Podcast สาระนานาประโยชน์ เช่นจิตวิทยา ปรัชญา ธรรมะ ฯลฯ และชวนคุยเรื่องปัญหาชีวิตในทุกแง่มุม ผสมผสานอย่างลงตัวด้วยความเชื่อที่ว่า 'ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ'
มีคนมาปรึกษาว่า อยากทราบว่า คนที่เขาคบกับแฟนมานาน ๆ แล้วเลิกกัน ต้องกลับมาใช้ชีวิตเองคนเดียว ทั้ง ๆ ที่ยังรักเขามาก เขาทำยังไงกันคะที่ถึงจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ตอนนี้หนูจมกับความรู้สึกนี้มาสักพักแล้วค่ะ - ฝึกวิชาถ้าเผื่อเอาไว้ เผื่อใจเอาไว้บ้าง ในทุกเรื่องราวของชีวิตที่ผ่านมา - เมื่อเราค้นหาตัวตนของเราเจอแล้วว่า เราต้องการอะไรบ้างที่ชีวิตเราจะสมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น - การใช้ชีวิตคนเดียวหลังจากที่เราไม่ได้ใช้ชีวิตคนเดียวมานาน มันก็คือภาวะการปรับตัวหลังพบเจอการเปลี่ยนผ่าน - ทุกชีวิตล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ใช่เพียงแค่เราเปลี่ยน แต่สรรพสิ่งรอบข้างย่อมเปลี่ยนตาม - ไม่มีใครในโลกไม่พบเจอการปรับตัวใด ๆ เลย ทุกคนพบเจอการปรับตัวเล็ก ๆ ไปสู่สิ่งที่ใหญ่มากยิ่งขึ้นตามอายุ
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อเราได้รับผลลัพธ์ขั้นแรกก็คือ เราจะรู้สึกได้รับสิ่งที่พึงปรารถนา ในขณะหลังจากนั้นมักจะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกัน หากโฟกัสเฉพาะลำดับแรกให้เยอะสุดมันก็จะทำให้การตัดสินใจนั้นผิดพลาดได้มาก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถามผมว่า ถ้าผมไม่อยากให้ฝนตก ผมก็จะตอบไปว่า ใช่ แต่ผมจะไม่คิดถึงลำดับต่อไปหลังจากที่ฝนตกนั้น" - จงพิจารณาถึงลำดับขั้นต่อไปของผลลัพธ์ มิใช่คิดแค่ลำดับแรกเท่านั้น - เมื่อเราขาดการตระหนักรู้ถึงปัญหาในลำดับต่อเนื่องไป เราจะขาดประสบการณ์ที่สำคัญ - การตกผลึกทางความคิด เราจะต้องคิดไปจนสุดลำดับขั้นของสติปัญญาในเรื่องราวนั้นเสมอ - ไม่มีทางเลยที่เราจะมีประสบการณ์ โดยการขาดการเข้าใจว่า เราควรเรียนรู้ในอะไรบ้าง - หากเราไม่อยากให้ฝนตก เราจำเป็นจะต้องคิดว่า มันเป็นไปได้ไหม แล้วถ้ามันเป็นไปไม่ได้ควรจะปรับแก้อย่างไร
หนังสือ ความลับของฟ้า ของ ธนา เธียรอัจฉริยะ - เมื่อเราถามฟ้าว่าอะไรคือความลับ มันก็คงน่าจะเป็นสิ่งที่ฟ้านั้นส่งให้เรามาเข้าใจ - โลกเราจะมาเป็นมิตรกับเรา ก็ต่อเมื่อเราเป็นมิตรกับโลก จงเปิดรับสัญญาณเตือนต่าง ๆ ให้ได้ - ชีวิตมันเป็นสิ่งที่น่าฉงนสนเท่ห์ บางสิ่งต้องคิดมันถึงจะได้ แต่บางสิ่งปล่อยมันไปก็อาจจะได้มากกว่า - ข้อคิดต่าง ๆ เราควรจะนำมาปรับใช้กับชีวิตด้วย ไม่ใช่อ่านแล้วแค่จำ เราจึงต้องพินิจพิจารณาอย่างถ้วนถี่ - ทุกความลับอาจจะไม่มีในโลก บางทีเราอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ เพียงแต่เราแค่เพิกเฉยมันไปเท่านั้นเอง
มีคนมาปรึกษาว่า มีใครเป็นเหมือนเราบ้าง คือตอนนี้เราต้องการกำลังใจในบางครั้งค่ะ แต่บางครั้งที่เราเหนื่อยมาก เราก็ไม่รู้สึกต้องการอะไรแม้กระทั่งให้ใครมาถามไถ่ หรือคำพูดใด ๆ จากใคร อยากอยู่เงียบ ๆ เพื่อจัดการความรู้สึกของตัวเองคนเดียว อยู่กับน้องหมาแค่นั้นเลย หรือจริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะเราอยู่กับตัวเองมากไปทำอะไรด้วยตัวเองจนชินคะ - อารมณ์ของมนุษย์ไม่ได้คงที่ถาวร บางวันก็อยาก บางวันก็ไม่อยากเป็นเรื่องปกติ - ตามรู้อารมณ์ของเราในแต่ละวัน สังเกตการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปจากสิ่งนั้น - ชีวิตไม่ได้เดินเป็นเส้นตรงว่า เราอยากอยู่คนเดียวแล้วเราจะอยากใช้ชีวิตคนเดียวไปตลอด - มนุษย์เป็นสัตว์สังคม หากเราปรารถนาจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ก็ควรมีสังคมบ้างตามวาระ - ทั้งนี้ ถ้าเรารักสันโดษจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร ยุคสมัยนี้สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว
ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "คำว่าโชคร้าย มันคือสิ่งที่เราจะชี้วัดมันได้ง่าย ๆ เวลาเราล้มเหลว และการที่เราโชคดีมันก็ง่ายที่เราจะเพิกเฉยเมื่อคุณประสบความสำเร็จ" - คนที่จะกำหนดนิยามความหมายของคำต่าง ๆ อาจจะไม่ใช่ใครแต่เป็นตัวเราเอง - เมื่อเรานิยามคำ ๆ หนึ่งขึ้นมาจงเรียนรู้ให้ได้ว่า เราจะต้องน้อมรับสิ่งที่เรากำหนดมันด้วยตัวเราเอง - แล้วการที่เราจะประสบผลของความโชคร้ายหรือโชคดี มันก็จะขึ้นอยู่กับมุมมองของเราด้วยว่าเราจะปล่อยให้ผลเป็นอย่างไร - ล้มเหลวกับสำเร็จ ต่างกันแค่เพียงความรู้สึก เพราะกว่าจะให้อะไรมันสุกงอม มันย่อมต้องใช้เวลาประกอบเข้าด้วยกัน - ทุกความล้มเหลวคือประสบการณ์อันสำคัญ และทุกความสำเร็จคือจุดหมายที่เราจะต้องเดินไปต่อ ไม่มีทางใดควรหยุดนิ่งกับที่
หนังสือ The Complete Financial History of Berkshire Hathaway: A Chronological Analysis of Warren Buffett and Charlie Munger's Conglomerate Masterpiece ของ Adam J. Mead - คลังแสงของประวัติการเงินทั้งหมดของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ - การตัดสินใจของการเข้าซื้อบริษัทต่าง ๆ มันจำเป็นจะต้องใช้ลางสังหรณ์หรือว่าการอ่านงบการเงิน - เหมือนว่าการประเมินมูลค่าบริษัทในแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน มันจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับเรา - ยุคสมัยหนึ่งมันเป็นสิ่งที่ง่ายในการอ่านงบการเงิน แต่บางยุคสมัยก็ยากอย่างยิ่งในการเรียนรู้ - บางครั้งความถูกต้องก็เป็นส่วนหนึ่ง มันอาจจะบ่งชี้ได้ว่าเราจำเป็นต้องตัดสินใจถูกให้มากกว่าผิดเท่านั้นเอง
มีคนมาปรึกษาว่า อยากขอวิธีบอกเลิกแฟน แบบให้จบสวย ๆ ไม่ค้างคา ให้ต่างคนต่างไปหน่อยค่ะ คบกันมา 8 ปีแล้ว แต่เรากลับรู้สึกเหมือนว่ายิ่งนานวันเข้า ยิ่งมีหลายอย่างที่เรารู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างสิ่งที่เราคิดเอาไว้ ครอบครัวเขาเราก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับพ่อแม่เขาเท่าไร อยากออกมาจากตรงนี้แบบให้เขาเจ็บน้อยที่สุดค่ะ - วิธีบอกเลิกที่ดีที่สุด เหมือนกับวิธีที่เราขอคบหรือตอบรักเลย ใช้ความจริงใจเป็นหลัก - อย่าไปคิดแทนคนอื่นมากเกินไป เรียนรู้ที่จะเข้าใจว่า ทุกการเลิกรามีทั้งสุขและทุกข์ - ถ้าเรามั่นใจว่าการคบหากันมาหลายปีนี้ มันคือคำตอบแล้วว่าเขาไม่ใช่จริง ๆ ก็ให้ออกมาจากตรงนี้ได้เลย - รักเพิ่ม หรือรักลด เป็นสองวิถีทางของทุกความสัมพันธ์ จงเรียนรู้ให้ได้ว่าทุกความสัมพันธ์ไม่ได้มีแค่รักเพิ่มอย่างเดียว - พื้นฐานของจิตใจ และความสัมพันธ์ควรจะไปในทิศทางที่ถูกต้องเสมอ จับหลักให้ได้ว่าเราต้องการคนแบบไหนเข้ามาในชีวิต
ข้อความโพสต์จาก Ryan Holiday ได้เขียนข้อความไว้ว่า "คนที่มีปัญญาสูงเคยบอกว่า ถ้าปัญหาแก้ได้ด้วยเงิน แปลว่าคุณไม่ได้มีปัญหาอะไร" - ปัญหาใหญ่ที่สุดในชีวิต จำเป็นจะต้องแก้ด้วยสติปัญญามิใช่เงินทอง - เมื่อเราบอกว่าเงินแก้ปัญหาได้ แปลว่าชีวิตเราก็อาจจะไม่ได้มีปัญหามากมายอะไร - ลองสังเกตดูว่า เงินมันเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาได้จริงไหม หรือว่ามันก็เป็นแค่กลลวงของจิตใจ - ทุกปัญหาแก้ได้ด้วยใจ ถ้าใจตั้งไว้ถูก ทุกอย่างก็จะถูกตามไป สังเกตตัวเองให้มาก - ไม่มีปัญหาใดที่ใหญ่เท่ากับใจที่ตั้งไว้ผิด ถ้ามุมมองเราผิดไปพร้อมกันอีก ปัญหาจะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น
หนังสือ Competitive Advantage ของ Michael E. Porter - เจ้าพ่อนักกลยุทธ์ ที่ได้ขนานนามว่าเป็นคนที่สามารถนำพาองค์กรไปยังจุดที่ดีขึ้นได้ - ประโยชน์ของการที่เรามีอัตราการแข่งขันที่สูงในตลาด ก็แปลว่าเราจะสามารถยืนระยะได้นานที่สุด - สิ่งที่เราจะกำหนดตัวตนของบริษัทใดบริษัทหนึ่งได้ เราจะต้องย้อนกลับไปยังปรัชญาการสร้างมันขึ้นมาก่อนอันดับแรก - ซึ่งการที่เราจะบอกว่าเรามีป้อมปราการที่แน่นหนา มันก็จึงเป็นคำตอบแล้วว่าเรามีโอกาสล้มได้ยากมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะล้มไม่ได้ - ความประมาทเป็นบ่อเกิดของหายนะทั้งปวง หลายบริษัทคิดว่าเรามีอำนาจการต่อรองอยู่ตลอดเวลา แต่อย่าลืมว่าอำนาจแปรผันตรงกับเวลาเสมอ
มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องปรึกษาทุกคน ตอนนี้เราตัวคนเดียวมากในทุกเรื่องของชีวิต แม้แต่ความทุกข์ในใจของเราก็ยังพูดให้ใครฟังไม่ได้ เราเคยมีคนเลี้ยงดูมาตลอด 4 ปี เขาไม่ให้เราทำงานอะไรเลย แต่เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเรากับเขาก็เลิกกันไปแต่จบกันด้วยดี หลังจากนั้นมาเราก็ไม่เหลือใครเลย เราทำงานอะไรไม่เป็นเลย ไม่รู้จะไปทางไหน เลยอยากขอคำแนะนำหน่อยได้ไหมคะว่าจะทำยังไงต่อไปดี - การอยู่ตัวคนเดียวเป็นค่าเริ่มต้นของชีวิตอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหม่ของธรรมชาติแต่อาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา - มันไม่ได้เป็นเหตุผลที่ดี ที่จะบอกว่าเรามีคนเลี้ยงดูมาตลอด 4 ปีแล้วเราจะทำงานไม่เป็นเลย เพียงเพราะมันอาจจะเป็นแค่ข้ออ้าง - บางทีข้ออ้างของคนไม่เอาไหน ก็มักจะพูดว่ามีคน ๆ นึงทำให้ชีวิตเราเป็นแบบนี้ ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้น - ปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ทั้งหมด เรียนรู้ให้ได้ว่าชีวิตไม่ได้เดินเป็นเส้นตรง รับรู้ให้ได้ว่าเราอยากเห็นตัวเองเป็นแบบไหน ทำแบบนั้น - โลกใบนี้ย่อมให้ผลยุติธรรมอยู่เสมอ ถ้าอยากมีชีวิตที่น่าภูมิใจเราจงใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิใจจะดีที่สุด ไม่ต้องกังวลอะไรมาก
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "สิ่งที่สำคัญกับนิสัย ก็คือการเลือกนิสัยที่ควรจะเป็นแล้วทำมันสืบไป" - นิสัยเป็นเหมือนดิน เราเอาอะไรไปปลูกมันก็โตตามสิ่งนั้น - หมั่นดูแลจิตใจ นิสัย และสิ่งมวลรวมที่เราได้หลอมรวมให้มันเป็นไป - จงสร้างนิสัยที่เราต้องการ ไม่เพิกเฉยมันไวเกินไป ไม่เช่นนั้นปัญหาจะตามมามาก - เรียนรู้ให้ได้ว่า วันนี้เป็นวันที่เราจะเลือกทางเดินอันสำคัญ ว่ามันจะไปยังทิศทางใด - ทิศทางสำคัญกว่าความเร็วเสมอ ให้โฟกัสที่ทิศทางเสมอ ไม่ต้องเร่งรีบ ถ้าทิศถูกค่อยเร่งความเร็วก็ยังทัน
หนังสือ Basic Economics: A Common Sense Guide to the Economy ของ Thomas Sowell - นักเศรษฐศาสตร์ชาว แอฟริกัน-อเมริกัน ที่ได้ขนานนามว่าเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนความรู้ทางเศรษฐกิจ - สามัญสำนึกของเศรษฐศาสตร์นั้นเป็นอย่างไร แล้วเราควรจะมีความรู้สามัญมากน้อยเพียงใด - เมื่อความลำบากยากจนนำพาให้เรารู้จักคำว่า ระบบทุนนิยม มันจึงเป็นทางออกของชีวิตว่าทุนนิยมทำร้ายหรือช่วยเรามากน้อยเพียงใด - การเมืองเป็นตัวชี้นำเศรษฐกิจ แต่ว่าก็เป็นตัวปัญหาของระบบตลาดเสรีอีกทีหนึ่งด้วย รวมไปถึงมันอาจจะเป็นส่วนต่อขยายของการแบ่งแยก - ทั้งนี้ หนังสือเล่มนี้ควรค่าแก่การซื้อมาอ่าน และก็เก็บอย่างยิ่ง เพราะมันคือทั้งหมดที่เราควรเข้าใจ
มีคนมาปรึกษาว่า ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ ปลอบใจแฟนยังไงดีคะ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแฟนโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาแอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการหนึ่งมาค่ะ สูญเสียเงินไปเป็นจำนวนหกหลัก แล้วแฟนรู้สึกตัวเองล้มเหลวมาก เราควรปลอบแฟนยังไงดีคะ เราอยากช่วยเขานะคะ แต่ฐานะทางการเงินเราไม่ดีเท่าเขา เลยอยากขอคำปรึกษาว่าจะปลอบใจเขายังไงดี - การสูญเสียจากการโดนหลอกลวง อาจจะนำมาเป็นประสบการณ์ได้ - ไม่ใช่ทุกเหตุการณ์เราจะเข้าไปช่วยอีกคนหนึ่งได้เสมอ การปล่อยวางอาจจำเป็น - หากว่าเรามีฐานะดีกว่าก็จริง มันก็อาจจะทำให้ได้ใช้เงินปลอบใจ แต่ท้ายที่สุดคนโดนหลอกก็ต้องมองให้ออกเองด้วย - ไม่มีทางใดที่เราจะป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน ได้เท่ากับความรู้เท่าทันกลลวง หรือว่าการบริหารความเสี่ยงเอง - รู้หลักให้ได้ว่า การเงินคืออะไร ทำไมทุกคนถึงต้องการมัน แล้วเราจะรักษามันได้ด้วยวิถีทางใด
ข้อความโพสต์จาก Simon Sinek ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เราต้องลองเน้นย้ำก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น จงถามคนอื่นดูว่าอะไรที่ผิดพลาด ก่อนที่เราจะบอกว่าเขาพลาด" - ผู้คนเน้นวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นมากกว่าตัวเราเอง เป็นเพราะสิ่งใด - การตัดสินคนอื่น หรือตัดสินตนเอง มันเกิดจากอะไรกันแน่ - แล้วการที่เราพิจารณาความผิดพลาดนั้น มันคือความผิดพลาดจริงไหม - เหมือนว่าเราต้องตั้งคำถามกับสิ่งต่าง ๆ ตลอดเวลา ไม่ใช่จะเชื่อไปโดยขาดวิจารณญาณ - ฝึกฝนที่จะขบคิด ในเรื่องราวต่าง ๆ วิจารณ์ได้แต่ต้องทบทวนตัวเองก่อน ว่าตัวเราเองเป็นเช่นไร
หนังสือ Capital and Ideology ของ Thomas Piketty - ระบบทุนนิยมที่ว่าด้วยเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับอุดมคติมันจะพอเป็นไปได้ไหม - การปิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน เราจะทำมันได้จริง ๆ ไหม แล้วทำอย่างไร - ทั่วโลกมันไม่ได้แปลว่าจะมีประเทศที่ร่ำรวยอย่างเดียว แต่มันก็ย่อมมีประเทศที่ยากจนด้วย - เรารู้กันอยู่แล้วว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว มักจะมีค่าการเติบโตของการค้าขายที่ต่ำกว่าประเทศเกิดใหม่ - สรุปแล้วเราจะมองว่า มนุษย์ ระบบ หรือว่าประเทศมีส่วนสำคัญให้ทรัพยากรโตขึ้น ซึ่งมันแล้วแต่คนจะมองด้วย
มีคนมาปรึกษาว่า ตอนนี้กำลังจะลาออกจากตำแหน่งงานระดับหัวหน้า ไปเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการ จะดูล้มเหลวไหมครับแบบนี้ ตอนมาเป็นหัวหน้ารู้สึกว่าความสุขในชีวิตของตัวเองมันหายไปเยอะเลย กดดันสุด ๆ คุยกับใครก็ยาก ต่างกับตอนเป็นพนักงานเป็นปกติมันรู้สึกสบาย ๆ ไม่ต้องอะไรมาก - ปัญหาทั้งหมดมันอยู่ที่ใจของเรา บางคนอยากได้เงินเดือนสูงขึ้นแต่ไม่ได้อยากมีความรับผิดชอบมากขึ้น - ชีวิตคือสิ่งที่เราต้องถามตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต แล้วสิ่งที่ต้องการมันเป็นไปได้ไหม - ความล้มเหลวในชีวิต ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งหน้าที่การงานหรือว่าเงินในบัญชีใด ๆ เลย มันอยู่ที่ใจของเรา - โอกาสที่เราจะเลื่อนขั้น เป็นโอกาสทั้งชีวิต เงิน และความรับผิดชอบ เราจึงต้องเตรียมใจยอมรับปัญหาต่าง ๆ ด้วย - จงตามหาตัวเองให้เจอ เมื่อเราเจอตัวเองแล้วเราจะตอบได้ว่าบริบทใด จุดไหนของชีวิตที่สมมาตรกับใจเรามากที่สุด
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "นักออกแบบที่ดีที่สุดจะสามารถสร้างรูปแบบของผลลัพธ์ที่เป็นการทำซ้ำได้ด้วย อย่างแรกเลยคือให้นึกถึง คน 3 คนที่สามารถออกแบบทั้งแรงจูงใจและบทลงโทษให้สมกับแต่ละคน หลังจากนั้นให้อีกคนมาแทนที่อีกคน เพื่อที่จะหลอมรวมความคิดของผลิตภัณฑ์ ผู้คน และการเงินเข้าด้วยกันอีกทีนึง โดยจะทำแบบนี้เป็นเดือน เป็นรอบไตรมาส ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์นั้น ๆ ต่อไป แล้วให้เขาได้ตัดสินใจเลือกเอง" - ภาพที่ออกแบบจะนำมาเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถเห็นผลลัพธ์ว่าเราควรเลือกอะไรให้ดีที่สุด - เมื่อเราไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ของทางเลือกหนึ่งได้ เราจึงต้องสร้างเครื่องจักรสังหารมาช่วยเหลือตรงนี้ - ชีวิตที่ดีที่สุดคือ ชีวิตที่พยายามขวนขวายหากระบวนการสร้างที่สมบูรณ์ที่สุด มันจะขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ - การหลอมรวมเป็นอีกหนึ่งทักษะชั้นสูง ที่เราต้องฝึกเชื่อมโยงจุดแข็งและจุดอ่อน รวมไปถึงหาสิ่งสมดุลที่สุดของบริบทนั้น - ทั้งนี้ เครื่องจักรควรตัดสินใจด้วยตัวเองด้วย ทว่า มันคือการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดของคน ๆ หนึ่ง แล้วมันควรจะแม่นยำมากกว่าคนตัดสินใจ
หนังสือ Capital in the Twenty-First Century ของ Thomas Piketty - ระบบทุนนิยมเป็นระบบที่เราต้องใช้ทุนเพื่อต่อยอดจุดที่เราเป็นมา - ซึ่งมันจะเป็นการกลับคำกันระหว่าง ทุนนิยม และนิยมทุน ยังไงเราก็ต้องมีทุนเพื่อเริ่มสร้างธุรกิจ - นักเศรษฐศาสตร์เป็นคนที่เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจได้มากที่สุด แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นทั้งหมด - ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และเส้นแบ่งฐานะทางการเงิน ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงแค่ภาพที่สังคมนั้นเห็น - ความมั่งคั่งไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน จะมีบางประเทศที่มั่งคั่งมากกว่าประเทศอื่นอยู่เสมอ เพียงเพราะสิ่งเดียวคือทุน
มีคนมาปรึกษาว่า อยากรู้ว่าธุรกิจออนไลน์ที่ชื่อว่า Droprich ประมาณขายออนไลน์ไม่ต้องสต๊อกของ ตอนนี้น้าอายุ 40 ปีกว่า ชักชวนแม่กับคนแถวบ้าน สมัครเข้าไปหลายคนโดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลอะไรกันเลย เห็นแต่ว่าขายของออนไลน์อันนี้ได้ผลตอบแทนเยอะ คือเราก็เลยไปหาข้อมูลในพันทิปเขาอธิบายประมาณว่ามันเป็นแนวแชร์ลูกโซ่ อธิบายให้น้าฟังไปก็โดนด่า แล้วหาว่าเพราะแบบนี้ไงอนาคตถึงไม่ได้ก้าวหน้า แล้วยังมาบังคับเราให้เข้าสมัครอีก ลำบากใจมาก ๆ เลยค่ะ - ยุคนี้มีการเชิญชวนเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนมากมาย ส่วนใหญ่ก็แพ้คำว่าผลตอบแทนสูง - มนุษย์มีความเชื่อมโยงที่สูง โดยเฉพาะวัฒนธรรมที่ใช้ความเชื่อเป็นพื้นฐานของการหาเงิน - ต่อให้ญาติพี่น้อง พ่อแม่ หรือเพื่อน คนใดก็ตามแต่มาเชิญชวน เราก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วก็สอบทานอีกรอบหนึ่ง - น้าอายุ 40 ปีก็จริง แต่ก็ใช่ว่าเขาเคยมีประสบการณ์เรื่องแชร์ลูกโซ่ บางคนอาจจะคิดว่ามันได้ผลตอบแทนที่สูงจริง ๆ ก็มีอยู่ - กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ คนเราต้องใช้การตัดสินใจอย่างมากมายมหาศาล เราจำเป็นจะต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีให้ได้ อย่าเป็นคนลังเลเด็ดขาด
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "อะไรที่ได้ทำในวันนี้สำเร็จลุล่วงแล้ว และมันจะสามารถทำให้ตัวเราเองนี้มีความสุขและสนุกในระหว่างที่เราได้ทำมันต่อ" - เราไม่มีทางล่วงรู้ทุกสิ่งบนโลกได้ แต่เราจะสามารถรู้จักตนเองได้ - ความสุขกับความเพลิดเพลินมีความคล้ายคลึงกัน อย่างน้อยเราก็ต้องใช้สิ่งนี้ดำรงชีวิตต่อไป - ถ้าเราทำกิจหน้าที่ด้วยกิจหน้าที่อย่างเดียว ความสุขของเราจะหายไป มันเหมือนเป็นตัวบั่นทอนจิตใจ - ชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ ไม่ใช่ให้เราไปทำอะไรแต่ต้องตื่นรู้ในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป - รับรู้เรื่องราวของโลกใบนี้ เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ต่อเนื่องกันไปอย่างมิขาดสาย เราแค่เอาตัวเราเข้าไปแทรกเท่านั้น
หนังสือ Capitalist Manifesto: How Entrepreneurs Can Save Capitalism ของ Robert T. Kiyosaki - คำแถลงการณ์ของระบบทุนนิยมนั้นเป็นอย่างไร แล้วเราจะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ไหม - นักปฏิวัติ นักขับเคลื่อน และนักการเมือง ทั้งสามสิ่งนี้ล้วนเป็นระบอบของทุนนิยมที่มีส่วนผสมของระบอบอื่น ๆ ด้วย - เมื่อเงินเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ในโลกใบนี้ โอกาสของสิ่งนึงก็คือโอกาสของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ ให้ระมัดระวังโอกาสที่ไม่ดีเอาไว้ - เศรษฐกิจเป็นภาพมวลรวมของการเงินในระบบ เราจึงต้องศึกษาว่ายุคอุตสาหกรรมสู่ยุคทุนนิยมนี้ มีความคล้ายแล้วแตกต่างอย่างไรบ้าง - เราทุกคนไม่สามารถร่ำรวยเท่ากันได้ นี่คือกฎของระบบทุน แต่เราทุกคนมีโอกาสรวยได้ ลองสังเกตว่าถ้าคนนึงรวยอีกคนนึงมักจะจนเสมอ
มีคนมาปรึกษาว่า อยากรู้ว่าจะจัดการปัญหานี้ยังไงดีคะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานกลุ่มคือว่า ตอนนี้เรียนอยู่มหาลัย ปี 1 แล้วเราเลือกเรียนไม่ตรงสาย คือว่ามันมีงานกลุ่มเยอะมาก แล้วพอเราทำงานกลุ่มกับเพื่อนกลุ่มนี้ก็มาอยู่ตลอด มันไม่ช่วยเหลืออะไรเลยเอาแต่เรื่องตัวเอง แล้วเราก็ไม่ได้ใส่ร้ายเพื่อนเลยนะ แต่จากที่สังเกตคือมันไม่เอาไหนเลยจริง ๆ สักคน ทั้งกลุ่มมีอยู่ 6 คน มันเหมือนงานมาตกที่เราอยู่คนเดียว เวลามีงานอะไรเราก็ทำคนเดียวตลอด ไม่เคยถามว่าให้ช่วยอะไรไหม แบบมาตกลงหน้าที่รับผิดชอบกัน ซึ่งมันไม่มีเลย มันก็เลยเป็นการบังคับไปในตัวว่าเราต้องหาทางออกให้กับกลุ่มเอง แบ่งหน้าที่ก็มีคนทำบ้างไม่ทำบ้าง เหมือนสักแต่ว่าทำแค่นั้น มันเลยทำให้ตอนนี้รู้สึกเครียดที่เจอเรื่องแบบนี้ จะแก้ปัญหานี้ยังไงดีคะ - ปัญหาใหญ่ที่สุดของวัยเรียนก็คือ งานกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามัคคีกัน - เอาจริงว่างานกลุ่มมันสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง เช่น ความเมตตา การเสียสละ หรือว่าความรับผิดชอบ - ใครทำใครได้ ให้ท่องไว้แบบนี้เลย ไม่ต้องใส่ใจว่าใครทำหรือไม่ทำ เพราะอนาคตมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีใครมาช่วยเรา - จากประสบการณ์ในอดีตสมัยวัยเรียน มันก็มักจะมีคนที่ช่วยน้อยสุด เราก็ต้องช่วยเหลือด้านอื่น เช่น ซื้อข้าวซื้อน้ำให้ก็ยังดี - ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องใช้สติปัญญาขั้นสูงเพื่อเอาชนะอุปสรรคไปได้ ส่วนใหญ่ก็ต้องมองไกล ๆ แล้วก็อดทนให้มากที่สุด
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ไม่ว่าจะโดยอักษรหรือตัวแทนก็ตาม (ผ่านการอ่านการแจ้งข่าว คำอธิบายของการทำงานและอื่น ๆ) มันเป็นสิ่งที่เราใส่ไปในการทำงานอย่างชั่วคราวเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่เราต้องมองไปยังการได้รับความเข้าใจที่ดีเพิ่มเติมมากขึ้นของสิ่งที่เรากำลังรับมือกับมันอยู่ ดังที่เรากำลังสร้าง คุณก็มักจะนำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มา แล้วก็ปรับใช้ ปรับปรุงแก้ไขให้มันเหมาะสมกับผลลัพธ์มากที่สุด" - จงนำตัวเองให้ไปอยู่ในจุดที่เราจะรับความเจ็บปวดเพื่อที่เราจะได้รับความสามารถเพื่อให้ออกแบบในชีวิตได้ต่อไป - ไม่มีอะไรจะขวางกั้นความเข้าใจต่อเหตุการณ์ได้มากเท่ากับ การเรียนรู้ต่อเหตุการณ์นั้น ๆ ได้เลย - อย่าลืมว่ากระบวนการสร้างที่ดี ไม่ใช่การออกแบบแต่เป็นการมีสติตื่นรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง - ความรู้มันอยู่ตรงนั้นของมัน แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นว่าจะเล็งเห็นอะไรบ้างในสิ่งเหล่านั้น - การรับสมัครคนเข้ามาทำงาน เราก็คงอยากได้คนที่รักในการทำงาน ฉันใดก็ฉันนั้นเราก็ต้องทำให้มันดีก่อน มันจึงจะมีคนเห็นค่าของคุณ
หนังสือ Chip War: The Fight for the World's Most Critical Technology ของ Miller Chris - สงครามชิปนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วเราจะพบเจอสงครามนี้ไปอีกนานแค่ไหน - เมื่อเรายึดหัวหาดของชิปได้ เราก็จะค้นพบว่าอำนาจการต่อรองของสงครามการค้านี้จะยิ่งทวีคูณขึ้น - เกือบทุกอย่างที่ต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์ เราจะต้องใช้ชิปเพื่อประมวลผล แล้วมันจะแทรกซึมอยู่ในทุกสรรพสิ่งต่อไป - สงครามเย็นสู่สงครามเทคโนโลยี แล้วมันก็จะนำไปซึ่งสันติได้อย่างแท้จริงไหม มันจะขึ้นอยู่กับมนุษย์ว่าคิดอย่างไร - ลองติดตามข่าวสารดูบ้าง เพื่อจะได้สังเกตเห็นว่าชิปมันมีอิทธิพลอย่างไรต่อชีวิตประจำวัน แล้วมันส่งผลเสียหรือดีมากน้อยเพียงใด
มีคนมาปรึกษาว่า เคยมีความรู้สึกว่าสูญเสียความเป็นตัวเองบ้างไหมคะ เมื่อก่อนเราคิดว่าเราเป็นคนเข้มแข็งและแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง ลุยทุกอย่างเรื่องงานผู้คนไม่เคยสนใจใคร มุ่งมั่นคิดว่าทำได้ทุกอย่าง เรามีความคิดที่ว่าคนเราเกิดมาเท่าเทียมกัน สิ่งที่คนอื่นทำได้เราก็ทำได้ และเมื่อไม่นานมานี้เราก็เริ่มถูกคนอื่นกลั่นแกล้งและรังแก และเล่นกับเราแรงมาก จนเราคิดว่าเราจะเจอกับอะไรแบบนี้อีกไหม ใช้ชีวิตระแวงว่าหนักสุดจะไปถึงตรงไหน เราเหนื่อยกับสิ่งรอบตัว หมดไฟไม่ค่อยมีใจจะทำอะไรใหม่ ๆ และการทำงานในทุกวันนี้ก็ยังเจอกับคนพวกนี้ที่คอยขัดขวางเราตลอด เราพยายามข่มใจอยู่ ตอนนี้ก็รู้สึกทั้งโกรธและเกลียดแต่ทำอะไรพวกมันไม่ได้ มันก็ยังลอยหน้าลอยตาและหาเรื่องเราต่อไป พอเรานิ่งก็เอาใหญ่ พอเราคิดจะเอาคืนก็รู้สึกว่าไม่ควรทำ แฟนก็บอกว่าไม่ต้องทำอะไรให้นิ่งสยบความเคลื่อนไหวไป อยากรู้ว่าควรทำยังไงดีกับสถานการณ์นี้ดีคะ - เมื่อเราสูญเสียความเป็นตัวเอง เราก็จำเป็นจะต้องจัดการกับความเป็นตัวเองให้ได้ - ไม่มีใครไม่เคยสูญเสียความมั่นใจในตนเอง แต่ชีวิตจะมาบอกกับเราว่าทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา - โต้คลื่นกับปัญหาไปให้ได้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดจะอยู่รอดต่อไป ส่วนคนที่อ่อนแอก็จำเป็นต้องกลับบ้าน - สังคมที่เราอยู่อาจจะไม่ใช่สังคมที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยเราก็ต้องอดทนเพื่อตามหาสังคมในฝันที่เราวาดเอาไว้ - ทั้งนี้ หากเราหมดกะจิตกะใจในการทำงานใดก็ตาม ให้ลองหาไฟฝันเพื่อเติมเชื้อเพลิงไปต่อ ไม่ต้องกลัว กล้าเข้าไว้
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ยิ่งเราสามารถวาดภาพของสถานการณ์ได้อย่างชัดแจ้ง คุณจะโน้มเอียงในการออกแบบการวางแผนได้ การวาดภาพที่ให้มันเกิดขึ้นได้นั้น มันจะเกิดจากสิ่งที่เราหมั่นสร้างมันขึ้นมา มันคือแผนผังของจิตใจที่เป็นระบบ จดจำเอาไว้ว่าบางคนมักจะทำได้ดีหรือแย่ในการวาดภาพซึ่งเป็นเรื่องปกติ แล้วการที่เราจะรู้ว่าการประเมินความสามารถของตนเองหรือของผู้อื่น มันก็จะขึ้นอยู่กับความแม่นยำในการวาดภาพของผู้คนที่ผ่านมา เพื่อไปยังการสร้างแผนของชีวิตขึ้นได้" - จงจดจำไว้ว่าการจะสร้างแผนของชีวิตให้ดีนั้น ควรจะเป็นหนึ่งเดียวกับบทหนัง - จุดเริ่มต้น กลางเรื่องแล้วก็ตอนจบ จำเป็นจะต้องสอดคล้องกันเป็นเนื้อเดียวกัน - ลองฝึกฝนที่จะวาดภาพของชีวิต ไม่ใช่เอาแต่อยู่กับปัจจุบันหรืออดีต จนลืมการวางแผนของอนาคต - ปีหนึ่งที่ผ่านไปทุก ๆ ปี เราได้ทำอะไรให้ชีวิตนั้นดีขึ้นบ้าง หรือว่าเราก็แค่ปล่อยวางมันทิ้งไป - สำรวจตัวเองอยู่เนือง ๆ ไม่จำเป็นต้องไปตีอกชกหัวมาก ใช้ชีวิตให้ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวเอง
หนังสือ Tell Me What You Want: A Therapist and Her Clients Explore Our 12 Deepest Desires ของ Charlotte Fox Weber - สังเกตอากัปกิริยาของตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่าในแต่ละวันมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรบ้าง - เฝ้าติดตามอาการของตัวเองว่า ดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร ความรู้สึกจะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ - อยากได้อะไร ปรารถนาสิ่งใด สิ่งนั้นจะกำหนดความรู้สึกมวลรวมว่า เราจะเป็นผลผลิตของสิ่งนั้นเสมอ - บางครั้งการที่เราเติบโตมา แต่ว่ามันก็อาจจะดูจืดชืดกับความฝันในวัยเด็ก แต่มันย่อมสลักสำคัญที่มองย้อนกลับไป - นักจิตบำบัดจะพยายามนั่งในใจของคนไข้ โดยที่เขาจะไม่ตัดสิน ไม่ได้คุกคาม แล้วก็พร้อมกับเคารพทุกความรู้สึกของเรา
มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีครับ ผมอายุ 22 ปีครับ ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองโตเร็วกว่าคนรอบตัวเยอะมาก ผมทำงานตั้งแต่อายุ 16 ปี จริง ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก่อนวัยมาตลอด แต่ช่วงนี้ผมกลับรู้สึกต่างไปครับ ก่อนหน้านี้รู้สึกโตแค่เพราะได้ทำงานก่อน ได้ใช้เงินที่ตัวเองหามาเอง แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกโตขึ้นเพราะเริ่มอยู่ในช่วงที่จริงจังขึ้นในหลาย ๆ ด้าน การงาน การเรียน การใช้ชีวิต หลาย ๆ เรื่องผมต้องรีบเรียนรู้เอง ทำเอง คิดเอง รู้ตัวอีกทีผมรู้สึกหันไปปรึกษาใครไม่ได้แล้วครับ เมื่อก่อนถามใครเขาก็จะบอกได้ว่าต้องทำยังไง แต่ช่วงนี้ผมได้แต่กำลังใจมา เพราะผมรู้มากกว่าคนรอบข้างไปเรียบร้อยแล้ว พอเป็นแบบนี้ผมจึงขาดคนให้คำปรึกษา ทำอะไรต้องคิดเอง ทำเองทั้งหมด มันเลยรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ครับ ผมพูดแบบนี้แล้วอาจจะมีคนมองว่า ผมอีโก้เยอะนะครับ แต่ผมยอมรับก่อนครับว่าผมไม่ได้เก่ง หรือฉลาดอะไร ผมโตในครอบครัวที่ไม่ได้มีความรู้อะไรมาก คนรอบตัวเพื่อนก็โตตามวัยครับ ไม่มีใครต้องโตมาสู้ชีวิตเหมือนผม ผมรู้สึกการเติบโตมันยากแล้วก็น่ากลัวมากเลย เหมือนผมต้องแบกภาระทุกอย่างอยู่คนเดียว มันไม่ใช่ว่าเราไม่ไว้ใจคนรอบข้างนะครับ ผมลองทำทุกทางแล้ว แต่สิ่งที่ได้กลับมา มันไม่เท่ากับที่ผมคิดได้เองจริง ๆ เหมือนว่าเขาไม่รู้เขาเลยตอบไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดเขา แต่ความหนักใจมันมาอยู่ที่ตัวผมเอง ประเด็นจิตใจความคิดมันอธิบายลำบากจริง ๆ ครับ แนะนำผมได้นะครับ - ปัญหามี 2 มุม คือมุมที่ดีและมุมที่ไม่ดี ซึ่งปัญหานี้เป็นมุมที่ดี เราจึงไม่ต้องหนักใจอะไรมากมาย - หากเราอยู่จุดที่ใครก็ให้คำปรึกษาเราไม่ได้ นั่นเป็นนิมิตหมายที่ดีมาก เพราะมันคือเราต้องเป็นผู้สอนคนอื่นแล้ว - ลำดับขั้นของชีวิตก็มีอยู่ 2 ระดับใหญ่ ๆ ก็คือ เราเป็นภาระ กับเราแบกภาระ เราต้องเลือกว่าจะเป็นคนแบบไหน - คนที่สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก แบบสู้ด้วยปัญญาจริง ๆ เราจะเข้าใจชีวิตว่า ปัญหามีไว้ให้แก้ไขและปัญหามีไว้ให้หาทางออก - ทุกปัญหามันมีทางออกหมด แต่การที่เราอยู่ในจุดที่ไม่สามารถปรึกษาใครได้แล้ว มันอาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์กับอายุของเราด้วย
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน ก็ได้เล็งเห็นว่าเกณฑ์ในการตัดสินใจเป็นอย่างไร ฉันได้ถามตัวเองบ่อยครั้งว่าจะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไรบ้างแล้วก็เขียนมันลงไปถึงหลักการที่ต้องเป็นไป หลังจากนั้นฉันก็ได้เห็นถึงกระบวนการสร้าง แล้วก็จึงกำหนดวิถีทางที่ต้องให้เป็นไป ซึ่งฉันก็ได้รวบรวมการจัดการแล้วก็นำมาเป็นนิสัยของการเสริมสร้างการตัดสินใจในครั้งต่อ ๆ ไป กระบวนการสร้างของหลักการที่ได้กระทำมันก็จะเป็นการทำซ้ำไปเรื่อย ๆ ฉันเชื่อเรื่องการทำเป็นระบบ หลักฐานในการสร้างจะทำให้การจัดการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มนุษย์มีระบบที่จะทำให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วก็ค่อย ๆ ปรับปรุง พัฒนาต่อยอดไปเรื่อย ๆ เหมือน GPS ในรถยนต์ที่มันเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่ว่าเราจะทำตามหรือไม่ก็ตาม ฉันจึงเชื่อเสมอว่ามันคือเครื่องมือที่จำเป็นสู่อนาคต - สร้างการตัดสินใจให้ดีเยี่ยม โดยผ่านกระบวนการสร้างที่ผ่านเกณฑ์การคัดสรรอย่างดีเพื่อตัดสินใจในอนาคต - ไม่มีการกระทำใดที่สำคัญไปมากกว่า การตัดสินใจอย่างเป็นระบบ ทุกระบบต้องเลือกให้เหมาะสมกับเหตุการณ์นั้น ๆ เสมอ - ความสุขในชีวิตจะเนื่องมาจากการตัดสินใจที่ถูกต้อง แล้วการตัดสินใจที่ถูกต้องมันเป็นการฝึกฝนในทุกวัน - ไม่ต้องกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ให้กังวลว่าเราจะตัดสินใจอย่างไรบ้าง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างสิ่งที่ควรจะเป็น - กระบวนการสร้างสำคัญที่สุด มันคือทุกสิ่งอย่างของชีวิต ให้โฟกัสที่กระบวนการแล้วผลลัพธ์จะงอกงามเอง
หนังสือ Inside Vanguard: Leadership Secrets From the Company That Continues to Rewrite the Rules of the Investing Business ของ Charles D. Ellis - เป็นกองทุนระดับโลกที่มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์การจัดการสูงที่สุดในโลกได้อย่างไร - ความชาญฉลาดของการจ้างผู้จัดการกองทุนนั้น จึงเป็นความท้าทายมาตลอด - แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความชาญฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องอยู่ในจังหวะที่ใช่ด้วย - ผู้นำจำเป็นจะต้องเป็นคนที่นำไปยังทิศทางที่ถูกต้อง แล้วผู้ตามจะเดินไปตามทางที่ถูกต้องตามไปด้วย - กองทุนรวมอาจจะเป็นแง่มุมหนึ่งของการลงทุน หลักการของการหารายได้คือกินค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนในแต่ละปี
มีคนมาปรึกษาว่า อยากเลิกกับแฟนเพราะรู้สึกว่าคบกันไปชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้นมา เราคบกับแฟนมาเกือบจะ 2 ปีแล้ว ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เจอกันแค่ปีละ 2 ครั้ง รู้สึกว่ามันเหนื่อยกับความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ไม่เคยคุยเรื่องอนาคต ไม่ได้ใช้ชีวิตให้มันดีขึ้น ต่างคนต่างทำงานไป เราก็เลยรู้สึกว่าการมีเขามันเหมือนไม่มี เลยอยากอยู่คนเดียวมากกว่า จะดูเห็นแก่ตัวไหมคะ - ชีวิตคู่ก็คือคนสองคน เราคุยกับแฟนแล้วสนทนากับแฟนแล้วก็ตัดสินใจได้เลย - บางทีจุดที่ยากที่สุดในชีวิตก็คือการตัดสินใจ แล้วการตัดสินใจใดเล่าจึงเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การกระทำ - ความเห็นแก่ตัวมันคือการที่เรานึกถึงแต่ตัวเอง จนลืมอนาคตของคนอื่น ซึ่งมันต้องดูว่าสิ่งที่เราคิดเราทำมันดีที่สุดรึยัง - คนเรามีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ที่แตกต่างกัน บางคนอยากคบหากันแล้วก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งชีวิตมวลรวม สุขภาพจิต และสุขภาพกาย - อนาคตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากวันนี้ ถ้าตอบคำถามในวันนี้ได้แล้วว่าไม่รัก อนาคตก็คงไม่ได้ผิดแผกไปจากเดิมเท่าไหร่
ข้อความโพสต์จาก Simon Sinek ได้เขียนข้อความไว้ว่า "คุณอย่าจ้างคนเพราะทักษะ แต่จงจ้างผู้คนด้วยทัศนคติ เพราะคุณสามารถสอนทักษะให้กับเขาได้- Herb Kelleher" - เมื่อทักษะเป็นสิ่งที่ฝึกฝน และเสริมสร้างได้ง่ายกว่านิสัยหรือว่าทัศนคติ - เราจึงต้องหาทางออกให้เจอว่า ทัศนคติใดเล่าที่ควรค่าแก่การงาน หรือบริบทนั้น - ไม่มีการเรียนรู้ใดที่ไร้ค่า ทุกการเรียนรู้มีความหมายเสมอ มันอยู่ที่ตัวเราเอง - รับรู้ให้ได้ว่า อะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก เราจะหาสิ่งนั้น แต่อะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย เราจะสร้างมัน - การค้นหาผู้คนที่เหมาะสมกับบริบทนั้น ๆ เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ประสบการณ์จะสอนเราว่าจุดไหนควรที่จะยอมรับ
หนังสือ What's Gotten Into You: The Story of Your Body's Atoms, from the Big Bang Through Last Night's Dinner ของ Dan Levitt - โลกใบนี้ได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา เพื่อการดำรงอยู่แล้วก็ไม่มีอะไรหลังจากนั้นเลย - มวลในร่างกายเราอาจจะเป็นมวลค่าของสสารของธรรมชาติ มันไม่มีแก่นสารอะไรนอกจากน้ำหนักของถ่าน - เราไม่มีทางสร้างคุณค่าให้แก่โลกใบนี้ผ่านการนึกคิดเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องผ่านกระบวนการสร้างที่ล้ำค่า - วันหนึ่งร่างกายเราจะหลอมรวมไปกับธรรมชาติ มันเรียกว่าเราคืนกลับสู่สามัญในสิ่งที่เราเคยเป็นมาจะดีที่สุด - บางทีวิทยาศาสตร์ก็คือธรรมะ สองสิ่งนี้สอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกัน อยู่ที่จะอธิบายอย่างไรให้กระจ่างแจ้ง
มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีเราอายุ 30 ปี เราคบกับแฟนมาได้ 4 ปีกว่า ไม่เคยเจอครอบครัวกันและกัน ไม่เคยเปิดตัวในโซเชียลมีเดียใด ๆ รวมไปถึงที่ทำงาน เขาไม่ใช่คนหวาน ไม่มีวันสำคัญ เป็นคนนิ่ง ๆ ไม่มีแพลนที่จะแต่งงาน เราเคยพูดเรื่องอยากมีลูก เขาบอกก็มีได้ เราอยู่ด้วยกันทุกคน ตอนเช้าเขาไปทำงาน กลางคืนเราก็ไปทำงานต่างคนก็ต่างทำงาน จนตอนนี้เพิ่งซื้อบ้านได้ปึนึงแล้ว ภาระเราเยอะขึ้น เขาก็ช่วย ๆ กันคนละครึ่ง แต่เขาไม่เคยเอาใจเราเลย จะไปไหนทำอะไรหรือกินข้าว ก็ต่างคนต่างกิน จนตอนนี้เรารู้สึกอิ่มตัว บางทีมีผู้ชายคนอื่นเข้ามาจีบ มาดูแลเรา เราก็รู้สึกหวั่นไหว จะผิดไหมถ้าวันนี้เราเลือกที่จะบอกเลิกเขา และทิ้งเขาไปแบบนี้ จะได้ไม่เสียเวลาคบกันไปเรื่อยเปื่อย เราคิดเองว่าเราไม่เหมาะสมกับเขารึเปล่า ก่อนหน้าเคยบอกเขาแล้วว่าเราต้องการเรื่องการดูแลเอาใจใส่บ้าง ต้องการอนาคตที่ชัดเจน แล้วก็เคยบอกเลิกเขาไปแต่เขาก็ไม่ยอมไป สรุปแล้วเราควรตัดสินใจยังไงดีคะ - ปัญหาที่ใหญ่กว่าเรื่องความสัมพันธ์คือความรักที่ไม่เท่ากัน - บางทีความสัมพันธ์ที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่ที่นิสัยของแต่ละฝ่ายอย่างเดียว แต่มันคือน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจก็คือความใส่ใจ - บางคนแสดงออกไม่เป็น รักแต่ไม่พูด เป็นห่วงแต่ไม่ดูแล แต่รู้สึกลึก ๆ ว่ารัก นั่นเรียกคนอาภัพเรื่องรัก - ถ้ารักใครก็แสดงออกไปแบบนั้นเลย แล้วคำว่ารักถึงแม้จะมีแค่คำเดียวแต่การแสดงออกก็ต้องอยู่ในกรอบที่ควรจะเป็นเสมอ - ตัดสินใจด้วยความรู้สึกและเหตุผล เราไม่มีทางล่วงรู้อนาคตทั้งหมดว่า ใครกันแน่ที่รักเราจริง ๆ คนที่ไม่ค่อยทำอะไรให้เราหรือคนที่ทำร้ายเราตลอดเวลา
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ใครเล่าเป็นคนทำ ใครเล่าเป็นคนอยู่กับผลต่อเนื่อง และใครเล่าเป็นคนเก็บเกี่ยวผลที่ได้สร้าง เมื่อแรงจูงใจได้เรียงกันเป็นเส้นขนาน เราจะพบว่าตัวเรานั่นเองที่ได้ทำทั้งหมด" - ไม่มีใครเลยที่จะสร้างอนาคตของเราได้มากไปกว่าตัวเราเอง เราจงตั้งใจเลือกทางเดินเอง - มีผู้คนมากมายบอกให้เราทำบางสิ่งเสมอ แต่อย่าเพิ่งไปโมโหหรือไม่พอใจ จงนำสิ่งนั้นมาพิจารณาก่อน - แต่ถ้าเรารู้ชัดแล้วว่า ทางเลือกของชีวิตได้ปรากฏเด่นชัดขึ้น เราก็ปฏิเสธทางอื่นไปได้เลย - เราเองที่เป็นคนทำ เราเองที่เป็นคนที่อยู่กับผลต่อเนื่องนั้น และเราเองที่เป็นคนได้รับผลในสิ่งที่ทำลงไป - บางครั้งเราอาจจะต้องตั้งคำถามใหม่ว่า วันนี้เราได้ตั้งใจทำมากน้อยเพียงใด เพราะเรากำลังวาดรูปของชีวิตเราเอง
หนังสือ Change Your Brain, Change Your Life: The Breakthrough Program for Conquering Anxiety, Depression, Obsessiveness, Lack of Focus, Anger, and Memory Problems ของ Daniel G. Amen - ศึกษาจิตใจตนเองในแต่ละวัน เฝ้าสังเกตว่ามันกำลังส่งสัญญาณเตือนอะไรบ้าง - เมื่อการรักษาโรคทางใจ เราก็จำเป็นจะต้องกำจัดความคิดในแง่ลบอย่างอัตโนมัติ - สมองเป็นทรัพยากรหนึ่งของโลกใบนี้ มันเชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกันกับจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ - ฮาร์ดแวร์ของจิตใจก็คือ สมอง แสดงว่า จิตใจเป็นซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนสมองว่าจะให้มันคิดอย่างไร และมองอย่างไร - ทั้งนี้ การรักษาของจิตแพทย์แต่ละคนแตกต่างกัน มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการเชื่อมโยงว่า สรุปแล้วปัญหาทางใจมาจากไหน
มีคนมาปรึกษาว่า เพื่อนที่คบกันมาเป็น 10 ปี ที่เราเคยคิดว่าสนิท วันนึงเขาจะแต่งงาน ตอนแรกเขาก็มาชวนเราไปงาน แล้วก็ไปอยู่ในขบวนขันหมากฝ่ายชาย เพราะญาติฝ่ายชายมีแค่ 3 คน ต้องการคนถือขันหมากทั้งหมด 9 คน ซึ่งเราก็ยินดีเพราะเจ้าบ่าวเราเองก็รู้จักแต่สุดท้าย เพื่อนก็ทักข้อความมาบอกเราว่า เราไม่สามารถให้อยู่ในขบวนขันหมากได้อีก เพราะเราเลิกกับแฟน ย้ำว่าเป็นแฟนไม่ใช่สามี เรายังไม่ได้แต่งงาน เขาเอาน้ามาอ้าง เอาพระมาอ้างว่ามันไม่ได้ มันเป็นกาลกิณี คืออยากรู้ว่าเราควรจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดีคะ เพราะเอาจริง ๆ เรารู้สึกแย่มาก ๆ รู้สึกตัวเองถูกด้อยค่ามาก เราเข้าใจในส่วนของความเชื่อนี้นะ แต่เราคาดหวังว่าเพื่อนจะปกป้องเรามากกว่านี้ อย่างน้อยก็แก้ตัวให้เราหน่อยก็ได้ว่า คนที่เลิกแค่เป็นแฟน ยังไม่ถึงขั้นแต่งงานกันนะ หรือเราเอาแต่ใจตัวเองมากไปรึเปล่าคะ เพราะนั่นมันงานของเขา เขามีสิทธิ์ที่จะทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ - งานแต่งเป็นงานมงคลงานหนึ่ง แล้วการที่เราเลิกรากับแฟนหรือสามีรวมไปถึงภรรยาก่อนเข้าพิธี ก็อาจจะไม่เป็นมงคล - ความเชื่อก็คือความเชื่อ คนบางคนเชื่อแบบนั้น เชื่อแบบนี้ เหมือนคนไม่ทานเนื้อวัว ก็บอกว่าเนื้อวัวเป็นยานพาหนะของเจ้าแม่กวนอิม - สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่กำหนดค่านิยามหนึ่ง คือสิ่งที่บัญญัติขึ้นมาว่าเป็นแบบนั้น บางคนก็ถือ บางคนก็ไม่ถือ มันแล้วแต่คนเลย - ถ้าหากว่าเขาไม่ให้เราเข้าขบวนขันหมากก็อาจจะพอเข้าใจได้ แต่ถ้าเพื่อนไม่ยอมให้เราไปงานเลย อันนี้จะกลายเป็นอีกเรื่องนึง - ทั้งนี้ งานใครก็งานคนนั้น เรียนรู้และเข้าใจว่า สมมุติเราจะมีงานของเรา ถ้าเกิดเหตุการณ์เดียวกันหรืออะไรก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกเพื่อนว่าเราเลิกกับแฟน
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ยิ่งเราพูดความคิดไปกับตัวตนของเรามากเท่าไร เราก็จะยิ่งเพิกเฉยหลักฐานของความผิดพลาดนั้น จงดำเนินต่อไปเติบโตและเรียนรู้ คุณจำเป็นจะต้องพัฒนา ขยับขยาย และปรับแต่งตัวตนของคุณ" - ความคิดมันคือส่วนหนึ่งของตัวตน แล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องผูกติดกับตัวตน - ปัญหาของการเรียนรู้ก็คือ ทุกครั้งที่เราเปิดรับอะไรใหม่ ๆ เราก็จะได้อะไรใหม่ ๆ มาด้วย - ลองสอบทานตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ปรับปรุง แก้ไข หรือพัฒนาให้ดีขึ้น - บางครั้งอาจจะเฆี่ยนตีตัวเองบ้าง เพื่อให้เข้าใจว่าเราเองก็ต้องห้ามปรามตัวเองไม่ให้หลงตัวเองไปไกล - ตัวตนเป็นส่วนประกอบหลักของทุกสรรพสิ่ง ให้สร้างตัวตนผ่านประสบการณ์ที่กลั่นกรองอย่างดีแล้ว
หนังสือ You Can Choose to Be Rich ของ Robert T. Kiyosaki - ถ้าเราเลือกที่จะรวย เราต้องปิดประตูความยากจนก่อนอันดับแรก - ประตูแรกที่ต้องเปิดก็คือ ประตูของความคิด แล้วก็ประตูของการเรียนรู้ และประตูของการลงมือทำ - มันไม่สำคัญว่าคุณจะมีรายได้มากเพียงใด แต่คุณจำเป็นจะต้องหากระแสเงินสดเพื่อสร้างสภาพคล่องทางการเงิน - กระแสเงินสดอิสระคือสิ่งเดียวที่จะทำให้การเงินนั้นงอกเงยต่อไปได้ รับรู้ให้ได้ว่าเราต้องตัดออม ตัดไปลงทุนแล้วค่อยใช้จ่าย - อย่าลืมที่จะลงมือทำ ทุกการวางแผนทางการเงินจะเกิดขึ้นจริงไม่ได้เลย ถ้าเราไม่เริ่มต้นทำอะไรให้มันเกิดขึ้น จงเริ่มเลย
มีคนมาปรึกษาว่า ควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดีคะ ตอนนี้คบหาอยู่กับผู้ชายคนนึงอายุ 30 กว่า แต่ว่าเขาตกงาน ไม่มีเงินเก็บแถมไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย ตอนแรกเราก็เข้าใจช่วยหางานให้ แต่เหมือนเขาเลือกงานเยอะมาก แล้วชอบพูดว่ามีงานอื่นที่ดีกว่านี้ จนกระทั่งตอนนี้เราก็ต้องกันเงินเก็บมาใช้จ่ายค่ากินใช้ของเขา พร้อมกับลำพังตัวเราก็มีภาระ เราเครียดมากเพราะเงินไม่พอใช้ ควรทำยังไงต่อไปดีคะ - อายุอาจจะเป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่ปัญหาของตัวเลขก็คือสติปัญญาของคนนั้น - แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรับมือกับปัญหาได้ดีเยี่ยม รวมไปถึงแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงทีทุกเรื่อง - ถ้าหากว่าเรามองว่าเรื่องเงินสำคัญที่สุด ก็จงโฟกัสเรื่องเงินเป็นหลัก แล้วเรื่องอื่นย่อมเป็นรองไป - ฐานะทางการเงินเป็นสิ่งที่ทำให้เราจะสามามารถจุนเจือตัวเองและผู้อื่นได้ ถ้ามันดีมันจะดีไปหมด แต่ถ้าไม่ดีก็ย่อมไม่ดีไปหมด - หาคนที่มีความรู้ทางการเงินที่มั่นคงและเหนียวแน่น มันจะช่วยทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีได้
ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "90% ของนักลงทุนมักจะใช้เงินน้อยกว่าที่หามาได้ กระจายความเสี่ยง และอดทนต่อปัญหาต่อไป แล้วอีก 10% นั้นมักจะพยายามให้มันรวยเร็วขึ้น แต่ก็มักจะประสบปัญหาอย่างหนักตามมา" - มันไม่ง่ายที่จะประสบความสำเร็จจากการลงทุน เพราะมันคือการทดสอบกับจิตใจตลอดเวลา - เหมือนว่าเราจะเลือกทางผิด แต่มันมีโอกาสถูกต้องมากกว่าในระยะยาว แต่บางครั้งอะไรที่เหมือนจะถูกต้องให้ลองมองใหม่อีกรอบ - ปัญหาของการเดินทางไกลก็คือ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้นในทุกช่วงเวลา - เราอยากจะเป็นคนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อย เราก็ต้องเลือกทางนั้นเสมอ ไม่ต้องสนใจสถิติความเป็นจริงแต่ให้สนใจสถิติของตัวเราเอง - ทั้งนี้ จงแข่งขันกับตัวเราเองให้มากที่สุด แล้วลด ละ เลิกแข่งขันกับคนอื่น บางทีเราอาจจะถูกสอนให้แข่งขัน แต่เราควรที่จะแข่งขันกับตัวเองหน่อย
หนังสือ จงคบค้ากับความร่ำรวย ของ จิม คิม - ถ้าเราไม่มีช่วงเวลาวิกฤต เราก็จะไม่มีทรัพยากรที่เรียกว่าความรู้ของการตกผลึกใด ๆ เลย - หากเราปรารถนาที่จะร่ำรวย ก็จงคบค้ากับความร่ำรวย ไม่ปฏิเสธมันแต่เรียนรู้จากสิ่งนั้นเสมอ - การจะนำสิ่ง ๆ หนึ่งมาบอกว่าอะไรดีที่สุดของความมั่งคั่ง ก็คือการมีความอิ่มใจและรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องตามหา - หากเรามีเงินก้อนหนึ่ง เราจะใช้มันไปกับอะไร มันไม่ได้อยู่ที่ได้มรดกหรือว่าอะไรมาแต่มันอยู่ที่เราวางแผนเป็นหรือไม่ - กฎของการเงินก็คือ เราจะไม่ใช้เงินต้นที่ได้มาเลย นั่นย่อมเป็นทั้งโจทย์และบททดสอบที่ยาก แต่มันพอที่เป็นไปได้จริง
มีคนมาปรึกษาว่า เราได้รับกิจการต่อจากครอบครัว ซึ่งบ้านที่อยู่ประกอบเป็นบ้านของครอบครัว ซึ่งที่บ้านจะให้เราตอนนี้ที่บ้านเลยมีเรากับลูก แม่และหลานอีก 2 คน ทุกวันนี้เราเหนื่อยทั้งงาน พร้อมทั้งลูกและหลานอีก พอวันไหนแม่ไม่อยู่ภาระทั้งหมดก็จะตกมาเป็นของเรา ตอนนี้แม่มีความคิดจะไปรับหลานอีกคนมาอยู่ด้วย ซึ่งเราไม่เห็นด้วย ตอนนี้คือก็พูดอะไรมากไม่ได้ ถ้าพูดไปก็ดูเหมือนเราเป็นคนเห็นแก่ตัว ตอนนี้ที่คิดอยู่ก็คือออกไปหางานทำที่อื่น อยากไปหาบ้านใหม่ แต่ด้วยอายุและประวัติการทำงานไม่มีเลย กลัวเงินไม่พอใช้ จึงอยากปรึกษาว่าควรทำยังไงดี - ลองปรับแก้ที่ใจก่อนอันดับแรก แล้วค่อยปรับแก้ที่เหตุการณ์หรือสถานการณ์ตรงหน้า - ภาระและความรับผิดชอบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก - หลายคนที่ชอบปัดปัญหาไป แล้วปัญหาส่วนใหญ่มันไม่ใช่ว่าจะปัดภาระไปให้ใครได้ - ระบบทุนนิยมจำเป็นจะต้องมีทุนเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว ถ้าหากเราไม่มีทุนเราก็จะไม่สามารถต่อยอดจากชีวิตเดิมได้ - เงินไม่พอใช้แน่ ๆ ให้คิดแบบนี้ไปเลยไม่ต้องกังวลอะไรมาก การอดทนอยู่บ้านที่เดิมก็อาจจะดีกว่า ถึงแม้จะมีปัญหารายวันก็ตาม
ข้อความโพสต์จาก Robert Greene ได้เขียนข้อความไว้ว่า "การเคารพสติปัญญาคนอื่นจนมากเกินพอดี มันจะทำให้คุณมีสติปัญญาที่ถดถอยลงไป" - เมื่อข้อความนี้จะสื่อว่าเราควรจะเคารพสติปัญญาของตัวเองบ้าง ไม่ใช่เชื่อแต่คนอื่นตลอด - ปัญหาของผู้คนก็คือ ไม่รู้จักตัวเองมากพอว่าบางทีเราก็มีสติปัญญาที่ดีขึ้นได้ ถ้าฝึกปรือตนเอง - คนส่วนใหญ่อาจจะเชื่อไปเลย หรือไม่เชื่อไปเลยในจุดที่เราไม่เข้าใจ แต่มันคือการตั้งคำถามต่อสิ่งที่สงสัยใคร่รู้จะดีที่สุด - ไม่มีใครฉลาดหรือโง่กว่าใคร มีแต่เรารู้จริงกับรู้ไม่จริง จงหาจุดที่เราจะรู้จริงจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ได้ - สติปัญญาจะถูกลดทอนลงไป ก็เนื่องจากเราขาดการไตร่ตรองอย่างถูกวิธี แล้วนั่นแหละจะทำให้เราฉลาดน้อยลงในระยะยาว
หนังสือ The Spark Factor: The Secret to Supercharging Energy, Becoming Resilient, and Feeling Better Than Ever ของ Molly Maloof - สูตรการที่เราจะรู้สึกว่ามีสิ่งใดบ้างในชีวิตที่ทำให้เรารู้สึกมีความอิ่มเอิบไปกับมัน - ความสัมพันธ์ สุขภาพ และความสุข ทั้งสามสิ่งที่เราสามารถปรับแต่งได้ตลอดเวลา - บางครั้งเราอาจจะต้องหาจุดเริ่มต้น แล้วจุดนั้นมันคือโมเมนต์ที่เรารู้สึกดีเวลาได้ทำมัน - หากใครที่ต้องการปรึกษาแพทย์ถึงปัญหาชีวิต ก็สามารถทำได้ซึ่งสมัยนี้สามารถเข้าถึงหมอได้ง่ายขึ้น - ยุคสมัยใหม่เราอาจจะเข้าถึงวิชาทางการแพทย์มากขึ้น ปัญหาของชีวิตส่วนใหญ่น่าจะขึ้นอยู่กับมุมมองที่เรามีต่อชีวิตมากที่สุด
มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีค่ะ เราไม่รู้จะปรึกษาหรือคุยกับใครแล้ว เราคบกับแฟนมา 7 ปีเป็นความสัมพันธ์ระยะไกลเข้าปีที่ 5 ก็มีนาน ๆ เจอกันที หรือวันหยุดก็มีบ้าง เราทำงานอยู่กรุงเทพคนเดียว ไม่มีเพื่อนแถวนี้ เพื่อนในกลุ่มก็ไม่ค่อยได้เจอกัน สังคมการทำงานก็ไม่มี เลิกงานก็แยกย้ายกันไป ตอนนี้รู้สึกเหงา เบื่อกับความสัมพันธ์นี้มาก ๆ เพราะมันไกลกันแถมไม่มีเวลาให้กันเลย แถมการไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันก็ไม่รู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้นด้วย เราเครียดและรู้สึกแย่กับที่ทำงาน หวังว่าจะโทรคุยกับแฟนแล้วจะดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่รับสาย เงียบหาย มาอีกทีเขาก็ไปกับเพื่อนที่ทำงานของเขา เหมือนเวลาที่เราต้องการเขามาก ๆ เขาไม่สามารถพูดคุยข้าง ๆ เราได้ และมันบ่อยมากจนรู้สึกอยากเลิก มีแฟนก็เหมือนไม่มี ซึ่งเราก็ชวนเขาไปเที่ยว คิดว่ามันจะช่วยเยียวยาความสัมพันธ์ให้มันไปได้ด้วยดี แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ตอนนี้สับสนมาก จนตอนนี้ก็รู้สึกชัดขึ้นว่าเราอยู่คนเดียวจนมันชินชา ไม่มีแฟนก็อยู่ได้อยู่แล้ว แต่อีกใจก็ไม่อยากเลิก เราเคยขอแฟนเลิกแต่เขาก็ไม่ยอมเลิก เราไม่รู้ว่าเราขี้เหงาเกินไปไหม หรือเป็นเพราะเขาที่มันดูเย็นชาไปกับความสัมพันธ์ - ถ้าเรามีแฟนแล้วคาดหวังว่าให้เขาเป็นดังใจเรา เกรงว่าน่าจะยากพอสมควร - ทุกคนมีวิธีรับมือ และจัดการกับความสัมพันธ์ในแต่ละเรื่องต่างกัน เราไม่ค่อยมีเพื่อนมีสังคมเราเลยต้องการแฟน - เมื่อเราต้องวางหมากในชีวิตให้ถี่ถ้วนว่า แฟนสำหรับเราคือทุกสิ่งทุกอย่าง เราก็จำเป็นจะต้องหาคนที่มีวิถีชีวิตคล้ายกันกับเราก็จะดี - ถึงแม้ว่าเราจะมีวิถีชีวิตที่ไม่ได้ใกล้เคียงกัน แต่อย่างน้อยเราก็ต้องทำความเข้าใจว่า แต่ละคนคิดต่างกันลองปรับเรื่องการสื่อสารดูก่อน - บางคนเคยชินกับการมีอีกคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ ถ้าไม่มีมันจะรู้สึกเหงา แต่บางคนต้องการคุณภาพของความสัมพันธ์ คือมีอยู่แล้วต้องมีความหมาย
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "โฟกัสงานในมือแบบงานต่องาน มันจะทำให้คุณเห็นถึงวิธีการรับมือแบบเน้นย้ำ ให้ลองสร้างเครื่องจักรเพื่อสังเกตมันว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น ลองคาดการณ์ถึงการเกี่ยวโยงหลักการ แล้วก็จัดระบบให้มันไปต่อได้ดี คุณก็ย่อมจะได้บรรลุไปยังเป้าหมายอย่างนั้น ซึ่งส่วนมากมันอาจจะใช้เวลาหลายเท่าเลยในการสร้างเครื่องจักรนี้ แต่มันย่อมมีความคุ้มค่าอย่างยิ่งที่จะได้สร้างมันเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาวสู่อนาคต" - จงสร้างเครื่องจักรสังหารที่จะมาสังเกตปัญหาของเราในทุกวัน - ชีวิตอาจจะไม่สามารถสร้างเครื่องจักรนี้ได้จริง เพราะมันจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรสูงพอสมควร - เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง มันเอาอะไรมาทดแทนเวลาไปไม่ได้เลย เราจึงต้องใส่ใจการใช้เวลา - ปัญหาส่วนใหญ่จะทำให้เราสร้างสูตรของการแก้ปัญหา แต่ในระยะยาวถ้าเราสร้างสูตรนี้ได้จริงมันจะแก้ปัญหาได้เยอะ - แต่ละคนจะมีสูตรในการแก้ปัญหาต่างกัน จงกำหนดสมการให้ถูกต้องก่อน อย่าลืมว่าสมการส่วนใดที่ผิดย่อมผิดทั้งหมดเสมอ
หนังสือ How to Be a Power Connector: The 5+50+100 Rule for Turning Your Business Network into Profits ของ Judy Robinett - คอนเนคชั่นเป็นสิ่งที่คนที่อยากจะได้ดีมีสุข พูดกันบ่อยครั้งมากแล้วมันมีจริงรึเปล่า - หลักของการติดต่อไม่ว่าจะเป็นโรคติดต่อหรือว่าการสื่อสารกัน เราจะได้รู้จักคนเพิ่มจากการมีปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ ด้วย - การจัดลำดับความสำคัญ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อความสัมพันธ์อย่างมาก เช่น บุคคล สถานที่ และเวลา ต้องลำดับให้ดี - ทักษะการสื่อสารก็ย่อมเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่า เราจะมีคนที่รับสารจากการส่งสารของเราได้มากน้อยเพียงใด - บางครั้งเราอาจจะประเมินมูลค่าความสัมพันธ์ผิดไป เช่น บริบทที่เราอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วกำลังเปลี่ยนผ่านไปยังอนาคตเป็นอย่างไร
มีคนมาปรึกษาว่า น้องเราอายุ 16 ปีค่ะ น้องเราบอกว่าไปหาหมอมา แล้วหมอบอกว่าเป็นซึมเศร้า สาเหตุเพราะพ่อแม่ทะเลาะกัน รู้สึกได้รับความกดดันจากแม่ เลยระแวงแม่ ส่วนเรากับพ่อเป็นคนกลางค่ะ เราสงสารน้องที่ป่วยและแม่เราเองก็ไม่ได้เข้าใจน้องเท่าไร ว่าทำไมถึงเป็นต้นเหตุ แม่เราเป็นห่วงน้องนะคะ คอยถามไถ่ว่ากินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ มีเงินใช้พอไหม ลืมบอกไปค่ะว่าน้องเราย้ายไปอยู่บ้านแฟนมา 2 เดือนแล้ว เราก็พยายามเข้าหาพูดคุยด้วย เจรจาต่อรองต่าง ๆ เขาก็ไปอยู่ดู มีความสุขดีค่ะ คำถามก็คือ อยากทราบว่าหน้าที่ของพี่สาวควรทำอย่างไรคะ จะช่วยน้องได้ยังไงบ้าง - โรคซึมเศร้าไม่ใช่ว่าจะแก้ไขกันได้ง่าย ๆ ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนจะหายจากโรคนี้ - บางครั้งก็เกิดจากสารสื่อประสาท บางครั้งเกิดจากเคมีในสมอง และบางครั้งเกิดจากสภาพแวดล้อม ทุกสิ่งล้วนหล่อหลอม - ถ้าอยากช่วยจริง ๆ ก็ช่วยรับฟัง แล้วก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุด สวมรองเท้าเดียวกับคนที่เป็นซึมเศร้า แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเลี่ยงปัญหาใด ๆ ที่ควรเผชิญ - คนเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ใช่ว่าใครเป็นคนผิดเพราะทุกคนมีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ที่แตกต่างกัน เราจะต้องยอมรับความแตกต่างเหล่านั้น - ต่อให้ครอบครัวเป็นครอบครัวที่อบอุ่น อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ก็ไม่ใช่เงื่อนไขที่เกี่ยวโยงกับโรคซึมเศร้าเท่าไหร่ คนปกติอยู่กับคนบ้าก็ไม่จำเป็นต้องบ้าตาม
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "คุณจะรู้สึกดีกว่าเดิมถ้าคุณได้ลองเริ่มต้นทำอะไรบางสิ่งที่มันสำคัญ" - ข้อความกระตุ้นเตือนจิตใจในทุกวัน เราต้องเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ บ้าง เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น - การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจ ไม่ใช่ไปตั้งคำถามมันจนไม่ยอมเปลี่ยนอะไร - ฝึกฝนที่จะปรับที่ตัวเองก่อน ไม่ใช่ไปปรับที่คนอื่นก่อน จุดตั้งต้นคือตัวเราทั้งหมดเสมอ - ถึงแม้ว่าเราจะผิด หรือเราถูกก็ตาม แต่เราก็ต้องทำความเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเริ่มปรับเปลี่ยนบางสิ่ง - ความรู้สึกที่ดีขึ้นกว่าเดิม มันเป็นเพียงแง่งามหนึ่งของธรรมชาติ ไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจเรื่องความรู้สึกแต่ให้มองเรื่องผลลัพธ์ที่ได้รับ
หนังสือ Sex Talks: The Five Conversations That Will Transform Your Love Life ของ Vanessa Marin with Xander Marin - การคุยเรื่องเซ็กซ์จำเป็นแค่ไหน แล้วเราควรจะคุยกับคนรักของเราไหม - เมื่อปัญหาใหญ่ที่สุดที่คู่รักส่วนใหญ่เจอก็คือ การเชื่อมต่อเรื่องบนเตียงกันไม่ได้ - วิธีแก้ไขนั้นไม่ยาก แค่สนทนาเรื่องเซ็กซ์เท่านั้นเอง เช่น ชอบแบบไหน รู้สึกอย่างไร คิดเห็นอย่างไรบ้าง - จุดเล็ก ๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด มันคือจุดที่จะลุกลามไปไกลได้ถ้าไม่รู้จักป้องกัน - การแต่งงานเป็นจุดเริ่มต้น อย่าเพิ่งคาดหวังว่าหลังแต่งจะดีกว่าก่อนแต่ง มันอยู่ที่การสนทนากันหลาย ๆ เรื่องก่อนแต่ง