดสินใจได้เด็ดขาดว่า คุณจะไม่พูด ไม่โพสต์ หรือ ไม่ทำอะไรที่ทำให้พี่น้องสะดุด หรือ ไปกีดขวางทางระหว่างเขากับพระเจ้า แต่คุณจะตัดสินใจ 1.เลือกยกโทษให้ผู้อื่น และ 2.ทำสิ่งดีมีคุณค่าต่อพวกเขาและส่วนรวม แทนที่จะคุณจะยังคงจมดิ่งอยู่กับความรู้สึกในทางลบต่อไปอย่างไร้คุณค่า! …จริงไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 27กันยายน2025 (ตอนที่180 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน แค่เก่งไม่พอ Ep.1404 เมื่อเราพิจารณา 2 ซามูเอล 23 ซึ่งได้บันทึกรายชื่อนักรบผู้กล้าของดาวิด เราจะไม่พบชื่อของโยอาบ แม่ทัพผู้มีบทบาทสำคัญในชีวิตของดาวิด โยอาบนำชัยชนะมาให้ดาวิดมากมาย แต่เขาก็เป็นผู้ที่ทำให้ดาวิดเจ็บปวดหลายครั้ง โยอาบฆ่าอับเนอร์ 2 ซามูเอล 3 ฆ่าอับซาโลม 2 ซามูเอล 18 และฆ่าอามาสา 2 ซามูเอล 20 โยอาบไม่เชื่อฟังเสียงของดาวิด ผู้รู้หลายท่านได้ออกความเห็นว่า การที่ผู้เขียนไม่ใส่ชื่อโยอาบนั้นไม่ใช่เพราะเขาไม่มีผลงาน แต่ป็นเพราะเขาเก่งแต่ไม่เชื่อฟัง พระเจ้าไม่ได้วัดคุณค่าเราจากผลงาน จากตัวเลขหรือความสำเร็จ หรือเสียงปรบมือชื่นชมของผู้คน แต่พระเจ้าทรงให้คุณค่ากับคนที่เชื่อฟังพระองค์อย่างซื่อสัตย์ หากเราเก่งแต่ไม่เชื่อฟัง ชีวิตของเราจะสร้างความเจ็บปวดมากกว่าสร้างพระพรความสุข วันนี้โลกกำลังประเมินพวกเราจากความสามารถ จากผลงาน หรือความสำเร็จที่เป็นตัวเลข แต่พระเจ้าให้คุณค่าและมองหาในคนของพระองค์ที่มีหัวใจที่เชื่อฟังอย่างซื่อสัตย์ คำถามคือ เราอยากให้พระเจ้าและมนุษย์จดจำเราแบบไหน '“ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า' จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ ' มัทธิว 7:21 หากปากของเราเรียกพระเจ้าว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า มีความหมายว่าเราเป็นทาสของเจ้านาย หากเราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ขอให้เราทำตามสิ่งที่เราเชื่อ คือเชื่อฟังเจ้านายของเราดังทาสที่ซื่อสัตย์ตามที่เราพูด ความสามารถที่เป็นเลิศนั้นสร้างผลงานในสายตาของมนุษย์ และการเชื่อฟังอย่างซื่อสัตย์สร้างคุณค่าและการเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า'ผู้ได้รับมอบหมายนั้นต้องเป็นคนที่พิสูจน์แล้วว่าสัตย์ซื่อ ' 1โครินธ์ 4:2 TNCV วันนี้เราเป็นทาสที่ได้รับมอบหมายงาน ขอให้เราจะพิสูจน์ตัวเองต่อพระพักต์พระเจ้าว่า เราซื่อสัตย์ ขอให้เราพัฒนาชีวิตที่เชื่อฟังอย่างซื่อสัตย์ไปพร้อมกับการพัฒนาทักษะต่างๆในชีวิต อย่าเพียงทำให้คนอื่นเห็นว่าเราเก่ง แต่ขอใช้ชีวิตให้เป็นที่พระเจ้าพอพระทัย เพราะสุดท้ายแล้วเสียงชื่นชมของคนจะเงียบหายไป แต่คำชื่นชมจากพระเจ้าว่า ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดี ที่เชื่อฟังและซื่อสัตย์จะมีผลถาวรนิรันดร์ ดังนั้นเก่งอย่างเดียวไม่พอนะครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่179) วุฒิภาวะสำคัญอย่างไร? “จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์” ~เอเฟซัส 4:13 THSV11“And so we shall all come together to that oneness in our faith and in our knowledge of the Son of God; we shall become mature people, reaching to the very height of Christ's full stature.”~Ephesians 4:13 GNT คุณเคยได้ยินคำกล่าวต่อไปนี้หรือไม่? “วุฒิภาวะได้มาเมื่อบุคคลนั้นยอมเลื่อนความพึงพอใจเบื้องหน้าออกไป เพื่อจะได้รับสิ่งที่มีคุณค่าในระยะยาว!”(Maturity is achieved when a person postpones immediate pleasures for long term values.) แล้วคุณล่ะ เห็นด้วยไหม? คำว่า“วุฒิภาวะ”(Maturity)หมายความว่า “มีความเป็นผู้ใหญ่” หรือ “ความมีภูมิรู้” แล้ววุฒิภาวะให้คุณค่าหรือคุณประโยชน์อะไรแก่เราบ้าง?1.วุฒิภาวะทำให้คนเรารู้จักมองไปข้างหน้า2.วุฒิภาวะทำให้เรารู้จักคิดตั้งเป้าหมายระยะยาว3.วุฒิภาวะทำให้เรารู้จักวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น4.วุฒิภาวะทำให้เรารู้จักรอคอยที่จะได้รับสิ่งที่ต้องการตามเป้าหมาย5.วุฒิภาวะทำให้เรารู้จักแยกแยะสิ่งต้องการระยะสั้นตรงหน้ากับสิ่งมีคุณค่ามากกว่าในระยะยาว 6.วุฒิภาวะทำให้เรารู้จักอดกลั้น และอดทน ทั้งต่อคนและต่อสถานการณ์ยากลำบากต่าง ๆ ใน ปัจจุบันเพื่อจะได้ในสิ่งที่น่าปรารถนาและมีคุณค่ามากกว่าในอนาคต ดังนั้น ถ้าคุณเป็นคนที่มองแต่แค่ความต้องการเฉพาะหน้า และดื้อรั้นที่จะเอาแต่ได้ในสิ่งที่อยากนั้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบตามมาและราคาที่ต้องจ่ายในระยะยาว คุณก็ไม่ใช่คนที่มีวุฒิภาวะอย่างแน่นอน! แต่หากว่าคุณเป็นคนที่มองการณ์ไกล มีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่น และทุ่มเทเพื่อจะได้สิ่งดีตามเป้าหมาย คุณก็คือ คนมีวุฒิภาวะที่เปี่ยมพลัง! ในคริสตจักรก็เช่นกัน เราต้องการผู้มีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้น ทั้งวุฒิภาวะในด้านความคิด อารมณ์และจิตวิญญาณ! ภารกิจสำคัญของผู้นำคริสตจักรก็คือ การทำตัวเองและคนอื่นๆให้เติบโตกลายเป็นคนมีวุฒิภาวะในด้านต่างๆ อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดังนั้น อย่าให้เรารู้สึกพอใจเพียงแค่กับ1.การได้เชื่อในพระคริสต์2.การได้รับความรอด3.การได้เป็นสมาชิกของคริสตจักรแค่นั้น แต่ขอให้เราตั้งเป้าระยะยาวที่จะ 1).เป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ 2).เป็นผู้มีวุฒิภาวะฝ่ายจิตวิญญาณ 3).เป็นผู้ที่ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองให้ ก.มีวินัย ข.มีความถ่อมใจ 4).เป็นผู้ที่น้อมรับการเตรียมหรือการเสริมสร้างให้ ก.เป็นสาวกแท้ของพระคริสต์ และ ข.เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ 5).เป็นผู้ที่สามารถนำคนอื่น ให้ทำตามอย่างเดียวกันกับที่เราทำหรือทำได้ดีกว่า ก.โดยอาศัยผู้นำหรือพี่เลี้ยงฝ่ายจิตวิญญาณในคริสตจักร ข.โดยการพึ่งพิงในฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และ ค.โดยอาศัยพระวจนะของพระเจ้า พี่น้องที่รัก หากวันใดคุณ1.กลายมาเป็นผู้มีวุฒิภาวะในฝ่ายวิญญาณ 2.ได้ลงมือช่วยคนบางคนให้เป็นสาวกจริง ๆ ของพระคริสต์3.ได้เห็นคนเหล่านั้นเจริญพัฒนาขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ และ4.ได้เห็นพวกเขาสามารถนำผู้อื่นให้มา 1).รับความรอด 2).รับการอบรมเสริมสร้างจนกลายเป็นสาวกแท้ของพระคริสต์เช่นกัน 5.ได้เขามาร่วมเคียงข้างรับใช้และเติบโตบนเส้นทางฝ่ายจิตวิญญาณไปด้วยกัน วันนั้น จะเป็นวันที่คุณ 1.มีความสุข และ 2.มีความภูมิใจมากที่สุดในชีวิตของคุณ อย่างหาที่เปรียบมิได้! …จะไม่ลองทำดูสักหน่อยหรือครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 26กันยายน2025 (ตอนที่179 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน คนที่พระเจ้าจดจำ Ep.1403 เรายังอยู่ใน 2 ซามูเอล 23:18-39 ช่วงนี้เป็นรายชื่อที่ยาวมาก หลายคนมักจะข้ามไปเพราะมันอ่านยาก น่าเบื่อ แต่ความจริงแล้ว ทุกชื่อและทุกสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมีความหมาย รายชื่อนักรบของดาวิดถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด ไม่ใช่แค่ 3 วีรบุรุษหรือผู้ที่โดดเด่นที่สุด แต่ยังมีคนอื่นด้วย พวกเราสามารถกลับไปดูรายละเอียดได้ด้วยตัวเอง อาบีชัยน้องของโยอาบเป็นหัวหน้าของสามสิบ และเบไนยาห์ผู้กล้าหาญที่ฆ่าสิงโตในวันหิมะตก เขาฆ่าคนอียิปต์ในขณะที่เจามีแค่ไม้เท้า เขาฆ่าคนอียิปต์ด้วยหอกของคนอียิปต์เอง แม้ว่าเบไนยาห์จะมีมีเรื่องราวที่น่าจดจำมากแต่ที่น่าสนใจคือมีอีกหลายชื่อที่ไม่ได้มีเรื่องราวอะไร เช่น อาสาเฮลน้องชายของโยอาบอีกคน เอลฮานัน ศัลโมน เศเลก และแม้แต่อุรียาห์คนฮิตไทต์สามีของนางบัทเชบาก็ยังถูกเอ่ยถึงในข้อ 39 บางชื่อเราไม่คุ้นเคยเลย แต่พระวจนะของพระเจ้าบันทึกชื่อพวกเขาไว้อย่างชัดเจน เพราะนี่ไม่ใช่แค่การจดจำของมนุษย์ แต่คือการยืนยันว่าพระเจ้าได้ให้คุณค่ากับความซื่อสัตย์ แม้ว่าคนนั้นจะไม่ใช่ผู้นำ หรือเป็นคนที่มีเรื่องราวโดดเด่นอะไร แต่ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของพวกเขาไม่เคยสูญเปล่า พระเจ้าทรงจดจำและจะประทานรางวัลให้ พระเยซูสอนถึงความซื่อสัตย์ของคนงานของพระองค์ไว้แบบนี้'นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด' ' มัทธิว 25:21 วันนี้เราอาจจะไม่ได้เป็นผู้นำหรือไม่มีอะไรโดดเด่นในชีวิต แต่ขอให้เรายังรักษาตำแหน่งและหน้าที่ของตัวเองนั้นด้วยความทุ่มเทและซื่อสัตย์อย่างมั่นคง เพราะพระเจ้าให้คุณค่ากับทุกความเสียสละทุ่มเท และงานรับใช้ที่ซื่อสัตย์ ขอให้เรามั่นใจว่าความซื่อสัตย์และความเสียสละทุ่มเทในงานต่าง ๆ นั้นจะไม่สูญเปล่าไปเลย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่178) จะทำอย่างไรถ้าเราทุกข์จนหมดแรง?“ข้าพระองค์หมดแรงและถูกตีจนน่วม ข้าพระองค์ครวญครางเพราะความทุกข์ระทมใจ” ~สดุดี 38:8 THSV11“I'm worn out, completely crushed; I groan because of my miserable heart.” ~Psalms 38:8 CEBเมื่อเราทุกข์ทรมานจนหมดแรง สิ่งที่เราควรทำ มีดังนี้Recall~ระลึกถึงพระเจ้าและร้องทูลพระองค์“และจงร้องทูลเราในวันยากลำบาก เราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายเกียรติแก่เรา”” ~สดุดี 50:15 THSV11Return ~หันกลับมาแสวงหาพระเจ้า“เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า'” ~เยเรมีย์ 29:13 THSV11Rest—พักผ่อนในพระเจ้า“บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก” ~มัทธิว 11:28 THSV11Review ~ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น“แม้ถูกยั่วยุ ก็อย่าทำบาป จงตรึกตรองในใจเวลาอยู่บนที่นอนและสงบอยู่” ~สดุดี 4:4 THSV11Release~ระบายสิ่งหนักที่แบกอยู่ออกมา“เพราะการถอนหายใจของข้ามาแทนอาหาร และการครวญครางของข้าก็เทออกมาเหมือนน้ำ” ~โยบ 3:24 THSV11Renounce ~ละทิ้งที่ถ่วงอยู่ไป“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา” ~ฮีบรู 12:1 THSV11Request ~รีบขอความช่วยเหลือ“เมื่อคนชอบธรรมร้องทูล พระยาห์เวห์ทรงสดับ และทรงช่วยกู้เขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง” ~สดุดี 34:17-18 THSV11Rearrange ~จัดสภาพแวดล้อมใหม่ให้ดีกว่า“อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” ~โรม 12:2 THSV11Refill~เติมกำลังใหม่“อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้าเราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา” ~อิสยาห์ 41:10 THSV11Revive~รับการฟื้นฟู“องค์ผู้สูงเด่นและสูงส่ง ผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ทรงพระนามว่าบริสุทธิ์ ตรัสดังนี้ว่า“เราดำรงอยู่ในที่สูงและบริสุทธิ์ และอยู่กับผู้สำนึกผิดและมีวิญญาณจิตที่ถ่อม เพื่อฟื้นฟูวิญญาณจิตของผู้ที่ถ่อม และฟื้นฟูใจของผู้สำนึกผิด” ~อิสยาห์ 57:15 THSV11Recognize~ตระหนักในความยิ่งใหญ่และฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า““จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า เราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางบรรดาประชาชาติ เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก”” ~สดุดี 46:10 THSV11Rely~พึ่งพาวางใจในพระเจ้า“จงมอบทางของท่านไว้กับพระยาห์เวห์ จงวางใจในพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงช่วยท่าน” ~สดุดี 37:5 THSV11พี่น้องรักจงยึดพระเจ้าไว้ให้แน่น และก้าวไปข้างหน้ากับพระองค์แล้วชีวิตของคุณจะมีแรงเพิ่มขึ้น และมีความสุขได้แม้แต่ในขณะที่คุณกำลังอยู่ท่ามกลางความทุกข์ยาก“ความทุกข์ทรมานอาจพรากพลังของเราไป แต่มันไม่อาจพรากพระเจ้าไปจากเราได้!”(Suffering may take away our strength, but it can never take away our God.)…คุณเชื่อเช่นนี้ไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 25กันยายน2025 (ตอนที่178 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่177) โกรธ กับ โหด: อะไรจะน่ากลัวกว่า?““จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป” อย่าให้ถึงตะวันตกแล้วยังโกรธอยู่” ~เอเฟซัส 4:26 THSV11““In your anger do not sin”: Do not let the sun go down while you are still angry,” ~Ephesians 4:26 NIVคุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า “การโกรธเป็นเรื่องที่รับกันได้แต่ความโหด นี่สิเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะรับได้!”(It is Ok to be Angry.It is never Okay to be Cruel.)เรามักมีสาเหตุที่จะโกรธได้อยู่เสมอ แต่ไม่ใช่ทุกความโกรธนั้นจะให้ความชอบธรรมแก่เราในการทำบาป หรือในการตอบโต้แบบโหดๆ ต่อผู้ใด!ความโกรธ (Anger) อาจนำเราไปสู่สิ่งดีหรือสิ่งไม่ดีก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าสติและวิจารณญาณของเราในเวลานั้น มีอยู่เป็นปกติหรือไม่?หากเรารู้จักควบคุมความโกรธของเรา ก็เท่ากับเราสามารถควบคุม “สัตว์ร้าย” หรือ “อสูรกาย”ภายในตัวของเราไม่ให้ออกมาทำลายล้างสิ่งของหรือคนที่ขวางหน้าอย่างโหดร้ายไร้ความปราณีหากว่าเราไม่อาจควบคุมความโกรธของเราไว้ได้ มันก็อาจจะออกมาอาละวาด ทำร้ายทุกคนที่เจอะเจอแบบไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลยใช่ครับ ความ” ANGER “(โกรธ) อาจกลายเป็น” DANGER “(อันตราย) ได้ในพริบตา!ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรต้องระวังตัว “D” นี้ ไม่ให้เข้ามาร่วมวงกับ ”Anger”(ความโกรธ)เพราะว่าตัว “D”นี้อาจนำอันตรายหลายอย่างมาสู่ตัวของเรา ครอบครัว หน้าที่การงาน หรือ แม้แต่การรับใช้(พระเจ้า)ที่เรากำลังกระทำอยู่ก็เป็นได้ตัว “D” ที่จะเพิ่มอำนาจการทำลายล้างของความโกรธให้ทวีคูณมากขึ้น มีมากมาย อาทิDisputation (การทุ่มเถียงกัน)Dishonor ( การไม่ให้เกียรติกัน)Dislike (การไม่ชอบกัน)Discouragement (ความท้อใจ).Devouring(การกัดกินกัน)Disaster ( ความเสียหาย/หายนะ)Destruction (ความพินาศ) หรือDeath (ความตาย)สรุปเราต้องรีบจัดการหรือควบคุม ANGER (ความโกรธ) ของเราโดยเร็วก่อนที่ ANGER (ความโกรธ) ของเราจะเข้ามาควบคุมและจัดการกับชีวิตเราเพราะเมื่อใดก็ตามที่ความโกรธนั้นควบคุมเราได้ มันก็จะแสดงความโหดออกมาอย่างไร้ความปราณีในทันที และจากนั้นความหายนะอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงที่เกินความควบคุมก็จะตามมา...พี่น้องที่รัก เพียงคิดแค่เท่านี้…ก็ขนหัวลุกแล้วครับ!~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 24กันยายน2025 (ตอนที่177 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่176) อย่าให้ศัตรูของคุณมีที่ยืน อีกต่อไป!“และขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์” ~มัทธิว 6:12 THSV11“Forgive us the wrongs we have done, as we forgive the wrongs that others have done to us.” ~Matthew 6:12 GNTคุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้ หรือไม่?“จงให้อภัยแก่ศัตรูของคุณอยู่เสมอไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเขาหงุดหงิดใจมากไปยิ่งกว่านี้แล้ว!”(Always forgive your enemies;Nothing annoys them so much.)-Oscar Wilde-"ฉันให้อภัยเขา เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พระคริสต์ทรงกระทำ!" นี่คือคำประกาศอันยิ่งใหญ่ที่สุดในการ "ให้อภัย" มือสังหารของ เอริกา เคิร์ก ภรรยาม่ายของ ชาร์ลี เคิร์ก!ในวันที่ 21กันยายน 2025ณ สนามสเตทฟาร์ม สเตเดียม (State Farm Stadium) ในเมืองเกลนเดล รัฐแอริโซนา ท่ามกลางคนนับหมื่นที่ร่วมไว้อาลัย (ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสมาชิกในคณะบริหารของเขา)เพื่อยกย่องชีวิตของ ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวและผู้ประกาศข่าวประเสริฐชื่อดังเอริกา เคิร์ก ได้กล่าวสุนทรพจน์ด้วยอารมณ์สะเทือนใจ และได้รับเสียงปรบมือยาวนานเมื่อเธอประกาศว่าเธอให้อภัยแก่มือสังหารสามีของเธอเอริกา เคิร์ก กล่าวว่า"หนุ่มคนนั้น ฉันให้อภัยเขา ฉันให้อภัยเขาเพราะนั่นคือสิ่งที่พระคริสต์ทรงกระทำ และนั่นคือสิ่งที่ชาร์ลีจะทำเช่นกัน" พร้อมกับเสริมว่า "คำตอบสำหรับความเกลียดชังไม่ใช่ความเกลียดชัง คำตอบที่เราทราบจากพระกิตติคุณ นั่นคือความรัก!"ปกติ เวลาเราแค้นเคืองผู้ใด เราก็มักอยากแก้แค้นแต่แค่คิด คนเราก็หมดสุขแล้วเพราะความคิดแค้นกับความสุขนั้นเข้ากันไม่ได้!…คนฉลาดที่เชื่อฟังพระเจ้าและติดตามพระคริสต์จึงจะไม่ทำให้ตนเองต้องเจ็บปวดเพิ่มเป็น 2 เท่า คือ หนึ่งเจ็บเพราะถูกคนอื่นกระทำ กับสองเจ็บเพราะตัวเองเป็นผู้กระทำ!…คนฉลาดที่วางใจในพระเจ้าจะรู้จักให้อภัย การให้อภัยเป็นการปลดล็อคความทุกข์ใจอันไม่จำเป็นออกไปจากความคิดและชีวิตของเรา รวมทั้งจากคนรอบข้างตัวของเรา!การให้อภัยกับการปล่อยให้คนผิดคนชั่วลอยนวลนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ~คนผิดต้องรับผิด และคนสร้างความเสียหายต้องชดใช้แต่เราก็ควรพร้อมให้อภัยแก่เขาเหล่านั้นด้วย เพราะนั่นจะเป็นการทำให้พระบัญญัติของพระเจ้าสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่ไม่แค้น เรายังควรต้องอธิษฐานเผื่อเขาและแสดงความรักและช่วยเหลือเขาจนเขากลับใจใหม่(เพื่อว่าเขาจะมีโอกาสชดใช้กรรมที่เขาก่อด้วยการทำดีตลอดชีวิตของเขาเป็นการชดเชย)!และนั่นคือ การแก้แค้นที่ดีที่สุด! ทำไมถึงว่าดีที่สุด?เพราะเราได้กำจัดคนเก่าที่เราแค้นแบบถาวรตลอดไปและเราได้คนใหม่ที่ดีกว่าเดิมกลับมาทำสิ่งดีมีคุณประโยชน์ต่อโลกนี้ แทนที่!ด้วยเหตุนี้ การอภัยให้ หรือ การยกโทษนี้ จึงไม่ใช่เป็นการยอมรับพฤติกรรมผิด ๆ ของบุคคลใดว่าเป็นสิ่งถูกต้องแต่การให้อภัยนั้น จะเป็นการป้องกันไม่ให้พฤติกรรมผิด ๆ ของเขาเหล่านั้นมาทำลายความสุขในหัวใจของเราไป!ดังนั้น กระบวนการแก้แค้นที่มีประสิทธิภาพต่อคนที่ทำผิดต่อเราก็คือ จงให้อภัยเขาจงอธิษฐานเผื่อเราและเผื่อเขาจงอดกลั้นอดทนช่วยเหลือเขาด้วยความรัก จนเขาสำนึกผิดจงบอกข่าวประเสริฐแห่งความรอดให้เขารับรู้จงช่วยเขาให้รู้จักพระคริสต์เป็นส่วนตัวและรับความรอดจงช่วยเขาให้มีชุมชนแห่งความเชื่อ(คริสตจักร) ที่เขาจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้จงช่วยเขาให้เจริญเติบโตในความเชื่อ เป็นสาวกแท้และเป็นพรต่อผู้อื่นต่อไปหากคุณกระทำเช่นนี้ โดยพึ่งพาความรักแท้จากพระเจ้าคุณจะสามารถมีความสุขได้แม้แต่ในยามที่คุณเผชิญความสูญเสียหรือประสบกัยเรื่องที่แสนปวดร้าวใจได้และคุณจะทำให้คนที่ทำให้คุณเจ็บปวดนั้นไม่มีที่ยืนอยู่ต่อไปอีกในหัวใจของคุณ~ในฐาน “ศัตรู” แต่โดยพระคุณพระเจ้า เขาจะมีที่ยืนใหม่ในหัวใจของคุณ~ในฐานะ “พี่น้อง” ของคุณแทน!…อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 23กันยายน2025 (ตอนที่176 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน มรดกแห่งความเชื่อ Ep.1401 เราอยากสั่งเสียหรือส่งต่ออะไรไว้ให้ลูกหลานคนรอบตัวบ้าง ผมคิดว่า คงไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองแต่น่าจะเป็นมรดกแห่งความเชื่อที่จะนำให้คนรุ่นหลังเดินตามทางของพระเจ้า ในบั้นปลายของดาวิดได้กล่าวถ้อยคำสุดท้ายไว้ใน 2 ซามูเอล 23:1-7 ดาวิดเริ่มต้นโดยเรียกตัวเองว่า ดาวิดบุตรเจสซี ชายผู้ได้รับการเจิมจากพระเจ้า และนักแต่งสดุดีผู้ไพเราะของอิสราเอล '“พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้ตรัสทางข้าพเจ้า พระดำรัสของพระองค์อยู่ที่ลิ้นของข้าพเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงกล่าว พระศิลาแห่งอิสราเอลตรัสกับข้าพเจ้าว่า เมื่อผู้หนึ่งปกครองมนุษย์โดยชอบธรรม คือปกครองด้วยความยำเกรงพระเจ้า ' 2 ซามูเอล 23:2-3 ดาวิดเริ่มต้นด้วยการย้ำว่า สิ่งที่เขากล่าวไม่ใช่ความคิดของตัวเอง แต่เป็นถ้อยคำที่มาจากพระวิญญาณของพระเจ้า ดาวิดกำลังสอนเราว่า ผู้นำที่แท้จริงไม่ใช่แค่มีอำนาจ แต่ต้องปกครองด้วยความยำเกรงพระเจ้า โดยให้เหตุผลไว้ในข้อ 4 ว่า การนำที่ชอบธรรมจะเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ที่ให้ชีวิต ให้โอกาสเริ่มต้นแก่ผู้คน'พงศ์พันธุ์ของข้าพเจ้าเป็นเช่นนั้นกับพระเจ้าไม่ใช่หรือ? เพราะพระองค์ทรงทำพันธสัญญานิรันดร์กับข้าพเจ้า อันเป็นระเบียบทุกอย่างและมั่นคง พระองค์จะไม่ทรงให้ความรอดทุกด้าน และความปรารถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผลหรือ? ' 2 ซามูเอล 23:5 ดาวิดกลับไปย้ำถึงสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขามั่นคงไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบของเขาเอง แต่คือพระสัญญาของพระเจ้าที่แน่นอน ท้ายที่สุดในข้อ 6–7 ดาวิดเตือนว่า คนอธรรมก็เหมือนหนามที่ถูกถอนและเผาทิ้ง นี่เป็นคำเตือนชัดเจนว่าความชั่วไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่จะยั่งยืนคือชีวิตที่ซื่อสัตย์และการยำเกรงพระเจ้า พระเจ้าให้คุณค่ากับคนที่ยำเกรงพระเจ้ามากว่าคนเก่ง แต่ไม่เชื่อฟัง'ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนครบถ้วน ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว ' 2 ทิโมธี 4:7 วันนี้เราทิ้งอะไรไว้ให้ลูกหลานและคนรอบตัวบ้าง อย่าให้เราจบชีวิตลงเพียงความสำเร็จทางโลก ขอให้เราเลือกใช้ความสามารถและจัดเวลาเพื่อจะสร้างมรดกทางความเชื่อ สร้างทัศนคติที่เต็มไปด้วยความรักและการยำเกรงพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน ความสำเร็จนี้ของใคร Ep.1400 บทเพลงของดาวิดใน 2 ซามูเอล 22:32-51 เป็นตอนจบซึ่งเป็นเสียงสะท้อนจากปลายชีวิตของดาวิด ที่เขาผ่านการถูกไล่ล่า ความพ่ายแพ้ และชัยชนะมานับไม่ถ้วน ดาวิดมองย้อนกลับไปในชีวิตแล้วสรุปด้วยการสรรเสริญพระเจ้า ดาวิดไม่ได้เก็บประสบการณ์นั้นไว้คนเดียว แต่ประกาศต่อหน้าประชาชาติให้รู้ว่า ทุกชัยชนะเป็นผลงานของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว'“เพราะผู้ใดเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์? และผู้ใดเล่าเป็นพระศิลา เว้นแต่พระเจ้าของเรา? ' 2 ซามูเอล 22:32 ดาวิดยืนยันว่าไม่มีที่พึ่งใดที่มั่นคงเท่าพระเจ้า พระองค์เป็นศิลา เป็นป้อมปราการ และเป็นผู้ทำให้ชีวิตของเขาปลอดภัย ในข้อ 33–35 ดาวิดประกาศอย่างชัดเจนว่า ชัยชนะที่เขามีไม่ใช่เพราะแข็งแรงหรือเก่ง แต่เพราะพระเจ้าประทานกำลังและยืนเคียงข้างเขา ในข้อ 36–37 บอกว่าแม้ศัตรูจะล้อมรอบ ดาวิดก็ไม่กลัว เพราะรู้ว่าพระเจ้าจะประทานชัยชนะให้ และตอนท้ายดาวิดดาวิดจบเพลงนี้ด้วยคำสรรเสริญ '“เพราะฉะนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จึงยกย่องพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และร้องเพลงสดุดีพระนามของพระองค์ พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์ และทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้นั้น คือดาวิดและพงศ์พันธุ์ของท่านเป็นนิตย์”' 2 ซามูเอล 22:50-51 ในทุกความสำเร็จที่เราได้รับนั้นขอให้เรายังคงสรรเสริญพระเจ้า อย่าพลาดที่คิดว่าตัวเองเก่ง แต่ขอพระเจ้านำให้เราประกาศว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ และขอให้เรามั่นใจว่าความท้าทายไม่ว่าจะใหญ่หรือมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาเราลงได้ เพราะพระเจ้าจะประทานกำลังและสติปัญญาเพื่อทำให้เราสามารถยืนหยัดได้'แต่พวกท่านเป็น พงศ์พันธุ์ที่ทรงเลือกสรร เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์ เป็นประชากรอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เพื่อให้พวกท่านประกาศพระเกียรติคุณ ของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกพวกท่านให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์ ' 1 เปโตร 2:9 พระเจ้าทรงเลือกเราให้มาเป็นประชากรที่บริสุทธิ์ของพระองค์ เพื่อเราจะประกาศพระนามของพระองค์ ขอให้เรามองย้อนกลับไปในชีวิตแล้วถามว่า เรากำลังถวายเกียรติแด่พระเจ้าผ่านความสำเร็จที่เราได้รับหรือไม่ เรากำลังบอกเล่าเรื่องราวการช่วยเหลือของพระเจ้าให้คนรอบข้างฟังหรือเปล่า ขอให้ชีวิตของเราจะยกย่องสรรเสริญพระเจ้าจนคนรอบตัวจะเชื่อว่าพระเจ้าทรงอัศจรรย์และทรงเปลี่ยนแปลงเราได้ เพื่อนำพวกเขามารู้จักพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อำนาจสูงสุดแต่เต็มด้วยความรักและพระคุณ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่176) อย่าให้ศัตรูของคุณมีที่ยืน อีกต่อไป!“และขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์” ~มัทธิว 6:12 THSV11“Forgive us the wrongs we have done, as we forgive the wrongs that others have done to us.” ~Matthew 6:12 GNTคุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้ หรือไม่?“จงให้อภัยแก่ศัตรูของคุณอยู่เสมอไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเขาหงุดหงิดใจมากไปยิ่งกว่านี้แล้ว!”(Always forgive your enemies;Nothing annoys them so much.)-Oscar Wilde-"ฉันให้อภัยเขา เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พระคริสต์ทรงกระทำ!" นี่คือคำประกาศอันยิ่งใหญ่ที่สุดในการ "ให้อภัย" มือสังหารของ เอริกา เคิร์ก ภรรยาม่ายของ ชาร์ลี เคิร์ก!ในวันที่ 21กันยายน 2025ณ สนามสเตทฟาร์ม สเตเดียม (State Farm Stadium) ในเมืองเกลนเดล รัฐแอริโซนา ท่ามกลางคนนับหมื่นที่ร่วมไว้อาลัย (ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสมาชิกในคณะบริหารของเขา)เพื่อยกย่องชีวิตของ ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวและผู้ประกาศข่าวประเสริฐชื่อดังเอริกา เคิร์ก ได้กล่าวสุนทรพจน์ด้วยอารมณ์สะเทือนใจ และได้รับเสียงปรบมือยาวนานเมื่อเธอประกาศว่าเธอให้อภัยแก่มือสังหารสามีของเธอเอริกา เคิร์ก กล่าวว่า"หนุ่มคนนั้น ฉันให้อภัยเขา ฉันให้อภัยเขาเพราะนั่นคือสิ่งที่พระคริสต์ทรงกระทำ และนั่นคือสิ่งที่ชาร์ลีจะทำเช่นกัน" พร้อมกับเสริมว่า "คำตอบสำหรับความเกลียดชังไม่ใช่ความเกลียดชัง คำตอบที่เราทราบจากพระกิตติคุณ นั่นคือความรัก!"ปกติ เวลาเราแค้นเคืองผู้ใด เราก็มักอยากแก้แค้นแต่แค่คิด คนเราก็หมดสุขแล้วเพราะความคิดแค้นกับความสุขนั้นเข้ากันไม่ได้!…คนฉลาดที่เชื่อฟังพระเจ้าและติดตามพระคริสต์จึงจะไม่ทำให้ตนเองต้องเจ็บปวดเพิ่มเป็น 2 เท่า คือ หนึ่งเจ็บเพราะถูกคนอื่นกระทำ กับสองเจ็บเพราะตัวเองเป็นผู้กระทำ!…คนฉลาดที่วางใจในพระเจ้าจะรู้จักให้อภัย การให้อภัยเป็นการปลดล็อคความทุกข์ใจอันไม่จำเป็นออกไปจากความคิดและชีวิตของเรา รวมทั้งจากคนรอบข้างตัวของเรา!การให้อภัยกับการปล่อยให้คนผิดคนชั่วลอยนวลนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ~คนผิดต้องรับผิด และคนสร้างความเสียหายต้องชดใช้แต่เราก็ควรพร้อมให้อภัยแก่เขาเหล่านั้นด้วย เพราะนั่นจะเป็นการทำให้พระบัญญัติของพระเจ้าสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่ไม่แค้น เรายังควรต้องอธิษฐานเผื่อเขาและแสดงความรักและช่วยเหลือเขาจนเขากลับใจใหม่(เพื่อว่าเขาจะมีโอกาสชดใช้กรรมที่เขาก่อด้วยการทำดีตลอดชีวิตของเขาเป็นการชดเชย)!และนั่นคือ การแก้แค้นที่ดีที่สุด! ทำไมถึงว่าดีที่สุด?เพราะเราได้กำจัดคนเก่าที่เราแค้นแบบถาวรตลอดไปและเราได้คนใหม่ที่ดีกว่าเดิมกลับมาทำสิ่งดีมีคุณประโยชน์ต่อโลกนี้ แทนที่!ด้วยเหตุนี้ การอภัยให้ หรือ การยกโทษนี้ จึงไม่ใช่เป็นการยอมรับพฤติกรรมผิด ๆ ของบุคคลใดว่าเป็นสิ่งถูกต้องแต่การให้อภัยนั้น จะเป็นการป้องกันไม่ให้พฤติกรรมผิด ๆ ของเขาเหล่านั้นมาทำลายความสุขในหัวใจของเราไป!ดังนั้น กระบวนการแก้แค้นที่มีประสิทธิภาพต่อคนที่ทำผิดต่อเราก็คือ จงให้อภัยเขาจงอธิษฐานเผื่อเราและเผื่อเขาจงอดกลั้นอดทนช่วยเหลือเขาด้วยความรัก จนเขาสำนึกผิดจงบอกข่าวประเสริฐแห่งความรอดให้เขารับรู้จงช่วยเขาให้รู้จักพระคริสต์เป็นส่วนตัวและรับความรอดจงช่วยเขาให้มีชุมชนแห่งความเชื่อ(คริสตจักร) ที่เขาจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้จงช่วยเขาให้เจริญเติบโตในความเชื่อ เป็นสาวกแท้และเป็นพรต่อผู้อื่นต่อไปหากคุณกระทำเช่นนี้ โดยพึ่งพาความรักแท้จากพระเจ้าคุณจะสามารถมีความสุขได้แม้แต่ในยามที่คุณเผชิญความสูญเสียหรือประสบกัยเรื่องที่แสนปวดร้าวใจได้และคุณจะทำให้คนที่ทำให้คุณเจ็บปวดนั้นไม่มีที่ยืนอยู่ต่อไปอีกในหัวใจของคุณ~ในฐาน “ศัตรู” แต่โดยพระคุณพระเจ้า เขาจะมีที่ยืนใหม่ในหัวใจของคุณ~ในฐานะ “พี่น้อง” ของคุณแทน!…อาเมนไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 23กันยายน2025 (ตอนที่176 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน พระสัญญาของพระเจ้า Ep.1399 เราอยู่ในช่วงกลางของบทเพลงสรรเสริญจากดาวิด 2 ซามูเอล 22:21-31 เราเองอาจมีคำถามว่า ดาวิดเรียกตัวเองมาเป็นคนไร้ตำหนิ ผมได้ศึกษาถึงความหมายในภาพรวมแล้ว เนื้อเพลงท่อนนี้กำลังพูดถึงมุมมองจากพระสัญญาของพระเจ้า ไม่ได้มองความผิดในรูปแบบของการละเมิดกฎหมาย แม้ดาวิดจะทำผิดใหญ่หลวง แต่เมื่อพระเจ้าเตือนสติเขากลับใจทันที การกลับใจเป็นรูปธรรมที่จริงจังที่เห็นได้ แม้ว่าดาวิดจะได้รับการอภัยจากพระเจ้าแล้ว แต่ดาวิดก็ยังได้รับการตีสอนจากพระเจ้า เนื้อเพลงกำลังบอกว่า เมื่อดาวิดมองย้อนชีวิตกลับไป เขาไม่ได้เห็นเพียงชัยชนะ แต่เห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ตอบสนองชีวิตที่เดินอย่างสัตย์ซื่อกับพระเจ้า ดาวิดยืนยันว่า สิ่งที่เขาได้รับไม่ใช่เพราะบังเอิญ แต่เป็นเพราะทรงพระเจ้าตอบแทนความสัตย์ซื่อของเขา'“พระยาห์เวห์ประทานรางวัลแก่ข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า พระองค์ทรงตอบแทนข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด ' 2 ซามูเอล 22:21ดาวิดไม่ได้พูดว่าตนไร้บาป เพราะเขาเองเคยล้มลงในบาปอย่างร้ายแรง แต่ดาวิดกำลังพูดถึงท่าทีของหัวใจที่กลับใจและเดินในทางของพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ ชีวิตที่มือสะอาดหมายถึงการไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของบาป'“พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์ พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ตำหนิต่อผู้ที่ไร้ตำหนิ พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าบริสุทธิ์ต่อผู้ที่บริสุทธิ์ พระองค์ทรงสำแดงเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ที่คดโกง พระองค์ทรงช่วยประชาชนที่ถ่อมตัวให้รอด แต่ดวงตาที่หยิ่งยโสนั้น พระองค์ทรงทำให้ต่ำลง ' 2 ซามูเอล 22:26-28 'สำหรับพระเจ้าพระองค์นี้ พระมรรคาของพระองค์ไร้ตำหนิ พระดำรัสของพระยาห์เวห์พิสูจน์จนเห็นจริงแล้ว พระองค์ทรงเป็นโล่ของทุกคนที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ ' 2 ซามูเอล 22:31พระมรรคาหรือทางของพระเจ้าไร้ตำหนิ มีความหมายว่า ทางของพระเจ้าสมบูรณ์แบบ ไม่มีข้อบกพร่อง เราจึงต้องวางใจในทางของพระเจ้าซึ่งดีกว่าทางของเราแน่นอน พระวจนะขอวพระเจ้าที่ถูกพิสูจน์ให้เห็นเป็นจริงแล้ว เป็นสิ่งที่เราต้องยึดเพื่อชีวิตของเราจะมั่นคง ขอให้เราตรวจสอบใจของเราทุกวันว่าชีวิตของเราจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าหรือเปล่า ถ้าเราพบความบาปที่แอบซ่อนอยู่ ให้เราขอพระคุณจากพระเจ้านำเรากลับใจทันที ขอให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้นำทางเราและเป็นผู้ปกป้องเรา เพื่อเราจะเดินตามพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ ของให้การดำเนินชีวิตและเรื่องราวของเราจะเป็นที่ยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เพื่อชีวิตของเราจะยืนยันและเป็นพยานว่าพระเจ้าทรงซื่อสัตย์ในพระสัญญาของพระองค์ และพระองค์ก็เต็มไปด้วยพระคุณที่มีมากพอเพียงสำหรับเราวุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่175) รักคนไม่สมบูรณ์แบบ?รักได้ แม้ว่าเขาไม่สมบูรณ์แบบ!“แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา” ~โรม 5:8 THSV11“But God demonstrates his own love for us in this: While we were still sinners, Christ died for us.” ~Romans 5:8 NIVมีคำเขียนไว้ว่า“ความรักไม่ได้เกิดจากการที่คุณพบคนที่สมบูรณ์แบบ แต่เกิดจากการมองคนที่ไม่สมบูรณ์ด้วยสายตาที่สมบูรณ์แบบ”(You come to love not by finding the perfect personBut by seeing an imperfect person perfectly.)ใครใครก็อยากค้นหาและรักคนที่สมบูรณ์แบบแต่คนสมบูรณ์แบบเช่นนั้นืยากที่จะหาพบหรือไม่มีวันที่จะค้นพบได้เลยในโลกนี้!แท้จริงแล้ว…รักคนที่ดีนั้น ใคร ๆ ก็รักได้ รักคนน่ารัก ใครๆก็รักได้ไม่มีปัญหา และรักคนที่ดีต่อเรา ก็ยิ่งรักได้ง่ายแบบสุด ๆ ไปเลย!อย่างไรก็ตาม รักอย่างนั้น เป็นรักแบบระดับประถม ที่ใคร ๆ ก็ทำได้หากเราต้องการรักแบบมัธยม ล่ะ เราจะต้องทำอย่างไร?จะรักระดับนี้ เราต้องสามารถรักคนที่-ไม่น่ารัก-ไม่มีอะไรดึงดูดตา หรือดึงดูดใจ และ-ไม่ได้ทำดีอะไรให้แก่เรา หรือไม่มีอะไรเกี่ยวข้องใดๆกับเราเลยและหากว่าเราต้องการจะไต่ระดับแห่งความรักให้สูงขึ้นไปอีกจนถึงรักระดับอุดมศึกษา เราต้องสามารถรัก-คนที่ทำชั่วหนัก หรือ บาปหนา-คนที่ทำอะไรให้เราเสียความรู้สึก-คนที่ทำให้เราเจ็บปวด หรือบาดเจ็บ และ-คนที่มุ่งทำสิ่งเลวร้าย หรือ ทำลายเรา พี่น้องที่รัก ยามใดเรารักคนเช่นนั้นได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเงื่อนไขยามนั้นก็นับได้ว่า เราได้รู้จักคำว่า “รัก” อย่างแท้จริงแล้ว!ฉะนั้น ขอให้เรา~รักอย่างที่พระเจ้าประสงค์ให้เรารัก~รักอย่างที่พระเยซูคริสต์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว โดยยอมตายไถ่บาปเราบนกางเขนทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนบาปที่ไม่มีอะไรที่จะอวดได้เลย!ดังนั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไป ขอให้เรามองข้ามความไม่สมบูรณ์แบบของคนอื่น ด้วยทัศนคติ และสายตาแห่งความรักอย่างพระเจ้า รักทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ไม่สมบูรณ์ด้วยสายตาที่เข้าใจในความไม่สมบูรณ์ของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์!...จะดีไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 22กันยายน2025 (ตอนที่175 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ทางออกของทุกปัญหา Ep.1398 เรายังอยู่ในบทเพลงสรรเสริญพระเจ้าของดาวิด ในพระธรรม 2 ซามูเอล 22 วันนี้เราจะเข้าไปในเนื้อเพลงอีกส่วนนึงในข้อ 5-20 ในชีวิตของเราก็ไม่ต่างจากดาวิดที่มีหลายครั้งถูกล้อมด้วยปัญหาและความทุกข์ใจมากอดรัดเราแบบแน่นและไม่ยอมปล่อยซะด้วย บทเพลงสรรเสริญในตอนนี้ทำให้เราเห็นว่า เมื่อดาวิดร้องทูลพระเจ้า พระองค์ทรงฟังและเสด็จมาช่วยเขาในสถานการณ์นั้นโดยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระเจ้าจะช่วยเราเช่นกัน ขอให้เราร้องทูลพระองค์ ในข้อ 5-6 กำลังเล่าถึงความทุกข์ทรมานที่เขาเจอ '“เมื่อมีความทุกข์ลำบาก ข้าพเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของข้าพเจ้า จากพระวิหารของพระองค์ พระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพเจ้า และเสียงร้องของข้าพเจ้าได้ยินไปถึงพระกรรณของพระองค์ ' 2 ซามูเอล 22:7 นี่เป็นทางออกของทุกปัญหาสำหรับดาวิด เขาร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ซึ่งในความหมายจากภาษาฮีบรูกำลังบอกว่า เป็นการร้องทูลขออย่างต่อเนื่อง แน่นอนคำร้องทูลนั้นพระเจ้าได้ยิน ในข้อ 8-16 พระเจ้าเสด็จลงมาช่วยด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ เป็นการพรรณาถึงความยิ่งใหญ่และความน่ากลัวในแบบที่มนุษย์เข้าใจ แผ่นดินไหว เสียงฟ้าร้องคำราม เพลงสรรเสริญพระเจ้าบทนี้ให้ความจริงกับเราว่า พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งคนของพระองค์ ในข้อ 17-20 ดาวิดกล่าวว่าพระเจ้าทรงเอื้อมมือมาจับและดึงเขาออกจากน้ำมากหลาย นั่นหมายถึง พระเจ้าทรงดึงออกมาจากสถานการณ์ที่น่ากลัว'พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าออกมายังที่กว้างใหญ่ และทรงช่วยกู้ข้าพเจ้าไว้เพราะพระองค์พอพระทัยข้าพเจ้า ' 2 ซามูเอล 22:20 ทุกครั้งที่เจอวิกฤต หากกลัวให้เราร้องเรียกหาพระเจ้า ขอเราอย่าแก้ไขปัญหานั้นด้วยตัวเอง ให้เราเชื่อวางใจว่าพระเจ้าทรงได้ยินเสียงของเรา และพระองค์จะทรงตอบและช่วยเราแน่ๆ แต่คำตอบที่มานั้นอาจจะไม่ตรงกับใจเรา ขอย้ำอีกครั้งเมื่อปัญหากำลังถาโถมเข้ามา สิ่งแรกที่ต้องทำคือร้องเรียกพระเจ้า ไม่ว่าเรื่องราวนั้นจะหนักหนาแค่ไหนมันเล็กกว่าพระเจ้าของเราแน่นอน พระเจ้าจะทรงฉุดเราขึ้นมาจากความหมดหวัง และพาเราออกสู่ชีวิตใหม่ที่เต็มด้วยสันติสุขที่มาจากพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่174) เวลาเจอเรื่องใหญ่และจะรับมืออย่างไรดี? “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของเรา เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก” ~สดุดี 46:1 THSV11 “God is our refuge and strength, an ever-present help in times of trouble.” …Psalms 46:1 GW คุณเชื่อหรือไม่ว่า “ปัญหาอาจจะใหญ่ แต่พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่กว่าเสมอ!” (Problems may be big, but our God is always bigger.) ถ้าคุณเชื่อจริงๆว่า พระเจ้าที่คุณศรัทธานี้ ยิ่งใหญ่กว่าทุกปัญหาในโลกนี้ สิ่งที่คุณควรทำในยามเผชิญกับปัญหาใหญ่ก็คือ1.จงแสวงหาและเข้ามาลี้ภัยในพระเจ้าผู้ที่ใหญ่กว่าปัญหาหรือความทุกข์ร้อนใดๆในชีวิต2.จงมอบปัญหาใหญ่ไว้กับพระเจ้าผู้ที่เป็นกำลังของเราที่ยิ่งใหญ่กว่าปัญหาใดๆ3.จงให้พระเจ้าผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าปัญหามาก่อนเรื่องใหญ่ใดๆในชีวิตของเรา4.จงรับรู้ว่าไว้เสมอว่าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อาจใช้ปัญหาเป็นเครื่องมือฝึกฝนเราให้เติบใหญ่5.จงทูลขอสติปัญญาและกำลังจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กว่าปัญหาเพื่อจัดการกับปัญหาใหญ่ๆ6.จงให้พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กว่าปัญหาเป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่และช่วยกู้เรา7.จงเชื่อวางใจในพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และอดทนยืนหยัดจนกว่าปัญหาใหญ่นั้นจะผ่านไป8.จงเข้าใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกวันไม่เว้น9.จงร่วมแบ่งปันกำลังใจและช่วยแบ่งเบาภาระปัญหาใหญ่กับพี่น้องผู้เชื่อในพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่10.จงพร้อมเผชิญกับทุกปัญหาร่วมกับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กว่าปัญหา อย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของเรา เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมเสมอในยามทุกข์ร้อน” ~สดุดี 46:1 TNCV “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของเรา เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก”สรุป“ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่สักเพียงใด แต่ก็ยังคงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” (No matter how great the problem, it is still small compared to the greatness of God.) ดังนั้น ในยามที่เราเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่และยาก สิ่งที่เราพึงกระทำก็คือ1.จงหาที่ลี้ภัย ~ เข้าหาพระเจ้า 2.จงหาคำตอบ ~ เปิดพระคัมภีร์3.จงหาที่ปรึกษา~ ขอคำแนะนำจากผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ4.จงขอความช่วยเหลือ~ ขอพระเจ้านำทางหรือเปิดทางออกให้5.จงหาชุมชนที่เคียงข้าง ~เข้าร่วมในกลุ่มสามัคคีธรรมและคริสตจักร6.จงขอรับกำลังใหม่~ ขอพระเยซูคริสต์ประทานหรือเสริมกำลังใหม่ให้7.จงขอการทรงนำ~ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำให้ผ่านทุกอุปสรรคปัญหาอย่างมีชัย …เห็นด้วยไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 21กันยายน2025 (ตอนที่174 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่173) วุฒิภาวะ และจุดยืน! “พี่น้องทั้งหลาย อย่าเป็นเหมือนเด็กในด้านความคิด แต่ในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นเหมือนทารก และในด้านความคิดจงเป็นเหมือนผู้ใหญ่” ~1 โครินธ์ 14:20 THSV11 “Brothers and sisters, don't think like children. When it comes to evil, be like babies, but think like mature people.” ~1 Corinthians 14:20 GW “วุฒิภาวะ” (Maturity) คือ “การพัฒนาอย่างเต็มที่ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ทำให้บุคคลมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตนเอง ยับยั้งชั่งใจ และสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม” กล่าวได้ว่า “ผู้มีวุฒิภาวะจะมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง มีเป้าหมายชีวิต มีทิศทาง และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข!” คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้หรือไม่? “วุฒิภาวะมาถึงเมื่อคุณหยุดแก้ตัว และเริ่มต้น(เปลี่ยนแปลง) แก้ไข!” (Maturity comes when you stop making excuses and start making changes.) น่าแปลกที่ คนบางคนแม้มีอายุมาก แต่กลับไม่มีวุฒิภาวะ ! ในขณะที่คนบางคนแม้มีอายุน้อยกว่า แต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนอายุมากกว่าเขา ดังนั้น วุฒิภาวะจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัย! เช่นเดียวกัน... คนบางคนมีอายุมาก แต่กลับไม่มีจุดยืนในทางที่ดี ในขณะที่คนบางคนอายุไม่มากนัก แต่กลับมีจุดยืนที่น่ายกย่อง! ดังนั้น การมีจุดยืนชัดเจนในชีวิต จึงไม่เกี่ยวข้องกับอายุ! ดังนั้น ขอให้เราเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้ และปรับปรุงตัวเอง คือเป็นคนที่ถ่อมใจที่รีบแก้ไขในทันที ที่รู้ตัวหรือรับรู้ว่าตนเองทำผิดพลาด ไม่ใช่เป็นคนที่เอาแต่แก้ตัว ไม่ยอมเสียหน้าด้วยความทรนง คนที่เป็นผู้นำและเป็นสาวกของพระคริสต์จำเป็นต้องเป็นคนที่1.มีความเป็นผู้ใหญ่ และ2.มีจุดยืนที่ชัดเจน ในการดำเนินชีวิตตามวิถีของพระคริสต์ ดังที่ปรากฏชัดเจนอยู่ในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์! ลักษณะของคนมีวุฒิภาวะและมีจุดยืนนั้น เป็นอย่างไร? พวกเขามีคุณลักษณะดังนี้คือ ~ไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากสักเท่าใด หรือ ~ไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญกับวิกฤติชีวิตที่หนักหนาสาหัสมากขนาดไหน พวกเขาก็พร้อมที่จะรับมือกับวิกฤตการณ์เหล่านั้น ด้วยจุดยืนที่มั่นคงอย่างที่ผู้มีวุฒิภาวะในพระคริสต์ พึงกระทำ! นั่นคือ 1.พวกเขาเต็มใจกระทำสิ่งดี แม้ว่าใคร ๆ เขาจะไม่ทำกัน และ 2.พวกเขาตั้งใจที่จะไม่ยอมทำในสิ่งไม่ดี แม้ว่าใคร ๆ เขาจะนิยมทำกันก็ตาม! และยิ่งกว่านั้น พวกเขาจะกระทำแต่ 1).สิ่งที่พอพระทัยของพระเจ้า และ 2).สิ่งที่จะนำความพึงพอใจมาสู่ปกติชนโดยทั่วไปพี่น้องที่รักครับ สังคมย่ำแย่ลงมาก เพราะคนขาดวุฒิภาวะ เป็นเหตุให้ขาดวิจารณญาณจนแยกแยะไม่เป็นว่า 1.อะไรควรทำ และอะไรไม่ควรทำ2.อะไรควรพูดควรโพสต์ และอะไรไม่ควรพูดควรโพสต์ และยิ่งแย่ลงไปอีกก็คือ เมื่อสังคม 1).ไร้คนที่มีจุดยืนในการปกป้องความดี ความถูกต้องในวิถีที่ดีงาม 2).ไร้คนที่กล้าหาญในการยืนหยัด เตือนสติ หนุนใจคนอื่นๆให้ ก.ทำในสิ่งดีที่ควรทำ และ ข.ปกป้องผู้บริสุทธิ์ที่อ่อนแอ ถูกข่มเหงเอาเปรียบ และถูกทำร้ายในทางใดทางหนึ่ง เวลานี้ พระเจ้า คริสตจักร และสังคม กำลังต้องการคนดีมีวุฒิภาวะทางความคิด อารมณ์ และจิตวิญญาณ ดังที่กล่าวมาเพิ่มมากขึ้น แล้วคุณล่ะ 1.พร้อมจะเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยอย่างองค์พระเยซูคริสต์คือ มีความรักเมตตาควบคู่กับความจริงต่อคนทั้งปวง(ทั้งคนดีและคนบาป)2.พร้อมจะเป็นคนดีมีวุฒิภาวะและจุดยืนอันมีคุณค่า และ กระตือรือร้นในการทำดีต่อส่วนรวมอย่างที่ 1).คริสตจักร และ 2).สังคม ต้องการอยู่ หรือไม่? ขอช่วยตอบให้ชื่นใจสักหน่อย …จะได้ไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 20กันยายน2025 (ตอนที่173 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้าน
พระธรรมนำชีวิตตอน ศิลาและป้อปราการ Ep.1397'ดาวิดถวายถ้อยคำของเพลงบทนี้แด่พระยาห์เวห์ ในวันที่พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้ท่านให้พ้นจากมือศัตรูทั้งสิ้นของท่าน และจากเงื้อมพระหัตถ์ของซาอูล ' 2 ซามูเอล 22:1 เมื่อดาวิดหันกลับมามองตลอดเส้นทางชีวิตของเขา สิ่งที่เขาทำคือการร้องเพลงนมัสการ พระธรรมบทนี้เป็นบทเพลงที่ดาวิดใช้สรุปชีวิตของตัวเองที่ผ่านเรื่องราวมากมาย ดาวิดประกาศต่อหน้าทุกคนว่าความรอดที่เขาได้รับไม่ได้มาจากกำลังหรือความสามารถของตัวเอง แต่เพราะพระเจ้าคือทรงเป็นที่พึ่งพิง พึ่งพาของเขา'ท่านกล่าวว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นศิลา ป้อมปราการ และผู้ช่วยกู้ของข้าพเจ้า พระเจ้าแห่งศิลาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเข้าลี้ภัยอยู่ในพระองค์ พระองค์ทรงเป็นโล่ เป็นพลัง แห่งความรอดของข้าพเจ้า ทรงเป็นที่กำบังอันแข็งแกร่งและที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า พระผู้ช่วยของข้าพเจ้า พระองค์ ทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดจากความทารุณ ข้าพเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์ ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญ และข้าพเจ้ารับการช่วยให้พ้นจากบรรดาศัตรูของข้าพเจ้า ' 2 ซามูเอล 22:2-4 ดาวิดยกย่องพระเจ้าว่าเป็นศิลาและป้อมปราการ ภาพของศิลาและป้อมปราการหมายถึงที่หลบภัยที่มั่นคง แข็งแกร่ง ที่ป้องกันศัตรูที่ปลอดภัย ดาวิดเคยต้องหนีซาอูล ต้องหลบตามถ้ำและภูเขา แต่เมื่อเขามองย้อนกลับไป เขาเห็นว่าพระเจ้าต่างหากที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริงของเขา ดาวิดประกาศว่า พระเจ้าคือโล่ที่ปกป้องเขา พลังแห่งความรอดที่ช่วยให้ผ่านทุกครั้ง และเป็นที่กำบังอันแข็งแกร่งที่มั่นใจได้ว่า ชีวิตของเขาอยู่ในพระหัตถ์อย่างปลอดภัย เพลงนมัสการไม่ใช่เพียงเพลงที่ร้องๆไป แต่เป็นเพลงที่เราร้องด้วยความจริงเพราะรู้จักพระเจ้าที่เรายกย่องเทิดทูน ขอให้ชีวิตของเราจะนมัสการพระเจ้าที่เรารู้จัก ไม่ใช่เข้ามานมัสกการเพราะเป็นพิธีที่ต้องมา และให้ชีวิตของเรายืนยันในเพลงที่ร้องว่าเป็นความจริง'พระองค์เท่านั้นทรงเป็นศิลาและความรอดของข้าพเจ้า ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว ' สดุดี 62:6 แม้ว่าชีวิตจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ทุกข์ใจที่ยากลำบาก ขอให้เราแน่ใจว่าเรามีพระเจ้าผู้เป็นศิลา เป็นป้อมปราการ เป็นที่ลี้ภัย เมื่อเรารู้ว่าพระองค์เป็นเช่นนี้ เราจะไม่หวั่นไหว เราจะมีความมั่นใจในพระเจ้า และเราก้าวเดินต่อด้วยความเชื่อ ขอให้เราใช้ชีวิตของเราเพื่อยืนยันความเชื่อว่าชีวิตในพระองค์คือชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคงที่สุดของเรา วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน เปิดทาง Ep.1396'พวกฟีลิสเตียมาทำสงครามกับคนอิสราเอลอีก ดาวิดก็เสด็จลงไปพร้อมกับบรรดาข้าราชการทหารของพระองค์ และทรงสู้รบกับคนฟีลิสเตีย และดาวิดก็ทรงอ่อนเพลีย ' 2 ซามูเอล 21:15 นี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่บอกเราว่า ดาวิดไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิมอีกแล้ว กษัตริย์ที่เคยเป็นนักรบที่แข็งแรง ถึงเวลาที่เขาอ่อนเพลียในสนามรบ เรื่องราวนี้อยู่ใน 2 ซามูเอล 21:15-22 เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเปลี่ยน ดาวิดต้องยอมปล่อยและเปิดทางให้คนรุ่นใหม่มาทำหน้าที่สู้รบแทน ถ้าพวกเราได้ไปอ่านจะพบว่า คนฟิลิสเตียศัตรูในครั้งนี้ไม่ใช่คนไซด์ปกติแต่เป็นคนยักษ์ อาบีชัยเข้ามาช่วยและจัดการคนยักษ์ได้สำเร็จ หลังจากนั้นเหล่าทหารก็มาขอไม่ให้ดาวิดออกมารบด้วยอีก ในตอนท้ายของบทยังบันทึกว่า ในการรบครั้งต่อ ๆ มาคนของดาวิดก็จัดการกับยักษ์อีกหลายคนจนหมดสิ้น แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมคนที่แข็งแรงขึ้นมาช่วยงานของดาวิด ทุกคนมีเวลา มีขีดจำกัด ดาวิดเองยอมรับความจริงว่าร่างกายไม่เหมือนเดิม พวกเราเองด้วยนะครับ เราต้องยอมรับความจริงนี้และต้องยอมเปิดทางให้บางคนที่พระจ้าเตรียมไว้มาช่วยเราเพื่องานของพระเจ้าจะยั่งยืน ดังนั้นเราต้องเตรียมคนหรือเตรียมทีมที่จะมาสานงานต่อ'สองคนดีกว่าคนเดียว เพราะว่าเขาทั้งสองได้รับรางวัลดีสำหรับการตรากตรำของพวกเขา เพราะว่าถ้าพวกเขาล้มลง คนหนึ่งจะได้พยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น แต่วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง และไม่มีใครพยุงเขาให้ลุกขึ้น ' ปัญญาจารย์ 4:9-10 นี่คือภาพของคนของพระเจ้าที่คอยช่วยเหลือกัน ขอพวกเราอย่าฝืนทำทุกอย่างคนเดียวจนเกินกำลัง แต่ขอให้เรามองหาและเปิดทางที่จัลงทุนสร้างคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะสานต่อพันธกิจของพระเจ้า เราต้องระวังความคิดของเราให้ดี เราอาจจะคิดว่างานนี้ขาดเราไม่ได้ คนของพระเจ้าที่แท้จริงจะรู้ว่าเมื่อไรควรหยุดพัก และคนนั้นจะสามารถวางใจคนอื่นให้ก้าวขึ้นมารับช่วงต่อได้ งานของพระเจ้าไม่เคยขึ้นอยู่กับคน ๆ เดียว แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้นำ และพระองค์จะนำคนของพระองค์ผ่านหลายคนหลายรุ่น และงานนั้นจะสำเร็จ ขอให้เราจะมองหาและเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่172) เป้าหมายในชีวิตของคุณคืออะไร? “ดังนั้นข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งแข่งโดยไม่มีเป้าหมาย ข้าพเจ้าไม่ได้ต่อสู้เหมือนอย่างนักมวยที่ชกลม” ~1 โครินธ์ 9:26 THSV11 “So I run—but not without a clear goal ahead of me. So I box—but not as if I were just shadow boxing.” ~1 Corinthians 9:26 GW คำว่า“เป้าหมาย” หมายถึง “จุดที่มุ่งหมายไปสู่, ความมุ่งหมายเจาะจงเพื่อ ให้ได้ตามต้องการ.” คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า “การตั้งเป้าหมายคือก้าวแรกแห่งการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มองไม่เห็น ให้กลายเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ !” (Setting goals is the first step in turning the invisible into the visible.) – Tony Robbins อาจารย์เปาโลเป็นคนตั้งเป้าหมายอยู่เสมอ ท่านจึงไม่ลงมือทำอะไรโดยไร้เป้าหมาย และมัก กล่าวถึง การตั้งเป้าหมายอยู่บ่อยครั้งในพระคัมภีร์ อาทิ1.เป้าหมายในการประกาศข่าวประเสริฐ “อันที่จริงข้าพเจ้าได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะประกาศข่าวประเสริฐในที่ซึ่งไม่เคยมีใครออกพระนาม พระคริสต์มาก่อน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ก่อขึ้นบนรากฐานที่คนอื่นได้วางไว้ก่อนแล้ว” ~โรม 15:20 THSV112.เป้าหมายในการดำเนินชีวิตและในการประกอบอาชีพการงาน “และจงตั้งเป้าว่าจะอยู่อย่างสงบ และทำกิจธุระส่วนของตน และทำงานด้วยมือของตนเอง เหมือนอย่างที่เรากำชับท่านแล้ว” ~1 เธสะโลนิกา 4:11 THSV113.เป้าหมายในการที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัยไม่ว่าจะเป็นหรือตาย “ฉะนั้นเราตั้งเป้าว่าจะอาศัยอยู่ในกายนี้ก็ดีหรือจะจากไปก็ดี เราก็จะเป็นคนที่พระเจ้าพอพระทัย” ~2 โครินธ์ 5:9 THSV11 การตั้งเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อทุกๆมิติในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายด้านกาย จิต หรือวิญญาณ มีข้อคิดและบทเรียนดีๆ เกี่ยวกับเรื่องเป้าหมาย จากข้อความต่อไปนี้ คุณชอบข้อใดมากที่สุด? ทำไม? … 1.เป้าหมายคือเข็มทิศ ที่พาเราไปสู่ทิศทาง ไม่ใช่เพียงความฝันที่ล่องลอย” (A goal is a compass that gives direction, not just a dream that drifts.) …2.“การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน คือการทำให้อนาคตเป็นรูปร่างตั้งแต่วันนี้” (Clear goals shape the future, starting from today.) …3.“เป้าหมายที่ดีไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราสบาย แต่คือสิ่งที่ทำให้เราเติบโต” (A good goal is not what makes us comfortable, but what makes us grow.) …4.“การตั้งเป้าหมายโดยไม่มีการลงมือทำ ก็ไม่ต่างจากการวาดแผนที่แล้ว ไม่เคยก้าวไปตามนั้น” (Setting goals without action is like drawing a map and never taking a step.) …5.“เมื่อเป้าหมายเชื่อมโยงกับพระประสงค์ของพระเจ้า ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยความหมาย” (When our goals align with God's purpose, life becomes truly meaningful.) พี่น้องที่รัก ขอจงจดจำไว้เสมอว่า “ คุณไม่เคยแก่เกินกว่าที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ หรือที่จะมีฝันใหม่ๆในชีวิตของคุณ!” (You are never too old to set another goal or to dream a new dream.) – C.S. Lewis. ดังนั้น วันนี้ ขอให้คุณจงตั้งเป้าหมายที่มีคุณค่า และมีคุณประโยชน์ต่อ~ตัวคุณ ~ครอบครัวของคุณ~คริสตจักรของคุณ และ~โลกนี้ … จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 19กันยายน2025 (ตอนที่172 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่171) พระเจ้าที่คุณควรจะแสวงหา! “จิตใจข้าพระองค์กระหายหาพระเจ้า หาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เมื่อไรข้าพระองค์จะได้มาเห็นพระพักตร์พระเจ้า?” ~สดุดี 42:2 THSV11 “My soul thirsts for God, for the living God. When can I go and meet with God?” ~Psalms 42:2 NIV เราควรแสวงหาพระเจ้า ด้วยใจกระหายที่จะรู้จักและมีสัมพันธภาพกับพระองค์เป็นส่วนตัวอย่างลึกซึ้ง พระเจ้าองค์นี้มีความพิเศษเหนือพระและเจ้าองค์ใดๆในโลกนี้ อย่างไรบ้าง? 1. พระเจ้ายิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะเข้าใจพระองค์ได้หมด “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจ แต่ทรงใกล้ชิดเกินกว่าจะทอดทิ้งใครสักคน”(God is too great to be fully understood, yet too near to ever abandon anyone.)2.พระเจ้าเป็นผู้ที่เราไว้วางใจได้อย่างสิ้นเชิง“เมื่อเราวางใจในพระเจ้า ความกลัวจะถูกแทนที่ด้วยความสงบสุข”(When we trust God, fear is replaced by peace.)3.พระเจ้ารักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข“ความรักของพระเจ้าไม่มีเงื่อนไข และไม่มีที่สิ้นสุด”(God's love is unconditional and infinite.)4.พระเจ้ามีกำลังฤทธิ์ที่ไร้ขีดจำกัด“กำลังของเรามีขีดจำกัด แต่กำลังของพระเจ้าไร้ขอบเขต”(Our strength is limited, but God's strength is limitless.)5.พระเจ้าซื่อตรงและซื่อสัตย์ต่อเราเสมอ“พระเจ้าทรงซื่อสัตย์เสมอ แม้ในเวลาที่เราอาจไม่เข้าใจ”(God is always faithful, even when we don't understand.) “ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยสิ้นสุด พระกรุณาของพระองค์ไม่เคยหมดสิ้น ใหม่อยู่ทุกเช้า ความซื่อสัตย์ของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก” ~เพลงคร่ำครวญ 3:22-23 6.พระเจ้ามีแผนการแห่งสวัสดิภาพเพื่อให้เรามีอนาคตและมีความหวัง“พระเจ้าตรัสว่า เรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อความหายนะ เพื่อจะให้เจ้ามีอนาคตและความหวัง” ~ เยเรมีย์ 29:11(For I know the plans I have for you,' declares the Lord, ‘plans to prosper you and not to harm you, plans to give you hope and a future.) ~Jeremiah 29:117.พระเจ้าจะทำทางชีวิตของเราให้ตรงไป เมื่อเรายอมรับพระองค์“จงวางใจในพระเจ้าสุดใจของเจ้า และอย่าอาศัยความเข้าใจของตนเอง จงยอมรับพระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้ทางของเจ้าตรงไป” ~สุภาษิต 3:5-6 (Trust in the Lord with all your heart, and do not lean on your own understanding. In all your ways acknowledge Him, and He will make your paths straight.) ~Proverbs 3:5-68.พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยและกำลังของเรา“พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยและกำลังของเรา เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมเสมอในยามยากลำบาก” ~สดุดี 46:1(God is our refuge and strength, an ever-present help in trouble.) Psalms 46:19. พระเจ้าสถิตกับเรา เสริมกำลังและช่วยเรา“อย่ากลัวเลย เพราะเราสถิตอยู่กับเจ้า อย่าท้อใจเลย เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า” ~อิสยาห์ 41:10 (So do not fear, for I am with you; do not be dismayed, for I am your God. I will strengthen you and help you.” ~Isaiah 41:10 พี่น้องที่รัก ถ้าพระเจ้าองค์เที่ยงแท้องค์นี้ทรงเป็นที่พึ่งพิงและพึ่งพาสำหรับท่านได้เช่นนี้ ท่านก็ควรที่จะเชื่อ ไว้วางใจและติดตามพระองค์ตลอดชีวิตของท่านในโลกนี้ เพื่อท่านจะได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์ร่วมกับพระองค์ตลอดนิรันดรกาล! …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 18กันยายน2025 (ตอนที่171 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน วางใจแม้ไม่เข้าใจ Ep.1395 หลังจากกฎบเชบาได้ถูกจัดการแล้ว โยอาบก็กลับไปเยรูซาเล็ม แล้วเขาก็ได้ตำแหน่งแม่ทัพคืน ในช่วงต้นของ 2 ซามูเอล 21 กำลังพูดถึงสถานการณ์บางอย่างที่หาคำตอบไม่ได้ว่า ทำไม หากพวกเราอยู่ในช่วงเวลาแบบนั้น ขอให้เราทำตามสิ่งที่ดาวิดทำนะครับ'ในสมัยของดาวิดมีการกันดารอาหารอยู่สามปี ปีแล้วปีเล่า และดาวิดก็ทูลถามพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เพราะซาอูลและพงศ์พันธุ์ของเขาแปดเปื้อนโลหิต พวกเขาฆ่าคนกิเบโอน” ' 2 ซามูเอล 21:1 สิ่งที่ดาวิดทำคืออธิษฐาน และเมื่อได้รับคำตอบจากพระเจ้าเขาก็เริ่มสวนถามเรื่องราวนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่าเพราะซาอูลไปละเมิดคำสัญญากับคนกิเบโอน ดาวิดจึงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยทำตามคำขอของคนกิเบโอน แต่เรื่องนี้ดาวิดเองก็รอบคอบพอที่จะไม่ไปละเมิดคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับโยนาธาน ในข้อ 14 หลังจากนั้นพระเจ้าก็ทรงสดับคำอธิษฐานเพื่อแผ่นดินนั้น ขอพวกเราไปดูรายละเอียดในพระวจนะของพระเจ้าเองด้วยนะครับ กลับที่เรา สำหรับเราบางเรื่องที่เรายังคงไม่เข้าใจ อธิษฐานแล้วแต่ยังไม่พบคำตอบ ผมอยากให้กำลังใจพวกเราว่า ให้เรายังคงเชื่อและวางใจในพระเจ้าเสมอ แต่ในเวลาที่เราสงสัยนั้นความรู้สึกที่อ่อนไหวอาจจะพาเราไปสู่ความโดดเดี่ยว อ้างว้าง ความจริงคือเราไม่ได้อยู่ลำพัง วันนี้พระเยซูขอพระเจ้าประทานผู้ช่วยคือพระวิญญาบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธ์มาสถิตอยู่ในเราที่เชื่อวางใจในพระเยซู พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วย นำให้เราเข้าใจพระทัยและนำเราสู่ความจริงของพระเจ้า 'ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะอธิษฐานขออะไรอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ ' โรม 8:26 ขอให้เราพึ่งพาในพระเจ้ากับทุกเรื่อง เริ่มต้นด้วยการอธิษฐาน ไม่ใช่พยายามหาคำตอบด้วยตัวเอง แต่หากคำตอบของพระเจ้าไม่ตรงกับใจของเรา ขอให้เรายอมรับและเชื่อฟัง แต่การเชื่อฟังนั้นก็ไม่ง่ายเพราะเราอาจจะต้องปฎิเสธหรือตัดความต้องการของตัวเองออกไป แต่ขอให้เรายอมรับว่าพระเจ้าทรงรู้ว่า อะไรดีที่สุดสำหรับเรา อะไรที่จำเป็นในเวลาไหน ให้เรายังวางใจว่าพระองค์ควบคุมทุกสิ่ง แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจแต่ให้เรายังเชื่อและวางใจในพระเจ้าผู้ทรงเป็นผู้ควบคุมทุกอย่างเสมอ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน เอาคืนด้วยการอภัย Ep.1386 เมื่อเราตกเป็นฝ่ายที่ถูกทำร้าย ถูกสบประมาท หรือถูกสาปแช่ง การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่ดาวิดทำกับชิเมอีเป็นบทเรียนสำคัญที่สอนเราว่า เราต้อวเลือกให้อภัย้พื่อยืนยันความเป็นลูกของพระเจ้า ใน 2 ซามูเอล 19:16–23 ดาวิดได้กลับคืนสู่อำนาจ ชิเมอีที่เคยซ้ำเติมดาวิดในเวลาที่ตกต่ำอย่างมาก เขารีบนำคนเผ่าเบนยามินมาขอโทษ มาขอให้ดาวิดไม่จดจำความผิดของเขาโดยยอมรับว่าตัวเองทำผิดต่อดาวิด และบอกว่าเขารีบมาเป็นคนแรกเพื่อต้อนรับกษัตริย์ดาวิดกลับบ้าน แต่อาบีชัยก็โกรธซึ่งคำขอของเขาก็เหมือนเดิม เหมือนใน 2 ซามูเอล 16 เขาขอให้จัดการชิเมอี และคำตอบของดาวิดในครั้งนี้ก็คล้ายๆกัน'แต่ดาวิดตรัสว่า “บุตรทั้งสองของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีธุระอะไรกับท่าน ซึ่งในวันนี้ท่านจะมาเป็นปฏิปักษ์กับเรา ในวันนี้น่ะควรที่จะให้ใครในอิสราเอลมีโทษถึงตาย ในวันนี้เราไม่ทราบหรือว่า เราเองเป็นกษัตริย์ครอบครองอิสราเอล?” ' 2 ซามูเอล 19:22 นี่เป็นคำตอบที่ไม่ยอมรับข้อเสนอที่หนักแน่นมาก ดาวิดเลือกที่จะให้อภัยมากว่าใช้ความกลัวควบคุมคน แล้วดาวิดก็ประกาศว่า ชิเมอีจะไม่ตาย เราอาจจะมองเหมือนอาบีชัยว่าเขาสมควรตาย ผมขอเล่ากระโดดข้ามว่าในที่สุดชิเมอีก็โดนประหารชีวิตโดยซาโลมอน มุมมองในวันนี้เกิดขึ้นจากดาวิดที่สอดคล้องกับสิ่งที่พระเยซูสอนซึ่งเป็นหัวใจของพระเจ้า ในเรื่องการให้อภัย'จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย ' โคโลสี 3:13 การให้อภัยไม่ใช่เพียงแค่ยกโทษให้เขา แต่คือทางเลือกที่ตัวเราจะเป็นอิสระจากความขมขื่น จากความเจ็บแค้น และเริ่มวางใจว่าพระเจ้าจะเป็นผู้จัดการเขาเองในเวลาของพระองค์ ในพันธสัญญาใหม่พระเยซูกำชับเราเรื่องนี้อย่างมาก และผมขอสรุปจาก'อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี' โรม 12:21 วิธีการของพระเจ้าแตกต่างจากวิธีของโลกอย่างสิ้นเชิง โลกบอกว่าต้องจัดการให้สิ้นซาก แต่พระเยซูสอนให้เราให้อภัย ให้อวยพรคนที่แช่งด่าท่าน วันนี้เราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว ขอให้เราจะยืนยันการเป็นลูกด้วยความรักของพระองค์ที่เราจะยอมให้อภัยผู้คน และเอาชนะความชั่วทุกอย่างด้วยความดีของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน กล้าสร้างความแตกต่าง Ep.1394 ปัญหาความขัดแย้งที่ไม่จัดการสามารถบานปลายกลายเป็นความเสียหายใหญ่โตได้ เราพร้อมจะเป็นคนที่ลุกขึ้นมาจัดการปัญญาและหยุดความรุนแรงและการสูญเสียไหม หญิงคนหนึ่งในเมืองอาเบลเป็นตัวอย่างกับเรา เธอกล้าหาญและใช้สติปัญญาของเธอเพื่อหยุดความรุนแรงและการสูญเสียในบ้านของเธอ 2 ซามูเอล 20:14–22 เชบาหนีไปเมืองอาเบล และคนในเมืองก็หันไปติดตามเขา โยอาบและกองทัพมาล้อมเมืองไว้ ทหารทั้งหมดที่อยู่กับโยอาบก็จะทลายกำแพง 'มีหญิงฉลาดคนหนึ่งร้องออกมาจากในเมืองว่า “ขอฟังหน่อย ขอฟังหน่อย ได้โปรดบอกโยอาบให้เข้ามาใกล้ ฉันอยากจะพูดกับท่าน” ' 2 ซามูเอล 20:16 หญิงฉลาดคนนี้มาขอเจรจา เธอถามว่าทำไมต้องทำลายเมืองนี้ เมื่อทราบว่าปัญหาคือเชบา เธอกลับไปทำให้คนในเมืองมอบศีรษะของเชบาให้โยอาบ เมืองจึงรอดพ้นจากการถูกทำลาย เพียงผู้หญิงคนเดียวที่ในยุคนั้นที่เธอไม่น่าจะมีสิทธิ์อะไร แต่เธอใช้ความกล้าหาญและคำพูดที่เต็มด้วยสติปัญญา ทำให้คนทั้งเมืองรอด ผู้หญิงคนนี้ไม่เลือกใช้ความเงียบที่จะอยู่เฉย ๆ แล้วไม่เดือดร้อนอะไร แต่เธอกล้าหาญที่จะพูดในเวลาที่เหมาะสม ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่าง'“คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก ' มัทธิว 5:9 วันนี้โดยพระเยซูเราได้รับฐานะในการเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว ขอให้เรายืนยันสิทธิ์นี้ด้วยการเป็นคนสร้างสันติ ขอให้เราอธิษฐานขอความกล้า ขอสติปัญญา และขอให้เรารู้ว่าจะพูดอย่างไรในเวลาที่สำคัญ ขอให้คำพูดและท่าทางของเราจะสร้างสะพาน ไม่ใช่สร้างกำแพง วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
Weekly program from soul food ministries
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่170) รางวัล! “ตั้งแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาที่ชอบธรรมจะประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะประทานแก่ทุกคนที่รักการเสด็จมาของพระองค์” ~2 ทิโมธี 4:8 THSV11 “Now there is in store for me the crown of righteousness, which the Lord, the righteous Judge, will award to me on that day—and not only to me, but also to all who have longed for his appearing.” ~2 Timothy 4:8 NIV บำเหน็จหรือรางวัลจากการประกาศข่าวประเสริฐ คือ1.ความเปรมปรีดิ์ที่เราได้รับสิทธิพิเศษในการร่วมทำตามพระบัญชาของพระคริสต์ ~ทำให้พระเจ้าสุขฤทัยที่มีคนกลับใจเป็นสาวกตามพระประสงค์ “เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์” ~มัทธิว 28:19 THSV112.ความชื่นชมยินดีที่เราได้ประกาศข่าวดี และคนที่เชื่อมีชื่อจดไว้ในสวรรค์ ~ทำให้การสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของพระคริสต์ไม่สูญเปล่า “แต่ว่าอย่าชื่นชมยินดีในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของท่าน แต่จงชื่นชมยินดีที่ชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์”” ~ลูกา 10:20 THSV113.ความตื่นเต้นที่เราเห็นการทรงนำ การจัดเตรียม การปกป้องและการอวยพรของพระเจ้า “สวัสดิภาพและเกียรติของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้า ศิลาแข็งแกร่งและที่ลี้ภัยของข้าพเจ้าคือพระเจ้า” ~สดุดี 62:7 THSV114.ความภูมิใจและความหวังที่เราได้เห็นในชีวิตของคนที่เชื่อเพราะการประกาศของเรา “อะไรเล่าจะเป็นความหวังหรือความชื่นชมยินดี หรือสิ่งภูมิใจของเรา เฉพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเมื่อพระองค์จะเสด็จมา? ก็ไม่ใช่พวกท่านหรือ? เพราะว่าท่านเป็นศักดิ์ศรีและความชื่นชมยินดีของเรา” ~1 เธสะโลนิกา 2:19-20 THSV115.ความเจริญเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณของตัวเราและของคนที่ร่วมประกาศกับเรา “เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง ทุกอย่างที่เขาทำก็จำเริญขึ้น” ~สดุดี 1:3 THSV116.ความโล่งใจของเราที่ไม่มีอะไรฟ้องผิดและไม่มีโลหิตของผู้ใดมาฟ้องร้องเราได้ “ใครจะฟ้องคนที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้? พระเจ้าทรงทำให้พวกเขาเป็นคนชอบธรรมแล้ว” ~โรม 8:33 THSV117.ความปลาบปลื้มใจเพราะคำขอบคุณของผู้ที่ได้รับความรอดหรือความช่วยเหลือจากเรา “ขอทักทายมายังนางปริสคาและอาควิลลา ผู้ร่วมงานกับข้าพเจ้าในพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ ซึ่งได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขอบคุณเขาทั้งสอง ไม่เพียงข้าพเจ้าคนเดียว แต่คริสตจักรทุกแห่งของคนต่างชาติด้วย” ~โรม 16:3-4 THSV118.ความปีติสำหรับคำชมเชยและการยกย่องจากพระเจ้าที่มีต่อเรา “นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด'” ~มัทธิว 25:21 THSV119.ความอิ่มเอมใจกับมงกุฎแห่งชีวิต รางวัลและบำเหน็จนิรันดร์จากพระเจ้าสำหรับเรา “ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควบคุมตัวเองในทุกด้าน พวกเขาทำเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย” ~1 โครินธ์ 9:25 THSV1110.ความปรีดาเปี่ยมล้นที่ได้พบคนที่รอดเพราะเราประกาศ มาต้อนรับเราในสวรรค์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่เรารักและคนที่รักเรา)และอยู่่ร่วมกันอย่างเป็นสุขนิรันดร “เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงทำตัวให้มีมิตรสหายด้วยเงินทองอธรรม เพื่อที่ว่า เมื่อสูญเสียมันไปแล้ว เขาจะได้ต้อนรับท่านไว้ในที่อาศัยตลอดไป” ~ลูกา 16:9 THSV11 สรุป รางวัลหรือบำเหน็จที่เราได้รับจากการรับใช้พระเจ้าและการปรนนิบัติผู้อื่นตามพระประสงค์ของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประกาศข่าวประเสริฐ ทั้งในขณะที่อยู่ในโลกนี้และในสวรรค์นิรันดร์กาล จะรวมถึง: 1.ความรอดของคนทั้งหลาย 2.ความชื่นชมยินดีในพระคริสต์ 3.คำชมเชยและคำยกย่องจากพระเจ้า 4.มงกุฎและรางวัลนิรันดร์ในสวรรค์ 5.ความสันติสุขแท้ที่ได้รับจากการทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์ และพระพรนานประการสำหรับเรา และคนอีกมากมายมีคำกล่าวไว้ว่า “รางวัลแท้จริงไม่ใช่ชื่อเสียงชั่วคราวบนโลกนี้ แต่คือเกียรติอันถาวรนิรันดร์ในสวรรค์!“ (True reward is not earthly recognition, but eternal honor in heaven.) ดังนั้น พี่น้องที่รัก ขอให้เราจงประกาศข่าวประเสริฐต่อไป อย่าได้หยุดจนกว่าพระเยซูคริสต์ จะเสด็จกลับมา …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 17กันยายน2025 (ตอนที่170 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน วิธีจัดการความแค้น Ep.1393 เราจะตอบสนองอย่างไร เมื่อถูกลดตำแหน่งหรือสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิต โยอาบเป็นตัวอย่างของคนที่เลือกใช้ความรุนแรงตอบสนองความเจ็บปวดในใจ สันดารบาปของมนุษย์มักแก้ปัญาด้วยความรุนแรง แต่วิถีของมนุษย์ใหม่ในพระเยซูทางออกคือความรัก ผมเชื่อว่าเโยอาบเจ็บปวดเพราะถูกลดตำแหน่ง เขาทำทุกอย่างเพื่อช่วยดาวิดแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคืนการสูญเสียอำนาจไปให้อามาสา เมื่ออาบีชัยน้องชายนำกำลังพลไปตามเชบา โยอาบก็ไปด้วย เมื่อมาถึงเมืองกิเบโอนอามาสาก็ตามมาถึง โยอาบนักรบผู้ชำนาญศึกเขามีอาวุธประจำกายเสมอ'โยอาบจึงถามอามาสาว่า “พี่ชายของข้า สบายดีหรือ?” และโยอาบก็เอามือขวาจับเคราอามาสาจะจูบเขา แต่อามาสาไม่ได้ระวังดาบซึ่งอยู่ในมือของโยอาบ โยอาบจึงเอาดาบแทงท้องอามาสาไส้ทะลักถึงดิน ไม่แทงครั้งที่สอง แล้วเขาก็ตาย แล้วโยอาบกับอาบีชัยน้องชายของเขาก็ไล่ตามเชบาบุตรบิครีไป ' 2 ซามูเอล 20:9-10 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โยอาบทำแบบนี้ เขาเคยจัดการอับเนอร์แบบนี้ (ดู 2 ซามูเอล 3) โยอาบใช้รอยยิ้มปกปิดความอำมหิตเพื่อกำจัดคู่แข่งและทวงคืนอำนาจกลับมา คนของโยอาบก็ไปบอกคนที่ตามอามาสามาว่า “ใครเห็นด้วยกับโยอาบและใครอยู่ฝ่ายดาวิดให้ผู้นั้นติดตามโยอาบไป” ซึ่งคนของอามาสาทั้งหมดก็ตามโยอาบไป พวกเขาจึงนำศพของอามาสาไปทิ้งในทุ่งนา การแก้แค้น แก้ปัญหาด้วยความรุนแรงไม่มีทางนำผลลัพธ์ที่ดีมาให้ สิ่งที่ได้รับก็มีเพียงความสะใจ พระเยซูเป็นผู้นำเราสู่วิถีของมนุษย์ใหม่ พระเยซูทรงเรียกและเลือกเราสู่วิธีที่แตกต่างคือการให้อภัย'“ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า ‘ตาแทนตา และฟันแทนฟัน' ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย ' มัทธิว 5:38-39 หากเราตอบโต้ด้วยความรุนแรงเราอาจจะชนะ แต่ในระยะยาวแล้วชัยชนะนั้นจะโดดเดี่ยวมาก วิธีของพระเยซูคือการให้อภัย ซึ่งจะทำให้เราเป็นอิสระจากความขมขื่นใจ ผมอยากให้เราชนะทุกสิ่งด้วยความรักของพระเยซู ในทุกเรื่องราวให้เราคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่า ชนะไปแล้วเราได้อะไร สิ่งที่ได้รับนั้นมีประโยชน์ในทางของพระเจ้าไหม มีประโยชน์กับพระกายของพระคริสต์หรือคริสตจักของพระเยซูหรือเปล่า ความสะใจจากการแก้แค้นจบลงแค่วันนั้น แต่ความสุขขอวการให้อภัยคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ขอพระเจ้านำให้เราเชื่อฟังในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ผมเข้าใจว่า ยากครับ แต่เชื่อว่าเราทำได้แน่ๆด้วยกำลังที่มาจากพระเจ้า ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ เราก้าวไปสู่หัวใจของพระเจ้าด้วยกันครับ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่168) เพื่อน VS พี่เลี้ยง? “ข้าพระองค์เป็นเพื่อนกับทุกคนที่ยำเกรงพระองค์ กับคนที่ปฏิบัติตามข้อบังคับของพระองค์” ~สดุดี 119:63 THSV11 “I am a friend of all who serve you, of all who obey your laws.” ~Psalm 119:63 GNT หากคุณเป็นสมาชิกในโบสถ์ใดโบสถ์หนึ่ง แล้วคุณไม่มีเพื่อนหรือพี่น้องเลย1.เพราะไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกับคุณ หรือ2.เพราะคุณไม่อยากเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกับใคร นั่นแสดงว่า คุณกำลังมีปัญหาแล้ว! เพราะเป็นไปไม่ได้เลย1. ที่คุณจะอยู่ในบ้านโดยไม่มีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับคนในครอบครัวของคุณเอง 2.ที่คุณจะอยู่ในคริสตจักร แต่คุณไม่รู้จัก หรือไม่สนิทสนมกับใครผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว แต่หากว่าคุณเป็นหรือทำเช่นนั้น ก็ต้องขอย้ำอีกครั้งตัวคุณมีปัญหาแล้ว! ดังนั้น ก่อนที่คุณ จะไปต่อว่าหรือตำหนิผู้อื่น ก็ขอให้คุณจงพิจารณาตัวคุณเองก่อน! ต่อให้คนอื่นมีปัญหาและไม่สนใจที่จะเป็นเพื่อนหรือเป็นพี่น้องกับคุณ คุณก็ไม่ควรทำตัวให้มีปัญหาอย่างที่พวกเขาเป็น เพราะว่าทุกอย่างนั้นล้วนขึ้นอยู่กับตัวคุณเองทั้งสิ้น! ใช่ครับ ไม่ว่าจะในบ้านหรือในโบสถ์ คุณสามารถเดินเข้าหาใครก็ได้ เพื่อเป็นเพื่อนหรือเป็นพี่น้องที่น่าคบหาสำหรับเขาได้ หากว่าคนที่ 1 ไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ ก็จงไปหาคนที่ 2 หากคนที่ 2 ไม่ตอบสนอง ก็จงไปหาคนที่ 3, 4, 5, 6 หรือ 7 ฯลฯ ผมรับรองได้เลยว่า หากคุณอดทน และทำตัวดี ในไม่ช้า คุณก็จะได้เพื่อนหรือพี่น้องใหม่อย่างแน่นอน แม้แต่ในที่ ๆ คุณคิดว่าไม่มีใครสนใจคุณ (ผมรู้เพราะว่าผมทำมาแล้ว!) ผมขอแนะนำให้คุณอธิษฐานต่อพระเจ้า เพื่อขอเพื่อน พี่น้อง หรือพี่เลี้ยงที่เป็นคนยำเกรงพระเจ้า และปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้าจริงๆ ที่เหมาะสมกับตัวคุณ และเมื่อคุณเสาะหา จนพบ และเฝ้าสังเกตดูชีวิตของเขาจนคุณมั่นใจแล้ว ก็…จงกล้าเข้าไปหาเขาและเปิดเผยความประสงค์ของคุณอย่างจริงใจ…จงขอให้เขาเป็น “พี่เลี้ยง” หรือ“ที่ปรึกษา”ฝ่ายจิตวิญญาณ หากเขามีความสามารถพอ ที่จะช่วยแนะนำแนวทางในการดำเนินชีวิต การทำงาน หรือการรับใช้ให้แก่คุณ!…จงขอให้เขาบอกหรือเตือนสติคุณ ในสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ หรือต้องได้ยิน เพราะการทำเช่นนั้น จะช่วยชีวิตของคุณได้มากในอนาคต! ในทำนองกลับกัน …หากว่า คุณมีใจรักเมตตาคนในบ้านหรือในโบสถ์ของคุณ ก็จงแสดงมิตรไมตรีต่อพวกเขาในทางใดทางหนึ่ง ที่ทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นและรู้สึกมีคุณค่า และ …หากว่า คุณมีศักยภาพพอที่จะเป็นพี่เลี้ยงของใครบางคน ก็จงอธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้าและ จงแจ้งความประสงค์ที่จะขออาสาตัวเป็นพี่เลี้ยงสำหรับใครบางคนแก่ศิษยาภิบาล และขอรับมอบหมายในการดูแลเขา(แต่ควรเป็นเพศเดียวกัน และไม่มีจิตเบี่ยงเบนทางเพศ) ขอให้คุณ…เรียนรู้และเข้าใจในวิถีการดำเนินชีวิตตามวิถีทางของพระเจ้าที่ปรากฏชัดในพระคริสตธรรมคัมภีร์ และ…มีวุฒิภาวะผ่านประสบการณ์กับพระเจ้ามาระดับหนึ่ง …มีใจรักเมตตาต่อผู้อื่นโดยบริสุทธิ์ใจ และ…พร้อมที่จะให้เวลา ลงชีวิตด้วยกันกับเขา ภายใต้การสนับสนุนจากคริสตจักร ขอให้เรามา ช่วยกัน ทำให้คริสตจักรของเรากลายเป็นบ้านอันอบอุ่น ที่ทุกคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้จะ1.รักกันอย่างมีความสุข 2.เจริญเติบโตและมีวุฒิภาวะในฝ่ายจิตวิญญาณ3.ดำเนินชีวิตอย่างมีความเชื่อเข้มแข็งและเป็นหนึ่งเดียวกัน4.กระตือรือร้นในการประกาศข่าวดีอย่างสุภาพอ่อนโยน5.สามารถฟันฝ่าทุกสถานการณ์ไปได้ อย่างมีชัยเสมอ! พี่น้องรัก 1.ขอให้คุณมีทั้งเพื่อนและพี่เลี้ยงในโบสถ์ของคุณ เพราะ “เพื่อนจะบอกคุณถึงสิ่งที่คุณอยากจะรู้ พี่เลี้ยงจะบอกคุณถึงสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้!” (A Friend will tell you what you want to hear. A mentor will tell you. What you need to hear.) 2.ขอให้คุณสามารถพบเพื่อน หรือพี่น้อง หรือพี่เลี้ยงเช่นนี้ ในคริสตจักรที่คุณอยู่ และ 3.ขอให้คุณพร้อมที่จะเป็น เพื่อน เป็นพี่น้อง หรือเป็น 1 ในท่ามกลางพี่เลี้ยงที่คริสตจักรต้องการ อย่างมาก …จะดีหรือไม่ครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 15กันยายน2025 (ตอนที่168 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่169) วิบัติ! “เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าก็ไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะว่าข้าพเจ้าจำต้องทำ และถ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดกับข้าพเจ้า” ~1 โครินธ์ 9:16 THSV11 “For when I preach the gospel, I cannot boast, since I am compelled to preach. Woe to me if I do not preach the gospel!” ~1 Corinthians 9:16 NIV มีคำกล่าวว่า “ความเงียบของเราต่อข่าวประเสริฐ อาจกลายเป็นวิบัติต่อจิตวิญญาณเราเอง!” (Our silence toward the Gospel may become the woe of our own soul. แล้ว “วิบัติ” คืออะไร? ในภาษาไทย หมายถึง “ความพินาศ ความหายนะ ความเสียหายใหญ่หลวง” ในเชิงพระคัมภีร์ มาจากภาษากรีก“ οὐαί”(ouai) หรือภาษาอังกฤษ“ woe ”ที่หมายความว่า“ความทุกข์ลึก, ความน่าสลด, การลงโทษ”ซึ่งเป็นการเตือนถึงความหายนะที่กำลังจะมาถึง “วิบัติ” ที่อาจารย์เปาโลเตือน ก็คือ …ถ้าเราไม่เชื่อฟังพระเจ้า หรือ…ถ้าเราละเลย หรือ ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่พระเจ้ามอบหมาย สิ่งที่จะตามมา ก็อาจเป็น1.ความหายนะทางวิญญาณของเรา คือเกิดอาการจิตวิญญาณตายซาก2.การที่เราถูกลงวินัยในรูปแบบต่างๆ อาทิ ความเจ็บปวด.เจ็บป่วย หรือจบชีวิต3.การถูกลดหรือปลดจากตำแหน่งหน้าที่4.การถูกเรียกของประทานกลับคืน5.การสูญเสียรางวัลและบำเหน็จที่ควรได้รับ6.การถูกโลหิตของคนตายที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ฟ้องเรา7.การถูกมโนธรรมฟ้องตัวเราเองต่อพระเจ้าในวันพระเจ้าพิพากษา นี่เป็นคำเตือนถึง ความจริงจังของพันธกิจในการประกาศข่าวประเสริฐไม่ใช่สิ่งที่เราจะเลือกทำหรือไม่ทำ แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะหลีกเลี่ยงไม่ได้!“วิบัติ” ในพระคัมภีร์ตอนนี้ จึงไม่ได้หมายถึงแค่ความล้มเหลวหรือความโชคร้ายธรรมดาทั่วไป แต่หมายถึง การอยู่ภายใต้การพิพากษา การลงวินัย หรือ การลงโทษของพระเจ้าอาจารย์ เปาโลมีความรู้สึกรุนแรงว่าการออกไปทำพันธกิจในการประกาศข่าวประเสริฐแก่คนทั้งหลายนั้นเป็นหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายโดยตรงให้แก่เราทุกคนที่เชื่อและรับความรอดจากพระเยซูคริสต์ไปกระทำอย่างเร่งด่วนการละเลยที่จะทำเช่นนี้ ถือเป็นว่าเป็นการไม่เชื่อฟัง ซึ่งจะนำมาซึ่ง “ความหายนะฝ่ายวิญญาณ!” ทั้งของตัวเรา และตัวของคนอีกมากมาย! อาจารย์เปาโลได้กล่าวไว้ใน 1 โครินธ์ 9:16–27 สรุปได้ว่า1.เราต้องประกาศข่าวประเสริฐ ~การประกาศข่าวประเสริฐ ไม่ใช่เรื่องเอามาโอ้อวดเกทับกัน แต่เป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ หากเราไม่ทำ ก็หมายความว่า เราไม่เชื่อฟังพระเจ้าและต้องรับผลจากพระองค์ ผลที่ตามมาก็คือ “วิบัติ”(16~18)2.เราควรยอมเป็นคนทุกชนิด เพื่อจะได้ช่วยให้คนรอดได้มากที่สุด นี่คือความเร่งด่วนของพันธกิจนี้(19~23)3.เราควรฝึกฝนตัวเหมือนนักกีฬาที่ฝึกวินัย เพื่อชนะรางวัล ไม่ปล่อยตัว มิฉะนั้นแม้เราจะประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่น แต่ตัวเราเองก็อาจถูก “ตัดสิทธิ์” (disqualified) ก็เป็นได้(24~27) ฉะนั้น พี่น้องที่รัก จงใส่ใจทำตามคำเตือน และรีบห่างไกลออกไปจาก“วิบัติ” นี้ ในทันที …จะดีไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 16กันยายน2025 (ตอนที่169 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่167) เฝ้าเดี่ยวให้เป็นนิสัย แล้วอะไรๆก็จะดีขึ้น(2)“จงแสวงหาพระยาห์เวห์ และพระกำลังของพระองค์ แสวงหาพระพักตร์ของพระองค์เสมอ” ~สดุดี 105:4 THSV11“Look to the Lord and his strength; seek his face always.” ~Psalms 105:4 NIVเราควรมีนิสัยในการเข้าเฝ้าพระเจ้าเป็นประจำทุกวันที่เรียกว่า “การเฝ้าเดี่ยว”สิ่งที่เราควรฝึกฝนกระทำอย่างสม่ำเสมอในเวลา “เฝ้าเดี่ยว” ก็คือ ตื่นขึ้นด้วยใจโหยหาและแสวงหาพระพักตร์ของพระเจ้าอย่างกระตือรือร้นในทุกวันเต็มตื้นด้วยคำสรรเสริญและคำขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันใหม่ที่เป็นดุจของขวัญจากเบื้องบนตรวจดูว่ามีบาปใดบ้างที่เราต้องสารภาพต่อพระเจ้าและให้รีบทำในทันทีตั้งเป้าอธิษฐานขอหัวใจที่ปรารถนาจะรู้จักกับพระเจ้าให้ลึกซึ้งมากขึ้นในแต่ละวันตั้งต้นอ่านพระคัมภีร์เป็นเล่มหรือเป็นบทในแต่ละวัน(โดยอาจเปรียบฉบับคำแปลที่แตกต่างกันอย่างน้อย 2 ฉบับ)ตั้งใจเขียนบทเรียนหรือข้อคิดที่เราได้รับจากการอ่านพระวจนะของพระเจ้า1).ในทันทีที่เราอ่าน หรือ 2).หลังจากที่เราได้ใคร่ครวญในสิ่งที่อ่านนั้นมาชั่วขณะหนึ่งแล้วตอบสนองต่อสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเราโดย1).นิ่งสงบต่อพระพักตร์ของพระเจ้าด้วยก.ท่าที และข.ท่าทาง แห่งการถ่อมใจและยำเกรงพระเจ้า2).สนองตอบแต่ละเรื่องเป็นส่วนตัวอย่างเจาะจงตรึกตรองและใคร่ครวญข้อพระธรรมหรือคำใดคำหนึ่งที่รู้สึกแตะต้องใจเราเป็นพิเศษ และให้พระเจ้าทรงนำและช่วยเราให้กระจ่างในพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์ (สดุดี 119:47-48)ต่อยอดข้อพระธรรมหรือสิ่งที่ได้อ่าน 1).โดยค้นคว้าหาอ่านข้อมูลเบื้องหลังพระธรรมตอนนั้นหรือคำ ๆ นั้นเพิ่มเติม จากหนังสือหรือแหล่งอธิบายพระคัมภีร์ที่เชื่อถือได้2).โดยใช้ข้อหรือบทพระธรรมตอนที่อ่านนั้นก.เป็นคำอธิษฐานต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ข.เป็นแนวทางในการอธิษฐานเผื่อครอบครัว คริสตจักร ผู้อื่น สังคม ประเทศชาติ และสถานการณ์ในโลกนี้ตระเตรียมตัวที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและเต็มใจมอบชีวิตของเราให้พระเจ้าทรงนำ 100 %พี่น้องที่รักครับวันนี้ ให้เรามาปรับปรุงและพัฒนานิสัยในการเฝ้าเดี่ยวของเราให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น จนนิสัย อารมณ์ และจิตวิญญาณของเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน…จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 14กันยายน2025 (ตอนที่167 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่166) เฝ้าเดี่ยวให้เป็นนิสัย แล้วอะไรๆก็จะดีขึ้น(1) “ในเวลาเช้ามืดพระองค์ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่สงบ และทรงอธิษฐานที่นั่น” ~มาระโก 1:35 THSV11 “Very early in the morning, while it was still dark, Jesus got up, left the house and went off to a solitary place, where he prayed.” ~Mark 1:35 NIV เราควรมีนิสัยในการเข้าหาพระเจ้าเพื่อขอ 1.สติปัญญา 2.การเปลี่ยนแปลงนิสัยให้ดีขึ้น และ 3.การทรงนำจากพระองค์ เหมือนดังที่ Lailah Gifty กล่าวว่า “จงดำเนินชีวิตของคุณให้ดีที่สุด และจงแสวงหาการทรงนำของพระเจ้าแห่งสวรรค์” (Live your best life, seeking heavenly guidance.) - ขอให้เราตระหนักไว้เสมอว่า นิสัยดีๆและชีวิตดี ๆ มักจะไม่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่จะมาจากการอบรมบ่มนิสัยที่ดีตั้งแต่แบเบาะ นิสัยดีฝ่ายวิญญาณ ก็เช่นกันต้องเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อเรายังเยาว์วัยฝ่ายจิตวิญญาณ! ผู้ที่กลับใจรับความรอดโดยเชื่อในพระคริสต์ จึงเป็นดุจทารกฝ่ายวิญญาณ ที่สมควรได้รับการอบรมบ่มนิสัยที่ดีผ่านการเข้าเฝ้าพระเจ้าเป็นส่วนตัวโดยเร็ว! การเข้าเฝ้าใกล้ชิดพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง จะก่อเกิดนิสัยใหม่ที่พระเจ้าทรงประสงค์ และพัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้าขึ้นมา จนผู้เชื่อใหม่มีนิสัยใจคอ หรือบุคลิกลักษณะที่คล้ายคลึงกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เราเรียกการเข้าเฝ้าพระเจ้าประจำวันนี้เช่นนี้ว่า “การเฝ้าเดี่ยว” การ “เฝ้าเดี่ยว” (การเข้าเฝ้าพระเจ้าส่วนตัวประจำวัน) นี้ มักมีองค์ประกอบดังนี้ 1.การฝัน – คือฝันที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า จะทำและจะเป็นอย่างที่พระเจ้าประสงค์2.การฝืน – คือปฏิเสธธรรมชาติเนื้อหนังที่ฉุดรั้งเราไว้ไม่ให้เจริญเติบโต3.การฝึก – คือการจัดเวลาเพื่อปฏิบัติตามขั้นตอนที่จะทำให้เราเติบโตเข้มแข็งอย่างมีวินัย4.การเฝ้า ~คือการสนทนากับพระเจ้าผ่านการอธิษฐานและการอ่านหรือฟังพระคัมภีร์ เป็นส่วนตัวทุกวัน ใช่ครับ หากเราใฝ่ฝันที่จะเป็น “คนดี” ที่ทำดีอย่างที่พระเจ้าประสงค์ 1.เราต้อง“ฝ่าฝืน”แรงถ่วงลงต่ำตามธรรมชาติที่ทำให้เราอยากปล่อยตัวปล่อยใจไปตาม ความสะดวกสบาย ความสนุกเพลิดเพลิน หรือความอยากที่จะทำอะไรตามใจของตัวเอง และ 2.เราต้อง “ฝึกฝน” ตัวของเราเองทั้งกายและจิตให้มีวินัยในการเข้าเฝ้าใกล้ชิดพระเจ้า ในสถานที่ที่สงบ เพื่อใคร่ครวญพระวจนะเป็นการส่วนตัวและอธิษฐานกับพระองค์ตามลำพัง เป็นประจำทุกวัน ไม่ว่า จะเลือกช่วงเวลาใดของวัน ดุจดังที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง 1.ในเวลาเช้า “ครั้นเวลาเช้ามืดพระเยซูทรงลุกขึ้นแล้วเสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงบเงียบและอธิษฐาน” ~มาระโก 1:35 TNCV 2.ในเวลาค่ำหรือดึก “และเมื่อทรงให้ฝูงชนไปหมดแล้ว พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาตามลำพังเพื่ออธิษฐาน เวลาก็ดึกมาก พระองค์ยังประทับที่นั่นแต่ลำพัง” ~มัทธิว 14:23 THSV11 พี่น้องที่รัก ขอให้เรา มาเริ่มต้นเฝ้าเดี่ยวกับพระเจ้าเป็นส่วนตัว อย่างจริงจังทุกวัน มีวินัยไม่ปล่อยให้มีข้อแก้ตัวหรือข้ออ้างใดมาขัดขวางเจตนารมณ์นี้ เพื่อเราจะได้มีนิสัยและชีวิตที่ดีขึ้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป …จะดีไหมครับ ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 13กันยายน2025 (ตอนที่166 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่165) ความหยิ่งยโสที่ไร้ค่า!“เพราะพระองค์ทรงช่วยประชาชนที่ถ่อมตัวให้รอด แต่ดวงตาที่หยิ่งยโสนั้น พระองค์ทรงทำให้ต่ำลง” ~สดุดี 18:27 THSV11“You save those who are humble, but you humble those who are proud.” ~Psalm 18:27 GNTขอให้เราฟังคำเตือนต่อไปนี้"จงยอมเสียความหยิ่งยโสของคุณเพื่อคนที่คุณรักดีกว่าต้องเสียคนที่คุณรักไปกับความหยิ่งยโสที่ไร้ประโยชน์ของคุณ!"“It is better to lose your pride with someone you love rather than to lose that someone you love with your useless pride.”- John Ruskinมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยอมแลกคนที่ตนรักกับความเย่อหยิ่งทรนงที่ไร้ค่าของตน หรือยอมสละละทิ้งความสัมพันธ์กับญาติมิตร เพียงเพราะความยโสโอหังของตัวเอง! คนที่เย่อหยิ่ง คือคนโง่คนนั้นที่คิดทะนงว่าตัวเองดีมากกว่า คนอื่น หรือชอบธรรม มากกว่าเสียสละมากกว่าถูกต้องมากกว่ามีมากกว่าเก่งมากกว่า ฉลาดมากกว่า หรือบริสุทธิ์มากกว่าคนอื่นฯลฯยิ่งเชื่ออย่างนั้น ก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเองถูกต้อง 100% และเมื่อยิ่งมั่นใจว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก ก็จะยิ่งก้าวร้าว ยิ่งพร้อมลุยชนทุกคน~ไม่มีความเกรงใจเหลืออยู่~ไม่มีแม้แต่สัมมาคารวะ~ไม่มีกระทั่งน้ำใจให้แก่กันทั้ง ๆ ที่เป็นมิตร พี่น้อง หรือคนเคยรักกันมาก่อนความหยิ่งยโสจะ~ทำลายมิตรภาพ~ทำลายวิจารณญาณ~ทำลายบรรยากาศ~ทำลายความก้าวหน้าขององค์กร~ทำลายความเป็นหนึ่งของชุมชน~ทำร้ายจิตใจผู้อื่นด้วยคำพูดแต่สุดท้ายสิ่งที่ทำนั้นจะย้อนกลับมาทำลายตนเอง!พระคริสตธรรมคัมภีร์เขียนเตือนสติไว้ว่าความเย่อหยิ่งนำหน้าการล้มลง!...วันนี้ หากว่าคุณเริ่มรู้ตัวว่าคุณกำลังเริ่มเดิน~ห่างจากพระเจ้า และ~ห่างจากพี่น้อง เพราะความหยิ่งยโสของตัวคุณ...ก็ขอให้คุณจง~มีสติ ~รีบทูลขอพระเจ้าให้ทรงยกโทษและช่วยคุณให้ถ่อมใจลง~โยนความยโสโอหังอันไร้ประโยชน์เหล่านั้นทิ้งไป~รีบหยิบความถ่อมใจมาสวม และ~ลุกขึ้นออกไปเป็นพรแก่คนอื่นต่อไป...จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 12กันยายน2025 (ตอนที่165 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน มรดกของลูกหลาน Ep.1388 ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีที่เรามีต่อพระเจ้าและผู้อื่น ไม่เพียงส่งผลต่อชีวิตของเราเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นพระพรถึงลูกหลานของเราได้ เรื่องราวของบารซิลลัยชาวกิเลอาดใน 2 ซามูเอล 19:31-40 ทำให้เราเห็นและเป็นพยานว่า สิ่งที่เราทำนั้นสามารถเป็นพระพรความสุขที่ส่งต่อให้ลูกหลานได้ ภาพที่ผ่านมาการกลับมาคืนอำนาจของดาวิดเราได้เห็นคนมารับเสด็จหลายคน แต่วันนี้เราจะเห็นคนที่มาส่งเสด็จ นั่นคือ บารซิลลัยที่นำเสบียงอาหารมาดูแลดาวิดและคนของเขาเมื่อดาวิดมาถึงมาหะนาอิม วันนี้เขาตามมาส่งดาวิดด้วย ซึ่งดาวิดชวนเขาไปอยู่ด้วยแต่เขาปฎิเสธเพราะชรามากแล้ว พระวจนะของพระเจ้านำให้เราเห็นว่าเขาอายุ 80 ปีแล้ว แต่คำว่า ชรามาก ในภาษาเดิมกำลังบอกว่า กายภาพของเขาไม่ไหวแล้ว ในคำตอบของเขาเองยังเสริมด้วยว่าประสาทสัมผัสต่างๆของเขาไม่ดีแล้ว ลิ้นรับรส ตาที่มองไม่ชัด หูก็ไม่ดีแล้ว แต่คำเขามีคำขอ'ขอให้ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทกลับไปเพื่อจะตายในเมืองของข้าพระบาท ใกล้ที่ฝังศพบิดามารดาของข้าพระบาท แต่นี่คือคิมฮามผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท โปรดให้เขาตามเสด็จพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทไป ขอทรงทำต่อเขาแล้วแต่ทรงเห็นควร” ' 2 ซามูเอล 19:37 เขาขอกลับบ้าน และขอให้คิมฮามได้อยู่ในการดูแลของดาวิด แล้วดาวิดก็ทำความเคารพบารซิลลัย แล้วพาคิมฮามไปด้วย ในหนังสืออธิบายพระคัมภีร์ได้ชี้ว่า ดาวิดได้ดูแลเขาและประทานที่ดินให้เป็นมรดก และที่ดินนั้นยังคงเป็นชื่อของเขาอยู่ถึง 400 ปีขึ้นไป ซึ่งปรากฎอยู่ใน เยเรมีย์ 41:17 แม้ว่าในภาษาไทยจะสะกดชื่อคนละแบบว่า เกรูธคิมฮัม แต่ในภาษาเดิมสะกดด้วยคำเดียวกัน และเนื่องจากที่ดินนี้อยู่ใกล้เบธเลเฮม ผู้รู้เกือบทุกคนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นคนเดียวกันเพราะที่นั่นอยู่ใกล้วังของดาวิด ขอให้เรารักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ และปรนนิบัติพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว พระเจ้าประทานพระสัญญาของพระองค์ในอพยพ 20 ว่าโทษของคนที่ละทิ้งพระเจ้าจะตกไปถึงลูกหลาน 3-4 ชั่วอายุคน 'แต่แสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รักเรา และรักษาบัญญัติของเราจนถึงนับพันชั่วอายุคน ' อพยพ 20:6 พระเจ้าจะยังคงรักคนที่รักพระองค์ และรักษาคำสั่งของพระองค์ถึงพันชั่วอายุคน สิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดที่เราจะส่งต่อให้ลูกหลานได้ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง แต่คือมรดกแห่งความเชื่อ ความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีต่อพระเจ้าและคนอื่นๆ สิ่งนี้จะเป็นพระพรถึงลูกหลานของเรา ขอให้เราตั้งมั่นรักษาความรักที่เรามีต่อพระเจ้า ปรนนิบัติพระเจ้าด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจ สิ่งนี้จะส่งผลดีกลับมาหาตัวเราและลูกหลานของเราอย่างแน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่164)ประโยชน์ของจุดพลิกผันในชีวิต!(Turning Points in Life)“พระยาห์เวห์ตรัสแก่อับรามว่า“เจ้าจงออกจากดินแดนของเจ้า จากญาติพี่น้องของเจ้า จากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะสำแดงแก่เจ้า เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรเจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โต แล้วเจ้าจะเป็นพร” ~ปฐมกาล 12:1-2 THSV11”“The Lord had said to Abram,“Go from your country, your people and your father's household to the land I will show you. “I will make you into a great nation, and I will bless you; I will make your name great, and you will be a blessing.”“ ~Genesis 12:1-2 NIVชีวิตของเราอาจจะเผชิญกับจุดพลิกผันอย่างไม่คาดฝัน!หากว่าเรารับมือไม่ได้หรือจัดการได้ไม่เหมาะสม ชีวิตของเราก็อาจจะอับปาง แต่หากว่าเรารับมือได้ดี เราก็อาจรุ่งเรืองรุ่งโรจน์มากยิ่งกว่าที่เราคิดไว้!ดังนั้น จุดพลิกผันในชีวิต จึงมีประโยชน์อย่างมหาศาล หากว่าเรารู้จักมองแล้วจุดพลิกผันของชีวิตมีประโยชน์อะไรบ้าง?จุดพลิกผันของชีวิต ทำให้เราตระหนักว่าอะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง(Turning points help us recognize what truly matters.)จุดพลิกผันของชีวิต ปลุกศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวของเราขึ้นมา(Turning points awaken hidden strengths and potential within us.)จุดพลิกผันของชีวิต นำเราให้เข้าใกล้ชิดและให้พึ่งพระเจ้ามากขึ้น(Turning points draw us closer to God, teaching us to rely on Him.)จุดพลิกผันของชีวิต สร้างความเข้มแข็งอดทนและหล่อหลอมให้เรามีหัวใจที่แข็งแกร่ง(Challenges at turning points build resilience and perseverance.)จุดพลิกผันของชีวิต ทำให้เราเติบโตขึ้นและหลุดพ้นจากความคุ้นชินของเรา(Turning points push us to grow beyond our comfort zones.)จุดพลิกผันของชีวิต เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ที่ดีกว่าและยิ่งใหญ่กว่าเดิม(Turning points open doors to new,better and greater opportunities.)จุดพลิกผันของชีวิต ทำให้เรื่องราวชีวิตเราเป็นพรและกลายเป็นคำพยานแห่งชัยชนะ(Our turning points become testimonies that inspire others.)พี่น้องที่รักขอให้เราพร้อมน้อมรับจุดพลิกผันของชีวิต ไม่ว่าจะมาถึงเราในรูปแบบใดด้วยความเชื่อมั่นและวางใจในพระเจ้าขอให้เราเชื่อฟังและกระทำตามการทรงเรียกและการทรงนำของพระเจ้าเหมือนดังที่อับราฮัมได้กระทำเป็นตัวอย่างเพื่อเราจะได้รับพรจากพระเจ้า มีชื่อเสียงดีและเป็นพรต่อคนอื่นต่อไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า แม้แต่ในท่ามกลางวิกฤตการณ์ของโลกนี้!… จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 11กันยายน2025 (ตอนที่164 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่163) จะเตรียมตัวก่อนรับใช้อย่างไรดี? “จงเตรียมงานของเจ้าที่ข้างนอก จงทำมันให้พร้อมสำหรับเจ้าที่ในนา และหลังจากนั้นก็จงสร้างบ้านของเจ้า” ~สุภาษิต 24:27 THSV11 “Prepare your work outside And get it ready for yourself in the field; Afterward build your house and establish a home.” ~Proverbs 24:27 AMP ไม่ว่าจะทำอะไร เราต้องจัดลำดับสำคัญก่อนหลังให้ ถูกต้องและ ชัดเจน รวมทั้งต้องเตรียมตัวให้พร้อมอย่างเหมาะสมก่อนลงมือทำสิ่งเหล่านั้น การรับใช้พระเจ้าในพันธกิจใดพันธกิจหนึ่งก็เช่นกัน! มีอะไรบ้างที่เราควรเตรียมให้พร้อม?1.เตรียมชีวิตฝ่ายวิญญาณ – ใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้า รับกำลังและสติปัญญาจากพระองค์“แต่บรรดาผู้ที่รอคอยพระเจ้าจะรับกำลังใหม่ จะพุ่งขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี จะวิ่งแล้วไม่เหน็ดเหนื่อย จะเดินแล้วไม่อ่อนแรง” ~อิสยาห์ 40:312.เตรียมความคิดจิตใจ –มีทัศนคติพร้อมเผชิญความยากลำบากและยอมจำนนต่อพระเจ้า “เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลาย ที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” ~โรม 8:28 THSV113. เตรียมด้านความรู้~ในเรื่องต่างๆที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องคำสอนในพระคัมภีร์ “จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง” ~2 ทิโมธี 2:15 THSV11 4.เตรียมทักษะที่สำคัญต่อการรับใช้ ~ในเรื่องการสื่อสารและ การทำงานกับคนและอุปกรณ์ “โดยพระคุณของพระเจ้าที่ประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้ ชำนาญ และอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้น แต่ละคนต้องระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นอย่างไร” ~1 โครินธ์ 3:10 THSV115.เตรียมทรัพยากรที่ต้องมีต้องใช้~จัดหา หรือจัดเตรียมเงินทุน อุปกรณ์ หรือเครื่องมือ “ในพวกท่านมีใครบ้างเมื่อปรารถนาจะสร้างตึก จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอที่จะสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่?” ~ลูกา 14:28 THSV116.เตรียมทีมและคนที่จำเป็น~ สร้างความสัมพันธ์และวางระบบในการทำงานด้วยกันเป็นทีม “เนื่องจากพระองค์นี้เอง ร่างกายทั้งหมดจึงได้รับการเชื่อมและประสานเข้าด้วยกันโดย ทุกๆ ข้อต่อที่ประทานมานั้น และเมื่อแต่ละส่วนทำงานตามหน้าที่แล้ว ก็ทำให้ร่างกายเจริญ และเสริมสร้างตนเองขึ้นด้วยความรัก” ~เอเฟซัส 4:16 THSV117.เตรียมครอบครัว~ให้ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและมีชีวิตสมดุลในงานและในบ้าน “(เพราะถ้าชายคนไหนไม่รู้จักปกครองครอบครัวของตน คนนั้นจะดูแลคริสตจักรของพระเจ้า ได้อย่างไร?)” ~1 ทิโมธี 3:5 THSV118.เตรียมพัฒนาตัวเองและคนอื่นอย่างต่อเนื่อง~ให้เรียนรู้ทันยุคสมัยและตรงความต้องการ “คนมีปัญญาจะได้ยินและเพิ่มพูนการเรียนรู้ และคนที่มีความเข้าใจจะได้การชี้แนะ” ~สุภาษิต 1:5 THSV11 พี่น้องที่รัก หากท่านจะรับใช้พระเจ้าไม่ว่าจะเป็นงานเดิมหรืองานใหม่จงเตรียมตัวและปัจจัยต่างๆให้พร้อมที่สุดก่อนลงมือทำ เพราะว่างานพระเจ้าล้วนมีความสำคัญ เหมือนคำกล่าวที่ว่า“งานพระเจ้าต้องการหัวใจและเครื่องมือ พร้อมทั้งการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด”(God's work requires heart, tools, and wise stewardship of resources.) เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 10กันยายน2025 (ตอนที่163 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน หนูถูกใส่ร้าย Ep.1387 เราทำอย่างไรเมื่อเราถูกใส่ร้าย ในเวลาที่ความจริงถูกบิดเบือน แต่ก็เวลาอีกเช่นกันที่จะช่วยพิสูจน์ความจริงถึงความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเราทั้งต่อพระเจ้าและต่อคนอื่นๆ เรื่องราวของเมฟีโบเชทใน 2 ซามูเอล 19:24–30 เป็นตัวอย่างให้เรายังคงความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีไว้ แม้จะถูกคนใกล้ชิดหักหลัง เมฟีโบเชทเป็นหลานของซาอูล ที่ดาวิดให้ความเมตตาเพราะเป็นลูกชายของโยนาธาน เขาถูกศิบามหาเล็กที่ดาวิดแต่งตั้งให้ดูแลเขาใส่ร้ายในวันที่ดาวิดกำลังหนีอับซาโลม ดาวิดจึงประกาศยกที่ดินทั้งหมดที่สืบทอดมาจากซาอูลให้ศิบา แต่ในวันที่ดาวิดกลับมาความจริงก็ถูกปรากฎ'เมฟีโบเชท พระราชนัดดาของซาอูลก็ลงมารับเสด็จ โดยไม่ได้แต่งเท้าหรือขลิบเครา หรือซักเสื้อผ้าของตนตั้งแต่วันที่พระราชาเสด็จจากไปจนวันที่เสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ ' 2 ซามูเอล 19:24 การไม่ได้แต่งเท้า ขลิบเครา หรือซักเสื้อผ้า ทำให้เห็นถึงความโศกเศร้าและความซื่อสัตย์ที่มีต่อดาวิด เมื่อดาวิดถาม เมฟีโบเชทก็เล่าความจริงว่าถูกศิบาใส่ร้าย ดาวิดจึงตัดสินใจทำโครงการคนละครึ่ง ดาวิดให้แบ่งที่ดินกันคนละครึ่ง แต่เมฟีโบเชทตอบดาวิดอย่างความจริงใจ'เมฟีโบเชททูลพระราชาว่า “เมื่อพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทได้เสด็จกลับสู่พระราชวังโดยสวัสดิภาพเช่นนี้แล้ว ก็ให้ศิบารับไปหมดเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ' 2 ซามูเอล 19:30 เมฟีโบเชมปฎิเสธไม่ขอรับสิ่งใด เพียงแค่เห็นดาวิดกลับมาอย่างปลอดภัยเขาก็โอเคแล้ว ความจริงใจซื่อสัตย์ จงรักภักดีและเวลาจะเป็นเครื่องยืนยันความจริงที่เรามี ที่เราเป็น แม้ว่าบางคนจะเข้าใจผิด แต่ให้เรามั่นใจว่า พระเจ้าทรงรู้ความจริงทุกอย่าง และพระองค์จะทรงพิพากษาทุกคนด้วยความยุติธรรม 'เพราะว่าเราทุกคนจำเป็นต้องปรากฏตัวต่อหน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อแต่ละคนจะได้รับสิ่งที่สมกับการกระทำในกายนี้ ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว ' 2 โครินธ์ 5:10 บัลลังค์นี้ไม่ใช่พระที่นั่งของจอมกัษตริย์ แต่เป็นบัลลังค์ของผู้พิพากษา ขอให้เราระลึกข้อนี้ไว้ให้ดี ที่เราจะไม่ใส่ร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ แต่ถ้าหากเราถูกใส่ร้ายขอให้พระวจนะของพระเจ้านี้เป็นกำลังใจให้เรารักษาความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีไว้ เพราะทุกอย่างจะปรากฎแน่นอนในเวลาของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิตตอน เอาคืนด้วยการอภัย Ep.1386 เมื่อเราตกเป็นฝ่ายที่ถูกทำร้าย ถูกสบประมาท หรือถูกสาปแช่ง การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่ดาวิดทำกับชิเมอีเป็นบทเรียนสำคัญที่สอนเราว่า เราต้อวเลือกให้อภัย้พื่อยืนยันความเป็นลูกของพระเจ้า ใน 2 ซามูเอล 19:16–23 ดาวิดได้กลับคืนสู่อำนาจ ชิเมอีที่เคยซ้ำเติมดาวิดในเวลาที่ตกต่ำอย่างมาก เขารีบนำคนเผ่าเบนยามินมาขอโทษ มาขอให้ดาวิดไม่จดจำความผิดของเขาโดยยอมรับว่าตัวเองทำผิดต่อดาวิด และบอกว่าเขารีบมาเป็นคนแรกเพื่อต้อนรับกษัตริย์ดาวิดกลับบ้าน แต่อาบีชัยก็โกรธซึ่งคำขอของเขาก็เหมือนเดิม เหมือนใน 2 ซามูเอล 16 เขาขอให้จัดการชิเมอี และคำตอบของดาวิดในครั้งนี้ก็คล้ายๆกัน'แต่ดาวิดตรัสว่า “บุตรทั้งสองของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีธุระอะไรกับท่าน ซึ่งในวันนี้ท่านจะมาเป็นปฏิปักษ์กับเรา ในวันนี้น่ะควรที่จะให้ใครในอิสราเอลมีโทษถึงตาย ในวันนี้เราไม่ทราบหรือว่า เราเองเป็นกษัตริย์ครอบครองอิสราเอล?” ' 2 ซามูเอล 19:22 นี่เป็นคำตอบที่ไม่ยอมรับข้อเสนอที่หนักแน่นมาก ดาวิดเลือกที่จะให้อภัยมากว่าใช้ความกลัวควบคุมคน แล้วดาวิดก็ประกาศว่า ชิเมอีจะไม่ตาย เราอาจจะมองเหมือนอาบีชัยว่าเขาสมควรตาย ผมขอเล่ากระโดดข้ามว่าในที่สุดชิเมอีก็โดนประหารชีวิตโดยซาโลมอน มุมมองในวันนี้เกิดขึ้นจากดาวิดที่สอดคล้องกับสิ่งที่พระเยซูสอนซึ่งเป็นหัวใจของพระเจ้า ในเรื่องการให้อภัย'จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย ' โคโลสี 3:13 การให้อภัยไม่ใช่เพียงแค่ยกโทษให้เขา แต่คือทางเลือกที่ตัวเราจะเป็นอิสระจากความขมขื่น จากความเจ็บแค้น และเริ่มวางใจว่าพระเจ้าจะเป็นผู้จัดการเขาเองในเวลาของพระองค์ ในพันธสัญญาใหม่พระเยซูกำชับเราเรื่องนี้อย่างมาก และผมขอสรุปจาก'อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี' โรม 12:21 วิธีการของพระเจ้าแตกต่างจากวิธีของโลกอย่างสิ้นเชิง โลกบอกว่าต้องจัดการให้สิ้นซาก แต่พระเยซูสอนให้เราให้อภัย ให้อวยพรคนที่แช่งด่าท่าน วันนี้เราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว ขอให้เราจะยืนยันการเป็นลูกด้วยความรักของพระองค์ที่เราจะยอมให้อภัยผู้คน และเอาชนะความชั่วทุกอย่างด้วยความดีของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่162) การให้ด้วยใจกว้างขวาง! “เพราะในขณะที่พวกเขาเผชิญการทดสอบมากมายจากความยากลำบากนั้น ความยินดีที่เต็มล้นและความยากจนอย่างที่สุดของพวกเขาได้ล้นออกมาเป็นใจกว้างขวางยิ่ง” ~2 โครินธ์ 8:2 THSV11 “In the midst of a very severe trial, their overflowing joy and their extreme poverty welled up in rich generosity.” ~2 Corinthians 8:2 NIV มีคำกล่าวไว้ว่า “พระเจ้ามองที่หัวใจของผู้ให้ ไม่ใช่ที่ขนาดหรือจำนวนของสิ่งที่ถูกถวาย!“ (God looks at the heart of the giver, not the size of the gift.) ดังนั้นจงสำรวจใจของเรา ว่าถูกต้องหรือไม่ ก่อนที่เราจะถวายสิ่งใดให้พระเจ้าหรือให้แก่ผู้อื่น และถ้าเราจะถวายหรือหรือแบ่งปันสิ่งใด ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง! แล้วการให้ด้วยใจกว้างขวาง มีลักษณะอย่างใด?1.ให้ตามที่คิดหมายไว้ในใจด้วยใจยินดี ~ไม่ใช่จำใจหรือเสียดาย “แต่ละคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่ให้ด้วยความเสียดาย ไม่ใช่ให้ด้วยความจำใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนที่ให้ด้วยใจยินดี” ~2 โครินธ์ 9:7 THSV112.ให้โดยไม่เรียกร้องสิ่งใดเป็นการตอบแทน~ได้รับเปล่าๆ ก็จงให้เปล่าๆ “จงรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย จงทำให้คนตายแล้วเป็นขึ้น จงทำให้คนโรคเรื้อนหายสะอาด และจงขับผีออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆ ก็จงให้เปล่าๆ” ~มัทธิว 10:8 THSV113.ให้อย่างที่พระเจ้าพอพระทัย~ไม่หวงแต่คิดถึงผู้อื่นและช่วยเหลือพวกเขา “อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” ~ฮีบรู 13:16 THSV114.ให้ตามความสามารถ~แต่(บางครั้ง)อาจสุดหรือเกินกว่าความสามารถ “เพราะข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่าพวกเขาถวายตามความสามารถ ที่จริงก็เกินความสามารถ และทำด้วยความสมัครใจ” ~2 โครินธ์ 8:3 THSV11 5. ให้โดยมีความรักเป็นพื้นฐาน~เพราะแม้ให้มากแต่ขาดความรักก็ไร้ค่า“แม้ข้าพเจ้ายกทรัพย์สินทั้งหมดให้คนยากไร้และยอมพลีกายให้เอาไปเผาไฟ แต่ไม่มีความรัก ก็เปล่าประโยชน์” ~1โครินธ์ 13:3 TNCV 6.ให้อย่างถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า~ให้ด้วยความเชื่อฟังและไว้วางใจในพระเจ้า “จงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยทรัพย์สมบัติของเจ้า ด้วยผลแรกจากผลผลิตทั้งปวงของเจ้า แล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มล้น และถังของเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยเหล้าองุ่นใหม่” ~สุภาษิต 3:9-10 TNCV 7.ให้มากมายด้วยความใจกว้าง ~ไม่ตระหนี่คิดเยอะ“จงจำไว้ว่าผู้ที่หว่านอย่างตระหนี่ก็จะเก็บเกี่ยวได้น้อย ผู้ที่หว่านด้วยใจกว้างขวางก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก” ~2โครินธ์ 9:6 TNCVสรุป การให้ด้วยใจกว้างขวาง คือการให้ที่ 1.เต็มไปด้วยความยินดี 2.ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน 3.หนุนใจและช่วยเหลือผู้อื่น(อย่างที่พระเจ้าพอพระทัย) 4.สุดกำลังและบางครั้งอาจเสียสละแบบเกินกำลังบ้าง 5.มีความรักเป็นพื้นฐาน 6.ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าแบบวางใจ 7.มีจำนวนมากแบบไม่คิดเยอะ ขอให้เราจดจำไว้เสมอว่า “ใจที่ให้อย่างกว้างขวาง สะท้อนพระทัยอันแท้จริงของพระคริสต์!“ (A generous heart in giving reflects the very heart of Christ.) ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 9กันยายน2025 (ตอนที่162 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้าน
พระธรรมนำชีวิตตอน ต้องก้าวข้าม Ep.1385 ความผิดพลาด ความแตกแยก หรือความสูญเสีย อาจทำให้ใจของเราเต็มด้วยความลังเลไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี แต่เมื่อถึงเวลาของพระเจ้า พระองค์จะทรงนำการคืนดีและการฟื้นฟูให้เกิดขึ้นเสมอ เรื่องราวของดาวิดที่กลับสู่เยรูซาเล็มหลังเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง ทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้ง และทรงสามารถรวมหัวใจคนให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวได้ เรื่องราวในวันนี้อยู่ใน 2 ซามูเอล 19:8-15 หลังจากที่โยอาบเตือนดาวิดอย่างตรงและรุนแรงแล้ว ดาวิดเลือกที่จะฟัง เขาลุกกลับขึ้นมาทำหน้าที่ ข้อ 8 สำนวนที่ว่า “ดูสิ พระราชาประทับอยู่ที่ประตู” กำลังหมายถึงการกลับมาทำหน้าที่ผู้นำอีกครั้งในที่ทำการของเมือง ประชาชนอิสราเอลก็เริ่มถกเถียงกันว่าจะเชิญดาวิดกลับมาดีไหม ดาวิดเองก็ส่งปุโรหิตไปพูดกับยูดาห์ครอบครัวของเขาให้เป็นฝ่ายแรกที่ต้อนรับให้เขากลับมา ในข้อ 13 เรื่องราวที่สำคัญ ดาวิดได้แต่งตั้งอามาสาแม่ทัพของอับซาโลมขึ้นมาทำหน้าที่แทนโยอาบ ผู้รู้และหนังสืออธิบายว่า นี่เป็นการลงโทษโยอาบที่ไม่ขัดร้องขอให้เบามือกับอับซาโลม แต่โยอาบกลับฆ่าเขา 'กษัตริย์ดาวิดชักจูงจิตใจของคนยูดาห์ทั้งปวงดังกับจิตใจของชายคนเดียว พวกเขาจึงส่งคนไปทูลพระราชาว่า “ขอฝ่าพระบาทเสด็จกลับพร้อมกับข้าราชการทั้งหมด” ' 2 ซามูเอล 19:14 จากคำพูดในข้อ 11-12 ที่ดุเดือดพอสมควรคนเผ่ายูดาห์ที่เคยลังเลว่าจะต้อนรับดาวิดหรือไม่ ตอนนี้พวกเขากลับมีความคิดอย่างเดียวกัน พวกเขาจึงส่งคนไปเชิญดาวิดกลับมา 'พระราชาก็เสด็จกลับและมายังแม่น้ำจอร์แดน และยูดาห์ก็พากันมาที่กิลกาลเพื่อรับเสด็จพระราชาและนำพระราชาเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดน ' 2 ซามูเอล 19:15 เรื่องราวนี้ทำให้เราเห็นว่า ดาวิดยอมก้าวข้ามออกมาจากความเศร้า เขาเลือกฟังคำเตือนแล้วลุกขึ้นมาทำหน้าที่ พวกเราต้องยอมก้าวข้ามและกล้าที่จะกลับมายืนในจุดที่พระเจ้ามอบหมายให้ พระเจ้าทรงทำงานผ่านคนที่ยอม และพระองค์ทรงสามารถทำให้จิตใจของผู้คนที่ขัดแย้งแตกแยกกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเคยแตกร้าวมากเพียงใด พระเจ้าทรงสามารถใช้เราให้เป็นสะพานในการคืนดีได้แน่นอน'จงพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มาจากพระวิญญาณนั้น โดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน ' เอเฟซัส 4:3 การลุกขึ้นและก้าวข้ามความทุกข์ใจของดาวิดไม่ใช่แค่การกลับสู่เมือง แต่เป็นการคืนดีที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ ทุกวันนี้เราก็อาจมี “แม่น้ำจอร์แดน” ที่ขวางกั้นอยู่ระหว่างความสัมพันธ์ที่แตกร้าว ถ้าเรายอมเชื่อฟังพระเจ้า ลุกขึ้นและก้าวข้ามเรื่องราวทุกอย่าง พระเจ้าจะเป็นผู้รวมใจและจะทรงฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเราให้กลับดีขึ้นมาใหม่อีกครั้งแน่นอน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่161) Mercy ความรักเมตตาที่มีให้กัน! “เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่เมตตาต่อคนที่ไม่แสดงความเมตตา ความเมตตาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา” ~ยากอบ 2:13 THSV11 “For God will not show mercy when he judges the person who has not been merciful; but mercy triumphs over judgment.” ~James 2:13 GNT คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้ หรือไม่?“ข้าพเจ้ามักพบว่าความเมตตา ให้ผลดีอันอุดมมากกว่าความยุติธรรมที่เข้มงวด!”(I have always found that mercy bears richer fruits than strict justice.) ~Abraham Lincoln คุณเคยรับความเมตตาจากใครบ้าง ที่คุณไม่เคยลืม? แล้วความเมตตาหมายความว่าอะไร? “ ความเมตตา”(Mercy) หมายความว่า “การสงสาร เห็นอกเห็นใจ และยอมลดหย่อนโทษหรือความเข้มงวดต่อใครบางคน ทั้งๆที่เขาสมควรได้รับ แต่ก็เราเลือกที่จะให้อภัยและช่วยเหลือเขาให้ดีขึ้นแทน” การแสดงความเมตตา มีความสำคัญต่อคริสตจักร อย่างไรบ้าง?1.สะท้อนพระลักษณะของพระเจ้า ให้คนเห็นชัดเป็นรูปธรรม “สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระเมตตากรุณา พระเจ้าแห่งการหนุนใจทุกอย่าง” ~2 โครินธ์ 1:3 THSV112.สร้างสุขให้แก่พระเจ้า คนที่เมตตาและผู้รับความเมตตา “คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ” ~มัทธิว 5:7 THSV113.สมานสัมพันธภาพและคงความเป็นหนึ่งในคริสตจักรผ่านการไม่ทะเลาะกัน “ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่ชอบทะเลาะ แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นอาจารย์ที่เหมาะสมและมีความอดทน” ~2 ทิโมธี 2:24 THSV11 4.เสริมสร้างกันแทนที่จะซ้ำเติมคนผิดพลาดและขยายวงในการทำร้ายคริสตจักร “ถ้าพวกท่านเข้าใจความหมายของพระคัมภีร์ ที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา' พวกท่านก็คงจะไม่ตัดสินลงโทษพวกที่ไม่มีความผิด” ~มัทธิว 12:7 THSV11 5.สำแดงหลักฐานและคำพยานแห่งความรักเมตตาและการอภัยของพระคริสต์แก่โลกนี้ “จงช่วยคนให้รอดด้วยการฉุดเขาออกจากไฟ และจงเมตตาผู้อื่นด้วยความยำเกรงพระเจ้า และจงรังเกียจแม้แต่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนด้วยกายที่เป็นมลทิน” ~ยูดา 1:23 THSV11 6.สาธิตความรักเมตตาของพระคริสต์ให้คนที่เข้ามาในโบสถ์ได้สัมผัสด้วยตนเอง “ถ้าเป็นผู้เตือนสติก็จงเตือนสติ ผู้ที่ให้ ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี” ~โรม 12:8 THSV11 7.แสวงหาโอกาสช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนและผู้ยากลำบากด้วยความเมตตา “เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น”” ~ลูกา 10:37 THSV11พี่น้องที่รัก ขอเชิญชวนให้พวกเรามาช่วยกันทำให้ทั้ง1.ในบ้าน และ2.ในโบสถ์ของเรา อุดมบริบูรณ์ไปด้วยความเมตตา เพราะ “เมื่อคนภายนอกเห็นคริสตจักรเต็มไปด้วยความรักเมตตาจริงๆ พวกเขาก็จะเห็นความดีของพระคริสต์และความงดงามของข่าวประเสริฐอย่างชัดเจน!“ ขอให้เราตระหนักไว้เสมอว่า ความเมตตา เป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์ปรารถนาจากเราอย่างยิ่ง “พวกท่านจงมีใจเมตตากรุณา เหมือนอย่างพระบิดาของท่านมีพระทัยเมตตากรุณา” ~ลูกา 6:36 THSV11 แล้ว วันนี้ คุณพร้อมจะแสดงความเมตตาแก่ใครเป็นคนแรก? …บอกหน่อยได้ไหม? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 8กันยายน2025 (ตอนที่161 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน อย่านานเกิน Ep.1384ความเจ็บปวดจากการสูญเสียเป็นเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงเวลาแห่งความเสียใจนั้น น้ำตาของผู้นำก็ทำให้ผู้ติดตามหมดกำลังใจ เรื่องราวของดาวิดหลังจากอับซาโลมตาย สอนเราว่าการแสดงความรู้สึกเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำ แต่เราต้องวางมันไว้ให้เหมาะสม อีกบทเรียนคือการยอมรับฟังคำเตือนเพื่อเราจะกลับยืนขึ้นมาใหม่ก็สำคัญไม่แพ้กัน ความเสียใจที่เกิดขึ้นกับดาวิดนั้นมีมากจน ทหารละอายใจเพราะทำให้กษัตริย์เสียใจ จนสุดท้ายเรื่องนั้นถึงหูของโยอาบ และโยอาบก็กล้าหาญมากที่จะมาเตือนดาวิด'โยอาบก็เข้ามาในพระราชวังทูลว่า “วันนี้ฝ่าพระบาททรงทำให้ข้าราชการทหารทั้งสิ้นของฝ่าพระบาทรับความละอาย คือ พวกเขาซึ่งวันนี้ได้ช่วยชีวิตของฝ่าพระบาท ทั้งชีวิตของบรรดาราชโอรสและราชธิดาและชีวิตของบรรดามเหสีและชีวิตของบรรดาสนมของฝ่าพระบาท ' 2 ซามูเอล 19:5ในข้อ 6 ได้ชี้ชัดไปอีกว่า บรรดาทหารรู้สึกไม่มีค่าสำหรับดาวิด และมีคำพูดเชิงประชดว่า ดาวิดคงจะดีใจใช่ไหม ถ้าทหารของดาวิดตาย แต่อับซาโลมยังอยู่ และโยอาบก็ดึงสติของดาวิดกลับมา'ขอฝ่าพระบาททรงลุกขึ้น ณ บัดนี้ ขอเสด็จออกไปตรัสให้กำลังใจ บรรดาข้าราชการ เพราะข้าพระบาทปฏิญาณในพระนามพระยาห์เวห์ว่า ถ้าฝ่าพระบาทไม่เสด็จ จะไม่มีชายสักคนหนึ่งค้างอยู่กับฝ่าพระบาทในคืนนี้ เรื่องนี้จะร้ายแรงยิ่งกว่าเหตุร้ายอื่นๆ ทั้งสิ้น ซึ่งบังเกิดแก่ฝ่าพระบาทตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนบัดนี้” ' 2 ซามูเอล 19:7ดาวิดต้องเลือกว่าจะจมอยู่ในความเศร้า หรือจะฟังคำเตือนที่กลับมายืนขึ้นในฐานะผู้นำที่ต้องดูแลประชาชน ความเศร้าและน้ำตาไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องแสดงออกอย่างเหมาะสมเพื่อเราจะยืนยันความไว้วางใจในพระเจ้ากับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในเรื่องนี้เราเห็นความกล้าหาญของโยอาบที่กล้าจะเตือนผู้นำ และสำหรับบางคนคำพูดตรง ๆ ก็ช่วยได้ 'บาดแผลที่เพื่อนทำก็ยังน่าเชื่อถือ แต่จูบของศัตรูก็พร่ำเพรื่อไม่จริงใจ ' สุภาษิต 27:6 TNCVเรื่องนี้สอนเราทุกคนว่า อย่าจมอยู่กับความเสียใจนานเกินไป จนทำให้เราหลุดไปจากงานที่พระเจ้ามอบหมาย ลืมคนที่ต้องการกำลังใจและขอเราอย่าปฏิเสธคำเตือนจากพระเจ้าไม่ว่าจะมาจากพระวจนะหรือจากผู้คนที่พระเจ้าส่งมา เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรายืนขึ้นและกลับมาสู่จุดที่พระเจ้าต้องการได้วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่160) เด็กอมมือจะปกครองประเทศ?“ และเราจะทำให้เด็กๆ เป็นเจ้านายของเขา และทารกจะปกครองเขาทั้งหลายและประชาชนจะบีบบังคับกันและกัน แต่ละคนจะบีบบังคับคนอื่นและแต่ละคนจะบีบบังคับเพื่อนบ้านของตน เด็กๆ จะโอหังต่อผู้อาวุโส และคนเลวต่อคนมีเกียรติ” อิสยาห์ 3:4~5 THSV11“I will make youths their commanders; mischief makers will rule over them. The people will oppress each other, each one against the other, neighbor against neighbor. The young will bully the old, the rogue, and the respectable.” ~Isaiah 3:4-5 CEBอิสยาห์ 3:4-5 นี้ เป็นส่วนหนึ่งของถ้อยคำที่พระเจ้าตรัสผ่านอิสยาห์ เพื่อพยากรณ์ถึงการพิพากษาที่กำลังจะมาถึงยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพราะความบาปของพวกเขา“เราจะตั้งเด็กๆ เป็นเจ้านายให้เด็กอมมือเป็นผู้ปกครองพวกเขา ประชาชนจะข่มเหงกันเอง คนจะต่อสู้กัน เพื่อนบ้านต่อสู้เพื่อนบ้าน เยาวชนจะลุกฮือขึ้นสู้ผู้อาวุโสคนถ่อยจะต่อสู้ผู้ทรงเกียรติ” ~อิสยาห์ 3:4-5 TNCVพระเจ้ากำลังตรัสถึง ความเสื่อมของสังคม และความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นตามมาเพราะประชาชนละทิ้งพระเจ้าไม่ยำเกรงพระองค์เลือกดำเนินชีวิตตามใจและตามบาปของตน ผลที่จะตามมาก็คือ ระเบียบในสังคมจะพังลง!กล่าวคือ1).“และเราจะทำให้เด็กๆ เป็นเจ้านายของเขาและทารกจะปกครองเขาทั้งหลาย”= “เราจะตั้งเด็กๆ เป็นเจ้านายให้เด็กอมมือเป็นผู้ปกครองพวกเขา“หมายถึง ผู้นำจะ ขาดวิจารณญาณและขาดสติปัญญาเหมือนเด็กๆไม่ใช่ให้เด็กจริงๆมาปกครอง แต่เป็นภาพเปรียบเทียบว่าคนที่ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่เหมาะสม และไม่สามารถนำพาประเทศได้ จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ(อิสยาห์ 3:4)2).“และประชาชนจะบีบบังคับกันและกัน แต่ละคนจะบีบบังคับคนอื่น และแต่ละคนจะบีบบังคับเพื่อนบ้านของตน“= “ประชาชนจะข่มเหงกันเอง คนจะต่อสู้กัน เพื่อนบ้านต่อสู้เพื่อนบ้าน”(อิสยาห์ 3:5ก.)หมายถึง สังคมจะเข้าสู่ความวุ่นวายและไร้ระเบียบเมื่อขาดผู้นำที่ดีและที่ยำเกรงพระเจ้าประชาชนก็จะหันมาเอาเปรียบกันเอง ใช้กำลัง ต่อสู้ต่อต้าน ข่มเหง และไม่ยอมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข3).“เด็กๆ จะโอหังต่อผู้อาวุโส และคนเลวต่อคนมีเกียรติ”= “เยาวชนจะลุกฮือขึ้นสู้ผู้อาวุโสคนถ่อยจะต่อสู้ผู้ทรงเกียรติ” (อิสยาห์ 3:5ข.)หมายถึง ค่านิยมในสังคมกลับตาลปัตรอนุชนคนหนุ่มสาวจะไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ผู้ที่เลวกลายเป็นคนที่ยกตนข่มคนที่มีศักดิ์ศรีเป็นสัญลักษณ์ของสังคมที่ ไร้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ไร้ระเบียบและขาดความยำเกรงพระเจ้าพี่น้องที่รักเมื่อคนเราละทิ้งพระเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์ระเบียบกฎเกณฑ์และคุณค่าทางสังคมจะเสื่อมลงผู้นำที่ไม่เหมาะสมขาดความสามารถจะขึ้นมาปกครองแทนที่ผู้นำที่ดี บ้านเมืองก็จะเกิดความวุ่นวายรุนแรงความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนทั้งในบ้าน ในสังคม(แม้แต่ในโบสถ์)ก็จะพังลง เพราะต่างคนต่างเอาตัวเองเป็นที่ตั้งดังนั้น จึงขอเตือนว่าหากไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางในท่ามกลางพวกเราสังคมก็ย่อมจะแตกสลาย ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน ประเทศ และระดับสากลเราจึงควรให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิตของพวกเราอย่างแท้จริง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…จะดีไหมครับ?~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 7กันยายน2025 (ตอนที่160 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน ถูกกาละเทศะ Ep.1383 ข่าวสารข้อมูลความจริงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความรู้สึกของคนรับความจริงนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน ข่าวบางเรื่องเป็นความยินดีที่เต็มไปด้วยความขมขื่นเสียใจ เรื่องราวใน 2 ซามูเอล 18:19-33 สอนเราถึงความสำคัญของการเลือกใช้คำพูดให้ถูกกาละเทศะ ศึกนี้ดาวิดชนะแต่เป็นชัยชนะที่ไม่ได้นำความดีใจมาให้อย่างแน่นอน เพราะลูกชายของเขาอับซาโลมเสียชีวิต อาหิมาอัสลูกของปุโรหิตที่เคยส่งข่าวให้ดาวิดหนีนั้นต้องการมารายงานข่าว แต่โยอาบบอกในข้อ 20 ว่า “อย่าเลย เพราะวันนี้ข่าวไม่ใช่ข่าวดี” คำนี้กำลังบอกความหมายว่า ข่าวดีในวันนี้มันเต็มไปด้วยความขมขื่นใจ ผมมองว่าโยอาบเป็นห่วงอาหิมัส แต่อาหิมัสก็ยืนยันที่จะไปด้วย เขาจึงวิ่างตามคนคูชไป ในที่สุดอาหิมัสวิ่งแซงคนคูชไปถึงก่อน เราจะพบว่าดาวิดต้องการทราบข่าวอย่างมากว่าลูกชายเป็นอย่างไรบ้างจากคำถามที่เขาถาม และเราก็ได้เห็นแนวทางการใช้คำพูดที่ดีของอาหิมัส และของคนคูช'พระราชาตรัสถามว่า “อับซาโลม ชายหนุ่มนั้นสบายดีไหม?” อาหิมาอัสทูลตอบว่า “เมื่อโยอาบใช้ผู้รับใช้ของพระราชามา และข้าพระบาทผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเห็นผู้คนสับสนกันใหญ่ แต่ไม่ทราบเหตุ” ' 2 ซามูเอล 18:29'พระราชาตรัสถามชาวคูชนั้นว่า “อับซาโลม ชายหนุ่มนั้นสบายดีไหม?” ชาวคูชนั้นทูลตอบว่า “ขอให้บรรดาศัตรูของพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท และคนทั้งปวงที่ลุกขึ้นทำร้ายฝ่าพระบาทเป็นเหมือนชายหนุ่มผู้นั้นเถิด” ' 2 ซามูเอล 18:32 ไม่ว่าจะมีคำตอบแบบไหนก็นำความโศกเศร้าคร่ำครวญมายังดาวิดที่แม้จะได้อำนาจคืนกลับมา ในเรื่องนี้เราได้บทเรียนที่จะใช้คำพูดอย่างเหมาะสม และเมื่อเราพูดเราต้องคิดถึงจิตใจของผู้ฟัง เพราะทุกคำพูดนั้นมีผลต่อความรู้สึกของคนฟังและอาจจะส่งผลร้ายถึงตัวเอง 'ถ้อยคำที่พูดถูกกาลเทศะ เหมือนผลแอปเปิ้ลทองคำล้อมด้วยเงิน ' สุภาษิต 25:11 คุณค่าของคำที่ถูกเวลา มันมีค่าและสวยงามมากเหมือนแอปเปิ้ลทองคำที่หอมหวานและสวยงาม เหรียญมีสองด้านเสมอ คำพูดสามารถจะให้กำลังใจหรือทำร้ายจิตใจได้เสมอ ทุกวันนี้เราเองก็เป็นผู้ส่งข่าวตลอดเวลา ผ่านคำพูด ผ่านการสื่อสารข้อความต่างๆในโซเชียลมีเดีย ให้เราขอพระเจ้าประทานสติปัญญาที่เราจะพูดความจริงด้วยการห่อหุ้มคำพูดนั้นด้วยความรัก และขอพระเจ้านำให้คำพูดของเราจะถูกจังหวะและเต็มด้วยอากัปกิริยาที่เหมาะสม เพื่อถ้อยคำของเรานั้นจเป็นกำลังใจและเป็นเหมือนแอปเปิลทองคำล้อมด้วยเงิน วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่159) วิธีชนะความท้อใจ “ขอให้บรรดาผู้ถ่อมตัวเห็นการนั้นและยินดี ท่านผู้เสาะหาพระเจ้า ขอให้ใจของท่านฟื้นชื่นขึ้น” ~สดุดี 69:32 THSV11 “The humble will see their God at work and be glad. Let all who seek God's help be encouraged.” ~Psalms 69:32 NLT คุณควรถามคำถามแก่ตัวคุณเองว่า 1.เมื่อตัวคุณเท้อใจ คุณควรจะช่วยตัวคุณเองอย่างไร? 2.เมื่อคนอื่นท้อใจ คุณควรจะหนุนใจเขาอย่างไรดี? ต่อไปนี้ คือคำแนะนำในการรับมือกับความท้อใจ 1.มองความท้อใจว่าเป็น“ธรรมชาติของมนุษย์” ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ~ไม่ใช่ความล้มเหลวที่แก้ไขไม่ได้ ให้เราเรียนรู้จากชีวิตของคนของพระเจ้าหลายคนในพระคัมภีร์ที่เคยท้อใจมาก่อน เช่น เอลียาห์ โมเสส ดาวิด และอีกหลายคน 2.มองหาพระสัญญาจากพระวจนะของพระเจ้าและยึดไว้ให้มั่น ~ไม่นานเราจะผ่านพ้นช่วงเวลานั้นไปได้ ให้เรายึดพระวจนะของพระเจ้าและเชื่อฟังทำตาม จนถึงที่สุด“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร” ~กาลาเทีย 6:9 THSV113. มองที่พระเจ้า ทูลขอกำลังและมอบความท้อใจไว้กับพระองค์ ~ไม่มีปัญหาใดที่พระเจ้าทรงช่วยจัดการให้ไม่ได้ ให้เราเปิดใจบอกความรู้สึกแท้จริงของเราต่อพระองค์ ให้เราเชื่อว่าพระเจ้าจะสดับและเสริมเรี่ยวแรงให้ด้วยกำลังที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเราร้องทูลต่อพระองค์อย่างสุดใจ4. มองย้อนไปดูที่พระเจ้าและพระคุณของพระองค์ที่ผ่านมาในชีวิต ~ไม่ใช่โดยกำลังของเราที่ทำให้เราผ่านมาได้ แต่โดยพระคุณของพระเจ้าทั้งสิ้น ให้เราเขียน “บันทึกคำขอบพระคุณ”ไว้ทุกวัน ให้สิ่งที่เราเขียนนั้นจะเปลี่ยนมุมมองของเราจากการ จดจ่ออยู่ที่ “ปัญหา” มาจดจ่ออยู่ที่“พระคุณ”5.มองหาพี่น้องที่จะร่วมแบ่งปันทุกข์สุข และการหนุนใจให้หลุดพ้นจากความท้อใจ ~ไม่ใช่สิ่งดีที่เราจะรับมือกับปัญหาหรือความทุกข์ใจโดยลำพัง ให้เราเข้าร่วมกลุ่มสามัคคีธรรมกับพี่น้องที่อยู่ในทางของพระเจ้าอย่างถูกต้อง ให้เราพร้อมทั้งที่จะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับการหนุุนใจต่อกันและกัน บางครั้งการหนุนใจเพียงคำเดียวก็อาจพาเราออกจากความท้อแท้ของเราได้6.มองหาผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณและผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ที่เชื่อถือได้ ~ไม่ใช่วิธืที่ดีนักที่เราจะแยกตัวออกจากทุกคน เราต้องรับการช่วยเหลือ ให้เราถ่อมใจลง ขอรับคำแนะนำหรือคำปรึกษาในการรับมือกับความท้อใจ ให้เราร่วมมือกับท่านเหล่านั้น โดยทำตามขั้นตอนที่สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า7.มองหาโอกาสที่จะลงมือทำตามขั้นตอนอย่างซื่อสัตย์จนกว่าจะผ่านพ้นไปภาวะท้อใจไปได้ ~ไม่จำเป็นที่จะเริ่มต้นจากขั้นตอนที่ใหญ่และยาก ให้เรามุ่งมั่นทำสิ่งดีทีละก้าวเล็กๆ อย่างมีวินัย แทนที่จะกังวลกับเป้าหมายใหญ่ ให้เราเชื่อวางใจว่าพระเจ้าจะทรงใช้ความซื่อสัตย์เล็กๆของเรา นำเราไปสู่ชัยชนะยิ่งใหญ่เหนือความท้อใจ อย่างไรก็ตาม ความท้อใจมีประโยชน์อย่างหนึ่งก็คือ “ความท้อใจคือสัญญาณให้เราหยุดพึ่งตนเอง แล้วหันกลับมาพึ่งพระเจ้า” (Discouragement is a call to stop relying on self and start relying on God.) แต่ ความท้อใจนำผลเสียมากมายมาสู่เรา เราจึงจำเป็นเร่งด่วนในการเอาชนะความท้อใจนั้น โดยการมองปัญหาให้ถูกต้อง และกลับมามองพระเจ้า แทนที่จะเอาแต่มองแต่ปัญหา จากนั้น จงให้พระเจ้าทรงเป็นกำลังของเราในการรับมือกับปัญหาอย่างผู้มีชัยชนะ …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 6กันยายน2025 (ตอนที่159 ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิตตอน เงินกับความซื่อสัตย์ Ep.1382 ความกดดันรอบตัวอาจทำให้เรายอมทำผิดเพียงเพื่อเอาตัวรอดหรือได้ผลตอบแทน แต่เรื่องราวใน 2 ซามูเอล 18:1-18 ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างการตามใจตัวเองกับการยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ตอนนี้ดาวิดจัดกองกำลังเพื่อต่อสู้กับกองทัพของอับซาโลม ดาวิดอยากไปสู้ด้วยแต่ทหารทุกคนไม่ยอม ดาวิดได้แบ่งกองกำลังออกเป็นสามกลุ่มโดยให้ โยอาบ อาบีชัยและอิททัยเป็นผู้นำทหารออกไป แต่ดาวิดกำชับว่า'พระราชาทรงบัญชาโยอาบ อาบีชัย และอิททัยว่า “เบาๆ มือกับอับซาโลมชายหนุ่มนั้น ด้วยเห็นแก่เราเถิด” ทหารทั้งสิ้นก็ได้ยินคำบัญชาซึ่งพระราชาประทานแก่ผู้บังคับบัญชาทั้งหมดด้วยเรื่องอับซาโลม ' 2 ซามูเอล 18:5 ผมคิดว่า ดาวิดประเมินสถานการณ์แบบผู้ชำนานศึกว่า อับซาโลมน่าจะสู้คนของดาวิดไม่ไหว การรบที่ป่าเอฟราอิมเต็มไปด้วยความสูญเสีย ในข้อ 8 ได้บันทึกว่า “ในวันนั้นป่ากินพวกทหารเสียมากกว่าดาบกิน” ตรงนี้กำลังหมายถึงภูมิประเทศของป่าเอฟราอิมนั้น มีทั้งเหว ไม้หนามและสัตว์ร้าย ทำให้ทหารของอิสราเอลเสียชีวิตมากกว่าที่จะโดนทหาราของดาวิดจัดการเสียอีก ในระหว่างการรบ อับซาโลมเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตคือผมของเขาไปติดอยู่บนต้นไม้ ทหารของดาวิดมาพบก็มาบอกโยอาบ แต่โยอาบตำหนิและเสนอรางวัลเพื่อให้ฆ่าอับซาโลมเสีย แต่ทหารนั้นตอบอย่างหนักแน่นว่า'แต่ชายคนนั้นเรียนโยอาบว่า “ถึงมือของข้าพเจ้าอุ้มเงิน 1,000 แผ่นอยู่ ข้าพเจ้าจะไม่ยื่นมือออกทำร้ายพระราชโอรสของพระราชา เพราะว่าหูของพวกเราได้ยินพระราชาทรงบัญชาท่านและอาบีชัยกับอิททัยว่า ‘จงป้องกันอับซาโลมชายหนุ่มนั้นเพื่อเห็นแก่เรา' ' 2 ซามูเอล 18:12 ทหารคนนี้ยืนยันว่า ไม่มีสิ่งใดคุ้มค่ากับการขัดคำสั่งหรือทรยศความจริง สุดท้ายโยอาบเป็นผู้ฆ่าอับซาโลมเอง แต่สิ่งที่โดดเด่นในทหารที่ซื่อสัตย์คนนี้คือเขาเลือกเชื่อฟังมากกว่าเงินทองหรือผลประโยชน์'ผู้ที่ขยิบตาอย่างมีเลศนัยสร้างความเดือดร้อน และคนโง่พูดพล่อยๆ ก็ถึงแก่หายนะ ' สุภาษิต 10:10 TNCV ความซื่อสัตย์มีค่ามากกว่าเงินทองหรือผลตอบแทนใด ๆ เพราะมันสะท้อนถึงพระลักษณะของพระเจ้าที่มรอยู่ในเราทุกคนแล้ว ทุกวันนี้เราอาจถูกเสนอสิ่งที่ดูคุ้มค่า แต่ถ้ามันต้องแลกด้วยการทำผิดหรือทรยศความจริง อย่าลืมว่า พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ และลูกของพระดจ้าจะซื่อสัตย์เหมือนพระองค์ด้วย ขอให้เราเลือกยืนหยัดในความถูกต้อง แม้จะเจอกับแรงกดดันมากมาย เพราะความซื่อสัตย์ทำให้ชีวิตมั่นคงและได้รับพระพรความสุขจากพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ