Campus Diaries

พระเจ้ากับดนตรี    เสียงดนตรีสัมผัสจิตวิญญาณ ดนตรีนำพาไปได้ทั้งดีและไม่ดี เพลงที่ขับเคลื่อนไปในทางที่ดี เช่นเพลงที่โบสถ์ ออกจากโบสถ์ด้วยความอิ่มเอมใจ เพลงจะ pop up ขึ้นมาในเวลาที่เจอปัญหา เราสามารถใช้เพลงฟื้นฟูตัวเอง เพื่อที่เราจะเป็นคนน่ารักขึ้นและพระเจ้าก็ได้รับเกียรติจากชีวิตของเรา หรือส่งเพลง ร้องเพลงให้กำลังใจคนอื่นก็เป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าเช่นกัน

เงินหรือคุณกันแน่...ที่ไม่เคยพอ! ไม่พอใช้ หรือ ไม่พอใจ ถ้าไม่พอใช้ทำไงดีไม่พอใช้คือความไม่สมดุลของรายรับและรายจ่าย1.หารายได้พิเศษ เพิ่มรายรับ2.เพิ่มรายรับ ควบคุมรายจ่าย3.วางแผนการใช้จ่ายที่ดี มีน้อยแต่วางแผนดีก็พอใช้4.จดรายรับรายจ่าย ถ้าไม่พอใจทำไงดีไม่พอใจเกิดจาก สิ่งที่อยาก มากกว่า สิ่งที่มี ทำให้ ไม่พอใจ1.ระมัดระวัง มีสติในการใช้จ่าย2.มีความสุขกับทุกสภาวะที่เป็นอยู่3.อย่าประมาทในพรที่พระเจ้าให้4.ใช้สตางค์ต้องมีสติ

หนังสือ 6 เล่ม ที่นักศึกษาห้ามพลาด !! 1.How to Win Friends & Influence People: Dale Carnegie (1936)พูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ และการพัฒนาตัวเองเป็นหลักการที่เอามาใช้ในชีวิตได้ 2.วิธีพาตัวเองออกจาก กล่อง ใบเล็ก : Leadership and Self-Deception ผู้เขียน The Arbinger Institute ผู้แปล ตวงทอง สรประเสริฐ (2000)เรามีกล่องมาครอบหัว ทำให้เรามองโลกบิดเบือนไป ถอดกล่องออกมาแล้วแก้ปัญหาให้ถูกจุด 3.The Purpose Driven Life : Rick Warren (2002)It not about you โลกเริ่มต้นที่พระเจ้า เราจะทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่รู้จักตัวเอง 4.The Go-Giver : John David Mannอ่านง่าย เป็นเรื่องราวสั้นๆการให้เป็นเหตุให้มีความสุขมากกว่าการรับการสร้างคุณค่าให้คนอื่นสร้างแรงบันดาลใจ 5.Essentialism - The Disciplined Pursuit of Less by Greg McKeownเลือกสิ่งสำคัญจริงๆถ้าเราไม่เลือก คนอื่นจะเลือกให้เรา 6.Eat That Frog! by Brian Tracy (2001)การจัดการจัดการเวลาเหมือนการกินกบถ้ากบตัวใหญ่ให้แบ่งส่วนเริ่มต้นทำสิ่งที่ยากที่สุด ที่เหลือง่ายหมด

เรียนพระคัมภีร์ต่อหรือรับใช้ แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า พระเจ้ามีวิธีของพระองค์ พระเจ้าจะใช้เราในงานของพระองค์ ทุกประสบการณ์ที่เรามี พระเจ้าก็จะเรียกเราทำงานของพระองค์ได้ เรียนต่างประเทศจะทำให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น ถ้าไม่ได้เรียนต่างประเทศก็ลงเรียนในประเทศไทย ดีกว่าไม่ได้เรียน ถ้าไม่มีวินัยเรียน Online ไม่ได้ ใครบ้างไม่ควรไปเรียน อย่าเรียน จนกว่าพระเจ้าจะเรียก ชีวิตไม่พร้อม ด้านภาษา ด้านการทรงเรียก ถ้าพระเจ้าเรียก ให้ตอบรับ ไม่มีวันผิดหวัง

อาจารย์สอนขัดแย้งกับความเชื่อ สิ่งที่เรียนขัดแย้งกับความเชื่อ คริสเตียนไม่เชื่อวิทยาศาสตร์ วิชาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเป็นความคลาดเคลื่อนที่ทำให้รู้ว่าไม่มีพระเจ้า เรียนไปเถอะแต่อย่าไปเชื่อ เกิดการตั้งคำถามแต่ยังไม่ได้คำตอบแบบฟินๆ มนุษย์มีความจำกัดในการเข้าใจ วิทยาศาสตร์พูดถึงกระบวนการที่มองเห็นได้ วิทยาศาสตร์ไม่ได้มาเพื่อตอบว่ามี หรือไม่มี พระเจ้า ถ้าเราปฏิเสธอาจารย์ที่สอนขัดแย้งกับความเชื่ออาจทำให้ขาดโอกาสจะได้หาคำตอบจากน้ำพระทัยของของพระเจ้า ความเชื่อถูกสร้างขึ้นจากความสงสัยและหาคำตอบ

พระเจ้ากับการแพทย์ พระเจ้าสร้างเซลล์ต่างๆมาอย่างสวยงามและซับซ้อน การเรียนแพทย์ทำให้เห็นความซับซ้อนที่พระเจ้าสร้างอย่างไม่บังเอิญ ยิ่งศึกษาธรรมชาติเหมือนได้เปิดประตูไปดูความยิ่งใหญ่ของคนสร้าง แพทย์ได้ค้นพบคู่มือของผู้สร้าง และสามารถเลือกที่จะซ่อมแซมได้ โรคที่สร้างขึ้นมาเอง เช่น เบาหวาน โรคไต เป็นคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตตามที่พระเจ้าออกแบบ ไม่ได้ศึกษาคู่มือ ไม่ได้ใช้งานอย่างที่ควรใช้ เสียสมดุลของร่างกาย ไม่ Math กับสิ่งที่สร้างมา พระเจ้าให้มนุษย์กินธัญพืช ให้พักผ่อน คนไข้คริสเตียนต่างจากคนไข้ทั่วไปเวลาต้องจากไป จะมีความมั่นใจในการจากไป แพทย์มีความเฉพาะทางมากขึ้น อาจลืมมองเรื่องจิตใจ การเข้าใจคนทั้งคน ความรู้สึกของคนรอบข้างของคนไข้ ทำดีที่สุดที่เราทำได้ ส่วนที่ทำไม่ได้ก็ยกให้พระเจ้า เราเชื่อว่าทุกอย่างถูกสร้างโดยพระเจ้า เราทำหน้าที่ตามจุดประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าให้เราดูแลชีวิต สิ่งที่มีความหมายที่สุดในโลก

พระเจ้ากับศิลปะ “โลกที่ไม่มีศิลปะ ก็ไม่มีอะไรเลย” ศิลปะเป็นส่วนหนึ่งที่พระเจ้าสร้างสิ่งสวยงามและหลากหลาย เป็นการแสดงออกถึงความสร้างสรรค์ ไม่ใช่ตรรก ไม่ใช่อะไรที่ถูกหรือผิด เป็นเรื่องของรสนิยม ทำไมศิลปะสำคัญกับโลก ทั้งโลกเป็นของพระเจ้าที่งดงาม ขาดไม่ได้ โลกที่ไม่มีศิลปะก็ไม่ใช่โลก เราไม่มองคนเป็นธาตุเรามองคนเป็นคน เป็นตัวตนที่ไม่ซ้ำใครในโลก ถ้ามีแต่เหตุผลโลกจะน่าเบื่อ ศิลปะส่งความหมายให้โลกได้ หน้าที่ของศิลปะคือ สะท้อนความถูกต้อง ความหมายของชีวิต สังคมที่ควรจะเป็นคืออะไร ศิลปะทรงพลัง และเราสามารถสร้างสรรค์ศิลปะเพื่อรับใช้พระเจ้าได้

วิธีเลือก "งานแรก" ในชีวิต 1.งานแรกคืองานที่ทำให้มีโอกาสค้นพบตัวเอง ไม่มีสูตรตายตัวว่าจะอยู่ยริษัทเล็กหรือใหญ่ เราต้องพยายามค้นพบศักยภาพในตัวเรา2.เลือกงานที่จะได้รับประสบการณ์มากกว่าค่าตอบแทน สิ่งสำคัญคือเราสร้าง Value ได้ วัยเรามีโอกาสเปิดรับประสบการณ์มากที่สุด ถ้าเราทำงานในที่ที่ทำงานสบาย เราอาจจะไม่ค่อยได้เรียนรู้อะไร และวัฒนธรรมองค์กรก็มีส่วนในการที่จะได้เรียนรู้ จากเพื่อนร่วมงานที่ดี3.งานแรกทำให้ดีที่สุด เพราะเป็น Reference หลักในการเปลี่ยนไปทำงานที่สองหรือเลื่อนตำแหน่งในบริษัทเดิม  เราอาจจะไม่ต้องประสบความสำเร็จเร็วเกินไป ทุกคนมีเวลาของตัวเอง อย่ากดดันตัวเองจนไม่มีความสุข ทำในสิ่งที่มีความหมาย  

จบมาทำงานไม่ตรงสาย...?! มีข่าวเกิดขึ้น นักศึกษากระโดดตึกตาย และพ่อแม่ให้เหตุผลว่าลูกเครียดเพราะทำงานไม่ตรงสาย Surprise แรก วิชาที่เรียนในมหาวิทยาลัย ทำให้มีพื้นฐานในการต่อยอด เราได้เรียนรู้วิชาแห่งชีวิตและระบบความคิดโดยไม่รู้ตัว หรือ Solf skill Surprise สอง เราใช้ Solf skill มากกว่า Hard skill ในการทำงาน ไม่ว่าเราจะเรียนสาขาใด เราจะได้ใช้ Solf skill ในการทำงาน สำหรับคนที่ทำงานไม่ตรงสาย ลองสำรวจชีวิตไปก่อน และการทำงานไม่ตรงสายไม่ใช่ความล้มเหลวในชีวิต หรือการเปลี่ยนงานก็ไม่ใช่ความล้มเหลวในชีวิต

คริสเตียนกับการเมือง    การเมืองเป็นเรื่องต้องห้ามในการคุยกันในครอบครัวและวงเพื่อน แต่ชวิตเราหนีไม่พ้นการเมือง เพราะการเมืองคือการจัดสรรทรัพยากร จัดสรรผลประโยชน์สาธารณะ จัดการชุมชน เกี่ยวข้องกับเราโดยแยกไม่ออก ซึ่งมีกลึ่มได้ประโยชน์เสียประโยชน์ มีคนพยายามทำให้การเมืองเป็นเรื่องสกปรก คนดีๆก็ไม่อยากยุ่ง   คริสเตียนเราต้องเป็นเกลือและแสงสว่าง การเมืองเป็นจุดเริ่มต้นกำหนดนโยบายต่างๆ ถ้าคริสเตียนไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแล้วเราจะเปลี่ยนสังคมได้มากน้อยแค่ไหน?เอาอคติออกไป เริ่มด้วยทัศนคติที่ถูกต้อง เราเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง พระเจ้ามอบสิทธิให้เราดูแล เราต้องมีสติปัญญาเพราะโลกนี้มีปัญหา จุดตะเกียงดีกว่ากว่าด่าความมืด ต้องฝึกรักษาสิทธิ์ตัวเอง และไม่ละเมิดสิทธิ์คนอื่น เคารพซึ่งกันและกัน

พระเจ้ากับสื่อ    เราอยู่ในโลกที่ใครๆก็เป็นเจ้าของสื่อ “ถ้าคุณควบคุมสื่อได้เราก็ควบคุมวัฒนธรรมได้” คนที่มีโทรศัพท์มือถือหรือมีโซเชียลมีเดียเป็นของตัวเองเราก็เป็นเจ้าของสื่อได้    พี่อีฟชอบทำงานกับคนและมวลชน สนุกกับการใช้สื่อ เพราะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลา เป็นเสนห์ของการทำงานด้านสื่อ ที่ทำสิ่งที่ไม่จำเจ พี่อีฟของ Influence สังคมด้วยหลักการของพระเจ้า เพราะสามารถส่งสารได้กว้าง เร็ว และมีพลังที่สุด ซึ่งความสนุกก็เป็นกับดักในงานด้านนี้ ต้องใช้พลังงานและเวลาเยอะมาก ดึงเวลาของเรากับพระเจ้าไปเยอะ พี่อีฟภูมิใจกับหนังเรื่อง The Down ที่พูดถึงเด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรมในประเทศไทย เพื่อให้เห็นคุณค่ามนุษย์ และเชื่อในคุณค่าของคน ค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ผลของงานเสมอไป    สำหรับน้องๆที่กำลังจะเข้ามาทำงานด้านสื่อ พี่อีฟแนะในให้เราสร้างชีวิตของเรากับพระเจ้าให้แข็งแรง เพื่อให้เรามีเกราะป้องกัน และนำไปสู่สิ่งที่เราทำ ซึ่งเป็นเป้าหมายในการทำงาน

เมื่อความเชื่อถูกสั่นคลอน    เมื่อพี่อีฟเข้ามาเป็นคริสเตียนในช่วงมหาวิทยาลัย ช่วง ม.4 ขึ้น ม.5 และพี่อีฟก็ทุ่มเทกับงานรับใช้ในโบสถ์ จนทำให้ครอบครัวต่อต้าน ตัดค่าขนม โดนล๊อคห้อง ล๊อคบ้านไม่ยอมให้ออกจากบ้าน ต้องปีนรั้วออกจากบ้านเพื่อไปโบสถ์ เพื่อนไม่ยุ่งด้วยหาว่าแปลกประหลาด ถูกสั่นคลอนด้านความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อน แต่พี่อีฟก็ยังรักษาจุดยืน และวางใจในพระเจ้า โดยเริ่มจากการทำความรู้จักกับพระเจ้าจริงๆ และวางใจในพระเจ้าว่าทุกๆ การทดสอบไม่มีอะไรเกินความสามารถ สร้างให้พี่อีฟเติบโต

เลือกหัวข้อ Thesis ยังไงดี หลักการ 3ต ในการเลือกหัวข้อ Thesis ต แรก ตัวเรา ให้เราเริ่มต้นจากสิ่งที่เรารัก ถ้าไม่เลือกจากสิ่งที่รักจะทรมานมากเพราะเราต้องอยู่กับมันไปนาน ต สอง ตลาด ดูว่าชาวบ้านสนใจอะไร และหัวข้อเราต่อยอดทางธุรกิจได้หรือไม่ ต สาม ตามพระทัย อธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้า และให้งานที่ทำส่งผลดีต่อสังคม

ทะเลาะกับเพื่อนทำไงดี? สิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานกลุ่มไม่ใช่ตัวงาน แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนในกลุ่ม วิธีแก้ปัญหา 1.เริ่มต้นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เริ่มด้วยการคุยกันแบบ 1 ต่อ 1 มีเจตนาในการการเข้าไปคุยคือ “การคืนดี” อย่าเพิ่งเอาเรื่องไปโพสบน social media เพราะจะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่2.อย่าเข้าไปคุยตอนเราโกรธ เพราะตอนเราโกรธเราจะโง่ “เวลาแมลงวันเกาะหัวเพื่อนอย่าเอาค้อนไปตี”...เอามือพัดมันก็ไปแล้ว3.ตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าเราไม่พอใจเรื่องอะไร เข้าใจตัวเองก่อน ตั้งเป้าหมายให้ถูก ให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ Clarify เปิดโอกาสให้เราและอีกฝ่ายได้พูด4.เริ่มคุยก่อน การคืนดีเป็น Pro active5.ขอโทษก่อนอย่างจริงใจ  อย่าให้เรื่อง Drama ทำให้เราสูญเสียเรื่องราวดีๆในมหาวิทยาลัยไป ให้เรามีความรักเป็นศูนย์กลางในชีวิต

4 หนังที่นักศึกษาห้ามพลาดอย่างแรง! 1.Dead Poets Society (1989)หนังกล่าวถึงโรงเรียนที่ conservative มีคุณครูเข้ามาใหม่สอนวรรณกรรม ทำให้เด็กๆกล้าตั้งคำถาม กล้สใช้ชีวิต เป็นหนัง coming of age ดูง่าย และมีโควตคำพูดที่ดังมาก “Seize the day” จงฉกฉวยวันเวลาของคุณไว้ 2.3 Idiots (2009)เป็นหนังตลกอินเดีย พูดถึงเพื่อนรัก 3 คนที่เข้าไปเรียนมหาวิทยาลัย เป็นหนังที่วิพากษ์การศึกษา มหาวิทยาลัยที่ปั๊มคนอย่างเดียว ศิลปะในการใช้ชีวิตหายไป 3.Gattaca (1997)หนังโลกอนาคต คัดกรองพันธุกรรม ทุกอย่างตัดสินที่ DNA พระเอกเป็นคนยีนส์ด้อยและอยากไปดาวอังคาร เพราะไม่มีเรื่องการตรวจ DNA พยายามต่อสู้กับข้อจำกัด ให้ข้อคิดเรื่องเราไม่จำเป็นต้องยอมต่อข้อจำกัด 4.The Social Network (2010)พูดถึง Mark Zuckerberg ที่ใช้ชีวิตนักศึกษาในการทำเรื่องเล็กๆให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ เป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจ

รับเชื่อแล้ว บอกที่บ้านยังไงดี?     ประเทศไทยเป็นประเทศเสรีในการนับถือศาสนา เรานับถือศาสนาอะไรก็ได้ ไม่มีแรงกดดันด้านกฎหมายแต่มีแรงกดดันด้านสังคมเยอะ โดยรวมเป็นศาสนาพุทธ พี่กั๊กมาเป็นคริสเตียนในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย และไม่สามารถบอกพ่อแม่ได้ว่าเป็นคริสเตียน เทคนิคของพี่กั๊ก 1.สายเงียบ ไม่ได้บอกพ่อแม่ แต่แอบไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ แอบไปเซลล์ 2.เริ่มหยอด เริ่มบอกแม่ว่าวันอาทิตย์ไปเรียนภาษาอังกฤษที่โบสถ์ ก็โดนแม่เตือนให้ระวังอย่าเปลี่ยนศาสนา 3.เริ่มใช้คำพูด “พระเจ้าอวยพร” “อธิษฐานเผื่อ” 4.เริ่มจู่โจม และโดนทางบ้านแอนตี้อย่างหนัก   เกิดเหตุการพี่กี๊กป่วยเข้าโรงพยาบาล มีเพื่อนคริสเตียนเอาดอกไม้ เอาการ์ดมาให้ มีอธิษฐานเผื่อ และแม่ก็ได้เห็นความรักระหว่างพี่น้องคริสเตียนที่เกิดขึ้น   หลักการจากพี่อ๋องและพี่กั๊ก 1.ไม่ใช้สติปัญญาของเราที่จะวางแผนบอกพ่อแม่ยังไง 2.จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา 3.คนที่บ้าน “ตาดีกว่าหู” 4.ประนีประนอม  

การลงทุนในมหาวิทยาลัย “ออมก่อนรวยกว่า” เงินเติบโตได้ด้วย 3 ปัจจัยเวลา (ยิ่งนานยิ่งทบได้เยอะ)ผลตอบแทน High risk high returnจำนวนเงินก้อนแรก ถ้าเยอะจะทบได้เยอะ การเพิ่มรายได้ คือการประหยัดรายจ่ายรายจ่ายมี 3 แบบ1.รายจ่ายที่ใช้แล้วหมดไป2.รายจ่ายที่ใช้แล้วเสื่อมคุณภาพ3.รายจ่ายที่จ่ายแล้วเพิ่มมูลค่าในอนาคต เช่น ลงทุนในความรู้ ซื้อหนังสือ ซื้อกองทุน หรือลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อน ส่วนสำคัญของการเงินคือ “ระเบียบวินัย” ทำทีละนิด ค่อยๆเพิ่ม ต้องใช้เวลา ไม่มีทางลัด  

ทำงานระหว่างเรียน เรียนงานระหว่างทำ ข้อดีของการทำงานระหว่างเรียน ทำให้มีไฟในการหาความรู้ในสิ่งที่ออกไปสอนพิเศษ รู้จักการจัดสรรเวลา มีความรักบผิดชอบมากขึ้น เห็นความชัดเจนในอาชีพในอนาคต ข้อเสียของการทำงานระหว่างเรียน ไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อน รากของความทะเยอทะยาน ทำให้เราไม่พึ่งพาครอบครัวหรือพระเจ้า ขาดการพักผ่อน อาจทำให้เสียสุขภาพ แนะนำ Be realistic ไม่ให้การทำงานโหลดจนเกินไป อย่างการเรียน Be relevance ทำสิ่งที่สอดคลองกับสิ่งที่เรียนเพื่อเสริมสร้างตัวเองได้

ความรู้นอกรั้ว จบมาไม่ได้ใช้สิ่งที่เรียนมาเลย ความรู้มหาวิทยาลัยคือด้านวิชาการ เราควรมีความรู้ 2 ด้าน เก่งที่เราต้องเชี่ยวชาญด้านอาชีพและเก่งอีกเรื่องนึงแล้วมันจะทำให้เราทำอะไรบางอย่างที่ชาวบ้านทำไม่ได้ Robert J. Lang นักฟิสิก นักคณิตศาสตร์ ที่พับกระดาษ Origami ตอนอายุ 40 เขาลาออกจากวิศวกร มาพับ Origami โดยตรง พับจนเป็นนวัตกรรม พับอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เล็กเพื่อให้ไปขยายในหลอดเลือด พับ Airbag ให้เล็กที่สุดแต่บานได้มากที่สุด นาซ่าให้เขาพับ Lens ถ่ายรูปนอกโลก ใส่ไปกับกระสวยอวกาศเพื่อให้สามารถบานออกมาได้ ถ้าเราเก่งด้านเดียวเราก็ทำได้เหมือนกันหมด พี่กั๊กเป็นมนุษย์ Introvert ไม่กล้าพูดกับคนอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นน้อย อยากทลายกำแพงนี้จึงไปลงเรียนการละคร อยู่ในโรงละคร 1 เดือน หลังจากเรียนทำให้กล้าพูด กล้าคิด มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น และกล้าแสดงความคิดของตัวเองมากขึ้น เข้าใจความเป็นไปของพฤติกรรมต่างๆในสังคม เข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่นมากขึ้น Soft skill สำคัญมาก และเทรนยากกว่า Skill อื่นๆ พี่กั๊กไปเป็นผู้ช่วยเชฟ นอกรั้วในโรงครัว ร้านอาหารเกาหลีในประเทศอังกฤษเชฟสอนให้คิดอย่างเป็นระบบ ไม่จำเป็นต้อง Work hard แต่ Work smart ซึ่งมหาวิทยาลัยไม่ต้องสอน ต้องเอาตัวเองออกไปนอกรั้ว เป็นการเรียนแบบ Active learning ใช้สติปัญญาในการใช้ชีวิต

จบตรี ต่อโท ทำเอก นี่สิครบสูตร? เราเจอความสับสนในชีวิตทุกๆช่วง ชีวิตของเรา ตัดสินใจยังไงดี เริ่มต้นที่เป้าหมายอนาคตที่ตอบโจทย์ 2 อย่าง 1.ความสนใจส่วนตัว 2.สิ่งที่พระเจ้าเรียกให้เราทำ ถ้าเราทำงานด้านวิชาการ จำเป็นต้องเรียนต่อ เรียนต่อแต่ไม่ได้เรียนต่อทันที เข้าไปเรียนอย่างมีเป้าหมาย แต่ต้องปรับโหมดความคิดในการกลับเข้ามาเรียน เรียนต่อคนละสายกับที่เรียนมา เป็นการเริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นจากเป้าหมาย รู้ได้ด้วยหลักการ 4P Passion ความชอบความปรารถนาของเรา Profession อาชีพที่เราทำ การเรียนตอบโจทย์หรือไม่ Practicality เน้นเชิงปฏิบัติ การลาออกจากงานเพื่อมาเรียน มีผลต่องานหรือไม่ Pray อธิษฐานกับพระเจ้า พระเจ้าวางเราไว้ยังไงในอนาคต

พระเจ้ากับวิทยาศาสตร์ ep. 2 The selfish gene / Richard Dawkins ฝ่าย Compliment Prof.Francis Collin แต่งหนังสือ The language of God Prof.ได้ความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านการศึกษาเรื่องพันธุกรรม ความซับซ้อนของพันธุกรรมบ่งบอกฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า พระเจ้าให้หนังสือ 2 อย่าง คือ Book of law และ Book of nature ถ้าเราไม่มีพื้นฐานทางพระคัมภีร์ก็เชื่อมโยงได้ยาก ถ้าเราจะสร้างสะพาน ต้องสร้างจากทั้งสองฝั่งเพื่อให้มาเชื่อมกัน จุลชีววิทยา Micro biology สะท้อนความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระผู้สร้างใส่ Signature ลงไปในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในกลไกระดับพันธุกรรม ความซับซ้อนทำให้เห็นความสวยงาม

พระเจ้ากับวิทยาศาสตร์ ep. 1 พระเจ้ากับวิทยาศาสตร์ไปด้วยกันได้หรือไม่ รูปแบบ Conflict ความเชื่อชนะทุกอย่าง ความเชื่ออยู่เหนือทุกสิ่ง รูปแบบ Contrast / Compartment วิทยาศาสตร์ตอบคำถาม How ความเชื่อตอบคำถาม Why รูปแบบ Compliment วิทยาศาสตร์ถาม 1 คำถาม ความเชื่อถาม 1 คำถาม ต้องใช้องค์ประกอบของทั้งสองคำถาม จุดอ่อนของ Conflict คือคนที่เอาตัวเองเป็นใหญ่ เป็นการก้าวล้ำอาณาเขตของคนอื่น จุดอ่อนของ Contrast คือความสับสนและสั่นคลอนทางความเชื่อ Compliment เป็นการเสริมกัน ทุกอย่างถูกสร้างโดยพระเจ้า

รักกับคนไม่เป็นคริสเตียน ทำไงล่ะทีนี้? เราหลงรักคนไม่เป็นคริสเตียนง่าย แต่งงานกับคนที่มีความเชื่อเดียวกันดีที่สุด How to 1.จะคบกับใครให้คิดถึงเรื่องแต่งงาน พระคัมภีร์ไม่เจอคำว่าแฟน คนในพระคัมภีร์จีบกันจะคุยเรื่องการแต่งงานอย่างเดียว 2.ยังไงกไม่แต่งงานกับคนไม่เป็นคริสเตียนเด็ดขาด แสดงจุดยืนและมีความหนักแน่น 3.มาตรฐานการใช้วิตต้องดีขึ้น เป็นพระพรให้แก่กัน ความเชื่อสำคัญกับชีวิตคู่ How to ถ้าเป็นแฟนกันไปแล้ว ใช้โอกาสประกาศเรื่องราวของพระเจ้า ถ้าเขาไม่เปิดใจแม้ว่าจะใช้เวลานานแล้ว เราก็ต้องพิจารณาเรื่องการตัดใจ

การจัดการเวลา ชีวิตนักศึกษาเป็นวัยที่ยุ่งมาก เรียนหนัก มีแฟนดูแลแฟน ทำกิจกรรมกับเพื่อน อ่านหนังสือ Work Life Balance ไม่มีอยู่จริง เราไม่สามารถจัดการเวลาได้ การจัดการที่แท้จริงคือ การจัดการตัวเอง จัดการเวลาด้วยหลัก 3P Priority การจัดลำดับความสำคัญ ไม่ใช่ทำให้มากในเวลาเท่าเดิม แต่เลือกทำเฉพาะสิ่งสำคัญ หรือทำให้น้อยลง Plan การวางแผน ถ้าเราไม่จัดการชีวิตตัวเอง คนอื่นจะจัดการให้เรา และทุก 1 นาทีที่เราวางแผนจะประหยัดเวลาไป 10 นาที Perform ทำให้เป็นนิสัย

ดื่มเหล้า=บาป จริงหรือ? มีตัวตนที่สนุกสนานในวงเหล้า ตอนไม่เป็นคริสเตียน วัฒนธรรมการกินเหล้าของโลกมากที่สุด เมาหัวราน้ำ อันดับ 1 ประเทศเกาหลี อันดับ 2 ประเทศไทย ขอแข็ง มีคุณค่าบางอย่างทำให้ดูแมนขึ้น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกิดจากการหมักอยู่คู่กับเรามาตลอด ตัวอย่างแอลกอฮอล์ที่ทำให้เดือดร้อน โนอาห์ดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ พระเจ้าไม่ชอบพระทัย ถ้าเมา มีปัญหา เสียการบังคับตน ควบคุมคำพูดไม่ได้ ควบคุมจิตใจที่จะมองเพศตรงข้าม สูญเสียเงินทอง เราสามารถดื่มในวัฒนธรรมที่ดีได้ก็ไม่มีปัญหา วิธีการ เราไม่เข้าร่วมเลยและมีชีวิตที่ดีนอกวงเหล้าที่ชัดเจน ถ้าต้องเข้าวงเหล้าต้องหัดปฏิเสธอย่างสุภาพ ไม่ร่วมวงเหล้าแต่เป็นเพื่อนที่ดีได้ ดูแลเพื่อนที่เมาได้ ร่วมวงเหล้าที่มีคุณภาพดี สามารถเจาะลึกปัญหาชีวิต มุ่งสู่ชีวิตที่เป็นพยานที่ดี

รู้ได้ไงว่าเรามาอยู่ถูกที่หรือเปล่า จบม.6 เข้า ปี 1 เป็นระยะตื่นเต้น เจออะไรใหม่ๆ เราจะไม่ค่อยตั้งคำถามว่าเรามาอยู่ถูกที่หรือเปล่า? เราจะเกิดคำถามในระยะ ต๊วมเตี๊ยม มีความ Drama ขึ้นในชีวิต เคยชินกับบางอย่างทำให้เกิดคำถาม จะรู้ได้ไงว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบหรือเรามาอยู่ผิดที่จริงๆ ความผิดหวังเวลา Down อาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ถ้าเราตั้งคำถามบ่อยไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใด อาจเป็นได้ว่าเรามาอยู่ผิดที่ การตัดสินใจเปลี่ยนเป็นการท้าทาย แต่ไม่ใช่สิ่งเสียหายหรือจุดจบ พระเจ้าจัดเตรียมชีวิตของเรา ถามพระเจ้าว่าพระเจ้ามีแผนการอะไรในชีวิตของเรา

ตกมีนทำไงดี มหาวิทยาลัยใช้การตัดคะแนนแบบอิงกลุ่ม วันที่คะแนนออกแล้วรู้ว่าตกมีนก็เกิดความเครียด ใบประกาศคะแนนเป็นภาพการเปรียบเทียบ ตกมีนไม่ทำให้รู้สึกดีเพราะเกิดจากการเปรียบเทียบ ต้องปรับที่ตัวเอง ไม่เอาชนะใคร ต้องเอาชนะตัวเอง ให้สิ่งที่เรียนถวายเกียรติแด่พระเจ้า ใช้ความอดทนและตั้งใจ ดูผลกระทบในระยะยาว ถ้าตกมีนหลายวิชา ให้เลือกดูวิชาที่สามารถกลั้นใจได้ก็ไม่ต้องถอนวิชา แต่ถ้าเป็นวิชาที่พยายามแล้วยังไม่ได้ก็ควรจะถอนวิชานั้น ไม่ตามเพื่อน ตัดสินใจด้วยมุมมองของตัวเอง

พระเจ้าเกี่ยวอะไรกับวิชาเรียน? เรื่องราวของพระเจ้าไม่ใช่แค่วันอาทิตย์ วันอาทิตย์เหมือนไปติว พระลักษณะของพระเจ้า วันอื่นๆ คือการไปทดสอบชีวิตของเราผ่านการไปเรียน เราควรมี Christian mind set ให้คนเห็นการติดตามพระเจ้าในชีวิตของเรา พระลักษณะของพระเจ้าจะต้องติดตัวเราไปในสถานศึกษา

สะบาโตวันพัก...งั้นพักไปโบสถ์ได้ไหม? ช่วงมัธยมไปโบสถ์ได้ 3 วันต่ออาทิตย์ แต่มหาวิทยาลัยไปโบสถ์ได้น้อย รู้สึกผิด วันสะบาโตทางพระคัมภีร์ ให้เรายึดไว้ เราจำเป็นต้องเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ การมาโบสถ์เป็นเรื่องสำคัญระหว่างเรากับพระเจ้า การนมัสการพระเจ้าทำที่ไหนก็ได้ การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่ไหนก็ได้ ก็ไม่ผิดยกตัวอย่างคู่สามีภรรยาที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ จะตั้งเวลาออกเดต เพื่อให้ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน มีการเติบโตในความสัมพันธ์ การไม่ไปโบสถ์เป็นความสัมพันธ์อันฉาบฉวย และไม่เติบโต การไปโบสถ์ไม่ใช่การเคร่งครัดศาสนา การมาโบสถ์ทำให้เรามีสามัคคีธรรมกับพี่น้อง มีการรับผิดชอบร่วมกัน คนหนึ่งทำบาปอีกคนก็ช่วยรับผิดชอบ เป็นการเติบโตอย่างแท้จริง Priority ให้ดี ถ้าเป็นนักศึกษายังจัดลำดับความสำคัญไม่ได้ เราก็จัดไม่ได้ไปตลอด การไปโบสถ์คือช่วงเวลาแห่งการเติบโต ถ้าต้องรับใช้ในโบสถ์ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ก็ฝึกรับใช้ เพื่อค้นพบศักยภาพที่พระเจ้าให้

เกรด ตัวชี้วัดชีวิต? เกรดสำคัญ เพราะคนรอบตัวเราบอกว่าสำคัญ ความสำเร็จของคนวัดได้ด้วยเกรด จริงหรือ? เกรดเป็นกติกาที่วางไว้วัดมาตรฐาน เกรดสำคัญในงานแนววิชาการ เกรดเป็นผลลัพธ์ไม่ใช่เป้าหมาย ถ้าตั้งเป้าหมายผิดเราจะเสียสิ่งที่ควรจะได้ คนเรียนเก่งมักเกรดดี แต่คนเกรดดีไม่ได้แปลว่าเรียนเก่ง เกรดไม่ได้สำคัญเป็นทุกอย่างของชีวิต หลุดจากกับดัก GPA หันมา Focus สิ่งที่เราทำได้ดี

"เตรียมสอบ" ให้มากกว่าแค่ "สอบผ่าน" บางคนอ่านหนังสือน้อยได้คะแนนเยอะ บางคนอ่านหนังสือเยอะได้คะแนนน้อย   เคล็ดลับการเตรียมตัวสอบ การสอบเป็น Process (กระบวนการเรียนรู้) ไม่ใช่ Event สอนคนอื่น ติวให้เพื่อน 4P / 1.Passion 2.Patient 3.Practice 4.Prove it ทยอยอ่านตอนเรียน นอนให้พอ อธิษฐานขอการเรียนรู้ ไม่ใช่ผลสอบ

ความสับสนระหว่างความสัมพันธ์ เพื่อน เพื่อนสนิท แฟน    พี่อ๋องอยู่โรงเรียนชายล้วน ไม่เคยมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิง เข้ามาอยู่มหาวิทยาลัยต้องทำงานกับเพื่อนผู้หญิง และเกิดความสัมพันธ์ที่สับสน หรืออีกกลุ่มหนึ่งใช้ความสัมพันธ์ประเภทนี้เป็นผลประโยชน์  วิธีการสังเกต1.มีคำถาม “เขาทำแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่า” ต้องสื่อสาร เพราะถ้าเราไม่สื่อสารจะทำให้เรามโน2.สังเกตว่าเขามี “คำพูดพิเศษ เวลาพิเศษ ของขวัญพิเศษ” ให้กับเราหรือไม่ ถ้าเราไม่รู้สึกพิเศษอย่าทำแบบนี้กับใคร3.ความสัมพันธ์ที่ดีต้องไม่คลุมเครือ ต้องบอกได้ว่าเป็นยังไง    สำหรับคนที่เป็นแฟน ต้องใช้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ ถ้าจะคบใครเป็นแฟนก็มองถึงการแต่งงาน ถ้าเราพร้อมจะจริงจังกับใครจะมีภาพอนาคต และเราต้องมีพระเจ้าอยู่ตรงกลางระหว่างความสัมพันธ์     พี่อีฟฝากเรื่องการมี Sex ก่อนแต่งงานว่าไม่ควรมี เพราะไม่เป็นผลดี ควรเก็บ Sex ไว้ในเวลาที่เราแต่งงานแล้ว เพราะถ้าพลาดไปแล้วผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย พี่อ๋องพูดถึงผู้ชายก็เสียเหมือนกัน มีเพื่อนพี่อ๋องที่ไม่สามารถหยุดการมี Sex นอกสมรสได้ จากการที่มี Sex ก่อนแต่งงานมานาน แต่ถึงอย่างไรพี่อีฟก็ฝากว่าถึงจะพลาดไปแล้วพระเจ้าก็ให้อภัยแต่ก็ต้องตั้งใจกับพระเจ้ามากๆในเรื่องนี้    

เพื่อนมัธยม VS เพื่อนมหาลัย เพื่อนมัธยมเป็นเพื่อนตาย หาเพื่อนใหม่ในมหาวิทยาลัยไม่ได้ ความเครียดเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ในมหาวิทยาลัย เหนื่อยกับความสัมพันธ์ที่ไม่เข้ากับเพื่อนใหม่ ความสัมพันธ์เป็นการสร้าง Buid Relationship เป็นตัวของตัวเองเพื่อสร้างความสัมพันะ์ระยะยาว เราไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนพอใจ จงปฏิบัติต่อผู้อื่น เหมือนที่อยากให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน

องค์ประกอบในการประสบความสำเร็จ   เราติดกับดักคำว่า “ความสำเร็จ” โดยที่ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร ความสำเร็จแลกกับความล้มเหลวหลายอย่าง เช่น การเรียนดีแต่สุขภาพแย่ แต่องค์รวมของการประสบความสำเร็จไม่ได้มีแค่ด้านใดด้านหนึ่ง องค์ประกอบโดยรวมของความสำเร็จมีดังนี้  1.มีเป้าหมายในชีวิต ต้องรู้ตัวว่าเราจะไปทิศทางไหน Calling ของเราคืออะไร “อย่าให้ใครมาขโมยความฝันของเรา”  2.ต้นทุนชีวิต เป็นทรัพยากรที่เรามีอยู่ ต้นทุนมากไปได้เร็ว ต้นทุนดีไปได้แรง    2.1 ความฝัน เราสร้างด้วยตัวเอง ฝันไกลทำให้มีพลัง    2.2 ความรู้ ต้องสะสม ใครมีความรู้ มีโอกาสไปได้เร็ว แรง    2.3 ความ Fit ด้านร่างกาย ร่างกายต้องแข็งแรง อย่างน้อยที่สุดอย่าทำลายร่างกาย  3.ทักษะชีวิต ทักษะด้าน การพูด - การฟัง ทักษะด้าน การเป็นผู้นำ - ผู้ตาม ทักษะด้าน การศึกษา - การเรียนรู้ อย่ามุ่งแต่ห้องเรียน กาความรู้ให้เจอ ทักษะ อยู่คนเดียวให้เป็น เห็นคุณค่าในตัวเอง - อยู่กับคนอื่นให้เป็น ปรับตัวเก่ง ทักษะ หาเงิน - ใช้เงิน ทักษะ เพิ่มเวลา อย่าให้อะไรมารบกวน เพิ่มเวลาที่มีคุณค่าได้ - ลดเวลาที่ไม่มีคุณค่าได้   4.ที่ปรึกษาชีวิต ที่ปรึกษาชีวิตที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เด็กควรฟังผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่อาจมีความรู้ไม่เท่ากันแต่มีประสบการณ์มากกว่า และจะได้ไม่พลาดอย่างที่เขาเคยพลาด

รับน้อง SOTUS เข้าร่วมได้ไหม? SOTUS รูปแบบการฝึกฝนชีวิต เริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยป่าไม้ เช่น ม.เกษตร ม.แม่โจ้ Seniority การเคารพผู้อาวุโส Order การมีระเบียบวินัย Tradition ประเพณีที่ดีงาม Unity การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน Spirit เป็นการทำเพื่อสถาบัน ปัจจุบันรุ่นพี่ใช้อำนาจเกินขอบเขต เช่น ให้คนไหว้ มีการเสียชีวิต SOTUS เชิงหลักการณ์ดี มหาวิทยาลัยควรจะมีความเท่าเทียมกัน มีเสรีภาพในการตั้งคำถาม เปลี่ยนมุมมอง SOTUS ที่เราจะเข้าร่วมอย่างมีความหมาย Self regulated การควบคุมตนเอง Obedience การเชื่อฟัง Truthful รักษาไว้ซึ่งความจริง Unshaken ไม่สั่นคลอน รักษาความเค็มเหมือนเกลือ รักษาแสงในตัว Spirit ใช้ชีวิตตามการทรงนำของพระวิญญาณ ใครอยากเป็นใหญ่ ให้ถ่อมใจรับใช้คนอื่น คือการได้รับเกียรติอย่างแท้จริง รับน้อง ไม่ได้เป็นกิจกรรมเดียวในมหาวิทยาลัย

บ๊าย..บาย มัธยม การเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่วัยมหาวิทยาลัย เด็กต่างจังหวัดมาอยู่กรุงเทพฯ ปรับตัวยังไง? อิสรภาพที่มากขึ้น ต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น การรับผิดชอบตัวเองเรื่องการเรียนและการสอบ ที่เราได้รู้ว่าไม่ต้องเข้าห้องเรียนก็ได้ ได้เงินเป็นรายเดือน บริหารยังไงให้มีชีวิตอยู่รอด? ห่างไกลการดูแลจากครอบครัว ความห่างไกลที่จะทำให้เราเข้มแข็งแรงขึ้น เรียนรู้ที่จะดูแลความสัมพันธ์กับครอบครัว สรุปการปรับตัว เวลา การเรียน การเงิน เตรียมรับมือการห่างไกลครอบครัว การเที่ยวกลางคืน

ทำไมต้องเรียนมหาวิทยาลัย ไม่จำเป็นต้องเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้ ? เราเรียนมหาวิทยาลัยไปเพื่ออะไร ? รู้ว่าตัวเองรักอะไรเป็นปัญหาใหญ่โลกแตก Education มีความหมายอยู่ 3 ด้าน ถ้าเราเข้ามหาลัยแต่ไม่มี Education ก็ได้แค่ใบปริญญา จบปริญญาตรีไม่ใช่เรื่องสำเร็จแต่เป็นเรื่องเริ่มต้น ไม่จำเป็นต้องเรียนมหาลัยแต่เราต้องค้นหาตัวเองให้เจอ มหาลัยไทยไม่ค่อยน่าเรียน การจำความรู้ไม่สำคัญเท่าการเรียนรู้วิธีที่จะ acquire ความรู้ในอนาคต