Podcast สาระนานาประโยชน์ เช่นจิตวิทยา ปรัชญา ธรรมะ ฯลฯ และชวนคุยเรื่องปัญหาชีวิตในทุกแง่มุม ผสมผสานอย่างลงตัวด้วยความเชื่อที่ว่า 'ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ'
มีคนมาปรึกษาว่า ขอวิธีจัดการกับความรู้สึกไม่ค่อยได้ดังใจหน่อยค่ะ คือเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรา เราก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรนะคะ ช่วยเขาทุกอย่างด้วยซ้ำไป แต่มันแค่รู้สึกแย่ น้อยใจ เราก็มักจะเป็นคนสุดท้ายที่เขาจะนึกถึงเรา เช่น ใช้ให้ถ่ายรูปโดยที่ไม่มีเราอยู่ในเฟรม นัดกันใส่ชุดคล้ายกันแต่ไม่ยอมบอกเรา เหมือนว่าเหลือแต่ของไม่ดีไว้ให้เราเป็นคนสุดท้ายค่ะ ซึ่งเราก็เพิ่งเข้างานได้สักพัก และต้องทำงานให้ผ่านโปรเจกต์ โดยไม่มีพี่งานมาสอนงานเราเลย พอเราทำผ่านหรือได้รับคำชมจากหัวหน้า ทุกคนก็มีทีท่าที่แปลก ๆ ไป อึดอัดใจมากเลยค่ะ หน้างานไม่มีใครช่วยเรา เราก็ต้องทำเอง ไม่ใช่อยากเก่งหรืออยากเอาหน้าใด ๆ เลยนะคะ - หากว่าเราทำงานแล้วมันมีปัญหาที่ทำงาน ซึ่งเราก็ต้องแยกก่อนว่ามันมาจากคน สถานที่ หรือวัฒนธรรม - ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือวัฒนธรรมในองค์กร เพราะต่อให้คนเปลี่ยนสถานที่เปลี่ยน แต่รากฐานก็จะไม่ถูกปรับแต่งใด ๆ เลย - แล้วการที่คนชอบเอาหน้า หรือได้หน้าจากผลงานสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะเขาจะได้รับการเลื่อนขั้นหรือได้คำเชยชมกลับบ้านไป - คนเราต้องเป็นเพชรในตม คมในฝัก หรือผ้าขี้ริ้วห่อทอง ไม่ใช่เป็นคนที่เน้นการได้หน้าได้ตาอย่างเดียว ทำแบบนี้ต่อไปถูกแล้ว - เรื่องบางเรื่องต้องอาศัยการเข้าใจมนุษย์ให้มาก ๆ ถึงแม้ใจของเราอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดว่า ทำไมฉันถึงต้องเข้าใจคนอื่นด้วย แต่วันนึงจะเข้าใจได้เอง
ข้อความโพสต์ Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ถ้าคุณและผู้อื่นนั้นเปิดใจ แล้วก็เชื่อมโยงเข้าด้วยกันและกันจริง ๆ มันจึงไม่ใช่เพียงแค่ค้นหาแค่การแก้ปัญหา แต่มันจะช่วยให้เรารู้จักกันมากยิ่งขึ้น แล้วสิ่งนี้จะเป็นโอกาสที่ดีในการประเมินผู้คนแล้วก็ช่วยกันและกันเติบโตขึ้นไป" - เข้าใจให้ดีว่า จงวินิจฉัยรากฐานของการพัฒนาคุณภาพความสัมพันธ์ไปให้ด้วยดี - ความสุขของชีวิตจะเนื่องมาจาก คุณภาพของความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่เงินในกระเป๋าหรือจำนวนความสัมพันธ์ - โอกาสในการที่เราจะแบ่งปันเรื่องราวกันไม่ได้เยอะมาก แต่มันคือสิ่งที่เราจะเข้าใจว่าเราจะหาเวลานั้นสนทนากันอย่างไร - เวลาของเราเท่ากันในแต่ละวัน แต่ว่าแต่ละคนไม่ได้ตระหนักว่าเราควรจัดการเวลา รวมไปถึงแบ่งเวลาไปกับสิ่งใดกันแน่ - ชีวิตไม่ได้มีโอกาสให้เราได้ทำทุกสิ่ง วันนี้เราตั้งใจหาเงินให้ชีวิตมั่นคง แต่พอถึงชีวิตมั่นคงไปแล้วคน ๆ นั้นเขาอาจจะไม่ได้รอเราอยู่
หนังสือ Psych: The Story of the Human Mind ของ Paul Bloom - เมื่อคำถามว่าเรามีจิตใจไปทำไม แล้วเรามีความคิดมาจากจิตใจจริง ๆ ไหม - ความรู้สึกอับอาย ขยะแขยง หรือว่าความอิ่มอกอิ่มใจมาจากอะไรกันแน่ - จิตวิทยาสมัยใหม่ เน้นไปที่จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขจากก้นบึ้ง แล้วมันก็อาจจะขัดแย้งกับสังคม - เคล็ดลับที่ไม่ลับของสมอง ก็คือการฝึกจิตฝึกใจอยู่เนือง ๆ ไม่ใช่ว่าปล่อยจิตปล่อยใจไปตามสิ่งแวดล้อม - คนโง่อาจจะไม่มีอยู่จริงในเรื่องของจิตใจหรือสมอง แต่มันมีแต่ขอบเขตของความเข้าใจว่า โง่คืออะไรแล้วฉลาดจริง ๆ เป็นแบบไหน
มีคนมาปรึกษาว่า เรากับสามีแพลนจะมีลูกด้วยกันค่ะ แต่มีมุมมองที่ต่างกันเรื่องนึงคือ เราอยากเลี้ยงลูกเอง หรือมีพี่เลี้ยงมาช่วย 1 คน แต่สามีอยากให้มีแม่เขาและแม่เรามาช่วยเลี้ยงแบบบ้านเดียวกันค่ะ เรากับสามีไม่มีปัญหาด้านการเงินหรือเวลา เราสามารถออกจากงานมาเลี้ยงลูกได้ และอาจจะกลับไปทำงานหลังลูกเข้าโรงเรียน มุมมองตอนนี้คืออยากโฟกัสที่ลูก ไม่อยากมาพะวงเรื่องแม่ ๆ หากเขามาอยู่ด้วย อาหารการกิน ทัศนคติ หรือวิธีการเลี้ยงในอนาคต ที่เวลาลูกพอโตขึ้นแล้วตัวเราเองอยากอยู่แบบครอบครัวตัวเอง กลัวเขาจะผูกพันแล้วเสียใจ แต่สามีกลับมองว่าอยากให้ลูกเจอญาติคลุกคลีกันบ่อย ๆ มีคนช่วยเลี้ยง เราจะได้ไม่เหนื่อย รบกวนด้วยนะคะ - เรื่องของครอบครัว จำเป็นจะต้องดูในครอบครัวอาจจะยากที่คนอื่นจะตอบได้ - ปรึกษาผู้ใหญ่ดูอีกแรงหนึ่ง จะได้เรียนรู้ว่าอย่างไรถึงจะดีที่สุดจริง ๆ สำหรับเรา - ตัวเด็กเองเป็นเพียงแค่แง่มุมหนึ่ง แน่นอนว่าเราอยากให้เขาได้ดี แต่ต้องดูตัวเด็กเองด้วย - ปัญหาตอนนี้ที่ใหญ่ที่สุดคือ ตัวเรากับแฟนเรา ตกลงให้ได้ก่อนอย่างแรกเลย - เรื่องของ ย่ากับยายเป็นส่วนนึงที่สำคัญอย่างยิ่ง ความรักต้องประกอบด้วยความอบอุ่นในก้นบึ้ง
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อคุณประสบความสำเร็จกับการวินิจฉัยปัญหา คุณจะรู้หนทางของมัน คุณจำเป็นจะต้องออกแบบหนทางในการแก้ไขปัญหาอยู่เนือง ๆ แล้วใช้มันเพื่อเพิ่มขีดจำกัดการเข้าใจ มันคือกระบวนการสร้างภายในของตัวตนเราต่อปัญหา แล้วใช้ความเจ็บปวดสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยม ทั้งหมดที่คุณสร้างมันมาได้มันจะช่วยให้แผนการนั้นสูงส่งมากยิ่งขึ้น แต่มันก็ย่อมต้องใช้การสั่งสมประสบการณ์การแก้ปัญหาต่อไป ร่างแบบของปัญหาออกมาให้ได้ก่อน แล้วก็เขียนมันลงไป หลังจากนั้นต่อมาคุณจะเริ่มเห็นปัญหาทีละเล็กทีละน้อย เหมือนว่ามันเป็นบันทึกของปัญหาต่าง ๆ แล้วมันก็เห็นว่าคนใดที่จะนำเขามาแก้ปัญหานี้ได้บ้าง กระบวนการตอนท้ายมันจะเป็นการจัดการให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมที่สุด แล้วมันจะต้องมาจากต้นแบบที่สมบูรณ์เท่านั้น เพื่อที่จะไปยังการแก้ไขที่สมบูรณ์ตามไป" - ออกแบบเครื่องจักรสังหารที่จะแก้ปัญหาได้ครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย - the Issue Log and the Dot Collector คือทั้งสองกระบวนการสร้างที่สำคัญ - ปัญหาใหญ่ที่สุดของชีวิตก็คือ เราไม่รู้ว่าเหตุของปัญหาอยู่ที่ใด แล้วเราจะรับมือกับปัญหาในรูปแบบเดิม ๆ ได้อย่างไร - ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่เราจะคาดการณ์ได้ทั้งหมด เพียงแต่เราก็ต้องทำความเข้าใจรูปแบบปัญหาก่อนเสมอ ไม่ใช่ไปสุ่มเดินมั่ว - ทั้งนี้ สังเกตทีม สังเกตสิ่งแวดล้อม ว่าเราสามารถนำผู้คนต่าง ๆ วางไว้ในจุดที่ควรจะอยู่ได้หรือไม่อย่างไร ความเหมาะสมจึงยาก
หนังสือ Jesse Livermore: World's Greatest Stock Trader ของ Richard Smitten - ชีวประวัติของนักเทรดในตำนาน ซึ่งปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตไม่ใช่เรื่องรายได้แต่เป็นเรื่องการบริหาร - คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่ารายได้เยอะ จะทำให้มีเงินเยอะ แต่การมีเงินเยอะมากในช่วงเวลาสั้น ๆ อันตรายกว่าที่คิด - ความสามารถที่เก่งเป็นส่วนหนึ่ง แต่บางส่วนก็ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด เราจึงต้องพินิจพิจาณาให้ถี่ถ้วน - สมัยก่อนการเทรดหุ้นอาจจะเป็นเรื่องยากมาก ๆ เพราะมันมีแค่เทป ซึ่งเทปก็คล้าย ๆ กราฟ แต่ดูยากกว่ากันเยอะ - ชีวิตที่สมดุลเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในรูปแบบของชีวิต ไม่ว่าเราจะมีเงินมากเพียงใด แต่ถ้าเราไม่มีความสุขในชีวิตเรา เราจะหาเงินไปทำไม
มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามค่ะ คือหนูอยากรู้ว่า ผู้ชายเวลาที่เขาคิดจะจริงจังกับใครสักคนเขาจะแสดงออกมายังไง หรือมีอาการยังไงบ้างคะ ที่เขาว่าผู้ชายไม่ซับซ้อนความหมายจริง ๆ ของประโยคนี้คืออะไรคะ แล้วความรักของผู้ชายกับของผู้หญิงต่างกันยังไงบ้างคะ ขอบคุณที่ตอบมากเลยนะคะ - ผู้ชายจะแสดงความรักแบบตรงไปตรงมา ส่วนผู้หญิงจะแสดงออกความรักแบบการส่งสายตาและรอยยิ้ม - เมื่อปัญหาของการแสดงออกเป็นปัญหาหลักของการสื่อสาร แต่ความเป็นจริงทั้งหมดย่อมต้องตั้งอยู่บนความเป็นกลาง - ผู้ชายไม่ซับซ้อนก็เพียงเพราะ เขามักจะคิดอย่างไรก็สื่อออกไปแบบนั้น ไม่ได้มีความรู้สึกที่ต้องปิดบังอะไรมาก - ส่วนปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ เพศสภาพกับฮอร์โมนเพศนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นหมายความว่า ผู้ชายผู้หญิงนั้นมีอารมณ์ผสมปนเปกัน - ความจริงใจ ความจริงจัง และความใส่ใจ ไม่มีเพศเป็นตัวขวางกั้น ค้นหาคนที่แสดงออกทั้งสามสิ่งนี้อยู่เนือง ๆ แล้วเราจะพบเจอความสุขที่ยั่งยืน
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อปราศจากการเปลี่ยนแปลงของความจริง ฉันจึงเผชิญหน้าและไม่เพิกเฉยเกี่ยวกับความจริงที่ได้ทำลงไป อะไรที่เป็นประโยชน์สูงสุดและอะไรที่จะเพิ่มความสามารถของเรื่องราวได้ ฉันเลยมักจะถามไถ่ตัวเองเสมอว่า อะไรที่เกิดขึ้นบ้างและอะไรที่ควรจะทำต่อจากนี้" - ความจริงก็คือความจริง เราไม่สามารถใช้ความเห็น หรือสิ่งใดไปเปลี่ยนแปลง - ยอมรับและเข้าใจความจริงที่ปรากฏตรงหน้าให้ได้มากที่สุด เพราะความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย - บางคนบอกว่าการยอมรับความจริงมันเจ็บปวด แต่การหนีการยอมรับความจริงเจ็บปวดกว่ามาก - สำรวจ สอบทาน และสังเกตว่าเราสามารถที่จะดึงประสบการณ์ของเรื่องราวอย่างไรได้บ้าง - หากว่าวันนี้เรากลัวความจริงอยู่ก็ไม่เป็นไร ค่อย ๆ น้อมนำความจริงเข้ามากระทำในจิตใจอยู่เนือง ๆ เสมอ
หนังสือ Win Every Argument: The Art of Debating, Persuading and Public Speaking ของ Mehdi Hasan - การถกเถียงอย่างไรให้ชนะทุกกรณี หรือว่าอย่างน้อยชนะในกรณีใหญ่ ๆ ทำอย่างไร - มันเป็นการเรียนรู้ที่นำไปใช้ได้ทั้งชีวิตเลย แม้ว่าเราจะไม่ได้เก่ง แต่มันก็สามารถฝึกฝนได้อยู่ - ปัญหาทุกอย่างมีทางออก มันคือความเชื่อเบื้องลึกของคนที่ต้องการถกเถียงให้มีกระบวนการสร้างที่ชัดเจน - ทุกคนต้องการผลประโยชน์ส่วนตน คือน้อยคนมากที่จะนึกถึงประโยชน์ส่วนรวม นั่นจึงเป็นความแตกต่างของทัศนคติ - แยกประเด็นออกเป็นส่วน ๆ แล้วลองทำความเข้าใจดูก่อนว่าประโยคแต่ละคำแตกต่างโดยนัยอย่างไร
มีคนมาปรึกษาว่า จะจัดการกับความรู้สึกไม่พอใจของตัวเองยังไงดีคะ เวลาครอบครัวมีปัญหาหรืออะไรก็ตามจะบอกเราเป็นคนสุดท้ายตลอด เราเคยถามแล้วนะคะแต่ก็ไม่ได้คำตอบก่อนบ้างเลย - ถ้าหากว่าเราไม่พอใจที่ครอบครัวไม่ยอมบอกเราก่อน ก็ให้สำรวจว่าเป็นเพราะเราหรือเพราะเขา - บางครั้งมันอาจจะเกิดขึ้นกับเรามากกว่า ว่าเขาบอกแล้วเราใส่ใจแค่ไหน รับฟังเพียงใด หรือว่านำไปปรับใช้จริงไหม - คนที่อคติก็อาจจะเป็นคนที่มองแบบมุมแคบ เช่น เขาคงไม่ใส่ใจหรอก หรือว่าฟังไปก็เท่านั้น ลองสำรวจตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่าเป็นแบบนั้นไหม - น้อยใจได้แต่อย่าใส่ใจกับการกระทำของคนอื่นมาก แน่นอนว่าเราอาจจะไม่ได้รับรู้เป็นคนแรก แต่อย่างน้อยเราก็ยังรับรู้อยู่ดี - มองโลกในแง่บวกดูสักหน่อย เรียนรู้ว่ามันย่อมต้องมีเหตุผลเสมอว่า เราทำอย่างไรให้เป็นเบอร์หนึ่ง หรือทำอย่างไรให้ได้ใจคนในครอบครัว
ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ผู้คนมักจะมีพลังล้นเหลือจากการใช้คำในการผัดวันประกันพรุ่งเสมอ" - มนุษย์มีความหวังว่าวันพรุ่งนี้ย่อมดีกว่าวันนี้ แต่ก็มักจะผัดวันไปเรื่อย ๆ แบบขาดเป้าหมาย - ชีวิตที่ดีที่สุด คือชีวิตที่เริ่มทำตั้งแต่วันนี้เลย ไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้เหมือนยิ่งรอก็ได้แค่รอเท่านั้นเอง - รับรู้ให้ได้ว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ชีวิตนั้นได้เริ่มต้นขึ้น ไม่มีวันใดที่สำคัญไปมากกว่าวันนี้เลย - บางคนชอบเปลี่ยนวันไปเรื่อย ไม่มีความชัดเจน ไม่มีการตรงต่อเวลา รวมไปถึงมองว่าชีวิตใช้ยังไงก็ได้ - ยิ่งเราใส่ใจในการกระทำของเรามากเท่าไหร่ เราจะสามารถสอบทานผลได้ว่า มันจะดีขึ้นหรือแย่ลงเพราะสิ่งใด
หนังสือ More Money Than God: Hedge Funds and the Making of the New Elite ของ Sebastian Mallaby - การลงทุนอย่างไรให้เรามีเงินมากกว่าพระเจ้า นั่นก็คือการลงทุนที่ผลิตเงินให้กับเราเยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ - เมื่อเราแทงข้างที่ได้ ลงทุนแบบหมดหน้าตัก และลงทุนแบบคนมาก่อนกาล ก็คงจะเป็นรูปแบบของการทำเงินในยุคสมัยหนึ่ง - ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา ความมั่นใจ ความพร้อมเพรียงกัน และการตระหนักว่าสิ่งที่เราตัดสินใจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งใดบ้าง - แบงก์ใหญ่ ๆ มีเงินมหาศาล แน่นอนว่าบริษัทเหล่านั้นก็ไม่อยากที่จะขาดทุน ซึ่งหนทางป้องกันความเสี่ยงหลักก็คือแทงข้างที่เราจะเสียให้น้อยที่สุด - ตลาดทุนไม่เคยได้ผล ถ้าเรามองว่ามันไม่ได้ผล ซึ่งมันจะมีคนกลุ่มน้อยที่เล็งเห็นโอกาสในตลาดทุนแล้วก็มักจะได้เงินเสมอ นั่นคือการผลิตเงินอย่างไม่จำกัดนั่นเอง
มีคนมาปรึกษาว่า คบกับผู้ชายคนหนึ่งมา 3 ปี วางแผนอนาคตร่วมกันทั้งเก็บเงินเพื่อจะจัดงานแต่ง แต่มารู้ทีหลังว่าเขามีเมียแล้ว ที่แยกกันอยู่มา 3 ปีเช่นเดียวกับที่เวลาที่เราคบหากัน เขาจะกลับไปบ้านแค่ช่วงวันหยุดยาวหรือปีใหม่ ตอนนี้มันทั้งรักทั้งแค้น ชีวิตตอนนี้ดิ่งมาก เมียเขาคอยโทรมาระราน ไม่งั้นก็มีให้ญาติพี่น้องโทรมาด่าเรา แต่เรื่องมันจบเพราะไม่มีหลักฐานอะไรมาถึงตัวเราได้ แต่เราก็มานั่งคิดว่าควรเอาหลักฐานให้เขาไปไหมคะ จะได้รู้สันดานผู้ชายคนนี้สักที เหมือนเราก็เคยถามสาเหตุที่เขาไม่ยอมหย่า ผู้ชายก็ตอบว่าเพราะลูกยังเล็กอยู่ แล้วที่แยกกับเมียอยู่เพราะไม่ได้รักผู้หญิงแล้ว แต่งด้วยเพราะผู้หญิงท้อง ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนถอยมาทีละก้าว เลยอยากรู้ว่าที่เราตัดสินใจถูกต้องไหมคะ - ถ้าเรามีความสุขก็อยู่ต่อไปในความสัมพันธ์ที่สับสนต่อไปได้ แต่เกรงว่ามันจะยาก - ความยากอยู่ตรงที่เมียเขาน่าจะยังรักแฟนเราอยู่มาก แถมเขาก็น่าจะไม่ปล่อยไปง่าย ๆ เพราะแฟนเราคือพ่อของลูกเขา - ความสุขของคน ๆ นึง มันอยู่ที่ระหว่างความถูกใจกับความถูกต้อง จงเลือกสรรให้ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ในชีวิต - เหตุผลในการไม่หย่าร้างก็อาจจะเพราะลูก เพราะยังรัก หรือเพราะจริง ๆ แล้วทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกทั้งเพก็เป็นได้ - ทั้งนี้ เรื่องราวทั้งหมดไม่สามารถบอกได้ว่า อะไรคือจริง และอะไรคือไม่จริง ความรู้สึกที่เราสังเกตเท่านั้นว่าเขามีท่าทีอย่างไรต่อคำตอบ
ข้อความโพสต์จาก Mark Manson ได้เขียนข้อความไว้ว่า "การจะประสบความสำเร็จคือส่วนหนึ่งของบุคคลที่จมอยู่กับเรื่องนั้นนานที่สุด" - ยิ่งเราใช้เวลากับสิ่งใดนาน สิ่งนั้นก็จะดูเหมือนมีความหมายขึ้นมาได้ - ความผูกพันต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ย่อมบ่งชี้ได้ว่า เราใช้เวลากับมันอย่างตั้งใจ - ชีวิตไม่มีทางที่จะบอกได้ว่า มันจะมีทางลัดไปสู่ความสำเร็จ แต่มันจะมีทางให้เราเลือกตัดสินใจเสมอ - ค้นหาให้เจอว่าเราควรจะทุ่มเทชีวิตไปกับสิ่งใด หรือว่าเราควรจะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรบ้าง - รับรู้ความเป็นจริงว่า ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จมอยู่กับมัน แล้วมันจะงอกเงยได้ บางสิ่งจมแล้วก็จมเลยก็มีต้องหัดสังเกต
หนังสือ HBR's 10 Must Reads 2023: The Definitive Management Ideas of the Year from Harvard Business Review ของ Harvard Business Review - 2 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง แน่นอนว่ามันอาจจะยากที่จะตอบได้ แต่เราก็ต้องร่วมหาคำตอบ - เทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของโลก แล้วคำว่าทุกอย่างสีเขียว แบบนี้จะช่วยให้โลกนี้ดีขึ้นได้จริงไหม - การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป เรารับรู้การเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรบ้าง แม้แต่เด็กรุ่นใหม่มีความคิดอย่างไร - ความสุขและความทุกข์ของเรา มันขึ้นอยู่กับสิ่งใดบ้างก็ต้องคำนึงถึงสังคม โลก หรืออะไรอีกบ้าง - งบการเงินก็เปลี่ยนแปลงไปเนื่องด้วยปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป เราจึงต้องคำนวณด้วยท่าทีของการดูแลโลกด้วย เช่น ESG and Carbon Credit
มีคนมาปรึกษาว่า ขอถามหน่อยค่ะ ว่าคิดยังไงกับการมีแฟนพูดดี ๆ กับเราตอนที่เขาอยากได้เงินเรา หรือต้องการให้เราช่วยเหลือเขา แต่พอเขามีเงินหรือไม่ต้องการความช่วยเหลือ เราโทรหาเขา เขาก็ไม่ยอมรับสายอ้างว่าไม่ว่างตลอด เราควรจัดการยังไงดี บอกเลิกเขาก็ไม่ยอมไป ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะ - ปัญหาอันดับหนึ่งคือ เราต้องแยกก่อนว่าความสัมพันธ์อันนี้คือความรักหรือความหลง - บางทีเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเลือกเดินมันเป็นอย่างไร จนกระทั่งเราต้องประสบกับปัญหานั้น ๆ ก่อน - ถ้าหากว่าความสัมพันธ์มันไม่ได้เจือด้วยความรักเลย เราก็ต้องพินิจพิจารณาอีกสักรอบว่ายังไง - ความรู้สึกว่ายังไงก็ว่าไปตามนั้น เข้าใจบริบททั้งหมดแล้วค่อยตัดสินใจ เพราะนี่คืออนาคตของตัวเอง - รักไม่รัก ใช้เหตุการณ์บวกกับเวลาเป็นตัวตกตะกอน ไม่มีอะไรเกินกว่าความรู้สึกของเราอยู่แล้ว ให้คิดแบบนี้เสมอ
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ความแตกต่างระหว่าง เราจะรู้สึกอย่างไรก่อนที่เราจะเริ่มต้นเข้ายิม และเราจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเข้ายิมไปแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างเต็มที่เต็มถัง หรือต้องทำกิจกรรมในยิม ที่จะรู้สึกดีขึ้น คุณเพียงแค่ใช้เวลา 5 นาที แล้วตั้งใจเข้ายิมจริง ๆ แค่นั้นเลย" - บางคนชอบวางแผน แต่ความจริงไม่ได้เป็นตามแผนเสมอไป - แผนสำรอง แผนเผื่อเหลือเผื่อขาด หรือแผนใดก็ตามที่เมื่อมันไม่เป็นไปตามแผน - เข้ายิมตอนแรกจะไฟแรง แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ไฟแรงตอนต้นแล้วก็หมดไฟตอนปลาย - การโฟกัสเป็นทุกอย่างของการเข้ายิม พยายามหยุดทำสิ่งอื่นก่อน ฟังเพลงได้ ฟังพอดแคสต์ก็ยิ่งดี - ทุกอย่างในชีวิตเราอาจจะต้องเตรียมพร้อมให้กับมัน อย่างน้อยเข้ายิมแล้วไม่เล่นก็ดีกว่า ไม่คิดจะเข้ายิมเลย
หนังสือ What I Learned About Investing from Darwin ของ Pulak Prasad - ลงทุนแบบนักวิทยาศาสตร์ ก็น่าจะเป็นการลงทุนแบบใช้เหตุใช้ผลอย่างสมดุล - เราจะไม่สามารถลงทุนในหุ้น หรือตราสารอื่น ๆ โดยปราศจากการตระหนักรู้เชิงลึก - สูตรสำเร็จในการลงทุนจึงไม่สามารถหาได้จริง เราจะต้องหาสูตรเฉพาะของตนเองเท่านั้น - ดอกเบี้ยทบต้น ยังไงก็ทรงพลังที่สุดในการให้ทุกอย่างพอกพูนขึ้นไป และลงทุนเพิ่มทุกครั้งที่มีโอกาส - ธรรมชาติจะมาสร้างสรรค์ให้ทุกอย่างดีขึ้น ถ้าเราจับหลักให้ถูก สังเกตสภาพแวดล้อมของตลาดและบริษัทที่เราถือหุ้นด้วย
มีคนมาปรึกษาว่า คนที่ใช้ชีวิตอยู่หอหรืออยู่บ้านคนเดียว ไม่มีแฟนและไม่มีเพื่อน เวลาเหนื่อยหรืออยากแชร์เรื่องที่เจอมากับใครสักคน จะหาวิธียังไงได้บ้างคะ - ลองหากิจกรรมที่ทำกันเป็นหมู่คณะ หรือว่าเป็นกลุ่มก้อนดูบ้าง - ไม่จมอยู่กับกิจกรรมที่เป็นแบบ one player อย่างน้อยที่ต้องหาคือ two players ขึ้นไป - งานสัมมนาเป็นงานยอดฮิตของคนที่ชอบแสดงออกถึงความคิดและจิตใจ ลองดูก็ไม่เสียหาย - เกมออนไลน์ก็อาจจะทำให้เราช่วยเจอเพื่อนได้บ้าง บางคนสร้างความสัมพันธ์ในชีวิตจริงได้ด้วย - การหาแฟนยุคนี้อาจจะยากพอสมควร แต่ไม่อยากจะแนะนำให้หาแฟนแบบตั้งใจหาเกินไป เพราะถ้าตั้งใจมากมันจะเจอไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อสิ่งนั้นมันไม่ได้ผล ให้ค้นหาและลงทุนกับมันเพียงแค่หยิบมือ หลังจากที่มันเริ่มได้ผลแล้ว ลงทุนกับมันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันไม่ได้ผลอีกต่อไป ค้นหาแล้วก็ลงทุนอย่างพอสมควรต่อเนื่องต่อไปเรื่อย ๆ เสมอ" - จงตระหนักว่าไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เราสมควรที่จะลงทุนไปกับมัน - แล้วก็มีบางสิ่งที่เราสมควรที่จะลงทุนกับสิ่งนั้นอย่างเต็มที่เลย แบบที่ไม่ต้องกังขามัน - ไม่มีอะไรที่เราจะต้องทำความเข้าใจไปมากกว่า ชีวิตความเป็นอยู่ในวันนี้ว่าเราควรจะจัดการกับมันอย่างไร - การบริหารจัดการชีวิตเป็นทั้งหมดของชีวิต แต่ว่าบางคนก็อาจจะเพิกเฉยมันไป - ความสำเร็จจะมาจากสิ่งเล็ก ๆ ในแต่ละวันจนกลายมาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไป
หนังสือ Healthy No Matter What: How Humans Are Hardwired to Adapt ของ Alex Jadad and Tamen Jadad-Garcia - คำว่ามีสุขภาพกายและใจที่ดี ในแบบฉบับของแต่ละคนนั้นแตกต่างจากมาตรฐานทั่วไป - มันไม่ใช่ว่าเราจะไม่ยอมเผชิญหน้ากับความเป็นจริง แต่ให้เรายอมรับสิ่งที่ปรากฏมากยิ่งขึ้น - ใส่ใจร่างกายและจิตใจของตัวเองอยู่เนือง ๆ มันก็จึงเป็นการค้นหาคำตอบของชีวิตว่า อะไรจึงเรียกว่าดีสำหรับเรา - คนส่วนใหญ่อยากจะมีชีวิตที่ดี แต่ถ้าเราไม่รู้ว่าสิ่งใดที่กำหนดนิยามว่าดีจริง ๆ เราจะไม่รู้ว่าเราควรจะดูแล รักษา หรือว่าเยียวยาตรงไหนบ้าง - เมื่อร่างกายเราไม่ไหวเราก็ต้องไปหาหมอกาย แต่ถ้าใจเราไม่ไหวแล้วก็ต้องไปหาหมอใจ อย่ากลัวที่จะไปพบแพทย์ เพราะแพทย์เป็นปัจจัยของทางออกที่ดี
มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีค่ะ อยากจะทราบว่าเราผิดไหมในเรื่องราวเหล่านี้ เรื่องมีอยู่ว่าเราทะเลาะกับพี่สาวแฟนเรื่องเงินค่ะ แล้วพี่สาวแฟนก็กู้หนี้โดยใช้ชื่อแฟนเรา แล้วมันเป็นการกู้หนี้นอกระบบที่ต่างประเทศ เป็นจำนวนเงินหลายแสนค่ะ หลังจากนั้น เขาทำให้เครดิตธนาคารของแฟนเราเสีย หลังจากนั้นเราก็ต้องให้แฟนเราไปใช้หนี้แทนค่ะ ซึ่งเราก็ทวงกับพี่สาวเขาแล้วแต่เขาก็คืนไม่ตรงเวลาเท่าไหร่ แล้วก็มียืมเงินจากเราไปอีกด้วย แล้วก็มารู้ทีหลังว่าพี่สาวเรากู้เงินนอกระบบโดยเอาไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาเรือนแพง ๆ พักหลังเราก็เตือนเขาตลอดค่ะ ทำไมใช้ชีวิตติดหรูขนาดนี้ เขาก็ตอบกลับมาว่า จะมายุ่งทำไมเราเป็นคนนอก ซึ่งเราก็เป็นแฟนน้องชายเขา แล้วเขาก็ยืนกรานที่จะจัดการปัญหาเองต่อไป คำถามคือเราผิดไหมที่ไปเตือนสติเขา เพราะรู้สึกว่าเราเป็นแฟนกับน้องชายเขา เราก็คนในครอบครัวเหมือนกันค่ะ - ถ้าปัญหามันไม่ใช่เรื่องของเราจริง ๆ หรือว่าเดือดร้อนที่ตัวเราก็ต้องวางเฉยไปบ้าง - แน่นอนว่าแฟนเราเขาเป็นน้องชายของคนที่ก่อเรื่อง แต่เราก็เป็นแค่แฟนน้องชายคนก่อเรื่องอยู่ดี - มันไม่ผิดที่จะไปยุ่งเรื่องพี่สาวของแฟนเรา แต่เราก็ต้องรับรู้ด้วยว่าเขาใช้ชีวิตมาแบบนั้น แล้วน้องชายเขาก็ยินดีที่จะให้ยืมด้วย - หากว่าปัญหามันลุกลามไปไกลจนถึงตัวเรา เราก็ค่อยออกโรง แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก ตักเตือนตามภาษาคนที่หวังดีพอแล้ว - ทั้งนี้ ทุกคนมีวิถีชีวิตของตัวเอง เราอาจจะไม่สามารถไปสั่งสอนทุกคนบนโลกได้ บางคนไม่เห็นโลงศพก็ไม่หลั่งน้ำตาหรอก
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ทุกช่วงเวลาเราใช้ไปกับการพูดถึงเรือนร่าง นินทาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ และวิจารณ์ธุรกิจของคนอื่น แต่ให้ลองจับจ้องไปที่กระดาษของร่างกายเรา ฟูมฟักความสัมพันธ์ของตนเอง และพัฒนาธุรกิจที่ได้สร้างมา แล้วเราทุกคนจะมีพัฒนาการอย่างหาที่สุดมิได้" - เมื่อเราใช้เวลาไปกับอะไร เราก็จะได้รับสิ่งนั้นอย่างสิ่งที่เราใช้เวลาไป - จงเลือกสรร เฟ้นหา เรื่องราวที่เราต้องการให้มันดียิ่งขึ้น โดยที่ต้องใช้สติในการเลือกเสมอ - เราพูดถึงเรือนร่างคนอื่นได้ นินทาคนอื่นได้ และวิจารณ์ธุรกิจของคนอื่นได้ แต่เราต้องอย่าลืมสอบทานตัวเองด้วย - ไม่ใช่เราเอาแต่พูดถึงสิ่งภายนอกจนหลงลืมตัวเอง แต่เราก็ต้องพินิจพิจารณาตนเองด้วยตลอดเวลาทั้งชีวิต - ทั้งนี้ ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จ เราจะต้องรู้จักความฉลาดทางอารมณ์เอาไว้ ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาตามมา
หนังสือ The Energy Bus: 10 Rules to Fuel Your Life, Work, and Team with Positive Energy ของ Jon Gordon - รถบัสจะดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่คนที่เข้าไปอยู่ในรถนั้น ก็เหมือนกับคนที่ต้องดูว่าสะสมอะไรอยู่ - 10 กฎของรถบัสที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานบวก ก็คือ 1. คุณเป็นคนขับ 2. จงปรารถนา ใฝ่หา และโฟกัสที่ทำให้รถนี้ไปต่อได้ 3. เติมน้ำมันด้วยความถูกต้อง 4. ชวนคนขึ้นรถด้วยความคิดที่ดี 5. อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่ได้ขึ้นรถ 6. เขียนใบประกาศข้างรถไว้เลยว่า รถคันนี้ไม่รับคนที่จะมาดูดพลัง 7. มีความกระตือรือร้นที่จะรับคนใหม่ ๆ ถ้าเขามีแนวโน้มเดียวกันกับเรา 8. รักทุกคนในรถ 9. ขับเคลื่อนเป้าหมายต่อไป และ 10. จงมีความสุขทุกครั้งที่เดินทาง - คนร่วมเดินทางคือทั้งหมดของคนสนับสนุน แต่เราคือคนที่จะกำหนดคนในรถทั้งหมด - บางคนไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนกุมอำนาจในการตัดสินใจไว้ในมือ จงกล้าที่จะเลือกและตัดสินใจ - ไม่มีทางที่ผิดหรือถูกของชีวิต การขับรถก็เช่นกัน มันมีแต่รู้ว่าถูก แล้วไม่รู้ว่าผิดเท่านั้นเอง
มีคนมาปรึกษาว่า คือเราคุยกับผู้ชายคนนึงวันละหลายชั่วโมงมาก ๆ แบบโทรคุยกันตลอด คุยกันทุกเรื่อง เวลาเขายุ่งเราโทรไปเขาก็บอกว่าคุยได้นะ ไม่ต้องวางสาย คุยกันแบบสนุกมาก ๆ ตอนอยู่ด้วยกันก็คุยกันแบบไม่จับมือถือเลย มันดีต่อใจมาก อยู่ด้วยกันแล้วเขาก็ดูแลเราดี ใส่ใจมาก ๆ แต่ว่าเขาบอกเราว่าความรู้สึกมันก็ชอบเรานะ เราตรงสเปกทุกอย่าง สวยนิสัยดี แต่ไม่ถึงขั้นชอบเราแบบเป็นแฟน เราถามเขาว่า ถ้าเราคุยกันต่อไป โอกาสจะเป็นมากกว่าเพื่อนได้ไหม เขาก็บอกอย่างเดียวว่าไม่รู้ ๆ ตอนนี้เราควรทำยังไงต่อไปดีคะ สับสนมาก แต่ตอนอยู่กับเขาเราตอบตัวเองได้เลยว่ามีความสุขมาก และเขาเองก็ดูมีความสุขเหมือนกันค่ะ ลึก ๆ แล้วพอรู้ตัวว่าเขาก็ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ เขาเลิกกับแฟนเก่ามาแล้วเกินปีกว่าค่ะ แฟนเก่าเขาก็ไปมีคนใหม่แล้ว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันเลยค่ะ เราเลยอยากรู้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดีคะ ขอบคุณค่ะ - สัญญาณที่ย้ำเตือนมากกว่า 1 ครั้งไม่ควรเพิกเฉยอย่างเด็ดขาด - เรื่องอนาคตเป็นเรื่องของอนาคต แต่ถ้าเรารู้ว่าใจตอนนี้เราต้องการอะไร แล้วอีกฝ่ายต้องการอะไรจริง ๆ ก็ตามนั้น - บางทีเราลองคุยกันได้ ลองคบกันไปดูแต่อาจจะยังไม่ต้องเป็นแฟนกันแบบผูกมัด แล้วสังเกตว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง - เหมือนว่าสถานะก็จะกำหนดความคาดหวัง ความปรุงแต่ง และความหมายต่ออนาคต ถ้าเราไม่ได้ตกลงปลงใจกัน ก็อาจจะตอบยาก - คนบางคนรู้ใจตัวเองดีว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ไม่ใช่ว่าจะทำให้คนอื่นชอบได้ด้วยความผูกพัน แต่ละคนมีจุดที่ชอบต่างกันไปในแต่ละปัจเจกชน
ข้อความโพสต์จาก Mark Minervini ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อตลาดอยู่ภายใต้การขายอยู่เรื่อย ๆ มันคือประสบการณ์ที่เราต้องเข้าใจว่า มันคือถ่ายออกของหุ้น การขายหุ้นในช่วงลงของราคา อาจจะทำให้รู้สึกเหมือนหุ้นมันจะกำลังขึ้น การกลับด้าน และผิดพลาด โดยเฉพาะช่วงกรอบเวลากว้างมันอาจจะแข็งแกร่งหรือกำลังกระจายตัวออก ดูเหมือนว่าการปิดของราคาในช่วงเวลาสั้น ๆ มันอาจจะทำให้การขึ้นของราคาลดต่ำลงมา เทรดเดอร์มือใหม่ก็จะเทรดหุ้นแบบฟันปลา ในช่วงเวลาที่ผันผวนนั้น คือมันก็ทำให้เราโทษว่าการขึ้นทะลุแนวต้านไม่มีทางได้ผลอีกแล้ว แต่มันกลับกลายเป็นไม่ใช่แบบนั้นเลย นั่นมันไม่ใช่จุดทะยานขึ้นไปจริง ๆ เพราะการขึ้นไปของราคามันอยู่ที่ตลาดตัดสินใจ ไม่ว่าจะทางใดก็ตามคุณควรที่จะสร้างทักษะ แล้วใช้เวลา ไม่อย่างนั้นใคร ๆ ก็สามารถสร้างเงินล้านได้จากการเทรดไปหมดแล้ว อย่าโทษสิ่งใด แต่จงรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อคุณได้ปลูกฝังสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว คุณก็จะมีความสามารถในการรับผิดชอบอย่างสมบูรณ์ โชคดีในการเทรด" - จุดที่เราจะซื้อหุ้นส่วนใหญ่จะต้องเป็นจุดที่ทะลุผ่านแนวต้านไปแล้วเท่านั้น - แต่บางครั้งการทะลุแนวต้านแบบหลอก ๆ เราจึงต้องสังเกตแล้วรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น - ไม่มีใครที่จะทำนายตลาดได้ แน่นอนบางทีอาจจะโดนหลอกหลายรอบ แต่รอบที่จริงต้องเชื่อมั่น - แม้แต่การกระจายออกของหุ้น มันจะถูกทำให้เหมือนว่าจะทะลุแนวต้านตลอด แต่ก็ไม่สามารถยืนได้จริง - ประสบการณ์จะสอนใจเราว่า เราต้องทำอย่างไรให้สร้างกำไรในระยะยาวได้ รูปแบบหน้าเทรดจะต้องขึ้นอยู่กับคน ๆ นั้น
หนังสือ Short-Selling with the O'Neil Disciples: Turn to the Dark Side of Trading ของ Gil Morales and Chris Kacher - Short Sell อาจจะไม่ใช่ทางสำหรับทุกคน แต่มันเหมาะสำหรับคนที่เห็นกราฟอย่างชัดเจน - เมื่อเราชอร์ตหุ้น เราก็จะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าทิศทางของราคามันจะไปยังทิศทางใด ซึ่งส่วนใหญ่ราคาหุ้นมักจะร่วงมากกว่าขึ้น - ตลาดหมีมักจะมีช่วงเวลาที่ยาวนานเป็นอันดับสอง ส่วนตลาดออกข้างจะมาเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาล เราจึงต้องหาทางทำกำไรทุกสภาวะ - พอร์ตหุ้นของเราจะต้องโฟกัสให้ชัดว่า หุ้นแบบไหนเหมาะกับการชอร์ตมากกว่าการถือยาว เพราะหุ้นแต่ละตัวมีนิสัยแตกต่างกัน - การเทรดแบบขาลง จะเหมือนกันเลยกับการเทรดแบบขาขึ้น แค่กลับทิศกันแล้วการลงมักจะรุนแรงกว่าขึ้นเสมอ
มีคนมาปรึกษาว่า ทำงานที่เดียวกับแฟนแต่แฟนไม่เคยชวนกินข้าวเที่ยงเลย เคยคุยกันเรื่องนี้แล้ว แต่เขาบอกว่าอยากไปกับเพื่อนมากกว่า เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน นาน ๆ ทีจะได้อยู่กันที อาทิตย์ละหนึ่งวัน แล้วมันรู้สึกว่าเหมือนเขาไม่อยากใช้เวลากับเราเลย บางทีก็รู้ตัวว่าทำแบบนี้ แต่ก็ยังไม่เลิกกับเขาไป อยากรู้ว่าคู่คนอื่นเป็นแบบเราไหม เรื่องแบบนี้เราเก็บมาไม่พอใจ เราผิดไหม แล้วมีวิธีแก้ไขไหม หรือว่าเราเยอะเกินไป - คำว่าคู่ชีวิตอาจจะไม่จำเป็นต้องทำอะไรเป็นคู่ตลอด มันอยู่ที่คู่เราว่าเขาชอบอะไรแบบไหน - เมื่อความสุขของคนเราไม่เท่ากัน มันก็จึงต้องหาทางออกให้เจอว่าเราจะทำอย่างไร - ไม่มีสิ่งใดหมุนรอบตัวเรา จงอย่าใช้ชีวิตเหมือนว่าต้องคิดว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ หวังดีกับแฟนให้มากที่สุดจะดีกว่า - การที่เรามอบความรักให้กับแฟนของเรา หรือคนรอบข้างของเรา มันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างชัดเจนว่า ความสุขคืออะไร - ยิ่งให้ยิ่งได้ คำนี้เป็นคำที่สำคัญอย่างยิ่ง คนส่วนใหญ่กลัวว่าเราจะไม่ได้รับ แล้วมองอย่างตรงไปตรงมาว่า ถ้าไม่เรียกร้องจะได้ ได้อย่างไร
ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ความสุขขั้นสุดของมนุษย์อาจจะมีเพียงแค่กึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยความสุขของสัตว์เลี้ยงเราก็ได้" - บางทีสัตว์เลี้ยงของเรามันอาจจะทุกข์ในแบบของมัน แต่มองเผิน ๆ มันน่าจะมีความสุขกว่ามนุษย์ก็ได้ - ปัญหาของมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่เสมอ แต่ปัญหาของสัตว์อาจจะไม่ได้สำคัญอะไรกับมันขนาดนั้น - ความทุกข์ของสัตว์เลี้ยงน่าจะเป็นสิ่งที่มันรู้ว่า เจ้าของกำลังจะทิ้งมัน หรือว่ามันกำลังจะตายนี่อาจจะจับต้องได้ - สังเกตสีหน้าแววตาของสัตว์เลี้ยงของเราบ้าง มันอาจจะสอนใจอะไรเราได้บ้าง อย่างน้อยก็สอนให้เราปล่อยวาง - เมื่อการแบกโลกทั้งใบอาจจะดูหนักอึ้งเกินไป เรียนรู้ให้ได้ว่าเราไม่ใช่พระอิฐพระปูน ไม่จำเป็นต้องทนทุกอย่าง
หนังสือ Healing from Toxic Relationships: 10 Essential Steps to Recover from Gaslighting, Narcissism, and Emotional Abuse ของ Stephanie Moulton Sarkis - 10 ข้อในการผ่านพ้นคนเป็นพิษได้นั่นก็คือ 1. ป้องกันหรือสร้างขอบเขตในการติดต่อ 2. สร้างระบบให้ชัดเจน 3. ให้อภัยตัวเอง 4. สร้างขอบเขตของตัวเอง 5. สนทนากับผู้รู้ 6. โอบกอดตัวเอง 7. เชื่อมต่ออีกครั้ง 8. ความทุกข์ 9. มองไปข้างหน้า และ 10. หลีกเลี่ยงและป้องกันคนที่เป็นพิษ - ไม่มีใครอยากจะพบเจอปัญหา หรือคนที่เป็นพิษ แต่เราต้องรู้วิธีในการเยียวยาจิตใจด้วย - รู้หลักการก่อนว่า ไม่มีใครอยากเป็นพิษให้แก่กัน แต่บางทีตัวเราเองก็มีโอกาสเป็นพิษให้กับผู้คนรอบข้าง - ความสุขในชีวิตมันคือสิ่งที่ท้าทายกับความรู้สึกของเรามาก ให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้กับประสบการณ์ที่ไม่ดีด้วย - บางความสัมพันธ์ต้องตัดทิ้งไป บางความสัมพันธ์ควรรักษา และบางความสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก
มีคนมาปรึกษาว่า ตอนนี้เรียนอยู่มหาลัยค่ะ พ่อกับแม่แยกกันอยู่ ส่วนแม่อยู่กับเราค่ะแต่รู้สึกว่าแม่เป็นพิษกับเรามาก ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก เราไม่สามารถออกไปข้างนอกได้โดยที่เขาไม่ว่าเราเลยสักคำ หรือแม้กระทั่งกลับดึกก็คือประมาณ 2-3 ทุ่ม เขาก็จะว่าเราตลอดว่า ไม่มีบ้านเลยมั้ง บ้านไม่อยากกลับ ทิ้งให้แม่อยู่คนเดียว ถ้าเขาตายก็คงปล่อยให้ตายไปเลยสิ ส่วนพ่อก็คือเป็นคนที่ชอบดื่มเหล้า เวลาเราห้ามก็ไม่ค่อยฟัง เรามีพี่ชายค่ะ แต่เขาจะให้เราไปอยู่ด้วยโดยเสนอว่า ให้แม่ไปอยู่กับพ่อ เพราะอย่างน้อยก็ให้ดูแลพ่อหน่อย เป็นห่วงเพราะแกไปอยู่คนเดียวยิ่งกินเหล้าเยอะก็ยิ่งห่วง ใจเราก็เป็นห่วงแม่ค่ะ ไม่อยากให้อยู่บ้านคนเดียว เพราะมันมีเหตุการณ์ที่แม่เป็นแบบนี้มาตลอด เราได้ยินอะไรแบบนี้ก็รู้สึกแย่ เป็นห่วงทั้งพ่อแม่เลยค่ะ จะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไงดีคะ - ไม่ว่าเราจะตัดสินใจทางใด พ่อแม่ท่านก็จะมีนิสัย และพื้นเพเดิมของท่านอยู่ดี - ให้เราโฟกัสที่ชีวิตของตัวเราเองเป็นหลัก ใช้ชีวิตตัวเองเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลังว่าเราจะอยู่ให้ดีได้อย่างไร - โจทย์ที่ยากที่สุดในชีวิตก็คือ เราอยากจะเปลี่ยนผู้คนรอบข้างให้เป็นดังใจเราไปเสียหมด - ลองปรึกษาทุกคนดูอีกทีหนึ่งเพื่อให้ได้คำตอบ ที่เป็นกลางที่สุด แต่ก็ไม่มีคำว่ากลางในโลกใบนี้อยู่ดี - เมื่อคน ๆ หนึ่งตัดสินใจไปทางหนึ่ง หน้าที่เราคือน้อมรับผลที่ถูกตัดสินนั้น แล้วสอบทานตัวเองว่าเราทำผิดหรือถูกอย่างไร
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "รากของสาเหตุคือการอธิบายในแง่มุมของคำคุณศัพท์ ไม่ใช่กริยา จึงเป็นสิ่งที่ต้องหมั่นถามว่าทำยังไงถึงจะมองเห็นรากของปัญหา ตั้งแต่โลกนี้มีสิ่งมากมายสำเร็จและไม่สำเร็จ เพียงเพราะมีบางคนได้ตัดสินใจทำบางสิ่ง หรือไม่ทำบางสิ่งในหนทางหนึ่ง แม้กระทั่งรากของปัญหาก็ย่อมติดตามไปเหมือนเป็นเงาตามตัว ที่จะบ่งชี้ว่ารูปแบบใดเล่าจึงเกิดขึ้นแบบนั้น แล้วมันก็แน่นอนว่า คนที่น่าเชื่อถือมันก็จะมีโอกาสทำพลาดได้เช่นกัน แต่มันก็ยังพอให้อภัยได้ แต่ถ้าปัญหามันอยู่ที่บุคคลนั้น คุณควรจะตั้งคำถามว่า ทำไมคุณถึงทำมันพลาด และคุณควรจะมีการพินิจพิจารณาถึงความผิดพลาดนั้น ๆ เฉกเช่นเดียวกับอุปกรณ์ของการแก้ไขปัญหาหนึ่งเพื่อหาคำตอบที่ดีเยี่ยมร่วมกัน" - จงจดจำไว้ว่า รากของสาเหตุมิใช่ให้เราต้องไปทำอะไร แต่มันคือที่มาของเหตุผล - เรียนรู้ให้ได้ว่ารากของปัญหาเป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของเหตุผลทั้งหมด ไม่ใช่บทสรุปว่ามันคือปัญหาจริง ๆ รึเปล่า - แต่ถ้าเราไม่รู้จะแก้ที่ไหนจริง ๆ การแก้ไขที่เหตุเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมของการแก้ไขปัญหาทั้งหมดอยู่แล้ว - สิ่งนี้มี สิ่งนั้นจึงมี ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ และดับไปเพราะเหตุ ๆ นั้นเท่านั้นเอง ลองประดิษฐ์บางสิ่งดูแล้วเราจะเข้าใจมากขึ้น - สมการของชีวิตไม่เหมือนสมการคณิตศาสตร์ แต่มันมีความคล้ายคลึงกันว่า ถ้าสมการใดที่เราคำนวณผิด มันจะผิดไปทั้งหมดเลย
หนังสือ The Wisdom of the Bullfrog: Leadership Made Simple ของ William H. McRaven - ปัญญาของอึ่งนั่นมีคุณค่าอย่างไร แล้วเราจะสามารถเป็นผู้นำได้จากอึ่งได้ไหม - งานหนักมีส่วนสร้างผู้นำที่ดี การมีปรัชญาในการดำเนินชีวิตจะช่วยให้เพิ่มความสำเร็จได้ - ความอดทนอดกลั้น ไม่ใช่เพียงแต่มันคือความอดทน แต่มันเป็นการมุ่งมั่นที่จะไปต่อในทิศทางที่ใช่ - อย่าลืมว่าคนตัวเล็ก ไม่ใช่ว่าใจต้องเล็กตาม ใจไม่มีขอบเขตที่แน่นอน มันอยู่ที่เรากำหนดมันขึ้นมา - บรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ให้ได้ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาที่ยาวนานสักเพียงใด เพราะนี่คือทั้งหมดของชีวิตผู้นำ
มีคนมาปรึกษาว่า ตอนนี้หนูรู้สึกเหนื่อยกับงานมาก ๆ เลย เรื่องของเรื่องก็คือเพิ่งย้ายสายงานมาเริ่มทำงานฝ่ายขาย แล้วมันต้องปรับตัวเยอะ แถมหาลูกค้ายากมาก ตอนนี้เลยรู้สึกมืดแปดด้านไปหมด หนูควรพยายามทำงานนี้ต่อไปดีไหม ตอนนี้อายุ 35 ปีแล้วรู้สึกปรับตัวกับงานยากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยค่ะ - ความรู้สึกเหนื่อยกับงานในยุคสมัยหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่บางช่วงยุคสมัยก็อาจจะเป็นเรื่องแปลก - โดยมากแล้วเกือบทุกคนก็จะรู้สึกเหนื่อยกับงานอยู่แล้ว ซึ่งเราจะต้องสอบทานตัวเองว่าเรารู้สึกเหนื่อยกว่ายุคสมัยหรือเบากว่ายุคสมัย - เศรษฐกิจมีส่วนสำคัญอย่างมากในการที่เราจะมีความสบายหรือลำบาก ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ เพราะทุกสิ่งไม่ว่าดีหรือแย่มันจะทำให้เราหลงระเริง - อายุก็มีผลต่อการปรับตัว ยิ่งเราทำอะไรเดิม ๆ ซ้ำ ๆ นานเกินไป จนลืมไปว่าเราควรพัฒนาในสายงานอื่น หรือเกี่ยวโยงกันไปบ้าง เพื่อลับมีดในสมอง - การรับมือช่วงขาขึ้นของการขายย่อมบ่งชี้อะไรได้มากกว่า ช่วงขาลงของการขาย จงขายสินค้าและบริการที่ลูกค้ากลับไปแล้วเขาจะมีความสุข แล้วเราก็มีความสุข
ข้อความโพสต์จาก Ryan Holiday ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อบุคคลใดไม่สามารถค้นหาความหมายเบื้องลึกได้ พวกเขามักจะถูกขัดขวางจากความสุขอันแท้จริง - Viktor Frankl" - ปัญหาของชีวิตส่วนใหญ่คือ เราไม่รู้ว่าความหมายของชีวิตมันคืออะไร - ความสุขในชีวิตมันอาจจะเป็นสิ่งที่ตามหาได้ยาก แต่มันอยู่ที่ตัวเราว่าเราจะจัดการอย่างไรกับความทุกข์ - จงตามหาความหมายของชีวิต ไม่ใช่ตามหาความสุข ถ้าเราเจอสิ่งที่เราต้องการ เราจะมีความสุข - ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว อย่างน้อยที่สุดเราควรจะทำสิ่งที่เรารักไว้บ้าง เช่น กิจกรรมเสริมความสุข - ความทุกข์จะช่วยให้เรารับรู้ว่าตัวเรามีอยู่ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าจมอยู่กับความทุกข์ที่เจอแต่ให้โต้คลื่นของความทุกข์ไป
หนังสือ Trading Beyond the Matrix: The Red Pill for Traders and Investors ของ Van K. Tharp - การเทรดเป็นเกมภายใน ไม่ใช่เกมภายนอก บางทีเราต้องจัดการกับความรู้สึกที่เราต้องรับมือ - จิตวิทยาในการเทรดก็คือ จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการเริ่มต้นใหม่ มันคือยาสีแดงของชีวิต - บางครั้งชีวิตเราก็ต้องเลือกระหว่างยาสีฟ้ากับยาสีแดง แล้วยาสีแดงมันหมายถึงการยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น - กราฟจะขึ้นหรือลง มันอยู่ที่คนมองเห็นมัน ระบบจะไม่มีอารมณ์ร่วม แต่มนุษย์มักมีอคติในการซื้อขายเสมอ - กลไกของตลาดสัมพัทธ์กันกับกลไกของความรู้สึกมันจึงเกิดเป็นกระบวนการสร้างที่เรียกว่า เมทริกซ์
มีคนมาปรึกษาว่า อยู่กับแฟนมา 4-5 ปี ช่วงปีแรก ๆ คือช่วยเหลือกันตลอด ขนาดมีลูกแล้วตอนนั้นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นก็ยังช่วยกันเหมือนเดิม แต่พอช่วงปีที่ 3 ของการคบกันก็ไม่เคยหยิบยื่นให้เลย เพราะจ่ายค่ารถไปหมด แถมมีค่าใช้จ่ายส่วนตัว แฟนเราก็มีรับผิดชอบเรื่องลูกบ้าง แต่ส่วนใหญ่พ่อแม่แฟนจะรับผิดชอบเกือบทั้งหมดเพราะเขาเอาหลานไปเลี้ยง มีบางครั้งที่พ่อแม่แฟนก็มาขอเงินเราด้วยซึ่งแฟนเราก็ไม่เคยให้เงินเราเลย โดยรวมแล้วแฟนเราก็รับผิดชอบตัวของเขาเองแค่นั้นเลย ตอนนี้เราต้องทนเลี้ยงดูเขา ที่มีทั้งค่าห้อง ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เต็มไปหมด จนกระทั่งมันสะสม แล้วเราก็เลยตัดสินใจจะจบความสัมพันธ์ พร้อมกับหางานใหม่เพื่อออกจากวังวนนี้ เพราะว่าเราให้แฟนเราออกไปอยู่ที่อื่นเขาก็ไม่ยอม เราผิดเหรอคะ เราเหนื่อยจริง ๆ กับเรื่องนี้ - เมื่อเวลาเปลี่ยนคนก็มักจะเปลี่ยนไป แต่ปัญหาจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น - ความสุขของชีวิตจะเนื่องด้วยความสมบูรณ์ของจิตใจ มากกว่าความสมบูรณ์ของครอบครัว - ถ้าใจของเราบอกว่าให้แยกกันอยู่ หรือว่าเลิกกันแล้วพลังนี้มันรุนแรงมาก ๆ ก็ให้ตัดสินใจตามนั้น - การที่เรามีลูกด้วยกัน การตัดสินใจส่วนหนึ่งก็ให้คิดถึงลูกด้วยเสมอ อย่ามองแค่ความรู้สึกของตัวเองเด็ดขาด - เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร มันเหมือนว่าเราจะไม่สามารถตอบได้ว่า ถ้ามีเงินแล้วทุกอย่างจะดีกว่านี้ไหม
ข้อความโพสต์จาก Ryan Holiday ได้เขียนข้อความไว้ว่า "จงเงียบ ขยันหมั่นเพียร และมีสุขภาพที่ดี มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องใช้พลังหรือทักษะอะไรมากมายในการดำเนินไป มันคือส่วนหนึ่งของสติปัญญาที่เรามีอยู่แล้ว" - ต้นทุนของชีวิตก็คือทรัพยากรที่เรามี และสร้างมาได้ว่าเราจะจัดการมันอย่างไร - ปัญหาของทุกคนที่ใช้ชีวิต มักจะเป็นปัญหาที่เราเพิกเฉยมันไปเลยจนลืมว่าเราควรทำชีวิตให้ดีด้วย - ความเงียบคือเงียบฟัง ไม่ใช่ว่าให้เงียบและไม่สนใจสิ่งใด เราจึงต้องหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อกรอบขอบเขตที่เราคาดหวังไว้ด้วย - ความสุขของวันนี้คือการที่เราทำงานหนัก เพราะเรารู้ว่ามันคือสิ่งสุดท้ายที่เราจะต้องทำมัน ไม่ใช่ว่าเราเลือกไม่ได้ แต่ต้องเลือกให้ดี - สุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่ห้ามต่อรองโดยเด็ดขาด เราจึงต้องน้อมนำความจริงให้ได้ว่า เราคือคนที่ต้องรับผิดชอบร่างกายของเราเอง
หนังสือ The Bezos Blueprint: Communication Secrets of the World's Greatest Salesman ของ Carmine Gallo - เมื่อการสนทนา ตกลงทำสัญญา รวมไปถึงการสื่อสารอาจจะเป็น 80% ของความสำเร็จในองค์กร - การขายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจว่าเรามีดีอะไร แล้วมันเป็นส่วน 20% ที่เหลือของความยั่งยืน - ความสำเร็จของ Amazon.com เป็นเพียงแค่แง่งามหนึ่งของคนก่อตั้ง Jeff Bezos เพราะกระบวนการสร้างอยู่ที่คน - ลองทำมันให้ง่าย สร้างเรื่องราวให้น่าติดตาม และพยายามรวบรัดให้สั้น แต่ได้ใจความนี่เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสาร - ทักษะใดเล่าจะมีคุณค่าไปมากกว่าการทำให้ชีวิตดีขึ้นได้จริง นั่นคือแสดงออกอย่างสิ่งที่เหมาะสมต่อบริบทที่เรายืนอยู่
มีคนมาปรึกษาว่า อยากปรึกษาหน่อยค่ะ คือทุกครั้งที่เรามีการไปเที่ยวต่างประเทศกับแฟน เราจะคิดในใจตลอดทุกครั้งว่า ถ้ากลับไทยไปคราวนี้จะเลิกแน่ ๆ ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากทนอะไรแบบนี้ พอดีคนนี้คือแฟนคนแรก เราเลยไม่รู้ว่าจริง ๆ เราควรใจเย็นกว่านี้ ค่อย ๆ คิดหรือมันเป็นบทพิสูจน์คะ ว่าเราไปกันไม่ได้จริง ๆ คือเรื่องมันก็จะประมาณว่าเดินไปทางไหนพอแฟนเราเจอคนสวย ๆ ก็จะชมแบบลาว ๆ เสี่ยว ๆ ว่าสวยจังน้องสาวไปไหนจ๊ะ แล้วก็จะบอกให้เพื่อนมองตลอดทางว่าให้ดูคนนั้นสิคนนี้สิ เวลาพาเขาหลงทางขึ้นรถไฟผิดสถานีเขาก็โทษเราว่า เราไม่มีความสามารถ ไม่รู้เรื่อง เวลาเราอยากไปที่นั่นที่นี่ คือมันเป็นที่ขายขนมต่าง ๆ แต่เขาไม่รู้จัก เขาก็ตัดสินไปเลยว่ามันน่าเบื่อไม่น่าไปหรอก รูปภาพเขาก็ไม่สนใจเหมือนกัน เขาไม่เชื่อว่ามันจะดี โดยรวมก็จะประมาณนี้ทุกครั้งที่ไปเที่ยวเลยค่ะ จะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดีคะ - ถ้าหากว่ามันเป็นปัญหาที่ใจให้แก้ที่ใจ แต่ถ้ามันเป็นปัญหาที่สภาพแวดล้อมให้แก้ที่ตรงนั้น - อย่าลืมว่าการไปเที่ยวด้วยกันที่ต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดเป็นจุดวัดใจที่สำคัญ หากว่าเราไม่เรียนรู้ที่จะยอมรับเราจะไม่มีความสุข - ปัญหาของคนส่วนใหญ่ก็คือลืมมองไปว่า เราไม่สามารถจะไปเปลี่ยนใครได้นอกเสียจากเปลี่ยนแปลงตัวเอง - การจะพิสูจน์ว่าคู่ของเราใช่หรือไม่อย่างไร พิสูจน์ได้ด้วยการลองไปเที่ยวด้วยกัน แล้วหลังจากไปเที่ยวเราทบทวนตัวเองบ้างไหม - ทั้งนี้ ไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับความสัมพันธ์ บางครั้งเราก็อาจจะรู้จักคน ๆ นึงด้วยระยะเวลา หรือไม่ก็การไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันก็มี
ข้อความโพสต์จาก Mark Minervini ได้เขียนข้อความไว้ว่า "คำคมของวันนี้ก็คือ มันไม่มีอะไรที่เราจะไปต่อต้านการซื้อและถือหุ้น แต่มันจะต้องย้ำเตือนตัวเองว่าให้ต่อต้านการซื้อและถือหุ้นที่มันไม่มีแนวโน้มที่จะขึ้นอีกต่อไป" - เราถือหุ้นได้ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องถือหุ้นทั้งหมดที่เราเคยซื้อ - หากว่าหุ้นที่เราซื้อและถือมันไม่มีโอกาส หรือแนวโน้มที่จะขึ้นน้อยมาก ให้ขายหุ้นนั้นทิ้งโดยไม่ต้องคิดมาก - ตั้งกรอบเวลาให้ชัดเจนว่า หุ้นที่เราจะถือต้องการถือเท่าไหร่และนานแค่ไหน ไม่ใช่ว่าซื้อทุกตัวแล้วไม่ยอมขาย - บางคนมีหุ้นในพอร์ตเกิน 10 ตัว แถมบางคนมีเป็น 100 ตัว ซึ่งเราจะไม่สามารถโฟกัสได้เลยว่าหุ้นแต่ละตัวนั้นมีประสิทธิภาพอย่างไร - แนวโน้มเป็นตัวกำหนดว่าเราควรจะซื้อและถือ หรือขายมันทิ้งไป ไม่ใช่จำนวนขาดทุนอย่างเดียว เพราะจะต้องดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
หนังสือ กุญแจอ่านงบการเงิน ของ เอิญ สุริยะฉาย - กุญแจที่ไขไปสู่อีกประตูของความสำเร็จ ก็คือการอ่านงบการเงินอย่างละเอียด - ปัญหาของนักลงทุนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเข้าใจความแตกต่างระหว่างหนี้สินที่ดีกับหนี้สินที่เสีย - เราจึงต้องสังเกตงบกระแสเงินสดให้บ่อยครั้ง จำนวนวันที่เราต้องชำระหนี้คืนกับเจ้าหนี้ก็สำคัญ - ศึกษางบการเงินไปเรื่อย ๆ โลกของการเงินไม่มีวันจบสิ้น มันจะทำให้เรารู้สึกมหัศจรรย์ว่ามีอะไรแบบนี้ด้วย - หนังสือของผู้เขียนอาจจะมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่ยังไงแล้วอ่านซ้ำหลายรอบเป็นสิ่งที่จำเป็น
มีคนมาปรึกษาว่า อยากมาสอบถามค่ะว่าเราควรตัดสินใจเกี่ยวกับแฟนยังไงดี คือข้อดีของแฟนคือ เขาสามารถเลี้ยงตัวเองกับครอบครัวเขาได้ ไม่ต้องเป็นภาระให้เรา แถมเขายังพร้อมที่จะสร้างครอบครัวกับเราได้ แต่เขาชอบพูดจาไม่ให้เกียรติเราต่อหน้าคนอื่น เช่น คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาพูดเล่น แบบเวลาที่เราทำอะไรผิด ก็จะพูดประมาณว่า ทำแบบนี้ทำไม ไม่รู้เรื่องเลยเหมือนเราดูโง่มากเลย หรือบอกว่าเราอ้วนไม่สวยและชอบพูดว่าตัวเองเขามีกิ๊กนะ เคยมีบ้างอะไรแบบนี้ พอพูดเยอะเราก็โมโห แฟนเราเขาก็หัวเราะชอบใจ แต่เขาก็มีมุมดี เขาช่วยเหลือเราตอนเราลำบากดูแลเอาใจใส่ พาไปเที่ยวกินข้าว ภาพอนาคตเขามีเราอยู่ในนั้นด้วย แต่เรื่องเดียวก็คือคำพูด คือปากไม่ค่อยดี แล้วเราจะรับมือกับเขาได้จริงไหมคะ - ถ้านิสัยส่วนตัวของเขาไม่ได้กระทบต่อความสัมพันธ์ แสดงว่าความสัมพันธ์อยู่ในเกณฑ์ดี - แต่ถ้าเรารู้สึกว่าความสัมพันธ์ไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่มีให้กับแฟนของเรา มันจะปัดตกไปทันที - บางทีชีวิตก็เหวี่ยงบททดสอบให้เราเรียนรู้ว่า การจะอยู่กินกันไปยันแต่งงานกันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย - ความถูกใจก็สู้ความถูกต้องไม่ได้ เขาถูกต้องกับใจเรารึเปล่า เรื่องเล็กน้อยมองข้ามไปได้ไหม - การเอาใจเขามาใส่ใจเราจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ บางคนนิสัยดีจริง แต่ไม่เคยคิดจะเอาใจใส่เราเลย
ข้อความโพสต์จาก Mark Minervini ได้เขียนข้อความไว้ว่า "5 กฎที่เราจะสร้างชีวิตให้เป็นนักเทรด 1. เอาเงินออกมาจากบัญชี และไม่ต้องสนใจผลลัพธ์ และไม่ต้องคำนึงถึงจุดที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง 2. เลือกท่ามาหนึ่งท่า เลือกฟังครูสอนเพียงหนึ่งเดียว ที่จะมาเป็นผู้นำทางให้กับเราว่าเขาได้ผ่านประสบการณ์ที่โชกโชนมาบ้างไม่มากก็น้อย 3. อย่าเพิ่งรีบตัดสินว่าทำได้หรือไม่ได้ ไม่ต้องสนใจนาฬิกาที่กำลังเดินไป ไม่ต้องกำหนดแรงต้านให้กับตัวเอง แล้วก็ให้เวลาตัวเองได้ทดลอง 4. ยอมรับทุกผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นใน ณ ตอนนี้ที่มันจะมาเป็นครูสอนที่ดี จงสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับการสูญเสียหรือผิดพลาด แล้วมองเป็นบทเรียนที่ล้ำค่า และ 5. จงฝึกซ้อมตัวเองในการเทรดว่าเป็นความสำคัญมากที่สุดลำดับต้น ๆ ในทุกวัน" - อย่าเพิ่งรีบที่จะประสบความสำเร็จจากการเป็นนักเทรดโดยเด็ดขาด - หากว่าเรารีบ ผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็นนั้นจะไม่สามารถปรากฏขึ้นมาได้เลย - ใช้เวลา ใช้เวลา และใช้เวลา ทุกการเดินทางจำเป็นจะต้องใช้เวลา เพราะบางทีจุดเรียนรู้คือจุดเดือดที่สูงพอสมควร - สนใจใคร่รู้ในเรื่องที่ควรสนใจ เช่น หน้าเทรด ระบบเทรด จิตวิทยาการเทรด และจำนวนเงินที่ลงไปในแต่ละครั้งที่เราเทรด - เมื่อเรามีเป้าหมายชัด วันนี้ที่เราพอทำได้คือ ฝึกซ้อมในการเทรดให้มากที่สุด ใช้เงินจำนวนหนึ่งที่เราพอที่จะเสียได้ แต่ก็รู้สึกชัดถ้าเราเสียเงินไป
หนังสือ The Will to Change: Men, Masculinity, and Love ของ bell hooks - ความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้ชายสามารถทำได้ ไม่ใช่แค่เพศ แต่เป็นความเชื่อมั่น - บางทีความเป็นชาย ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศชายสูงเกินไป มันก็อาจจะส่งผลต่อความเป็นพิษได้เช่นเดียวกัน - หากว่าเราลองมองดูความเป็นเพศชาย เช่น พ่อ ปู่ ตา หรือบรรพบุรุษที่มีความเป็นชายสูง เขาก็มักจะส่งต่อความเจ็บปวดแฝงภายในมาตลอดเวลา - ความเปราะบางของเพศชายนั้นยิ่งใหญ่กว่าเพศหญิง เหตุผลที่ผู้ชายหลายคนไม่ค่อยพูดคำว่าขอโทษ ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากพูด แต่เขาถูกสอนมาว่าห้ามอ่อนแอ - มันจึงเป็นผลกระทบที่เป็นวงกว้างไปรุ่นสู่รุ่น ว่าเพศชายต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ในความเป็นจริง เพศทุกเพศก็มีความรู้สึกไม่แพ้กัน แต่การรับมือต่ออารมณ์นั้นต่างกัน
มีคนมาปรึกษาว่า ขอปรึกษาเรื่องความรักหน่อยค่ะ เราคบกับแฟนมาปีกว่าแล้ว อยู่ด้วยกันมาครึ่งปี แรก ๆ ทุกอย่างก็ดูดีไปหมด พอหลัง ๆ เริ่มทะเลาะกันทุกวัน มือถือก็เปลี่ยน ลบข้อมูลรูปภาพหมดเหมือนคนโสดคนนึง แถมแยกห้องกันนอน เราเข้าใกล้เขาไม่ได้เลย พอเข้าไปใกล้ก็หงุดหงิดขึ้นเสียงตะคอกใส่เรา เขาเอาแต่ด่าว่าเราว่าเราเป็นภาระตกงาน สมัครงานที่ไหนก็เงียบ เราทำอะไรก็ผิดไปหมด ส่วนตัวรักเขามากและยอมเงียบทุกอย่าง เราควรทำยังไงดีคะ - ลองจับเข่าคุยกับแฟนเลยว่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้เพราะว่าอะไร แล้วตั้งใจฟังทุกคำที่เขาพูดออกมา - บางทีคู่รักส่วนใหญ่ไม่เคยที่จะ Deep Conversation กันจริง ๆ เหมือนแต่ละคนก็มีความคิดที่แตกต่างกันไป - แฟนเราเขาอาจจะอยากเลิกมาก ๆ ก็ได้ ซึ่งเหตุผลนั้นเราอาจจะไม่ได้เข้าใจมันทั้งหมดในวันนี้ แต่วันหนึ่งเราย่อมเข้าใจได้แน่นอน - ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตก็เหวี่ยงปัญหามาให้เรา แต่แน่นอนว่ามันก็ย่อมเหวี่ยงความเข้าใจมาได้ถ้าเรารู้จักตั้งคำถามให้ถูกทาง - คนหมดใจก็จะมีอาการ เบื่อหน้า รำคาญเวลาได้ยินเสียง รวมไปถึงทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปเสียทุกอย่าง ให้เราแก้ที่ใจจะดีที่สุด
ข้อความโพสต์จาก Mark Minervini ได้เขียนข้อความไว้ว่า "สำหรับนักลงทุน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่เวลาราคามันย่อลงมาแล้วจะมองว่ามันคือโอกาสของการซื้อ ความผันผวนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องเติมเงินใส่เข้าไปหรือว่าเริ่มอยากให้หุ้นมันขึ้น มันจะไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยที่จะบอกว่าการที่ราคาร่วง 50%-90% คือโอกาสในการซื้อ แต่ความเป็นจริงเราจะต้องจัดการความเสี่ยงเพื่อที่จะเลี่ยงให้หุ้นร่วง รักษามูลค่าของสินทรัพย์ และให้ดูว่ามันจะสามารถสร้างกำไรทบต้นได้หรือไม่ คำตอบก็คือความผันผวนเป็นสิ่งที่อันตราย จงเคารพและเลี่ยงได้ยิ่งดี" - หากว่าเราต้องการจะซื้อหุ้นที่ย่อจริง ๆ เราก็ต้องดูกราฟทางเทคนิคให้ดี ๆ เพื่อป้องกันการขาดทุน - สิ่งที่เรารับรู้ กับสิ่งที่มันเป็นไปอาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปัญหาก็คือต้องสังเกตว่าเรารับรู้ตรงกับความจริงไหม - ไม่ใช่เราจะไปนั่งบอกว่า ทุกการลงของราคาหุ้นมันจะจบลงที่ใจเราคิด เพราะเราไม่มีทางรู้จนกว่ากราฟจะสร้างแนวรับที่ชัดเจน - จุดตัดขาดทุนจะเป็นตัวเน้นย้ำว่า เราพลาดไปแล้ว อย่ามัวแต่มองเงินจนลืมอนาคตที่เราสามารถสร้างได้อย่างเด็ดขาด - นักลงทุนไม่ใช่ง่ายที่จะเป็นอาชีพนี้ เพราะมันไม่มีใครมาบอกให้เราทำ เราทำงานนี้ด้วยเหตุผลใดก็ตามขอให้ตั้งใจทำ
หนังสือ Wealth Exposed: This Short Argument I Overheard Made Me A Fortune... Can It Do The Same For You? ของ M.J. DeMarco - การสนทนาที่มีมูลค่าแบบประเมินค่ามิได้เป็นอย่างไร นั่นคือการสนทนาที่มาจากการตกตะกอน - อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ สังเกตทุกสรรพสิ่งให้ได้แล้วเราจะเข้าใจว่าทุกเรื่องในชีวิตสามารถพัฒนาไปได้ - ถ้าเราอยากจะกินเค้กชิ้นใหญ่ เราก็ต้องสร้างแป้งให้มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ไม่ลงทุนลงแรงอะไรเลย - มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ใคร่รู้กับบางสิ่งบางอย่างมาก ๆ การที่เราจะร่ำรวยได้ก็จำเป็นจะต้องสร้างผลกระทบด้านบวกให้มาก - งานประจำเป็นงานที่มั่นคง แต่ไม่ใช่งานที่จะสามารถสร้างอิสรภาพทางการเงินได้ รวมไปถึงเราต้องเข้าใจว่าทิศทางสำคัญกว่าความเร็วเสมอ
มีคนมาปรึกษาว่า ขอคำปรึกษาได้ไหมคะ พอดีว่าหนูรู้สึกเหมือนว่าเข้าข่ายจะเป็นโรคซึมเศร้า ตั้งแต่เลิกกับแฟนที่คบกันได้ 3 ปีมาแล้ว หนูควรไปพบจิตแพทย์ดีไหมคะ อาการก็ประมาณว่ากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไปข้างนอกก็มีร่าเริงบ้าง พอกลับมาห้องก็เอาแต่ร้องไห้ มันพอจะมีวิธีเยียวยาจิตใจยังไงได้บ้างคะ - ถ้าอยู่ในช่วงระยะทำใจก็อาจจะเป็นเรื่องที่ปกติสามัญ ที่เราจะรู้สึกเสียอกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา - การจะไปพบจิตแพทย์ก็ขอให้ความรู้สึกของเรามันกระทบกับชีวิตเราจริง ๆ รวมไปถึงเปิดใจรับฟังทุกเรื่องก่อนอย่างแรก - หากว่าอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับยาวนานเกิน 1 เดือนหลังจากที่เรารู้สึกซึมเศร้า ก็สามารถปรึกษาแพทย์ได้เลย - วิธีเยียวยาจิตใจได้ก็จะขึ้นอยู่กับนิสัยเรา แต่ตามหลักก็คือ ออกกำลังกาย ฟังธรรม และหาหนังสือจิตวิทยามานั่งอ่านบ้าง - ยังไงแล้วก็ลองหาเพื่อน ครอบครัวมารับฟังหรือเราลองไปปรึกษาคนที่ปรึกษาได้ดูก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องกังวลเกินไป หายใจเข้าลึก ๆ เผื่ออาการจะทุเลาลง
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "สิ่งหนึ่งที่ต้องเน้นย้ำถึงปัญหา นั่นก็คือความแม่นยำของการวินิจฉัย และประสิทธิผลของผลลัพธ์นั้นดีอย่างไร เราควรที่จะมีแผ่นกรองเพื่อทดสอบว่าปัญหาที่เราแก้นั้นมันเป็น 1. เขาสามารถระบุถึงปัญหาที่แก้ได้ด้วยวิถีทางใด และ 2. เขามีการแก้ไขปัญหาที่ประสบความสำเร็จอย่างไรบ้างในอดีต" - ในความหมายที่ว่าผู้คนที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไร ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรู้ว่าคุณควรทำอะไร - ปัญหาใหญ่ที่สุดของชีวิตก็คือ เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราคิดมันเป็นอย่างไร แล้วอะไรกันแน่ที่ควรคิด - แผ่นกรองคือตัววัดผลว่าเราควรจะต้องคิด พูด หรือกระทำอย่างไร ในสิ่งที่ชีวิตนั้นบอกให้เราทำ - สังเกตผู้คนที่เราจะเชื่อมั่นในตัวเขาว่า เขามีท่าทีอย่างไรต่อปัญหาและ ปัญหาที่เขาได้ทำมาเป็นอย่างไรบ้าง - ความสำเร็จในอดีตอาจจะไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ดีของอนาคต แต่พอนำมาเป็นแง่มุมได้ว่า เขาใช้หลักการใดในการตัดสินใจ
หนังสือ Mastering the Market Cycle: Getting the Odds on Your Side ของ Howard Marks - สินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวมของ Oaktree ทั้งหมด อยู่ที่ 193 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 6 ล้านล้านบาท - การจะรู้ว่าเราควรจะลงทุนในสินทรัพย์ใด ณ ช่วงเวลาใด จะขึ้นอยู่กับความรู้ บวกกับผลตอบแทนเฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) - ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม แต่จะไม่ได้เหมือนเดิมแบบครบถ้วนสมบูรณ์ มันจึงมีจุดแตกหักของการเข้าไปลงทุนของรายย่อยได้เสมอ - กองทุนของเอกชน และกองทุนของรัฐบาล ล้วนมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันนั่นก็คือ เขาจะไม่ยอมขาดทุนโดยเด็ดขาด แล้วถ้าเกิดการขาดทุนรายย่อยจะเจ็บหนักสุด - ระยะเวลาของวัฏจักรตลาด คือ 1. เริ่มมองโลกในแง่ดี 2.ตื่นตัว นี่คือจุดสูงสุดของอารมณ์ หลังจากนั้น 3.เริ่มผิดคาด 4.เริ่มมองโลกในแง่ร้าย 5.ยอมแพ้ นี่คือจุดต่ำสุดของอารมณ์ และ 6.เริ่มฟื้นตัวต่อไป